แชร์

ตอนที่ 3 สำรวจมิติ

ผู้เขียน: ต้าซินซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-11 01:01:31

เมื่อถึงปลายยามโหย่ว หลังจากที่ทุกคนทานมื้อเย็นเสร็จ และเก็บจานชามไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะทานข้าวอีกครั้ง และเป็นท่านพ่อที่เอ่ยถาม เรื่องที่ลู่ชิงอยากจะพูดคุยกับพวกเขาขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ สำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างมาก เพราะเมื่อก่อนลู่ชิงจะพูดน้อยและทำตัวเงียบ ๆ หากไม่มีผู้ใดถามนาง ก็จะทำงานของตนไม่เคยมีข้อสงสัยใด ๆ

“ชิงเอ๋อร์ ท่านแม่ของเจ้าบอกพ่อว่า เจ้ามีเรื่องอยากจะพูดคุยกับพวกเราเช่นนั้นหรือ” ลู่เวินเอ่ยถามบุตรสาว

“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้ามีเรื่องสำคัญมาก อยากจะบอกความจริงบางอย่างกับพวกท่านทุกคน ก่อนที่จะเล่าข้าอยากขอให้พวกท่านตั้งสติและทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะได้ยิน เพราะเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้อาจจะเหลือเชื่อจนเกินไป หรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติก็ว่าได้ แต่มันเกี่ยวข้องกับบุตรสาวคนนี้ของท่าน รวมถึงน้องสาวของพวกท่านสองคนด้วยเจ้าค่ะ” ที่ลู่ชิงพูดเช่นนั้นเพราะอยากให้พวกเขามีสติ กับความจริงที่นางกำลังจะพูดออกไป

“เอาเถอะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร พวกเราทุกคนยินดีที่จะรับฟังทั้งสิ้น เจ้าพูดมันออกมาได้เลยนะชิงเอ๋อร์” เขาอยากจะรู้ว่าบุตรสาวมีเรื่องหนักใจอันใดกันถึงได้ทำสีหน้ากังวลเช่นนั้น

“ลู่ชิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกท่านในตอนนี้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกยังคงเป็นบุตรสาวของท่านพ่อท่านแม่ และเป็นน้องสาวของพี่ชายทั้งสอง แต่ดวงจิตที่อยู่ในร่างกายนี้ กลับไม่ใช่บุตรสาวตัวจริงของท่าน สวีลู่ชิงตัวจริงได้ตายจากไป ตั้งแต่เมื่อเช้ามืดของวันนี้แล้วเจ้าค่ะ และข้าที่เป็นดวงวิญญาณที่ตายจากโลกคู่ขนานอีกโลกหนึ่งอันห่างไกล ถูกท่านเทพชะตาพามาอยู่ในร่างบุตรสาวของพวกท่าน ซึ่งข้าเองได้ให้สัญญากับสวีลู่ชิงไว้แล้วว่า จะช่วยดูแลพวกท่านแทนนางนับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าค่ะ” ข้าเล่าออกไปและสังเกตอาการของทุกคนว่าเป็นอย่างไร แน่นอนว่าท่านแม่ร้องไห้ออกมา ตั้งแต่บอกว่าลู่ชิงตัวจริงนั้นได้ตายไปแล้ว ท่านพ่อกับพี่ชายดูจะเสียใจไม่น้อยแต่ไม่มีน้ำตาให้เห็น

“ขอบอกพวกท่านตามตรง ตัวข้าในโลกแห่งนั้นไม่เป็นที่รักของครอบครัวสักเท่าใดนัก พ่อแม่รักพี่ชายมากถึงมากที่สุด ไม่ว่าพี่ชายอยากได้อะไรต้องการอะไร ล้วนได้ตามที่ต้องการเสมอ แต่กับข้าอยากได้อะไรต้องหามันมา ด้วยกำลังของตนเองเท่านั้น ในใจลึก ๆ ข้าใฝ่ฝันมาตลอดว่า อยากมีครอบครัวที่พ่อแม่รักลูกทุกคน ไม่ว่าจะสตรีหรือบุรุษ

ขอแค่มีครอบครัวที่อบอุ่น ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็เพียงพอ ดังนั้นข้าที่ได้มาเกิดใหม่ ในร่างของบุตรสาวพวกท่าน หากจะขอความเมตตาฝากตัวเป็นบุตรสาว เป็นน้องสาวของพวกท่านจะได้หรือไม่เจ้าคะ” ลู่ชิงคนใหม่พูดถึงเรื่องครอบครัวที่นางใฝ่ฝัน และอยากมีในชีวิตสักครั้งให้กับทุกคนได้ฟัง

“เป็นเพราะพ่ออย่างข้าที่ไม่เอาไหน ปล่อยให้บุตรสาวต้องล้มป่วยจนตาย นี่คงเป็นลิขิตของสวรรค์ ที่บุตรสาวของข้าได้ใช้ชีวิตเพียงแค่สิบสองหนาว ส่วนตัวพวกเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่า จะมีชีวิตอยู่ยืนยาวหรือไม่ ไหน ๆ เรื่องราวมันก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้อะไรได้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เจ้าคือสวีลู่ชิงบุตรสาวคนเล็กของครอบครัวตระกูลสวี” แม้จะเสียใจอยู่ลึก ๆ แต่อย่างน้อยร่างของบุตรสาว ก็ยังได้ทำความดีให้อีกคน ได้เกิดใหม่มีโอกาสใช้ชีวิต

ที่เหลือแทนนาง

“โธ่ชิงเอ๋อร์ลูกแม่ ฮือ ๆ เพราะพวกเราดูแลลูกได้ไม่ดี ทำให้เจ้าต้องจากไปเร็วเช่นนี้ ฮือ ๆ ๆ” ฟางซินเองไม่อยากเชื่อว่าบุตรสาวของนางได้จากโลกนี้ไปแล้ว จึงยังทำใจไม่ได้ขอตัวกลับเข้าห้องไปก่อน

“เจ้าช่วยให้เวลาท่านแม่ได้ทำใจสักพักเถิดนะ พวกเราเองก็เสียใจไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว พวกเราคงต้องยอมรับความจริง เจ้าเองอย่าได้กังวล ขอเพียงไม่ทำร้ายคนในครอบครัว พวกเราก็อยู่ร่วมกันได้ต่อไป และเจ้าก็เกิดอยู่ในร่างของชิงเอ๋อร์ เจ้ายังเป็นน้องสาวของพวกเราสองคนอยู่ดี” ลู่จื้อพูดขึ้นมาอย่างจริงจังและลู่เสียนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย

“อืม อาจื้อพูดถูกแล้วล่ะ พวกเรายังต้องใช้ชีวิตต่อไป ค่อย ๆ ทำความรู้จักนิสัยใจคอกันไป อย่างไรเสียพวกเราก็ตัดใจทิ้งเจ้าไม่ได้อยู่ดี” ลู่เวินยังเคยแอบคิดว่าจะได้เห็นลู่ชิงร่าเริงสดใสบ้าง

