ฝันว่าวันหนึ่ง เจ้าชายบนปราสาทหลังนั้น จะทอดสายตามาที่ตนเองบ้าง และมันก็เป็นแค่ความฝัน
เพราะยิ่งนานวัน...ระยะห่างของเธอกับดีแลน ก็ยิ่งห่างกันไปทุกทีๆ
เธอได้แต่แอบมอง ได้เห็นเขาเพียงผ่านๆ กำแพงสูงชันนั่นไม่ใช่อุปสรรคหรอก แต่ความจริงต่างหากล่ะ ที่ทำให้เธอต้องเจียมตน เขาคือเจ้าชาย และเธอคือเศษฝุ่นที่ปลิวอยู่รอบกายเขา สัมผัสได้ แต่เป็นเจ้าของไม่ได้
“อะไรดลใจให้เธอมาทำงานที่นี่หะ ยัยเชย!”
เสียงแหบห้าวของดีแลนดึงเธอออกมาจากความคิดวกวน
อบเชยเงยหน้ามอง เธอกะพริบเปลือกตาปริบๆ จ้องมองดีแลนเหมือนกำลังละเมอ
มือแข็งแรงเอื้อมมาจับบ่า และหากอบเชยมีสติ เธอจะเห็นว่า...ดีแลนสะดุ้ง! เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแผดเสียงดังลั่น
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไงยัยเด็กบ้า!!”
“เชยได้ยินแล้วค่ะ พูดเบาๆ ก็ได้ คุณดีตะโกนจนเชยหูจะแตก” หญิงสาวบ่นอุบ ก้มหน้าหลบตาเขาเหมือนเดิม เมื่อสายตาของดีแลนเหมือนมีเปลวไฟแลบออกมา และไฟนั่นแทบจะเผาเธอจนมอดไหม้
ดีแลนปล่อยมือ เขาชำเรืองมองอบเชย และยังยืนหันข้างให้เธอเสียด้วย เสียงถอนลมหายใจแรงๆ ดังจนอบเชยแอบย่นจมูกใส่
“ตอบฉันมาสิยัยเชย”
อบเชยอยากยกมือปิดหู เธอไม่อยากได้ยินคำนี้ มีดีแลนคนเดียวนั่นแหละ ที่เรียกชื่อเธอด้วยคำที่อบเชยไม่อยากได้ยิน ‘เชย’ ใช่สิ เธอไม่ได้สวยมีเสน่ห์เหมือนผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขานี่ แต่เธอก็ไม่ได้เฉิ่มเชยจนน่ารังเกียจเหมือนกัน และนั่น อบเชยได้แต่แย้งในใจ เธอไม่กล้าพูดออกมาหรอก เธอกลัวคนตรงหน้าโมโหมากกว่าเดิม เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไร ดูเหมือนดีแลนจะไม่พอใจไปหมด...แค่เธอขยับเขาก็โมโหจนหนวดกระตุก หญิงสาวถอนใจแรงๆ ก่อนตอบ
“เชยมาหาตัง’ เรียนต่อค่ะ”
ดีแลนขมวดคิ้ว เขาไม่เจอเด็กสาวตรงหน้ามากี่ปีแล้วนะ หล่อนโตขนาดกำลังจะเรียนต่อในรั้วมหาวิทยาลัย’ แล้วอย่างนั้นเหรอ
“ทำที่อื่นไม่ได้หรือไง?” เสียงของดีแลนอ่อนลง “ป้าเทียน รู้ไหมว่าเธอมาทำงานในที่แบบนี้” ดีแลนเหยียดยิ้ม มารดาของอบเชยเคยเป็นแม่นมของเขา ป้าเทียนที่แสนจะเรียบร้อย รู้หรือไม่ว่าบุตรสาวของท่าน มาทำงานที่ไม่ต่างอะไรกับสาวให้บริการ “เธอออกไปกับแขกด้วยหรือเปล่ายัยเด็กบ้า!” ดีแลนตะคอกถาม อารมณ์เดือดปุดๆ เหมือนนั่งอยู่กลางกองเพลิง เมื่อนึกขึ้นมาได้ ถึงคลับแห่งนี้จะเป็นคลับชั้นสูง แต่เรื่องพรรณนั้นเลี่ยงไม่พ้นหรอก เมื่อผู้บริหารคลับทุกที่เอาใจลูกค้า ด้วยการหาสาวสวยมาล่อ มันเป็นของคู่กันของสถานบริการที่มีลูกค้าเป็นเพศชายเสียส่วนใหญ่
“ปะ เปล่าค่ะ เชยเต้นอย่างเดียว” อบเชยตอบเสียงสั่น
ดีแลนมองอบเชยปราดเดียว ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาเหยียดยิ้มสมเพช และนั่นทำให้อบเชยเจ็บจี๊ด
“สภาพอย่างเธอ คงไม่มีผู้ชายมองหรอกมั้ง” หญิงสาวน้ำตาตก เธอกลั้นแรงสะอื้น ฝืนตอบดีแลนด้วยเสียงสั่นพร่า
“เชยรู้ค่ะ”
“รู้ก็ดีแล้ว เอานี่แล้วกลับบ้านไปซะ” ดีแลนหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ควานหาเศษสตางค์ที่ตนเองพกไว้ ยัดใส่มืออบเชยทั้งหมด
หญิงสาวกำมือแน่น มองเศษเงินที่คนตรงหน้ายัดเหยียดให้ผ่านม่านน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา
“ขอบคุณค่ะ เชยขอไม่รับไว้นะคะ เชยขอตัวค่ะ ถ้าคุณดีจะพูดกับเชยแค่นี้”
หญิงสาวยัดธนบัตรยับๆ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท เธอถอดสูทตัวนั้นออกจากลำตัว ยื่นส่งคืนให้ดีแลน รู้สึกเย็นวาบ เมื่อความอบอุ่นที่เคยห่อหุ้มตัวไว้ ห่างหายออกไป
ดีแลนยกมือกอดอก เขาไม่ได้ยื่นมือออกมารับสูทของตนเอง ดวงตาคมดุมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ
“เธอปีกกล้าขาแข็ง กล้าที่ปฏิเสธคำสั่งฉันแล้วเรอะ...อบเชย!!?”
