มันเหมือนไฟฟ้าในห้องดับพรึ่บลง!! เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะ อบเชยนอนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโต จ้องมองผู้ชายที่อุกอาจถึงขนาดปล้นจูบแรกของเธอไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เรียวปากสีเข้มทาบทับลงมาแรงๆ เขาเอียงหน้า พยายามบดแยกให้อบเชยยอมเผยอปากตอบรับ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกโชยเข้าจมูกเธอ ดีแลนคงดื่มหนัก จนทำให้เขาขาดสติ จนกระทั่งเขาเผลอตัวมาจูบกับคนแบบเธอ อบเชยพยายามขัดขืน แต่เมื่อนึกได้ คนเมามักจะจำไม่ได้ตอนที่สร่างเมาแล้ว จูบ...ที่ตนเองได้แต่ฝันและแอบมโนเอาเองยามเหงาตามประสาสาวชั่งฝัน มันห่างไกลเหลือเกินกับที่รู้มา บทบรรยายในหนังสือนวนิยายที่เคยอ่าน บรรยายเสียจนอบเชยเคลิ้มฝัน แต่เมื่อตนเองมีบทเรียนแรกเกี่ยวกับจูบ แถมยังเป็นจูบกับคนที่แอบเก็บไว้ในใจ มันไม่เหมือนที่ฝันไว้จนอบเชยแอบผิดหวังนิดๆ
คนเมาที่ครองสติไม่อยู่ แถมซ้ำฤทธิ์ยายังบีบบังคับให้ยอมเผยความปรารถนาลึกๆ ในใจออกมา
กลีบปากนุ่มนิ่มที่ดีแลนเวียนดูดซับความหวานอยู่นี่ หวานล้ำยิ่งกว่าความหวานของทุกสิ่งบนโลก ขนาดน้ำผึ้งรวงเดือนห้าที่ว่าหวานยังไม่เท่า
ดีแลนตะปี้ตะบันจูบ...เขาเถลปากไปทั่ว และเมื่อเถลเลยไปยังซอกคอ ริมฝีปากของอบเชยจึงเป็นอิสระ
“คุณดีจูบไม่เก่งเหมือนที่เชยเคยฝันไว้เลยค่ะ”
เสียงบ่นลอยตามมาติดๆ ดีแลนตัวกระตุก เขาใช้ฝ่ามือดันที่นอนนุ่ม จ้องหน้าอบเชยพร้อมกับคำรามในลำคอ
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ ยัยเด็กบ้าพูดเสียจนความมั่นใจของเขากระเจิดกระเจิง ยัยเด็กไม่ประสา ต่อว่าเขาว่าจูบเขาห่วย ไม่เอาไหนสำหรับเธอ
“เธออยากได้จูบแบบไหนล่ะยัยเด็กบ้า!” ดีแลนลดตัวลงมา กระซิบแนบกลีบปากอิ่ม
อบเชยหน้าร้อนฉ่า รีบเอียงหน้าหนีปลายจมูกที่เสียดสีอยู่ข้างแก้ม
“เชยไม่เคยจูบนี่คะ เชยไม่รู้หรอก” เพราะดีแลนมีสติไม่เต็มร้อย อบเชยเลยกล้าต่อปากต่อคำกับเขา
“ดีแล้ว” ดีแลนกล่าวเสียงฉุนๆ เมื่อดันไพร่ไปนึกถึง หากอบเชยเคยจูบกับชายอื่นก่อนหน้าเขา “จำไว้นะยัยเชย ห้ามเธอไปจูบกับคนอื่นอีก นอกจากฉันคนเดียว!” ชายหนุ่มสั่ง โน้มตัวลงคลอเคลียซอกคอหอมๆ
“อย่าค่ะ เชยจั๊กจี้” อบเชยเกือบเผลอตัวหัวเราะออกมา เมื่อไรหนวดของดีแลนถูไถกับผิวนุ่มๆ ของตนเอง
ดีแลนอารมณ์ดีจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แม้ความรุ่มร้อนในร่างกายจะกระตุ้นเตือนให้เขาลงมือปลดปล่อยความต้องการของตนเองสักที แต่เวลานี้เขากำลังมีความสุข การได้ใกล้ชิดกับอบเชยคือความฝันที่เขาเองก็เคยฝันเอาไว้
“อย่ายิ้มแบบนี้สิคะ” เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ดวงตาหวานซึ้งมองดีแลนตาปรอย
“เธอด้วย อย่ามองใครแบบนี้ล่ะ” แววตาหวานๆ ที่เห็น ดีแลนอยากเก็บไว้ เขาต้องการให้อบเชยมองแค่เขาเท่านั้น
มันคงเป็นเพราะอบเชยเริ่มรู้สึกคุ้นเคย ดีแลนตรงหน้าไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ผ่านมา เขาเป็นเหมือนผู้ชายทั่วไปที่อบเชยกล้าที่จะพูดคุยด้วย ไม่เหมือนเวลาที่เขาปกติ แค่ดีแลนมอง อบเชยก็กระเจิดกระเจิง เธออยากหนีดีแลนในลุคแบบเคยเห็นที่สุด
ปลายจมูกเล็กๆ ย่นยู่ เหมือนต้องการต่อต้านคำสั่งของเขา
ดีแลนยกมือขึ้นใช้ปลายนิ้วคิ้บจมูกของอบเชยไว้ พร้อมทั้งโยกเบาๆ
“ถ้าฉันเห็นเธอ มองคนอื่นด้วยสายตาที่เคยใช้มองฉัน ฉันจะควักลูกตาเธอทิ้ง!” ชายหนุ่มขู่สำทับ
เขาก้มลง จรดปลายจมูกกับผิวแก้มนุ่ม จนอบเชยต้องรีบหดคอหนี
“คุณดีเมาแล้วจะกลับบ้านยังไงคะ” อบเชยเสเปลี่ยนเรื่องพูด ระยะห่างของเธอกับเขาหดสั้นลงทุกทีๆ
