ทันทีที่มาไคออกมาจากห้องของท่านนักบุญหญิงสิ่งแรกที่เขาเห็นคือนักบุญฟลิน ที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้องเขา
“เพราะใกล้ที่จะเริ่มพิธีอันแสนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านคาดินันจึงเมตตาให้ข้านำชุดนี่มาให้ท่านอัศวินครับ ช่วยกรุณาแต่งกายอย่างเต็มยศเพื่อที่จะได้ปกป้องท่านนักบุญหญิงด้วยนะครับ” มาไคก้มหน้าลงเพื่อเป็นการขอบคุณ เขารับกล่องเสื้อผ้านั้นมาด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถปฏิเสธการรับสิ่งของที่ท่านคาดินันส่งให้ได้ “ฝากท่านนักบุญไปขอบคุณท่านคาดินันด้วยนะครับ” ฟลินพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจะต้องยืนอยู่หน้าห้องของท่านอัศวินเพื่อส่งท่านอัศวินเข้าห้องตามมารยาท มาไคเข้ามาในห้องพักของตนเอง เขาวางกล่องปริศนานั้นเอาไว้ก่อนจะเดินไปยกแก้วน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย หากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ในบางทีเขาอยากจะกระโดดขย้ำท่านจานีคไปแล้วก็ได้ หรือไม่เขาอาจจะเผลอใช้มือของตัวเองสัมผัสลงไปบนเนินอกที่เต่งตึงนั้นสักครั้ง ไล้ไปตามหน้าท้องคอดกิ่วหรือไม่ก็ตามเส้นขนสีเงินที่ขึ้นอยู่รำไรที่ด้านล่าง แม้กระทั่งในจุดที่ลับที่สุดก็ยังคงมีสีที่เหมือนกับดอกกุหลาบ..ท่านจานีคของเขานั้น..งดงามมากเหลือเกิน การหักห้ามใจและปั้นหน้าเย็นชาต่อเรือนร่างที่เปลือยเปล่านั้นมิได้กระทำได้โดยง่าย หากเขาไม่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีมีหวังเขาคงจะกระโจนใส่นางและแสดงสีหน้าที่น่าละอายออกมาแล้ว มาไควางแก้วน้ำชาลงก่อนจะพ่นลมหายใจยาวออกมาทางจมูก..ครั้งต่อไปพระเจ้าจะทดสอบเขาแบบไหนกันนะ..หากมากกว่านี้เขาคิดว่าเขาคงไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อย่างแน่นอน เขาเดินไปเปิดกล่องเสื้อผ้าที่ได้รับมอบมาเพื่อจะเปลี่ยนชุด..เขาไม่อยากทำให้ท่านนักบุญหญิงรอนานแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขาเปิดฝาของกล่องนั้นออก กลุ่มควันสีเหลืองทองก็ลอยฟุ้งออกมา.พร้อมกับอาการง่วงนอนที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ มาไคล้มลงที่พื้นพรม พร้อมกับหลับอยู่ตรงนั้น..ตลอดทั้งวัน ...................... “นางงดงามมากรึเปล่าไมเนอร์?” ไมเนอร์ไม่เห็นประโยชน์จากการถามเรื่องความงดงามเลยแม้แต่น้อย “พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเรื่องความงดงามนั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กระหม่อมก็สามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านักบุญหญิงจานีคนั้นงดงามมากๆ แต่ทว่าเรื่องความตราตรึงใจนั้น..กระหม่อมว่านางยังมิได้ตราตรึงใจมากขนาดนั้น” องค์รัชทายาทอีธานยกมือขึ้นมาลูบคางเบาๆ “แต่ไม่ว่าจะงดงามมากหรือไม่ ในยามนี้นางคงจะตกอยู่ในการควบคุมของคาดินันผู้นั้นแล้ว..ช่างน่าสงสารสตรีตัวน้อยที่กำลังเดินเข้าไปในกองเพลิง หลังจากนี้ทั้งเจ้าและข้าควรสวดภาวนาไม่ให้นางหลงใหลในตัวของคาดินันผู้นั้นมากเกินไป..หรือหากนางหลงเขา เช่นนั้นน้องของเจ้าจะต้องทำงานหนักสักหน่อย” ไมเนอร์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้เขาไม่เห็นมาไคอยู่ที่งานพิธีเลย หรือว่าน้องชายของเขาจะถูกลงโทษกันนะ? “ไม่ว่าจะด้วยสิ่งใดก็ตาม กระหม่อมและน้องชายจะทำให้นางอยู่ฝ่ายเราพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทเป็นลูกพี่ลูกน้องของไมเนอร์ และเขามีหน้าที่ปกป้องเจ้าเด็กคนนี้ให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สมควรจะอยู่ อีธานเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาหลับตาลงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอภาวนาให้พี่ทำสำเร็จนะ..