แชร์

ตอนที่ 5 ชิมอาหารก่อนทำขาย

ผู้เขียน: ต้าซินซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-12 02:29:54

สามวันที่ผ่านมาท่านพ่อและพี่ชาย ก็ขึ้นเขาไปวางกับดักสัตว์และหาของป่าอย่างอื่นตามปกติ พอจะเอาไปขายที่ตำบลลู่ชิงก็จะขอตามไปด้วยทุกครั้ง ไปถึงตำบลก็ให้ท่านพ่อไปขายเนื้อสัตว์ ที่วางกับดักมาได้ที่เหลาอาหาร ซึ่งเมื่อก่อนท่านพ่อมักจะนำมาขายเป็นประจำ รวมสามวันได้เงินมาสามร้อยเก้าสิบอีแปะ

 ส่วนตัวลู่ชิงเดินไปร้านเครื่องประดับ เพื่อเอากำไลข้อมือหยกที่ไม่ใช่หยกเนื้อดีมากนักหนึ่งวง สร้อยคอเงินพร้อมจี้หยกลายหยดน้ำหนึ่งเส้น และต่างหูไข่มุกหนึ่งคู่ออกมาขาย เถ้าแก่ร้านให้ราคาชิ้นละสามพันตำลึงเงิน ถึงจะไม่สวยมากแต่ขายได้ราคานี้ถือว่าสูงมากแล้ว

รวมแล้วตอนนี้มีเงินอยู่ทั้งหมด เก้าพันสิบสามตำลึงกับอีกสามร้อยเก้าสิบอีแปะ คงต้องแบ่งเงินไปซ่อมหลังคาบ้านสักหน่อย รอให้ทำการค้าไปสักระยะหนึ่ง ค่อยสร้างบ้านใหม่ที่แข็งแรงกว่านี้ หรือจะซื้อบ้านอยู่ในตำบลก็คงจะดีกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางทุกคนจะได้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มอีกสักหน่อย

ยามอู่วันนี้ลู่ชิงคิดว่าจะทำหมูทอด สามชั้นทอดและน่องไก่ทอด ให้กับทุกคนได้ลองชิมดูก่อนที่จะทำไปขาย ซึ่งลู่ชิงได้นำเนื้อทั้งสามอย่างออกมาจากมิติ และเตรียมหมักก่อนนำไปทอด เริ่มจากทำการหมักเนื้อหมูกับสามชั้น โดยหั่นให้มีขนาดหนึ่งชุ่นใส่ชามขนาดกลางแยกกันไว้

จากนั้นก็ตามด้วยส่วนผสมในการหมัก นำสามเกลอได้แก่พริกไทย กระเทียมและรากผักชีไปโขลกให้ละเอียด แบ่งใส่ทั้งสองชามและปรุงด้วยซอสถั่วเหลือง ผงปรุงรส น้ำตาลทรายและพริกไทยป่น หมักทิ้งไว้ประมาณสองเค่อ ขั้นตอนต่อมาก็นำแป้งทอดกรอบผสมกับน้ำเย็นเมื่อแป้งละลายแล้ว ก็นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนจะนำลงไปทอดในกระทะโดยใช้ไฟร้อนกลาง ๆ ในการทอดจนเนื้อหมูมีสีเหลืองกรอบ ก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันจัดใส่จานยกไปทานได้

ลำดับต่อมาก็หมักไก่ทอด ต้องใช้มีดปลายแหลมด้ามเล็ก จิ้มให้ทั่วเพื่อให้น้ำหมักซึมเข้าไปในเนื้อไก่ เครื่องปรุงในการหมักประกอบด้วย แป้งข้าวจ้าวและแป้งทอดกรอบอย่างละครึ่ง สามเกลอ เกลือ น้ำตาลทรายและพริกไทย ผสมในน้ำเปล่าให้พอข้นและนำไปคลุกเคล้ากับเนื้อไก่ให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณสองเค่อเช่นเดียวกับเนื้อหมู ตั้งกระทะให้ร้อนใช้ไฟกลาง นำเนื้อไก่มาชุบแป้งทอด แล้วนำไก่ลงไปทอดทีละชิ้น ทอดไว้สักครู่ค่อยกลับด้าน รอให้ไก่สุกทั่วทั้งชิ้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันเท่านี้ก็เรียบร้อย

ลู่ชิงกลัวว่ากินของทอดจะทำให้ฝืดคอ จึงทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับใส่ผักกาดขาวอีกอย่าง เริ่มจากนำหมูสับหมักกับใส่ซีอิ้วขาว พริกไทยป่นและน้ำปลาเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันหมักทิ้งไว้ ต่อด้วยต้มน้ำเปล่าใส่กระเทียมสับ ซุปหมูก้อน

พอน้ำเดือดก็ปั้นหมูสับเป็นก้อนพอดีคำลงไป ต้มพอสุกตามด้วยเกลือเล็กน้อย คอยช้อนฟองออกให้น้ำซุปมีความใส จากนั้นใส่ผักกาดขาว เต้าหู้ไข่และขึ้นฉ่าย รอไม่ถึงหนึ่งจิบชาก็ตักใส่ชาม โรยด้วยพริกไทยป่นก็เป็นอันเสร็จ

เมื่อเตรียมมื้อกลางวันเสร็จแล้ว ยังไม่ทันได้ยกออกไปด้านนอก คนแรกที่ตามกลิ่นหอมของอาหารมา ก็ยังคงเป็นพี่รองคนดีคนเดิมที่ส่งเสียงมาก่อนตัวจะถึงห้องครัวเสียอีก

“น้องเล็กกกกก!! เจ้าทำอาหารที่บอกพวกเรา ว่าจะเอาไปขายที่ตลาดในตำบลใช่หรือไม่ กลิ่นมันหอมลอยทะลุกำแพงบ้าน จนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ คงจะทรมานกระเพาะน่าดูเชียวล่ะ” ลู่เสียนกล่าวชมฝีมือการทำอาหารของน้องสาวตน

“พี่รองก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ รบกวนพี่รองช่วยไปตามท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็พี่ใหญ่ให้ไปล้างมือกันก่อน ค่อยมาทานมื้อกลางวันนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะยกออกไปวางที่โต๊ะอาหารรอเจ้าค่ะ” ลู่ชิงฉวยโอกาสใช้พี่ชายคนรองไปตามทุกคนมาทานมื้อกลางวัน

“พี่รองจะไปตามทุกคนเดี๋ยวนี้ เจ้ายกคนเดียวไหวหรือไม่ ให้พี่รองช่วยยกออกไปก่อนดีกว่านะ” เขาไม่อยากให้น้องสาวต้องยกอาหารหลายรอบ จึงช่วยนางยกอาหารออกไปบางส่วน โดยเฉพาะถ้วยต้มจืดที่ร้อนเอามาก ๆ หากโดนลวกเข้ามีหวังปวดแสบปวดร้อนไปหลายวันแน่

