เมื่อมาไคกลับมาถึงวิหาร เขาก็รีบถือห่อยาไปที่ห้องครัวในทันทีก่อนจะทำการต้มยาตามที่หมอหลวงสั่งมา เขาเป็นห่วงท่านจานีคมากทีเดียว แต่ทว่าเพราะในยามนี้ท่านจานีคมีพี่ชายของเขาคอยดูแลอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเบาใจไปได้บ้าง ว่าท่านจานีคจะปลอดภัยภายใต้การดูแลของไมเนอร์
เราคือฝาแฝดที่ไมเนอร์เป็นผู้ลืมตาดูโลกออกมาก่อน แต่ทว่าใบหน้าของเรากลับไม่ได้เหมือนกันขนาดที่จะมองเป็นคนคนเดียว เขามีเส้นผมสีแดงเหมือนกับท่านแม่ แต่ไมเนอร์กลับมีเส้นผมสีดำที่เหมือนท่านพ่อมากกว่า เขาเลือกที่จะสละยศแกรนด์ดยุคให้ไมเนอร์ หลังจากนั้นเขาก็พาตัวเองมาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนหนึ่งมาไคไม่อยากให้ระหว่างเราสองพี่น้องมีเรื่องของการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นมา เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องคงอยู่..ฉะนั้นแล้วอะไรที่เขาพอจะเสียสละให้ไมเนอร์ได้ มาไคยินดีที่จะทำ มาไคถือถ้วยยาเดินตรงไปยังห้องพักของท่านจานีค เขาเปิดประตูอย่างแผ่วเบาเพราะคิดว่าท่านจานีคคงกำลังนอนหลับอยู่..บอกตามตรงว่ามาไคแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่เห็นไมเนอร์นั่งเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงตามที่เขาร้องขอ.. เขาเดินตรงไปที่เตียงนอน และสิ่งที่เขาเห็นมันคือท่านจานีคที่กำลังนอนหลับอย่างสบายในอ้อมแขนของไมเนอร์ พี่ชายของเขาเองก็กำลังหลับเหมือนกัน มาไคพ่นลมหายใจยาวออกมาทางปลายจมูก เมื่อเขาเห็นทั้งสองคนกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงถึงแม้ว่าท่าทีของทั้งสองคนนั้นจะสนิทสนมกันมากก็ตามที แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย..เขาไม่คิดเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้มาทะเลาะกับไมเนอร์หรอก อีกทั้งหากว่านี่มันคือความต้องการของท่านนักบุญหญิง เขายิ่งไม่กล้าเข้าไปแทรกแซง ท่านจานีคมีสิทธิ์ที่จะเรียกผู้ใดมารับใช้ก็ได้ ตราบใดที่บุรุษผู้นั้นยินยอมและไม่ใช่การบังคับ ในกฎเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่านักบุญหญิงนั้นสามารถหาความสำราญกับบุรุษได้ นั่นไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด แต่จะต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ถูกบังคับ มาไคเดินไปที่ข้างๆ เตียง เขาเลือกที่จะปลุกท่านจานีคขึ้นมาเพื่อให้ท่านดื่มยานี่เสียก่อน “ท่านจานีคครับ จะนอนต่อก็ย่อมได้แต่ว่าท่านจะต้องทานยาก่อนนะครับ” ฉันรับรู้ได้ถึงมือเย็นๆ ที่กำลังเขย่าตัวฉันเบาๆ จานีคปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย เธอยังไม่ได้รู้สึกดีเท่าที่ควรถึงแม้ว่าจะนอนหลับไปนานมากๆแล้ว “ทานยาก่อนนะครับ มันค่อนข้างขมเพราะฉะนั้นข้าจึงจัดเตรียมก้อนน้ำตาลมาให้ครับ” จานีคส่งเสียงไอคอกแค่กอย่างต่อเนื่อง เธอลุกขึ้นมานั่งด้วยการประคองของท่านมาไค จานีครู้สึกเหมือนว่าภาพเบื้องหน้าโอนเอนเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้เธอก็สามารถมองหน้าของท่านมาไคได้อย่างชัดเจน เธอรับถ้วยยาในมือของมาไคมาดื่มจนหมด แน่นอนว่ารสชาติของยานั้นมันช่างขมจนรู้สึกเฝื่อนคอแต่จานีคก็กลืนมันลงคอโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ เท่าที่เธอรู้สึกและจำได้ ไม่มีหมอมาที่นี่เลยสักคนเดียว ทั้งๆ ที่เธอป่วยหนักมากขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครตามหมอมา..ทว่าใบหน้าที่ฉายแววความเหนื่อยล้าของมาไค กำลังบอกเธอผ่านสายตานั้นว่าเขาทำได้ดีที่สุดเท่าที่อัศวินคนหนึ่งจะสามารถทำได้แล้ว..นั่นคือการไปหายาจากด้านนอกมาให้เธอทาน คาดินันแซลัสคงไม่อนุญาตให้ตามหมอมารักษาเธอสินะ เขาคงจะมีคำกล่าวแสนสวยหรูพวกนั้นเพื่อบอกกับคนอื่นๆ ว่าเขาหวังดีต่อเธอ..จึงไม่ให้หมอมารักษาอะไรแบบนั้น ฝ่ามือของมาไคถูกยื่นมาแตะที่หน้าผากของจานีค เขาช้อนสายตามองใบหน้าของเธอด้วยความเป็นห่วง “ที่ท่านจานีคเป็นเช่นนี้คือฝีมือของท่านคาดินันอย่างนั้นหรือครับ?” “...ข้าพูดได้งั้นเหรอว่าที่สภาพของข้าเป็นเช่นนี้มันคือฝีมือของใคร..มาไค ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังไม่พอใจ แต่ข้าพึ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉะนั้นแล้ว..เราอย่าสร้างปัญหาไปมากกว่านี้เลย ข้าป่วยเพราะยังไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศในวิหารหรือไม่ก็เพราะพลังในตัวของข้ามันยังไม่คงที่ เจ้าบอกคนอื่นไปแบบนั้นเถอะนะ” สิ่งแรกที่เราควรจะทำคือการ..ประมาณตน ตอนนี้เธอยืนหยัดต่อสู้กับท่านคาดินันไม่ได้ อำนาจของเขามากเกินไปและค่าเสน่ห์ที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดนั่นอีก เธอไม่ควรกระโดดลงไปในกองเพลิงเพื่อเผาตัวเองเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ “ท่าน..ไปไหนมาคะ?” มาไคเบนสายตามองไปทางอื่น “ไปซื้อยาครับ แต่ยานี่ปลอดภัยและข้าดื่มมันก่อนจะนำมาให้ท่านทานแล้ว เพราะฉะนั้นท่านมั่นใจได้เลยว่ามันไม่มีทางมียาพิษอย่างแน่นอน..” ถึงแม้ว่าสภาพร่างกายของเธอจะแย่มาก แต่จานีคก็ระบายยิ้มหวานส่งให้มาไค “ขอบคุณนะคะที่ท่านทำเพื่อข้าขนาดนั้น..อ๊ะ!!” แต่เดี๋ยวก่อน หากว่าเมื่อวานนี้มาไคไปซื้อยาแล้ว..เธอนอนกอดใครกันวะนั่น จานีคค่อยๆ ปรายสายตามองหันหลังกลับไปบนเตียง มีบุรุษกำลังนอนอย่างสบายอยู่บนนั้น..เขามีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับท่านมาไคอยู่หลายส่วนมากทีเดียวแต่ที่แตกต่างกันคงจะเป็นสีผมสินะ.. “อา..นั่นคือพี่ชายของข้าเองครับ ถึงแม้ว่าข้าจะเกิดหลังเขาแค่สองนาทีแต่อย่างไรเสียเขาก็นับเป็นพี่..เขาคือแกรนด์ดยุคไมเนอร์ครับ" จานีคอ้าปากออกอย่างช้าๆ เธอกำลังตกใจที่มาไคมีฝาแฝด เธอรู้จักแค่ตัวละครมาไคเท่านั้น เพราะเท่าที่เคยเล่นในรูทของนักบุญหญิงแม้แต่มาไคเธอก็พิชิตใจเขาไม่ได้เลย บทบาทแต่ละตัวละคร ก็จะเป็นเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันไป ฉันไม่รู้เนื้อเรื่องในรูทของนักบุญหญิงมาก่อนเลย.. “พี่ของข้าเป็นคนดีครับ เขาไม่มีวันทำร้ายท่านจานีคอย่างแน่นอน หากว่าท่านไม่สะดวกใจที่เขามานอนบนเตียงของท่านเช่นนั้นแล้วให้ข้า..” “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรเลยค่ะท่านมาไค แต่ตอนนี้ข้าอยากจะนอนพักอีกสักหน่อย ข้ายังไม่รู้สึกดีขึ้นเลยและมันคงจะดีหากว่าท่านขึ้นมานอนบนนี้..