“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”
ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลย ไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ.. และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะ ทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ “..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ” ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้ แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรงส่วนกลางของมันกำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานสีใสที่พอใช้นิ้วลูบลงไปมันลื่นมากทีเดียว “เปลี่ยนกันจานีค ข้าเอากางเกงซับในตัวนี้ของเจ้าเอาไว้ ส่วนเจ้า..เดินไปโดยที่มีเข้าสิ่งนี้สอดลึกอยู่ในร่างกาย หากว่าเจ้าสามารถไปถึงที่พักของเจ้าโดยที่สิ่งที่อยู่ในรูแคบๆ นั้นไม่หล่นร่วงลงมา ข้าจะ..ให้อภัยในความผิดที่เจ้าก่อวันนี้” ยัง..ยังไม่ใช่ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการคือการยินยอมพร้อมใจทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนนั้นของเขามันแข็งตึงจนคับแน่นกางเกงไปหมด ต้องขอบคุณชุดคาดินันที่เขาสวมเอาไว้ เสื้อสีขาวที่ทำจากผ้าไหมชั้นดี ปักดิ้นทองด้วยมือ มีขนาดใหญ่มากพอสมควรและมันยาวมากเสียจนปกคลุมถึงข้อเท้า เสื้อตัวนี้ทำให้จานีคไม่รู้ว่าเขาต้องการเธอมากมายแค่ไหน.. หูของเธอไม่ได้ฝาดไปใช่หรือไม่ ทำไมเธอถึงได้ยินราวกับว่าเขากำลังจะปล่อยเธอไป ท่านแซลัสไม่เปิดเผยถึงคำปฏิญาณที่คราแรกเขาอยากให้เธอกล่าวออกมา..แต่นั้นมันอาจจะดีแล้วก็ได้ที่เขาไม่ดึงดันให้เธอสาบานอะไรพวกนั้น “ครั้งต่อไป..จะไม่มีการปล่อยเจ้าออกไปโดยที่เรายังไม่ทำจนถึงขั้นสุดท้ายหรอกนะ..ครั้งหน้าที่ข้าเรียกเจ้ามาพบเป็นการส่วนตัวกรุณาทำจิตใจให้พร้อม..จงยินยอมพร้อมใจในการเป็นสตรีของข้า..” เขาผละออกจากร่างกายของเธอก่อนที่จะเก็บกางเกงซับในสีขาวนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ สิ่งที่เขากล่าวออกมาในวันนั้นมันดูเหมือนว่าเขาเมตตาเธอมากทีเดียว..ทว่ามันเป็นแบบนั้นซะที่ไหนกัน เธอไม่ได้สวมกางเกงชั้นในแค่ก้าวลงจากโต๊ะนี่ก็ลำบากแล้ว.. ความเมตตาของท่านทำไมมันประสงค์ร้ายตลอดเลยนะ เขาต้องการทำให้เธออับอายไปจนถึงเมื่อไหร่กัน? แต่ถึงอย่างนั้นต่อให้สภาพในวันนี้จะน่าเวทนามากแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้หรอกนะ.. จานีคกำลังจะลุกขึ้น แต่ทว่าแซลัสกลับประชิดเข้ามาหาเธออีกครั้งหนึ่ง “ลำบากมากไหมกับการปฏิเสธข้า..” เขาเป็นบ้าอะไรของเขากันเนี่ย! “อะไรทำให้ท่านคิดว่าข้าลำบากกันคะ” “ทำไมถึงชอบตอบคำถามด้วยคำถามอยู่เรื่อย! ข้าไม่ชอบที่เจ้าเป็นแบบนั้นและ..อย่าตอบคำถามของข้าด้วยคำถามอีก” หากเขาไม่ชอบให้เธอถามกลับเช่นนั้นเธอควรตอบเขาว่าอย่างไรกัน ตอบตรงกับความคิดก็ไม่ได้เพราะตัวหนังสือสีแดงที่ขึ้นอยู่มันบ่งบอกว่าเธอกำลังอยู่ในสถานะถูกล่อลวง จะให้ตอบเขาว่าไม่ลำบากเลยค่ะ อะไรแบบนั้นเหรอ? นี่ใจคอเขาจะให้เธอโกหกเขาทุกคำเลยรึไง หากว่า..พูดไม่รู้เรื่องเช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดสิ ควรปิดปากของเขาเอาไว้สินะ ใช่แล้วก็แค่..