ทำให้สตรีผู้นั้นมาอยู่ในมือของเราให้ได้ แล้วทำลาย..คาดินันแซลัสลงเสีย” ........................ หากมีคำถามว่า “จานีคบนโลกใบนี้มีสิ่งใดที่เจ้าเกลียดชังบ้าง?” ฉันจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกเกลียดชังมากที่สุด มันคือการถูกบังคับให้ “ทำ” ในสิ่งที่ไม่อยากทำ ท่านคาดินันแซลัสนั้นเลยคำว่างดงามไปไกลมาก เขาดูสวยมากกว่าที่จะใช้คำว่าหล่อเหลา แค่มองใบหน้านั้นไม่ว่าใครก็ตาม คงจะต้องอยู่ในอาการประหม่าเหมือนกันทั้งหมด เขาหล่อ..รวยและ..ตรงนั้นก็ใหญ่โตจนกำไม่มิด ร่างกายของเขาสมบูรณ์แบบ กล้ามเนื้อในทุกจุดดูสวยงาม ประณีตราวกับรูปปั้นมากมายที่กำลังยืนรายล้อมเรา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขามันไร้ที่ติ..แต่ทว่าการถูกกดเอาไว้ด้วยคำสั่งของเขามันทำให้ฉันถึงกับหลั่งน้ำตาเงียบๆ ในใจ หากการกระทำสิ่งนี้ของเรามันมีความอ่อนโยนเข้ามาเกี่ยวพันสักนิด แน่นอนว่าฉันจะยอมรับและเพลิดเพลินไปกับมัน แต่นี่ฉันขัดใจหรือว่าขัดคำสั่งของเขาไม่ได้ มีหน้าต่างของเกมที่เด้งขึ้นมา พร้อมกับตัวหนังสือสีแดงที่บอกว่า คุณผู้เล่นกำลังตกอยู่ในสภาวะลุ่มหลงต่อท่านคาดินันแซลัส ฉันไม่สามารถผลักไสเขาออกไปด้วยซ้ำ ไม่สามารถแม้แต่จะละใบหน้าไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการประสานสายตากับดวงตาที่กำลังฉายแววสะใจของเขาด้วยซ้ำ เกลียดเกมนี้ชะมัดเลยโว้ย!! “ใจเย็นหน่อยจานีค หากเจ้าดูดมันแรงเช่นนั้น..อา..ข้าอาจจะถึงไวมากเกินไป ข้ายังไม่อยากเสร็จสมออกมาในตอนนี้สักหน่อย เพราะอย่างนั้น..ทำช้าๆ ที่รัก..ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลมากเหลือเกิน ตราบใดที่รุ่งอรุณยังไม่มาเยือน เราจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เลย” นรก..ชัดๆ เขาดึงรั้งแท่งรักนั้นออกไปจากริมฝีปากของเธอ จานีคมองดูเจ้าส่วนโอฬารที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำลาย เส้นเลือดที่กำลังปูดโปนขึ้นมา บอกเล่าความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดีว่าท่านคาดินันแซลัสกำลังรู้สึกตื่นตัวมากแค่ไหน ลมหายใจอุ่นร้อนของเธอเป่ารดลงไปบนนั้น เขาเคาะมุมปากของเธอด้วยแท่งที่ดูน่าหวาดหวั่นนั่นอีกครั้ง “จานีค..ว่าแต่ในตอนนั้น ที่หว่างขาของเจ้ามันกำลังเปียกอยู่รึเปล่าล่ะ.อยากให้เจ้านี่ใส่เข้าไปในปากหรือว่าใส่เข้าไปที่หว่างขาของเจ้ากัน” ไอ้คนเลว..แล้วใช่ เธอก่นด่าเขาแค่ในใจเท่านั้น เพราะไม่อาจต่อต้านค่าเสน่ห์100 ของเขาได้ “ข้ายังอยาก..กินมันเข้าไปอยู่ค่ะ” แววตาที่กำลังมองหน้าเธอวาวโรจน์ขึ้นมา “ที่เจ้ายังอยากใช้ปากกับมัน คงไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากทำเรื่องเช่นนั้นกับข้าหรอกใช่ไหมจานีค..คิดจะเก็บครั้งแรกเอาไว้ให้ใครกัน ให้มาไคผู้นั้นงั้นหรือ?” หัวใจของเธอกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเธอถูกเขาจับทางได้ “ไม่ใช่..อย่างนั้นนะคะ คือว่าข้า..ข้ายังไม่เคยกระทำเรื่องเช่นนั้นมาก่อน ในใจจึงเกิดความกังวลว่าข้าอาจจะไม่สามารถทำให้ท่านแซลัสพึงพอใจในตัวข้า..บางทีหากว่าท่านค่อยเป็นค่อยไปและสอนข้า..เรื่องราวมันอาจจะดี..” เขายื่นมือมาจับที่แก้มของเธอก่อนจะบีบมันเบาๆ เพื่อให้เธออ้าปากออก แซลัสจับเข้าที่กลางลำแกร่งไปจ่อที่กลีบปากอ่อนนุ่ม แล้วค่อยๆ สอดมันเข้าไปในปากเล็กๆ นั่น “ข้าเชื่อว่าแค่เจ้าถ่างขาให้กว้างๆ ข้าก็พอใจแล้วจานีค..