“ฮึก ขอบคุณพวกท่านที่ไม่รังเกียจข้า ที่เป็นคนแปลกหน้ามาจากที่อื่น ข้าขอสัญญาว่าต่อจากนี้ไป ความรู้ใดที่ติดตัวมาจากโลกเดิมจะนำทุกอย่างมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ทุกคนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ลู่ชิงคุกเข่าลงและก้มหัวคำนับให้กับพวกเขา

“ข้ายังมีอีกเรื่องที่อยากจะบอกพวกท่านเจ้าค่ะ ถือว่าข้าบริสุทธิ์ใจไม่คิดมีความลับกับพวกท่าน ที่จะให้ข้าอยู่ที่นี่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวตระกูลสวี และเรื่องนี้มันสำคัญมาก หากข้าบอกไปแล้วพวกท่านต้องเก็บเป็นความลับ จะบอกให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ” ลู่ชิงไม่ลืมที่จะบอกพวกเขาเรื่องมิติวิเศษนั่น

“เรื่องสำคัญที่ต้องเก็บเป็นความลับเลยรึ ถ้าเช่นนั้นเจ้าไม่ต้องบอกพวกเราก็ได้” ท่านพ่อถามข้าด้วยความสงสัย ว่าเป็นเรื่องสำคัญอันใด แต่ก็ยังคิดเผื่อว่าไม่ต้องบอกและเก็บไว้กับตัวดีกว่า

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บอกพวกท่านให้รู้ไว้ย่อมดีที่สุด ยามที่พวกท่านเห็นสิ่งแปลก ๆ จะได้ไม่ตกใจจนจับไข้อย่างไรเล่า ตอนนี้จับมือกันไว้และหลับตานะเจ้าคะ หายใจเข้าลึก ๆ ด้วยเจ้าค่ะ ข้าจะพาพวกท่านไปยังที่แห่งหนึ่ง ขอให้พวกท่านมีสติยามที่บอกให้ลืมตา ถ้ามีข้อสงสัยอันใดสามารถถามข้าได้ทันทีเจ้าค่ะ” ทุกคนทำตามที่ลู่ชิงบอกแล้วก็พูดคำว่าเข้ามิติ เพียงวูบเดียวก็พาทุกคนมาโผล่ด้านในของมิติแล้ว

“พวกท่านลืมตาได้แล้วเจ้าค่ะ” ลู่ชิงบอกให้พวกเขาลืมตาทันทีที่เข้ามาในมิติของตน

“ชิงเอ๋อร์!!! นะ นี่เจ้าพาพวกเรามาที่ใดกัน เมื่อครู่ยังอยู่ในบ้านอยู่เลยถ้าท่านแม่ออกมาไม่เจอเล่า” ลู่เสียนตกใจว่าตนเองมาอยู่ที่ใด

“ชิงเอ๋อร์!! เจ้าอาคารนั่นคือสิ่งใด ทำไมมันถึงมีขนาดใหญ่เช่นนั้น ที่เมืองหลวงไม่เคยเห็นมีอาคารเช่นนี้นะ” ลู่จื้อมองดูอาคารรูปร่างแปลกตาไปรอบ ๆ

“ชิงเอ๋อร์!! ที่เจ้าบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ หรือว่าเจ้าจะได้รับพรวิเศษมาจากท่านเทพใช่หรือไม่” ลู่เวินนึกขึ้นได้ว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ลู่ชิงบอกไว้ก่อนหน้านี้

ทุกคนลืมตาขึ้นก็พากันตกใจ หันมองซ้ายทีขวาที ถามคำถามจนไม่เว้นช่องให้ลู่ชิงได้ตอบ นางจึงแอบอมยิ้มขำขันเล็กน้อย ก่อนที่ทุกคนจะตั้งคำถามอีกลู่ชิงรีบอธิบายให้ทุกคนฟังทันที

“ท่านพ่อที่นี่เป็นมิติวิเศษ ที่ท่านเทพชะตามอบเป็นของตอบแทนให้ข้าเจ้าค่ะ หากมีมิติแห่งนี้จะได้นำของต่าง ๆ ไปสร้างอาชีพให้กับพวกเรา อาคารขนาดใหญ่ที่พวกท่านเห็น มันเรียกว่าห้างสรรพสินค้า ทุกอย่างในนั้นล้วนเป็นสินค้า ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเจ้าค่ะ มีข้าวสาร เนื้อสัตว์ อาหารแห้ง ผักผลไม้ แป้งที่ใช้ทำอาหารหรือทำขนมก็มีครบ ร้านเครื่องประดับ อุปกรณ์ตัดเย็บ เครื่องครัว และมีอีกมากมาย

ประเดี๋ยวพวกเราค่อยไปเดินสำรวจด้วยกัน จะได้เลือกของที่อยากจะนำไปทำเป็นมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ด้วย แต่ว่าตอนนี้ข้าอยากให้พวกท่านได้ดื่มน้ำจากบ่อวิเศษนี่ก่อนเจ้าค่ะ

ที่ข้าหายป่วยเร็วก็เพราะดื่มน้ำจากในบ่อน้ำ แม้ว่าพวกท่านจะไม่ได้เจ็บป่วย แต่เมื่อดื่มมันไปแล้ว จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมนะเจ้าคะ”

ลู่ชิงอธิบายเรื่องห้างสรรพสินค้าไปแล้ว จึงพาบิดาและพี่ชายทั้งสองไปยังบ่อน้ำวิเศษ และตักขึ้นมาใส่แก้วให้พวกเขาได้ดื่ม พี่ชายทั้งสองดื่มแล้วไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่คนที่มีอาการผิดปกติกลับเป็นท่านพ่อที่ตอนนี้มีคราบของเหลวสีดำ ซึมออกมาตามเสื้อผ้า จากที่เคยอ่านนิยายแนวกำลังภายในมาบ้างลักษณะเช่นนี้ มันเป็นอาการของคนที่ถูกวางยาพิษอย่างแน่นอน

“ท่านพ่อ!!!” ทั้งสามคนพี่น้องต่างเรียกลู่เวินขึ้นพร้อมกัน

“ท่านพ่อ อาการของท่านเช่นนี้ ข้าคิดว่าตอนที่ท่านอยู่ที่เมืองหลวง มีคนแอบวางยาพิษท่านเป็นแน่เจ้าค่ะแต่ไม่ได้ใส่ในจำนวนที่มากนัก เหมือนอยากให้ท่านค่อย ๆ มีอาการเจ็บป่วย และตายไปเองในที่สุดมากกว่าเจ้าค่ะ” ลู่ชิงรีบอธิบายความผิดปกติให้ทุกคนฟังจะได้ไม่ตกใจจนเกินไป เมื่อเห็นสิ่งแปลกจากร่างกายของบิดา ที่ยามนี้ทำให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่กลายเป็นสีดำต่อหน้าพวกเขา

