พวกเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกัน เติบโตมาด้วยกันเพราะครอบครัวรู้จักและสนิทกัน
พอได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองพวกเราก็ได้ซื้อบ้านเป็นชื่อของพวกเราทั้งสามคน และทำข้อตกลงเอาไว้ว่าบ้านหลังนี้จะมีแค่พวกเราสามคนเท่านั้น
ฉัน ริฮานน่า ไปเรียนต่อที่อเมริกาหนึ่งปี หลังจากที่จบจากมหาวิทยาลัยที่นี่แล้ว และช่วงระยะเวลาหนึ่งปี เราก็มีการติดต่อกันบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยครั้งเหมือนกับตอนที่ยังเรียนอยู่ เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่การงานของตัวเอง
จนกระทั่งวันหนึ่งฉันเรียนจบ และกะว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์พวกเพื่อนๆ ทำให้มันตกใจและดีใจที่ได้เห็นฉันกลับมา แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย และก็ไม่รู้เลยว่าลับหลังที่ฉันไม่อยู่พวกมันทำอะไรมากกว่านี้อีกบ้าง
คำสัญญาที่เคยให้กันไว้ ข้อตกลงที่เคยทำกันเอาไว้ ยังจำได้อยู่หรือเปล่า?
ทันทีที่ฉันกลับมาถึงบ้านและได้เห็นบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาเป็นแรมปี ฉันได้แต่ยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์สักหน่อย แต่กลับโดนพวกมันเซอร์ไพรส์ซะเอง
"พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน!"
*************************
“ฮาน่า!!”
“กูถาม พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน!!” หญิงสาวตวาดใส่กลุ่มคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยอารมณ์โมโห มีแค่เพื่อนสนิทสองคนเท่านั้นที่เธอรู้จัก ส่วนคนอื่นๆ นั้นเธอไม่รู้จักเลย ไม่รู้เลยว่าคนพวกนี้เป็นใครและมาจากไหนกัน
เพลงที่เปิดจนเสียงดังสนั่นถูกปิดลง ทุกอย่างเงียบสงัดไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคำ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเธอที่ควรจะอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็กลับเงียบกริบเช่นกัน
“ไอ้มิล ไอ้ขุน พวกมึงทำห่าอะไรกัน”
“ไหนบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง” คามิลเอ่ยถาม เพราะตอนที่โทรหากันเธอบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้า ซึ่งมันก็เรื่องจริงแหละนะ แต่เธอโกหกไงเพราะตั้งใจจะกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกเซอร์ไพรส์กลับแบบนี้
“พวกมึงรีบจัดการเดี๋ยวนี้!!”
พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปทันที เธอไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ตรงนั้นต่อเลย สภาพที่เธอได้เห็นมาทั้งบาดตาและทำร้ายความรู้สึกของเธอมาก ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และเกิดขึ้นมานานแล้วหรือยัง
ผ่านไปสักพัก
แกร๊ก~
“ฮาน่า...”
ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะเดินเข้ามา และนั่งลงบนโซฟาต่อหน้าหญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฮาน่า...คือว่า”
“ไม่ต้องมาอธิบายแก้ตัวอะไรทั้งนั้น บอกมาว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอมองหน้าของทั้งสองสลับกันไปมาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นมันบ่งบอกถึงความเด็ดขาดของเธอมาก
“หลายเดือนก่อน” ขุนเขาตอบเสียงแผ่ว เพราะรู้ว่าตัวเองนั้นทำผิดจริงๆ
“พวกมึงแม่ง! ทำแบบนี้ได้ยังไงวะ” เธอรู้สึกจุกอยู่ตรงกลางอก พอได้มองหน้าเพื่อนสนิทแล้วก็อยากจะด่าให้มันแรงและมากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี ได้มาเจอเซอร์ไพรส์แบบนี้แล้วเล่นเอาเธอแทบอยากจะร้องไห้ให้ได้เลย
“แต่นี่มันก็บ้านพวกกูเหมือนกันนะเว้ยฮาน่า” คามิลพูดขึ้น
“แล้วมันไม่ใช่บ้านกูด้วยหรือไง ตอนซื้อก็ร่วมกันซื้อ แล้วก็ตกลงกันพวกมึงเองก็เห็นด้วยรับรู้ทุกอย่าง ทำไมพวกมึงถึงทำแบบนี้วะ”
“พวกกู...ขอโทษจริงๆ” ขุนเขาพูดเสียงแผ่ว
“…..”
“แค่ให้คนมาทำความสะอาดก็จบแล้วไหมวะ” คามิลพูดขึ้นอีกครั้ง เพราะในสายตาของเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย มันสกปรกก็แค่จ้างคนมาทำความสะอาด เดี๋ยวทุกอย่างมันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
“มึงพูดได้แค่นี้เหรอวะไอ้มิล แม่งเห็นแก่ตัวฉิบหาย ถ้ากูพาผู้ชายพาคนอื่นที่พวกมึงไม่รู้จักมาแก้ผ้าปาร์ตี้กันอย่างที่พวกมึงทำบ้าง พวกมึงจะรู้สึกยังไง บ้านนะเว้ยไม่ใช่ซ่องที่คิดจะทำอะไรก็ทำ อยากจะเอากันก็เอา ไม่อายฟ้าอายดิน!”