“ฉันไม่กลับ ฉันจะนอนนี่” ดีแลนกล่าวเสียงพร่า และตาของเขาก็พร่ามัวแล้วเช่นกัน
“แต่เชยต้องกลับแล้วค่ะ กลับช้ากว่านี้ไม่มีรถเมล์กลับบ้านแน่” อบเชยขืนตัว พยายามหนีออกจากวงแขนของดีแลน
ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เขาส่ายหน้า “ฉันไม่ให้กลับ อยู่นี่กับฉันไม่ได้เหรอ?” เสียงออดอ้อนจากคนที่ตัวเองแอบชอบ อบเชยเลยทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากของอบเชยยื่นออกมา เมื่อเธอตัดสินใจไม่ถูก ระหว่างรีบไปจากตรงนี้ หรือจะอยู่เป็นเพื่อนดีแลนที่เมาไม่รู้เรื่อง
อบเชยมัวแต่คิด ดีแลนเลยตัดสินใจแทนให้ เขาก้มลง อ้าปากงับริมฝีปากที่ยื่นออกมาของอบเชย จนสาวเจ้าสะดุ้ง! ดีแลนทิ้งตัวลงทับ เขาปิดกั้นการดิ้นของอบเชยด้วยการรวบมือเล็กๆ ของหล่อนชูขึ้นเหนือศีรษะ และกดไว้ด้วยแรงที่เหลืออยู่ แล้วจึงเริ่มกระบวนการจูบจริงๆ ปลายลิ้นร้อนชื้นแทรกเข้าไปในโพรงปาก ช่วงจังหวะที่อบเชยเตรียมจะร้องห้าม
เรียวลิ้นสากร้อน ดูดซับเสียงห้าม เขาเบียดปากเถลซ้าย ขวา เริ่มจูบแบบจริงจังและอบเชยทำได้แค่ตัวสั่นสะท้าน
เด็กสาวไม่ประสาพริ้มเปลือกตาหลุบลง เรือนกายอ่อนยวบเพราะอนุภาพร้อนแรงของจูบที่เจ้าตัวไม่เคยลิ้มรส
มือของดีแลนทำงานสัมพันธ์กับความรุ่มร้อน เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งถูกชายหนุ่มถลกขึ้นสูง เขาอยากสัมผัสเนื้อแท้ของอบเชย อยากสูดดมหล่อนให้ทั่วทั้งตัว...และเสื้อตัวใหญ่มันเกะกะ ดีแลนสัมผัสอบเชยได้ไม่ทั่วถึง กระดุมเม็ดเล็กๆ จึงถูกปลด และคนไม่ประสาก็ดันเผลอตัวให้ความร่วมมือเสียแบบนั้นเอง
อบเชยแอ่นตัวยกบั้นท้ายขึ้นสูง มันเลยเป็นความสะดวก ดีแลนจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนร่างกายของอบเชยได้โดยไม่ติดขัด กางเกงผ้ายืดหลุดออกไปจากสะโพกผาย ตามติดด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ และชั้นในผ้าลูกไม้เป็นชิ้นต่อไป
“เชย...หนาวเหรอ?”
ดีแลนถามเสียงพร่า ผิวเนื้อของอบเชยเต้นระริก เขาไล้มือไปตามผิวเนียนเรียบ และแอบขบเม้มเบาๆ แสดงความเป็นเจ้าของเสียหลายจุด
“ปะ เปล่าค่ะ คุณดีแน่ใจเหรอคะว่าจะทำแบบนี้กับ...เชย?” หญิงสาวถามเสียงสะท้าน
“แน่ใจสิ...” ดีแลนตอบเสียงพร่า ไม่มีครั้งไหนที่เขามั่นใจเท่าครั้งนี้ ความต้องการล้นอก กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หากเขาหยุดลงแค่นี้ คนที่ตายน่ะคือเขา ไม่ใช่อบเชยหรอก
ดีแลนเสียดสีเนื้อตัวร้อนระอุ กับผิวเนียนนุ่มที่เย็นเฉียบ เขาจะช่วยให้อบเชยหายหนาว ด้วยการใช้ร่างกายของตนเองห่อหุ้มหล่อน
“อะ...” แรงเสียดสีทำให้อบเชยรู้สึกแปลกๆ เธอเผลอตัวคราง แล้วก็ต้องรีบตะครุบปากตัวเอง ผิวหน้าแดงซ่าน เพราะสายตาวาวหวานมองมายังตนเอง
ดีแลนยิ้มกริ่มเขาไม่หยุดขยับ ยิ่งชิดใกล้ไฟปรารถนาก็ยิ่งลุกกระพือ
ซับในตัวน้อยถูกปลายนิ้วของดีแลนรั้งจนหลุดไปจากสะโพกได้ในที่สุด ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง เขามองความเย้ายวนตรงหน้าด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ม กระไอปรารถนาฉีดพล่าน ชายหนุ่มลดตัวลง สวมกอดอบเชยไว้ ขณะที่ประคองความขึงขังจรดจ่อปากทางสวรรค์
บั้นเอวแข็งตึงกดดันความอลังการแทรกลึกลงกึ่งกลางความฉ่ำเยิ้ม
อบเชยผวาเยือก!! เธอรีบกระถดสะโพกถอยหนี รู้สึกตึงไปทั้งหน้าขาแถมยังเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะร้องห้าม เมื่อมีบางอย่างแทรกลึกเข้าในร่างกายตัวเอง
“ชูว์!” เสียงปลอบใจเบาๆ กับปลายจมูกที่เฉียดแก้มไปมา
อบเชยกัดฟัน หลับตาปี๋ เธอถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว...
