ทั้งสองเดินออกตามหาฮาน่ากันให้ทั่ว เพราะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนที่รถของเธอก็ไม่มีและรถก็ยังจอดอยู่ที่เดิมด้วย นั่นจึงทำให้สองเพื่อนใจร้อนเข้าไปใหญ่
คามิลแม้จะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหย่อนผงยาลงไปในแก้วแต่ก็ไม่เห็นว่ามันคือยาอะไร และก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่ฮาน่านั้นดื่มเครื่องดื่มที่มีผงยาลงไปแล้วจะเป็นยังไงบ้าง
“ไอ้มิล กูว่าต้องแยกกันหาก่อนวะ” ขุนเขาที่กำลังรีบเดินตามพอวนกลับมาเจอกับคามิลอีกครั้งก็เข้ามาพูดด้วยทันที
ผ่านไปสักพัก
ทั้งสองแยกย้ายกันออกตามหาจนไม่รู้เลยว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทุกวินาทีกับการออกตามหาฮาน่าในตอนนี้มันสำคัญทุกวินาทีเลยก็ว่าได้
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง หรือกำลังถูกใครลวนลามอยู่หรือเปล่า
“อึกฮึก!!” เสียงครางแผ่วเบาที่ดังออกมาจากมุมที่มีต้นไม้ปิดบังอยู่ทำให้คามิลที่กำลังเร่งรีบกับการเดินต้องหยุดชะงักทันที ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปตามเสียงที่ได้ยินมา และก็ได้เห็นหญิงสาวที่กำลังตามหานั้นนั่งขดตัวอยู่ ตัวของเธอสั่นเทาไปหมด แม้จะอยู่ในมุมมืดแต่เขาก็ยังพอจะมองเห็นว่าตัวของเธอนั้นกำลังสั่น
“ฮาน่า!!” คามิลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะรีบถอดเสื้อยีนส์ของตัวเองคลุมให้กับหญิงสาว และอุ้มเธอออกมาจากตรงนั้น
“ไอ้มิล!"
“อย่าเพิ่งพูด ไปเปิดรถแล้วพาฮาน่าไปก่อน”
“เออๆ”
คามิลอุ้มฮาน่าไปที่รถของขุนเขา จากนั้นก็พาเธอกลับไปที่คอนโดที่เขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน
ร่างกายของฮาน่าสั่นเทิ้มไปหมด ตามตัวก็มีแต่เหงื่อไหลโชกออกมาจนตัวเปียกชุ่ม อาการแบบนี้ เท่าที่คามิลคลุกคลีอยู่กับแวดวงเสือผู้หญิงเขาพอจะรู้ว่าฮาน่าโดนยาอะไร แม้เขาจะไม่เคยใช้ยาแบบนี้กับผู้หญิงคนไหน แต่เขาก็เคยเห็นผู้หญิงมีอาการแบบนี้มาแล้ว
“ฮึก...อึก!! ร้อน เอามือออก!!” มือที่กำลังสั่นเทิ้มนั้นพยายามที่จะปัดป่ายมือของคามิลที่โอบกอดเธอไว้ให้หลุดออกไป แต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะเขาไม่มีทางปล่อยเธออย่างแน่นอน
“ใจเย็นๆ สิฮาน่า กูปล่อยมึงตอนนี้ไม่ได้นะ” คามิลพึมพำ
ขุนเขาที่กำลังขับรถก็คอยมองไปที่กระจกด้านหลัง ได้เห็นเพื่อนสาวของตัวเองเป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกโกรธจนอยากจะหวนรถกลับไปจัดการไอ้หมอนั่นให้จมตีนไปเลย
ไม่นานก็มาถึงคอนโดของทั้งสอง ฮาน่าถูกอุ้มขึ้นไปบนคอนโดอย่างเร่งรีบ ก่อนที่คามิลจะวางเธอลงในอ่างน้ำและเปิดน้ำใส่จนท่วมตัวของเธอ การทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้เธอหายจากอาการนี้จนกว่าฤทธิ์ยาจะหายไป แต่มันก็ช่วยบรรเทาได้ระดับหนึ่งเลย
“อึก!! กูเป็นอะไร!?” ฮาน่าเหลือบตามองชายหนุ่มสองคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ร่างกายของเธอนั้นสั่นเทาไปหมด รู้สึกหนาวที่ด้านนอกแต่ในอกมันกลับร้อนดั่งไฟที่กำลังสุม
“หมอนั่นใส่ยาอะไรลงไปในแก้วของมึงไม่รู้” ขุนเขาตอบ