“เฮ้ยฮาน่า พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ วันนี้วันเกิดไอ้มิลมัน ก็เลยชวนคนรู้จักมาจัดปาร์ตี้กันเฉยๆ ขอสักวันดิวะ” ขุนเขาพูด เพราะฮาน่ากำลังร้อนดั่งไฟและทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างสงบได้ก็คือต้องมีคนเป็นน้ำเพื่อดับร้อน แต่หารู้ไม่ว่าต่อให้เอาน้ำมาทั้งหมดโลกก็ดับร้อนของเธอไม่ได้แล้ว
“ถ้ามันครั้งแรก กูก็พอจะเข้าใจนะ แต่มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วก็ครั้งเดียวไง”
“…..”
พอเธอพูดออกมาอย่างนั้นแล้วไม่มีใครเถียงเธอเลยสักคำเพราะรู้ว่ามันคือความจริงที่ทั้งสองเองก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย
ทั้งสามเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ถึงตอนนี้ความเป็นเพื่อนมันจะยังไม่ขาดลงแต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากฟางเส้นสุดท้ายเลย สถานการณ์ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
จนกระทั่งฮาน่าเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเอง และทำเหมือนจะลากออกไปจากห้อง ทันใดนั้นเองเธอก็ถูกขุนเขาทำให้ชะงักด้วยคำทักท้วง
“จะไปไหน?”
“บ้านหลังนี้มันใช่ของกูอีกเหรอ?”
“ใช่สิ บ้านของเราไง”
“บ้านกูจริง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กูก็ต้องรู้ดิ อีกอย่างบ้านที่มีคนอื่นมาอยู่แล้ว มันไม่ใช่บ้านของกู”
“เออ! อยากไปก็ไป แม่งเราก็โตกันแล้วป่ะวะ มึงจะมาทำตัวงี่เง่าให้ตามง้อเหมือนตอนเด็กทำไม?” คามิลลุกขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึงขัง พูดใส่หญิงสาวที่ยืนหันหลังให้กับเขาอยู่
“งี่เง่าเหรอ เหอะ!?” ฮาน่าเค้นหัวเราะผ่านลำคอ และก็เดินออกจากห้องไปทันที
เธอกะว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์ทั้งสอง และก็กลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดของคามิลด้วย ไม่คิดว่าจะได้ถูกเซอร์ไพรส์กลับอย่างจุกอกแบบนี้ เป็นเพื่อนกันและตอนนี้ก็โตขึ้นแล้วก็จริง แต่มันก็ไม่ควรที่จะละเลยคำสัญญาและข้อตกลงที่คุยกันเอาไว้
“ไอ้มิล!” ขุนเขาหันไปพูดเสียงเข้มใส่
“ปล่อยเหอะ เดี๋ยวก็ดีเองแหละ”
ฮาน่าลากกระเป๋าเดินทางไปเช่าโรงแรมห้าดาวอยู่ ถ้ากลับไปที่บ้านตอนนี้ทุกคนต้องตกใจแน่ๆ เพราะเธอเองก็ยังไม่ได้บอกคนที่บ้านเหมือนกันว่ากลับมาแล้ว
วันถัดมา
ครืด ครืด ครืด
หญิงสาวถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด มือเล็กโผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงไปแนบกับหูของตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของใคร
“อืม...ใครโทรมา”
( ลูกสาวขา~ )
เสียงหวานๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอนั้นจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง และมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง
“คุณแม่!”
( ตกใจอะไรล่ะคะ ไม่ดีใจเหรอคะที่แม่โทรหาเนี่ย )
“ดะ ดีใจค่ะ แต่แค่แปลกใจ หนูยังไม่ได้บอกใครเลยว่ากลับมา”
( แม่มีซิกเซ้นส์ค่ะ )
“คุณแม่อ่า”
( ตอนนี้อยู่ไหนลูก เดี๋ยวแม่ให้คนไปรับ )
“ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอง ขอจัดการธุระส่วนตัวก่อนค่ะ พอดีหนูเพิ่งตื่น”
( ได้จ้ะ แม่จะรอน้า )
“ค่ะ คิดถึงคุณแม่นะคะ ไว้เจอกัน”
ฮาน่ากดวางสายจากผู้เป็นแม่ เธอมองไปรอบๆ ห้องของโรงแรมที่เข้ามานอน เมื่อคืนก็มาจนดึกแล้วเธอไม่ได้สำรวจอะไรเลย แถมเมื่อคืนก็นอนคิดอะไรมากมายจนเผลอหลับไปอีกด้วย
พอมานึกๆ แล้วเธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทะเลาะกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆ และก็ไม่คิดด้วยว่ามันจะลงเอยแบบนี้ เธอไม่ได้จะให้ทั้งสองตามง้อเหมือนกับตอนเด็กๆ และก็ไม่ต้องการคำขอโทษเช่นกัน เธอบอกไม่ถูกว่าต้องการอะไร
ภาพที่เห็นเมื่อคืนมันยังติดตาอยู่เลย หลังบ้านที่เป็นสระน้ำเต็มไปด้วยผู้คนทั้งชายและหญิงที่เธอไม่รู้จักมาก่อน และคนพวกนั้นก็ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น บางคนก็อยู่ในสระน้ำ มันก็เหมือนๆ กับปาร์ตี้แหละนะ ถ้าเธอไม่หันไปเจอภาพที่ผู้หญิงกับผู้ชายคู่นึงกำลังทำเรื่องอย่างว่ากันอย่างไม่สนใจโลกภายนอก มันเป็นภาพบาดตาที่เล่นเอาเธอรับไม่ได้เลย มันไม่ควรจะเกิดขึ้นที่นี่สิ ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านของเธอ และเธอก็ไม่รู้เลยว่าห้องนอนที่ส่วนตัวของเธอนั้นถูกใครเปิดเข้ามาใช้งานหรือเปล่า
เธอคงไม่คิดจะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ข้าวของก็คงไม่กลับไปเอา
เวลาต่อมา
“คุณพ่อ คุณแม่”
“ลูกสาว...คิดถึงที่สุดในสามโลกเลย”
