“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”
การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะ ช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อน เขาต้องปกป้องเธอเอาไว้ “ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย” ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมอ อะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่จะเก็บอาการไม่พอใจได้ อะไรกันที่ทั้งแกรนด์ดยุคและคาดินัน กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นตายเช่นนั้น เคาน์ฟลอยด์ แห่งตระกูลดาโกแบทยกมือขึ้นมาเท้าคาง การประชุมที่แสนน่าเบื่อในวันนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องที่ทำให้เขาไม่รู้สึกอยากหลับและง่วงนอนเหมือนครั้งที่ผ่านมาแล้วละสิ..น่าสนใจประเด็นนี้ชะมัดเลย แล้วก็อีกเรื่องที่น่าสนใจคือนักบุญหญิงผู้งดงาม สตรีตระกูลโอเรียส บิดาของเลดี้ทั้งสองมิเคยพาเลดี้ตระกูลโอเรียสออกไปข้างนอกเลย ด้วยเหตุนั้นเองจึงไม่มีใครรู้สึกรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเลดี้ จานีคและเลดี้จามิกา สองพี่น้องผู้เป็นเทพธิดาของสวรรค์ คราแรกมีข่าวลือว่าท่านเคาน์อาดาลจะส่งเลดี้จามิกามาเข้ารับตำแหน่งนักบุญหญิง แต่ไปๆ มาๆ กลับส่งเลดี้จานีคคนน้องเข้ามารับตำแหน่งนั้นแทน..เรื่องนี้ก็น่าสนใจมากทีเดียว อยากเห็นหน้านั้นชะมัดเลยว่าจะสวยสักแค่ไหน จะคุ้มค่าให้เขาลงสนามเพื่อแย่งชิงค่ำคืนแสนหวานกับนางรึเปล่า. ไมเนอร์หยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาในกระเป๋าเสื้อของเขาออกมาแล้วส่งให้จานีคที่กำลังนั่งอยู่ใต้โต๊ะ เขาจัดการเก็บส่วนที่ไม่ควรเปิดเผยกลับเข้าไว้ที่ที่สิ่งนั้นควรจะอยู่ ก่อนจะใส่เข็มขัดกลับเข้าตามเดิม ส่วนจานีคเธอรับผ้าเช็ดหน้านั้นด้วยคำถามมากมายที่เกิดขึ้นมาในใจ การเล่นสนุกในครั้งนี้จบลงโดยที่เขาเองก็ยังไม่ทันได้ปลดปล่อยออกมา ส่วนเธอ..จะออกไปที่นี่แบบไหนดีที่จะไม่ต้องทนอยู่ให้ท่าน คาดินันแซลัสจัดการเธอ แต่ทว่าการหนีเขา..มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะในท้ายที่สุดหากว่าเขาส่งฟลินผู้บึ้งตึงไปตามเธอ เธอก็ไม่มีหนทางที่จะขัดใจหรือว่าขัดขวางเขาอยู่ดี แต่..ขอหนีเขาสักวันก็คงไม่ผิดละมั้ง เพราะหากว่าเราเจอกันในภายหลังบางทีอารมณ์โกรธของเขาอาจจะหมดลงก่อน อีกทั้งไอ้แท่งเจ้าปัญหานี้มันควรจะถูกดึงออกได้แล้ว ส่วนล่างเปียกไปหมดจนเธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว แต่ปัญหาคือในนี้แคบมากเกินไป เกินกว่าที่เธอจะเอื้อมมือแล้วดึงมันออก จานีคช้อนสายตามองหน้าของไมเนอร์ที่กำลังก้มลงมามองเธอพอดี “ช่วย-หน่อย-นะคะ” เธอพูดออกมาโดยที่ไม่ได้เปล่งเสียง จานีคค่อยๆ หมุนตัวก่อนจะคุกเข่าแล้วหันหลังเพื่อให้บั้นท้ายของเธอมันอยู่พอดีหน้าขาของเขา ใบหน้าของไมเนอร์ขึ้นสีกุหลาบอีกรอบเมื่อเขาเห็นท่าทีที่แปลกไปของเธอ สิ่งที่เหมือนจะสงบไปแล้ว กลับกลายเป็นตื่นมาในทันทีเหมือนเขาเห็นสิ่งเร้า.. จานีคเลิกกระโปรงของเธอขึ้นมากองที่เอว และนั่นทำให้ไมเนอร์มองเห็นตรงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วนั้นมีบางอย่างที่นูนออกมา ที่บอกให้เขาช่วยคือให้ช่วยเอาเจ้าสิ่งนี้ออกมาร่างกายของเธองั้นหรือ ไมเนอร์อยากจะบ้าตายจริงๆ วันนี้มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมายแต่นี่คือสิ่งที่เขาไม่มีวันคาดคิดอย่างแน่นอนว่ามันจะเกิดขึ้น ท่านนักบุญหญิงจานีคกำลังหันหลังให้เขาพร้อมกับขอร้องให้เขา “ดึง” แท่งบางอย่างออกจากร่างกายของเธอ ดวงตาสีอำพันนั้นจับจ้องไปที่ใบหน้าของแกรนด์ดยุค..