ชายหนุ่มถามเสียงเรียบเย็น...แต่อบเชยรู้ดี ยิ่งดีแลนนิ่งเท่าไหร่ เขายิ่งคล้ายระเบิดปรมาณูมากเท่านั้น
“เปล่าค่ะ เชยไม่อยากติดหนี้บุญคุณคุณดีอีกแล้ว” อบเชยรีบปฏิเสธ
“เธอติดหนี้ฉันเยอะแล้ว จะเพิ่มอีกครั้งจะเป็นอะไรไปหล่ะ” ดีแลนตอบเสียงแข็ง
“นั่นแหละค่ะ ที่ทำให้เชยไม่อยากรับบุญคุณครั้งนี้ไว้” หนี้บุญคุณของดีแลน อบเชยคร้านที่จะชดใช้ เธอไม่อยากเป็นแค่ลูกหนี้ที่ต้องคอยตามใช้หนี้เขา อบเชยอยากเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีหนี้บุญคุณต่อกัน เธออยากมองเขาในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
“ทำยังกับว่า...เธอจะทำให้ตัวเองรวยขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องคอยรับความช่วยเหลือของฉัน”
ดีแลนกล่าวเสียงแดกดัน สองคนแม่-ลูก ที่เขาเห็นมาตั้งแต่อบเชยตัวนิดเดียว ถึงแม้วันนี้หล่อนจะโตขึ้น แต่ต้นทุนของอบเชยไม่มี หล่อนไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ หากไม่ยอมให้เขาและครอบครัวช่วย
มารดาของอบเชย ทำขนมขาย รายได้แค่พอเลี้ยงปากท้อง ไม่มีทางขยับฐานะ จากคนยากจนให้เปลี่ยนเป็นมั่งมีขึ้นได้ เด็กอายุสิบเก้าปี ก็คงไม่มีทางหาเงินได้มากมาย จนกระทั่งทำให้ฐานะทางครอบครัวของหล่อนดีขึ้นเช่นกัน
“...” อบเชยไม่ได้ตอบ เธอเม้มปาก แย้งในใจแค่นั้น สักวัน...จะต้องมีสักวันที่เธอจะมองดีแลน โดยที่เขาจะมาดูถูกเธออีกไม่ได้
“อย่าบอกนะว่า...เธอ” หนุ่มลูกครึ่งผงะ... เขาหรี่ตามองอบเชยอีกครั้ง
ผู้หญิงสมัยนี้รักสบาย ทางลัดที่หล่อนจะรวยได้คือ...
“เชยขอตัวนะคะ เชยหายมานานแบบนี้ เดี๋ยวผู้จัดการจะหาเรื่องไล่เชยออก” อบเชยพูดรัวเร็ว เธอค่อยๆ ถอยหลังและออกตัววิ่ง จนดีแลนรั้งไว้ไม่ทัน อบเชยเหลือไว้แค่สูทของเขาที่กองอยู่บนพื้น
“@#%$#@&^^)(*&” ชายหนุ่มสบถยาวเหยียด เขายกมือทึ้งผมบนศีรษะ มองตามจนกระทั่งอบเชยหายลับเข้าไปในสถานที่เดิม
ดีแลนแค่นยิ้ม เขาคำรามในลำคอ อบเชยหาญกล้ากว่าที่เคยพบกันครั้งสุดท้าย เด็กสาวขี้อายคนนั้นหายไปไหน ที่เขาเห็นตอนนี้ คือผู้หญิงหัวดื้อที่กำลังทำให้เขาโมโหจนแทบกระอักเลือด
หล่อนโตแล้ว แถมยัง...
