บทที่2.One night stand
น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากหางตา อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดทิ้ง เธอรีบเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเมื่อเวลางานสิ้นสุดลง หากมัวชักช้าเธอจะไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย และหากเป็นเช่นนั้น ค่าแรงวันนี้คงไม่มีเหลือเก็บ เพราะอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ตอนดึกๆ เช่นนี้ แพงจนค่าแรงเธอแทบไม่เหลือ ลิปสติกแท่งเดียวที่เหลือบนโต๊ะถูกโยนลงกระเป๋า อบเชยฉวยเสื้อคลุมตัวใหญ่มาคลุมไหล่ กำลังจะเดินออกจากห้อง ใครบางคนก็ดันประตูให้เปิดเข้ามาเสียก่อน
“หนูอบ...อยู่พอดี ช่วยพี่หน่อยสิ”
ฉุน บริกรคนนั้นนั่นเอง มันซุ่มรอจังหวะที่ปลอดคน และรีบเข้ามาหาอบเชย ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกลับบ้านไปเสียก่อน
อบเชยขมวดคิ้ว...เธอคุ้นหน้า แต่ไม่ได้สนิทด้วย เธอเพิ่งมาทำงานวันแรก ยังไม่รู้จักคนมาก และยังไม่อยากสร้างความรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงาน
“ช่วยทำอะไรเหรอพี่ เชยต้องรีบไปก่อนที่รถจะหมดค่ะ”
คนรอบตัวเรียกอบเชยว่า ‘หนูอบ’ ชื่อตามที่เธอแนะนำ มีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอว่า ‘เชย’ และเขาคือดีแลน
“ผู้ชายคนนั้นหน่ะ คนที่หนูอบเข้าไปคุยด้วย” ฉุนรีบอธิบาย
อบเชยขมวดคิ้ว เธอพยักหน้าเข้าใจ “คุณดี เขาเป็นอะไรคะ?” แม้ดีแลนจะทำให้เธอเสียใจ แต่เขาก็คือคนที่เธอพึงใจ ดังนั้นไม่แปลกที่อบเชยจะหลงกล
“จะเป็นอะไรล่ะ ก็เมาสิ”
ฉุนเดินนำ และอบเชยก็เดินตาม เธอเป็นห่วงดีแลน จนลืมสนใจรอบข้าง เธอเดินเข้าไปในเขตที่เพื่อนๆ ร่วมอาชีพเตือนไว้ หากต้องการขายแค่แรงกายอย่างเดียว อย่าได้หลงเข้าไปในอาณาเขตแห่งนี้เด็ดขาด ยกเว้นอยากสบายด้วยการขายร่างกายแทนการขายแรงเหมือนทุกวัน
ทางเดินปูด้วยพรมสีเลือดนก เนื้อพรมหนานุ่มฟู ขนาดเดินเร็วๆ ยังไม่ได้ยินเสียงรองเท้าซักเอะ เมื่อเนื้อพรมสูงจนกลบเสียงย่ำเท้าแรงๆ จนหมด อากาศรอบตัวเย็นเฉียบ แต่อบเชยกลับเหงื่อตก เพราะความเป็นห่วงที่ผุดซึมขึ้นมาในใจ
“คุณดีอยู่ที่ไหนคะพี่?” อบเชยร้องถามเสียงแห้ง
ฉุนไม่ได้ตอบ เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง เขาเบี่ยงกายหลบ เพราะหญิงสาวที่เดินตามหลังมา ถลันขึ้นมาอยู่ด้านหน้า หล่อนรีบร้อนเปิดประตูเข้าไป ไม่ได้สงสัยสักนิด ทำไมห้องๆ นั้นถึงไม่ล็อกประตู
“คุณดีคะๆ” อบเชยป้องปากเรียก เธอเดินลึกเข้าไปด้านใน ไม่รู้ตัวสักนิดว่าประตูด้านนอกถูกปิดลง และคนที่พามาก็หายตัวไปเงียบๆ
นี่เป็นครั้งแรกกับการเข้ามาในห้อง VIP การตบแต่งสมราคา เฟอนิเจอร์ทุกชิ้นคงราคาไม่เบา ไม่ว่าจะโซฟาตัวใหญ่สไตล์หลุยส์บุนวมเนื้อดีขลิบทองดูอลังการ ทีวีจอใหญ่ติดผนังห้อง กับบาร์เครื่องดื่มที่แน่นไปด้วยเครื่องดื่มยี่ห้อดัง อบเชยห่อปาก กวาดตามองไปรอบตัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น...