“ทนหน่อยนะยัยเด็กดื้อ” ดีแลนกระซิบปลอบ เขาเช็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดซึมขึ้นมาเหนือหน้าผากกลมกลึงให้ด้วยความรู้สึกอ่อนเชื่อม
อบเชยหลับตา ส่ายหน้าไปมา มันเจ็บร้าวจนอยากร้องไห้ แต่หากทำแบบนั้น ดีแลนอาจคืนสติ และเขาจะต้องเกลียดเธอไปตลอดชีวิต หญิงสาวพยายามอดทน เธอกล่ำกลืนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จนกระทั่งช่วงเวลาแห่งความทรมานจบสิ้นลง ร่างกายของเธอปรับตัวจนคุ้นกับสิ่งแปลกปลอมที่ดึงดันเข้ามา จากนั้นอบเชยก็จำอะไรไม่ได้อีก...พายุอารมณ์ที่ดีแลนโยนใส่ ยิ่งกว่าพายุเกย์ในตำนาน ความร้อนแรงนั่นแทบทำให้เธอแทบขาดใจตาย
แรงโหมที่ดีแลนกระแทกอัด อบเชยผวาเยือกทุกครั้ง...
เธอครางจนคอแห้ง วิงวอนเขาด้วยน้ำเสียงน่าสมเพช...เพราะเสียงที่อบเชยได้ยิน เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเธอหรือไม่ที่พูดออกมา
บทบรรยายในนวนิยายที่เคยอ่านผ่านตา กลายเป็นหนังสือเรียนเด็กชั้นประถม...ซึ่งบรรยายได้ไม่ถึงครึ่งกับความเป็นจริงที่ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่เลยสักนิด
บทรักแสนหวาน ดุเดือดจนเตียงนอนแทบพัง คลื่นพายุลูกแล้วลูกเล่าซัดใส่ อบเชยเนื้อตัวสั่นระริก เธอถูกจับโยนเหมือนปุยนุ่น หนักอึ้งยิ่งกว่าแบกหินไว้บนสองบ่า และเมื่อถึงจุดสิ้นสุด อบเชยกรีดร้องออกมาสุดเสียง เธอตะกายแผ่นหลังของดีแลน แอ่นตัวจนโค้งงอ เมื่อกระโจนแตะสวรรค์ชั้นฟ้าได้สำเร็จ
ดีแลนปลดปล่อยความต้องการของตนเอง เขาฉีดอัดสายธารสวาท สาดซัดใส่อบเชย
แล้วก็ทิ้งตัวนอนแผ่...หลับสนิทเพราะฤทธิ์น้ำเมา ที่ผสมไว้ด้วยยาปลุกอารมณ์
ชายหนุ่มสิ้นฤทธิ์ แต่อบเชยกลับต้องนอนลืมตาโพลง!!