ดีแลนหยุดคิด เขาไม่กล้าคิดต่อ ชายหนุ่มรู้ดี อบเชยเย้ายวนแค่ไหน หล่อนสดสะอาด ผิวผ่องจนเขาแทบลืมหายใจ กลิ่นตัวของหล่อนยังหอมหวานเหมือนเดิม และกลิ่นหอมๆ นั่นแหละที่ทำให้ดีแลนไม่เป็นตัวเอง...เขาพยายามอยู่ห่างหล่อนเพื่อที่จะกดความพลุ่งพล่านเอาไว้ ไม่คิดว่าสถานการณ์ชักพา ทำให้เขากับอบเชยมาเจอกัน ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เขาจะทนได้แค่ไหน หากอบเชยยังพยายามยั่วอยู่แบบนี้
เด็กบ้านั่นคงไม่รู้ตัว เขาอยากปล้ำหล่อน ตั้งแต่อบเชยอายุแค่สิบสี่ปี
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ผ่านมาสี่ปี ความรู้สึกนั่นก็ยังเหมือนเดิม
นัยน์ตาใสแจ๋วของอบเชย ดึงเขาเข้าไปหา เขาอยากกอด อยากทำอะไรแบบที่ผู้หญิงและผู้ชายทำกันในที่ลับตา...แต่เวลานั้นอบเชยมีอายุแค่สิบสี่ปี ดีแลนเลยจำเป็นต้องกันให้อบเชยอยู่ไกลๆ เขาแสดงออกแบบเปิดเผยว่าไม่ชอบให้หล่อนมาวนเวียนอยู่ใกล้ตัว
ดุ ด่า และแดกดัน จนอบเชยขยาด
เขาไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ทำร้ายอบเชยแค่ไหน หากมีเขาอยู่ อบเชยจะรีบหนี หล่อนแอบมองเขา เขารู้ แต่หากปล่อยให้หล่อนเข้ามาใกล้ๆ เขาเกรงว่าตนเอง...จะกลายเป็นผู้ร้ายบ้ากาม
และพรหมจรรย์ของอบเชย จะไม่มีวันอยู่มาจนถึงวันนี้
ดีแลนข่มใจย้อนกลับเข้าไปที่เดิม เขาหยิบสูทที่พื้นขึ้นมาสวมไว้ ได้กลิ่นของอบเชยที่ติดอยู่บนเนื้อผ้า และพยายามทำใจให้สงบตอนที่ทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เขาพึมพำขอโทษอดัม ที่หายไปนาน “ขอโทษนะอดัม ผมไม่คิดว่าจะมาเจอคนรู้จัก”
เปลือกตาของดีแลนหลุบลง เขายังไม่พร้อมที่จะมองไปรอบตัว เขากลัวว่าความโกรธของตนเองจะกลับมาอีก หากเขาเห็นอบเชยตอนนี้ อดัมไหวไหล่ “คุณรู้จักกับเธอ” “อืม” ดีแลนครางตอบ ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นเมื่อ… “เธอสวยดีนะ ผมคิดว่าเธอคงจะฮอตแน่!!” เสียงเป่าปาก เสียงโห่ฮาของบรรดาผู้ชายวัยฉกรรจ์ดังขึ้นรอบตัว ดีแลนปรือตาขึ้น เขามองหน้าอดัม ก่อนจะมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปบนเวที ตูม บรึ้ม! อารมณ์ที่คงที่ของดีแลนพุ่งสูงลิบ ผิวแก้มของเขาร้อนฉ่า เมื่อมองเห็นอบเชยบนเวทียกสูง ชุดที่หล่อนใส่ก็ยังเป็นชุดเดิม ชุดที่ดีแลนแค่นว่ามันไม่ต่างอะไรกับเศษผ้า แถมตอนนี้...อบเชยกำลังเต้น ลีลาของหล่อนดีแลนได้แต่อ้าปากค้าง ดีแลนไม่เคยรู้ อบเชยมีพื้นฐานเรื่องการเต้น หล่อนไปเรียนมาจากไหน ลีลาหล่อนไม่เบาเลยกับการโยกย้าย ส่ายเอวยั่วสายตาผู้ชาย และผู้ชายที่กำลังยืนมองอยู่ชื่นชอบ เมื่อแต่ละคนที่ยืนแหงนหน้ามอง พากันโห่ร้องแทบทั้งนั้น นี่อบเชยไปหัดเต้นท่าทางแบบนั้นมาจากไหนวะ?!! ดีแลนควานหาแก้วบรั่นดีมาดื่มแก้กระหาย เขาอ้าปากค้างนานเกินไปจนคอแห้ง ชายหนุ่มดื่มรวดเดีย
บทที่2.One night stand น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากหางตา อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดทิ้ง เธอรีบเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเมื่อเวลางานสิ้นสุดลง หากมัวชักช้าเธอจะไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย และหากเป็นเช่นนั้น ค่าแรงวันนี้คงไม่มีเหลือเก็บ เพราะอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ตอนดึกๆ เช่นนี้ แพงจนค่าแรงเธอแทบไม่เหลือ ลิปสติกแท่งเดียวที่เหลือบนโต๊ะถูกโยนลงกระเป๋า อบเชยฉวยเสื้อคลุมตัวใหญ่มาคลุมไหล่ กำลังจะเดินออกจากห้อง ใครบางคนก็ดันประตูให้เปิดเข้ามาเสียก่อน “หนูอบ...