ปิดปากเขาเอาไว้ไม่ให้เขาถามเธอซะก็สิ้นเรื่อง.. จานีคใช้ทั้งสองมือกอดคอของท่านแซลัสเอาไว้ เธอกำลังนึกขำในใจ ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ แต่เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดของเขา สุดท้ายแล้วเอก็ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง..เพื่อจูบเขา เปลือกตาของจานีคปิดลงขณะที่ริมฝีปากสัมผัสกัน ใบหน้าของแซลัสแข็งค้างอยู่เช่นนั้น เพราะเขาไม่คิดว่าจานีคจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน ดวงตาสีมรกตนั้นมองมาที่ริมฝีปากของเขา แล้วเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ รู้สึกตัวอีกทีเธอก็หลับตาแล้วหลังจากนั้นริมฝีปากของเขาก็สัมผัสได้ถึงรสจูบแสนหวาน เธอดูดเม้มกลีบปากของเขาอย่างนุ่มนวล โพรงปากของเขาแทบละลายด้วยอุณหภูมิจากรสจูบที่เร่าร้อน พึงพอใจ..สามคำที่ปรากฏอยู่ในหัวของแซลัสยามนี้คือเขาหลงลืมไปจนหมดสิ้น ทั้งเรื่องที่เธอขัดคำสั่งของเขาและเรื่องที่เธอชอบโกหกเขา หลงลืมไปจนหมดเพื่อจมลงสู่ความหวานล้ำในขณะที่ริมฝีปากของเรากำลังเสียดสีกันอย่างหนักหน่วง เขายกมือขึ้นมาหมายจะตะกองกอดเธอเอาไว้ แต่ในวินาทีนั้นหูของแซลัสกลับได้ยินเสียงเปิดประตู “ขออภัยด้วยครับท่านคาดินัน ข้าพยายามห้ามปรามท่านอัศวินแล้ว..” ฟลินเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบคุกเข่าเพื่อขอโทษที่เขาไม่สามารถขวางกั้นท่านมาไคได้ มาไคมองตรงไปที่ท่านนักบุญหญิงจานีค นี่เป็นอีกครั้งที่เขามองเห็นสภาพที่ไม่สู้ดีของเธอ ในยามที่เธออยู่ตามลำพังกับท่านคาดินัน ครั้งที่สองที่เขาเห็นสายตาที่ดูเหมือนจะร่ำไห้โห่ร้องด้วยความดีใจเมื่อเธอเห็นเขา แน่นอนว่าในใจมันรู้สึกที่ได้มองเห็นสายตานั้น แต่หากเลือกได้มาไคก็ไม่อยากจะเห็นสายตาแบบนั้น เพราะมันบ่งบอกได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาของท่านจานีคมันเลวร้าย..มากแค่ไหน “ท่านเคาน์..มาขอเข้าพบครับท่านจานีค” ที่ปากยังคงสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนจากร่างกายของท่านแซลัสได้อย่างชัดเจน จานีคช้อนสายตามองหน้าของท่านคาดินันที่สีหน้าว่างเปล่า ช่างน่าแปลกที่เขาไม่ได้โกรธที่มาไคมาขัดจังหวะ.. เธอหลุบสายตาลงด้วยความโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะพยายามปั้นยิ้มขึ้นมา “ข้าไปก่อนนะคะท่านคาดินัน..” เธอบอกลาเขาด้วยรอยยิ้มที่งดงามราวกับเบื้องหลังของรอยยิ้มนั้นมีดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานอยู่ “มาไค..ช่วยเข้ามาอุ้มข้าไปหน่อยสิ” นี่คือคำตอบของเธอสินะ คำตอบว่าเธอดีใจมากแค่ไหนที่ได้ไปจากเขา อีกทั้งเธอยังทำตามที่เขาสั่งทุกคำอย่างเคร่งครัดอีกด้วย กลับไปที่เรือนพัก โดยที่ไม่ให้เจ้าแท่งนั้นหลุดออกมาจากร่างกายของเธอ จานีค..เจ้าช่างทำให้วันที่น่าเบื่อของข้ามีสีสันขึ้นมา แซลัสจับมือของจานีคมาจุมพิตที่ด้านด้านหลังฝ่ามือ “แล้วพบกันครั้งหน้านะ..จานีค” เขาบอกลาเธอด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ก่อนจะขยิบตาให้.. ครั้งหน้าที่เราเจอกัน รู้ใช่ไหมว่าเจ้าจะโดนอะไรจานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