“อบเชยเธอจะมามัวตื่นตากับข้าวของที่ไม่ใช่ของเธอไม่ได้ เธอต้องหาคุณดีให้เจอสิ” หญิงสาวกระซิบเตือนตัวเอง รีบชักสายตากลับมาจากการสำรวจห้อง เธอมุ่งหน้าเดินตรงไป มีประตูห้องๆ หนึ่งเปิดอ้าไว้ และเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น
ดีแลนปรือตามอง เขาเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาวูบวาบอยู่ที่ช่องประตู
เงาของใครบางคนลอยเข้ามาหาเขา
เสียงหวานที่ได้ยินและจำได้ติดหูกระซิบอยู่ใกล้ๆ ซึ่งดีแลนก็พยายามที่สุดที่จะมองให้ชัด
“คุณดีเป็นอะไรคะ?!!” อบเชยถามเสียงร้อนรน
เธอตลบผ้าห่มคลุมกายให้ผู้ชายตรงหน้า สีหน้าอาการของเขาไม่ดีนัก ผิวกายของเขาร้อนฉ่า จนเธอต้องรีบชักมือกลับ ตอนที่จับแขนเขา เพื่อเขย่า
ดีแลนหอบหายใจแรงๆ เขาปรือตามอง แต่สิ่งที่อบเชยมองเห็น คือดวงตาฉ่ำเยิ้มนั่นกำลังมองมาที่เธอ
อาการบางอย่างสั่งให้ดีแลนคว้าสิ่งที่มองเห็น ชายหนุ่มยื่นมือแตะกรอบหน้าหวาน เขาลากปลายนิ้วไปตามปลายคางกลมกลึงของอบเชย หญิงสาวตัวแข็งทื่อ เธอมัวตะลึงจนไม่ได้ขัดขืน
“ยัยเด็กเชย” เสียงพึมพำแผ่วๆ ดังผ่านริมฝีปากแห้งผาก
“คุณดี” หญิงสาวส่งเสียงเรียก พยายามดึงสติของคนตรงหน้ากลับคืนมา มือสั่นๆ ยกขึ้นแตะผิวแก้มของดีแลน เธอย่นจมูก ผิวของเขาไม่ได้นุ่มเหมือนผิวเธอ เธอสัมผัสได้ถึงตอหนวดที่พยายามแทงผิวเนื้อของเขาออกมา ไรหนวดนั่นทำให้เกิดความรู้สึกพิกล แต่อบเชยก็ไม่ได้หยุดที่จะสัมผัสดีแลนต่อ ชั่วชีวิตนี้ คงมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่เธอจะมีโอกาสทำเช่นนี้ได้
“เธอจะทำอะไร?” ดีแลนถาม เขาจำได้แล้วว่าใครกำลังลูบไล้เขาอยู่ ถึงภาพตรงหน้าจะเบลอจนมองไม่ชัด แต่เค้าหน้าแบบนี้ มีคนเดียวเท่านั้น
วงหน้ากลม ดวงตาโตๆ แพขนตางอนๆ เหมือนปีกผีเสื้อ จมูกเล็กๆ เข้ารูปกับริมฝีปากอิ่มเต็ม คนนอกอาจจะคิดว่า อบเชยหน้ากลมดิก แต่มองรวมๆ แล้วก็น่ารัก แต่ดีแลนรู้ดี ทุกสิ่งที่รวมเป็นอบเชย ถูกใจเขาทุกอย่าง หล่อนเตี้ยไปนิดหากยืนเทียบความสูงกัน แต่ดีแลนชอบ เขาอยากกอดเธอ โดยให้อบเชยซบอยู่ที่อก มันเหมือนกับว่าเขาสามารถปกป้องหล่อนได้ เขาชอบผู้หญิงตัวเล็ก มันน่าทะนุถนอมมากกว่าคนที่มีความสูงเท่ากัน พูดไปพูดมาก็แค่นั้น ความจริงแล้ว...หากเป็นอบเชย เขาถูกใจหล่อนทุกอย่าง...ก็แค่นั้นจริงๆ
“ทำไมคุณดีมาอยู่ตรงนี้คะ?”
หญิงสาวถามเสียงเหมือนคนละเมอ เธอไล้มือไปมาบนริมฝีปากของเขา แต่กลับหยุดชะงักไม่กล้าไปต่อ เนื่องจากดีแลนกำลังมองมายังเธอ ด้วยสายตาหวานเยิ้ม ซึ่งเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้
ผิวที่อบเชยสัมผัสร้อนระอุ ผิวของดีแลนกระด้างเหมือนผิวผู้ชายทั่วไป ถึงจะมองว่าเกลี้ยงเกลา แต่เมื่อสัมผัสเข้าจริงๆ ผิวของเขาหยาบไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
“ฉันไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมยัยเชย?” ดีแลนถามกลับ
หลายครั้งที่เขาฝันแบบนี้ มีอบเชยอยู่ตรงหน้า พอลืมตา ทุกอย่างก็หายวับไป
สาวอวบฉบับกระเป๋าย่นจมูกใส่ เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ หมดความกลัวดีแลนแล้ว เมื่อสติของเขาไม่เต็มร้อย
“อย่าเรียกเชยแบบนี้ได้ไหมคะ?” หญิงสาวท้วงเสียงอ่อย
ยิ่งดีแลนเอ่ยชื่อของเธอออกมา...อบเชยก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองต้อยต่ำ จนไม่กล้าเผยอหน้ามองเขา
“ทำไมล่ะ” ดีแลนถามกลับเสียงขาดๆ หายๆ เนื้อตัวของเขากระตุก เมื่อรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาดื้อๆ
“คุณดีทำให้เชยรู้สึกว่าชื่อของเชยดูน่าทุเรศค่ะ” อบเชยตอบ เธอขยับเข้าไปใกล้อีก โดยไม่รู้สึกถึงรังสีอันตรายที่เพิ่มมากขึ้น