“พวกสารเลว!! แค่ใส่ร้ายท่านพ่อ จนพวกเราถูกไล่ออกจากตระกูลแล้วยังไม่พอใจ ถึงกับวางยาพิษท่านพ่ออีก” ลู่จื้อพอได้ฟังสิ่งที่ลู่ชิงพูดก็โมโหเป็นอย่างมาก

“สมมติว่าพวกเรายังใช้ชีวิตปกติ จนท่านพ่อจากไป ก็คงคิดว่าท่านพ่อป่วยจนรักษาไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วเป็นยาพิษที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำวิเศษ จึงได้รู้ความจริงเร็วเช่นนี้ และยาพิษนั่นก็ถูกขับออกมาหมดแล้ว” พี่รองตั้งสมมติฐานได้ตรงประเด็น

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพ่อไม่มีพิษตกค้างในร่างกายอีกแล้ว จากนี้มีแต่จะแข็งแรงสุขภาพดีอายุยืนยาว รวมถึงพวกเราทุกคนด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะตักน้ำในบ่อวิเศษนี้ไปใส่ในถังน้ำในบ้าน พวกเราจะได้ดื่มทุกวัน เพื่อบำรุงร่างกายจนแข็งแรง แล้วพอหิมะละลายอากาศเริ่มอุ่นขึ้นกว่านี้ พวกเราค่อยมาคิดกันว่า จะทำอาชีพอะไรเพื่อหาเงินดีหรือไม่เจ้าคะ” ลู่ชิงถามความคิดเห็นจากทุกคนขึ้นมา

“พ่อเห็นด้วยกับชิงเอ๋อร์ช่วงที่รอหิมะละลาย พวกเราก็ดูแลร่างกายให้ดี จากนั้นค่อยปรึกษากันเรื่องอาชีพที่จะใช้หาเงินกันอีกที” ลู่เวินเห็นด้วยกับสิ่งที่บุตรสาวพูดมา

“พวกพี่สองคนก็เห็นด้วยกับเจ้า หากมีอาชีพประจำที่สามารถหาเงินได้ พวกเราย่อมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่านี้แน่นอน” ลู่จื้อและลู่เสียนย่อมไม่ขัดใจน้องสาวของพวกเขาอยู่แล้ว

“ขอบคุณพวกท่านที่เชื่อใจข้าเจ้าค่ะ รับรองว่าในอนาคตอันใกล้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าท่านแม่รู้สึกสบายใจแล้ว เรื่องนี้คงต้องรบกวนท่านพ่อ อธิบายกับท่านแม่อีกครั้งนะเจ้าคะ” ลู่ชิงรู้สึกมีความสุขมากที่ได้มาอยู่ในครอบครัวนี้

“อืม พ่อจะช่วยอธิบายกับแม่ของเจ้าเอง ให้เวลานางหน่อยนะ” ลู่เวินอยากจะคิดว่าบางทีลู่ชิงคนใหม่นี้ อาจเป็นดวงจิตเสี้ยวหนึ่งของบุตรสาว ที่ขาดหายไปทำให้ร่างกายเจ็บป่วยบ่อย ๆ และมันได้กลับมาอยู่ในร่างเดิมของเจ้าของแล้ว

“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ”

จากนั้นลู่ชิงก็ชวนทุกคน เข้าไปเดินสำรวจในห้างสรรพสินค้า และให้ท่านพ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านในไปก่อน ทุกคนล้วนตื่นตาตื่นใจกับสิ่งของที่มีหลากหลาย ลู่ชิงแยกไปส่วนของอาหารสดและอาหารแห้ง ส่วนท่านพ่อและพี่ชายให้ไปดูฟูกนอน เพื่อจะได้นำออกไปวางในห้องของแต่ละคน

‘สวีลู่ชิงเจ้าคงวางใจได้แล้วนะว่า ข้าผู้นี้สามารถดูแลบิดามารดา รวมถึงพี่ชายทั้งสองคนของเจ้าได้จริง ๆ’

ขอแค่ทุกคนมีความสุขนั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับข้าแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 4 พักผ่อนหารือเรื่องอาชีพ

    ลู่ชิงตื่นขึ้นมายามเหม่าของอีกวัน จึงรีบเข้าไปในมิติเพื่อหยิบพวกเนื้อสัตว์และผักที่จะใช้ทำเป็นมื้อเช้าวันนี้ โดยไม่ลืมที่เดินไปหยิบเอาพวกแปรงสีฟันและยาสีฟัน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ทำความสะอาดช่องปากลู่ชิงกลัวว่าแค่บ้วนปากด้วยเกลือมัน จะไม่สะอาดในเมื่อมีของให้ใช้ เราก็ต้องใช้จะปล่อยให้เสียของได้อย่างไร เช้านี้ลู่ชิงอาสาเป็นคนปรุงอาหารเอง โดยนางจะทำข้าวต้มกุ้งให้ทุกคนได้ทาน ขณะที่กำลังเตรียมของอยู่ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของนางฟางซินตื่นมาก็เห็นบุตรสาว กำลังเตรียมวัตถุดิบทำมื้อเช้าอยู่ เมื่อนางได้พูดคุยกับสามี ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับชิงเอ๋อร์ คงเป็นลิขิตของสวรรค์นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะให้ขับไล่นางออกไปสตรีคนนั้นก็ไม่ได้ทำผิด นางไม่ได้เข้ามาอยู่ในร่างของชิงเอ๋อร์เองแต่เป็นท่านเทพที่พานางมา เพื่อใช้ชีวิตที่เหลือแทนชิงเอ๋อร์ของนางต่างหาก ฟางซินจึงคิดว่าค่อย ๆ เรียนรู้กันไปต่อจากนี้ก็แล้วกัน“ทำไมถึงได้ตื่นมาแต่เช้าเช่นนี้เล่า นี่กำลังเตรียมทำมื้อเช้าอยู่หรือ มีอะไรให้ช่วยไหม”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็ชอบทำอาหารเหมือนกันมื้อเช้านี้จะลงมือปรุงเอง ท่านแม่คอยเป็นผู้ช่วยให้ข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-12
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 5 ชิมอาหารก่อนทำขาย