“ใคร!!??”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย อยู่นิ่งๆ ก่อน” คามิลพูด
แม้มือจะจับฮาน่าเอาไว้ไม่ให้เธอลุกออกไปไหนแต่เขาก็พยายามเบี่ยงสายตาไปมองที่อื่น เพราะชุดที่เธอใส่นั้นมันก็รัดรูปออกจะโป๊อยู่แล้ว พอมาถูกน้ำแบบนี้แล้วไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันจะเป็นแบบไหน เห็นสัดส่วน เห็นชั้นในบางๆ ที่ปกปิดส่วนสงวนในร่างกายของเธอจนหมดเลย
“อาการเป็นยังไงบ้างฮาน่า”
“อืม...พูดอะไร?” ฮาน่าหลับตาอยู่แต่ก็ถาม เธอยังพอประคองสติของตัวเองได้อยู่ระดับหนึ่ง รู้ว่าคนที่เธอพาเธอกลับมาคือเพื่อนสนิททั้งสองคน เพราะอย่างนั้นเธอเลยวางใจได้ว่าพวกมันน่าไว้ใจ
“เคยเห็นแต่คนอื่นโดนไม่เคยมาเห็นกับตาตัวเองสักที ยานรกนี่แม่งร้ายฉิบหาย!!” ขุนเขาสบถออกมาอย่างเหลืออด แม้ในคลับจะมีการตั้งกฎเรื่องการกระทำที่ไม่หวังดีแบบนี้ แต่ลับหลงก็ยังมีคนลักลอบทำอยู่บ่อยๆ จัดการเท่าไหร่มันก็ไม่หมดไปสักที
“มึงก็เงียบๆ ดิ๊!!” คามิลพูด แม้เขาจะไม่พอใจกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำกับฮาน่า แต่ตอนนี้จะมัวเอาแต่อารมณ์ไปโมโหกับคนนั้นก็ไม่ได้ เพราะอาการของเธอตอนนี้ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่
“มึงก็ด้วย พูดกันอยู่นั่นน่ารำคาญฉิบ!!”
เธอหันไปตะคอกใส่ทั้งสองขณะที่กำลังนั่งขดตัวหนาวสั่นอยู่ในอ่างน้ำ แต่ข้างในมันก็ร้อนรุ่มจนเธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าอาการของตัวเองตอนนี้มันจะหนาวหรือร้อน มันทรมานไปหมดเลยจริงๆ
“ไอ้มิลถ้าปล่อยให้ฮาน่านั่งแช่น้ำอยู่แบบนี้จนกว่าฤทธิ์ยาจะหมด จะแย่เอาได้นะ” ขุนเขาพูดพึมพำกับคนข้างๆ เพราะมันคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าปล่อยให้ฮาน่าอยู่ในสภาพนี้จนกว่าจะหมดฤทธิ์ของยานรกนั่น และก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะหมดลงตอนไหน
“แล้วมึงมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไงวะ!?”
“…..” ขุนเขาเงียบลง เพราะเขาเองก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งสองพอจะรู้ฤทธิ์ยาชนิดนี้มาบ้างเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นถึงได้รู้ว่ามันรุนแรงมากแค่ไหน ทุกอย่างจะจบลงก็ต่อเมื่อฤทธิ์ยามันหมดไปแล้วเท่านั้น
“ออกไปกันให้หมด!” ฮาน่าตวาดไล่ทั้งสอง ไม่ใช่เพราะรำคาญแต่รู้สึกเหมือนร่างกายมันแปลกๆ และก็อยากจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองเต็มทีแล้วด้วย
“ใจเย็นก่อนสิ” คามิลพยายามจับมือของเธอเอาไว้ ขณะที่เธอเองก็ยังสะบัดไม่หยุด
ชุดเดรสสวยที่เธอสวมใส่มันก็ค่อยๆ หลุดลุ่ยออกมาทีละนิด จากที่ได้เห็นแค่เนื้อส่วนนอกก็เริ่มได้เห็นด้านใน บราตัวน้อยๆ ที่เธอสวมใส่มันก็หลุดออก แม้เขาจะพยายามไม่มองแล้วแต่มันก็สังเกตุเห็นอยู่ดี
“แม่งเอ้ย!!” คามิลสบถออกมา เขาไม่ใช่คนหื่นกามแต่ก็ไม่ได้เป็นพระอิฐพระปูนนะ ที่ได้เห็นอะไรที่มันล่อตาล่อใจแบบนี้แล้วจะไม่มีอารมณ์อ่ะ
แก่นกายที่หลับอยู่ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา และก็แน่นอนว่ามันดันกางเกงยีนส์ของคามิลจนแทบจะระเบิดออกมาให้ได้แล้ว
“ไอ้เหี้ยมิล!!”