“ก็ได้เจ้าค่ะพี่รองยกถาดหมูทอด กับต้มจืดออกไปให้ข้าก็แล้วกัน ประเดี๋ยวข้าจะยกชามข้าวตามออกไปทีหลัง ระวังชามต้มจืดลวกมือด้วยนะเจ้าคะ”

“พี่รองจะยกอย่างระมัดระวัง น้องเล็กไม่ต้องห่วง”

เมื่อพี่รองออกไปแล้ว ลู่ชิงก็ยกอาหารที่เหลือตามหลังไป ทันได้ยินเสียงพี่รองเรียกทุกคน ด้วยเสียงที่ดังไม่ใช่เล่นเลย

ไม่นานครอบครัวสวีก็มานั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร และรอให้ท่านพ่อหยิบตะเกียบขึ้นก่อนเป็นคนแรก ถือว่าเป็นมารยาทของคนยุคโบราณที่ต้องให้หัวหน้าครอบครัว เป็นคนเริ่มคีบอาหารเสียก่อน คนอื่น ๆ ถึงจะเริ่มลงมือทานอาหารได้

“ท่านพ่อลองชิมดูเจ้าค่ะ ว่ารสชาติแบบนี้พอจะขายได้หรือไม่” ลู่ชิงบอกกับลู่เวินให้ลองชิมเป็นคนแรก

“ท่านพ่อชิมสิขอรับข้าเองก็อยากชิมจะแย่แล้ว” ลู่เสียนที่เห็นบิดาไม่หยิบตะเกียบเสียที จึงพูดกระตุ้นเพราะตนนั้นอยากจะชิมบ้างเช่นกัน

ลู่เวินเห็นอาการของบุตรชายคนรองแล้ว ก็ได้แต่ส่ายหน้าจึงไม่รอช้าอีก เขาคีบหมูทอดเข้าปากไป พอลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติของเนื้อหมูทอด ก็ถึงกับตะลึงตาค้างทันที คนอื่นที่เห็นอาการนี้ของหัวหน้าครอบครัวก็ทำตาม พวกเขาคีบอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว และอาการก็ไม่ต่างจากลู่เวินแม้แต่น้อย

“ชิงเอ๋อร์!! หมูทอดของเจ้ารสชาติอร่อยมาก กรอบนอกนุ่มในแม่ไม่เคยเห็นการหมักเนื้อเช่นนี้มาก่อนเลย” ฟางซินแทบไม่อยากเชื่อว่าอาหารทอดฝีมือลู่ชิงจะอร่อยถึงเพียงนี้

“น้องเล็กอาหารจานเนื้อนี้อร่อยมากเลย ไหนจะต้มจืดนี่อีกซดแล้วคล่องคอยิ่งนัก ฝีมือการทำอาหารของเจ้า น่าจะเหนือกว่าพ่อครัวที่อยู่ตามเหลาอาหารเสียอีกนะ” ลู่จื้อลองชิมตามบ้าง

“ใช่แล้วชิงเอ๋อร์ ฝีมือการทำอาหารของเจ้า พ่อคิดว่าเก่งกาจกว่าพ่อครัวในเหลาอาหาร อย่างที่พี่ใหญ่ของเจ้าพูด แม้แต่เหลาอาหารในเมืองหลวงก็ทำไม่ได้แบบเจ้าแน่ ๆ” ลู่เวินมีโอกาสไปที่เหลาอาหาร ยามต้องไปเจรจาการค้าแต่ก็ไม่บ่อยมากนัก

“อี้อองอ้าอนอ้องอื๊ออนอำอ๋ายไอ้อันแอ้แอ้เอย (พี่รองว่าคนต้องซื้อจนทำขายไม่ทันแน่ ๆ เลย)” ลู่เสียนพูดทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก ทำเอาฟางซินผู้เป็นมารดาทนไม่ไหวต้องเอ่ยตักเตือนกันเล็กน้อย

“เสียนเอ๋อร์อย่าเสียมารยาท เจ้าควรเคี้ยวอาหารให้เสร็จก่อนค่อยพูด อาหารเต็มปากเช่นนั้นใครจะฟังเจ้ารู้เรื่องกัน หากยังมีครั้งหน้าแม่จะลงโทษเจ้า” ฟางซินถลึงตาดุบุตรชายคนรองและได้คาดโทษเอาไว้

“อึก ขออภัยขอรับท่านแม่ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก แต่อาหารที่น้องเล็กทำอร่อยทุกอย่างจริง ๆ นะขอรับ ข้าอยากจะไปเปิดแผงขายอาหารเสียเดี๋ยวนี้” ลู่เสียนทำหน้าดั่งคนกำลังฝันกลางวัน

“พ่อคิดว่าคนต้องชอบอาหารชนิดนี้แน่นอน ยิ่งเวลาทอดกลิ่นหอมของมันลอยไปไกล ย่อมเรียกลูกค้าให้ตามมาได้ไม่ยาก” ลู่เวินคิดว่าอาหารของบุตรสาวอร่อยแบบนี้ต้องขายดีมากแน่ ๆ

“ถ้าเช่นนั้นอีกสองวัน พวกเราก็เริ่มทำขายกันดีไหมเจ้าคะ พรุ่งนี้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ไปจองพื้นที่สำหรับขายของไว้ก่อน ส่วนท่านแม่พี่รองและข้าอยู่ช่วยกัน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมจะได้ไม่ฉุกละหุกเจ้าค่ะ”

ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน และตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่ต้มจืดก็ไม่เหลือน้ำซุปให้เห็นสักหยด แบบนี้คนทำก็มีกำลังใจขึ้นเยอะทีเดียว ภารกิจแรกในการหาเงินได้เริ่มขึ้นแล้ว

วันถัดมาลู่เวินกับลู่จื้อ เดินทางเข้าไปในตำบลหย่งฝู เพื่อจับจองพื้นที่สำหรับขายอาหาร กับเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการประจำตำบล พวกเขาจองไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพราะดูแล้วน่าจะประหยัดกว่าที่จะต้องจ่ายให้เจ้าหน้าที่ทุกวัน

มีชาวบ้านบางคนเห็นลู่เวิน มาจับจองที่ทางในตลาดก็อยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกิน ทำเป็นเดินผ่านไปใกล้ ๆ และพูดทักทายคล้ายบังเอิญว่าเพิ่งจะมองเห็นคน ซึ่งในความเป็นจริงแค่อยากเผือกเรื่องผู้อื่น จะได้มีเรื่องเอาไปนินทากับเหล่าสหายของตนเท่านั้น

“อ้าวลู่เวิน เจ้ากับลูกชายมาทำอะไรกันที่นี่เล่า วันนี้ไม่ขึ้นเขาไปวางกับดักสัตว์กันแล้วหรือ”

“อ้อ ครอบครัวของข้าจะหยุดล่าสัตว์ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพราะจะลองเปลี่ยนอาชีพทำอาหารมาขายที่นี่ จึงมาจับจองสถานที่ไว้ก่อนน่ะ”