อื้ม..ดูสิว่าเจ้าเก่งกาจมากแค่ไหน ต้องอมมันอย่างไรเจ้าก็สามารถทำได้ตามที่ข้าสอนอย่างแม่นยำ..”ความนุ่มอุ่นอันน่าพึงพอใจกำลังโอบรัดตัวตนของเขาที่กำลังขยายตัวอยู่ในปาก คราแรกแซลัสไม่คิดด้วยซ้ำว่าปากเล็กๆ ของเธอจะอ้าออกเพื่อรับเขาเข้าไปได้..แต่ทว่าเธอทำได้มันน่ารักตรงไหนรู้ไหม ตรงที่ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะแสดงออกถึงความจำนน แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เธอจ้องมองราวกับว่าจะทำให้เขาจุมพิตที่ปลายเท้าของเธอให้ได้ในสักวันหนึ่งนี่คือความสนุกสนานเล็กๆ ของแซลัส การต่อต้านที่แสนหวานและเกลียวลิ้นที่ค่อยๆ เล็มชิมจุดอ่อนไหวที่ส่วนปลายอย่างเชื่องช้าเขาร้องครางลอดใต้ไรฟัน ส่วนกลางกำลังขยายใหญ่อีกครั้งหนึ่งราวกับร่างกายของเขากำลังจะบอกว่าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ในวินาทีที่เธอพรมจูบส่วนหัวไปตลอดท่อนลำเขากดเข้าที่ท้ายทอยของเธอเพื่อบ่งบอกให้จานีคอ้าปากออกเพื่อรับเขาเข้าไปในนั้น เขาขยับเอวกระทั้นเข้าไปในริมฝีปากนุ่มๆตามอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในมือของจานีคจับเข้าที่บั้นท้ายของท่านแซลัส เธอกำลังพยายามผลักเขาออกไป เพราะดูเหมือนว่าตัวเธอจะหายใจไม่ทัน แต่มันไม่เป็นผล..เขากระทั้นเข้าไปอีกพักหนึ่งก่อนที่ในปากจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวอ่อนๆ และรสฝาดเฝื่อนที่กำลังเอ่อท้นเข้ามาในริมฝีปากเขา
มาไคอุ้มเธอออกไป และในทันทีที่จานีค อยู่ในอ้อมแขนนั้น เธอก็หลับตาลงในทันทีราวกับว่าร่างกายนั้นไม่สามารถยืนไหวตั้งแต่แรก เธอแค่รอให้ประตูนี้เปิดเท่านั้น ถึงจะแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาแซลัสแค่นหัวเราะ เขาเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เช่นเดียวกันกับใบหน้าที่เขาเดินเข้าไปฟลินรีบเดินเข้ามาหานายท่านของเขาในทันที“มีอะไรจะรับสั่งให้ข้าไปจัดการไหมครับ อย่างเช่น..ให้ข้าจัดการขับไล่สตรีผู้นั้นออกจากการเป็นนักบุญหญิง”หากว่าสตรีผู้นั้นไม่สามารถทำให้ท่านผู้สูงศักดิ์นี้พึงพอใจแล้วละก็ ฟลินก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องเก็บนางเอาไว้“ใจเย็นก่อนฟลิน นางพึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งนักบุญหญิง จะให้นางออกไปจากที่นี่หลังจากที่เข้ามาเพียงแค่วันเดียวได้อย่างไรกัน จะมีคนกล่าวออกมาว่าวิหารของเราใจร้าย ข้าไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นเช่นนั้น อีกอย่าง..ข้าถูกใจนางนะ”จานีคคือเรื่องสนุกเล็กๆ ในชีวิตของแซลัส เขาคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น..การได้มองเห็นทุกความทรมานที่มันมาจากความเย่อหยิ่งของนางทำให้เขา..รู้สึกสนุกเหมือนกับมองเห็นพวกหนูที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาจากท่อน้ำอันแสนโสมมเก็บนางเอาไว้ดูเล่นน่าจะดี ก็จานีคน
เมื่อมาไคกลับมาถึงวิหาร เขาก็รีบถือห่อยาไปที่ห้องครัวในทันทีก่อนจะทำการต้มยาตามที่หมอหลวงสั่งมา เขาเป็นห่วงท่านจานีคมากทีเดียว แต่ทว่าเพราะในยามนี้ท่านจานีคมีพี่ชายของเขาคอยดูแลอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเบาใจไปได้บ้าง ว่าท่านจานีคจะปลอดภัยภายใต้การดูแลของไมเนอร์เราคือฝาแฝดที่ไมเนอร์เป็นผู้ลืมตาดูโลกออกมาก่อน แต่ทว่าใบหน้าของเรากลับไม่ได้เหมือนกันขนาดที่จะมองเป็นคนคนเดียว เขามีเส้นผมสีแดงเหมือนกับท่านแม่ แต่ไมเนอร์กลับมีเส้นผมสีดำที่เหมือนท่านพ่อมากกว่าเขาเลือกที่จะสละยศแกรนด์ดยุคให้ไมเนอร์ หลังจากนั้นเขาก็พาตัวเองมาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนหนึ่งมาไคไม่อยากให้ระหว่างเราสองพี่น้องมีเรื่องของการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นมา เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องคงอยู่..