จับจ้องอยู่อย่างนั้นพร้อมกับมือที่กำแน่น ดูจากสายตาของแกรนด์ดยุคในยามนี้ แซลัสคิดว่าเขาพอจะเดาได้ว่าแกรนด์ดยุคผู้นั้นกำลังเห็นสิ่งใด จานีคคงกำลังขอร้องให้หมอนั่นช่วยนำเอา..บางอย่างออกจากร่างกายของนางเป็นแน่ เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลยให้ตายสิ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกและถูกหมิ่นเกียรติขนาดนี้เลย กล้าดีอย่างไร สตรีผู้นั้นกล้าดีอย่างไรถึงได้แสดงท่าทีอวดดีเช่นนั้น นางอยู่ในเงื้อมมือของเขาแท้ๆ แต่กลับริอาจต่อสู้กับเขา นางทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอย่างมากจนเขาสึกอยากจะฆ่าใครให้ตายสักคน แน่นอนว่าเขาฆ่าแกรนด์ดยุคไม่ได้หรอก แต่กับคนอื่นก็ไม่แน่ “ข้าอยากให้การประชุมจบลงเพียงเท่านี้ วันพรุ่งนี้ค่อยเรียกพวกเขามาประชุมใหม่” แซลัสกล่าวออกมาเบาๆ เพื่อให้มีแค่ฟลินเท่านั้นที่ได้ยิน สิ้นเสียงของคาดินัน นักบุญฟลินก็ตบมือเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียง “ในวันนี้ทุกท่านคงจะเหน็ดเหนื่อยกับการประชุมแล้วสินะครับ วันนี้ข้าคิดว่าเราหยุดการประชุมเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาปรึกษาหารือในส่วนที่เหลือกัน..” เคาน์ฟลอยด์แสยะยิ้มออกมาในทันที “เรื่องนั้นพวกเราไม่อาจขัดประสงค์ของท่านคาดินันได้อยู่แล้วครับ เพียงแต่คฤหาสน์ดาโกแบทของข้านั้นช่างอยู่ห่างไกลจากวิหารมากเหลือเกิน ไหนๆ พรุ่งนี้ก็จะต้องเดินทางมาที่นี่ เช่นนั้นแล้วข้านอนค้างที่นี่ได้หรือไม่ คงจะมีขุนนางอีกหลายคนที่คิดไม่ต่างจากข้าเท่าไหร่นัก จริงไหมพวกเรา..” เสียงตอบรับของขุนนางคนอื่นๆ ดังขึ้นมาในทันที พวกเขาต่ำต้อยมากกว่าคาดินัน ฉะนั้นแล้วจึงไม่อาจบังคับให้คาดินันผู้สูงส่งอยู่ในห้องนี้ทำการประชุมต่อไปได้ แต่เคาน์ฟลอยด์ไม่ได้รู้สึกอยากกลับบ้านเลย เขาคิดว่าที่วิหารนี่จะต้องมีเรื่องสนุกๆ และอะไรดีๆ รอเขาอยู่อย่างแน่นอน.. เขาต้องค้างที่นี่และต้องได้เห็นหน้าท่านนักบุญหญิงให้ได้ ไมเนอร์หลับตาลงช้าๆ เมื่อสิ้นเสียงประกาศของนักบุญฟลิน เขาไม่สามารถช่วยท่านจานีคได้ในตอนนี้เพราะหากเขาดึงเจ้าสิ่งนั้นออกมาและทำท่าทางยึกยักใต้โต๊ะ เขาอาจจะถูกสงสัยได้ เนื่องจากขุนนางคนอื่นๆ กำลังลุกจากที่นั่ง “อ่อ..ขอเชิญท่านแกรนด์ดยุคอยู่ต่อด้วยนะครับ ข้าเห็นว่าท่านไม่สบายจึงจะช่วยประสาทพรให้ หวังว่าท่านคงจะไม่รังเกียจ”ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
มาไคยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วเบาๆ เมื่อพี่ชายของเขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดให้เขาฟัง และในยามนี้ท่านนักบุญหญิงกำลังอยู่ในห้องที่เป็นดังนรกกับท่านคาดินันอัมโบรเซอร์“ข้าทำ..อะไรไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงร้องขอที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของท่านนักบุญหญิง..”ท่านจานีคพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดันหลังของไมเนอร์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาและพี่ชายไม่ควรอยู่เฉยๆ เพื่อรอคอยการกลับมาของท่าน..“เราต้องช่วยท่านนะไมเนอร์”ไมเนอร์พยักหน้า“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วข้ากำลังคิดอยู่มาไค จะทำอย่างไรให้ท่านหญิงออกมาจากห้องนั้น..ต้องสร้างสถานการณ์หรือว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือดีล่ะ..”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เคาน์ดาโกแบทก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องของท่านนักบุญหญิง“รายงานท่านนักบุญให้หน่อยสิว่าข้า..มาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว”ไมเนอร์กะพริบตาเบาๆ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออก“เจ้ารีบเข้าไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านนักบุญหญิงติดมือไปด้วย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน บอกกล่าวทหารหน้าประตูว่าท่านเคาน์มาขอเข้าพบเป็นการด่วน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแค่ลำพังชื่อของท่านเคาน์ดาโกแบทไม่ได้มีน้ำหนักมาพอที่ท่าน
“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลยไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ..และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ“..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ”ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรง
จานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
“ตอนนี้เราไม่เหลือทางเลือกแล้วลูกรักไม่ว่าอย่างไร ในเช้าวันพรุ่งนี้รถม้าของวิหารศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาที่นี่ หากไม่มีสตรีใดเดินขึ้นบนรถม้า เราจะตายกันหมดนะจานีค..นั่นลูกกำลังฟังพ่ออยู่รึเปล่า?”แม่งเอ้ย!! สุดท้ายไอ้เกมบ้านี่ก็ส่งฉันมาในบทบาทสุดรันทดอย่างบทบาทของนักบุญหญิงงั้นเรอะก็บอกว่าไม่เอาบทบาทนี้ไงล่ะโว้ย!!ทันทีที่ฉันบ่นจบ หน้าต่างของเกมเด้งขึ้นมาในทันทีนักบุญหญิง จานีคแห่งตระกูลโอเรียสค่าเสน่ห์ 20พลังเวท -2ความฉลาด 10ความร่ำรวย -20ความสวย 98นั่นแหละ นั่นคือปัญหาที่ฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ตัวฉันเห็นแก่เงินอันน้อยนิดในการหาผู้ทดลองเล่นในเกมเสมือนจริง เพราะแบบนั้นก็เลยสมัครไปและได้รับคัดเลือกมา..แต่ทว่าทันทีที่เข้ามาในเกมนี้ฉันก็พบว่าข้อตกลงของเกมที่ได้ให้คำมั่นกับฉันเอาไว้มันไม่ตรงตามที่ตกลงกันเอาไว้เลยข้อแรก..ฉันออกจากเกมนี้ไปไม่ได้จนกว่าจะผ่านรูททั้งหมด ซึ่งตัวละครชายในเกมนี้มีสิบคน..ใช่แล้วสิบคน จะผ่านทั้งสิบคนไปได้ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยงั้นเรอะ!และข้อสอง ฉันเขียนลงไปในใบสัญญาด้วยตัวบรรจงว่าบทบาทที่ฉันอยากได้ คือ..องค์หญิง..คือบทบาทองค์หญิงไงละโว้
ผมสีทองของเขานั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่เจิดจ้าและในวินาทีที่เขาสั่งให้ฉันเดินเข้าไปหาเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกมนต์สะกด เพราะค่าเสน่ห์ของเขานั้นมันมากเกินกว่าที่เธอจะยอมรับได้นี่คือตัวละครตัวที่สิบที่ฉันจะต้องพิชิต แต่ทว่าทำไม..ฉันต้องเจอเขาเป็นคนที่สองด้วยนะ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยค่าเสน่ห์20ของฉันจะเอาอะไรไปสู้กับค่าเสน่ห์100ของเขากันนะ บ้าชะมัดเลย!“ขออภัยด้วยครับท่านค่าดินัน แต่ท่านนักบุญหญิงพึ่งจะเดินทางมาที่นี่ และข้าอยากพานางไปที่ห้องพักก่อน..อีกทั้งท่านนักบุญหญิงต้องเปลี่ยนชุดและเข้าร่วมพิธีต้อนรับอีกนะครับ..”ดวงตาของแซรัสหรี่ลงเล็กน้อย เขากำลังไม่พอใจ ไม่พอใจอย่างมากที่มาไคกำลังขัดขวางเขาแต่ทว่านี่มันพึ่งจะเริ่มต้น ยังมีเวลาอีกมากมายให้เขาได้เพลิดเพลินไปกับการดื่มด่ำกับร่างกายที่แสนหอมหวานนั่น..“เช่นนั้นเจ้าก็พานักบุญหญิงคนใหม่ของเราไปที่พักเถิดมาไค..”อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นไม่ธรรมดาเพราะพี่ชายของเจ้านั่นคือแกรนด์ดยุคและยศของหมอนั่นคือท่านชายด้วยซ้ำเขาไม่อยากจะมีปัญหาที่มากวนใจ อะไรที่ปล่อยไปได้ก็ควรจะปล่อยไปก่