“งั้นรึ พวกเจ้าจะทำอาหารอะไรมาขายเล่า ว่าก็ว่าเถิดนะลู่เวิน ภรรยาของเจ้าทำอาหารพอทานได้ ไม่ได้อร่อยอะไรมากมาย จากที่เคยชิมตอนเจ้าย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้าน ถ้าทำอาหารมาขายจะไม่เสียของหรอกรึ ข้าแค่หวังดีเท่านั้นไม่อยากให้พวกเจ้า ต้องขาดทุนกับการค้าแบบนี้ลูกสาวเจ้าก็เพิ่งจะหายป่วย เก็บเงินไว้รักษานางไม่ดีกว่าหรือ คิ คิ”

“ขอบคุณท่านป้าทั้งหลายที่หวังดี แต่ถ้าความหวังดีที่แฝงด้วยความสมเพช พวกท่านเก็บมันกลับไปด้วยเถิด อย่าพูดทิ้งขว้างไว้แถวนี้ ไม่มีใครอยากได้ความหวังดีเช่นนี้หรอกขอรับ” ลู่จื้อที่ไม่ชอบป้าข้างบ้านพวกนี้ตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ

“นี่!!! เป็นเด็กแต่พูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้ได้อย่างไร ใครสั่งใครสอนเจ้ากัน ฮึ่ย ลู่เวินดูลูกชายของเจ้านะ การพูดจาเช่นนี้ไม่มีความนับถือผู้อาวุโสต่อไปจะเจริญได้หรือ”

“นั่นมันก็เรื่องของครอบครัวข้า เกี่ยวอะไรกับพวกท่านป้ากันยุ่งเรื่องคนอื่นไปทั่วจริง ๆ รีบกลับไปเตรียมอาหารให้สามีท่านป้าเถิด” ลู่จื้อเองก็ไม่เคยคิดจะยอมให้คนพวกนี้เช่นกัน ไม่สนิทชิดเชื้อฐานะตนเองก็มิได้ต่างจากพวกตน แต่มักนินทาคนในหมู่บ้านลับหลังเป็นประจำ

“จะ จะ เจ้า กรี๊ดดดด ข้าจะคอยดูก็แล้วกัน ว่าการค้าของพวกเจ้ามันจะขายดีสักแค่ไหนเชียว เชอะ!!”

“ขอบคุณที่อวยพรขอรับ เชิญพวกท่านตามสบาย รอดูต่อไปเถิดว่าการค้าขายของครอบครัวข้าจะดีหรือแย่ อีกไม่กี่วันจากนี้หูของพวกท่านจะได้ยินแต่เรื่องกิจการของพวกเรา” ลู่จื้อไม่วายตะโกนตามหลังพวกนางอย่างไม่ยอมลดละ

“เจ้านี่ก็นะอาจื้อ ไปพูดจากวนอารมณ์พวกนางทำไม คนแก่อายุมากเช่นนั้นอารมณ์ยิ่งไม่คงที่ เดี๋ยวก็หาเรื่องพูดจากระทบกระเทียบ ตอนที่พวกเราสองคนกลับบ้านอีกแน่ ๆ” ลู่เวินบ่นกับบุตรชายคนโตที่ไม่ยอมคนสักเท่าใดนัก

“ช่างคนพวกนั้นเถิดขอรับ คนแบบนี้ไม่น่ากลัวเลยท่านพ่อ ถึงเวลาคนอื่นเอาจริงขึ้นมาก็กลัวหัวหดทุกที พวกเราไม่ควรอยู่เฉย ๆ อีกนะขอรับ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะยิ่งได้ใจพูดจาดูถูกไม่หยุดอีก” เพราะอดทนมามากจนเกินพอ ลู่จื้อจึงทนไม่ไหวในครั้งนี้

“ถ้าไม่รุนแรงหรือมีผลกระทบกับพวกเรา ก็ปล่อยไปก่อนเถิด ตอนนี้เตรียมพื้นที่ร้านให้เสร็จก่อน จะได้กลับไปช่วยแม่ของเจ้ากับน้อง ๆ จัดของที่จะนำมาวันพรุ่งนี้กัน” ลู่เวินตัดบทเรื่องของป้าข้างบ้านทั้งหลาย เพื่อทำงานตรงหน้าเสียก่อน

“ขอรับท่านพ่อ”

ลู่เวินเข้าใจบุตรชายดีว่า มีบางคนในหมู่บ้านไม่ชอบครอบครัวของตน หรืออาจจะไม่ชอบตั้งแต่มารดาของลู่เวิน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ตัวลู่เวินก็อดทนมองข้ามคนเหล่านี้ไป หากไม่ทำให้ครอบครัวตนเดือดร้อน

ครั้งนี้ถ้าตนทำการค้าได้ดี คงจะหาเรื่องมาประชดประชันอีกแน่ ถ้ายังไม่หยุดคงต้องให้ท่านอาหลิ่ว ช่วยจัดการพวกนางบ้าง จะได้สงบปากสงบคำลงเสียที เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ลู่เวินกับลู่จื้อเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้านของตน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 6 ขายอาหารวันแรก

    สองวันต่อมาก็ถึงเวลาไปขายของวันแรกแล้ว ทุกคนตื่นพร้อมกันลู่ชิงกับฟางซินช่วยกันหมักเนื้อหมูและน่องไก่ ส่วนลู่เวินกับบุตรชายก็ช่วยกันยกเตาและอุปกรณ์ที่ใช้ทอดทุกอย่าง ขึ้นบนรถเข็นรออยู่นอกบ้านลู่ชิงได้ตั้งกฎกับครอบครัวเอาไว้ว่า จะขายของหกวันและหยุดพักหนึ่งวัน เพราะไม่อยากให้ทุกคนเอาแต่คิดเรื่องทำงานหาเงิน ควรมีเวลาพักผ่อนบ้าง แม้จะมีน้ำจากบ่อวิเศษให้ดื่ม แต่อย่างน้อยการพักผ่อนให้เต็มที่ ก็เป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่า เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงปิดประตูบ้านและเดินเท้าไปในตำบลหย่งฝู พื้นที่ขายของที่ลู่เวินจองไว้ให้นั้นเป็นการจองแบบรายเดือน และมันก็อยู่บริเวณที่มีคนพลุกพล่านมาเดินจับจ่ายซื้อของยามเช้าพอถึงบริเวณพื้นที่ของตนเองแล้ว ทุกคนทำตามหน้าที่ของตน ลู่เวินกับบุตรชายช่วยกันยกเตาและติดเตาไฟ ลู่ชิงกับมารดาช่วยกันจัดวางอุปกรณ์บนโต๊ะให้หยิบใช้สะดวก ยกถังไม้ที่ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งแล้ววางไว้ข้างโต๊ะกับใบตอง ที่เช็ดทำความสะอาดสำหรับใช้ห่ออาหาร ซึ่งก็เอามาจากป่าชั้นนอกที่อยู่ด้านหลังบ้านของพวกเขา ยามนี้ลู่เวินได้ตั้งกระทะและใส่น้ำมันลงไปทั้งสามกระทะ ควบคุมไฟไม่ให้ร้อนมากเกินไป มีเก้าอี้สามตัววางชามขนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-12
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 7 ชาบูชาใจฉลองกันหน่อย