อยู่พอดี ช่วยพี่หน่อยสิ” ฉุน บริกรคนนั้นนั่นเอง มันซุ่มรอจังหวะที่ปลอดคน และรีบเข้ามาหาอบเชย ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกลับบ้านไปเสียก่อน อบเชยขมวดคิ้ว...เธอคุ้นหน้า แต่ไม่ได้สนิทด้วย เธอเพิ่งมาทำงานวันแรก ยังไม่รู้จักคนมาก และยังไม่อยากสร้างความรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงาน “ช่วยทำอะไรเหรอพี่ เชยต้องรีบไปก่อนที่รถจะหมดค่ะ” คนรอบตัวเรียกอบเชยว่า ‘หนูอบ’ ชื่อตามที่เธอแนะนำ มีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอว่า ‘เชย’ และเขาคือดีแลน “ผู้ชายคนนั้นหน่ะ คนที่หนูอบเข้าไปคุยด้วย” ฉุนรีบอธิบาย
มันเหมือนไฟฟ้าในห้องดับพรึ่บลง!! เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะ อบเชยนอนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโต จ้องมองผู้ชายที่อุกอาจถึงขนาดปล้นจูบแรกของเธอไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เรียวปากสีเข้มทาบทับลงมาแรงๆ เขาเอียงหน้า พยายามบดแยกให้อบเชยยอมเผยอปากตอบรับ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกโชยเข้าจมูกเธอ ดีแลนคงดื่มหนัก จนทำให้เขาขาดสติ จนกระทั่งเขาเผลอตัวมาจูบกับคนแบบเธอ อบเชยพยายามขัดขืน แต่เมื่อนึกได้ คนเมามักจะจำไม่ได้ตอนที่สร่างเมาแล้ว จูบ...ที่ตนเองได้แต่ฝันและแอบมโนเอาเองยามเหงาตามประสาสาวชั่งฝัน มันห่างไกลเหลือเกินกับที่รู้มา บทบรรยายในหนังสือนวนิยายที่เคยอ่าน บรรยายเสียจนอบเชยเคลิ้มฝัน แต่เมื่อตนเองมีบทเรียนแรกเกี่ยวกับจูบ แถมยังเป็นจูบกับคนที่แอบเก็บไว้ในใจ มันไม่เหมือนที่ฝันไว้จนอบเชยแอบผิดหวังนิดๆ คนเมาที่ครองสติไม่อยู่ แถมซ้ำฤทธิ์ยายังบีบบังคับให้ยอมเผยความปรารถนาลึกๆ ในใจออกมา กลีบปากนุ่มนิ่มที่ดีแลนเวียนดูดซับความหวานอยู่นี่ หวานล้ำยิ่งกว่าความหวานของทุกสิ่งบนโลก ขนาดน้ำผึ้งรวงเดือนห้าที่ว่าหวานยังไม่เท่า ดีแลนตะปี้ตะบันจูบ...เขาเถลปากไปทั่ว และเมื่อเถลเลยไปยังซอกคอ ริ
บทที่3.มันเป็นแค่ความฝันอย่างนั้นเหรอ? อบเชยนอนนิ่งๆ หลังพายุพิศวาสสงบลง เธอนอนฟังเสียงลมหายใจของดีแลน จนแน่ใจว่าคนข้างตัวหลับสนิทไปแล้ว อบเชยค่อยๆ ดันแขนของดีแลนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองออกไป เธอรีบสอดหมอนใบใหญ่แทนที่เรือนกายของเธอ เพราะคนตัวใหญ่ที่หลับสนิททำท่าฮึดฮัด จนกระทั่งได้กอดหมอนนุ่มๆ นั่น เขารั้งไปกอดกกไว้แนบอก ดีแลนจึงมีที่ท่าสงบลง หญิงสาวพลิกตัวหนี ทิ้งตัวลงด้านข้างเตียง พลั่ก! แม้พื้นจะปูด้วยพรมเนื้อหนาฟู แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวอบเชยมีแค่เนื้อแท้ปราศจากเสื้อผ้าหรืออาภรณ์ชิ้นอื่น อบเชยเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เมื่อสะโพกกลมกลึงกระแทกกับพื้นแรงๆ เธอรีบยกมือตะปบปาก กลั้นเสียงร้องไว้แค่ในลำคอ เพราะกลัวว่าเสียงของตนเองจะทำให้ดีแลนรู้สึกตัว อบเชยข่มความเจ็บ ข่มความอาย เธอควานหาเสื้อผ้าของตนเองจนเจอ หญิงสาวรีบสวมเสื้อผ้าลวกๆ แอบสูดปากเบาๆ เมื่อร่างกายขยับไปมา ความเจ็บจากกึ่งกลางร่างกายก็กระตุ้นเตือน น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลริน จนอบเชยต้องรีบใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาทิ้ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอมานั่งเสียใจ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เสี
สองขาพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขากดโทรศัพท์พลางหย่อนตัวแช่ลงในอ่าง “ซี๊ดดดด!” ทรงพลแบนโทรศัพท์ส่วนตัวออกห่าง เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น เมื่อคนที่โทรศัพท์มาหาเขา คือเจ้านายจอมเคร่งครัด ดีแลนสะดุ้ง เมื่อหย่อนตัวลงน้ำ ความเจ็บแสบพุ่งเข้าใส่ จนต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน กระจกบานใหญ่เหนืออ่างล้างหน้าเฉลยให้ดีแลนรู้ รอยข่วนยาวๆ กลางหลัง นั่นคือสาเหตุที่เขาแสบ แผลสดๆ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ดีแลนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เขลาจนไม่รู้ รอยที่เกิดขึ้นบนแผ่นหลังของเขาเกิดขึ้นได้อย่างไร ดีแลนกะพริบเปลือกตาปริบๆ เขาไม่อยากเดา ชายหนุ่มก้มหน้าลงมอง อวัยวะเบื้องล่าง เขาเกือบล้มหัวขมำ เพราะคิดอะไรบางอย่างได้ “เจ้านายครับ เจ้านายครับ!!” เสียงใครบางคนตะโกนเรียก ดีแลนลดตัวลงนั่ง ส่งเสียงแหบแห้งตอบคนปลายสายไป “มีอะไรรึทรงพล?” เมื่อเจ้านายถามแบบนั้น ลูกน้องที่ดีจะตอบอะไรได้นอกจาก “เปล่าครับ ผมเห็นเจ้านายเงียบ เลยถามกลับไปแค่นั้นครับ” “ฉันคงไม่เข้าบริษัทนะ...วันนี้” ดีแลนกรอกเสียงบอก เขาจ้องหน้าขาตัวเอง เหมือนมีอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มนอนแผ่กลางที่นอนนุ่ม เขาหลับสนิทหลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้ายามหลับอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มโสดรุ่นเดียวกัน แต่ยามใดก็ตามที่ดีแลนตื่น เขาจะเคร่งขรึม และเป็นที่เกรงขามของคนรอบตัว“วันนี้ทำไมตื่นสายจัง...แล้วไม่ไปทำงานเรอะ?”เทียนถามบุตรสาว ที่กำลังก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็น โดยที่ยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เทียนไม่ได้ถามบุตรสาว หลังจากช่วงเช้าอบเชยไม่ได้ตื่นมาช่วยเหมือนทุกวัน“เชยไม่ไปทำงานที่นั่นแล้วค่ะแม่” อบเชยตอบ รีบพุ้ยข้าวใส่ปาก ดันตัวลุกขึ้นยืน เมื่อข้าวหมดจาน“ทำไมล่ะ...” เทียนซักต่อ อบเชยไม่ใช่คนท้อถอย ต้องมีอะไรทำให้อบเชยไม่ไปทำงาน ทั้งที่เพิ่งไปทำได้แค่วันเดียว“มันเลิกดึกค่ะแม่...” คำตอบของอบเชยเทียนเลยคลายความสงสัยอีกอย่างนางก็ไม่อยากให้บุตรสาวไปทำงานกลางค่ำกลางคืน เมื่อมีแต่อันตรายอยู่รอบตัว“ดีแล้วล่ะ หางานกลางวันทำดีกว่า แม่จะได้ไม่ต้องนอนผวาเพราะห่วงหนูจนนอนหลับไม่สนิท” เทียนบ่น นางเช็ดใบตองระหว่างที่คุยกับอบเชย“เดี๋ยวเชยออกไปข้างนอกนะแม่ เชยจะออกไปหางานใกล้ๆ บ้านทำ”อบเชยเป็นคนขยัน เธอไม่เคยอยู่นิ่งๆ มีแรงเท่าไหร่ก็ทุ่มให้กับงาน และการเรียนก็ไม่เสียด้วย“อืม...อย่ากล
ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะกลับบ้าน แต่สมองกับความคุ้นเคยชักนำมา ดีแลนลดกระจก ส่งยิ้มให้คนดูแลประตูหน้า ชายผู้นั้นรีบกุลีกุจอเปิดประตูรั้วให้ เมื่อมองเห็นเจ้าของรถยนต์หรูถนัดตาถนนคอนกรีตทอดยาวตั้งแต่รั้วเหล็ก จนถึงโถงประตูบ้าน ทางเดินสีขาวสะอาดเพราะโรยไว้ด้วยก้อนกรวดสีขาว ขนาบกับถนนคอนกรีตที่กว้างพอให้รถยนต์สองคันวิ่งสวนกันได้ ตัวน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าโถงประตู กามเทพตัวน้อยยืนแอ่นฉี่ ปล่อยสายน้ำเย็นใสใสลงมาในอ่างใบใหญ่ที่มีปลาคราฟแหวกว่ายอยู่นับสิบตัว ดีแลนก้าวลงมายืนด้านข้าง เขามองไปรอบๆ ตัวด้วยความคิดถึง ดีแลนไม่ได้มาเหยียบบ้านใหญ่หลังนี้นานแล้ว เพราะเขามัวยุ่งๆ กับการทำงาน ประกอบกับ...ต้องการที่จะหลบใครบางคนมีคนรับใช้โผล่หน้าออกมามอง แม้จะเป็นยามวิกาลที่สมาชิกส่วนใหญ่หลับใหลไปบ้างแล้ว“คุณหนู” เสียงร้องทักผสมความตื่นเต้นยินดีเนื่องจากเจ้านายน้อยของบ้าน แทบจะไม่โผล่มาให้เห็นเลย“คุณพ่อ คุณแม่หลับหรือยัง?” ดีแลนถามถึงบิดา มารดา“คุณท่านใหญ่ยังไม่นอนค่ะ อยู่ที่โถงบ้าน ส่วนคุณผู้หญิงคงกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัว”ถึงจะมีแม่บ้าน แต่สิ่งที่ปรารถนาทำเป็นประจำ คือการตื่นเช้ามาทำอาหารให้สาม