“ตอนนี้เราไม่เหลือทางเลือกแล้วลูกรักไม่ว่าอย่างไร ในเช้าวันพรุ่งนี้รถม้าของวิหารศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาที่นี่ หากไม่มีสตรีใดเดินขึ้นบนรถม้า เราจะตายกันหมดนะจานีค..นั่นลูกกำลังฟังพ่ออยู่รึเปล่า?”แม่งเอ้ย!! สุดท้ายไอ้เกมบ้านี่ก็ส่งฉันมาในบทบาทสุดรันทดอย่างบทบาทของนักบุญหญิงงั้นเรอะก็บอกว่าไม่เอาบทบาทนี้ไงล่ะโว้ย!!ทันทีที่ฉันบ่นจบ หน้าต่างของเกมเด้งขึ้นมาในทันทีนักบุญหญิง จานีคแห่งตระกูลโอเรียสค่าเสน่ห์ 20พลังเวท -2ความฉลาด 10ความร่ำรวย -20ความสวย 98นั่นแหละ นั่นคือปัญหาที่ฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ตัวฉันเห็นแก่เงินอันน้อยนิดในการหาผู้ทดลองเล่นในเกมเสมือนจริง เพราะแบบนั้นก็เลยสมัครไปและได้รับคัดเลือกมา..แต่ทว่าทันทีที่เข้ามาในเกมนี้ฉันก็พบว่าข้อตกลงของเกมที่ได้ให้คำมั่นกับฉันเอาไว้มันไม่ตรงตามที่ตกลงกันเอาไว้เลยข้อแรก..ฉันออกจากเกมนี้ไปไม่ได้จนกว่าจะผ่านรูททั้งหมด ซึ่งตัวละครชายในเกมนี้มีสิบคน..ใช่แล้วสิบคน จะผ่านทั้งสิบคนไปได้ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยงั้นเรอะ!และข้อสอง ฉันเขียนลงไปในใบสัญญาด้วยตัวบรรจงว่าบทบาทที่ฉันอยากได้ คือ..องค์หญิง..คือบทบาทองค์หญิงไงละโว้
ผมสีทองของเขานั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่เจิดจ้าและในวินาทีที่เขาสั่งให้ฉันเดินเข้าไปหาเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกมนต์สะกด เพราะค่าเสน่ห์ของเขานั้นมันมากเกินกว่าที่เธอจะยอมรับได้นี่คือตัวละครตัวที่สิบที่ฉันจะต้องพิชิต แต่ทว่าทำไม..ฉันต้องเจอเขาเป็นคนที่สองด้วยนะ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยค่าเสน่ห์20ของฉันจะเอาอะไรไปสู้กับค่าเสน่ห์100ของเขากันนะ บ้าชะมัดเลย!“ขออภัยด้วยครับท่านค่าดินัน แต่ท่านนักบุญหญิงพึ่งจะเดินทางมาที่นี่ และข้าอยากพานางไปที่ห้องพักก่อน..อีกทั้งท่านนักบุญหญิงต้องเปลี่ยนชุดและเข้าร่วมพิธีต้อนรับอีกนะครับ..”ดวงตาของแซรัสหรี่ลงเล็กน้อย เขากำลังไม่พอใจ ไม่พอใจอย่างมากที่มาไคกำลังขัดขวางเขาแต่ทว่านี่มันพึ่งจะเริ่มต้น ยังมีเวลาอีกมากมายให้เขาได้เพลิดเพลินไปกับการดื่มด่ำกับร่างกายที่แสนหอมหวานนั่น..“เช่นนั้นเจ้าก็พานักบุญหญิงคนใหม่ของเราไปที่พักเถิดมาไค..”อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นไม่ธรรมดาเพราะพี่ชายของเจ้านั่นคือแกรนด์ดยุคและยศของหมอนั่นคือท่านชายด้วยซ้ำเขาไม่อยากจะมีปัญหาที่มากวนใจ อะไรที่ปล่อยไปได้ก็ควรจะปล่อยไปก่
มาไคยกมือขึ้นมากุมหัวใจของตัวเอง เมื่อกระดิ่งถูกสั่นขึ้นและในยามนี้เขาจะต้องเดินทางไปที่ห้องนอนของท่านนักบุญหญิงนางงดงาม..ถึงแม้จะมิได้เย้ายวนเท่าไหร่ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขารู้สึกสั่นไหวได้ไม่ยากเขาไม่รู้ว่าท่านนักบุญจะเรียกใช้ด้วยเหตุผลอันใด แต่ทว่าเขาไม่มีเหตุผลให้ตัวเองปฏิเสธการรับใช้ท่านนักบุญหญิงมาไคดึงสติของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วเพื่อที่เขาจะได้เดินไปที่ห้องของท่านนักบุญหญิงด้วยใบหน้าที่เฉยชาต่อทุกสิ่ง ทันทีที่เขาเข้ารับการปฏิญาณตน นั่นหมายความว่าเขาจะต้องคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของตนเอง อีกหน้าที่หนึ่งของอัศวินศักดิ์สิทธิ์คือการรับใช้ท่านนักบุญหญิง รับใช้ที่ว่านั่นคือ..การรับใช้แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงเธอดูเหมือนลูกกระต่ายตัวน้อยที่ตื่นกลัวในยามที่เห็นหน้าท่านคาดินัน ท่านนักบุญหญิงสั่นไหวมากจนเขารู้สึกเป็นห่วง ถึงได้ก้าวเข้าไปเพื่อที่จะขัดขวางการชักชวนของท่านคาดินัน เขารู้ว่านั่นคือการ กระทำที่อุกอาจเป็นอย่างยิ่ง อัศวินเช่นเขาไม่ควรขัดใจท่านคาดินัน..แต่ตัวของท่านคาดินันเองก็ขัดใจเขาไม่ได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่อัศวินศักดิ์สิทธิ์แต่เพราะยศเก่าของเขาคือยศท่านช