    กลับมาถึงบ้านก็เกือบถึงยามซื่อแล้ว มื้อเช้าทุกคนก็อาศัยกินข้าวเหนียวกับหมูทอดกัน เพราะตื่นเต้นกับการขายของวันแรก จึงลืมเตรียมมื้อเช้าไปกินด้วย ลู่ชิงจึงคิดว่าคืนนี้จะทำกับข้าวง่าย ๆ ใส่กล่องไว้ในมิติตอนเช้าจะได้ไม่ลืมอีก เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลู่ชิงก็ชวนทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร เพื่อทำการนับเงินที่ได้จากการขายของวันแรกพร้อมกัน“ท่านพ่อท่านแม่ พวกเรามานับเงินกันเจ้าค่ะว่าจะได้เท่าไหร่” ลู่ชิงอยากรู้ว่ารายได้ของวันนี้เป็นอย่างไร“ได้สิลูก พวกเราช่วยกันนับแยกเป็นกอง ๆ ไว้ จะได้รู้ว่ายอดรวมทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่” ลู่เวินเองก็อยากรู้เช่นกันเพราะท่านพ่อเป็นพ่อค้า เรื่องคำนวณตัวเลขจึงสำคัญพวกเขาสามพี่น้องล้วนได้เรียนรู้เรื่องนี้ โดยมีท่านพ่อเป็นคนสอน ทุกคนจดจ้องอยู่กับการนับเงิน ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว“เอาล่ะ เจ้าใหญ่ลองนับยอดรวมทั้งหมดดูสิว่ามีเท่าไหร่” ลู่เวินให้บุตรชายคนโตอย่างลู่จื้อนับจำนวนเงินทั้งหมดอีกครั้ง“ขอรับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก... ท่านพ่อ!! รายได้ทั้งหมดวันนี้ มีถึงหกตำลึงเงินกับอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะขอรับ” ลู่จื้อนับเสร็จก็บอกจำนวนที่นับได้ทันที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 8 อาหารทอดขายดีเกินต้าน

    วันที่สองของการค้าขายก็ยังดีเหมือนเมื่อวาน เพราะมีลูกค้ามายืนรอบริเวณหน้าร้านหลายคนแล้ว และวันนี้ก่อนออกจากบ้านพวกเราทานข้าวผัดหมูเป็นมื้อเช้ามาเรียบร้อย ตอนนี้กำลังช่วยกันตั้งร้านใกล้จะเสร็จ หน้าที่ทอดหมูและไก่ ก็ยังคงเป็นท่านพ่อกับพี่ใหญ่พี่รองเช่นเดิม เข้าสู่ปลายยามเหม่าอาหารก็พร้อมขาย ลูกค้าหน้าคุ้น ๆ ที่ยืนรออยู่ก็รีบสั่งทันที“แม่นางน้อย ข้าเอาเนื้อหมูกับสามชั้นอย่างละสองห่อ และน่องไก่หนึ่งห่อนะ ข้าจะเอาไปฝากเมียกับลูกที่บ้านด้วย”“ได้เจ้าค่ะข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย” ลู่ชิงไม่รอช้ารีบห่อข้าวให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว ท่านแม่ก็ช่วยนางห่อเช่นกัน“แม่หนู ป้าก็เอาทุกอย่างเลยนะขออย่างละสองห่อเหมือนกัน”“เจ้าค่ะ ท่านป้ารอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ลูกค้าท่านอื่น ๆ ต่อแถวกันด้วยเจ้าค่ะ รับรองได้กินของอร่อยทุกคนเจ้าค่ะ” ลู่ชิงรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าคนต่อไป และแจ้งคนอื่นเพื่อความเป็นระเบียบ“นี่ของท่านอาเจ้าค่ะ ทั้งหมดห้าสิบห้าอีแปะ รบกวนท่านอาจ่ายเงินให้ท่านแม่ของข้าได้เลยนะเจ้าคะ” ลู่ชิงให้มารดาเป็นคนรับเงินจากลูกค้าแทน เพราะนางทั้งพูดทั้งห่อข้าวไปด้วย เกรงว่าจะไม่ได้ตรวจให้ถี่ถ้วนลูกค้ามาเข้าแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 9 อาชีพเสริมช่วยชาวบ้าน

    ผ่านมาได้สองอาทิตย์ การค้าของครอบครัวสวีเป็นไปด้วยดี ลูกค้าประจำมีมากขึ้น ขนาดพ่อบ้านของจวนนายอำเภอ ยังมาต่อแถวซื้อไปให้เจ้านายได้ลิ้มลอง วันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว ลู่ชิงอยากจะปรึกษาบิดาเกี่ยวกับผู้คนในหมู่บ้านอันผิง ว่าพวกเขาเหล่านี้มีนิสัยใจคออย่างไร คนเห็นแก่ตัวหรือขี้อิจฉา ย่อมมีอยู่ทุกที่เหมือนกันหมด หรือแม้แต่คนที่เข้าใจอะไรยาก เอาความคิดของตนเองเป็นหลักหากได้รับการยืนยันเรื่องพวกนี้ จากท่านพ่อและหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ บางทีนางอาจจะหาอาชีพให้พวกเขาได้ทำ จะได้มีรายได้พอจุนเจือครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ยิ่งในฤดูหนาวนั้นทุกบ้านต้องประหยัดอาหาร ไม่แปลกที่จะมีคนตายจากการหิวโหยไม่น้อย คิดได้ดังนั้นก็รีบเดินตามหาบิดาทันทีลู่ชิงเดินตามหาบิดาจนมาเจอที่สวนผักของบ้าน พี่ชายทั้งสองก็อยู่ด้วยกำลังช่วยกันพลิกหน้าดินแปลงผัก เพื่อจะเพาะปลูกใหม่ลู่ชิงไม่รอช้า เรียกบิดาออกไปด้วยเสียงที่ดังพอสมควร“ท่านพ่อเจ้าคะท่านมาอยู่ที่แปลงผักนี่เอง ข้าเดินตามหาท่านให้ทั่วบ้านเลยเจ้าค่ะ”“อ้าว ชิงเอ๋อร์ เจ้าตามหาพ่อทำไมกันมีเรื่องอะไรหรือไม่” ลู่เวินสงสัยว่าทำไมบุตรสาวถึงตามหาตนเอง“พอดีข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 10 ขายเครื่องประดับได้เงินทุนเพิ่ม