ฉะนั้นแล้วอะไรที่เขาพอจะเสียสละให้ไมเนอร์ได้ มาไคยินดีที่จะทำมาไคถือถ้วยยาเดินตรงไปยังห้องพักของท่านจานีค เขาเปิดประตูอย่างแผ่วเบาเพราะคิดว่าท่านจานีคคงกำลังนอนหลับอยู่..บอกตามตรงว่ามาไคแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่เห็นไมเนอร์นั่งเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงตามที่เขาร้องขอ..เขาเดินตรงไปที่เตียงนอน และสิ่งที่เขาเห็นมันคือท่านจานีคที่กำลังนอนหลับอย
ตอนนี้ค่าเสน่ห์ของฉันนั้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 แล้ว เพิ่มมาจากเดิมอีก 5 น่าจะเพิ่มมาจากความสงสารและเห็นใจของท่านมาไคแน่นอนแล้วถ้าหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด หากว่าฉันสามารถพิชิตใจของมาไคได้แล้ว ฉันอาจจะสามารถพิชิตใจพี่ชายของมาไคต่อได้เลยก็ได้เพราะว่า แกรนด์ดยุคไมเนอร์นั้นใช้ค่าพลังในการพิชิตใจ 45...มันอาจจะไม่ได้ยาก...“แค่ก..แค่ก”เสียงไอนั้นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบน้ำอุ่นส่งให้มาไค สามวันหลังจากที่ฉันนอนซมอยู่บนเตียง ฉันหายดีราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน อาจจะเพราะพิษไข้พวกนั้นย้ายจากฉันไปติดพวกเขาสองคนแทน ทั้งท่านมาไคและท่านไมเนอร์ต่างกำลังนอนป่วยกันอยู่ในตอนนี้“นี่คือความผิดของข้าใช่ไหมคะ ท่านมาไคไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าข้าจะดูแลท่านเอง ให้สาสมกับที่ท่านดูแลข้าเป็นอย่างดีในระหว่างที่ข้ากำลังป่วย”ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตามหลังจากที่ฉันเข้ารับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกับท่านคาดินันแซลัส หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี หากว่าฉันยังไม่มีค่าเสน่ห์ถึง100ก็ไม่ควรเสนอหน้าไปต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นหรอกวิหารกว้างใหญ่มากทีเดียว และที่พักของนักบุญหญิงก็เ
แค่กลืนน้ำลายมาไคยังรู้สึกเจ็บคอเลย เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูท่าทีตั้งอกตั้งใจของท่านจานีค..ที่กำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่เธอเอื้อมมือมาแตะลงบนหน้าผากของเขาเบาๆ เช่นเดียวกันกับที่เขาเคยทำกับเธอเมื่อหลายวันก่อน เพื่อวัดไข้และตัวของเขายังร้อน ยิ่งที่แก้มทั้งสองข้างน่าจะร้อนมากกว่าปกติหลายเท่าตัวเพราะในตอนนี้เขากำลังเขินอายอยู่..หลังฝ่ามือของฉัน มันร้อนและการเช็ดตัวที่พึ่งทำไปมันไม่ได้ทำให้เขาตัวเย็นลงเลยหรือว่าจะต้องถอดกางเกงของเขาออกมาด้วยนะ มันถึงจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขานั้นกลับมาเป็นปกติ เพราะความเป็นห่วงจึงไม่ได้ทำให้จานีคคำนึงถึงผลที่จะตามมา อีกทั้งในใจของเธอยังมีความแน่วแน่ว่าจะทำให้ท่านมาไคหายป่วย มากกว่าที่จะคิดเรื่องลามกและการพิชิตใจของเขาปลายนิ้วเล็กๆ นั่นกำลังเลื่อนลงไปที่ด้านล่าง ก่อนจะถอดกางเกงที่มาไคสวมอยู่ออกทางปลายเท้าเขาสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืน ในใจของมาไคคิดว่าคนที่คิดเรื่องสกปรกพวกนั้นมันคงเป็นเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนท่านจานีค..ท่านสูงส่งมากเกินกว่าจะคิดเรื่องอะไรพวกนั้น..เขากำลังละอายต่อราคะที่กำลังแผดเผาในใจ ละอายมากเสียจนไม่กล้าลืมตาข