    สามวันที่ผ่านมาท่านพ่อและพี่ชาย ก็ขึ้นเขาไปวางกับดักสัตว์และหาของป่าอย่างอื่นตามปกติ พอจะเอาไปขายที่ตำบลลู่ชิงก็จะขอตามไปด้วยทุกครั้ง ไปถึงตำบลก็ให้ท่านพ่อไปขายเนื้อสัตว์ ที่วางกับดักมาได้ที่เหลาอาหาร ซึ่งเมื่อก่อนท่านพ่อมักจะนำมาขายเป็นประจำ รวมสามวันได้เงินมาสามร้อยเก้าสิบอีแปะ ส่วนตัวลู่ชิงเดินไปร้านเครื่องประดับ เพื่อเอากำไลข้อมือหยกที่ไม่ใช่หยกเนื้อดีมากนักหนึ่งวง สร้อยคอเงินพร้อมจี้หยกลายหยดน้ำหนึ่งเส้น และต่างหูไข่มุกหนึ่งคู่ออกมาขาย เถ้าแก่ร้านให้ราคาชิ้นละสามพันตำลึงเงิน ถึงจะไม่สวยมากแต่ขายได้ราคานี้ถือว่าสูงมากแล้วรวมแล้วตอนนี้มีเงินอยู่ทั้งหมด เก้าพันสิบสามตำลึงกับอีกสามร้อยเก้าสิบอีแปะ คงต้องแบ่งเงินไปซ่อมหลังคาบ้านสักหน่อย รอให้ทำการค้าไปสักระยะหนึ่ง ค่อยสร้างบ้านใหม่ที่แข็งแรงกว่านี้ หรือจะซื้อบ้านอยู่ในตำบลก็คงจะดีกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางทุกคนจะได้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มอีกสักหน่อยยามอู่วันนี้ลู่ชิงคิดว่าจะทำหมูทอด สามชั้นทอดและน่องไก่ทอด ให้กับทุกคนได้ลองชิมดูก่อนที่จะทำไปขาย ซึ่งลู่ชิงได้นำเนื้อทั้งสามอย่างออกมาจากมิติ และเตรียมหมักก่อนนำไปทอด เริ่มจากทำการหมัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-12
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 6 ขายอาหารวันแรก

    สองวันต่อมาก็ถึงเวลาไปขายของวันแรกแล้ว ทุกคนตื่นพร้อมกันลู่ชิงกับฟางซินช่วยกันหมักเนื้อหมูและน่องไก่ ส่วนลู่เวินกับบุตรชายก็ช่วยกันยกเตาและอุปกรณ์ที่ใช้ทอดทุกอย่าง ขึ้นบนรถเข็นรออยู่นอกบ้านลู่ชิงได้ตั้งกฎกับครอบครัวเอาไว้ว่า จะขายของหกวันและหยุดพักหนึ่งวัน เพราะไม่อยากให้ทุกคนเอาแต่คิดเรื่องทำงานหาเงิน ควรมีเวลาพักผ่อนบ้าง แม้จะมีน้ำจากบ่อวิเศษให้ดื่ม แต่อย่างน้อยการพักผ่อนให้เต็มที่ ก็เป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่า เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงปิดประตูบ้านและเดินเท้าไปในตำบลหย่งฝู พื้นที่ขายของที่ลู่เวินจองไว้ให้นั้นเป็นการจองแบบรายเดือน และมันก็อยู่บริเวณที่มีคนพลุกพล่านมาเดินจับจ่ายซื้อของยามเช้าพอถึงบริเวณพื้นที่ของตนเองแล้ว ทุกคนทำตามหน้าที่ของตน ลู่เวินกับบุตรชายช่วยกันยกเตาและติดเตาไฟ ลู่ชิงกับมารดาช่วยกันจัดวางอุปกรณ์บนโต๊ะให้หยิบใช้สะดวก ยกถังไม้ที่ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งแล้ววางไว้ข้างโต๊ะกับใบตอง ที่เช็ดทำความสะอาดสำหรับใช้ห่ออาหาร ซึ่งก็เอามาจากป่าชั้นนอกที่อยู่ด้านหลังบ้านของพวกเขา ยามนี้ลู่เวินได้ตั้งกระทะและใส่น้ำมันลงไปทั้งสามกระทะ ควบคุมไฟไม่ให้ร้อนมากเกินไป มีเก้าอี้สามตัววางชามขนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-12
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 7 ชาบูชาใจฉลองกันหน่อย

    กลับมาถึงบ้านก็เกือบถึงยามซื่อแล้ว มื้อเช้าทุกคนก็อาศัยกินข้าวเหนียวกับหมูทอดกัน เพราะตื่นเต้นกับการขายของวันแรก จึงลืมเตรียมมื้อเช้าไปกินด้วย ลู่ชิงจึงคิดว่าคืนนี้จะทำกับข้าวง่าย ๆ ใส่กล่องไว้ในมิติตอนเช้าจะได้ไม่ลืมอีก เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลู่ชิงก็ชวนทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร เพื่อทำการนับเงินที่ได้จากการขายของวันแรกพร้อมกัน“ท่านพ่อท่านแม่ พวกเรามานับเงินกันเจ้าค่ะว่าจะได้เท่าไหร่” ลู่ชิงอยากรู้ว่ารายได้ของวันนี้เป็นอย่างไร“ได้สิลูก พวกเราช่วยกันนับแยกเป็นกอง ๆ ไว้ จะได้รู้ว่ายอดรวมทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่” ลู่เวินเองก็อยากรู้เช่นกันเพราะท่านพ่อเป็นพ่อค้า เรื่องคำนวณตัวเลขจึงสำคัญพวกเขาสามพี่น้องล้วนได้เรียนรู้เรื่องนี้ โดยมีท่านพ่อเป็นคนสอน ทุกคนจดจ้องอยู่กับการนับเงิน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว“เอาล่ะ เจ้าใหญ่ลองนับยอดรวมทั้งหมดดูสิว่ามีเท่าไหร่” ลู่เวินให้บุตรชายคนโตอย่างลู่จื้อนับจำนวนเงินทั้งหมดอีกครั้ง“ขอรับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก... ท่านพ่อ!! รายได้ทั้งหมดวันนี้ มีถึงหกตำลึงเงินกับอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะขอรับ” ลู่จื้อนับเสร็จก็บอกจำนวนที่นับได้ทันที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 8 อาหารทอดขายดีเกินต้าน