“มีฉันคนเดียวไม่ใช่เหรอที่เรียกเธอแบบนี้?” ดีแลนถามต่อ เขาเคยได้ยินคนอื่นเรียกอบเชยด้วยชื่อแบบอื่น เขาจึงจงใจเรียกเธอแบบนั้น เพราะไม่อยากเหมือนคนอื่น โดยไม่ได้คิดว่าคำๆ นี้จะทำให้อบเชยสะเทือนใจ
“ทุกคนเรียกเชยว่า ‘หนูอบ’ ค่ะ”
อบเชยสารภาพ สำหรับคนอื่น ไม่ว่าใครก็ตามเรียเธอว่า ‘ยัยเชย’ เหมือนที่ดีแลนเรียก อบเชยจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มีดีแลนคนเดียวที่เธอไม่กล้าหาญสู้
“ฉันไม่ชอบเหมือนคนอื่น เธอเป็น ‘ยัยเชย’ ของฉันคนเดียว” ชายหนุ่มพูดเหมือนที่ตัวเองคิดไว้ สำหรับอบเชยแล้ว...หล่อนคือผู้หญิงคนเดียวที่เขาแอบซุกไว้ในใจ
“เชยไม่ยอมเป็นของคุณดีหรอกค่ะ” อารมณ์งอนประสาหญิงมาจากไหนไม่รู้ อบเชยเลยกล้าเถียงกลับ เมื่อเธอรู้ดีว่าดีแลนไม่รู้ตัว ร้อยวันพันปี เขาเคยพูดดีๆ กับเธอเมื่อไหร่ล่ะ
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกยัยเด็กบ้า!” ดีแลนยกมือขึ้นกระแทกลงไปกลางหน้าผากของอบเชย เขาพูดเสียงแข็ง แต่ก็ต้องรีบทิ้งตัวนอนแผ่ เมื่อดวงตาสั่นพร่า พื้นรอบตัวโคลงเคลงจนตนเองเวียนหัว
“เชยเจ็บนะคะ”
มือเรียวเล็กยื่นออกมาผลักอกดีแลน สาวเจ้าลุกขึ้นนั่ง สีหน้าตะบึงตะบอน โดยที่คนเมามองตามตาปรอย
ดีแลนไม่ได้มองดวงหน้าหงิกๆ งอๆ นั่น เขามองกึ่งกลางร่างของอบเชย ทรวงงามใต้เสื้อเชิ้ตตัวโครงที่กระเพื่อมไปกระเพื่อมมา มันคงเป็นเพราะความเมา เขาจึงมองเห็นภาพก่อนหน้านี้มาซ้อนทับ อารมณ์หงุดหงิดแบบไม่มีปี่มีขลุยปะทุขึ้นมาเสียอย่างนั้นเอง
ภาพที่ดีแลนดันเห็น คือภาพตอนที่อบเชยใส่ชุดเกาะอกหมิ่นเหม่นั่น และเต้นยั่วสายตาผู้ชายอยู่กลางเวที มีผู้ชายเกือบร้อยคนจ้องมอง พร้อมกับเสียงโห่ฮาด้วยความชอบใจ
ดีแลนดันตัวขึ้นนั่งโงนเงน เขากระชากอบเชยเข้ามาใกล้ ผลักหล่อนจนหงายหลัง และรีบกระโจนขึ้นคร่อมทับเอาไว้
“จำไว้ยัยเด็กบ้า คราวหลังห้ามแก้ผ้าเต้นจ้ำบ๊ะแบบวันนี้อีกนะ!”
เขาตะโกนดังลั่น ก่อนจะกระแทกปาก บดจูบปากอิ่มที่เผยออ้า เพราะความตกใจ
มันเหมือนไฟฟ้าในห้องดับพรึ่บลง!! เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะ อบเชยนอนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโต จ้องมองผู้ชายที่อุกอาจถึงขนาดปล้นจูบแรกของเธอไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เรียวปากสีเข้มทาบทับลงมาแรงๆ เขาเอียงหน้า พยายามบดแยกให้อบเชยยอมเผยอปากตอบรับ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกโชยเข้าจมูกเธอ ดีแลนคงดื่มหนัก จนทำให้เขาขาดสติ จนกระทั่งเขาเผลอตัวมาจูบกับคนแบบเธอ อบเชยพยายามขัดขืน แต่เมื่อนึกได้ คนเมามักจะจำไม่ได้ตอนที่สร่างเมาแล้ว จูบ...ที่ตนเองได้แต่ฝันและแอบมโนเอาเองยามเหงาตามประสาสาวชั่งฝัน มันห่างไกลเหลือเกินกับที่รู้มา บทบรรยายในหนังสือนวนิยายที่เคยอ่าน บรรยายเสียจนอบเชยเคลิ้มฝัน แต่เมื่อตนเองมีบทเรียนแรกเกี่ยวกับจูบ แถมยังเป็นจูบกับคนที่แอบเก็บไว้ในใจ มันไม่เหมือนที่ฝันไว้จนอบเชยแอบผิดหวังนิดๆ คนเมาที่ครองสติไม่อยู่ แถมซ้ำฤทธิ์ยายังบีบบังคับให้ยอมเผยความปรารถนาลึกๆ ในใจออกมา กลีบปากนุ่มนิ่มที่ดีแลนเวียนดูดซับความหวานอยู่นี่ หวานล้ำยิ่งกว่าความหวานของทุกสิ่งบนโลก ขนาดน้ำผึ้งรวงเดือนห้าที่ว่าหวานยังไม่เท่า ดีแลนตะปี้ตะบันจูบ...เขาเถลปากไปทั่ว และเมื่อเถลเลยไปยังซอกคอ ริ