    เช้าวันถัดมาการตั้งร้านขายอาหารทอด ก็ยังคงมีลูกค้ามาต่อแถวอย่างคึกคักเช่นเดิม ในช่วงปลายยามเฉินท่านพ่อและพี่ชาย กำลังช่วยกันเก็บของอยู่ทางด้านหลัง เพราะของที่ขายก็เหลือน้อยแล้ว ลู่ชิงจึงบอกกับท่านแม่ว่าแถมเนื้อหมูให้ลูกค้าสักหน่อย จะได้เก็บของกลับบ้านส่วนนางกับท่านพ่อจะไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เรื่องซื้อร้านค้าและจะนำเครื่องประดับไปขายที่ร้านของเถ้าแก่หงด้วย เผื่อมีร้านค้าที่ราคาไม่สูงมากจะได้ซื้อไว้ก่อน“ท่านแม่เจ้าคะ ถ้ามีลูกค้ามาซื้ออีกสักสองสามคน ท่านก็แถมเนื้อหมูเพิ่มไปสักหน่อย ท่านแม่กับพี่ชายจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนรอพวกเราเจ้าค่ะ”“แม่รู้แล้ว ๆ เจ้าย้ำกับแม่หลายรอบแล้วนะชิงเอ๋อร์” นางส่ายหน้าให้กับบุตรสาวเล็กน้อย เพราะนางเอาแต่ย้ำเรื่องนี้อยู่หลายรอบ“แหะ ๆ ๆ เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นข้ากับท่านพ่อจะรีบไปทำธุระให้เรียบร้อยนะเจ้าคะ พวกท่านกลับไปรอฟังข่าวดีอยู่ที่บ้านได้เลยเจ้าค่ะ”ฟางซินมองตามสามีกับบุตรสาว ที่เดินออกไปแล้วอยู่เงียบ ๆ ได้แต่คิดในใจ ตั้งแต่มีเด็กคนนี้เข้ามาครอบครัวก็มีเสียงหัวเราะได้ทุกวัน สองคนพ่อลูกตรงไปที่ร้านของเถ้าแก่หง เพื่อนำครื่องประดับจากในมิติไปขายจะได้มีเงินสำร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 11 ซื้อร้านค้าและเกวียนวัว

    เมื่อออกจากร้านเครื่องประดับของเถ้าแก่หง สองคนพ่อลูกก็เดินไปยังที่ว่าการของตำบลหย่งฝู เพื่อสอบถามเรื่องร้านค้า หากวันนี้สามารถซื้อได้เลยจะเป็นการดีมาก“น้องชายไม่ทราบว่าใต้เท้าอยู่หรือไม่ พอดีข้ากับบุตรสาวจะมาสอบถามเกี่ยวกับ การซื้อร้านค้าที่ติดป้ายประกาศขายน่ะ”“ท่านมาติดต่อซื้อร้านค้าเช่นนั้นหรือ ใต้เท้ากงอยู่ด้านในห้องทำงานนี่แหละเดี๋ยวพวกท่านสองคนเดินตามข้าเข้ามาก็แล้วกัน”“ขอบใจน้องชายท่านนี้มากนะ”ลู่เวินและลู่ชิงเดินตามทหารคนนั้นเข้าด้านในศาลาว่าการ เพื่อเข้าไปพบใต้เท้ากงที่นั่งอ่านรายงานการทำงานของลูกน้องอยู่ พอได้ยินเสียงคนเดินมาก็เงยหน้าขึ้นมองและเอ่ยถามออกไป“เจ้าพาผู้ใดมารึ แล้วพวกเขามาติดต่อเรื่องอะไร”“เรียนใต้เท้า พวกเขาสองคนพ่อลูกบอกว่า จะมาติดต่อเรื่องการซื้อร้านค้าขอรับ”“อืม เช่นนั้นเชิญท่านทั้งสองนั่งรอก่อนสักประเดี๋ยว ข้าจะเอารายละเอียดของร้านค้ามาให้พวกท่านได้เลือกนะ” ใต้เท้ากงหยิบกระดาษแผ่นใหญ่มากางบนโต๊ะ ให้ลู่ชิงกับบิดาได้เลือกร้านค้าที่ต้องการ“ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ/ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ”นั่งรอเพียงไม่นานใต้เท้ากง ก็เดินถือเอกสารมาวางบนโต๊ะดูคร่าว ๆ น่าจะมีมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 12 พี่ชายและสหายของเขา

    ด้านฟางซินและบุตรชายทั้งสอง เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ช่วยกันเก็บของเข้าที่จนเรียบร้อย ทั้งสองคนจึงบอกกับมารดาว่าจะไปพบสหาย เพื่อพูดคุยเรื่องอาชีพเสริมที่น้องสาวคิดขึ้นมา นางอนุญาตให้พวกเขาไปหาสหายได้ ส่วนตนเองนั้นจะอยู่รอสามีกับบุตรสาวอยู่ตรงหน้าบ้านเอง“ท่านแม่ท่านพักผ่อนอยู่ที่บ้าน รอท่านพ่อกับน้องเล็กไปก่อน ข้ากับน้องรองจะไปพบสหายเสียหน่อย เพื่อคุยเรื่องอาชีพเสริมของน้องเล็กขอรับ”“ใช่แล้วท่านแม่ พวกเราสองคนไปไม่นานจะรีบกลับมาขอรับ”“พวกเจ้าไปเถอะแม่อยู่คนเดียวได้ อีกสักพักพ่อกับน้องสาวพวกเจ้าก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ”ลู่เวินบังคับเกวียนเข้าประตูบ้าน ภายหลังจากที่บุตรชายออกไปไม่ถึงหนึ่งจิบชา พอฟางซินเห็นสามีกับบุตรสาวกลับมาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่า สามีไปเอาเกวียนมาจากที่ใดเพราะราคาน่าจะหลายตำลึง ทั้งยังเป็นเกวียนวัวที่มีหลังคาอีกด้วย“ท่านพี่นี่ท่านไปเอาเกวียนวัวจากที่ใดมาเจ้าคะ” ฟางซินเอ่ยถามสามีเมื่อเห็นเขาบังคับเกวียนเล่มใหญ่เข้ามา“อ้อ เกวียนวัวเล่มนี้เป็นของครอบครัวของเรา เพราะต้องใช้มันขนของเพื่อไปพักในตำบลชั่วคราว หลังจากนี้พวกเราจะสร้างบ้านหลังใหม่แทนหลังเดิม” ลู่เวินอธิบายให้ภรรยาข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 13 ชาวบ้านยินดีแต่มีมนุษย์ป้าด้วยนะ

    ก๊อก ๆ ๆ “มีใครอยู่หรือไม่ ท่านอาหลิ่วขอรับข้าลู่เวินมีเรื่องมาหารือกับท่านขอรับ”ลู่เวินพาบุตรสาวมาถึงบ้านท่านอาหลิ่วอาน ที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็เคาะประตูเรียกเจ้าของบ้าน รอไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู“หืม อาเวินเองรึข้าก็นึกว่าผู้ใด เข้ามานั่งด้านในก่อนเถิดค่อยพูดคุยกัน”“ขอบคุณขอรับ”“ชิงเอ๋อร์ก็มาด้วยหรือ ว่าแต่พวกเจ้ามีเรื่องอะไรถึงมาหาข้าในยามนี้เล่า”“ข้ากับบุตรสาวมีเรื่องอยากจะหารือกับท่าน ถ้าครอบครัวข้าอยากจะหาอาชีพเสริม มาให้ชาวบ้านทำเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม ท่านอาหลิ่วคิดเห็นว่าอย่างไรขอรับ” เมื่อเข้ามานั่งด้านในบ้านแล้วลู่เวินก็พูดขึ้นทันที“อาชีพเสริมเช่นนั้นรึ ถ้ามันช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มข้าย่อมสนับสนุน หมู่บ้านของเราใช่ว่าจะมีฐานะร่ำรวย ยามเกิดภัยแล้งภัยหนาวล้วนลำบากทั้งนั้น กว่าทางการจะให้การช่วยเหลือ ผู้คนก็ล้มป่วยหรือตายจากญาติพี่น้องก็มี พวกเจ้าลองอธิบายให้ข้าฟังสักหน่อย หากเป็นงานที่ไม่ยากเกินไป ข้าจะได้เรียกทุกคนมาประชุมหารือร่วมกันทันที”เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ย่อมไม่อยากเห็นลูกบ้านของตนอยู่อย่างยากลำบากเกินไป เมื่อมีลู่ทางหาเงินเขาจะไม่สนับสนุนได้เช่นไร“เรื่องนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14

บทล่าสุด

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 81 ร้านค้าตระกูลสวีเปิดตัวที่เมืองหลวงแล้ว

    หลังจบงานเลี้ยงเหล่าขุนนางทั้งหลาย กล่าวย้ำกับฮูหยินของตนเรื่องการอบรมบุตรสาว ให้มีความพร้อมสำหรับการออกเรือน ตอนนี้ทุกคนมุ่งเป้าไปที่องค์รัชทายาท ด้วยเมื่อก่อนพระองค์มีอาการป่วยจึงไม่มีขุนนางคนใดสนใจ คิดส่งบุตรสาวเข้าตำหนักบูรพาเพื่อแต่งเข้าไปเป็นพระชายาแม้สักคนครั้งนี้พอเห็นว่ารัชทายาทหายจากอาการป่วยก็กระตือรือร้น อยากส่งบุตรสาวเข้าตำหนักเพื่ออำนาจของตระกูลจะได้มีมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือเมิ่งเหยียนรองเจ้ากรมโยธาผู้ที่อยู่เงียบ ๆ มาตลอด แต่ในใจนั้นกระหายในอำนาจไม่ต่างจากผู้อื่นเท่าใดนักใต้เท้าเมิ่งคิดว่าบุตรสาวของตนที่งดงามไม่เป็นสองรองใคร อย่างไรก็ต้องได้แต่งเข้าตำหนักองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน เพียงแค่ต้องหาโอกาสให้ทั้งสองได้ทำความรู้จักและสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสียก่อนทุกคนต่างคาดหวังในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าตัวตนลึก ๆ ขององค์รัชทายาทนั้น โหดเหี้ยมไม่ต่างกับเซียวหนิงหลงเลยสักนิด ก่อนที่จะถูกวางยาพิษจนล้มป่วยพระองค์เคยเข้าร่วมกองทัพของชินอ๋อง เพื่อฝึกการสู้รบในสงครามกับเซียวหนิงหลงมาแล้ว เพียงในยามนั้นทรงปลอมตัวเป็นลูกหลานขุนนางขั้นเจ็ดโดยไม่มีผู้ล่วงรู้ผ่านมาอีกเจ็ดว

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย    ตอนที่ 80 สมรสพระราชทานที่เจ้าบ่าวมิใช่เซียวหนิงหลง

    หลังจากไทเฮาเสด็จกลับมาถึงวังหลวง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงอีกสองวันต่อจากนี้ เพื่อให้ไทเฮาได้พักผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล เพราะพระองค์ก็ทรงมีพระชนมพรรษามากแล้วนั่นเองฮ่องเต้กับฮองเฮาจึงไปส่งไทเฮาถึงตำหนักหนิงจิ้งกง แต่ด้านหลังยังมีนางสนมตำแหน่งต่าง ๆ องค์ชายองค์หญิงอีกหลายพระองค์ติดตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้สร้างความอิจฉาปนความเกลียดชังให้กับจิ่งไท่เฟยเป็นอย่างมากพระนางต้องเสด็จกลับตำหนักยินเหลียงกงของตน พร้อมหลานสาวอย่างจิ่งมู่อิงและนางกำนัลเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไทเฮาทรงทราบว่าตอนนี้ฮองเฮาตัั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ทรงดีพระทัยมากและทรงคาดหวังว่าครรภ์นี้ของฮองเฮา จะเป็นองค์ชายน้อยอีกสักพระองค์ เมื่อเสด็จออกมาจากตำหนักของไทเฮา ฮ่องเต้จึงเสด็จไปส่งฮองเฮาที่ตำหนักเสียก่อน จากนั้นถึงจะเสด็จกลับตำหนังกวงจือกงของพระองค์เพื่อทรงงานของวันนี้ต่อไปก่อนถึงงานเลี้ยงหนึ่งวันขบวนสินค้าจากตำบลหย่งฝู ก็ลำเลียงเป็นแถวผ่านประตูเมืองหลวงเข้ามา และหยุดอยู่ด้านหน้าร้านค้าขนาดใหญ่ ที่เซียวหนิงหลงสั่งให้นายช่างทำร้านทั้งสองให้เป็นร้านเดียวพอทหารที่คอยเฝ้าดูแลร้านเห็นรถม้าทั้งหกคัน ท

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 79 ขบวนสินค้าออกเดินทาง

    ก้งคุนปล่อยให้เจียวมิ่งนั่งอยู่กับพวกเต๋อหลิน ส่วนตัวเขากลับไปช่วยงานต่อ เพราะถึงอย่างไรเจียวมิ่งย่อมนำเรื่องที่คุยกันมาบอกพวกเขาสามคนอยู่ดี การได้นั่งดูสหายผู้มาจากเมืองหลวงทานอาหารเช่นนี้ ช่างคล้ายกับพวกตนตอนที่มาถึงตำบลหย่งฝูครั้งแรกจริง ๆ เมื่ออาหารทุกอย่างบนโต๊ะลงไปอยู่ในท้องของแต่ล่ะคนหมดแล้ว เจียวมิ่งจึงได้เวลาพูดคุยกับเหล่าสหายเสียที“ดูสภาพพวกเจ้าแต่ล่ะคนทำไมมันดูโทรมขนาดนี้ได้ ระหว่างเดินทางไม่พักผ่อนกันบ้างหรืออย่างไร”“มันก็มีแวะพักมาตลอดทางนั่นแหล่ะ เพียงแต่พวกข้ากลัวว่าจะนำสินค้ากลับไปถึงช้า ทำให้การเปิดร้านค้าของซื่อจื่อต้องเลื่อนออกไป จึงพักเท่าที่จำเป็นเท่านั้นพวกข้าจึงมาถึงที่นี่ได้เร็วกว่ากำหนดน่ะ” เจาซ่งเป็นผู้ตอบคำถามนี้ของเจียวมิ่ง“ซื่อจื่อซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ถึงสองร้านและยังอยู่ติดกันอีกต่างหาก เท่าที่ดูการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดคงจะรวมให้เป็นร้านเดียวกัน เพราะรื้อไม้ของเก่าออกทั้งหมดวัสดุที่สั่งมาใช้มีแต่ของดี ข้าได้ยินชุนชานบอกว่าซื่อจื่อสั่งมาทุกอย่างต้องดีที่สุด ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ไม่เกี่ยงขอให้ปรับปรุงร้านเสร็จภายในหนึ่งเดือนเป็นพอ” เต๋ออวี่ชอบไปนั่งพูดคุยกับชุน