“หุบปาก!!”
ขุนเขาที่สังเกตุเห็นอาการผิดปกติของเพื่อนสนิทก็สบถด่าออกมาทันที เพราะสายตานั้นก็เหลือบลงไปเห็นส่วนของท่อนเอ็นที่กำลังแข็งขึ้นมาด้วย
แต่ทว่าพอได้มองเห็นเรือนร่าง ส่วนเว้าโค้งของฮาน่าเข้าแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคามิลถึงมีอาการแบบนั้น เพราะแค่มองไปพริบตาเดียวขุนเขาก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลยทีเดียว หัวใจนี่เต้นระส่ำไปหมด
ฮาน่าเธอเป็นคนสวย หุ่นดี สัดส่วนดีเลยล่ะ ก็ถ้าไม่ใช่เพื่อนก็สเปคของทั้งสองคนเลยล่ะนะ
“กะ กูจะหายเมื่อไหร่?” เสียงสั่นๆ ของฮาน่าปลุกสองเพื่อนสนิทที่กำลังลุ่มหลงอยู่กับเรือนร่างที่สวยงามให้ตื่นจากภวังค์
ภาพที่ได้มองมันติดตาจนลืมไม่ลงเลย
“กูก็ไม่รู้ว่ะ เพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก” คามิลตอบ ทั้งที่ยังคงหันหน้าหนีอยู่
“มีวิธีอื่นไหม?”
“ไม่มีหรอก” ขุนเขาตอบ
ยาที่ฮาน่ากินเข้าไปมันคือยาปลุกเซ็กซ์ หรือถ้าเรียกกันติดปากก็คือยาเสียสาว พวกผู้ชายบางคนมันจะชอบแอบวางยาเพื่อให้ได้มีอะไรกับผู้หญิงที่มันต้องการโดยที่เธอไม่เต็มใจแต่ก็ต้านความรุนแรงของฤทธิ์ยาไม่ได้
ทั้งสองไม่อยากจะเสนอทางเลือกที่สองให้กับเธอ เพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมันพังยับเยิน
“กูจะออกไปตรงนี้” อีกครั้งที่ฮาน่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าจะต้องนั่งแช่น้ำอยู่แบบนี้โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ออกไปจากตรงนี้ตอนไหน
“ดีขึ้นแล้วหรือยัง?” คามิลถาม
“เดี๋ยวกูไปหยิบผ้าให้ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมานะ” ขุนเขารีบเดินออกไปหยิบผ้าขนหนูมายื่นให้กับเธอ
ฮาน่ารับผ้าขนหนูไปและเปลื้องผ้าออกทันทีด้วยความรวดเร็ว เล่นเอาสองเพื่อนสนิทหันหน้าหลบแทบไม่ทัน
ทว่าพอลุกออกมาจากอ่างน้ำเช็ดเนื้อตัวจนแห้งสนิท ร่างกายมันก็กลับร้อนรุ่มดั่งไฟสุมขึ้นมาอีกครั้ง มันร้อนเหมือนคนจะเป็นไข้ก็ไม่ใช่ จะร้อนเพราะอากาศก็ไม่ใช่อีก มันร้อนออกมาจากอกของเธอ ส่วนล่างก็คันขยุบขยิบไปหมด บอกกความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกเลยจริงๆ
“ฮาน่า!!”
ร่างบางหันกลับไปมองตามเสียง เธอเห็นสองเพื่อนสนิทอยู่ตรงหน้า แต่มันเหมือนมีบางอย่างคอยบงการร่างกายของเธออยู่ ว่าให้กระโจนเข้าไปหาทั้งสอง จูบ โลมเลีย ซุกไซ้ สูดดมกลิ่นกายบนร่างกายของทั้งสอง
พรึ่บ!
“ฮาน่า!” คามิลดูตกใจเอามากๆ ที่จู่ๆ ฮาน่าก็กระโจนเข้าไปหาแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
เธอดึงเขาเข้าไปกอดและพยายามที่จะซุกไซ้ตามร่างกาย แต่ด้วยความที่ส่วนสูงค่อนข้างต่างกันมากเธอเลยถูกเขาผลักออกไปอย่างง่ายดาย
ทว่าเธอเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน หันกลับไปหาเพื่อนอีกคนที่ยืนเหวออยู่ด้านหลัง จนขุนเขาต้องจับไหล่ของเธอเอาไว้แน่น รั้งเธอไม่ให้เข้ามาทำแบบนั้นกับเขาเหมือนกับที่ทำกับคามิล
“ฮาน่ามีสติหน่อย!!”
“พูดไปก็เท่านั้น มึงไปเอาผ้าห่มบนเตียงออก”
“มึงจะทำอะไร?”
“มันก็มีวิธีเดียวไม่ใช่เหรอวะ?”
“ไอ้มิล!!”
“เร็วๆ ดิอย่าลีลา”
“…..” แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก แต่ขุนเขาก็ยอมเดินไปที่เตียงและดึงผ้าห่มออกตามที่คามิลบอก ก่อนที่ฮาน่าจะถูกอุ้มไปนอนลงบนเตียง
ทว่าสิ่งที่คามิลทำต่อจากนั้นทำเอาขุนเขางงไปอยู่ชั่วครู่เหมือนกัน เพราะการกระทำแบบนี้มันไม่ใช่การกระทำของคนที่กำลังจะร่วมรักกันสักหน่อย
“ไอ้ขุน เอาผ้ามามัดล็อคติดกับเตียงเร็ว!!”
“เอาจริงดิ?”
“รึมึงจะอยากโดนฮาน่ามันขืนใจล่ะ?”
“เออๆ”
เช้าวันต่อมาฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา บวกกับอาการที่ปวดหัวนิดๆ คล้ายคนที่กำลังเป็นไข้ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทว่าพอเธอได้ลืมตาขึ้นและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเอง มันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ และก็ไม่ใช่คอนโดของเธอด้วยพอฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็พอจะจำได้อย่างเลือนลางว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพเนื้อตัวที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้า บวกกับตรงข้อมือและข้อเท้าที่มีรอยแดงเหมือนกับถูกมัดมันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ใช่ไหมความบริสุทธิ์ของเธอยังไม่ถูกใครพรากไปใช่ไหมแกร๊ก~"ฟื้นแล้วเหรอ?""ไอ้เหี้ยขุน เป็นมึงเองหรอกเหรอ?""อ-อะไร?!""ไอ้เลวมึงนี่มัน..."ฮาน่าหันกลับไปคว้าหมอนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปาใส่คนตรงหน้าไปด้วยแรงที่มี แต่ทว่าขุนเขากลับหลบได้ทัน และคนที่โดนก็ดันเป็นคามิลที่เดินเข้ามาพอดี"อะไรอีกวะเนี่ย?""พวกมึงทำอะไรกู?!""เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย" ขุนเขารีบพูดดักเพื่อยับยั้งความคิดของฮาน่า ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำ
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวันหยุดแม้จะไม่อยากลับบ้านแต่ฮาน่าก็ทนการถูกรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากให้ไปเจอใคร แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่คามิลหรอกนะ"คุณแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้า พร้อมกับลากสังขารของตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าคนที่เดินออกมารับเธอกลับเป็นแม่บ้าน"สวัสดีค่ะคุณหนู""ป้าบัวคะคุณแม่ไปไหน""เห็นว่าจะขอขึ้นไปแช่น้ำอุ่นข้างบนน่ะค่ะ ให้ป้าขึ้นไปตามให้ไหมคะ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานต่อเถอะ""ค่ะคุณหนู"ฮาน่าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายกับคนที่กำลังนอนหลับ แต่เธอก็แค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นแหละ..........