กับข้า” ลมหายใจของเธอเจือไอร้อน มาไครู้ดีว่าอาการของท่านนักบุญหญิงนั้นยังไม่ดีขึ้น แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือคืนนั้นเธอพบเจอเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหนกัน ตอนที่ออกมาจากห้องนั้นสภาพของท่านจานีคถึงดูไม่ได้เช่นนั้น มาไคถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ก่อนที่เขาจะล้มตัวนอนลงข้างๆ ท่านจานีค ร่างกายของเธอยังคงร้อนเพราะพิษไข้ เสียงไอเบาๆ นั้นยิ่งทำให้เขานึกสงสารจนอดดึงเธอมากอดไม่ได้เลย จานีคหลับตาลงอีกครั้ง..แต่คราวนี้เป็นในอ้อมแขนของท่านมาไคตัวจริง และข้อความที่เด้งมานั้นทำให้เธออดอมยิ้มไม่ได้เลย ค่าเสน่ห์เพิ่มขึ้น 5 หน่วย ปัจจุบันมีค่าเสน่ห์รวม 30 หน่วย ชื่อ ไมเนอร์ ไบร์ดัว ค่าเสน่ห์ที่สามารถพิชิตใจ 45 พลังเวท 40 พละกำลัง 100 ความฉลาด 75 ความหล่อ 80ตอนนี้ค่าเสน่ห์ของฉันนั้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 แล้ว เพิ่มมาจากเดิมอีก 5 น่าจะเพิ่มมาจากความสงสารและเห็นใจของท่านมาไคแน่นอนแล้วถ้าหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด หากว่าฉันสามารถพิชิตใจของมาไคได้แล้ว ฉันอาจจะสามารถพิชิตใจพี่ชายของมาไคต่อได้เลยก็ได้เพราะว่า แกรนด์ดยุคไมเนอร์นั้นใช้ค่าพลังในการพิชิตใจ 45...มันอาจจะไม่ได้ยาก...“แค่ก..แค่ก”เสียงไอนั้นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบน้ำอุ่นส่งให้มาไค สามวันหลังจากที่ฉันนอนซมอยู่บนเตียง ฉันหายดีราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน อาจจะเพราะพิษไข้พวกนั้นย้ายจากฉันไปติดพวกเขาสองคนแทน ทั้งท่านมาไคและท่านไมเนอร์ต่างกำลังนอนป่วยกันอยู่ในตอนนี้“นี่คือความผิดของข้าใช่ไหมคะ ท่านมาไคไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าข้าจะดูแลท่านเอง ให้สาสมกับที่ท่านดูแลข้าเป็นอย่างดีในระหว่างที่ข้ากำลังป่วย”ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตามหลังจากที่ฉันเข้ารับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกับท่านคาดินันแซลัส หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี หากว่าฉันยังไม่มีค่าเสน่ห์ถึง100ก็ไม่ควรเสนอหน้าไปต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นหรอกวิหารกว้างใหญ่มากทีเดียว และที่พักของนักบุญหญิงก็เ
แค่กลืนน้ำลายมาไคยังรู้สึกเจ็บคอเลย เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูท่าทีตั้งอกตั้งใจของท่านจานีค..ที่กำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่เธอเอื้อมมือมาแตะลงบนหน้าผากของเขาเบาๆ เช่นเดียวกันกับที่เขาเคยทำกับเธอเมื่อหลายวันก่อน เพื่อวัดไข้และตัวของเขายังร้อน ยิ่งที่แก้มทั้งสองข้างน่าจะร้อนมากกว่าปกติหลายเท่าตัวเพราะในตอนนี้เขากำลังเขินอายอยู่..หลังฝ่ามือของฉัน มันร้อนและการเช็ดตัวที่พึ่งทำไปมันไม่ได้ทำให้เขาตัวเย็นลงเลยหรือว่าจะต้องถอดกางเกงของเขาออกมาด้วยนะ มันถึงจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขานั้นกลับมาเป็นปกติ เพราะความเป็นห่วงจึงไม่ได้ทำให้จานีคคำนึงถึงผลที่จะตามมา อีกทั้งในใจของเธอยังมีความแน่วแน่ว่าจะทำให้ท่านมาไคหายป่วย มากกว่าที่จะคิดเรื่องลามกและการพิชิตใจของเขาปลายนิ้วเล็กๆ นั่นกำลังเลื่อนลงไปที่ด้านล่าง ก่อนจะถอดกางเกงที่มาไคสวมอยู่ออกทางปลายเท้าเขาสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืน ในใจของมาไคคิดว่าคนที่คิดเรื่องสกปรกพวกนั้นมันคงเป็นเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนท่านจานีค..ท่านสูงส่งมากเกินกว่าจะคิดเรื่องอะไรพวกนั้น..เขากำลังละอายต่อราคะที่กำลังแผดเผาในใจ ละอายมากเสียจนไม่กล้าลืมตาข