ชุดนักบุญหญิงสีขาวถูกสวมลงบนร่างกายของฉัน ทักษะการแต่งหน้าทำผมของมาไคนั้นน่าทึ่งมากทีเดียว เขาบอกว่าตัวเองฝึกอย่างหนักเพื่อที่จะมารับใช้และดูแลเธอเขาเดินออกไปจากห้องนอนของตัวเองเพื่อขออนุญาตไปเตรียมตัวบ้าง เพราะเขาเองก็จะต้องเข้าร่วมพิธีนี้เหมือนกันเมื่ออยู่คนเดียวฉันคิดว่าจะต้องคุยกับระบบของเกมนี้ให้รู้เรื่องสักหน่อย“นี่ ฉันต้องการคู่มือการใช้ อย่างเช่นวิธีการเพิ่มค่าเสน่ห์ของตัวเองหรือว่าวิธีที่ทำให้ตัวละครในเกมนี้มาสนใจอะไรแบบนั้น.."“ติ้ง!!”"วิธีเพิ่มค่าเสน่ห์ทางลัดนั้น..ไม่มีค่ะคุณผู้เล่น เพราะค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณผู้เล่นสามารถพิชิตใจตัวละครในเกมนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้คุณผู้เล่นมีค่าเสน่ห์อยู่ที่ 25 ค่าเสน่ห์ที่เพิ่มมา 5 หน่วยนั้นเพิ่มมาจากค่าเสน่ห์ของคุณอัศวินมาไคที่ลดลง หากคุณผู้เล่นสามารถพิชิตใจคุณอัศวินมาไคได้ ค่าเสน่ห์ของผู้เล่นจะเพิ่มมาเป็น 35 จาก 20 นั่นหมายความว่าค่าเสน่ห์จะเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่สามารถพิชิตใจตัวละครชายได้..มีข้อควรระวังด้วยนะคะ หากว่าคุณผู้เล่นพบเจอตัวละครชายที่มีค่าเสน่ห์มากเกินไป ในบางครั้งจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้โปรดระมั
ทันทีที่มาไคออกมาจากห้องของท่านนักบุญหญิงสิ่งแรกที่เขาเห็นคือนักบุญฟลิน ที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้องเขา“เพราะใกล้ที่จะเริ่มพิธีอันแสนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านคาดินันจึงเมตตาให้ข้านำชุดนี่มาให้ท่านอัศวินครับ ช่วยกรุณาแต่งกายอย่างเต็มยศเพื่อที่จะได้ปกป้องท่านนักบุญหญิงด้วยนะครับ”มาไคก้มหน้าลงเพื่อเป็นการขอบคุณ เขารับกล่องเสื้อผ้านั้นมาด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถปฏิเสธการรับสิ่งของที่ท่านคาดินันส่งให้ได้“ฝากท่านนักบุญไปขอบคุณท่านคาดินันด้วยนะครับ”ฟลินพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจะต้องยืนอยู่หน้าห้องของท่านอัศวินเพื่อส่งท่านอัศวินเข้าห้องตามมารยาทมาไคเข้ามาในห้องพักของตนเอง เขาวางกล่องปริศนานั้นเอาไว้ก่อนจะเดินไปยกแก้วน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย หากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ในบางทีเขาอยากจะกระโดดขย้ำท่านจานีคไปแล้วก็ได้ หรือไม่เขาอาจจะเผลอใช้มือของตัวเองสัมผัสลงไปบนเนินอกที่เต่งตึงนั้นสักครั้ง ไล้ไปตามหน้าท้องคอดกิ่วหรือไม่ก็ตามเส้นขนสีเงินที่ขึ้นอยู่รำไรที่ด้านล่าง แม้กระทั่งในจุดที่ลับที่สุดก็ยังคงมีสีที่เหมือนกับดอกกุหลาบ..ท่านจานีคของเขานั้น..งดง