บทที่3.มันเป็นแค่ความฝันอย่างนั้นเหรอ? อบเชยนอนนิ่งๆ หลังพายุพิศวาสสงบลง เธอนอนฟังเสียงลมหายใจของดีแลน จนแน่ใจว่าคนข้างตัวหลับสนิทไปแล้ว อบเชยค่อยๆ ดันแขนของดีแลนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองออกไป เธอรีบสอดหมอนใบใหญ่แทนที่เรือนกายของเธอ เพราะคนตัวใหญ่ที่หลับสนิททำท่าฮึดฮัด จนกระทั่งได้กอดหมอนนุ่มๆ นั่น เขารั้งไปกอดกกไว้แนบอก ดีแลนจึงมีที่ท่าสงบลง หญิงสาวพลิกตัวหนี ทิ้งตัวลงด้านข้างเตียง พลั่ก! แม้พื้นจะปูด้วยพรมเนื้อหนาฟู แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวอบเชยมีแค่เนื้อแท้ปราศจากเสื้อผ้าหรืออาภรณ์ชิ้นอื่น อบเชยเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เมื่อสะโพกกลมกลึงกระแทกกับพื้นแรงๆ เธอรีบยกมือตะปบปาก กลั้นเสียงร้องไว้แค่ในลำคอ เพราะกลัวว่าเสียงของตนเองจะทำให้ดีแลนรู้สึกตัว อบเชยข่มความเจ็บ ข่มความอาย เธอควานหาเสื้อผ้าของตนเองจนเจอ หญิงสาวรีบสวมเสื้อผ้าลวกๆ แอบสูดปากเบาๆ เมื่อร่างกายขยับไปมา ความเจ็บจากกึ่งกลางร่างกายก็กระตุ้นเตือน น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลริน จนอบเชยต้องรีบใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาทิ้ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอมานั่งเสียใจ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เสี
สองขาพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขากดโทรศัพท์พลางหย่อนตัวแช่ลงในอ่าง “ซี๊ดดดด!” ทรงพลแบนโทรศัพท์ส่วนตัวออกห่าง เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น เมื่อคนที่โทรศัพท์มาหาเขา คือเจ้านายจอมเคร่งครัด ดีแลนสะดุ้ง เมื่อหย่อนตัวลงน้ำ ความเจ็บแสบพุ่งเข้าใส่ จนต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน กระจกบานใหญ่เหนืออ่างล้างหน้าเฉลยให้ดีแลนรู้ รอยข่วนยาวๆ กลางหลัง นั่นคือสาเหตุที่เขาแสบ แผลสดๆ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ดีแลนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เขลาจนไม่รู้ รอยที่เกิดขึ้นบนแผ่นหลังของเขาเกิดขึ้นได้อย่างไร ดีแลนกะพริบเปลือกตาปริบๆ เขาไม่อยากเดา ชายหนุ่มก้มหน้าลงมอง อวัยวะเบื้องล่าง เขาเกือบล้มหัวขมำ เพราะคิดอะไรบางอย่างได้ “เจ้านายครับ เจ้านายครับ!!” เสียงใครบางคนตะโกนเรียก ดีแลนลดตัวลงนั่ง ส่งเสียงแหบแห้งตอบคนปลายสายไป “มีอะไรรึทรงพล?” เมื่อเจ้านายถามแบบนั้น ลูกน้องที่ดีจะตอบอะไรได้นอกจาก “เปล่าครับ ผมเห็นเจ้านายเงียบ เลยถามกลับไปแค่นั้นครับ” “ฉันคงไม่เข้าบริษัทนะ...วันนี้” ดีแลนกรอกเสียงบอก เขาจ้องหน้าขาตัวเอง เหมือนมีอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มนอนแผ่กลางที่นอนนุ่ม เขาหลับสนิทหลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้ายามหลับอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มโสดรุ่นเดียวกัน แต่ยามใดก็ตามที่ดีแลนตื่น เขาจะเคร่งขรึม และเป็นที่เกรงขามของคนรอบตัว“วันนี้ทำไมตื่นสายจัง...แล้วไม่ไปทำงานเรอะ?”เทียนถามบุตรสาว ที่กำลังก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็น โดยที่ยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เทียนไม่ได้ถามบุตรสาว หลังจากช่วงเช้าอบเชยไม่ได้ตื่นมาช่วยเหมือนทุกวัน“เชยไม่ไปทำงานที่นั่นแล้วค่ะแม่” อบเชยตอบ รีบพุ้ยข้าวใส่ปาก ดันตัวลุกขึ้นยืน เมื่อข้าวหมดจาน“ทำไมล่ะ...” เทียนซักต่อ อบเชยไม่ใช่คนท้อถอย ต้องมีอะไรทำให้อบเชยไม่ไปทำงาน ทั้งที่เพิ่งไปทำได้แค่วันเดียว“มันเลิกดึกค่ะแม่...” คำตอบของอบเชยเทียนเลยคลายความสงสัยอีกอย่างนางก็ไม่อยากให้บุตรสาวไปทำงานกลางค่ำกลางคืน เมื่อมีแต่อันตรายอยู่รอบตัว“ดีแล้วล่ะ หางานกลางวันทำดีกว่า แม่จะได้ไม่ต้องนอนผวาเพราะห่วงหนูจนนอนหลับไม่สนิท” เทียนบ่น นางเช็ดใบตองระหว่างที่คุยกับอบเชย“เดี๋ยวเชยออกไปข้างนอกนะแม่ เชยจะออกไปหางานใกล้ๆ บ้านทำ”อบเชยเป็นคนขยัน เธอไม่เคยอยู่นิ่งๆ มีแรงเท่าไหร่ก็ทุ่มให้กับงาน และการเรียนก็ไม่เสียด้วย“อืม...อย่ากล
ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะกลับบ้าน แต่สมองกับความคุ้นเคยชักนำมา ดีแลนลดกระจก ส่งยิ้มให้คนดูแลประตูหน้า ชายผู้นั้นรีบกุลีกุจอเปิดประตูรั้วให้ เมื่อมองเห็นเจ้าของรถยนต์หรูถนัดตาถนนคอนกรีตทอดยาวตั้งแต่รั้วเหล็ก จนถึงโถงประตูบ้าน ทางเดินสีขาวสะอาดเพราะโรยไว้ด้วยก้อนกรวดสีขาว ขนาบกับถนนคอนกรีตที่กว้างพอให้รถยนต์สองคันวิ่งสวนกันได้ ตัวน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าโถงประตู กามเทพตัวน้อยยืนแอ่นฉี่ ปล่อยสายน้ำเย็นใสใสลงมาในอ่างใบใหญ่ที่มีปลาคราฟแหวกว่ายอยู่นับสิบตัว ดีแลนก้าวลงมายืนด้านข้าง เขามองไปรอบๆ ตัวด้วยความคิดถึง ดีแลนไม่ได้มาเหยียบบ้านใหญ่หลังนี้นานแล้ว เพราะเขามัวยุ่งๆ กับการทำงาน ประกอบกับ...ต้องการที่จะหลบใครบางคนมีคนรับใช้โผล่หน้าออกมามอง แม้จะเป็นยามวิกาลที่สมาชิกส่วนใหญ่หลับใหลไปบ้างแล้ว“คุณหนู” เสียงร้องทักผสมความตื่นเต้นยินดีเนื่องจากเจ้านายน้อยของบ้าน แทบจะไม่โผล่มาให้เห็นเลย“คุณพ่อ คุณแม่หลับหรือยัง?” ดีแลนถามถึงบิดา มารดา“คุณท่านใหญ่ยังไม่นอนค่ะ อยู่ที่โถงบ้าน ส่วนคุณผู้หญิงคงกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัว”ถึงจะมีแม่บ้าน แต่สิ่งที่ปรารถนาทำเป็นประจำ คือการตื่นเช้ามาทำอาหารให้สาม
บทที่4.แม่บ้านคนใหม่ดีแลนไม่ได้รู้สึกไปเอง บ้านของเขาสะอาดเอี่ยม มีกับข้าวของโปรดของเขาวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทุกวัน เท่าที่รู้มา มารดาหาแม่บ้านคนใหม่มาให้ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี่ เขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหล่อน ช่วงเวลางานของหล่อนคงสวนทางกับเขา ในขณะที่เขากลับเข้าบ้าน ก็เป็นเวลาเลิกงานของหล่อนพอดี แต่ดีแลนก็ชอบใจ เขาไม่ใคร่ชอบให้คนนอกมายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว มือข้างหนึ่งปลดเนคไทที่คอ มืออีกข้างเอื้อมจับฝาชีที่คลุมจานอาหารไว้ “อุ้ย...น่าอร่อย...” ดีแลนคราง...วันนี้เขาเหนื่อยหนัก เหนื่อยแบบอยากนอนแช่น้ำอุ่นสักหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายคลายความเมื่อย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กว่าหนึ่งเดือนมานี่ สิ่งแรกที่ดีแลนทำ คือเดินตามกลิ่นอาหาร และอดไม่ได้ที่จะแวะชิม รสมือแม่บ้านคนใหม่ที่มารดาจัดหามาให้นั้น มีรสมือถูกปาก ทำกับข้าวอร่อยเสียจนดีแลนน้ำหนักขึ้น เขาเจริญอาหารมากขึ้น จนเอวกางเกงคับทุกตัว “ขออาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาจัดการ” มันน่าจะเป็นปลาช่อนผัดขึ้นช่าย ทั้งหน้าตาผ่าน กลิ่นผ่าน และรสชาติของมันคงถูกปากเหมือนเดิม ดีแลนสัมผัสได้ถึงไอความร้อน แม่บ้านคนใหม่คงเพิ่ง