จานีคเดินกลับมาที่ห้อง เพราะมาไคบอกด้วยใบหน้าที่แดงจัดว่าเขาต้องการนอนพักผ่อน และเขากลัวว่าไข้จะกลับมาติดเธออีกครั้งหนึ่งฉันคิดว่าในบางทีเรื่องพวกนี้มันอาจไม่ง่ายต่อการรับมือและเธอควรที่จะให้เวลาเขาสักหน่อย กับการ..ยอมรับว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์อีกต่อไปแต่ว่าคนเราจะถือครองพรหมจรรย์ไปทำไมกันนะ เกิดมาก็ควรจะใช้ชีวิตแซ่บๆ ไปสิอัศวินที่ยืนอยู่หน้าห้องก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพนักบุญหญิง“ท่านคาดินันเรียกหาท่านนักบุญหญิงเป็นการส่วนตัวครับ..และท่านนักบุญฟลินย้ำว่าท่านนักบุญหญิงควรจะรีบไปเพื่อไม่ให้ท่านคาดินันรอนาน”พึ่งบ่นถึงแท้ๆว่าสบายใจดีจังเลยที่ไม่ได้เห็นหน้าคาดินันผู้นั้น แต่นี่เธอจะต้องไปพบเจอเขาอีกแล้วงั้นเรอะจานีคไม่เต็มใจเดินตามอัศวินผู้นั้นไปสักเท่าไหร่นัก แต่อย่างที่รู้เธอเลี่ยงไม่ได้ และเพราะระยะทางของที่พักนักบุญหญิงกับคาดินันห่างไกลกันมากพอสมควรเมื่อมาถึงที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน ประตูห้องทำงานที่สูงมากกว่าสี่เมตรก็เปิดออก“สวัสดียามบ่ายจานีค รีบเดินเข้ามาสิข้ามีเรื่องราวมากมายที่จะพูดคุยกับเจ้า..แน่นอนว่าเป็นการส่วนตัว”แซลัสเบนสายไปมองที่
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
แสดงสปอยล์“ติ้ง!!”เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา พร้อมกับกรอบข้อความสีเขียวที่เด้งขึ้น“คุณสามารถพิชิตใจ ตัวละคร “มาไค ไบร์ดัว” ได้แล้วค่ะ มาเก็บค่าความรู้สึกของเขาให้ถึงหนึ่งร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการจบแบบ Bad Ending โปรดระมัดระวังทุกการกระทำที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของความรักด้วยนะคะ”ค่าเสน่ห์ ณ ปัจจุบัน 35ดวงตาของจานีคเบิกกว้างในทันทีที่ข้อความพวกนั้นเด้งขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เธอตกใจกับเรื่องแบดเอนดิ้งนิดหน่อย แต่คิดว่ามันน่าจะมีเวลาให้เธอได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือความรู้สึกของท่านมาไคดูเหมือนว่าเขาจะหวั่นไหวกับเธอมากทีเดียว..และจากที่คิดว่าเมื่อพิชิตใจตัวละครนั้นๆ ได้แล้วเรื่องจะจบแต่ก็ไม่จบอีก..เธอจะต้องทำให้ค่าความรักสีชมพูของเขาเพิ่มขึ้นด้วย..และในตอนนี้ค่าความรู้สึกของมาไคคือ..37 หมายความว่าเธอต้องทำให้เขาชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวเลขที่กำลังกะพริบนี่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง..100“หนาว..รึเปล่าครับ เพราะไม่มีน้ำอุ่นข้าจึงจำใจต้องให้ท่านจานีคอาบน้ำเย็นไปก่อน”เธอมองหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่แค่มองใบหน้านั้นหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก..มีหลายอย