ความนุ่มอุ่นอันน่าพึงพอใจกำลังโอบรัดตัวตนของเขาที่กำลังขยายตัวอยู่ในปาก คราแรกแซลัสไม่คิดด้วยซ้ำว่าปากเล็กๆ ของเธอจะอ้าออกเพื่อรับเขาเข้าไปได้..แต่ทว่าเธอทำได้มันน่ารักตรงไหนรู้ไหม ตรงที่ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะแสดงออกถึงความจำนน แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เธอจ้องมองราวกับว่าจะทำให้เขาจุมพิตที่ปลายเท้าของเธอให้ได้ในสักวันหนึ่งนี่คือความสนุกสนานเล็กๆ ของแซลัส การต่อต้านที่แสนหวานและเกลียวลิ้นที่ค่อยๆ เล็มชิมจุดอ่อนไหวที่ส่วนปลายอย่างเชื่องช้าเขาร้องครางลอดใต้ไรฟัน ส่วนกลางกำลังขยายใหญ่อีกครั้งหนึ่งราวกับร่างกายของเขากำลังจะบอกว่าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ในวินาทีที่เธอพรมจูบส่วนหัวไปตลอดท่อนลำเขากดเข้าที่ท้ายทอยของเธอเพื่อบ่งบอกให้จานีคอ้าปากออกเพื่อรับเขาเข้าไปในนั้น เขาขยับเอวกระทั้นเข้าไปในริมฝีปากนุ่มๆตามอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในมือของจานีคจับเข้าที่บั้นท้ายของท่านแซลัส เธอกำลังพยายามผลักเขาออกไป เพราะดูเหมือนว่าตัวเธอจะหายใจไม่ทัน แต่มันไม่เป็นผล..เขากระทั้นเข้าไปอีกพักหนึ่งก่อนที่ในปากจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวอ่อนๆ และรสฝาดเฝื่อนที่กำลังเอ่อท้นเข้ามาในริมฝีปากเขา
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
จานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลยไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ..และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ“..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ”ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรง
มาไคยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วเบาๆ เมื่อพี่ชายของเขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดให้เขาฟัง และในยามนี้ท่านนักบุญหญิงกำลังอยู่ในห้องที่เป็นดังนรกกับท่านคาดินันอัมโบรเซอร์“ข้าทำ..อะไรไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงร้องขอที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของท่านนักบุญหญิง..”ท่านจานีคพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดันหลังของไมเนอร์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาและพี่ชายไม่ควรอยู่เฉยๆ เพื่อรอคอยการกลับมาของท่าน..“เราต้องช่วยท่านนะไมเนอร์”ไมเนอร์พยักหน้า“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วข้ากำลังคิดอยู่มาไค จะทำอย่างไรให้ท่านหญิงออกมาจากห้องนั้น..ต้องสร้างสถานการณ์หรือว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือดีล่ะ..”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เคาน์ดาโกแบทก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องของท่านนักบุญหญิง“รายงานท่านนักบุญให้หน่อยสิว่าข้า..มาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว”ไมเนอร์กะพริบตาเบาๆ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออก“เจ้ารีบเข้าไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านนักบุญหญิงติดมือไปด้วย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน บอกกล่าวทหารหน้าประตูว่าท่านเคาน์มาขอเข้าพบเป็นการด่วน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแค่ลำพังชื่อของท่านเคาน์ดาโกแบทไม่ได้มีน้ำหนักมาพอที่ท่าน
ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