มาไคอุ้มเธอออกไป และในทันทีที่จานีค อยู่ในอ้อมแขนนั้น เธอก็หลับตาลงในทันทีราวกับว่าร่างกายนั้นไม่สามารถยืนไหวตั้งแต่แรก เธอแค่รอให้ประตูนี้เปิดเท่านั้น ถึงจะแสดงท่าทางอ่อนแอออกมา
แซลัสแค่นหัวเราะ เขาเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เช่นเดียวกันกับใบหน้าที่เขาเดินเข้าไป ฟลินรีบเดินเข้ามาหานายท่านของเขาในทันที “มีอะไรจะรับสั่งให้ข้าไปจัดการไหมครับ อย่างเช่น..ให้ข้าจัดการขับไล่สตรีผู้นั้นออกจากการเป็นนักบุญหญิง” หากว่าสตรีผู้นั้นไม่สามารถทำให้ท่านผู้สูงศักดิ์นี้พึงพอใจแล้วละก็ ฟลินก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องเก็บนางเอาไว้ “ใจเย็นก่อนฟลิน นางพึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งนักบุญหญิง จะให้นางออกไปจากที่นี่หลังจากที่เข้ามาเพียงแค่วันเดียวได้อย่างไรกัน จะมีคนกล่าวออกมาว่าวิหารของเราใจร้าย ข้าไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นเช่นนั้น อีกอย่าง..ข้าถูกใจนางนะ” จานีคคือเรื่องสนุกเล็กๆ ในชีวิตของแซลัส เขาคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น..การได้มองเห็นทุกความทรมานที่มันมาจากความเย่อหยิ่งของนางทำให้เขา..รู้สึกสนุก เหมือนกับมองเห็นพวกหนูที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาจากท่อน้ำอันแสนโสมม เก็บนางเอาไว้ดูเล่นน่าจะดี ก็จานีคน่ะเป็นของเล่นของเขานี่.. .................. ร่างกายของท่านจานีคร้อนราวกับไฟ มาไคเร่งฝีเท้าที่กำลังเดินไปที่ห้องพักให้เร็วขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่เขาจะได้ตามหมอมารักษาท่านนักบุญ เขาวางเธอลงบนเตียงด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสั่งให้อัศวินที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องไปตามหมอมาอย่างเร่งด่วน ระหว่างนี้มาไคก็รีบเปลี่ยนชุดให้เธอพร้อมกับเช็ดตัวของจานีคด้วยน้ำสะอาด สองแก้มแดงร้อนผ่าวราวกับไฟลวก จานีคปรือตาขึ้นมาเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเย็นจากผ้าที่กำลังเช็ดตัวเธอ “อา..ขอน้ำหน่อยสิ” เรี่ยวแรงของเธอถูกสูบจนเหือดหายไปหมด ทั้งดวงตาและสมองเบลอจนมองภาพเบื้องหน้าไม่ชัด “รอสักครู่นะครับ..” เขาเดินจากไปก่อนที่จะมีคนเดินเข้ามาใหม่ จานีคพยายามลืมตาขึ้นมา ทว่าเธอกลับเห็นเพดานกำลังหมุนอย่างช้าๆ ความรู้สึกวิงเวียนเข้าจู่โจมในหัว “นะ..น้ำ มาไค ข้าอยากดื่มน้ำ” น้ำเสียงของเธอแหบแห้งลงไปมากกว่าเก่า และเขากำลังจับเข้าที่ท้ายทอยของเธอเพื่อยกศีรษะของเธอขึ้นมาแล้วป้อนน้ำอุ่นๆ ให้อย่างเชื่องช้า จานีคค่อยๆ ดื่มมัน คอเธอแห้งราวกับผุยผง การป่วยนี่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเบลอไปหมด “...เอาอีกไหม?” เสียงนั้นดังขึ้นมาและจานีคค่อนข้างมั่นใจว่ามาไคไม่ได้มีเสียงแบบนี้สักหน่อย จานีคพยายามปรือตาขึ้นมา.. “อา..นี่ข้าไม่มีสติจนเห็นท่านมาไคมีเส้นผมสีดำเลยอย่างนั้นหรือคะ..” ชายเบื้องหน้าที่กำลังนั่งข้างเตียงกระแอมขึ้นมาเบาๆ “นอนเถอะครับ” ไมเนอร์กล่าวก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ เขาได้รับการไหว้วานให้มาที่นี่เพื่อดูแลท่านนักบุญหญิงแทนมาไค เนื่องจากหมอ..ไม่ยอมมาตรวจ หมอพวกนั้นให้เหตุผลว่าร่างกายของนักบุญหญิงนั้นวิเศษเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป ทำให้การตรวจโรคของพวกเขาไม่สามารถทำได้.. เหตุผลแบบนั้นใช้ได้ที่ไหนกัน ดูก็รู้ว่านี่คือการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆจากคาดินันอัมโบรเซอร์ หมอไม่กล้ามาเพราะคำสั่งของท่านคาดินัน และสิ่งที่มาไคทำได้คือการออกไปจากที่นี่เพื่อเดินทางไปเอายาจากพระราชวัง เขามาที่นี่พอดีจึงถูกไหว้วานให้มาดูแลนักบุญหญิง เธอสวย..