จานีคหลับตาลงในอ้อมแขนของมาไค เขาถือเป็นอัศวินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและไร้ที่ติ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอ เพื่อไม่ให้มีใครพบเห็นใบหน้าของเธออีกทั้งยังพาเธอเดินอ้อมมาทางข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงขุนนางที่เดินไปเดินมาเต็มวิหารอีกด้วยทุกอย่างมันดีไปหมดเหมือนในนิยายรักโรแมนติก แต่ติดอยู่ที่..ในร่างกายของเธอยังคงมีไอ้แท่งบ้าๆ นั้นอยู่เนี่ยนะสิ ร่างกายเลยร้อนไปหมด ตรงจุดที่เขาสัมผัสคล้ายจะมีไฟลุกไหม้เธอไม่อยากคิดเรื่องไม่ดีกับมาไคเท่าไหร่นัก เพราะจานีคตั้งใจว่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับเขาท่านมาไคไม่ใช่ตัวละครที่พิชิตแล้วก็จบกันไป แต่ว่าเขา..ดันเป็นอัศวินที่จะอยู่ข้างกายของเธอตลอด เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา มันควรมีความจริงใจหรือว่าความรู้สึกเข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะเลื่อนขั้นค่าเสน่ห์เพียงอย่างเดียว“ทะ..ท่านมาไคคะ ช่วยแวะที่ตึกร้างด้านหน้าให้หน่อยได้ไหมคะ..คะ..คือว่า..ข้า”ในขณะที่เธอกำลังหาเหตุผลเขาก็เดินตรงไปยังตึกร้างนั้นในทันทีโดยที่ไม่คิดถามหาเหตุผลเขารู้อยู่แล้วว่ามันมีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ในร่างกายของท่านจานีค และมาไคกำลังปั้นหน้าเย็นชาเพื่อไม
“คำปฏิญาณพวกนั้นเจ้าอยากฟังมันจริงๆ ใช่ไหมจานีค..”ไม่ได้นึกอยากฟังสักนิดแต่แล้วเธอมีทางเลือกงั้นหรือ..ถ้าหากว่าฉันสามารถเลือกหนทางเดินของตัวเองได้ หากว่าสามารถทำตามที่ใจตัวเองต้องการหรือแม้กระทั่งการกล่าวปฏิเสธเขาได้ ฉันคิดว่าในบางทีหัวใจที่แสนแข็งกร้าวของฉัน มันอาจจะเต้นแรงขึ้นมานิดหน่อยกับชายที่ดูสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าไปได้บ้าง แต่ทว่านี่มัน..ไม่มีสักเสี้ยวในหัวใจ ยามที่ฉันมีสติครบถ้วนแบบที่ไม่ได้ถูกเขาล่อลวง ฉันไม่นึกหวั่นไหวกับท่านแซลัสเลยไม่มีเลยสักนิดเดียวที่จะสั่นไหวหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงความอยากเอาชนะ..และถ้าหากว่าฉันสามารถทำได้ ฉันอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นมาในตอนที่ฉันมีค่าพลัง 100 ส่วนเขามีค่าพลังน้อยกว่านั้น ฉันอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น..มันทรมาน มากเลยนะทรมานมากจริงๆ ให้ตายสิ“..หากมันยากที่ท่านจะกล่าว เช่นนั้นก็มิควรหยิบยกประเด็นที่ทำให้ข้าอยากรู้ขึ้นมาคะ”ไม่ควรเริ่มมันตั้งแต่แรกหากจะมามัวลังเลเช่นนี้แซลัสแสยะยิ้ม เขาไล้ปลายนิ้วขึ้นไปยังขอบของกางเกงซับในก่อนจะถอดมันออกมา กางเกงซับในที่เล็กมากเมื่ออยู่ในมือเขา ตรง
มาไคยกมือขึ้นมานวดที่หว่างคิ้วเบาๆ เมื่อพี่ชายของเขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดให้เขาฟัง และในยามนี้ท่านนักบุญหญิงกำลังอยู่ในห้องที่เป็นดังนรกกับท่านคาดินันอัมโบรเซอร์“ข้าทำ..อะไรไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงร้องขอที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของท่านนักบุญหญิง..”ท่านจานีคพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดันหลังของไมเนอร์ออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาและพี่ชายไม่ควรอยู่เฉยๆ เพื่อรอคอยการกลับมาของท่าน..“เราต้องช่วยท่านนะไมเนอร์”ไมเนอร์พยักหน้า“เรื่องนั้นข้ารู้แล้วข้ากำลังคิดอยู่มาไค จะทำอย่างไรให้ท่านหญิงออกมาจากห้องนั้น..