บทที่4.แม่บ้านคนใหม่ดีแลนไม่ได้รู้สึกไปเอง บ้านของเขาสะอาดเอี่ยม มีกับข้าวของโปรดของเขาวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทุกวัน เท่าที่รู้มา มารดาหาแม่บ้านคนใหม่มาให้ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี่ เขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหล่อน ช่วงเวลางานของหล่อนคงสวนทางกับเขา ในขณะที่เขากลับเข้าบ้าน ก็เป็นเวลาเลิกงานของหล่อนพอดี แต่ดีแลนก็ชอบใจ เขาไม่ใคร่ชอบให้คนนอกมายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว มือข้างหนึ่งปลดเนคไทที่คอ มืออีกข้างเอื้อมจับฝาชีที่คลุมจานอาหารไว้ “อุ้ย...น่าอร่อย...” ดีแลนคราง...วันนี้เขาเหนื่อยหนัก เหนื่อยแบบอยากนอนแช่น้ำอุ่นสักหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายคลายความเมื่อย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กว่าหนึ่งเดือนมานี่ สิ่งแรกที่ดีแลนทำ คือเดินตามกลิ่นอาหาร และอดไม่ได้ที่จะแวะชิม รสมือแม่บ้านคนใหม่ที่มารดาจัดหามาให้นั้น มีรสมือถูกปาก ทำกับข้าวอร่อยเสียจนดีแลนน้ำหนักขึ้น เขาเจริญอาหารมากขึ้น จนเอวกางเกงคับทุกตัว “ขออาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาจัดการ” มันน่าจะเป็นปลาช่อนผัดขึ้นช่าย ทั้งหน้าตาผ่าน กลิ่นผ่าน และรสชาติของมันคงถูกปากเหมือนเดิม ดีแลนสัมผัสได้ถึงไอความร้อน แม่บ้านคนใหม่คงเพิ่ง
อบเชยผวาเยือก หลังสิ้นเสียงหวานหวาม ดีแลนแนบเรียวปากร้อนผ่าว เขาบดจูบเบาๆ พยายามที่จะยั้งความรุ่มร้อนในกายเอาไว้ เพราะถึงตนเองกับอบเชยจะผ่านจุดอันตรายกันมาแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเมา และจำอะไรไม่ได้เลย ดีแลนไม่รู้ว่าความปรารถนาที่เขายัดเหยียดให้อบเชยจะมากน้อยแค่ไหน เขาอยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้ และลบล้างความทรงจำแย่ๆ ความใคร่คือความปรารถนาที่ล้นอก แต่สำหรับดีแลน เขาอยากมอบแต่สิ่งสวยงามให้อบเชย ครั้งนี้เขาจึงอยากแก้ตัวสอนบทรักที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่ตัณหา ราคะเท่านั้น ให้อบเชยได้รู้จัก“ขา คุณดี...ชะ เชย”หญิงสาวขานรับเสียงแผ่วปร่า เธอรู้สึกเหมือนใจจะขาด ลมหายใจสะดุด และรู้สึกปั่นป่วนทรมาน“ฉันจะทำให้เชยมีความสุข เรามาล้างความทรงจำเก่าๆ และมีความสุขไปพร้อมกันนะเชย”ดีแลนกระซิบตอบ เขาพรมจุมพิตทั่วแผ่นท้อง ก่อนจะค่อยๆ กระถดตัวลงต่ำ จุดมุ่งหมายคือปลายทางสวรรค์ที่จะช่วยปลดเปลื้องความทรมานให้กับตนเองและอบเชยอบเชยพยักหน้ารับรู้ เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามทำตัวสบายๆ เธอไม่มีอะไรให้หวาดกลัว เมื่อเธอกับดีแลน มีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้ ในฐานะสามี ภ