ฮาน่าเดินเข้าไปกอดพ่อและแม่ของเธอด้วยความรู้สึกที่คิดถึงและโหยหาไม่ต่างกัน เธอไปเรียนต่างประเทศหนึ่งปีเต็มๆ โดยที่ไม่ได้กลับมาเลย ก็ไม่แปลกหรอกที่พ่อกับแม่ของเธอจะคิดถึงขนาดนี้
“หนูก็คิดถึงคุณแม่คุณพ่อเหมือนกันค่ะ”
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ นี่ถ้าคนของพ่อไม่เจอหนูที่สนามบิน พ่อกับแม่ก็คงไม่รู้นะว่าหนูกลับมาแล้ว”
“ก็กะว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์ค่ะ แต่ก็คิดว่าคุณพ่อคุณแม่คงจะหลับกันแล้วก็เลยกะว่าจะมาตอนเช้าเอา”
“น่ารักจริงๆ ลูกสาวคนนี้”
“แล้วนี่เจ้าคามิลกับขุนเขารู้เรื่องแล้วหรือยัง?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามขึ้น
“ไม่รู้สิคะ หนูไม่ได้แวะไป เมื่อวานวันเกิดคามิล คงจะพากันไปฉลองวันเกิดกันข้างนอกมั้งคะ หนูไม่ได้บอกใครว่าจะกลับมา พวกมันก็คงไม่รู้เรื่องหรอก” เธอโกหกออกไป เพราะไม่อยากทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ ที่กลับมาปุ๊บก็มีปัญหากับเพื่อนสนิทของตัวเองเลย และที่สำคัญเพื่อนสนิทของเธอนั้นก็ยังเป็นลูกๆ ของเพื่อนสนิทพ่อแม่เธออีกต่างหาก
“เข้าบ้านกันก่อนนะลูก แม่คิดถึงที่สุดเลย มีเรื่องอยากจะถามหลายเรื่องเลยด้วย”
“ค่ะคุณแม่”
เธอถูกแม่พาเดินเข้าไปในบ้าน และถูกซักถามสารพัดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เธอไปอยู่อเมริกา เพราะไม่ได้กลับมาเลย จึงไม่มีใครรู้ว่าการเป็นอยู่ของเธอที่นั่นมันเป็นยังไง เธอไปอยู่กับเพื่อนรูมเมทคนนึงซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ว่าแต่หนูคิดหรือยังลูก ว่าจะทำอะไร”
“นั่นสิ หนูอยากทำอะไรไหม เดี๋ยวพ่อลงทุนให้ เปิดร้านอาหาร หรือว่าจะเปิดธุรกิจส่วนตัวของตัวเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณพ่อ ถึงยังไงหนูก็ต้องเข้าไปทำงานแทนคุณพ่ออยู่แล้ว จะให้คนอื่นเข้าไปบริหารงานแทนได้ยังไง คุณพ่อสร้างมากับมือเชียวนะคะ”
“น่ารักจริงๆ ลูกคนนี้”
เธอเป็นลูกคนเดียวและก็แน่นอนว่าบริษัททุกอย่างที่เป็นของครอบครัว ที่พ่อแม่ของเธอนั้นสร้างมากับมือมันก็ต้องเป็นของเธออยู่แล้ว จะให้คนอื่นเข้าไปทำได้ยังไง ต่อให้พ่อกับแม่ของเธอจะไม่ได้บังคับก็ตาม แต่ที่เธอไปเรียนต่ออเมริกาก็เพื่อจะกลับมาบริหารงานแทนพ่อของเธอเหมือนกัน
“หนูขอพักสักอาทิตย์นะคะคุณพ่อ สอบเสร็จทำอะไรเสร็จก็รีบกลับเลย ยังไม่ทันได้พัก”
“ได้สิครับลูกสาว”
“ไหนๆ หนูก็กลับมาแล้ว เรานัดกินข้าวกับบ้านของคุณลุงคุณป้าดีไหม จะได้นัดคามิลกับขุนเขามาด้วย สองคนนั้นต้องดีใจมากแน่ๆ ที่หนูกลับมาแล้ว"
“เอ่อ...ตามใจคุณแม่เลยค่ะ”
เธอไม่อยากจะปฏิเสธให้มันเป็นพิรุธจนถูกสงสัย เพราะสองคนนั้นคงไม่ตกใจหรอกที่ได้เห็นเธอ แม้จะไม่อยากไปเจอกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหละ
เธอไม่อยากให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าเธอและทั้งสองคนนั้นกำลังมีปัญหากัน เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน ถ้ามีปัญหากันก็อาจจะทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจเอาได้
“ถ้าอย่างนั้นนัดกินข้าวกันพรุ่งนี้เลยเนอะคุณ”
“ครับ”
“งั้นหนูขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ ต้องเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อีกด้วย”
“จ้ะลูก”
ตกเย็นของวันถัดมา“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” หญิงสาวยกมือขึ้นสวัสดีหญิงชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ของคามิลและขุนเขา เพราะครอบครัวสนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้นัดกันมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกันบ่อยๆ“หนูฮาน่า!”“หนูฮาน่าจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว สวยขึ้นเป็นกองเลย” แม่ของคามิลนั้นเอ่ยชมอย่างไม่ขาดปาก เพราะไม่ได้เจอกับฮาน่ามาเป็นปีเลยก็ว่าได้ กลับมาคราวนี้เธอสวยขึ้นเป็นกองเลย“ขอบคุณค่ะคุณป้า”“เข้าบ้านกันก่อนเถอะนะ ตรงนี้อากาศร้อน” พ่อของขุนเขาพูดขึ้น“แล้วนี่ทั้งสองหนุ่มมาหรือยัง” แม่ของฮาน่าเอ่ยถามขึ้น“โทรตามแล้ว กำลังมาน่ะ”ฮาน่าไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย มีแต่พ่อแม่ของเธอกับพ่อแม่ของคามิลและขุนเขาเท่านั้นที่พูดคุยเล่นกัน เธอยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงถ้าได้เจอกับสองเพื่อนสนิทอีกครั้งผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงรถสปอร์ตดังมา และไม่นานนักสองหนุ่มสุดหล่อก็เดินเข้ามาพร้อมกัน และกล่าวทักทายลุงป้าน้าอาของตัวเองอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับ คุณอาคุณน้า” คามิลพูด“สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า คุณอาคุณน้า” ขุนเขาพูดที่ต้องเรียกต่างกันก็เพราะพ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้อายุเท่ากัน ต่อให้จะเ