ต้องสร้างสถานการณ์หรือว่าอะไรที่มันน่าเชื่อถือดีล่ะ..”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เคาน์ดาโกแบทก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องของท่านนักบุญหญิง“รายงานท่านนักบุญให้หน่อยสิว่าข้า..มาขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว”ไมเนอร์กะพริบตาเบาๆ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออก“เจ้ารีบเข้าไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านนักบุญหญิงติดมือไปด้วย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของท่านคาดินัน บอกกล่าวทหารหน้าประตูว่าท่านเคาน์มาขอเข้าพบเป็นการด่วน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแค่ลำพังชื่อของท่านเคาน์ดาโกแบทไม่ได้มีน้ำหนักมาพอที่ท่าน
ไมเนอร์รอคอย เขาอดทนรอคอยจนขุนนางและคนอื่นๆ ออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่เขาอยู่ในห้องนี้กับท่านคาดินันและท่านนักบุญหญิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างล่างเขาถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอ เพราะสภาพของท่านจานีคในตอนนี้มันอันตรายมากเกินไป อันตรายต่อหัวใจน่ะ เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ส่วนชุดที่สวมก็ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก กระโปรงยับไปหมด อาจจะเพราะนั่งอยู่ข้างล่างนาน..“เป็นอย่างไรแกรนด์ดยุค รสชาติของความตื่นเต้นและเร้าใจทำให้ท่านเกือบอดใจไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ ตอนนี้ท่านก็พานางออกมาจากตรงนั้นได้แล้ว”แซลัสเข้าประเด็นในทันที โดยที่เขาไม่รอคอยให้แกรนด์ดยุคแห่งไบร์ดัวได้กล่าวคำใด“ทำไมท่านนักบุญหญิงถึงอยู่ที่นี่ครับ ท่านคาดินันพานางมาที่นี่ทำไมกัน”จานีคคลานออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนเธอก็เลือกที่จะยืนด้านหลังของท่านไมเนอร์ การกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้แซลัสเดือดดาลมากกว่าเก่า“โอ้แกรนด์ดยุค นั่นคือคำถามที่ท่านกำลังสงสัยจริงๆ อย่างนั้นหรือครับ ที่นี่คือห้องทำงานของข้า ถึงแม้ในบางเวลามันจะเป็นห้องประชุมก็เถอะ ข้าพาจานีคมาที่นี่..มิได้มีเจตนาพานางมาสวดมนต์อย่างแน่นอน และ..เจ้าควรเดินเข้ามาหาข้าได้แล
“การอุทิศตนเพื่อจักรวรรดิของท่านแกรนด์ดยุคช่างน่านับถือมากเหลือเกินนะครับ..เช่นนั้นแล้วมิสู้เรามาสลับที่กันดีกว่า ตรงนั้นเป็นทางลมพอดีอาจจะทำให้อาการไม่สบายของท่านแกรนด์ดยุคมันเลวร้ายลงไปมากยิ่งขึ้น..”การพยายามของคาดินันแซลัสนั้นทำให้ไมเนอร์เริ่มรู้สึกรำคาญใจ บุรุษผู้นั้นต้องการจะนำพาจานีคไปจากเขาให้ได้อย่างนั้นสินะช่างบังเอิญดีเหลือเกินที่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอเอาไว้ไมเนอร์เอื้อมมือไปดันใบหน้าของจานีคออกเล็กน้อย เขากำลังมีความสุขชนิดที่ว่าไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้ที่ใดมาก่อนเขาต้องปกป้องเธอเอาไว้“ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้ท่านคาดินันถึงได้กล่าวชื่อของข้าออกมามากกว่าปกติ ช่วยเลิกสนใจข้าแล้วเร่งประชุมกันเถิด อย่างน้อยก็เพื่อจะหาข้อสรุปในเรื่องของกำลังทหารที่จะเดินขบวนและเงินสนับสนุนงานวันชาติในครั้งนี้ด้วย”ที่แกรนด์ดยุคกล่าวออกมานั้นไม่ผิดแม้แต่ครึ่งคำ เพราะดูเหมือนวันนี้ท่านคาดินันจะสนอกสนใจแกรนด์ดยุคมากเป็นพิเศษ ในทุกครั้งที่พูดคุยถึงเรื่องการประชุม ท่านคาดินันมักจะวนกลับมาเข้าเรื่องของ แกรนด์ดยุคอยู่เสมออะไรกันนะที่ทำให้เสาหินอันแข็งแกร่งของวิหารสักดิ์สิทธิ์ ไม่แม้แต่