ในที่สุดเครื่องปรุงก็สามารถควานหาได้จนครบ บัตรเครดิตที่ปรารถนามอบให้ไว้ สำหรับการจับจ่ายซื้อของกินให้ดีแลน อบเชยใช้จ่ายค่าวัตถุดิบทั้งหมด เธอกระโจนขึ้นรถประจำทางทัน ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกจากที่จอดพอดี หญิงสาวเลือกนั่งเบาะหลังสุด เธอวางถุงทั้งหมดไว้บนหน้าตัก หันหน้าให้ลมจากด้านนอกพัดใส่หน้า เพื่อช่วยระบายความร้อน อบเชยเผลออมยิ้ม เมื่อเดาสีหน้าดีแลน ตอนที่เขาเห็นอาหารทุกมื้อที่เธอทำ อบเชยอยากเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ไม่ดีกว่า...การเผชิญหน้ากับดีแลน เธอควรเลี่ยง หากยังอยากอยู่สบายๆ แบบนี้ ถุงหลายใบที่หิ้วมาจนไหล่ล้า อบเชยวางถุงไว้บนโต๊ะ เธอเปิดหน้าต่างครัว และจัดการทำสตูว์ เธอเสียเวลาไปไม่น้อยเลยสำหรับการปรุงอาหารมื้อนี้ สตูว์เริ่มส่งกลิ่นฟุ้ง เมื่ออบเชยยกหม้อใบใหญ่ตั้งไว้บนเตา...เธอเหลือเวลาไม่มากสำหรับทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวปลดผ้ากันเปื้อนวางพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เปิดประตูห้องเก็บของ ลากเครื่องดูดฝุ่นเครื่องใหญ่ออกมา เธอต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะไม่อย่างนั้น เธอจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านไม่ได้ เขาตรงเวลาจนอบเชยไม่อยากเชื่อ หนุ่มโสดที่หล่
“คุณกลับไปเถอะปารตี” ดีแลนหมดอารมณ์ดื้อๆ เขาหยิบเช็คที่เขียนไว้ ยื่นส่งให้ปารตี เป็นค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ หากค่ำคืนนี้เขาใช้เวลากับหล่อน แต่นั้นคือก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจู่ๆ ก็เหือดหายไปดื้อๆ “อะไรกันคะ ตียังไม่ได้ทานมื้อเย็นที่บ้านคุณเลย” สาวโสภาไม่ได้พิศวาสอาหารมื้อเย็นที่แอบเห็นบนเตานั่นหรอก ที่เธอต้องการคือเจ้าของบ้านสุดหล่อตรงหน้านี่ต่างหาก แต่เมื่อเขาออกปากเสือกไส เธอก็ต้องหาทางยื้อไว้ก่อน บางทีดีแลนอาจจะเปลี่ยนใจ “ผมเหนื่อย!” ดีแลนวางเช็คไว้บนโต๊ะ เขาเดินเลี่ยงปารตี “คงไม่น่าเกลียดนะ หากผมจะขอให้คุณกลับเองด้วย” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านใน ตัดความหวังของปารตีดังฉับ สาวสวยสะบัดหน้าให้ประตูคอแทบเคล็ด เธอหยิบกระดาษชิ้นน้อยๆ ขึ้นมามอง ก่อนจะพอยิ้มออก ค่าเสียเวลาของเธอมากโขเชียวล่ะ “ตีกลับก่อนนะคะ หากคุณเหงา คุณโทร. หาตีได้ตลอดนะคะดีแลน” เธอส่งเสียงบอกเจ้าของบ้าน เดินเชิดหน้าออกไปด้านนอก มองหารถรับจ้างที่จะอาศัยนั่งกลับที่พำนัก พออาบน้ำจนใจหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง...ดีแลนก็เริ่มหิว เขาเดินออกจากห้อง
“แม่ไปตลาดค่ะ คุณท่านมีอะไรจะใช้ให้แม่ทำเหรอคะ?” อบเชยถามกลับ “ฉันจะมาจองขนมหน่ะ พรุ่งนี้จะไปบ้านเด็กกำพร้า...เอาทุกอย่างเลยนะ เด็กๆ ชอบ” ปรารถนามาอุดหนุนขนมที่ร้านมารดาอบเชยเป็นประจำ เทียนจะไม่รับเงิน ท่านก็ไม่ยอม “ขอเชยไปด้วยได้ไหมคะ” อบเชยยิ้มแป้น เธอจำได้สมัยเด็กๆ ชอบตามปรารถนาไปบ้านเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหวังอุปถัมภ์ไว้ “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนสินะ ได้สิ...อ้อ...เป็นไง งานหนักไหม ลูกชายฉันบ่นอะไรหรือเปล่า?” สาวใหญ่ถามถึงบุตรชาย เขาเป็นคนเคร่งครัด ระเบียบจัด นางเกรงว่าจะทำให้อบเชยแบกภาระมากเกินไป “งานสบายๆ ค่ะ ไม่หนักเลย เชยยังไม่เจอคุณดีเลยค่ะ เธอเลยยังไม่บ่น” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ เธอเลี่ยงการเผชิญกับหน้าดีแลน เขาเลยยังไม่ไล่ตะเพิดให้เธอลาออกจากตำแหน่งงานที่อบเชยทำอยู่นั่นเอง “คงถูกใจอยู่หรอก ขานั้นถ้าไม่พอใจคงโวยมาแล้วล่ะ” ปรารถนายิ้มรับ มองสำรวจอบเชย เด็กสาวตรงหน้า เป็นสาวมากขึ้นกว่าทุกปี ท่าทางก็เรียบร้อย คนเป็นแม่อย่างเทียนคงภูมิใจ “อบเชยเรียนปีไหนแล้วล่ะ” นางชวนคุยตามประสาคนรู้จัก
