เช้าวันต่อมา
ฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา บวกกับอาการที่ปวดหัวนิดๆ คล้ายคนที่กำลังเป็นไข้ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ทว่าพอเธอได้ลืมตาขึ้นและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเอง มันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ และก็ไม่ใช่คอนโดของเธอด้วย
พอฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็พอจะจำได้อย่างเลือนลางว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพเนื้อตัวที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้า บวกกับตรงข้อมือและข้อเท้าที่มีรอยแดงเหมือนกับถูกมัด
มันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ใช่ไหม
ความบริสุทธิ์ของเธอยังไม่ถูกใครพรากไปใช่ไหม
แกร๊ก~
"ฟื้นแล้วเหรอ?"
"ไอ้เหี้ยขุน เป็นมึงเองหรอกเหรอ?"
"อ-อะไร?!"
"ไอ้เลวมึงนี่มัน..."
ฮาน่าหันกลับไปคว้าหมอนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปาใส่คนตรงหน้าไปด้วยแรงที่มี แต่ทว่าขุนเขากลับหลบได้ทัน และคนที่โดนก็ดันเป็นคามิลที่เดินเข้ามาพอดี
"อะไรอีกวะเนี่ย?"
"พวกมึงทำอะไรกู?!"
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย" ขุนเขารีบพูดดักเพื่อยับยั้งความคิดของฮาน่า ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไปว่าเธอไม่ได้หรอก เพราะสภาพของเธอในตอนนี้มันก็ไม่แปลกที่จะทำให้เธอคิดแบบนั้น
"นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงคิดว่าพวกกู...เอามึงอ่ะ?" คามิลพูด
"แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรือไง ทำไมกูอยู่ในสภาพนี้ล่ะ แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้" ฮาน่าชี้ไปที่ข้อมือและข้อเท้าของตัวเอง มันเป็นร่องรอยเหมือนกับคนถูกมัดตรึงไว้กับอะไรสักอย่าง
สองเพื่อนสนิทหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของหญิงสาวที่กำลังหน้าเสียอยู่บนเตียง
"พวกมึงมองอะไร?"
"เมื่อคืนมึงรู้หรือเปล่าว่ามึงแดกยาเข้าไป" คามิลพูด
"ห๊ะ?!"
"ไอ้หมอนั่นที่เข้ามาชวนมึงคุยอ่ะ มันแอบวางยามึง" ขุนเขาพูดเสริมขึ้นมาอีกคน
"ละ แล้ว แล้วมึงก็จะบอกว่า เพราะกูโดนวางยาพวกมึงเลยทำแบบนั้น เหรอ?" ฮาน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆเธอก็มีผัวสองคนในคราเดียวเลยสิ
ไม่สิมันต้องไม่ใช่แบบนั้น!
เธอยังไม่เคยยกความบริสุทธิ์ให้กับใครเลย แต่ดันต้องมาเสียซิงให้กับเพื่อนสนิทสองคนเนี่ยนะ แถมยังมีผัวทีเดียวพร้อมกันสองคนอีก
"บ้าเหรอ!" ขุนเขาตะเบ็งเสียงใส่
"มึงโดนยา มึงจำไม่ได้เลยหรือไงว่าทำอะไรไว้บ้าง?" คามิลถาม
"......" ฮาน่าเงียบ ไม่ใช่ว่าเธอจำอะไรไม่ได้ แต่เพราะความจำทุกอย่างมันเลือนลางต่างหากเธอถึงไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝัน
"มึงโดนยา พวกกูพยายามช่วยแล้ว พอกลับเข้ามาในห้องมึงต่างหากที่พยายามจะปล้ำพวกกูสองคนจนต้องจับมัดไว้จนกว่าจะหมดฤทธิ์ยา" ขุนเขาพูด
พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าถึงกับทำตัวไม่ถูกเลย ณ ตอนนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองนั้นถูกวางยาเขาให้แล้ว ก็คงไม่มีใครคิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะเธอเองก็ไม่ได้คิดเหมือนกัน ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ
ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินไม่ใช่ว่าไม่เคยรู้จักเกี่ยวกับยาพวกนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะโดนกับตัวเองไง
"รถของกูอยู่ไหนล่ะ"
"เช้านี้กูให้คนไปขับกลับมาไว้ที่คอนโดให้แล้ว" คามิลตอบ
"อืม ขอบใจที่ช่วย กูจะกลับคอนโดแล้วมีงานต้องทำต่อ"
ร่างบางประคองตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แต่พอเท้าของเธอนั้นถึงพื้นและพยายามที่จะก้าวเดินไป อาการวูบวาบก็แล่นเข้ามาทันที และก็ทำให้เธอนั้นทรงตัวไม่อยู่จนทำให้คามิลที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดต้องรีบเข้ามาจับไว้
พอได้สัมผัสกับตัวของเธอก็ทำให้คามิลรู้สึกได้เลยว่านี่มันคืออาการที่ไม่ปกติเลย คนเราไม่ควรที่จะมีอุณหภูมิร่างกายสูงขนาดนี้
"ตัวร้อนนี่ กินยานอนพักก่อนแล้วค่อยไป"
"ไม่เอา"
"อย่าดื้อนักเลยนะฟังกันหน่อยเหอะ!"
เธอถูกรั้งให้กลับไปนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิมโดยที่เธอนั้นเองก็ไม่ได้เต็มใจสักเท่าไร
"ไอ้ขุนมึงไปสั่งโจ๊กมาให้ฮาน่าหน่อยไป แล้วก็ซื้อยามาด้วย"
"เออๆ"
ทั้งสองไม่มีใครทำอาหารเป็นเลย ก็ตามประสาผู้ชายที่อยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ
ครืด ครืด ครืด
"เอาโทรศัพท์ให้หน่อย"
คามิลลุกเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของฮาน่าซึ่งอยู่บนโต๊ะ ห่างออกไปจากเตียงอยู่เหมือนกัน และเอายื่นให้กับเธอด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
"ขอบใจ"
.....
"ค่ะคุณพ่อ"
( ลูกสาววันนี้เข้าบริษัทไหมสายแล้วนะ )
"วันนี้หนูคงไม่ได้เข้าค่ะ ไม่ค่อยสบาย"
( แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก! ) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
"ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาแหละค่ะ พักสักวันก็คงจะหายแล้ว ขอโทษคุณพ่อด้วยนะคะเพิ่งเริ่มทำงานเองแท้ๆ"
( ไม่เป็นอะไรหรอกลูกพ่อเข้าใจ )
"ขอบคุณค่ะคุณพ่อ"
( แล้วนี่กินข้าวกินยาหรือยัง )
"ยะ...."
"โจ๊กมาแล้วนะ กำลังร้อนๆ เลย" เสียงของขุนเขาดังเข้ามาในห้อง ทำเอาทั้งเธอและปลายสายเงียบไปเลย
( หนูอยู่กับใคร? )
"อยู่กับคุณเขาแล้วก็คามิลค่ะ" กะว่าจะไม่บอกแล้วเชียวว่าอยู่กับใคร ถึงพ่อของเธอจะไว้ใจสองคนนี้ก็เหอะ แต่การที่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในห้องแบบนี้ด้วยกันมันก็น่าแปลกใช่ไหมล่ะ
( อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็กินข้าวแล้วก็กินยาซะนะลูก )
"ค่ะคุณพ่อ หนูขออะไรอีกอย่างได้ไหมคะ"
( ว่ามาสิคะลูกสาว )
"อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณแม่นะคะ หนูไม่อยากให้คุณแม่เป็นห่วง"
( โอเค พ่อจะไม่บอกแต่หนูก็ต้องสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ )
"หนูสัญญาค่ะ"
หลังจากพูดคุยกับคนเป็นพ่อเสร็จเธอก็กดวางสายทันที
............
"กินข้าวแล้วก็กินยา พักอยู่ที่นี่แหละ หายดีแล้วค่อยขับรถกลับไป" คามิลพูด
"ขอบใจ"
ในสายตาของเธอทั้งสองก็เป็นเพื่อนที่ดีเลย ถ้าไม่นับเรื่องที่มันเกิดขึ้นตอนที่เธอกลับมาจากอเมริกา สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ เธอขอเท่านี้เอง เธอไม่ขออะไรใครเลย ไม่เคยก้าวก่าย ไม่เคยวุ่นวาย แต่ก็กลับทำให้กันไม่ได้ มันแปลกเหรอที่เธอจะยังโกรธอยู่
เวลาผ่านไป...