ริฮานน่า Talkเวลาผ่านไปร่วมเดือนได้ ฉันจัดการอะไรต่อมิอะไรลงตัวหมดแล้ว ได้คอนโดที่อยู่ใหม่และก็อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทของคุณพ่อด้วย ส่วนพวกเพื่อนสนิทอีกสองคนฉันไม่ได้ติดต่อเลย และก็ไม่คิดที่จะติดต่อไปด้วยตอนนี้ฉันกำลังยืนแต่งตัวไปเที่ยวคลับอยู่ ฉันไม่รู้จะอยู่ทำอะไรเหมือนกัน อยู่คนเดียวที่ห้องมันก็น่าเหนื่อยและก็แสนจะเบื่อมาก ปกติก็จะไปเที่ยวกับสองคนนั้นแหละ ไปไหนเราก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว ยิ่งไปเที่ยวคลับตัวยิ่งติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เรียกได้ว่าฉันไม่ต้องกลัวเลยเพราะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่ถึงสองคนแต่ก็ไม่ได้แปลว่านอกเหนือจากสองคนนั้นแล้วฉันจะไม่มีเพื่อนอีกเลย แค่ไม่ได้ติดต่อกันอีกแค่นั้นเองพอแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง ลงมาที่ใต้คอนโดและขับรถของตัวเองออกไปแหงล่ะรถคันนี้คุณพ่อเพิ่งจะถอยมาให้ใหม่ๆ เลย ที่ขับรถไปเองเพราะฉัน คิดว่าตัวเองไม่ได้จะไปดื่มอะไรแค่อยากไปเที่ยวเพิ่มสีสันให้หายเบื่อเท่านั้นเองพอมาถึงฉันก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์อยู่ทันที ปกติถ้าฉันกับพวกนั้นได้มาเที่ยวคลับเราสามคนก็จะมานั่งกันอยู่ตรงนี้แหละ"สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ
หญิงสาวหันมองไปตามเสียงก็พบว่านั่นคือ คามิล เพื่อนสนิทของเธอที่ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว เขากำลังนั่งจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่เข้ามาชวนเธอคุย สายตาที่แสนจะเย็นชาและดุดันนั้นทำเอาชายหนุ่มคนนั้นถึงกับต้องรีบหลบสายตาทันทีเธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง มันน่าหงุดหงิดนะที่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ อุตส่าห์หนีมาจนถึงที่นี่แล้วเชียว“ขอตัวก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่”“ครับ”พูดจบเธอก็ลุกเดินหนีไปนั่งตรงที่อื่น โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคามิลที่กำลังจ้องมองตามไปเลยไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้า ทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วยนะ“ฮาน่า...”“…..” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะเธอได้เจอ ขุนเขา อีกคนด้วย หรือว่าสองคนนี้จะมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันนะ “อย่ามายุ่ง กูจะอยู่คนเดียว”“ยังไม่หายโกรธอีกหรือไง?” ขุนเขาเอ่ยถามเสียงเรียบ ก่อนจะเหลือบมองไปยังหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่คามิลนั่งอยู่ และก็ไม่ต้องเดาอะไรมากไปกว่านั้นเลย “ไอ้มิลมันทำอะไรให้อีกล่ะ?”“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องมายุ่ง”“แต่งตัวแบบนี้ออกมาเที่ยว ไม่กลัวบ้างรึไง”“เรื่องของกู”“ฮาน่า...”“…..”“อย่าดื่มเยอะ”แก้วเครื่องดื่มถูกขุนเขาดึงออกไปขณะที่เธอกำลังยกข
ทั้งสองเดินออกตามหาฮาน่ากันให้ทั่ว เพราะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนที่รถของเธอก็ไม่มีและรถก็ยังจอดอยู่ที่เดิมด้วย นั่นจึงทำให้สองเพื่อนใจร้อนเข้าไปใหญ่คามิลแม้จะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหย่อนผงยาลงไปในแก้วแต่ก็ไม่เห็นว่ามันคือยาอะไร และก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่ฮาน่านั้นดื่มเครื่องดื่มที่มีผงยาลงไปแล้วจะเป็นยังไงบ้าง“ไอ้มิล กูว่าต้องแยกกันหาก่อนวะ” ขุนเขาที่กำลังรีบเดินตามพอวนกลับมาเจอกับคามิลอีกครั้งก็เข้ามาพูดด้วยทันทีผ่านไปสักพักทั้งสองแยกย้ายกันออกตามหาจนไม่รู้เลยว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทุกวินาทีกับการออกตามหาฮาน่าในตอนนี้มันสำคัญทุกวินาทีเลยก็ว่าได้ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง หรือกำลังถูกใครลวนลามอยู่หรือเปล่า“อึกฮึก!!” เสียงครางแผ่วเบาที่ดังออกมาจากมุมที่มีต้นไม้ปิดบังอยู่ทำให้คามิลที่กำลังเร่งรีบกับการเดินต้องหยุดชะงักทันที ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปตามเสียงที่ได้ยินมา และก็ได้เห็นหญิงสาวที่กำลังตามหานั้นนั่งขดตัวอยู่ ตัวของเธอสั่นเทาไปหมด แม้จะอยู่ในมุมมืดแต่เขาก็ยังพอจะมองเห็นว่าตัวของเธอนั้นกำลังสั่น“ฮาน่า!!” คามิลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะรีบถอดเส
เช้าวันต่อมาฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา บวกกับอาการที่ปวดหัวนิดๆ คล้ายคนที่กำลังเป็นไข้ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทว่าพอเธอได้ลืมตาขึ้นและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเอง มันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ และก็ไม่ใช่คอนโดของเธอด้วยพอฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็พอจะจำได้อย่างเลือนลางว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพเนื้อตัวที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้า บวกกับตรงข้อมือและข้อเท้าที่มีรอยแดงเหมือนกับถูกมัดมันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ใช่ไหมความบริสุทธิ์ของเธอยังไม่ถูกใครพรากไปใช่ไหมแกร๊ก~"ฟื้นแล้วเหรอ?""ไอ้เหี้ยขุน เป็นมึงเองหรอกเหรอ?""อ-อะไร?!""ไอ้เลวมึงนี่มัน..."ฮาน่าหันกลับไปคว้าหมอนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปาใส่คนตรงหน้าไปด้วยแรงที่มี แต่ทว่าขุนเขากลับหลบได้ทัน และคนที่โดนก็ดันเป็นคามิลที่เดินเข้ามาพอดี"อะไรอีกวะเนี่ย?""พวกมึงทำอะไรกู?!""เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย" ขุนเขารีบพูดดักเพื่อยับยั้งความคิดของฮาน่า ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำ
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวันหยุดแม้จะไม่อยากลับบ้านแต่ฮาน่าก็ทนการถูกรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากให้ไปเจอใคร แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่คามิลหรอกนะ"คุณแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้า พร้อมกับลากสังขารของตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าคนที่เดินออกมารับเธอกลับเป็นแม่บ้าน"สวัสดีค่ะคุณหนู""ป้าบัวคะคุณแม่ไปไหน""เห็นว่าจะขอขึ้นไปแช่น้ำอุ่นข้างบนน่ะค่ะ ให้ป้าขึ้นไปตามให้ไหมคะ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานต่อเถอะ""ค่ะคุณหนู"ฮาน่าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายกับคนที่กำลังนอนหลับ แต่เธอก็แค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นแหละ..........ผ่านไปสักพัก"ลูกสาว...""....." ฮาน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของ คุณหญิงเกวลิน แม่สุดที่รักของเธอเองนั่นแหละ "อืม... ไหนคุณแม่บอกว่าจะมีคนมาไงคะ นี่หนูมารอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย""แม่บอกว่าตอนเย็นนะ เราไม่ได้ฟังหรือเปล่า""....." ฮาน่าก้มลงมองดูนาฬิกาตรงข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เธอนั้นจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่มันยังไม่เที่ยงเลยแต่เธอก็มาก่อนซะแล้ว ที่จริงเธอจำคำพูดของแม่ท
ณ บริษัทใหญ่KMกรุ๊ปฮาน่าเดินเข้าไปในบริษัทของคามิลเพราะได้รับคำเชิญให้มาร่วมการประชุมของประธานบริษัทต่างๆ แม้เธอจะยังไม่ได้รับตำปหน่งหน้าที่นี้เต็มตัวแต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาร่วมประชุม“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“ค่ะ”“เชิญด้านในเลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในห้องประชุมโดยที่มีผู้ช่วยของคามิลเป็นคนเปิดประตูให้ พอเดินเข้าไปเธอก็เห็นคามิลและขุนเขานั่งรออยู่แล้ว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอีกหรือเปล่า“หวัดดีฮาน่า” ขุนเขายกมือโบกทักทายหญิงสาวที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มด้วยท่าทางอารมณ์ดี“อืม...มากันเร็วนะ”“เดินมาแค่นี้ ไม่เร็วก็ให้มันรู้ไปสิ” คามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ไอ้น้ำเสียงแบบนี้แหละที่มันทำให้ฮาน่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจากวนประสาท“กวนตีน!” ฮาน่าหันไปด่าเข้าให้ รู้อยู่หรอกว่าอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเร็วแบบนี้ กว่าจะถึงเวลาประชุมก็ยังอีกตั้ง 15 นาทีเลย เป็นเจ้าของที่นี่เดินจากห้องทำงานมาสามก้าวก็ถึงแล้ว“แฮ่ม! ใจเย็นก่อนหนุ่มๆ สาวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยทักดังขึ้นมา ทำให้ฮาน่าหันไปมองพร้อมกับทำหน้าเหวอ เพราะบุคคลนั้นคือ
หลายเดือนถัดมาครืด ครืด ครืดโทรศัพท์เครื่องหรูของฮาน่าสั่นครืดขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานและวางมือถือไว้ข้างๆ ตัวเอง ก่อนที่มือเรียวเล็กจะจับมือถือเครื่องหรูของตัวเองขึ้นมาและกดรับสาย“อืม ว่ามา” เธอกดรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิม และก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ( กลางวันไปกินข้าวกัน ไอ้มิลจะเลี้ยง )“…..” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าก็เหลือบไปมองที่นาฬิกาตรงข้อมือของเธอเอง เพราะมัวแต่ทำงานจึงไม่ได้ดูเวลาพักเลยนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว( ฮาน่า )“อะไร?”( เธองานยุ่งเหรอ )“นิดหน่อยอ่ะ”การถูกชักชวนในเรื่องแบบนี้น้อยนักที่เธอจะพลาด แต่ตอนนี้งานของเธอมันล้นตัวจริงๆ แทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้แล้ว( ฮะ เฮ้ย! กูคุยอยู่เนี่ย!! ) เสียงของคนปลายสายดังขึ้นเหมือนกับว่ากำลังทะเลาะกับใครบางคน ทำให้ฮาน่ามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ( กูเองนะฮาน่า เดี๋ยวแวะไปหา ซื้อของกินไปด้วย ) น้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดตอบอะไรกลับไป ปลายสายก็กดวางไปซะก่อนแล้ว แบบนี้เธอจะไปทำอะไรได้ล่ะ“วุ่นวายกันจริงๆ ไอ้พวกนี้” ฮาน่าพึมพำกับตัวเองอย่างจ
“สองคนนั้นทำไมไปนานจัง” ฮาน่าพึมพำออกมา เพราะคามิลและธารานั้นหายออกไปหยิบจานกันนานแล้ว หวังว่ามันจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะถึงจะรู้จักนิสัยของคามิลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังรู้ดีอีกว่า คามิลนั้นเป็นคนที่ปากปีจอใช้ได้เลยทว่าสิ้นสุดคำพูดของเธอเท่านั้นได้ไม่นานนักทั้งสองก็พากันเดินออกมา“รอนานไหมครับน้องฮาน่า”“ไม่นานเลยค่ะ”ธาราจัดการเตรียมอาหารใส่จานให้กับฮาน่าและเพื่อนของเธออีกสองคนอย่างพิถีพิถันตามประสาคนที่เป็นเชฟไม่นานนักเธอก็ได้ชิมรสชาติอาหารเหล่านั้น ดวงตากลมสวยเบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง“อย่ามัวแต่ยิ้มสิ พี่อยากรู้ว่าเป็นยังไง” ธาราที่กำลังรอคำตอบจากหญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น เพราะเธอเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง“อร่อยมากค่ะ” มือสวยป้องปากตัวเองขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ ดวงตาของเธอนั้นเป็นประกายแวววับบ่งบอกถึงความสุขที่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารนี้ทว่าความสุขของเธอก็ถูกขัดจากเพื่อนสนิทอย่าง คามิล“จืดชืด เป็นเชฟได้ยังไงวะ สงสัยเรียนจากมหาลัยเถื่อนชัวร์” แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนกำลังพึมพำอยู่กับตัวเอง แต่การที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ไม่แปลก
หลายเดือนถัดมาครืด ครืด ครืดโทรศัพท์เครื่องหรูของฮาน่าสั่นครืดขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานและวางมือถือไว้ข้างๆ ตัวเอง ก่อนที่มือเรียวเล็กจะจับมือถือเครื่องหรูของตัวเองขึ้นมาและกดรับสาย“อืม ว่ามา” เธอกดรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิม และก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ( กลางวันไปกินข้าวกัน ไอ้มิลจะเลี้ยง )“…..” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าก็เหลือบไปมองที่นาฬิกาตรงข้อมือของเธอเอง เพราะมัวแต่ทำงานจึงไม่ได้ดูเวลาพักเลยนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว( ฮาน่า )“อะไร?”( เธองานยุ่งเหรอ )“นิดหน่อยอ่ะ”การถูกชักชวนในเรื่องแบบนี้น้อยนักที่เธอจะพลาด แต่ตอนนี้งานของเธอมันล้นตัวจริงๆ แทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้แล้ว( ฮะ เฮ้ย! กูคุยอยู่เนี่ย!! ) เสียงของคนปลายสายดังขึ้นเหมือนกับว่ากำลังทะเลาะกับใครบางคน ทำให้ฮาน่ามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ( กูเองนะฮาน่า เดี๋ยวแวะไปหา ซื้อของกินไปด้วย ) น้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดตอบอะไรกลับไป ปลายสายก็กดวางไปซะก่อนแล้ว แบบนี้เธอจะไปทำอะไรได้ล่ะ“วุ่นวายกันจริงๆ ไอ้พวกนี้” ฮาน่าพึมพำกับตัวเองอย่างจ
ณ บริษัทใหญ่KMกรุ๊ปฮาน่าเดินเข้าไปในบริษัทของคามิลเพราะได้รับคำเชิญให้มาร่วมการประชุมของประธานบริษัทต่างๆ แม้เธอจะยังไม่ได้รับตำปหน่งหน้าที่นี้เต็มตัวแต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาร่วมประชุม“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“ค่ะ”“เชิญด้านในเลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในห้องประชุมโดยที่มีผู้ช่วยของคามิลเป็นคนเปิดประตูให้ พอเดินเข้าไปเธอก็เห็นคามิลและขุนเขานั่งรออยู่แล้ว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอีกหรือเปล่า“หวัดดีฮาน่า” ขุนเขายกมือโบกทักทายหญิงสาวที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มด้วยท่าทางอารมณ์ดี“อืม...มากันเร็วนะ”“เดินมาแค่นี้ ไม่เร็วก็ให้มันรู้ไปสิ” คามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ไอ้น้ำเสียงแบบนี้แหละที่มันทำให้ฮาน่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจากวนประสาท“กวนตีน!” ฮาน่าหันไปด่าเข้าให้ รู้อยู่หรอกว่าอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเร็วแบบนี้ กว่าจะถึงเวลาประชุมก็ยังอีกตั้ง 15 นาทีเลย เป็นเจ้าของที่นี่เดินจากห้องทำงานมาสามก้าวก็ถึงแล้ว“แฮ่ม! ใจเย็นก่อนหนุ่มๆ สาวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยทักดังขึ้นมา ทำให้ฮาน่าหันไปมองพร้อมกับทำหน้าเหวอ เพราะบุคคลนั้นคือ