ผ่านไปสักพัก"ลูกสาว...""....." ฮาน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของ คุณหญิงเกวลิน แม่สุดที่รักของเธอเองนั่นแหละ "อืม... ไหนคุณแม่บอกว่าจะมีคนมาไงคะ นี่หนูมารอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย""แม่บอกว่าตอนเย็นนะ เราไม่ได้ฟังหรือเปล่า""....." ฮาน่าก้มลงมองดูนาฬิกาตรงข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เธอนั้นจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่มันยังไม่เที่ยงเลยแต่เธอก็มาก่อนซะแล้ว ที่จริงเธอจำคำพูดของแม่ท
ณ บริษัทใหญ่KMกรุ๊ปฮาน่าเดินเข้าไปในบริษัทของคามิลเพราะได้รับคำเชิญให้มาร่วมการประชุมของประธานบริษัทต่างๆ แม้เธอจะยังไม่ได้รับตำปหน่งหน้าที่นี้เต็มตัวแต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาร่วมประชุม“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“ค่ะ”“เชิญด้านในเลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในห้องประชุมโดยที่มีผู้ช่วยของคามิลเป็นคนเปิดประตูให้ พอเดินเข้าไปเธอก็เห็นคามิลและขุนเขานั่งรออยู่แล้ว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอีกหรือเปล่า“หวัดดีฮาน่า” ขุนเขายกมือโบกทักทายหญิงสาวที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มด้วยท่าทางอารมณ์ดี“อืม...มากันเร็วนะ”“เดินมาแค่นี้ ไม่เร็วก็ให้มันรู้ไปสิ” คามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ไอ้น้ำเสียงแบบนี้แหละที่มันทำให้ฮาน่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจากวนประสาท“กวนตีน!” ฮาน่าหันไปด่าเข้าให้ รู้อยู่หรอกว่าอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเร็วแบบนี้ กว่าจะถึงเวลาประชุมก็ยังอีกตั้ง 15 นาทีเลย เป็นเจ้าของที่นี่เดินจากห้องทำงานมาสามก้าวก็ถึงแล้ว“แฮ่ม! ใจเย็นก่อนหนุ่มๆ สาวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยทักดังขึ้นมา ทำให้ฮาน่าหันไปมองพร้อมกับทำหน้าเหวอ เพราะบุคคลนั้นคือ
หลายเดือนถัดมาครืด ครืด ครืดโทรศัพท์เครื่องหรูของฮาน่าสั่นครืดขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานและวางมือถือไว้ข้างๆ ตัวเอง ก่อนที่มือเรียวเล็กจะจับมือถือเครื่องหรูของตัวเองขึ้นมาและกดรับสาย“อืม ว่ามา” เธอกดรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิม และก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ( กลางวันไปกินข้าวกัน ไอ้มิลจะเลี้ยง )“…..” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าก็เหลือบไปมองที่นาฬิกาตรงข้อมือของเธอเอง เพราะมัวแต่ทำงานจึงไม่ได้ดูเวลาพักเลยนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว( ฮาน่า )“อะไร?”( เธองานยุ่งเหรอ )“นิดหน่อยอ่ะ”การถูกชักชวนในเรื่องแบบนี้น้อยนักที่เธอจะพลาด แต่ตอนนี้งานของเธอมันล้นตัวจริงๆ แทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้แล้ว( ฮะ เฮ้ย! กูคุยอยู่เนี่ย!! ) เสียงของคนปลายสายดังขึ้นเหมือนกับว่ากำลังทะเลาะกับใครบางคน ทำให้ฮาน่ามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ( กูเองนะฮาน่า เดี๋ยวแวะไปหา ซื้อของกินไปด้วย ) น้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดตอบอะไรกลับไป ปลายสายก็กดวางไปซะก่อนแล้ว แบบนี้เธอจะไปทำอะไรได้ล่ะ“วุ่นวายกันจริงๆ ไอ้พวกนี้” ฮาน่าพึมพำกับตัวเองอย่างจ
“สองคนนั้นทำไมไปนานจัง” ฮาน่าพึมพำออกมา เพราะคามิลและธารานั้นหายออกไปหยิบจานกันนานแล้ว หวังว่ามันจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะถึงจะรู้จักนิสัยของคามิลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังรู้ดีอีกว่า คามิลนั้นเป็นคนที่ปากปีจอใช้ได้เลยทว่าสิ้นสุดคำพูดของเธอเท่านั้นได้ไม่นานนักทั้งสองก็พากันเดินออกมา“รอนานไหมครับน้องฮาน่า”“ไม่นานเลยค่ะ”ธาราจัดการเตรียมอาหารใส่จานให้กับฮาน่าและเพื่อนของเธออีกสองคนอย่างพิถีพิถันตามประสาคนที่เป็นเชฟไม่นานนักเธอก็ได้ชิมรสชาติอาหารเหล่านั้น ดวงตากลมสวยเบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง“อย่ามัวแต่ยิ้มสิ พี่อยากรู้ว่าเป็นยังไง” ธาราที่กำลังรอคำตอบจากหญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น เพราะเธอเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง“อร่อยมากค่ะ” มือสวยป้องปากตัวเองขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ ดวงตาของเธอนั้นเป็นประกายแวววับบ่งบอกถึงความสุขที่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารนี้ทว่าความสุขของเธอก็ถูกขัดจากเพื่อนสนิทอย่าง คามิล“จืดชืด เป็นเชฟได้ยังไงวะ สงสัยเรียนจากมหาลัยเถื่อนชัวร์” แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนกำลังพึมพำอยู่กับตัวเอง แต่การที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ไม่แปลก
ริฮานน่า Talkบริษัทเกริกวิทย์กรุ๊ปกริ๊ง~( คุณฮาน่าคะ มีคนมาขอพบค่ะ )“ใครคะ?”( คุณคามิลค่ะ )“…..” ฉันเงียบและถอนหายใจอยู่เฮือกนึง ก่อนจะตอบกลับเลขาไป “ให้เขาเข้ามาเลยค่ะ”( ค่ะคุณฮาน่า )ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เปลี่ยนอากัปกิริยาประตูห้องทำงานก็เปิดออก ตามด้วยคามิลเดินเข้ามา ฉันมองผ่านไปที่ด้านหลังด้วยแต่กลับไม่เห็นขุนเขา ปกติสองคนนี้จะค่อนข้างตัวติดกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด“ไอ้ขุนติดงาน ไม่มาด้วย”“…..” ฉันปรับสายตามองไปที่คามิลแทน เราสองคนจ้องมองกันอยู่ครู่นึง ก่อนที่คามิลมันจะเดินไปนั่งที่โซฟา “มึงมีอะไร?”“ไม่มีอะไร แล้วจะมาหาไม่ได้เลยหรือไง?”“งานไม่มีทำหรือไง?”“มีแต่ไม่อยากทำ” มันตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยตามประสาคนอย่างมันนั่นแหละ แต่ดูออกว่ากำลังพูดจากวนตีนฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรงและนั่งทำงานต่อ พยายามที่จะไม่สนใจมันแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไมต้องคอยให้ความสนใจกับมันอยู่ตลอดด้วยนะ“ตกลงมา มีเรื่องอะไร?”“อยากมา ไม่รู้จะไปไหน?”“ปกติทุกครั้งที่ว่าง มึงก็จะออกไปหาสาวๆ นี่ ไม่ออกไปอีกหรือไง?” ฉันแกล้งเย้าถาม เพราะอยากรู้ว่ามันจะตอบยังไง แสดงท่าทางยังไงเวลาที่ฉันถามแบบนี้ เพราะทุก