จานีคเดินกลับมาที่ห้อง เพราะมาไคบอกด้วยใบหน้าที่แดงจัดว่าเขาต้องการนอนพักผ่อน และเขากลัวว่าไข้จะกลับมาติดเธออีกครั้งหนึ่งฉันคิดว่าในบางทีเรื่องพวกนี้มันอาจไม่ง่ายต่อการรับมือและเธอควรที่จะให้เวลาเขาสักหน่อย กับการ..ยอมรับว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์อีกต่อไปแต่ว่าคนเราจะถือครองพรหมจรรย์ไปทำไมกันนะ เกิดมาก็ควรจะใช้ชีวิตแซ่บๆ ไปสิอัศวินที่ยืนอยู่หน้าห้องก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพนักบุญหญิง“ท่านคาดินันเรียกหาท่านนักบุญหญิงเป็นการส่วนตัวครับ..และท่านนักบุญฟลินย้ำว่าท่านนักบุญหญิงควรจะรีบไปเพื่อไม่ให้ท่านคาดินันรอนาน”พึ่งบ่นถึงแท้ๆว่าสบายใจดีจังเลยที่ไม่ได้เห็นหน้าคาดินันผู้นั้น แต่นี่เธอจะต้องไปพบเจอเขาอีกแล้วงั้นเรอะจานีคไม่เต็มใจเดินตามอัศวินผู้นั้นไปสักเท่าไหร่นัก แต่อย่างที่รู้เธอเลี่ยงไม่ได้ และเพราะระยะทางของที่พักนักบุญหญิงกับคาดินันห่างไกลกันมากพอสมควรเมื่อมาถึงที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน ประตูห้องทำงานที่สูงมากกว่าสี่เมตรก็เปิดออก“สวัสดียามบ่ายจานีค รีบเดินเข้ามาสิข้ามีเรื่องราวมากมายที่จะพูดคุยกับเจ้า..แน่นอนว่าเป็นการส่วนตัว”แซลัสเบนสายไปมองที่
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
จานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลยไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ..และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ“..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ”ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรง
มาไคยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วเบาๆ เมื่อพี่ชายของเขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดให้เขาฟัง และในยามนี้ท่านนักบุญหญิงกำลังอยู่ในห้องที่เป็นดังนรกกับท่านคาดินันอัมโบรเซอร์“ข้าทำ..อะไรไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงร้องขอที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของท่านนักบุญหญิง..”ท่านจานีคพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดันหลังของไมเนอร์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาและพี่ชายไม่ควรอยู่เฉยๆ เพื่อรอคอยการกลับมาของท่าน..“เราต้องช่วยท่านนะไมเนอร์”ไมเนอร์พยักหน้า“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วข้ากำลังคิดอยู่มาไค จะทำอย่างไรให้ท่านหญิงออกมาจากห้องนั้น..ต้องสร้างสถานการณ์หรือว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือดีล่ะ..”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เคาน์ดาโกแบทก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องของท่านนักบุญหญิง“รายงานท่านนักบุญให้หน่อยสิว่าข้า..มาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว”ไมเนอร์กะพริบตาเบาๆ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออก“เจ้ารีบเข้าไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านนักบุญหญิงติดมือไปด้วย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน บอกกล่าวทหารหน้าประตูว่าท่านเคาน์มาขอเข้าพบเป็นการด่วน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแค่ลำพังชื่อของท่านเคาน์ดาโกแบทไม่ได้มีน้ำหนักมาพอที่ท่าน
ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