เพราะเธอกับดีแลนคงเหมือนคนแปลกหน้า หากบังเอิญย้อนกลับมาเจอกันอีกครั้งต่อให้เธอจงรักภักดีกับเขาแค่ไหน เธอก็คงเป็นได้แค่เศษฝุ่นในสายตาของเขา ไม่มีทางเป็นตัวเป็นตนได้เหมือนตอนนี้ หากตอนนั้นเธอฟูมฟาย และแพร่งพรายความลับในใจให้มารดารู้เข้าดีแลนยกมือกรีดรอยน้ำตาที่เอ่อซึมขึ้นมาให้ เขาโน้มตัวจูบซับรอยน้ำตานั่นอีกที ด้วยความอ่อนโยนที่มี หรือเท่าที่ตนเองจะแสดงออกให้คนตัวเล็กได้รู้หัวไหล่บอบบางสั่นระริก อบเชยคงพยายามกลั้นความเสียใจไว้“ฉันขอโทษ บางครั้งผู้ชายก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง”ชายหนุ่มกล่าวปลอบขวัญ ทั้งอบเชยและเขา ยังเด็กมากในตอนนั้น เขาโตกว่าก็จริง แต่หากทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป วันนี้คงไม่ได้กอดอบเชยไว้แนบอกเช่นนี้ ในวันที่เขาโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของอบเชยได้ ดีแลนอดทนมากแค่ไหน อบเชยไม่มีวันเข้าใจ“เชยปวดใจทุกครั้ง ทุกครั้งที่สายตาของคุณดี มีแววตาเกลียดเชยเช่นนั้น”ณ.วันนั้น อบเชยชาด้าน ความรักที่มีต่อมารดา คือสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทำให้อบเชยฝืนยิ้มและประคองตัวเองผ่านวันอันเลวร้ายนั่นมาจนได้&ldquo
“เชยไม่สวย ไม่เซ็กซี่ เหมือนที่คุณดีตั้งความหวังไว้เหรอคะ?” หางเสียงสั่นพร่า ที่เข้าใจมาตลอด ดีแลนชอบที่เธอเป็นเธอ แต่เวลานี้เขากำลังเปรียบเทียบเธอกับใคร คู่ควงเก่าๆ ของเขาอย่างนั้นเหรอ? “โอ้ย!! ไม่ใช่อย่างนั้น” ดีแลนรีบกระโจนลงจากเก้าอี้ เดินมาหยุดข้างอบเชย เขาทรุดนั่งบนส้นเท้า เงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า “ฉันเคยฝันไว้หน่ะ แต่ไม่ได้อย่างฝันก็ช่างมันเถอะ ขอแค่มีเชย ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว” มันคือความฝันตามประสาผู้ชาย นอนกอดกับคนรู้ใจบนเตียงนุ่มๆ ในบรรยากาศหวานๆ หลังพิธีวิวาห์ “เชยอาจจะดีไม่พอ เหมือนที่คุณดีต้องการนะคะ” ความน้อยใจทำให้อบเชยตัดพ้อต่อ เธอพยายามดึงมือของตัวเอง ออกจากอุ้งมือของอีกฝ่าย “ไปกันใหญ่แล้ว ฉันจะทำให้เชยรู้
หลังพูดออกมา คำพูดเหล่านั้นคือนายเรา ผลสะท้อนของคนกลับกลอก จะไม่มีคนรอบตัวฟังเขาอีก แม้บทสุดท้ายเขาจะพูดความจริง เพราะความเคลือบแคลงฝังอยู่ในความทรงจำเสียแล้ว พูดผิดเพียงครั้งเดียว ก็ลบล้างความเชื่อมั่นของเจ้าของคำพูด ตลอดชีวิต คราใดที่เขาพลาด คนเหล่านั้นก็จะนำคำพูดที่เขาเคยออกปากไว้มาทับถม... “เชยเชื่อคุณดีค่ะ” อบเชยฝืนยิ้ม คนตรงหน้าคือคนที่ตนเองฝากชีวิต หากเธอปล่อยให้ความระแวงเกาะกุมตั้งแต่นาทีแรกของการเริ่มต้น จากนี้ไปคงหาความสุขไม่ได้ สู้ปล่อยอดีตทิ้งไว้เบื้องหลัง ก้าวไปข้างหน้าจับมือคนของเราไว้แน่นๆ อุปสรรคไม่ได้มีแค่นี้ นี่เพิ่งเป็นการเริ่ม ถนนที่เธอกับดีแลนเดิน ยังอีกยาวไกล มือเรียวเล็กสอดวางบนอุ้งมือหนา อบเชยเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ 
“เพราะพ่อ...คือพ่อแกไงอาตี๋” เดวิดตอบแบบไม่ขยายความ ท่านรู้ อบเชยไม่มีทางทำให้บุตรชายของท่านเจ็บตัว หล่อนบูชาดีแลนยิ่งกว่าเทวดาเสียอีก “อบเชย ถ้าลูกแม่ดื้อนัก บอกแม่ก็ได้นะ เดี๋ยวแม่จัดการให้เอง” ปรารถนาพูดสอด ตอนที่บรรจงหลั่งน้ำเย็นชื่นลงบนปลายนิ้วมือของอบเชย “โห!” เสียงครางท้วงดังเบาๆ จากผู้ชายตัวใหญ่ใบหน้าขาวดั่งไข่ปลอก “ทำไม...มีปัญหาเหรอไงดีแลน ลูกหน่ะ ไม่มีใครกล้าขัดใจหรอกนอกจากแม่” นางเปรยเสียงกระซิบ ก่อนจะหลั่งน้ำสังข์บนปลายนิ้วของดีแลน “ไม่มีใครรักผมเลย!” ชายหนุ่มครางเสียงออดๆ เหมือนมอดกัดไม้ผุๆ “เอ่อ...เชยรักคุณดีค่ะ เชยไม่ตีคุณดีแน่” อบเชยกระซิบเสียงอุบอิบ ผิวแก้มร้อนฉ่า&