“คุณดีบ้า...ถ้ามีคนเห็น เชยคงถูกนินทายับ” ดีแลนเงยหน้าหัวเราะร่วน นั่นไม่ใช่คำปฏิเสธ มันหมายความว่า อบเชยยินยอมที่จะทำตามคำขอของเขา ชายหนุ่มเลยโน้มตัวเข้าไปใกล้ “เร็วๆ เชย กำลังปลอดคน...ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันจะดูต้นทางให้เอง” อบเชยกลั้นใจกดปลายจมูกกับแก้มสากๆ ของคนตรงหน้า แต่คนที่รอจังหวะอยู่ เบี่ยงหน้า จนปากสีระเรื่อทาบลงบนปากสีเข้มแทน อบเชยผงะ เธอรีบเอนตัวออกห่าง แต่สายไปเสียแล้วสำหรับอบเชยและดีแลน เมื่อทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นไปมอง เงาดำๆ ที่ทอดยาวบนพื้น ณ.จุดนั้น เดวิด ปรารถนา เทียน รวมทั้งน้อยยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น “ดีแลน!!&rd
ก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ “คุณดีรู้ใช่ไหมคะว่าคุณท่านเรียกแม่เชยไปพูดเรื่องอะไร?” ดีแลนพยักหน้ารับ เขาสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ลักษณะเหมือนต้องการท้าทายอบเชย ผู้หญิงตรงหน้าจะมีความสามรถมากพอที่จะง้างปากให้เขาพูดได้หรือไม่!!? อบเชยคิดเอง เธอเดาจากท่าทางของเขานั่นแหละ “คุณดีบอกเชยได้ไหมคะ?” น้ำเสียงอ้อนๆ แววตาเว้าวอน จนดีแลนแอบขำ “ได้!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขึงขัง “ขอบคุณค่ะ” อบเชยยิ้มตาพราวแต่ก็ต้องชะงักหัวแทบขมำ ปลายนิ้วเรียวสวยแตะที่ข้างแก้ม เขากดย้ำไปมาหลายรอบ เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง อบเชยกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอพยายามทำความเข้าใจผ่านการบอกเล่า
‘ชอบแบบนี้ ชอบที่เป็นแบบนี้ ชอบแววตาแบบนี้ ชอบรอยยิ้มแบบนี้ ก็ชอบคนนี้ โฮ้วววว จะเอาแบบนี้ จะเอาที่เป็นแบบนี้ จะเอาแววตาแบบนี้ จะเอารอยยิ้มแบบนี้ จะเอาคนนี้ ฮู้ววว ก็ชอบที่เป็นแบบเธอ’ จู่ๆ อบเชยก้ได้ยินเสียงเพลงดังเบาๆ เธอเงยหน้ามอง ผู้ชายตัวใหญ่กำลังฮัมเพลง เนื้อเพลงที่ฟังแล้วถึงกับสะท้านวูบในอก ‘เพียงแค่เธอยิ้มมา ใจมันสั่นยังไงไม่รู้ ทุกอย่างกลายเป็นสีชมพูทันใด เธอ โอเธอ เธอรู้ไหมใจฉันไหวหวั่น เวลาที่ได้ใกล้กัน หัวใจฉันแทบจะวาย ตอนที่เธอสบตา ฉันก็แทบจะเป็นบ้าตาย รู้ไหมใจฉันจะละลายแล้ว’ ดีแลนยิ้มเก๋ เขาซ้อมร้องเพลงนี้มานานหลายสัปดาห์ แค่ฟังครั้งแรกก็สะดุดหู มันช่างเหมือนกับชีวิตตนเองเหลือเกิน แรกสบตากับอบเชยเมื่อหลายสิบปีก่อน ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นแบบนี้เลย เสียงระเบิดตูมตามดังในใจ รอยยิ้มของเธอ ทำให้หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ หัวใจเขาทำงานหนั
ตามธรรมดาปรารถนาจะแวะเวียนมาเยี่ยมเทียนที่ร้านขนมเป็นประจำ หลังจากนางใส่บาตรทำบุญเสร็จ แต่วันนี้คงเพราะฝนตก อากาศไม่เป็นใจ คุณท่านจึงเรียกมารดาของเธอเข้าไปพบแทน อบเชยไม่ได้สงสัย ไม่ได้ติดใจท่าทางร้อนรนของคนมาตามสักนิด คงเป็นเพราะหญิงสาวกำลังสนุกกับการปิ้งข้าวเหนียวปิ้ง ไอเดียใหม่ที่เพิ่งทดลองทำ “เชยสอบเสร็จหรือยัง?” คุยกันด้วยเรื่องมารดาของเธออยู่ดีๆ ดีแลนก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ เป็นคำถามเดิมที่ทำให้ดีแลนรู้สึกไม่พอใจตนเองด้วย อบเชยเลยรีบตอบ เธอกลัวว่าจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พอใจซ้ำอีกครั้ง “ยังเลยค่ะ เหลือสอบอีกสองวัน สามวิชา แล้วก็ส่งรายงานค่ะ” ดีแลนพยักหน้าหงึกหงัก เขารับห่อข้าวเหนียวที่อบเชยส่งให้มาแกะใบตองออก แล้วกินต่อ เมื่อตนเองได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนหมด&