บทที่3.มันเป็นแค่ความฝันอย่างนั้นเหรอ? อบเชยนอนนิ่งๆ หลังพายุพิศวาสสงบลง เธอนอนฟังเสียงลมหายใจของดีแลน จนแน่ใจว่าคนข้างตัวหลับสนิทไปแล้ว อบเชยค่อยๆ ดันแขนของดีแลนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองออกไป เธอรีบสอดหมอนใบใหญ่แทนที่เรือนกายของเธอ เพราะคนตัวใหญ่ที่หลับสนิททำท่าฮึดฮัด จนกระทั่งได้กอดหมอนนุ่มๆ นั่น เขารั้งไปกอดกกไว้แนบอก ดีแลนจึงมีที่ท่าสงบลง หญิงสาวพลิกตัวหนี ทิ้งตัวลงด้านข้างเตียง พลั่ก! แม้พื้นจะปูด้วยพรมเนื้อหนาฟู แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวอบเชยมีแค่เนื้อแท้ปราศจากเสื้อผ้าหรืออาภรณ์ชิ้นอื่น อบเชยเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เมื่อสะโพกกลมกลึงกระแทกกับพื้นแรงๆ เธอรีบยกมือตะปบปาก กลั้นเสียงร้องไว้แค่ในลำคอ เพราะกลัวว่าเสียงของตนเองจะทำให้ดีแลนรู้สึกตัว อบเชยข่มความเจ็บ ข่มความอาย เธอควานหาเสื้อผ้าของตนเองจนเจอ หญิงสาวรีบสวมเสื้อผ้าลวกๆ แอบสูดปากเบาๆ เมื่อร่างกายขยับไปมา ความเจ็บจากกึ่งกลางร่างกายก็กระตุ้นเตือน น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลริน จนอบเชยต้องรีบใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาทิ้ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอมานั่งเสียใจ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เสี
สองขาพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขากดโทรศัพท์พลางหย่อนตัวแช่ลงในอ่าง “ซี๊ดดดด!” ทรงพลแบนโทรศัพท์ส่วนตัวออกห่าง เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น เมื่อคนที่โทรศัพท์มาหาเขา คือเจ้านายจอมเคร่งครัด ดีแลนสะดุ้ง เมื่อหย่อนตัวลงน้ำ ความเจ็บแสบพุ่งเข้าใส่ จนต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน กระจกบานใหญ่เหนืออ่างล้างหน้าเฉลยให้ดีแลนรู้ รอยข่วนยาวๆ กลางหลัง นั่นคือสาเหตุที่เขาแสบ แผลสดๆ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ดีแลนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เขลาจนไม่รู้ รอยที่เกิดขึ้นบนแผ่นหลังของเขาเกิดขึ้นได้อย่างไร ดีแลนกะพริบเปลือกตาปริบๆ เขาไม่อยากเดา ชายหนุ่มก้มหน้าลงมอง อวัยวะเบื้องล่าง เขาเกือบล้มหัวขมำ เพราะคิดอะไรบางอย่างได้ “เจ้านายครับ เจ้านายครับ!!” เสียงใครบางคนตะโกนเรียก ดีแลนลดตัวลงนั่ง ส่งเสียงแหบแห้งตอบคนปลายสายไป “มีอะไรรึทรงพล?” เมื่อเจ้านายถามแบบนั้น ลูกน้องที่ดีจะตอบอะไรได้นอกจาก “เปล่าครับ ผมเห็นเจ้านายเงียบ เลยถามกลับไปแค่นั้นครับ” “ฉันคงไม่เข้าบริษัทนะ...วันนี้” ดีแลนกรอกเสียงบอก เขาจ้องหน้าขาตัวเอง เหมือนมีอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มนอนแผ่กลางที่นอนนุ่ม เขาหลับสนิทหลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้ายามหลับอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มโสดรุ่นเดียวกัน แต่ยามใดก็ตามที่ดีแลนตื่น เขาจะเคร่งขรึม และเป็นที่เกรงขามของคนรอบตัว“วันนี้ทำไมตื่นสายจัง...แล้วไม่ไปทำงานเรอะ?”เทียนถามบุตรสาว ที่กำลังก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็น โดยที่ยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เทียนไม่ได้ถามบุตรสาว หลังจากช่วงเช้าอบเชยไม่ได้ตื่นมาช่วยเหมือนทุกวัน“เชยไม่ไปทำงานที่นั่นแล้วค่ะแม่” อบเชยตอบ รีบพุ้ยข้าวใส่ปาก ดันตัวลุกขึ้นยืน เมื่อข้าวหมดจาน“ทำไมล่ะ...” เทียนซักต่อ อบเชยไม่ใช่คนท้อถอย ต้องมีอะไรทำให้อบเชยไม่ไปทำงาน ทั้งที่เพิ่งไปทำได้แค่วันเดียว“มันเลิกดึกค่ะแม่...” คำตอบของอบเชยเทียนเลยคลายความสงสัยอีกอย่างนางก็ไม่อยากให้บุตรสาวไปทำงานกลางค่ำกลางคืน เมื่อมีแต่อันตรายอยู่รอบตัว“ดีแล้วล่ะ หางานกลางวันทำดีกว่า แม่จะได้ไม่ต้องนอนผวาเพราะห่วงหนูจนนอนหลับไม่สนิท” เทียนบ่น นางเช็ดใบตองระหว่างที่คุยกับอบเชย“เดี๋ยวเชยออกไปข้างนอกนะแม่ เชยจะออกไปหางานใกล้ๆ บ้านทำ”อบเชยเป็นคนขยัน เธอไม่เคยอยู่นิ่งๆ มีแรงเท่าไหร่ก็ทุ่มให้กับงาน และการเรียนก็ไม่เสียด้วย“อืม...อย่ากล
ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะกลับบ้าน แต่สมองกับความคุ้นเคยชักนำมา ดีแลนลดกระจก ส่งยิ้มให้คนดูแลประตูหน้า ชายผู้นั้นรีบกุลีกุจอเปิดประตูรั้วให้ เมื่อมองเห็นเจ้าของรถยนต์หรูถนัดตาถนนคอนกรีตทอดยาวตั้งแต่รั้วเหล็ก จนถึงโถงประตูบ้าน ทางเดินสีขาวสะอาดเพราะโรยไว้ด้วยก้อนกรวดสีขาว ขนาบกับถนนคอนกรีตที่กว้างพอให้รถยนต์สองคันวิ่งสวนกันได้ ตัวน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าโถงประตู กามเทพตัวน้อยยืนแอ่นฉี่ ปล่อยสายน้ำเย็นใสใสลงมาในอ่างใบใหญ่ที่มีปลาคราฟแหวกว่ายอยู่นับสิบตัว ดีแลนก้าวลงมายืนด้านข้าง เขามองไปรอบๆ ตัวด้วยความคิดถึง ดีแลนไม่ได้มาเหยียบบ้านใหญ่หลังนี้นานแล้ว เพราะเขามัวยุ่งๆ กับการทำงาน ประกอบกับ...ต้องการที่จะหลบใครบางคนมีคนรับใช้โผล่หน้าออกมามอง แม้จะเป็นยามวิกาลที่สมาชิกส่วนใหญ่หลับใหลไปบ้างแล้ว“คุณหนู” เสียงร้องทักผสมความตื่นเต้นยินดีเนื่องจากเจ้านายน้อยของบ้าน แทบจะไม่โผล่มาให้เห็นเลย“คุณพ่อ คุณแม่หลับหรือยัง?” ดีแลนถามถึงบิดา มารดา“คุณท่านใหญ่ยังไม่นอนค่ะ อยู่ที่โถงบ้าน ส่วนคุณผู้หญิงคงกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัว”ถึงจะมีแม่บ้าน แต่สิ่งที่ปรารถนาทำเป็นประจำ คือการตื่นเช้ามาทำอาหารให้สาม
บทที่4.แม่บ้านคนใหม่ดีแลนไม่ได้รู้สึกไปเอง บ้านของเขาสะอาดเอี่ยม มีกับข้าวของโปรดของเขาวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทุกวัน เท่าที่รู้มา มารดาหาแม่บ้านคนใหม่มาให้ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี่ เขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหล่อน ช่วงเวลางานของหล่อนคงสวนทางกับเขา ในขณะที่เขากลับเข้าบ้าน ก็เป็นเวลาเลิกงานของหล่อนพอดี แต่ดีแลนก็ชอบใจ เขาไม่ใคร่ชอบให้คนนอกมายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว มือข้างหนึ่งปลดเนคไทที่คอ มืออีกข้างเอื้อมจับฝาชีที่คลุมจานอาหารไว้ “อุ้ย...น่าอร่อย...” ดีแลนคราง...วันนี้เขาเหนื่อยหนัก เหนื่อยแบบอยากนอนแช่น้ำอุ่นสักหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายคลายความเมื่อย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กว่าหนึ่งเดือนมานี่ สิ่งแรกที่ดีแลนทำ คือเดินตามกลิ่นอาหาร และอดไม่ได้ที่จะแวะชิม รสมือแม่บ้านคนใหม่ที่มารดาจัดหามาให้นั้น มีรสมือถูกปาก ทำกับข้าวอร่อยเสียจนดีแลนน้ำหนักขึ้น เขาเจริญอาหารมากขึ้น จนเอวกางเกงคับทุกตัว “ขออาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาจัดการ” มันน่าจะเป็นปลาช่อนผัดขึ้นช่าย ทั้งหน้าตาผ่าน กลิ่นผ่าน และรสชาติของมันคงถูกปากเหมือนเดิม ดีแลนสัมผัสได้ถึงไอความร้อน แม่บ้านคนใหม่คงเพิ่ง
ในที่สุดเครื่องปรุงก็สามารถควานหาได้จนครบ บัตรเครดิตที่ปรารถนามอบให้ไว้ สำหรับการจับจ่ายซื้อของกินให้ดีแลน อบเชยใช้จ่ายค่าวัตถุดิบทั้งหมด เธอกระโจนขึ้นรถประจำทางทัน ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกจากที่จอดพอดี หญิงสาวเลือกนั่งเบาะหลังสุด เธอวางถุงทั้งหมดไว้บนหน้าตัก หันหน้าให้ลมจากด้านนอกพัดใส่หน้า เพื่อช่วยระบายความร้อน อบเชยเผลออมยิ้ม เมื่อเดาสีหน้าดีแลน ตอนที่เขาเห็นอาหารทุกมื้อที่เธอทำ อบเชยอยากเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ไม่ดีกว่า...