คอนโดหรูใจกลางเมืองกรุงคามิลหยิบคีย์การ์ดแล้วแตะเปิดประตูห้องของตัวเอง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมยีนส์ตัวโปรดของตัวเองพาดไว้กับราวแขวน จากนั้นก็พันแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นอย่างชำนาญ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเปิดทีวีดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อยทว่าตอนนี้ไม่ได้จดจ่อฟังหรือดูเลยสักนิด เอาแต่นั่งเหม่อยิ้มและเอามือลูบริมฝีปากของตัวเองไปมาอยู่แบบนั้นและการกระทำที่ดูแปลกไปของคามิลก็ทำให้ขุนเขาสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติของเพื่อนสนิททันที“เป็นห่าอะไรของมึง นั่งยิ้มคนเดียวอย่างกะคนบ้า!”“…..” เสียงที่ดังขึ้นทำให้คามิลหลุดจากภวังค์แต่ก็ไม่ได้ตื่นตูมอะไรมือที่กำลังลูบริมฝีปากของตัวเองเปลี่ยนไปหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแทน“ทำไมมึงกลับเร็ว”“เสร็จแล้วกูก็กลับเลยสิ น่ารำคาญฉิบหาย” ขุนเขาพูดเสียงแข็ง ดูท่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่อะไรกันล่ะที่ทำให้ขุนเขาเป็นแบบนี้ได้“มึงไม่ชอบเหรอวะ?”“ชอบห่าอะไร ทำตัวอย่างกะเด็ก”“มึงชอบไม่ใช่เหรอวะ แบบนี้อ่ะ” คามิลหันไปมองเพื่อนสนิทแล้วก็ยกยิ้มให้ เห็นขุนเขาชอบเด็กๆ มากกว่าก็คิดว่าแบบนี้น่าจะชอบ“เล่นๆ อะได้ แต่จริงจังกูไม่เอา” ขุนเขากลับทันควันครอบครัวของขุนเขาพาไปดูตัวกับลูกสาวคนรู้จัก ท
ณ ร้านอาหารธีร์ธารา“สวัสดีค่ะพี่ธารา รอนานหรือเปล่าคะ?”“ไม่นานเลยครับ”“ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวพี่ขับรถให้นะครับ”“ได้เลยค่ะ”ฮาน่ายิ้มตอบรับพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้แก่คนตรงหน้า วันนี้เธอนัดกับธาราออกไปดื่มด้วยกัน รู้อยู่หรอกว่าการทำแบบนี้มันอาจจะทำให้สองคนนั้นไม่พอใจและอาจจะทำให้ธาราคิดไปว่าเธอกำลังมีใจให้กับเขา แต่เรื่องนั้นเธอพูดไปชัดเจนแล้วมันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น เธอและเขายังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเสมอไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังคลับหรูที่ฮาน่ามักจะมาดื่มเวลาที่รู้สึกเบื่อๆ มันมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะได้เจอคามิลและขุนเขา แต่เธอก็ไม่ได้นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์เหมือนเดิมคงจะไม่ได้เจอกับสองคนนั้นง่ายๆ หรอก“น้องฮาน่าจะดื่มอะไรดีครับ?”“ค็อกเทลค่ะ”“โอเค น้องครับท็อกเทลที่นึงครับ” ธาราหันไปบอกกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“พี่ไม่ดื่มเหรอคะ?”“พี่ดื่มแล้วใครจะขับรถล่ะครับ”“จริงสิ ลืมไปเลย”ฮาน่าได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนให้กับคนตรงหน้า เธอลืมไปเลยว่าธาราจะต้องเป็นคนขับรถกลับ คงต้องเป็นเธอคนเดียวสินะที่ดื่มได้“น้องฮาน่าคิดไว้หรือยังครับ ว่าจะเปิดร้านอาหารแนวไหน แบบรวมหรือแค่เฉพาะอาหารคาวเฉยๆ”“ฮาน่าค
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ
หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ นั้นมาได้ ฮาน่าเองก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติของเธอ แม้จะมีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและสองคนนั้นมากขึ้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรส่วนเรื่องคนปล่อยข่าวก็จับตัวได้หลังจากที่ผ่านพ้นวันที่เกิดเรื่องไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เขาคือคนที่เคยมีปัญหากับฮาน่าสมัยเรียน เป็นอดีตเพื่อนที่จบความสัมพันธ์แบบเพื่อนไม่สวยเท่าไหร่ และเธอคนนั้นก็เคยแอบชอบคามิลมาก่อน แต่พอไม่ถูกรักกลับก็คิดว่าฮาน่าเป็นคนพูดใส่ร้ายให้เธอดูไม่ดีในสายตาของคามิลแม้จะเคลียร์กันลงตัว แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกอย่างคามิลและขุนเขาก็ไม่ยอมง่ายๆ แน่ เพราะเธอคนนั้นตั้งใจลงข่าวให้ฮาน่าเสียหายและถูกโจมตีอย่างหนัก ต่อให้ฮาน่าจะให้อภัยแต่พวกเขาไม่มีวัน“ขุนเขา คามิล มาช่วยเลือกชุดหน่อยสิ” เสียงหวานๆ ดังออกมาจากห้องแต่งตัว ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวอยู่พากันเดินตามเสียงมาทันที“ชุดนี้กับชุดนี้ อันไหนสวย?” ฮาน่าถือชุดเดรสกระโปรงสีขาวและสีโอรสชูให้กับสองหนุ่มได้ดู เพราะเธอยังเลือกชุดไม่ได้สักทีเลย จึงอยากให้สองคนนี้ช่วยเลือกคามิลและขุนเขามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองฮาน่าที่กำลังถือชุดอ
สองวันถัดมาหลังจากที่ปล่อยให้ข่าวมันถูกพูดถึงแบบผิดๆ ไปอยู่นับสองวัน ก็ถึงเวลาที่จะต้องแก้ให้มันกระจ่างสักทีแล้วสินะฮาน่ากำลังแต่งตัวเตรียมที่จะเข้าไปที่บริษัทของเธอตอนนี้ เพราะเธอคือคนที่ถูกโจมตีหนักที่สุด และบริษัทของเธอนั้นก็ได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วยฟึ่บ~มือหนาจับที่ไหล่เล็กนั้นเบาๆ เมื่อเห็นเธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่หน้ากระจก ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนที่ชอบมองดูตัวเองผ่านกระจก ขยับซ้ายขวามองดูชุดที่ใส่ในแต่ละวัน แต่วันนี้นั้นมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” คามิลปลอบโยนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฝ่ามืออุ่นนั้นโอบไหล่สองข้างของเธอไว้และออกแรงบีบเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้รู้สึกถึงกำลังใจ“ฉันไม่มั่นใจเลย...กลัวว่า...” เสียงนั้นขาดหายไป ทิ้งไว้เพียงสีหน้าที่กำลังแบกความทุกข์ไว้หนักอึ้ง“ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น พวกฉันจะจับมือเธอเดินต่อเอง จะไม่มีวันทิ้งเธอ และทุกอย่างที่เธอพยายามรักษาไว้แน่นอน” ขุนเขาพูด“ขอบใจพวกนายมากนะ ขุนเขา คามิล”“เราไปกันได้แล้วนะ รถมารอแล้วล่ะ”“อื้ม...”ทั้งสามนั่งรถตู้ไปที่บริษัทของฮาน่าด้วยกัน และไม่นานก็มา
หลังจากที่ผ่านพ้นเวลานั้นมาร่วมสองเดือน ทั้งสองก็กลับมาอยู่กันแบบเดิม ความสัมพันธ์แบบเดิม เพิ่มเติมคือผู้ใหญ่ทุกคนรับรู้หมดแล้ว และก็ไม่ได้กีดกันอะไร เพราะแบบนั้นจึงทำให้ฮาน่ารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยเลย ต่างฝ่ายต่างก็รู้จักนิสัยกันเป็นอย่างดีแล้วจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ฮาน่าจะไม่ไปทำงาน และจะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องของตัวเอง ส่วนทั้งสองคนนั้นก็เดาไม่ได้เลยว่าจะไปทำงานหรือจะอยู่พักผ่อนกับเธอที่คอนโดครืด~ ครืด~ ครืด~โทรศัพท์ของเธอนั้นสั่นไม่หยุด เพราะปิดเสียงไว้และเปิดการสั่นเตือน จึงทำให้ฮาน่าที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กนั้นจะเอื้อมออกมาจากผ้าห่มและคว้าเอาโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงไปกดรับสาย“อือ...ใครคะ?”( คุณฮาน่าคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ! ) เสียงปลายสายนั้นพูดอย่างร้อนรน ทำให้ฮาน่าตาสว่างขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอนั้นจะรีบลุกขึ้นนั่ง“เกิดอะไรขึ้นคะ?!”( จู่ๆ ก็มีคนปล่อยข่าว หาว่าคุณฮาน่ากับคุณคามิลคุณขุนเขา เป็นรักสามเส้ากันค่ะ )“อะไรนะ!!”( ตอนนี้นักข่าวเต็มหน้าบริษัทเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ )“บอกให้ทุกคนใจเย็นๆ นะคะ ไม่ต้องสนใจตรงนี้ ทำงานของ