“อืม...” ดีแลนทิ้งตัวนั่งที่เดิม อบเชยเลยจำใจต้องปล่อยแขนข้างที่จับเอาไว้ เธอรีบใช้ที่คีบ คีบข้าวเหนียวปิ้งที่เกือบไหม้ลงมาจากเตา“คุณดีโกรธอะไรเชยคะ บอกเชยตรงๆ ได้ไหมคะ เชยไม่ใช่เด็กแล้ว เชยยอมรับได้หากสิ่งที่เชยทำ ทำให้คุณดีไม่พอใจ”ดีแลนหรี่เปลือกตาลง เขาเม้มปาก ท่าทางเหมือนวัยรุ่นโดนผู้ใหญ่ขัดใจ“ฉันรู้ ว่าเชยโตแล้ว”หลังพูดจบ แววตาของดีแลนก็เต้นระริกอบเชยมองตามสายตาของคนตัวโต ที่คีบในมือแทบจะพลัดหลุด เพราะสายตาของเขามองสิ่งที่ ‘โต’ แล้วของเธอตาเป็นมัน “คุณดี!!”“ฮ่าๆ” ดีแลนหัวเราะร่วน เขายิ้มแฉ่งเมื่อโดนคนตัวเล็กสะบัดค้อนให้“ระวังคอเคล็ดนะเชย” ดีแลนกระเซ้าต่อ“คุณดีว่างขนาดมีเวลามาแหย่เชยเล่นเลยเหรอคะ”“เปล่า วันนี้ฉันมีธุระสำคัญ”ดีแลนตอบเสียงนุ่ม มุมปากมีรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองทำลงไปวันนี้‘แม่ครับ ผมอยากมีเมีย’ชายหนุ่มพูดโพล่งกับบิดา มารดา ระหว่างรั
แม่ค้าขนมยิ้มหวาน มองธนบัตรที่อัดเกือบเต็มกระป๋องใส่สตางค์ตาพราว “ข้าวเหนียวปิ้งขายดีจริ๊งๆ” เทียนสัพยอกบุตรสาว นางเก็บถาดใส่ขนมเตรียมนำไปล้าง “ต้องยกความดีความชอบให้แม่เลยค่ะ ข้าวเหนียวมูลของแม่คนแถวนี้รู้ดีว่าทั้งหอมทั้งมัน” อบเชยกล่าวชม มือเป็นระวิง เมื่อต้องคอยพลิกกลับห่อข้าวเหนียวปิ้งไม่ให้ใบตองไหม้ เทียนไม่ได้พูดต่อความ นางเดินไปหลังร้าน เพื่อล้างถาดขนมที่ใช้แล้ว ลูกค้าบางตา เทียนเลยวางใจให้อบเชยอยู่คนเดียว อีกทั้งห่อข้าวเหนียวที่รอปิ้งก็ใกล้หมดแล้ว “ว้าว...ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีข้าวเหนียวปิ้งด้วย” น้อย คนสนิทของปรารถนาเดินผ่านและตามกลิ่นไหม้ของใบตองมา “ป้าน้อยลองชิมไหมคะ เ
“ฉันหนาว...” อบเชยอยากสลัดผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้นจ้องหน้าเขา มนุษย์ขี้ร้อนอย่างดีแลน รู้สึกหนาวในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ เธอไม่ได้เปิดแอร์อบเชยมั่นใจ เธอไม่ชอบนอนขดในห้องที่มีอากาศเย็นจัด ที่สำคัญ อบเชยชินแล้ว เธอกลัวต้องจายค่าไฟแพงๆ อะไรที่อดทนได้ เธอเลยไม่พยายามสร้างความเคยตัวให้กับตัวเอง แต่คนตัวใหญ่ข้างๆ เธอ เขาร่ำรวยมาก ขนหน้าแข้งไม่มีทางร่วง หากต้องจ่ายค่าไฟที่มีจำนวนเลขห้าหลัก “คุณดีโกหก” หญิงสาวกล่าวแดกดัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลนจะหนาว นอกจากเขาสำออย “ฉันจะโกหกเชยทำไมล่ะ เชยดูสิ หนาวจนขนลุกเลย” ดีแลนสอดแขนผ่านโปงผ้า เขาขนลุกจริงๆ แต่ไม่เพราะหนาว แต่เพราะอะไรนั่นอบเชยน่าจะรู้ดี เธอถึงได้พยายามสุดชีวิตที่จะยึดผ้าห่มไว้กับตัวให้นานที่สุด ไอร้
“ไม่จริงอะ คุณดีเกลียดเชยจะตาย เชยเข้าใกล้คุณดีทีไรเชยถูกไล่ตะเพิดทุกที” อบเชยแย้ง ความทรงจำของเธอ มีแต่สีหน้าตึงๆ กับคำพูดหยาบคายที่ทำให้เธอขยาดการเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของเขา “หากไม่กันเชยออกห่าง ฉันคงติดคุกไปแล้ว” ดีแลนสารภาพ เขาคิดมิดีมิร้ายกับคนตรงหน้า ตั้งแต่หล่อนยังมีคำนำหน้าว่าเด็กหญิง “จริงอะ” “จริงเส้!” ท่าทางไม่เชื่อของอบเชยทำเอาดีแลนชักฉุน “คุณดีมีสาวในสต็อกเยอะจะตาย มาสนใจอะไรกับเด็กอย่างเชย” ถึงดีแลนช่วงนี้จะปฏิบัติตัวกับเธอดีขึ้น แต่ความทรงจำในอดีตก็ยังทำให้อบเชยอดระแวงไม่ได้ “
หญิงสาวรีบตอบ นั่นเป็นข้อห้ามที่ปรารถนาย้ำแล้วย้ำอีก แม้อบเชยจะสงสัย แต่เธอก็ไม่เคยย่างกลายเข้าไปในห้องนอนของเขา เพราะประตูห้องมันล็อกอยู่ตลอดเวลานั่นเอง “อยากเห็นไหมล่ะ?” ดีแลนถามเสียงปร่า อบเชยส่ายหน้าแรงๆ “อยากเข้าไปดูไหม?” ดีแลนถามย้ำ...แต่ก็เหมือนเดิม อบเชยส่ายหน้าแรงขึ้นกว่าเก่าเสียอีก เขตหวงห้ามตอนที่ดีแลนคิดอะไรแปลกๆ อยู่ในหัวแถมบ้านทั้งหลังมีแค่เธอกับเขา หากไม่อยากพลาดซ้ำ อบเชยควรอยู่ห่างๆ เขาไว้ก่อน “แต่ฉันอยากให้เชยเห็นนี่” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย ก่อนจะร