การเผชิญหน้ากับดีแลน เธอควรเลี่ยง หากยังอยากอยู่สบายๆ แบบนี้ ถุงหลายใบที่หิ้วมาจนไหล่ล้า อบเชยวางถุงไว้บนโต๊ะ เธอเปิดหน้าต่างครัว และจัดการทำสตูว์ เธอเสียเวลาไปไม่น้อยเลยสำหรับการปรุงอาหารมื้อนี้ สตูว์เริ่มส่งกลิ่นฟุ้ง เมื่ออบเชยยกหม้อใบใหญ่ตั้งไว้บนเตา...เธอเหลือเวลาไม่มากสำหรับทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวปลดผ้ากันเปื้อนวางพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เปิดประตูห้องเก็บของ ลากเครื่องดูดฝุ่นเครื่องใหญ่ออกมา เธอต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะไม่อย่างนั้น เธอจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านไม่ได้ เขาตรงเวลาจนอบเชยไม่อยากเชื่อ หนุ่มโสดที่หล่
“คุณกลับไปเถอะปารตี” ดีแลนหมดอารมณ์ดื้อๆ เขาหยิบเช็คที่เขียนไว้ ยื่นส่งให้ปารตี เป็นค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ หากค่ำคืนนี้เขาใช้เวลากับหล่อน แต่นั้นคือก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจู่ๆ ก็เหือดหายไปดื้อๆ “อะไรกันคะ ตียังไม่ได้ทานมื้อเย็นที่บ้านคุณเลย” สาวโสภาไม่ได้พิศวาสอาหารมื้อเย็นที่แอบเห็นบนเตานั่นหรอก ที่เธอต้องการคือเจ้าของบ้านสุดหล่อตรงหน้านี่ต่างหาก แต่เมื่อเขาออกปากเสือกไส เธอก็ต้องหาทางยื้อไว้ก่อน บางทีดีแลนอาจจะเปลี่ยนใจ “ผมเหนื่อย!” ดีแลนวางเช็คไว้บนโต๊ะ เขาเดินเลี่ยงปารตี “คงไม่น่าเกลียดนะ หากผมจะขอให้คุณกลับเองด้วย” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านใน ตัดความหวังของปารตีดังฉับ สาวสวยสะบัดหน้าให้ประตูคอแทบเคล็ด เธอหยิบกระดาษชิ้นน้อยๆ ขึ้นมามอง ก่อนจะพอยิ้มออก ค่าเสียเวลาของเธอมากโขเชียวล่ะ “ตีกลับก่อนนะคะ หากคุณเหงา คุณโทร. หาตีได้ตลอดนะคะดีแลน” เธอส่งเสียงบอกเจ้าของบ้าน เดินเชิดหน้าออกไปด้านนอก มองหารถรับจ้างที่จะอาศัยนั่งกลับที่พำนัก พออาบน้ำจนใจหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง...ดีแลนก็เริ่มหิว เขาเดินออกจากห้อง
อบเชยผวาเยือก หลังสิ้นเสียงหวานหวาม ดีแลนแนบเรียวปากร้อนผ่าว เขาบดจูบเบาๆ พยายามที่จะยั้งความรุ่มร้อนในกายเอาไว้ เพราะถึงตนเองกับอบเชยจะผ่านจุดอันตรายกันมาแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเมา และจำอะไรไม่ได้เลย ดีแลนไม่รู้ว่าความปรารถนาที่เขายัดเหยียดให้อบเชยจะมากน้อยแค่ไหน เขาอยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้ และลบล้างความทรงจำแย่ๆ ความใคร่คือความปรารถนาที่ล้นอก แต่สำหรับดีแลน เขาอยากมอบแต่สิ่งสวยงามให้อบเชย ครั้งนี้เขาจึงอยากแก้ตัวสอนบทรักที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่ตัณหา ราคะเท่านั้น ให้อบเชยได้รู้จัก“ขา คุณดี...ชะ เชย”หญิงสาวขานรับเสียงแผ่วปร่า เธอรู้สึกเหมือนใจจะขาด ลมหายใจสะดุด และรู้สึกปั่นป่วนทรมาน“ฉันจะทำให้เชยมีความสุข เรามาล้างความทรงจำเก่าๆ และมีความสุขไปพร้อมกันนะเชย”ดีแลนกระซิบตอบ เขาพรมจุมพิตทั่วแผ่นท้อง ก่อนจะค่อยๆ กระถดตัวลงต่ำ จุดมุ่งหมายคือปลายทางสวรรค์ที่จะช่วยปลดเปลื้องความทรมานให้กับตนเองและอบเชยอบเชยพยักหน้ารับรู้ เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามทำตัวสบายๆ เธอไม่มีอะไรให้หวาดกลัว เมื่อเธอกับดีแลน มีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้ ในฐานะสามี ภ
เพราะเธอกับดีแลนคงเหมือนคนแปลกหน้า หากบังเอิญย้อนกลับมาเจอกันอีกครั้งต่อให้เธอจงรักภักดีกับเขาแค่ไหน เธอก็คงเป็นได้แค่เศษฝุ่นในสายตาของเขา ไม่มีทางเป็นตัวเป็นตนได้เหมือนตอนนี้ หากตอนนั้นเธอฟูมฟาย และแพร่งพรายความลับในใจให้มารดารู้เข้าดีแลนยกมือกรีดรอยน้ำตาที่เอ่อซึมขึ้นมาให้ เขาโน้มตัวจูบซับรอยน้ำตานั่นอีกที ด้วยความอ่อนโยนที่มี หรือเท่าที่ตนเองจะแสดงออกให้คนตัวเล็กได้รู้หัวไหล่บอบบางสั่นระริก อบเชยคงพยายามกลั้นความเสียใจไว้“ฉันขอโทษ บางครั้งผู้ชายก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง”ชายหนุ่มกล่าวปลอบขวัญ ทั้งอบเชยและเขา ยังเด็กมากในตอนนั้น เขาโตกว่าก็จริง แต่หากทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป วันนี้คงไม่ได้กอดอบเชยไว้แนบอกเช่นนี้ ในวันที่เขาโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของอบเชยได้ ดีแลนอดทนมากแค่ไหน อบเชยไม่มีวันเข้าใจ“เชยปวดใจทุกครั้ง ทุกครั้งที่สายตาของคุณดี มีแววตาเกลียดเชยเช่นนั้น”ณ.วันนั้น อบเชยชาด้าน ความรักที่มีต่อมารดา คือสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทำให้อบเชยฝืนยิ้มและประคองตัวเองผ่านวันอันเลวร้ายนั่นมาจนได้&ldquo
“เชยไม่สวย ไม่เซ็กซี่ เหมือนที่คุณดีตั้งความหวังไว้เหรอคะ?” หางเสียงสั่นพร่า ที่เข้าใจมาตลอด ดีแลนชอบที่เธอเป็นเธอ แต่เวลานี้เขากำลังเปรียบเทียบเธอกับใคร คู่ควงเก่าๆ ของเขาอย่างนั้นเหรอ? “โอ้ย!! ไม่ใช่อย่างนั้น” ดีแลนรีบกระโจนลงจากเก้าอี้ เดินมาหยุดข้างอบเชย เขาทรุดนั่งบนส้นเท้า เงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า “ฉันเคยฝันไว้หน่ะ แต่ไม่ได้อย่างฝันก็ช่างมันเถอะ ขอแค่มีเชย ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว” มันคือความฝันตามประสาผู้ชาย นอนกอดกับคนรู้ใจบนเตียงนุ่มๆ ในบรรยากาศหวานๆ หลังพิธีวิวาห์ “เชยอาจจะดีไม่พอ เหมือนที่คุณดีต้องการนะคะ” ความน้อยใจทำให้อบเชยตัดพ้อต่อ เธอพยายามดึงมือของตัวเอง ออกจากอุ้งมือของอีกฝ่าย “ไปกันใหญ่แล้ว ฉันจะทำให้เชยรู้
หลังพูดออกมา คำพูดเหล่านั้นคือนายเรา ผลสะท้อนของคนกลับกลอก จะไม่มีคนรอบตัวฟังเขาอีก แม้บทสุดท้ายเขาจะพูดความจริง เพราะความเคลือบแคลงฝังอยู่ในความทรงจำเสียแล้ว พูดผิดเพียงครั้งเดียว ก็ลบล้างความเชื่อมั่นของเจ้าของคำพูด ตลอดชีวิต คราใดที่เขาพลาด คนเหล่านั้นก็จะนำคำพูดที่เขาเคยออกปากไว้มาทับถม... “เชยเชื่อคุณดีค่ะ” อบเชยฝืนยิ้ม คนตรงหน้าคือคนที่ตนเองฝากชีวิต หากเธอปล่อยให้ความระแวงเกาะกุมตั้งแต่นาทีแรกของการเริ่มต้น จากนี้ไปคงหาความสุขไม่ได้ สู้ปล่อยอดีตทิ้งไว้เบื้องหลัง ก้าวไปข้างหน้าจับมือคนของเราไว้แน่นๆ อุปสรรคไม่ได้มีแค่นี้ นี่เพิ่งเป็นการเริ่ม ถนนที่เธอกับดีแลนเดิน ยังอีกยาวไกล มือเรียวเล็กสอดวางบนอุ้งมือหนา อบเชยเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ 
“เพราะพ่อ...คือพ่อแกไงอาตี๋” เดวิดตอบแบบไม่ขยายความ ท่านรู้ อบเชยไม่มีทางทำให้บุตรชายของท่านเจ็บตัว หล่อนบูชาดีแลนยิ่งกว่าเทวดาเสียอีก “อบเชย ถ้าลูกแม่ดื้อนัก บอกแม่ก็ได้นะ เดี๋ยวแม่จัดการให้เอง” ปรารถนาพูดสอด ตอนที่บรรจงหลั่งน้ำเย็นชื่นลงบนปลายนิ้วมือของอบเชย “โห!” เสียงครางท้วงดังเบาๆ จากผู้ชายตัวใหญ่ใบหน้าขาวดั่งไข่ปลอก “ทำไม...มีปัญหาเหรอไงดีแลน ลูกหน่ะ ไม่มีใครกล้าขัดใจหรอกนอกจากแม่” นางเปรยเสียงกระซิบ ก่อนจะหลั่งน้ำสังข์บนปลายนิ้วของดีแลน “ไม่มีใครรักผมเลย!” ชายหนุ่มครางเสียงออดๆ เหมือนมอดกัดไม้ผุๆ “เอ่อ...เชยรักคุณดีค่ะ เชยไม่ตีคุณดีแน่” อบเชยกระซิบเสียงอุบอิบ ผิวแก้มร้อนฉ่า&
บทที่20.วันที่ความรักสุกงอมเวลาเคลื่อนมาถึงฤกษ์ดีช่วงเช้า ดีแลนก็ต้องออกไปตั้งขบวนแห่ขันหมากตามประเพณี เขาได้เจอมารดาที่นั่น รวมทั้งบิดาด้วย แต่ก็ยังไม่เห็นอบเชย “แม่อะ ผมเลยไม่ได้เห็นอบเชยเป็นคนแรกเลย” ดีแลนบ่นพึมพำ ตอนที่เดินผ่านประตูบ้านหวังเข้ามา “เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว อบเชยไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ปรารถนากระซิบดุ เริ่มระอากับความรักออกนอกหน้าของบุตรชายเหลือเกิน เดวิดได้แต่หัวเราะ ท่านส่ายหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อท่านพอจะเข้าใจความคิดของดีแลน สมัยหนุ่ม ท่านเองก็เป็นแบบนี้ ดีแลนใจเต้นตึกตัก เขายืดคอสูงๆ พยายามมองหาอบเชย หญิงหนึ่งเดียวในดวงใจ ณรงค์เดินอยู่ข้างๆ มีอดัม
“ได้ไงคะ!! คุณท่านมาเห็นเข้า เชยอาจจะโดนตำหนินะคะ!” อบเชยลดเสียงลง สีหน้ายุ่งยากใจ หากปรารถนาเดินผ่านประตูเข้ามา นางจะมองว่าเธอเป็นคนอย่างไร “อย่ากลัวไปเลย แม่ฉันใจดีจะตาย” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” อบเชยพยายามอธิบาย เสียงของเธอสั่นพร่า เมื่อเสียงเดินดังใกล้เข้ามาทุกที “ฉันรู้...ฉันหลบไปก่อนก็ได้...” น้ำเสียงและสีหน้าอบเชย ดีแลนเลยอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ เขาขยับตัวเตรียมจะลงจากเตียง แต่... “ดีแลน...ลูกควรไปอาบน้ำได้แล้ว...ทีมช่างของแม่รอแต่งตัวให้ลูกอยู่นะ” ปรารถนาพูดดักคอ เหมือนว่าท่านรู้วาบุตรชายอยู่ด้านใน ทั้งที่ยังไม่ทันได้เปิดประตู&nb
“จูบฉันก่อน ฉันจะยอมกลับไปนอนที่ห้อง หากเชยยอมจูบฉัน”“อีกแล้วนะคะ” ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ดีแลนปล้นจูบไปจากเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขายังมีหน้ามาเรียกร้องเอาอะไรเพิ่มอีกหรือ?“ทำไมล่ะ ฉันจูบไม่ดีเหรอเชย สาวๆ ชมฉันตลอดว่าฉันจูบเก่ง” ดีแลนพูดเย้า“เชอะ!!” มือน้อยๆ ผลักอกคนตัวใหญ่เต็มแรง ซึ่งไม่ได้ทำให้ดีแลนสะเทือน เพราะเขานอนราบอยู่บนที่นอน แถมมือเหนียวๆ ยังคงเกี่ยวเอวของเธอไว้เสียแน่น“นานๆ จะเห็นเชยหึงฉันสักที มันครื้มใจพิลึก” ดีแลนกระเซ้าต่อ การแสดงออกของอบเชย แปลความหมายอื่นไม่ได้ นอกจากอบเชยกำลังไม่พอใจพฤติกรรมฉาวๆ ของเขาสมัยยังเป็นหนุ่ม“ชิ! คุณดีหลงตัวเองค่ะ เชยขี้เกียจฟัง” อบเชยหน้างอง้ำ นึกไม่พอใจจนตัวสั่น อยากโกรธดีแลนนานๆ แต่รู้ดีว่าตนเองใจไม่แข็งพอ ชายตรงหน้าเองก็มีวิธีรับมือ ทุกครั้งหากเธอปั้นปึ้ง...ดีแลนจะรีบตะล่อมจนเธออ่อนลง และครั้งนี้ก็เช่นกัน อบเชยรู้ดี สิ่งที่เขาพูดมาคืออดีต ผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องเพศตรงข้าม ดีแลนเองก็ไม่น้อยหน้า เขาเป็นหนุ่มฮอ
“จริงนะ ถามหน่อย เชยรักฉันตั้งแต่ตอนไหน?” ดีแลนพยายามลดความกระหายรสรักที่มีกับคนตัวเล็กในอ้อมกอด เขาเปลี่ยนเรื่องพูด เพื่อให้ความพลุ่งพล่านของตนเองลดน้อยลง“คุณดีล่ะคะ รักเชยตอนไหน?” หากดีแลนอยากรู้ อบเชยก็อยากรู้เช่นกันหญิงสาวจำได้ดี...สมัยก่อน แม้แต่การมอง ดีแลนยังพยายามมองผ่าน เขาเกลียดเธอจับจิต อบเชยเลยอยากรู้ว่าเธอเข้าตาเขาตอนไหน?“ขี้โกง ฉันถามเชยก่อนนะ!” เสียงต่อว่าไม่มีน้ำหนัก ดีแลนแค่ผิดหวังเล็กๆ ที่อบเชยยังไม่ยอมเฉลย“เชยอยากรู้นี่คะ คุณดีตอบเชยก่อนไม่ได้เหรอคะ?” อบเชยทดลองใช้น้ำเสียงแบบเดียวกับดีแลน เวลาที่เขาอ้อนเธอ แววตาวิบวับ กับสีหน้าที่แบกความหวังไว้เต็มเปี่ยมทำให้ดีแลนถอนใจเฮือก เขาแพ้อบเชย...หากเผลอสบตากับหล่อน ปลายนิ้วแข็งแรงจิ้มลงกลางหน้าผากตนเอง พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ที่พูดออกมาช้าๆ “ตั้งแต่ยัยเชยคนนี้ยังนุ่งกระโปรงสีน้ำเงินยาวลากพื้น...แอบมองฉันเหมือนคนโรคจิต แ