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 78 การค้าขายจากเมืองหลวงมาถึงตระกูลสวีแล้ว

    คำสั่งซื้อที่ได้รับจากเถ้าแก่หง ทำให้ทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นดีใจกันมาก ครั้งนี้ส่วนแบ่งจากการขายสินค้าคงได้มากกว่าเดิมแน่ ๆ ยามเช้ามืดของวันที่สองลู่ชิงตื่นมาชวนทุกคน เพื่อช่วยกันเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อและตอนสาย ๆ หลังจากเปิดร้าน ค่อยให้ลู่จื้อกับก้งเจี้ยนำไปส่งเถ้าแก่หงที่จวน เมื่อรับสินค้าครบตามจำนวนที่บอกกับลู่ชิงแล้ว เถ้าแก่หงได้บอกกับลู่จื้อมาว่าการเดินทางไปทำการค้าครั้งนี้ อาจจะมีลูกค้ามีคำสั่งซื้อมาเพิ่มอีกก็เป็นได้ผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ การเดินทางที่แสนเหนื่อยล้าของพวกเต๋อหลิน ซึ่งออกจากเมืองหลวงไปตำบลหย่งฝู ตามคำสั่งของเซียวหนิงหลง ตอนนี้ได้หยุดพักรถม้าอยู่ที่เมืองหย่งจินหนึ่งวันก่อนจะออกเดินทางต่อ เพราะทั้งเหนื่อยและหิวมากเต๋อหลินจึงชวนสหายเดินไปหาของกินจนเห็นผู้คนเดินเข้าออกร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง คิดว่าคงเป็นอาหารที่อร่อยมากเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีลูกค้ามากมาย บางคนถึงกับนั่งรออยู่หน้าร้านที่มีม้านั่งวางไว้ให้ ไหนจะมีคนถือเถาอาหารมาต่อแถว ทั้งหกคนไม่รอช้ารีบเดินตามคนอื่นไปบ้าง พอมาถึงก็โชคดีที่มีโต๊ะว่างให้พวกเขาได้นั่งร่วมกัน และเรียกลูกจ้างของร้านมาสั่งอาหารทั

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 77 รับทรัพย์แถมคำสั่งซื้อจากแคว้นซีหนาน

    หลี่เหลียงพร้อมสหายทั้งสองหลังจากแวะส่งเด็กเล็ก ๆ ของตระกูลเฮ่อที่อารามบนเขาเสร็จ ก็รีบเร่งเดินทางเพื่อให้พ้นเขตแดนของแคว้นเป่ยเยี่ยน ตอนนี้ผู้คนในเมืองหลวงต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงตระกูลเฮ่อ เกี่ยวกับเรื่องห้องลับใต้ดินที่เป็นห้องสำหรับทำพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งทุกคนต่างเชื่อมโยงกับเรื่องที่มีเด็กสาวหายตัวไปก่อนจะพบเป็นศพด้วยเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้เป่ยซางหลาง ทำให้พระองค์ไม่เสด็จไปเยือนตำหนักของเฮ่อกุ้ยเฟยอีก มิหนำซ้ำเหล่าขุนนางยังรวมตัวเรียกร้องให้ฮ่องเต้ ทรงปลดนางจากตำแหน่งกุ้ยเฟยยังไม่พอ ผลกระทบนี้ทำให้องค์ชายรองไม่สามารถแข่งขันชิงตำแหน่งรัชทายาทได้ เพราะขุนนางหลายคนถอนตัวไปสนับสนุนองค์ชายคนอื่นแทน เฮ่อกุ้ยเฟยพอได้ยินข่าวนี้ยิ่งทำให้ล้มป่วยไปอีกหลายเดือนทีเดียวผ่านมาสองวันหลี่เหลียงกับสหาย จึงกลับมาถึงบ้านพักที่ชายแดนแคว้นฉู่ เขารีบเขียนจดหมายรายงานการทำภารกิจครั้งนี้ส่งให้เซียวหนิงหลงได้รับทราบ รวมถึงข่าวที่อันเนี่ยนเจินเจ้ากรมอาญาคนใหม่ กำลังเดินทางไปพบเซียวหนิงหลงตามที่นัดไว้ คงใช้เวลาเดินทางอีกหนึ่งเดือนกว่าจะไปถึงเมืองเฉียนเหอ เนื่องจากแคว้นเป่ยเยี่ยนเป็นแคว้นเล็ก ๆ อยู่ใก

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 76 ชดใช้เวรกรรมด้วยเลือดทั้งตระกูล

    อันเนี่ยนเจินไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนัก เมื่อต้าเป่ามาพร้อมกับม้าที่แข็งแรงสองตัวไม่มีการพูดจาใด ๆ ทั้งสองรีบขึ้นหลังม้าควบทะยานออกจากเมืองหลวงแคว้นเป่ยเยี่ยนทันที แม้ไม่ทราบจุดประสงค์ของผู้ส่งจดหมายฉบับนั้นว่าต้องการสิ่งใด แต่อันเนี่ยนเจินเชื่อไปเกินครึ่งแล้วว่า คนผู้นี้ต้องมีสิ่งที่เขาต้องการอย่างแน่นอนถึงการเดินทางครั้งนี้จะใช้เวลานานนับเดือนก็ตาม คนอย่างอันเนี่ยนเจินก็ไม่คิดยอมแพ้ หากเขาสามารถไขคดีนี้ให้ความจริงปรากฏออกมาได้ นอกจากความมั่นคงในหน้าที่การงาน ยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อฮ่องเต้และขุนนางทั้งหลาย ต่อไปย่อมมีคนสนับสนุนและผลักดันให้อันเนี่ยนเจิน ไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ในอนาคตเช้ามืดในปลายยามอิ๋นหลี่เหลียงและสหายอีกสองคน ก็ออกเดินทางจากชายแดนพวกเขามุ่งหน้าไปแคว้นเป่ยเยี่ยน ทั้งสามคนจะไปถึงเขตเมืองหลวงประมาณต้นยามซวี ซึ่งจะแวะพักโรงเตี๊ยมนอกเมืองเสียก่อน และยามเว่ยของอีกวันถึงจะเดินทางเข้าไปในเมืองหลวง เพื่อรอเวลาลงมือเมื่อความมืดมาเยือน“วันนี้พวกเราสามคนพักที่โรงเตี๊ยมนี้ก่อนเถิด พรุ่งนี้ยามเว่ยค่อยเดินทางเข้าเมืองหลวงต่อไป” หลี่เหลียงกล่าวกับสหายเมื่อเดินทางมาถึง

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 75 ผลการพิพากษากำลังจะไปเยือนตระกูลเฮ่อ

    หลังจากเจียวมิ่งบอกเล่าต้นสายปลายเหตุที่เฮ่อจาวหยูต้องการจับตัวลู่ชิงไป ทุกคนทำสีหน้าเหลือเชื่อว่าผ่านมาหลายร้อยปี ยังมีคนเชื่อเรื่องพิธีกรรมแปลก ๆ เช่นนี้อยู่อีกหรือ พวกเขาคิดถึงเด็กสาวที่ต้องสังเวยชีวิต เพราะคนหลงผิดเห็นแก่ตัวทำเรื่องผิดบาปสังหารคนเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลแล้วศพพวกนั้นถูกนำไปกำจัดอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่าพวกเจียวมิ่งทำให้เฮ่อจาวหยูฟื้นคืนสติ ด้วยมีข้อสงสัยบางอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบ นั่นคือผู้มีอำนาจรวมถึงข้อมูลของคนในตระกูลเฮ่อทั้งหมด ว่าบุตรหลานที่เป็นสตรีแต่งงานไปตระกูลใดบ้าง อยู่ในแคว้นเป่ยเยี่ยนหรือแต่งงานไปแคว้นอื่น เจียวมิ่งเขียนรายละเอียดทุกอย่างลงในจดหมายและส่งออกไปทันทีเซียวหนิงหลงมอบหมายให้ชุนชานมีหน้าที่ดูแลการปรับปรุงร้านค้าทั้งสอง โดยให้ปาเซี่ยช่วยควบคุมดูแลนายช่าง จนกว่าพวกเขาจะปรับปรุงเสร็จ ส่วนตัวเขาได้แต่อ่านตำราพูดคุยกับมารดาและน้องสาวอยู่ในจวนบางครั้งก็ฝึกวรยุทธ์เพิ่มความแข็งแกร่ง พวกเต๋อหลินเองได้ออกเดินทางไปยังตำบลหย่งฝู พร้อมรถม้าจำนวนหกคันแล้ว นอกจากนี้ยังส่งคนไปจับตามองตระกูลเมิ่ง ที่เข้าออกตำหนักของกวนเสียนเ

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 74 ตระกูลเฮ่อสร้างปัญหานอกแคว้น

    แคว้นฉู่เป็นแคว้นที่ใหญ่รองลงมาจากแคว้นซีหนาน ซึ่งมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และกองทัพที่แข็งแกร่ง ไม่แปลกที่แคว้นตงหนานต้องการยึดพื้นที่ชายแดน และแคว้นเป่ยเยี่ยนที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของแคว้นฉู่แม้การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรจะดีเหมือนแคว้นอื่น แต่แคว้นเป่ยเยี่ยนกลับมีพระสนมยศกุ้ยเฟย จากตระกูลเก่าแก่ตระกูลนี้ก็คือตระกูลเฮ่อ ซึ่งมีพิธีกรรมที่เป็นความเชื่อสืบทอดกันมา เพื่อส่งเสริมให้บุตรหลานที่เป็นสตรีในตระกูล เรืองอำนาจอยู่เหนือบุรุษและสามารถควบคุมเอาไว้ในกำมือทุก ๆ หนึ่งปีผู้ทำพิธีของตระกูลเฮ่ออย่างเฮ่อจาวหยู จะออกไปเสาะหาเด็กสาวผู้มีอายุตั้งแต่สิบสองหนาวขึ้นไป เป็นเด็กสาวที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ภาพรวมทั้งหมดที่แสดงออกต่อคนรอบข้างของเด็กสาวพวกนี้จะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เมื่อพบเจอเด็กสาวตามคุณลักษณะที่ต้องการ จะนำตัวไปชำระล้างเพื่อนำเลือดจากหัวใจของเด็กสาว มอบให้พระสนมเฮ่อกุ้ยเฟยได้ดื่ม เพื่อเสริมอำนาจบารมีและคงความอ่อนเยาว์พิธีกรรมนี้ทำมาต่อเนื่องนานหลายปี ตั้งแต่พระสนมเฮ่อกุ้ยเฟยเข้าถวายตัวเป็นนางสนมเล็ก ๆ จนปีหลัง ๆ มานี้มีขุนนางหน้าใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งเจ้ากรมตุลาการ ติดตามสืบหากา

  • ข้าจะพาครอบครัวใหม่ไปสู่ความร่ำรวย   ตอนที่ 73 เซียวหนิงหลงเตรียมเปิดกิจการภายใต้ชื่อตระกูลสวี

    เซียวหนิงหลงนั่งฟังชุนชานรายงาน การลงโทษประหารนักโทษทั้งสองคน รวมถึงการขับไล่ครอบครัวทั้งสองตระกูล ห้ามอาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวง และไม่อนุญาตให้บุตรหลานสอบเข้ารับราชการ ส่วนสตรีห้ามแต่งเข้าจวนขุนนาง พวกเขาจะต้องเดินทางโดยที่ไม่มีเงินทองติดตัว แม้แต่เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยล้วนถูกยึดไปหมดบ้านเดิมไม่ให้การช่วยเหลือด้วยกลัวจะติดร่างแหไปด้วย จะหันหน้าไปพึ่งพาเพื่อนสนิทมิตรสหายที่เคยคบหากัน ทุกคนต่างก็หันหน้าหนีคล้ายกับว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วนขุนนางที่เคยเป็นลูกค้าใช้เงินซื้อความสุขชั่วคราว เมื่อคนในครอบครัวได้รับรู้พฤติกรรมอันน่ารังเกียจ จึงเกิดทะเลาะกันอย่างหนักบางครอบครัวถึงขั้นหย่าร้างขุนนางพวกนี้มิได้มีฐานะร่ำรวยแต่อาศัยว่าได้ภรรยามีฐานะดี ทำให้มีหน้ามีตาในวงสังคมขุนนางชั้นสูงมาได้ เพราะการสนับสนุนของภรรยาทั้งสิ้นการต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมถึงห้าปี แสดงว่าเบี้ยหวัดที่ได้ย่อมเท่าเดิม ที่สำคัญยังต้องใช้เงินสำหรับเปิดโรงทานถึงหกเดือน จะทำอาหารแจกแบบขอไปทีคงจะถูกตรวจสอบเป็นแน่แล้วค่าใช้จ่ายของคนในครอบครัวกับเงินเบี้ยหวัดของบ่าวไพร่อีก คงต้องขายบ่าวไพร่เพื่อลดค่าใช้จ่ายสิ่งของในจวนที่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status