เป็นความสวยที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็ยังคงงดงามเป็นอย่างมาก แต่ทว่าจานีคนั้นเหมือนภาพวาดมากกว่า เป็นความสวยที่แตะต้องไม่ได้ และ..ไม่รู้สึกอยากจะครอบครองด้วย เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ ถึงทำให้ความอยากของเขาไม่ได้ก่อนตัวขึ้นมาในใจเลย..อาจจะเพราะสตรีที่เขาชอบไม่ได้เป็นแบบเธอก็ได้ “นะ..หนาวค่ะ” เธอขดตัวอยู่ในผ้าห่มแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าความหนาวจะลดน้อยลงเลย “อดทนหน่อยนะครับ..อีกไม่นานท่านจะได้ดื่มยา” จานีคปรือตาขึ้นมามองใบหน้านั้น เธอแค่อยากได้อ้อมกอดจากท่านมาไคเท่านั้นเอง “ขึ้นมา..นะ..นอนกับข้าได้ไหมคะ แค่กอดข้าเอาไว้เท่านั้น” เธอพูดออกมาขณะที่ริมฝีปากกำลังกระทบกันด้วยความหนาวสั่น ร่างกายนั้นสั่นไหวด้วยความหนาวที่ยากจะรับมือ “แบบนั้นไม่เหมาะมั้งครับ” “ไหนบอกว่า ไม่ว่าข้าจะสั่งอะไรท่านก็พร้อมที่จะทำ!..ท่านมาไคหลอกลวงข้าอย่างนั้นหรือคะ ในตอนที่ท่านกล่าวคำปฏิญาณ” เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาฉ่ำวาวปรือปรอยไปด้วยพิษไข้ อ่า..มาไคเก่งแฮะที่สามารถรองรับอารมณ์เอาแต่ใจของสตรีผู้นี้ได้ ไมเนอร์ถอดเสื้อคลุมออก ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวนอนข้างๆเธอ จานีคโผเข้าหาอ้อมกอดนั้้นในทันที ราวกับว่าเขาคือกองไฟอุ่นในวันที่หิมะกำลังตกลงมา เขาคือสิ่งเดียวที่ทำให้ความหนาวเหน็บตามร่างกายของเธอจางหายไป “.....” เมื่อไมเนอร์ลดสายตาลง สิ่งที่เขาเห็นคือนักบุญหญิงที่กำลังหลับพริ้มในอ้อมแขนของเขา เธอนอนหนุนแขนของเขาเอาไว้ พร้อมกับจับชายเสื้อของเขาไม่ยอมปล่อยราวกับหวาดกลัวว่าเขาจะหลบหนีไป กลิ่นอะไรกันนะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดอยู่ตามร่างกายของเธอ มันหอมชนิดที่ว่าเขาต้องก้มหน้าลงไปสูดดมบนเรือนผมสีเงินของเธอ วนิลางั้นเหรอ..กลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกแต่คิดไม่ออกว่าได้กลิ่นมาจากที่ไหน มุมปากของไมเนอร์ยกสูงขึ้นมาก่อนที่เขาจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ..เขาเองก็เดินทางมาไกลมากพอสมควร แกรนด์ดัชชีของตระกูลไบร์ดัวนั้นไม่ได้อยู่ใกล้วิหารศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด เขาจึงคิดจะมาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือน้องชายฝาแฝดในการชักจูงนักบุญหญิงผู้ไร้เดียงสาและเอาแต่ใจ “อื้อ!” เธอร้องครางออกมาก่อนที่มือนั้นจะหลุดออกจากชายเสื้อแล้วไปวางเอาไว้บนโคนขาของเขาแทน.. ไมเนอร์กลืนน้ำลายอย่างช้าๆ เขาพยายามใช้มืออีกข้างเพื่อปัดมือของเธอออกไปจากจุดที่อันตรายแต่ทว่ามันกลับไม่ได้ผล “นี่ไม่ได้ไร้เดียงสาในแบบที่มาไคบอกมาเลยสักนิดเดียว..หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ได้หลับอยู่กันนะ” เขาอยากจะแกล้งเธอจึงแลบลิ้นออกมาเลียที่ใบหูนั้นเบาๆ แทนที่เธอจะสะดุ้งเพราะความตกใจ แต่ไมเนอร์กลับได้ยินเสียงกรนเบาๆ ออกมา ให้ตายสิ หลับจริงงั้นเหรอเนี่ย? แล้วเอามือมาจับตรงส่วนนั้นของเขาทำไมกัน! ..แต่เห็นว่าไม่สบายอยู่หรอกนะ เพราะฉะนั้นเขาจะยอมปล่อยผ่านไป ไมเนอร์หลับตาลงอีกครั้งก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเชื่องช้าเมื่อมาไคกลับมาถึงวิหาร เขาก็รีบถือห่อยาไปที่ห้องครัวในทันทีก่อนจะทำการต้มยาตามที่หมอหลวงสั่งมา เขาเป็นห่วงท่านจานีคมากทีเดียว แต่ทว่าเพราะในยามนี้ท่านจานีคมีพี่ชายของเขาคอยดูแลอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเบาใจไปได้บ้าง ว่าท่านจานีคจะปลอดภัยภายใต้การดูแลของไมเนอร์เราคือฝาแฝดที่ไมเนอร์เป็นผู้ลืมตาดูโลกออกมาก่อน แต่ทว่าใบหน้าของเรากลับไม่ได้เหมือนกันขนาดที่จะมองเป็นคนคนเดียว เขามีเส้นผมสีแดงเหมือนกับท่านแม่ แต่ไมเนอร์กลับมีเส้นผมสีดำที่เหมือนท่านพ่อมากกว่าเขาเลือกที่จะสละยศแกรนด์ดยุคให้ไมเนอร์ หลังจากนั้นเขาก็พาตัวเองมาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนหนึ่งมาไคไม่อยากให้ระหว่างเราสองพี่น้องมีเรื่องของการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นมา เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องคงอยู่..ฉะนั้นแล้วอะไรที่เขาพอจะเสียสละให้ไมเนอร์ได้ มาไคยินดีที่จะทำมาไคถือถ้วยยาเดินตรงไปยังห้องพักของท่านจานีค เขาเปิดประตูอย่างแผ่วเบาเพราะคิดว่าท่านจานีคคงกำลังนอนหลับอยู่..บอกตามตรงว่ามาไคแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่เห็นไมเนอร์นั่งเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงตามที่เขาร้องขอ..เขาเดินตรงไปที่เตียงนอน และสิ่งที่เขาเห็นมันคือท่านจานีคที่กำลังนอนหลับอย
ตอนนี้ค่าเสน่ห์ของฉันนั้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 แล้ว เพิ่มมาจากเดิมอีก 5 น่าจะเพิ่มมาจากความสงสารและเห็นใจของท่านมาไคแน่นอนแล้วถ้าหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด หากว่าฉันสามารถพิชิตใจของมาไคได้แล้ว ฉันอาจจะสามารถพิชิตใจพี่ชายของมาไคต่อได้เลยก็ได้เพราะว่า แกรนด์ดยุคไมเนอร์นั้นใช้ค่าพลังในการพิชิตใจ 45...มันอาจจะไม่ได้ยาก...“แค่ก..แค่ก”เสียงไอนั้นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบน้ำอุ่นส่งให้มาไค สามวันหลังจากที่ฉันนอนซมอยู่บนเตียง ฉันหายดีราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน อาจจะเพราะพิษไข้พวกนั้นย้ายจากฉันไปติดพวกเขาสองคนแทน ทั้งท่านมาไคและท่านไมเนอร์ต่างกำลังนอนป่วยกันอยู่ในตอนนี้“นี่คือความผิดของข้าใช่ไหมคะ ท่านมาไคไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าข้าจะดูแลท่านเอง ให้สาสมกับที่ท่านดูแลข้าเป็นอย่างดีในระหว่างที่ข้ากำลังป่วย”ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตามหลังจากที่ฉันเข้ารับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกับท่านคาดินันแซลัส หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี หากว่าฉันยังไม่มีค่าเสน่ห์ถึง100ก็ไม่ควรเสนอหน้าไปต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นหรอกวิหารกว้างใหญ่มากทีเดียว และที่พักของนักบุญหญิงก็เ
แค่กลืนน้ำลายมาไคยังรู้สึกเจ็บคอเลย เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูท่าทีตั้งอกตั้งใจของท่านจานีค..ที่กำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่เธอเอื้อมมือมาแตะลงบนหน้าผากของเขาเบาๆ เช่นเดียวกันกับที่เขาเคยทำกับเธอเมื่อหลายวันก่อน เพื่อวัดไข้และตัวของเขายังร้อน ยิ่งที่แก้มทั้งสองข้างน่าจะร้อนมากกว่าปกติหลายเท่าตัวเพราะในตอนนี้เขากำลังเขินอายอยู่..หลังฝ่ามือของฉัน มันร้อนและการเช็ดตัวที่พึ่งทำไปมันไม่ได้ทำให้เขาตัวเย็นลงเลยหรือว่าจะต้องถอดกางเกงของเขาออกมาด้วยนะ มันถึงจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขานั้นกลับมาเป็นปกติ เพราะความเป็นห่วงจึงไม่ได้ทำให้จานีคคำนึงถึงผลที่จะตามมา อีกทั้งในใจของเธอยังมีความแน่วแน่ว่าจะทำให้ท่านมาไคหายป่วย มากกว่าที่จะคิดเรื่องลามกและการพิชิตใจของเขาปลายนิ้วเล็กๆ นั่นกำลังเลื่อนลงไปที่ด้านล่าง ก่อนจะถอดกางเกงที่มาไคสวมอยู่ออกทางปลายเท้าเขาสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืน ในใจของมาไคคิดว่าคนที่คิดเรื่องสกปรกพวกนั้นมันคงเป็นเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนท่านจานีค..ท่านสูงส่งมากเกินกว่าจะคิดเรื่องอะไรพวกนั้น..เขากำลังละอายต่อราคะที่กำลังแผดเผาในใจ ละอายมากเสียจนไม่กล้าลืมตาข
จานีคเดินกลับมาที่ห้อง เพราะมาไคบอกด้วยใบหน้าที่แดงจัดว่าเขาต้องการนอนพักผ่อน และเขากลัวว่าไข้จะกลับมาติดเธออีกครั้งหนึ่งฉันคิดว่าในบางทีเรื่องพวกนี้มันอาจไม่ง่ายต่อการรับมือและเธอควรที่จะให้เวลาเขาสักหน่อย กับการ..ยอมรับว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์อีกต่อไปแต่ว่าคนเราจะถือครองพรหมจรรย์ไปทำไมกันนะ เกิดมาก็ควรจะใช้ชีวิตแซ่บๆ ไปสิอัศวินที่ยืนอยู่หน้าห้องก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพนักบุญหญิง“ท่านคาดินันเรียกหาท่านนักบุญหญิงเป็นการส่วนตัวครับ..และท่านนักบุญฟลินย้ำว่าท่านนักบุญหญิงควรจะรีบไปเพื่อไม่ให้ท่านคาดินันรอนาน”พึ่งบ่นถึงแท้ๆว่าสบายใจดีจังเลยที่ไม่ได้เห็นหน้าคาดินันผู้นั้น แต่นี่เธอจะต้องไปพบเจอเขาอีกแล้วงั้นเรอะจานีคไม่เต็มใจเดินตามอัศวินผู้นั้นไปสักเท่าไหร่นัก แต่อย่างที่รู้เธอเลี่ยงไม่ได้ และเพราะระยะทางของที่พักนักบุญหญิงกับคาดินันห่างไกลกันมากพอสมควรเมื่อมาถึงที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน ประตูห้องทำงานที่สูงมากกว่าสี่เมตรก็เปิดออก“สวัสดียามบ่ายจานีค รีบเดินเข้ามาสิข้ามีเรื่องราวมากมายที่จะพูดคุยกับเจ้า..แน่นอนว่าเป็นการส่วนตัว”แซลัสเบนสายไปมองที่
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
จานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลยไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ..และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ“..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ”ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรง
มาไคยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วเบาๆ เมื่อพี่ชายของเขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดให้เขาฟัง และในยามนี้ท่านนักบุญหญิงกำลังอยู่ในห้องที่เป็นดังนรกกับท่านคาดินันอัมโบรเซอร์“ข้าทำ..อะไรไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงร้องขอที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของท่านนักบุญหญิง..”ท่านจานีคพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดันหลังของไมเนอร์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาและพี่ชายไม่ควรอยู่เฉยๆ เพื่อรอคอยการกลับมาของท่าน..“เราต้องช่วยท่านนะไมเนอร์”ไมเนอร์พยักหน้า“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วข้ากำลังคิดอยู่มาไค จะทำอย่างไรให้ท่านหญิงออกมาจากห้องนั้น..ต้องสร้างสถานการณ์หรือว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือดีล่ะ..”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เคาน์ดาโกแบทก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องของท่านนักบุญหญิง“รายงานท่านนักบุญให้หน่อยสิว่าข้า..มาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว”ไมเนอร์กะพริบตาเบาๆ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออก“เจ้ารีบเข้าไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านนักบุญหญิงติดมือไปด้วย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน บอกกล่าวทหารหน้าประตูว่าท่านเคาน์มาขอเข้าพบเป็นการด่วน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแค่ลำพังชื่อของท่านเคาน์ดาโกแบทไม่ได้มีน้ำหนักมาพอที่ท่าน
ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