"อ่ะชุด...." ขุนเขาเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดสีขาวของเธอที่ใส่ไปเที่ยวคลับเมื่อคืน "เมื่อคืนมันเปียก ก็เลยเอาไปส่งซักอบแห้งให้แล้ว"
"ขอบใจ"
"ตกลงจะไม่กลับไปที่บ้านจริงๆ ดิ?"
"เมื่อไหร่จะเลิกถามเซ้าซี้สักที"
"คราวนี้อยากรู้คำตอบ ไม่ต้องประชด บอกมาตามตรง"
"ไม่กลับ"
"เพราะ?"
"....." ฮาน่าหันไปมองขุนเขา อยากจะสวดใส่ให้อีกสักรอบนึง แต่พอคิดไปคิดมาทำแบบนั้นไปมันก็เท่านั้นแหละ "คอนโดที่อยู่ มันอยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่า กูไม่อยากเดินทางไกล ต่างคนก็ต่างทำงานไงขนาดมึงยังอยู่คอนโดกันเลย ทำไมกูจะอยู่คอนโดไม่ได้"
"อ๋อ..."
"คราวนี้ก็เลิกถามได้แล้ว"
"อืม..."
"ไอ้มิลมันไปไหนแล้วล่ะ"
"รีบไปบริษัทแล้วเห็นว่ามีประชุมด่วน"
"อ๋อ..."
"ให้กูขับรถให้ไหมล่ะ ขากลับเดี๋ยวนั่งรถแท็กซี่กลับเอง"
"ไม่เป็นอะไรตอนนี้กูหายดีแล้ว"
"....."
"ขอบใจสำหรับเรื่องเมื่อคืนที่ช่วยเอาไว้"
"อือ..."
เธอร่ำลากับขุนเขาพอเป็นพิธีเท่านั้นเพราะถึงยังไงมันก็ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้วล่ะ ก่อนจะรีบเดินลงมาที่ด้านล่าง และขับรถของตัวเองกลับทันที
เป็นไปได้เธอก็ไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก
แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าผู้ชายคนนั้นจะแอบเอายาใส่ไปในแก้วของเธอ ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้แย่อะไรเลย แถมการแต่งตัวก็ดีดูเป็นคนมีภูมิฐานด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนหื่นโรคจิตอะไรแบบนี้
คนก็เยอะขนาดนั้นทำไมถึงยังกล้าทำ
ครืด ครืด
"ค่ะคุณแม่"
( อาทิตย์นี้กลับมาที่บ้านเราไหมลูก )
"มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
( แม่คิดถึง )
"เรื่องนี้หนูขอดูก่อนได้ไหม ถ้างานมันไม่เยอะจริงๆ หนูก็จะไปนะคะ"
( แล้วนี่ทำอะไรอยู่ลูก )
"กำลังขับรถกลับคอนโดค่ะ"
( อ๋อ... )
"ถ้างั้นเอาไว้ค่อยคุยกันนะคะคุณแม่หนูขอขับรถก่อน"
( ได้จ้ะ )
เธอรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้กับการที่แม่ของเธอชวนเธอกลับบ้านแบบนี้ คงไม่ได้ชวนครอบครัวของขุนเขาและคามิลมากินข้าวที่บ้านอีกใช่ไหม
ถึงแม่ของเธอจะไม่ได้บังคับเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและคามิล แต่ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นต้องการที่จะให้เธอกับคามิลเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน
ยิ่งตอนที่คามิลประกาศว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขาในคลับ เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลย และก็เริ่มกลัวว่าคามิลจะตกลงเรื่องความสัมพันธ์นี้ ต่อให้เธอจะปฏิเสธก็ตาม
ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอจะทำยังไง ไม่ใช่ว่าคามิลไม่ดี แต่เพราะเธอกับคามิลมีความสัมพันธ์แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะหลงรักกัน ถึงมันอาจจะเป็นไปได้ แต่เธอก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจะเริ่มต้นแบบไหนและจบลงแบบไหน เพราะถ้าความสัมพันธ์มันต้องจบลงแบบไม่สวย แน่นอนว่ามันมองหน้ากันไม่ติดอีกเลยแหละ เป็นเพื่อนกันต่อให้ทะเลาะกันมีปัญหากันถึงยังไงมันก็ยังมองหน้ากันได้อยู่ดี แต่ถ้าต้องจบความสัมพันธ์ลงแบบความสัมพันธ์ของความรักอย่างนี้ มันต้องไม่ดีมากแน่ๆ
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวันหยุดแม้จะไม่อยากลับบ้านแต่ฮาน่าก็ทนการถูกรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากให้ไปเจอใคร แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่คามิลหรอกนะ"คุณแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้า พร้อมกับลากสังขารของตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าคนที่เดินออกมารับเธอกลับเป็นแม่บ้าน"สวัสดีค่ะคุณหนู""ป้าบัวคะคุณแม่ไปไหน""เห็นว่าจะขอขึ้นไปแช่น้ำอุ่นข้างบนน่ะค่ะ ให้ป้าขึ้นไปตามให้ไหมคะ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานต่อเถอะ""ค่ะคุณหนู"ฮาน่าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายกับคนที่กำลังนอนหลับ แต่เธอก็แค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นแหละ..........ผ่านไปสักพัก"ลูกสาว...""....." ฮาน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของ คุณหญิงเกวลิน แม่สุดที่รักของเธอเองนั่นแหละ "อืม... ไหนคุณแม่บอกว่าจะมีคนมาไงคะ นี่หนูมารอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย""แม่บอกว่าตอนเย็นนะ เราไม่ได้ฟังหรือเปล่า""....." ฮาน่าก้มลงมองดูนาฬิกาตรงข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เธอนั้นจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่มันยังไม่เที่ยงเลยแต่เธอก็มาก่อนซะแล้ว ที่จริงเธอจำคำพูดของแม่ท
ณ บริษัทใหญ่KMกรุ๊ปฮาน่าเดินเข้าไปในบริษัทของคามิลเพราะได้รับคำเชิญให้มาร่วมการประชุมของประธานบริษัทต่างๆ แม้เธอจะยังไม่ได้รับตำปหน่งหน้าที่นี้เต็มตัวแต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาร่วมประชุม“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“ค่ะ”“เชิญด้านในเลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในห้องประชุมโดยที่มีผู้ช่วยของคามิลเป็นคนเปิดประตูให้ พอเดินเข้าไปเธอก็เห็นคามิลและขุนเขานั่งรออยู่แล้ว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอีกหรือเปล่า“หวัดดีฮาน่า” ขุนเขายกมือโบกทักทายหญิงสาวที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มด้วยท่าทางอารมณ์ดี“อืม...มากันเร็วนะ”“เดินมาแค่นี้ ไม่เร็วก็ให้มันรู้ไปสิ” คามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ไอ้น้ำเสียงแบบนี้แหละที่มันทำให้ฮาน่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจากวนประสาท“กวนตีน!” ฮาน่าหันไปด่าเข้าให้ รู้อยู่หรอกว่าอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเร็วแบบนี้ กว่าจะถึงเวลาประชุมก็ยังอีกตั้ง 15 นาทีเลย เป็นเจ้าของที่นี่เดินจากห้องทำงานมาสามก้าวก็ถึงแล้ว“แฮ่ม! ใจเย็นก่อนหนุ่มๆ สาวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยทักดังขึ้นมา ทำให้ฮาน่าหันไปมองพร้อมกับทำหน้าเหวอ เพราะบุคคลนั้นคือ
หลายเดือนถัดมาครืด ครืด ครืดโทรศัพท์เครื่องหรูของฮาน่าสั่นครืดขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานและวางมือถือไว้ข้างๆ ตัวเอง ก่อนที่มือเรียวเล็กจะจับมือถือเครื่องหรูของตัวเองขึ้นมาและกดรับสาย“อืม ว่ามา” เธอกดรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิม และก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ( กลางวันไปกินข้าวกัน ไอ้มิลจะเลี้ยง )“…..” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าก็เหลือบไปมองที่นาฬิกาตรงข้อมือของเธอเอง เพราะมัวแต่ทำงานจึงไม่ได้ดูเวลาพักเลยนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว( ฮาน่า )“อะไร?”( เธองานยุ่งเหรอ )“นิดหน่อยอ่ะ”การถูกชักชวนในเรื่องแบบนี้น้อยนักที่เธอจะพลาด แต่ตอนนี้งานของเธอมันล้นตัวจริงๆ แทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้แล้ว( ฮะ เฮ้ย! กูคุยอยู่เนี่ย!! ) เสียงของคนปลายสายดังขึ้นเหมือนกับว่ากำลังทะเลาะกับใครบางคน ทำให้ฮาน่ามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ( กูเองนะฮาน่า เดี๋ยวแวะไปหา ซื้อของกินไปด้วย ) น้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดตอบอะไรกลับไป ปลายสายก็กดวางไปซะก่อนแล้ว แบบนี้เธอจะไปทำอะไรได้ล่ะ“วุ่นวายกันจริงๆ ไอ้พวกนี้” ฮาน่าพึมพำกับตัวเองอย่างจ