    วันที่สองของการค้าขายก็ยังดีเหมือนเมื่อวาน เพราะมีลูกค้ามายืนรอบริเวณหน้าร้านหลายคนแล้ว และวันนี้ก่อนออกจากบ้านพวกเราทานข้าวผัดหมูเป็นมื้อเช้ามาเรียบร้อย ตอนนี้กำลังช่วยกันตั้งร้านใกล้จะเสร็จ หน้าที่ทอดหมูและไก่ ก็ยังคงเป็นท่านพ่อกับพี่ใหญ่พี่รองเช่นเดิม เข้าสู่ปลายยามเหม่าอาหารก็พร้อมขาย ลูกค้าหน้าคุ้น ๆ ที่ยืนรออยู่ก็รีบสั่งทันที“แม่นางน้อย ข้าเอาเนื้อหมูกับสามชั้นอย่างละสองห่อ และน่องไก่หนึ่งห่อนะ ข้าจะเอาไปฝากเมียกับลูกที่บ้านด้วย”“ได้เจ้าค่ะข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” ลู่ชิงไม่รอช้ารีบห่อข้าวให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว ท่านแม่ก็ช่วยนางห่อเช่นกัน“แม่หนู ป้าก็เอาทุกอย่างเลยนะขออย่างละสองห่อเหมือนกัน”“เจ้าค่ะ ท่านป้ารอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ลูกค้าท่านอื่น ๆ ต่อแถวกันด้วยเจ้าค่ะ รับรองได้กินของอร่อยทุกคนเจ้าค่ะ” ลู่ชิงรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าคนต่อไป และแจ้งคนอื่นเพื่อความเป็นระเบียบ“นี่ของท่านอาเจ้าค่ะ ทั้งหมดห้าสิบห้าอีแปะ รบกวนท่านอาจ่ายเงินให้ท่านแม่ของข้าได้เลยนะเจ้าคะ” ลู่ชิงให้มารดาเป็นคนรับเงินจากลูกค้าแทน เพราะนางทั้งพูดทั้งห่อข้าวไปด้วย เกรงว่าจะไม่ได้ตรวจให้ถี่ถ้วนลูกค้ามาเข้าแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 9 อาชีพเสริมช่วยชาวบ้าน

    ผ่านมาได้สองอาทิตย์ การค้าของครอบครัวสวีเป็นไปด้วยดี ลูกค้าประจำมีมากขึ้น ขนาดพ่อบ้านของจวนนายอำเภอ ยังมาต่อแถวซื้อไปให้เจ้านายได้ลิ้มลอง วันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว ลู่ชิงอยากจะปรึกษาบิดาเกี่ยวกับผู้คนในหมู่บ้านอันผิง ว่าพวกเขาเหล่านี้มีนิสัยใจคออย่างไร คนเห็นแก่ตัวหรือขี้อิจฉา ย่อมมีอยู่ทุกที่เหมือนกันหมด หรือแม้แต่คนที่เข้าใจอะไรยาก เอาความคิดของตนเองเป็นหลักหากได้รับการยืนยันเรื่องพวกนี้ จากท่านพ่อและหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ บางทีนางอาจจะหาอาชีพให้พวกเขาได้ทำ จะได้มีรายได้พอจุนเจือครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ยิ่งในฤดูหนาวนั้นทุกบ้านต้องประหยัดอาหาร ไม่แปลกที่จะมีคนตายจากการหิวโหยไม่น้อย คิดได้ดังนั้นก็รีบเดินตามหาบิดาทันทีลู่ชิงเดินตามหาบิดาจนมาเจอที่สวนผักของบ้าน พี่ชายทั้งสองก็อยู่ด้วยกำลังช่วยกันพลิกหน้าดินแปลงผัก เพื่อจะเพาะปลูกใหม่ลู่ชิงไม่รอช้า เรียกบิดาออกไปด้วยเสียงที่ดังพอสมควร“ท่านพ่อเจ้าคะท่านมาอยู่ที่แปลงผักนี่เอง ข้าเดินตามหาท่านให้ทั่วบ้านเลยเจ้าค่ะ”“อ้าว ชิงเอ๋อร์ เจ้าตามหาพ่อทำไมกันมีเรื่องอะไรหรือไม่” ลู่เวินสงสัยว่าทำไมบุตรสาวถึงตามหาตนเอง“พอดีข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 10 ขายเครื่องประดับได้เงินทุนเพิ่ม

    เช้าวันถัดมาการตั้งร้านขายอาหารทอด ก็ยังคงมีลูกค้ามาต่อแถวอย่างคึกคักเช่นเดิม ในช่วงปลายยามเฉินท่านพ่อและพี่ชาย กำลังช่วยกันเก็บของอยู่ทางด้านหลัง เพราะของที่ขายก็เหลือน้อยแล้ว ลู่ชิงจึงบอกกับท่านแม่ว่าแถมเนื้อหมูให้ลูกค้าสักหน่อย จะได้เก็บของกลับบ้านส่วนนางกับท่านพ่อจะไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เรื่องซื้อร้านค้าและจะนำเครื่องประดับไปขายที่ร้านของเถ้าแก่หงด้วย เผื่อมีร้านค้าที่ราคาไม่สูงมากจะได้ซื้อไว้ก่อน“ท่านแม่เจ้าคะ ถ้ามีลูกค้ามาซื้ออีกสักสองสามคน ท่านก็แถมเนื้อหมูเพิ่มไปสักหน่อย ท่านแม่กับพี่ชายจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนรอพวกเราเจ้าค่ะ”“แม่รู้แล้ว ๆ เจ้าย้ำกับแม่หลายรอบแล้วนะชิงเอ๋อร์” นางส่ายหน้าให้กับบุตรสาวเล็กน้อย เพราะนางเอาแต่ย้ำเรื่องนี้อยู่หลายรอบ“แหะ ๆ ๆ เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นข้ากับท่านพ่อจะรีบไปทำธุระให้เรียบร้อยนะเจ้าคะ พวกท่านกลับไปรอฟังข่าวดีอยู่ที่บ้านได้เลยเจ้าค่ะ”ฟางซินมองตามสามีกับบุตรสาว ที่เดินออกไปแล้วอยู่เงียบ ๆ ได้แต่คิดในใจ ตั้งแต่มีเด็กคนนี้เข้ามาครอบครัวก็มีเสียงหัวเราะได้ทุกวัน สองคนพ่อลูกตรงไปที่ร้านของเถ้าแก่หง เพื่อนำครื่องประดับจากในมิติไปขายจะได้มีเงินสำร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 11 ซื้อร้านค้าและเกวียนวัว

    เมื่อออกจากร้านเครื่องประดับของเถ้าแก่หง สองคนพ่อลูกก็เดินไปยังที่ว่าการของตำบลหย่งฝู เพื่อสอบถามเรื่องร้านค้า หากวันนี้สามารถซื้อได้เลยจะเป็นการดีมาก“น้องชายไม่ทราบว่าใต้เท้าอยู่หรือไม่ พอดีข้ากับบุตรสาวจะมาสอบถามเกี่ยวกับ การซื้อร้านค้าที่ติดป้ายประกาศขายน่ะ”“ท่านมาติดต่อซื้อร้านค้าเช่นนั้นหรือ ใต้เท้ากงอยู่ด้านในห้องทำงานนี่แหละเดี๋ยวพวกท่านสองคนเดินตามข้าเข้ามาก็แล้วกัน”“ขอบใจน้องชายท่านนี้มากนะ”ลู่เวินและลู่ชิงเดินตามทหารคนนั้นเข้าด้านในศาลาว่าการ เพื่อเข้าไปพบใต้เท้ากงที่นั่งอ่านรายงานการทำงานของลูกน้องอยู่ พอได้ยินเสียงคนเดินมาก็เงยหน้าขึ้นมองและเอ่ยถามออกไป“เจ้าพาผู้ใดมารึ แล้วพวกเขามาติดต่อเรื่องอะไร”“เรียนใต้เท้า พวกเขาสองคนพ่อลูกบอกว่า จะมาติดต่อเรื่องการซื้อร้านค้าขอรับ”“อืม เช่นนั้นเชิญท่านทั้งสองนั่งรอก่อนสักประเดี๋ยว ข้าจะเอารายละเอียดของร้านค้ามาให้พวกท่านได้เลือกนะ” ใต้เท้ากงหยิบกระดาษแผ่นใหญ่มากางบนโต๊ะ ให้ลู่ชิงกับบิดาได้เลือกร้านค้าที่ต้องการ“ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ/ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ”นั่งรอเพียงไม่นานใต้เท้ากง ก็เดินถือเอกสารมาวางบนโต๊ะดูคร่าว ๆ น่าจะมีมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13

บทล่าสุด

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 81 ร้านค้าตระกูลสวีเปิดตัวที่เมืองหลวงแล้ว

    หลังจบงานเลี้ยงเหล่าขุนนางทั้งหลาย กล่าวย้ำกับฮูหยินของตนเรื่องการอบรมบุตรสาว ให้มีความพร้อมสำหรับการออกเรือน ตอนนี้ทุกคนมุ่งเป้าไปที่องค์รัชทายาท ด้วยเมื่อก่อนพระองค์มีอาการป่วยจึงไม่มีขุนนางคนใดสนใจ คิดส่งบุตรสาวเข้าตำหนักบูรพาเพื่อแต่งเข้าไปเป็นพระชายาแม้สักคนครั้งนี้พอเห็นว่ารัชทายาทหายจากอาการป่วยก็กระตือรือร้น อยากส่งบุตรสาวเข้าตำหนักเพื่ออำนาจของตระกูลจะได้มีมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือเมิ่งเหยียนรองเจ้ากรมโยธาผู้ที่อยู่เงียบ ๆ มาตลอด แต่ในใจนั้นกระหายในอำนาจไม่ต่างจากผู้อื่นเท่าใดนักใต้เท้าเมิ่งคิดว่าบุตรสาวของตนที่งดงามไม่เป็นสองรองใคร อย่างไรก็ต้องได้แต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน เพียงแค่ต้องหาโอกาสให้ทั้งสองได้ทำความรู้จักและสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสียก่อนทุกคนต่างคาดหวังในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าตัวตนลึก ๆ ขององค์รัชทายาทนั้น โหดเหี้ยมไม่ต่างกับเซียวหนิงหลงเลยสักนิด ก่อนที่จะถูกวางยาพิษจนล้มป่วยพระองค์เคยเข้าร่วมกองทัพของชินอ๋อง เพื่อฝึกการสู้รบในสงครามกับเซียวหนิงหลงมาแล้ว เพียงในยามนั้นทรงปลอมตัวเป็นลูกหลานขุนนางขั้นเจ็ดโดยไม่มีผู้ล่วงรู้ผ่านมาอีกเจ็ดว

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย    ตอนที่ 80 สมรสพระราชทานที่เจ้าบ่าวมิใช่เซียวหนิงหลง

    หลังจากไทเฮาเสด็จกลับมาถึงวังหลวง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงอีกสองวันต่อจากนี้ เพื่อให้ไทเฮาได้พักผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล เพราะพระองค์ก็ทรงมีพระชนมพรรษามากแล้วนั่นเองฮ่องเต้กับฮองเฮาจึงไปส่งไทเฮาถึงตำหนักหนิงจิ้งกง แต่ด้านหลังยังมีนางสนมตำแหน่งต่าง ๆ องค์ชายองค์หญิงอีกหลายพระองค์ติดตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้สร้างความอิจฉาปนความเกลียดชังให้กับจิ่งไท่เฟยเป็นอย่างมากพระนางต้องเสด็จกลับตำหนักยินเหลียงกงของตน พร้อมหลานสาวอย่างจิ่งมู่อิงและนางกำนัลเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไทเฮาทรงทราบว่าตอนนี้ฮองเฮาตัั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ทรงดีพระทัยมากและทรงคาดหวังว่าครรภ์นี้ของฮองเฮา จะเป็นองค์ชายน้อยอีกสักพระองค์ เมื่อเสด็จออกมาจากตำหนักของไทเฮา ฮ่องเต้จึงเสด็จไปส่งฮองเฮาที่ตำหนักเสียก่อน จากนั้นถึงจะเสด็จกลับตำหนังกวงจือกงของพระองค์เพื่อทรงงานของวันนี้ต่อไปก่อนถึงงานเลี้ยงหนึ่งวันขบวนสินค้าจากตำบลหย่งฝู ก็ลำเลียงเป็นแถวผ่านประตูเมืองหลวงเข้ามา และหยุดอยู่ด้านหน้าร้านค้าขนาดใหญ่ ที่เซียวหนิงหลงสั่งให้นายช่างทำร้านทั้งสองให้เป็นร้านเดียวพอทหารที่คอยเฝ้าดูแลร้านเห็นรถม้าทั้งหกคัน ท

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 79 ขบวนสินค้าออกเดินทาง

    ก้งคุนปล่อยให้เจียวมิ่งนั่งอยู่กับพวกเต๋อหลิน ส่วนตัวเขากลับไปช่วยงานต่อ เพราะถึงอย่างไรเจียวมิ่งย่อมนำเรื่องที่คุยกันมาบอกพวกเขาสามคนอยู่ดี การได้นั่งดูสหายผู้มาจากเมืองหลวงทานอาหารเช่นนี้ ช่างคล้ายกับพวกตนตอนที่มาถึงตำบลหย่งฝูครั้งแรกจริง ๆ เมื่ออาหารทุกอย่างบนโต๊ะลงไปอยู่ในท้องของแต่ล่ะคนหมดแล้ว เจียวมิ่งจึงได้เวลาพูดคุยกับเหล่าสหายเสียที“ดูสภาพพวกเจ้าแต่ล่ะคนทำไมมันดูโทรมขนาดนี้ได้ ระหว่างเดินทางไม่พักผ่อนกันบ้างหรืออย่างไร”“มันก็มีแวะพักมาตลอดทางนั่นแหล่ะ เพียงแต่พวกข้ากลัวว่าจะนำสินค้ากลับไปถึงช้า ทำให้การเปิดร้านค้าของซื่อจื่อต้องเลื่อนออกไป จึงพักเท่าที่จำเป็นเท่านั้นพวกข้าจึงมาถึงที่นี่ได้เร็วกว่ากำหนดน่ะ” เจาซ่งเป็นผู้ตอบคำถามนี้ของเจียวมิ่ง“ซื่อจื่อซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ถึงสองร้านและยังอยู่ติดกันอีกต่างหาก เท่าที่ดูการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดคงจะรวมให้เป็นร้านเดียวกัน เพราะรื้อไม้ของเก่าออกทั้งหมดวัสดุที่สั่งมาใช้มีแต่ของดี ข้าได้ยินชุนชานบอกว่าซื่อจื่อสั่งมาทุกอย่างต้องดีที่สุด ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ไม่เกี่ยงขอให้ปรับปรุงร้านเสร็จภายในหนึ่งเดือนเป็นพอ” เต๋ออวี่ชอบไปนั่งพูดคุยกับชุน

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 78 การค้าขายจากเมืองหลวงมาถึงตระกูลสวีแล้ว

    คำสั่งซื้อที่ได้รับจากเถ้าแก่หง ทำให้ทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นดีใจกันมาก ครั้งนี้ส่วนแบ่งจากการขายสินค้าคงได้มากกว่าเดิมแน่ ๆ ยามเช้ามืดของวันที่สองลู่ชิงตื่นมาชวนทุกคน เพื่อช่วยกันเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อและตอนสาย ๆ หลังจากเปิดร้าน ค่อยให้ลู่จื้อกับก้งเจี้ยนำไปส่งเถ้าแก่หงที่จวน เมื่อรับสินค้าครบตามจำนวนที่บอกกับลู่ชิงแล้ว เถ้าแก่หงได้บอกกับลู่จื้อมาว่าการเดินทางไปทำการค้าครั้งนี้ อาจจะมีลูกค้ามีคำสั่งซื้อมาเพิ่มอีกก็เป็นได้ผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ การเดินทางที่แสนเหนื่อยล้าของพวกเต๋อหลิน ซึ่งออกจากเมืองหลวงไปตำบลหย่งฝู ตามคำสั่งของเซียวหนิงหลง ตอนนี้ได้หยุดพักรถม้าอยู่ที่เมืองหย่งจินหนึ่งวันก่อนจะออกเดินทางต่อ เพราะทั้งเหนื่อยและหิวมากเต๋อหลินจึงชวนสหายเดินไปหาของกินจนเห็นผู้คนเดินเข้าออกร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง คิดว่าคงเป็นอาหารที่อร่อยมากเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีลูกค้ามากมาย บางคนถึงกับนั่งรออยู่หน้าร้านที่มีม้านั่งวางไว้ให้ ไหนจะมีคนถือเถาอาหารมาต่อแถว ทั้งหกคนไม่รอช้ารีบเดินตามคนอื่นไปบ้าง พอมาถึงก็โชคดีที่มีโต๊ะว่างให้พวกเขาได้นั่งร่วมกัน และเรียกลูกจ้างของร้านมาสั่งอาหารทั

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 77 รับทรัพย์แถมคำสั่งซื้อจากแคว้นซีหนาน

    หลี่เหลียงพร้อมสหายทั้งสองหลังจากแวะส่งเด็กเล็ก ๆ ของตระกูลเฮ่อที่อารามบนเขาเสร็จ ก็รีบเร่งเดินทางเพื่อให้พ้นเขตแดนของแคว้นเป่ยเยี่ยน ตอนนี้ผู้คนในเมืองหลวงต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงตระกูลเฮ่อ เกี่ยวกับเรื่องห้องลับใต้ดินที่เป็นห้องสำหรับทำพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งทุกคนต่างเชื่อมโยงกับเรื่องที่มีเด็กสาวหายตัวไปก่อนจะพบเป็นศพด้วยเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้เป่ยซางหลาง ทำให้พระองค์ไม่เสด็จไปเยือนตำหนักของเฮ่อกุ้ยเฟยอีก มิหนำซ้ำเหล่าขุนนางยังรวมตัวเรียกร้องให้ฮ่องเต้ ทรงปลดนางจากตำแหน่งกุ้ยเฟยยังไม่พอ ผลกระทบนี้ทำให้องค์ชายรองไม่สามารถแข่งขันชิงตำแหน่งรัชทายาทได้ เพราะขุนนางหลายคนถอนตัวไปสนับสนุนองค์ชายคนอื่นแทน เฮ่อกุ้ยเฟยพอได้ยินข่าวนี้ยิ่งทำให้ล้มป่วยไปอีกหลายเดือนทีเดียวผ่านมาสองวันหลี่เหลียงกับสหาย จึงกลับมาถึงบ้านพักที่ชายแดนแคว้นฉู่ เขารีบเขียนจดหมายรายงานการทำภารกิจครั้งนี้ส่งให้เซียวหนิงหลงได้รับทราบ รวมถึงข่าวที่อันเนี่ยนเจินเจ้ากรมอาญาคนใหม่ กำลังเดินทางไปพบเซียวหนิงหลงตามที่นัดไว้ คงใช้เวลาเดินทางอีกหนึ่งเดือนกว่าจะไปถึงเมืองเฉียนเหอ เนื่องจากแคว้นเป่ยเยี่ยนเป็นแคว้นเล็ก ๆ อยู่ใก

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 76 ชดใช้เวรกรรมด้วยเลือดทั้งตระกูล

    อันเนี่ยนเจินไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนัก เมื่อต้าเป่ามาพร้อมกับม้าที่แข็งแรงสองตัวไม่มีการพูดจาใด ๆ ทั้งสองรีบขึ้นหลังม้าควบทะยานออกจากเมืองหลวงแคว้นเป่ยเยี่ยนทันที แม้ไม่ทราบจุดประสงค์ของผู้ส่งจดหมายฉบับนั้นว่าต้องการสิ่งใด แต่อันเนี่ยนเจินเชื่อไปเกินครึ่งแล้วว่า คนผู้นี้ต้องมีสิ่งที่เขาต้องการอย่างแน่นอนถึงการเดินทางครั้งนี้จะใช้เวลานานนับเดือนก็ตาม คนอย่างอันเนี่ยนเจินก็ไม่คิดยอมแพ้ หากเขาสามารถไขคดีนี้ให้ความจริงปรากฏออกมาได้ นอกจากความมั่นคงในหน้าที่การงาน ยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อฮ่องเต้และขุนนางทั้งหลาย ต่อไปย่อมมีคนสนับสนุนและผลักดันให้อันเนี่ยนเจิน ไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ในอนาคตเช้ามืดในปลายยามอิ๋นหลี่เหลียงและสหายอีกสองคน ก็ออกเดินทางจากชายแดนพวกเขามุ่งหน้าไปแคว้นเป่ยเยี่ยน ทั้งสามคนจะไปถึงเขตเมืองหลวงประมาณต้นยามซวี ซึ่งจะแวะพักโรงเตี๊ยมนอกเมืองเสียก่อน และยามเว่ยของอีกวันถึงจะเดินทางเข้าไปในเมืองหลวง เพื่อรอเวลาลงมือเมื่อความมืดมาเยือน“วันนี้พวกเราสามคนพักที่โรงเตี๊ยมนี้ก่อนเถิด พรุ่งนี้ยามเว่ยค่อยเดินทางเข้าเมืองหลวงต่อไป” หลี่เหลียงกล่าวกับสหายเมื่อเดินทางมาถึง