บทที่20.วันที่ความรักสุกงอมเวลาเคลื่อนมาถึงฤกษ์ดีช่วงเช้า ดีแลนก็ต้องออกไปตั้งขบวนแห่ขันหมากตามประเพณี เขาได้เจอมารดาที่นั่น รวมทั้งบิดาด้วย แต่ก็ยังไม่เห็นอบเชย “แม่อะ ผมเลยไม่ได้เห็นอบเชยเป็นคนแรกเลย” ดีแลนบ่นพึมพำ ตอนที่เดินผ่านประตูบ้านหวังเข้ามา “เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว อบเชยไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ปรารถนากระซิบดุ เริ่มระอากับความรักออกนอกหน้าของบุตรชายเหลือเกิน เดวิดได้แต่หัวเราะ ท่านส่ายหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อท่านพอจะเข้าใจความคิดของดีแลน สมัยหนุ่ม ท่านเองก็เป็นแบบนี้ ดีแลนใจเต้นตึกตัก เขายืดคอสูงๆ พยายามมองหาอบเชย หญิงหนึ่งเดียวในดวงใจ ณรงค์เดินอยู่ข้างๆ มีอดัม
“ได้ไงคะ!! คุณท่านมาเห็นเข้า เชยอาจจะโดนตำหนินะคะ!” อบเชยลดเสียงลง สีหน้ายุ่งยากใจ หากปรารถนาเดินผ่านประตูเข้ามา นางจะมองว่าเธอเป็นคนอย่างไร “อย่ากลัวไปเลย แม่ฉันใจดีจะตาย” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” อบเชยพยายามอธิบาย เสียงของเธอสั่นพร่า เมื่อเสียงเดินดังใกล้เข้ามาทุกที “ฉันรู้...ฉันหลบไปก่อนก็ได้...” น้ำเสียงและสีหน้าอบเชย ดีแลนเลยอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ เขาขยับตัวเตรียมจะลงจากเตียง แต่... “ดีแลน...ลูกควรไปอาบน้ำได้แล้ว...ทีมช่างของแม่รอแต่งตัวให้ลูกอยู่นะ” ปรารถนาพูดดักคอ เหมือนว่าท่านรู้วาบุตรชายอยู่ด้านใน ทั้งที่ยังไม่ทันได้เปิดประตู&nb
“จูบฉันก่อน ฉันจะยอมกลับไปนอนที่ห้อง หากเชยยอมจูบฉัน”“อีกแล้วนะคะ” ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ดีแลนปล้นจูบไปจากเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขายังมีหน้ามาเรียกร้องเอาอะไรเพิ่มอีกหรือ?“ทำไมล่ะ ฉันจูบไม่ดีเหรอเชย สาวๆ ชมฉันตลอดว่าฉันจูบเก่ง” ดีแลนพูดเย้า“เชอะ!!” มือน้อยๆ ผลักอกคนตัวใหญ่เต็มแรง ซึ่งไม่ได้ทำให้ดีแลนสะเทือน เพราะเขานอนราบอยู่บนที่นอน แถมมือเหนียวๆ ยังคงเกี่ยวเอวของเธอไว้เสียแน่น“นานๆ จะเห็นเชยหึงฉันสักที มันครื้มใจพิลึก” ดีแลนกระเซ้าต่อ การแสดงออกของอบเชย แปลความหมายอื่นไม่ได้ นอกจากอบเชยกำลังไม่พอใจพฤติกรรมฉาวๆ ของเขาสมัยยังเป็นหนุ่ม“ชิ! คุณดีหลงตัวเองค่ะ เชยขี้เกียจฟัง” อบเชยหน้างอง้ำ นึกไม่พอใจจนตัวสั่น อยากโกรธดีแลนนานๆ แต่รู้ดีว่าตนเองใจไม่แข็งพอ ชายตรงหน้าเองก็มีวิธีรับมือ ทุกครั้งหากเธอปั้นปึ้ง...ดีแลนจะรีบตะล่อมจนเธออ่อนลง และครั้งนี้ก็เช่นกัน อบเชยรู้ดี สิ่งที่เขาพูดมาคืออดีต ผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องเพศตรงข้าม ดีแลนเองก็ไม่น้อยหน้า เขาเป็นหนุ่มฮอ
“จริงนะ ถามหน่อย เชยรักฉันตั้งแต่ตอนไหน?” ดีแลนพยายามลดความกระหายรสรักที่มีกับคนตัวเล็กในอ้อมกอด เขาเปลี่ยนเรื่องพูด เพื่อให้ความพลุ่งพล่านของตนเองลดน้อยลง“คุณดีล่ะคะ รักเชยตอนไหน?” หากดีแลนอยากรู้ อบเชยก็อยากรู้เช่นกันหญิงสาวจำได้ดี...สมัยก่อน แม้แต่การมอง ดีแลนยังพยายามมองผ่าน เขาเกลียดเธอจับจิต อบเชยเลยอยากรู้ว่าเธอเข้าตาเขาตอนไหน?“ขี้โกง ฉันถามเชยก่อนนะ!” เสียงต่อว่าไม่มีน้ำหนัก ดีแลนแค่ผิดหวังเล็กๆ ที่อบเชยยังไม่ยอมเฉลย“เชยอยากรู้นี่คะ คุณดีตอบเชยก่อนไม่ได้เหรอคะ?” อบเชยทดลองใช้น้ำเสียงแบบเดียวกับดีแลน เวลาที่เขาอ้อนเธอ แววตาวิบวับ กับสีหน้าที่แบกความหวังไว้เต็มเปี่ยมทำให้ดีแลนถอนใจเฮือก เขาแพ้อบเชย...หากเผลอสบตากับหล่อน ปลายนิ้วแข็งแรงจิ้มลงกลางหน้าผากตนเอง พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ที่พูดออกมาช้าๆ “ตั้งแต่ยัยเชยคนนี้ยังนุ่งกระโปรงสีน้ำเงินยาวลากพื้น...แอบมองฉันเหมือนคนโรคจิต แ