ใครบ้างที่จะสามารถทำตัวให้เป็นปกติ เมื่อมีสตรีที่งดงามมากจนแทบหยุดหายใจกำลังนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา..ไมเนอร์กำลังย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าตามทฤษฎีแล้วนี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่..มันเกินการควบคุมเท่านั้นเอง“....”นี่คืออะไรกัน ท่าทางเช่นนี้คือเขาต้องการจะปกปิดเธองั้นเหรอ ว่าส่วนนั้นของเขามันไม่ได้ตื่นตัวขึ้นมาจานีคอยากจะหัวเราะแต่ทว่าในยามนี้เธออยากจะทำให้ใบหน้าที่แสนงดงามของท่านคาดินันแซลัสบิดเบี้ยวดูสักหน่อย ฉะนั้นแล้วหากเขาเห็นท่าทีผิดปกติของท่านไมเนอร์ ในบางทีเขาอาจจะนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ก็ได้ และนั่นมันน่าสนุก..อีกทั้งเธออยากจะลองสัมผัสบุรุษที่กล้ามานอนกอดเธอทั้งคืนโดยที่ไม่ยอมบอกเธอด้วยว่าเขาไม่ใช่ท่านมาไคจานีคยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะจับมือของเขาออก ปลายนิ้วแตะสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขืน ฝ่ามือยังคงไล้วนเวียนอยู่ใต้สะดืออย่างเชื่องช้า เธอคลึงเป้ากางเกงของเขาอย่างใจเย็น สัมผัสภายนอกให้พอรู้สึกคุ้นเคยไมเนอร์เงยหน้าขึ้นในทันทีเพื่อไปมองทางอื่น เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อไปที่งานที่กำลังประชุมกันอยู่นี้“หากเป็นดังเช่นที่ท่านแกรนด์ดยุคกล่าวมาเช่นนั
“เอาล่ะเรามาเริ่ม..การหารือเกี่ยวกับการจัดงานวันชาติกันดีกว่านะ เริ่มจากท่านแกรนด์ดยุคก่อนเป็นไง ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษรึเปล่า”ไมเนอร์ที่กำลังมองสบตากับจานีคพลันสะดุ้ง เมื่อชื่อของเขามันถูกกล่าวออกมาจากริมฝีปากของท่านคาดินัน แต่ไหนแต่ไร ท่านคาดินันผู้นั้นไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าในยามนี้กลับเอ่ยชื่อเขาและเอ่ยถามความเห็นจากเขาเนี่ยนะ?ช่างน่าตลกยิ่งนักไมเนอร์ขยับท่าทางให้ดี ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฝดกันแต่มาไคเป็นพวกพูดไม่เก่ง ตรงข้ามกับไมเนอร์อย่างสิ้นเชิง“เรื่องนั้นข้าเห็นดีเห็นงามด้วยกับทางวิหารอยู่แล้วครับ และองค์รัชทายาทเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากจะเสนอให้ท่านนักบุญหญิง อยู่ในขบวนรถม้าที่จะวิ่งไปตามท้องถนนหนทางเพื่อให้ชาวบ้านหรือว่าชาวเมืองได้ยลโฉมสตรีที่เป็นเทพธิดาของพระเจ้า..”จานีควางคางของเธอลงบนขาของไมเนอร์ เพราะใต้โต๊ะนี่มันไม่ได้กว้างอะไรเลย อีกทั้ง..ในร่างกายของเธอยังมีแท่งมหัศจรรย์นั่นที่กำลังกวนสมาธิของเธออยู่เขาต้องการอะไรกันแน่..ถึงได้เสนอไปแบบนั้น หรือต้องการให้นักบุญหญิงอย่างเธอมีอำนาจขึ้นมาบ้าง..เธ
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้นแซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอกไม่มีทาง!“อะ..อ๊า!”เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลยทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอ