Share

บทที่3.มันเป็นแค่ความฝันอย่างนั้นเหรอ? 1

บทที่3.มันเป็นแค่ความฝันอย่างนั้นเหรอ?

          อบเชยนอนนิ่งๆ หลังพายุพิศวาสสงบลง เธอนอนฟังเสียงลมหายใจของดีแลน จนแน่ใจว่าคนข้างตัวหลับสนิทไปแล้ว อบเชยค่อยๆ ดันแขนของดีแลนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองออกไป เธอรีบสอดหมอนใบใหญ่แทนที่เรือนกายของเธอ เพราะคนตัวใหญ่ที่หลับสนิททำท่าฮึดฮัด จนกระทั่งได้กอดหมอนนุ่มๆ นั่น เขารั้งไปกอดกกไว้แนบอก ดีแลนจึงมีที่ท่าสงบลง

          หญิงสาวพลิกตัวหนี ทิ้งตัวลงด้านข้างเตียง

          พลั่ก!

          แม้พื้นจะปูด้วยพรมเนื้อหนาฟู แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวอบเชยมีแค่เนื้อแท้ปราศจากเสื้อผ้าหรืออาภรณ์ชิ้นอื่น  อบเชยเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เมื่อสะโพกกลมกลึงกระแทกกับพื้นแรงๆ เธอรีบยกมือตะปบปาก กลั้นเสียงร้องไว้แค่ในลำคอ เพราะกลัวว่าเสียงของตนเองจะทำให้ดีแลนรู้สึกตัว อบเชยข่มความเจ็บ ข่มความอาย เธอควานหาเสื้อผ้าของตนเองจนเจอ หญิงสาวรีบสวมเสื้อผ้าลวกๆ แอบสูดปากเบาๆ เมื่อร่างกายขยับไปมา ความเจ็บจากกึ่งกลางร่างกายก็กระตุ้นเตือน

          น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลริน จนอบเชยต้องรีบใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาทิ้ง

          เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอมานั่งเสียใจ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เสียไป เรียกกลับคืนมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

          และหากดีแลนลืมตาขึ้นมาเจอเธอนอนอยู่ข้างๆ เขา รับประกันได้... ชายผู้นี้คงบันดาลโทสะ ฆ่าเธอตายเสียเป็นแน่

          เขาไม่เคยสนใจเธอ ไม่เคยแม้แต่ชายตาแล เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ดีแลนรังเกียจ เขาขยะแขยงเธอ และไม่เคยปิดบังความรู้สึกนั้น อบเชยรู้แก่ใจมาตลอด

          อบเชยทอดสายตาอ่อนเศร้ามองไปที่เตียงเป็นครั้งสุดท้าย

          ดีแลนนอนหลับสนิท สีหน้าของเขาปริ่มสุขจนอบเชยน้ำตาคลอ เธอตัดใจเดินออกไปจากห้องVIP ทางเดินเงียบกริบ และอุณหภูมิรอบตัวเย็นเฉียบเช่นเดิมจนอบเชยสั่นสะท้าน เธอรีบสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้น และคงเป็นความโชคดีของเธอ อบเชยไม่เจอคนอื่นอีกเลย แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในที่สุดอบเชยก็เดินออกมาจากคลับแห่งนั้นได้สำเร็จ หญิงสาวท่องจำไว้ในใจ นับจากนี้ไป เธอจะไม่มาเหยียบที่แห่งนี้อีก

          ณรงค์มองตามผู้หญิงร่างเล็ก ที่เดินโผเผออกมาจากประตูด้านข้างผับตอนดึกสงัด

          เจ้าของสกายฮอลล์ขมวดคิ้ว เขารีบปัดความสงสัยทิ้ง เมื่อเวลานี้ตนเองง่วงจนเปลือกตาแทบจะปิด แต่...ระหว่างที่ขับรถยนต์คู่ใจกลับที่พัก ชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้น เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน รูปร่างหน้าตาแม้จะเห็นไกลๆ กลับรู้สึกคุ้นเคยบอกไม่ถูก

          “ช่างเถอะ คงเป็นคนรู้จักสักคนแหละ”

          หนุ่มหล่อเจ้าของผับดังรีบปัดความคาใจทิ้ง เขาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น เขาง่วง เขาอยากนอน ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ไว้ค่อยคิดพรุ่งนี้..

          รถประจำทางแล่นมาจอดป้ายพอดีกับที่อบเชยเดินไปถึง หญิงสาวรีบกระโจนขึ้นไป กวาดตามองหาที่นั่ง เธอเลือกที่นั่งแถวสุดท้าย และนั่งเงียบๆ จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง

          หญิงสาวถอนใจแรงๆ ไฟฟ้าในบ้านยังปิดสนิท เธอยกข้อมือมองเวลา นาฬิการาคาถูกยังทำงานได้ดี เข็มสั้นและเข็มยาวชี้บอกเวลา เหลืออีกประมาณไม่ถึงสามชั่วโมง พระอาทิตย์ก็จะออกมาทำหน้าที่ฉายแสงให้ความสว่างกับทุกผู้ทุกคน และวัฐจักรเดิมๆ ก็จะเริ่มต้นขึ้น สำหรับมนุษย์ที่ต้องหาเลี้ยงปากท้อง