มาไคยกมือขึ้นมากุมหัวใจของตัวเอง เมื่อกระดิ่งถูกสั่นขึ้นและในยามนี้เขาจะต้องเดินทางไปที่ห้องนอนของท่านนักบุญหญิงนางงดงาม..ถึงแม้จะมิได้เย้ายวนเท่าไหร่ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขารู้สึกสั่นไหวได้ไม่ยากเขาไม่รู้ว่าท่านนักบุญจะเรียกใช้ด้วยเหตุผลอันใด แต่ทว่าเขาไม่มีเหตุผลให้ตัวเองปฏิเสธการรับใช้ท่านนักบุญหญิงมาไคดึงสติของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วเพื่อที่เขาจะได้เดินไปที่ห้องของท่านนักบุญหญิงด้วยใบหน้าที่เฉยชาต่อทุกสิ่ง ทันทีที่เขาเข้ารับการปฏิญาณตน นั่นหมายความว่าเขาจะต้องคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของตนเอง อีกหน้าที่หนึ่งของอัศวินศักดิ์สิทธิ์คือการรับใช้ท่านนักบุญหญิง รับใช้ที่ว่านั่นคือ..การรับใช้แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงเธอดูเหมือนลูกกระต่ายตัวน้อยที่ตื่นกลัวในยามที่เห็นหน้าท่านคาดินัน ท่านนักบุญหญิงสั่นไหวมากจนเขารู้สึกเป็นห่วง ถึงได้ก้าวเข้าไปเพื่อที่จะขัดขวางการชักชวนของท่านคาดินัน เขารู้ว่านั่นคือการ กระทำที่อุกอาจเป็นอย่างยิ่ง อัศวินเช่นเขาไม่ควรขัดใจท่านคาดินัน..แต่ตัวของท่านคาดินันเองก็ขัดใจเขาไม่ได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่อัศวินศักดิ์สิทธิ์แต่เพราะยศเก่าของเขาคือยศท่านช
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
จานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลยไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ..และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ“..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ”ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรง
มาไคยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วเบาๆ เมื่อพี่ชายของเขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดให้เขาฟัง และในยามนี้ท่านนักบุญหญิงกำลังอยู่ในห้องที่เป็นดังนรกกับท่านคาดินันอัมโบรเซอร์“ข้าทำ..อะไรไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงร้องขอที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของท่านนักบุญหญิง..”ท่านจานีคพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดันหลังของไมเนอร์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาและพี่ชายไม่ควรอยู่เฉยๆ เพื่อรอคอยการกลับมาของท่าน..“เราต้องช่วยท่านนะไมเนอร์”ไมเนอร์พยักหน้า“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วข้ากำลังคิดอยู่มาไค จะทำอย่างไรให้ท่านหญิงออกมาจากห้องนั้น..ต้องสร้างสถานการณ์หรือว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือดีล่ะ..”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เคาน์ดาโกแบทก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องของท่านนักบุญหญิง“รายงานท่านนักบุญให้หน่อยสิว่าข้า..มาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว”ไมเนอร์กะพริบตาเบาๆ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออก“เจ้ารีบเข้าไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านนักบุญหญิงติดมือไปด้วย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน บอกกล่าวทหารหน้าประตูว่าท่านเคาน์มาขอเข้าพบเป็นการด่วน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแค่ลำพังชื่อของท่านเคาน์ดาโกแบทไม่ได้มีน้ำหนักมาพอที่ท่าน
ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