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวันหยุดแม้จะไม่อยากลับบ้านแต่ฮาน่าก็ทนการถูกรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากให้ไปเจอใคร แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่คามิลหรอกนะ"คุณแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้า พร้อมกับลากสังขารของตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าคนที่เดินออกมารับเธอกลับเป็นแม่บ้าน"สวัสดีค่ะคุณหนู""ป้าบัวคะคุณแม่ไปไหน""เห็นว่าจะขอขึ้นไปแช่น้ำอุ่นข้างบนน่ะค่ะ ให้ป้าขึ้นไปตามให้ไหมคะ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานต่อเถอะ""ค่ะคุณหนู"ฮาน่าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายกับคนที่กำลังนอนหลับ แต่เธอก็แค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นแหละ..........ผ่านไปสักพัก"ลูกสาว...""....." ฮาน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของ คุณหญิงเกวลิน แม่สุดที่รักของเธอเองนั่นแหละ "อืม... ไหนคุณแม่บอกว่าจะมีคนมาไงคะ นี่หนูมารอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย""แม่บอกว่าตอนเย็นนะ เราไม่ได้ฟังหรือเปล่า""....." ฮาน่าก้มลงมองดูนาฬิกาตรงข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เธอนั้นจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่มันยังไม่เที่ยงเลยแต่เธอก็มาก่อนซะแล้ว ที่จริงเธอจำคำพูดของแม่ท
เช้าวันต่อมาฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา บวกกับอาการที่ปวดหัวนิดๆ คล้ายคนที่กำลังเป็นไข้ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทว่าพอเธอได้ลืมตาขึ้นและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเอง มันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ และก็ไม่ใช่คอนโดของเธอด้วยพอฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็พอจะจำได้อย่างเลือนลางว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพเนื้อตัวที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้า บวกกับตรงข้อมือและข้อเท้าที่มีรอยแดงเหมือนกับถูกมัดมันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ใช่ไหมความบริสุทธิ์ของเธอยังไม่ถูกใครพรากไปใช่ไหมแกร๊ก~"ฟื้นแล้วเหรอ?""ไอ้เหี้ยขุน เป็นมึงเองหรอกเหรอ?""อ-อะไร?!""ไอ้เลวมึงนี่มัน..."ฮาน่าหันกลับไปคว้าหมอนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปาใส่คนตรงหน้าไปด้วยแรงที่มี แต่ทว่าขุนเขากลับหลบได้ทัน และคนที่โดนก็ดันเป็นคามิลที่เดินเข้ามาพอดี"อะไรอีกวะเนี่ย?""พวกมึงทำอะไรกู?!""เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย" ขุนเขารีบพูดดักเพื่อยับยั้งความคิดของฮาน่า ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำ
ทั้งสองเดินออกตามหาฮาน่ากันให้ทั่ว เพราะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนที่รถของเธอก็ไม่มีและรถก็ยังจอดอยู่ที่เดิมด้วย นั่นจึงทำให้สองเพื่อนใจร้อนเข้าไปใหญ่คามิลแม้จะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหย่อนผงยาลงไปในแก้วแต่ก็ไม่เห็นว่ามันคือยาอะไร และก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่ฮาน่านั้นดื่มเครื่องดื่มที่มีผงยาลงไปแล้วจะเป็นยังไงบ้าง“ไอ้มิล กูว่าต้องแยกกันหาก่อนวะ” ขุนเขาที่กำลังรีบเดินตามพอวนกลับมาเจอกับคามิลอีกครั้งก็เข้ามาพูดด้วยทันทีผ่านไปสักพักทั้งสองแยกย้ายกันออกตามหาจนไม่รู้เลยว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทุกวินาทีกับการออกตามหาฮาน่าในตอนนี้มันสำคัญทุกวินาทีเลยก็ว่าได้ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง หรือกำลังถูกใครลวนลามอยู่หรือเปล่า“อึกฮึก!!” เสียงครางแผ่วเบาที่ดังออกมาจากมุมที่มีต้นไม้ปิดบังอยู่ทำให้คามิลที่กำลังเร่งรีบกับการเดินต้องหยุดชะงักทันที ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปตามเสียงที่ได้ยินมา และก็ได้เห็นหญิงสาวที่กำลังตามหานั้นนั่งขดตัวอยู่ ตัวของเธอสั่นเทาไปหมด แม้จะอยู่ในมุมมืดแต่เขาก็ยังพอจะมองเห็นว่าตัวของเธอนั้นกำลังสั่น“ฮาน่า!!” คามิลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะรีบถอดเส
หญิงสาวหันมองไปตามเสียงก็พบว่านั่นคือ คามิล เพื่อนสนิทของเธอที่ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว เขากำลังนั่งจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่เข้ามาชวนเธอคุย สายตาที่แสนจะเย็นชาและดุดันนั้นทำเอาชายหนุ่มคนนั้นถึงกับต้องรีบหลบสายตาทันทีเธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง มันน่าหงุดหงิดนะที่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ อุตส่าห์หนีมาจนถึงที่นี่แล้วเชียว“ขอตัวก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่”“ครับ”พูดจบเธอก็ลุกเดินหนีไปนั่งตรงที่อื่น โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคามิลที่กำลังจ้องมองตามไปเลยไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้า ทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วยนะ“ฮาน่า...”“…..” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะเธอได้เจอ ขุนเขา อีกคนด้วย หรือว่าสองคนนี้จะมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันนะ “อย่ามายุ่ง กูจะอยู่คนเดียว”“ยังไม่หายโกรธอีกหรือไง?” ขุนเขาเอ่ยถามเสียงเรียบ ก่อนจะเหลือบมองไปยังหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่คามิลนั่งอยู่ และก็ไม่ต้องเดาอะไรมากไปกว่านั้นเลย “ไอ้มิลมันทำอะไรให้อีกล่ะ?”“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องมายุ่ง”“แต่งตัวแบบนี้ออกมาเที่ยว ไม่กลัวบ้างรึไง”“เรื่องของกู”“ฮาน่า...”“…..”“อย่าดื่มเยอะ”แก้วเครื่องดื่มถูกขุนเขาดึงออกไปขณะที่เธอกำลังยกข
ริฮานน่า Talkเวลาผ่านไปร่วมเดือนได้ ฉันจัดการอะไรต่อมิอะไรลงตัวหมดแล้ว ได้คอนโดที่อยู่ใหม่และก็อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทของคุณพ่อด้วย ส่วนพวกเพื่อนสนิทอีกสองคนฉันไม่ได้ติดต่อเลย และก็ไม่คิดที่จะติดต่อไปด้วยตอนนี้ฉันกำลังยืนแต่งตัวไปเที่ยวคลับอยู่ ฉันไม่รู้จะอยู่ทำอะไรเหมือนกัน อยู่คนเดียวที่ห้องมันก็น่าเหนื่อยและก็แสนจะเบื่อมาก ปกติก็จะไปเที่ยวกับสองคนนั้นแหละ ไปไหนเราก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว ยิ่งไปเที่ยวคลับตัวยิ่งติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เรียกได้ว่าฉันไม่ต้องกลัวเลยเพราะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่ถึงสองคนแต่ก็ไม่ได้แปลว่านอกเหนือจากสองคนนั้นแล้วฉันจะไม่มีเพื่อนอีกเลย แค่ไม่ได้ติดต่อกันอีกแค่นั้นเองพอแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง ลงมาที่ใต้คอนโดและขับรถของตัวเองออกไปแหงล่ะรถคันนี้คุณพ่อเพิ่งจะถอยมาให้ใหม่ๆ เลย ที่ขับรถไปเองเพราะฉัน คิดว่าตัวเองไม่ได้จะไปดื่มอะไรแค่อยากไปเที่ยวเพิ่มสีสันให้หายเบื่อเท่านั้นเองพอมาถึงฉันก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์อยู่ทันที ปกติถ้าฉันกับพวกนั้นได้มาเที่ยวคลับเราสามคนก็จะมานั่งกันอยู่ตรงนี้แหละ"สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ
ตกเย็นของวันถัดมา“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” หญิงสาวยกมือขึ้นสวัสดีหญิงชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ของคามิลและขุนเขา เพราะครอบครัวสนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้นัดกันมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกันบ่อยๆ“หนูฮาน่า!”“หนูฮาน่าจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียว สวยขึ้นเป็นกองเลย” แม่ของคามิลนั้นเอ่ยชมอย่างไม่ขาดปาก เพราะไม่ได้เจอกับฮาน่ามาเป็นปีเลยก็ว่าได้ กลับมาคราวนี้เธอสวยขึ้นเป็นกองเลย“ขอบคุณค่ะคุณป้า”“เข้าบ้านกันก่อนเถอะนะ ตรงนี้อากาศร้อน” พ่อของขุนเขาพูดขึ้น“แล้วนี่ทั้งสองหนุ่มมาหรือยัง” แม่ของฮาน่าเอ่ยถามขึ้น“โทรตามแล้ว กำลังมาน่ะ”ฮาน่าไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย มีแต่พ่อแม่ของเธอกับพ่อแม่ของคามิลและขุนเขาเท่านั้นที่พูดคุยเล่นกัน เธอยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงถ้าได้เจอกับสองเพื่อนสนิทอีกครั้งผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงรถสปอร์ตดังมา และไม่นานนักสองหนุ่มสุดหล่อก็เดินเข้ามาพร้อมกัน และกล่าวทักทายลุงป้าน้าอาของตัวเองอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับ คุณอาคุณน้า” คามิลพูด“สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า คุณอาคุณน้า” ขุนเขาพูดที่ต้องเรียกต่างกันก็เพราะพ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้อายุเท่ากัน ต่อให้จะเ