          อบเชยปิดประตูรั้วด้วยน้ำหนักมือที่พยายามเบาให้ถึงที่สุด เธอจรดปลายเท้า ลัดเลาะไปจนถึงห้องนอน

          ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิท เรือนกายอวบอุ่นก็รูดลงไปกองที่พื้น มือเรียวรวบกอดตนเองไว้แน่น เธอยกชายเสื้อขึ้นกัดไว้ เพื่อลดเสียงสะอื้นไม่ให้ดังมากเกินไป ไม่อย่างนั้นมารดาที่กำลังหลับสนิท อาจจะตกใจตื่น เมื่อบุตรสาวร่ำไห้อย่างหนัก อบเชยคลานไปที่ฟูกนอนเก่าๆ เธอนอนซุกตัวบนที่นอนนั้น กอดตัวเองไว้แน่นๆ สะอื้นไห้จนลำตัวสั่นเทา

          ดีแลนไม่ผิด คนที่ผิดคือเธอเอง เพราะความอยากรู้ ทำให้เธอยั่วยุจนดีแลนจนเขาตบะแตก

          เขาข่มเหงเธอทั้งที่เขาเมามาย และอบเชยเชื่อว่า ทันทีที่สติเขาฟื้นคืนมา เขาจะไม่มีวันจำได้

          เรื่องที่เกิดขึ้น จะเป็นความลับ หากเธอไม่พูด ดีแลนก็คงไม่กระโตกกระตาก

          เขาคงอายหากมีคนอื่นล่วงรู้ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น คือความผิดพลาดใหญ่หลวงของเขา

          กว่าอบเชยจะหลับ เธอย้ำกับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ย้ำให้ตัวเองจำขึ้นใจ...เรื่องนี้จะถูกกดลึกอยู่ในตำแหน่งที่ใครก็เอื้อมไม่ถึง และเธอจะไม่มีวันแพร่งพรายบอกใครแน่ๆ

          แสงสีส้มอ่อนส่องผ่านม่านหน้าต่างที่ขยับไหว เพราะสายลมพัดแทรกเข้ามาตามรอยแตกของเนื้อไม้

          คราบน้ำตาเปรอะข้างแก้ม รอยช้ำของกลีบปากอิ่ม ตัดกับสีขาวของผิวเนื้อ ร่องรอยหลายอย่างกระจายอยู่ตามเนื้อตัว เป็นรอยรักที่ดีแลนทิ้งไว้ให้อบเชยดูต่างหน้า และมันจะเลือนหายไปตามกาลเวลา

          ดีแลนงัวเงียตื่นเอาเกือบบ่าย เขาผุดลุกขึ้นนั่ง ยกมือตบข้างขมับ ปวดหัวเหมือนมีใครมาวางระเบิดไว้ด้านใน ชายหนุ่มปรือตามอง รอบตัวที่เหมือนพายุถล่มใส่ ข้าวของที่จัดไว้อย่างสวยงามหล่นกระจัดกระจาย รวมถึงเสื้อผ้าของเขาด้วยที่หล่นอยู่บนพื้น และกระจายไปเกือบทั่วห้อง

          “เห้ย!” เขาอุทาน รีบกระโจนลงมายืนข้างเตียง

          ดีแลนเป่าปากดังพรืด...เมื่อบนเตียงว่างเปล่า ไม่มีอะไร หรือใครเหมือนที่เขากลัว แต่ว่า...เขาเมาหนักถึงขนาดนอนแก้ผ้าเชียวเหรอ? อะไรไม่เท่า เขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย ความทรงจำก่อนหน้านี้ มีแค่ความว่างเปล่า... จำได้แค่ว่า...เขามาเจอกับอดัม ยังไม่ทันได้คุยงาน ก็พาลเมาไปเสียก่อน

          เพราะยัยเด็กบ้านั่นคนเดียว!!

          ดีแลนจำได้แค่ว่า เขาดื่มหนัก แต่ไม่รู้ว่ามานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไม่อดัมก็ใครสักคนแหละที่พาเขามานอนที่นี่

          ดีแลนพยายามคิดในแง่ดี...แม้จะรู้สึกโหวงๆ ในอก

          ชายหนุ่มส่ายใบหน้าแรงๆ เกือบสี่ปีที่เขาไม่เคยดื่มจัดแบบนี้ ดีแลนไม่ค่อยสังสรรค์ เขาตั้งหน้าตั้งตาทำงานแทบไม่มีเวลาส่วนตัว ชายหนุ่มฉวยผ้าเช็ดตัวมาพันรอบสะโพก หยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้น ก่อนจะไสลด์หน้าจอเพื่อดูเวลา “ตายโหง!! ตื่นป่านนี้ ที่บริษัทคงบ่นกันเกรียว” มันไม่ใช่แค่การไปทำงานสายครั้งแรก แต่นี่เป็นการหยุดงานแบบที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แม้ดีแลนจะเป็นประธาน เขาก็ไม่เคยใช้อภิสิทธิ์นั้น เขาเป็นผู้บริหารที่เคร่งครัด เป็นแบบอย่างให้พนักงานในหวังเทียนกรุปทำตาม

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status