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 75 ผลการพิพากษากำลังจะไปเยือนตระกูลเฮ่อ

    หลังจากเจียวมิ่งบอกเล่าต้นสายปลายเหตุที่เฮ่อจาวหยูต้องการจับตัวลู่ชิงไป ทุกคนทำสีหน้าเหลือเชื่อว่าผ่านมาหลายร้อยปี ยังมีคนเชื่อเรื่องพิธีกรรมแปลก ๆ เช่นนี้อยู่อีกหรือ พวกเขาคิดถึงเด็กสาวที่ต้องสังเวยชีวิต เพราะคนหลงผิดเห็นแก่ตัวทำเรื่องผิดบาปสังหารคนเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลแล้วศพพวกนั้นถูกนำไปกำจัดอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่าพวกเจียวมิ่งทำให้เฮ่อจาวหยูฟื้นคืนสติ ด้วยมีข้อสงสัยบางอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบ นั่นคือผู้มีอำนาจรวมถึงข้อมูลของคนในตระกูลเฮ่อทั้งหมด ว่าบุตรหลานที่เป็นสตรีแต่งงานไปตระกูลใดบ้าง อยู่ในแคว้นเป่ยเยี่ยนหรือแต่งงานไปแคว้นอื่น เจียวมิ่งเขียนรายละเอียดทุกอย่างลงในจดหมายและส่งออกไปทันทีเซียวหนิงหลงมอบหมายให้ชุนชานมีหน้าที่ดูแลการปรับปรุงร้านค้าทั้งสอง โดยให้ปาเซี่ยช่วยควบคุมดูแลนายช่าง จนกว่าพวกเขาจะปรับปรุงเสร็จ ส่วนตัวเขาได้แต่อ่านตำราพูดคุยกับมารดาและน้องสาวอยู่ในจวนบางครั้งก็ฝึกวรยุทธ์เพิ่มความแข็งแกร่ง พวกเต๋อหลินเองได้ออกเดินทางไปยังตำบลหย่งฝู พร้อมรถม้าจำนวนหกคันแล้ว นอกจากนี้ยังส่งคนไปจับตามองตระกูลเมิ่ง ที่เข้าออกตำหนักของกวนเสียนเ

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 74 ตระกูลเฮ่อสร้างปัญหานอกแคว้น

    แคว้นฉู่เป็นแคว้นที่ใหญ่รองลงมาจากแคว้นซีหนาน ซึ่งมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และกองทัพที่แข็งแกร่ง ไม่แปลกที่แคว้นตงหนานต้องการยึดพื้นที่ชายแดน และแคว้นเป่ยเยี่ยนที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของแคว้นฉู่แม้การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรจะดีเหมือนแคว้นอื่น แต่แคว้นเป่ยเยี่ยนกลับมีพระสนมยศกุ้ยเฟย จากตระกูลเก่าแก่ตระกูลนี้ก็คือตระกูลเฮ่อ ซึ่งมีพิธีกรรมที่เป็นความเชื่อสืบทอดกันมา เพื่อส่งเสริมให้บุตรหลานที่เป็นสตรีในตระกูล เรืองอำนาจอยู่เหนือบุรุษและสามารถควบคุมเอาไว้ในกำมือทุก ๆ หนึ่งปีผู้ทำพิธีของตระกูลเฮ่ออย่างเฮ่อจาวหยู จะออกไปเสาะหาเด็กสาวผู้มีอายุตั้งแต่สิบสองหนาวขึ้นไป เป็นเด็กสาวที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ภาพรวมทั้งหมดที่แสดงออกต่อคนรอบข้างของเด็กสาวพวกนี้จะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เมื่อพบเจอเด็กสาวตามคุณลักษณะที่ต้องการ จะนำตัวไปชำระล้างเพื่อนำเลือดจากหัวใจของเด็กสาว มอบให้พระสนมเฮ่อกุ้ยเฟยได้ดื่ม เพื่อเสริมอำนาจบารมีและคงความอ่อนเยาว์พิธีกรรมนี้ทำมาต่อเนื่องนานหลายปี ตั้งแต่พระสนมเฮ่อกุ้ยเฟยเข้าถวายตัวเป็นนางสนมเล็ก ๆ จนปีหลัง ๆ มานี้มีขุนนางหน้าใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งเจ้ากรมตุลาการ ติดตามสืบหากา

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 73 เซียวหนิงหลงเตรียมเปิดกิจการภายใต้ชื่อตระกูลสวี

    เซียวหนิงหลงนั่งฟังชุนชานรายงาน การลงโทษประหารนักโทษทั้งสองคน รวมถึงการขับไล่ครอบครัวทั้งสองตระกูล ห้ามอาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวง และไม่อนุญาตให้บุตรหลานสอบเข้ารับราชการ ส่วนสตรีห้ามแต่งเข้าจวนขุนนาง พวกเขาจะต้องเดินทางโดยที่ไม่มีเงินทองติดตัว แม้แต่เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยล้วนถูกยึดไปหมดบ้านเดิมไม่ให้การช่วยเหลือด้วยกลัวจะติดร่างแหไปด้วย จะหันหน้าไปพึ่งพาเพื่อนสนิทมิตรสหายที่เคยคบหากัน ทุกคนต่างก็หันหน้าหนีคล้ายกับว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วนขุนนางที่เคยเป็นลูกค้าใช้เงินซื้อความสุขชั่วคราว เมื่อคนในครอบครัวได้รับรู้พฤติกรรมอันน่ารังเกียจ จึงเกิดทะเลาะกันอย่างหนักบางครอบครัวถึงขั้นหย่าร้างขุนนางพวกนี้มิได้มีฐานะร่ำรวยแต่อาศัยว่าได้ภรรยามีฐานะดี ทำให้มีหน้ามีตาในวงสังคมขุนนางชั้นสูงมาได้ เพราะการสนับสนุนของภรรยาทั้งสิ้นการต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมถึงห้าปี แสดงว่าเบี้ยหวัดที่ได้ย่อมเท่าเดิม ที่สำคัญยังต้องใช้เงินสำหรับเปิดโรงทานถึงหกเดือน จะทำอาหารแจกแบบขอไปทีคงจะถูกตรวจสอบเป็นแน่แล้วค่าใช้จ่ายของคนในครอบครัวกับเงินเบี้ยหวัดของบ่าวไพร่อีก คงต้องขายบ่าวไพร่เพื่อลดค่าใช้จ่ายสิ่งของในจวนที่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status