“สองคนนั้นทำไมไปนานจัง” ฮาน่าพึมพำออกมา เพราะคามิลและธารานั้นหายออกไปหยิบจานกันนานแล้ว หวังว่ามันจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะถึงจะรู้จักนิสัยของคามิลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังรู้ดีอีกว่า คามิลนั้นเป็นคนที่ปากปีจอใช้ได้เลยทว่าสิ้นสุดคำพูดของเธอเท่านั้นได้ไม่นานนักทั้งสองก็พากันเดินออกมา“รอนานไหมครับน้องฮาน่า”“ไม่นานเลยค่ะ”ธาราจัดการเตรียมอาหารใส่จานให้กับฮาน่าและเพื่อนของเธออีกสองคนอย่างพิถีพิถันตามประสาคนที่เป็นเชฟไม่นานนักเธอก็ได้ชิมรสชาติอาหารเหล่านั้น ดวงตากลมสวยเบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง“อย่ามัวแต่ยิ้มสิ พี่อยากรู้ว่าเป็นยังไง” ธาราที่กำลังรอคำตอบจากหญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น เพราะเธอเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง“อร่อยมากค่ะ” มือสวยป้องปากตัวเองขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ ดวงตาของเธอนั้นเป็นประกายแวววับบ่งบอกถึงความสุขที่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารนี้ทว่าความสุขของเธอก็ถูกขัดจากเพื่อนสนิทอย่าง คามิล“จืดชืด เป็นเชฟได้ยังไงวะ สงสัยเรียนจากมหาลัยเถื่อนชัวร์” แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนกำลังพึมพำอยู่กับตัวเอง แต่การที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ไม่แปลก
ริฮานน่า Talkบริษัทเกริกวิทย์กรุ๊ปกริ๊ง~( คุณฮาน่าคะ มีคนมาขอพบค่ะ )“ใครคะ?”( คุณคามิลค่ะ )“…..” ฉันเงียบและถอนหายใจอยู่เฮือกนึง ก่อนจะตอบกลับเลขาไป “ให้เขาเข้ามาเลยค่ะ”( ค่ะคุณฮาน่า )ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เปลี่ยนอากัปกิริยาประตูห้องทำงานก็เปิดออก ตามด้วยคามิลเดินเข้ามา ฉันมองผ่านไปที่ด้านหลังด้วยแต่กลับไม่เห็นขุนเขา ปกติสองคนนี้จะค่อนข้างตัวติดกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด“ไอ้ขุนติดงาน ไม่มาด้วย”“…..” ฉันปรับสายตามองไปที่คามิลแทน เราสองคนจ้องมองกันอยู่ครู่นึง ก่อนที่คามิลมันจะเดินไปนั่งที่โซฟา “มึงมีอะไร?”“ไม่มีอะไร แล้วจะมาหาไม่ได้เลยหรือไง?”“งานไม่มีทำหรือไง?”“มีแต่ไม่อยากทำ” มันตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยตามประสาคนอย่างมันนั่นแหละ แต่ดูออกว่ากำลังพูดจากวนตีนฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรงและนั่งทำงานต่อ พยายามที่จะไม่สนใจมันแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไมต้องคอยให้ความสนใจกับมันอยู่ตลอดด้วยนะ“ตกลงมา มีเรื่องอะไร?”“อยากมา ไม่รู้จะไปไหน?”“ปกติทุกครั้งที่ว่าง มึงก็จะออกไปหาสาวๆ นี่ ไม่ออกไปอีกหรือไง?” ฉันแกล้งเย้าถาม เพราะอยากรู้ว่ามันจะตอบยังไง แสดงท่าทางยังไงเวลาที่ฉันถามแบบนี้ เพราะทุก
คอนโดหรูใจกลางเมืองกรุงคามิลหยิบคีย์การ์ดแล้วแตะเปิดประตูห้องของตัวเอง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมยีนส์ตัวโปรดของตัวเองพาดไว้กับราวแขวน จากนั้นก็พันแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นอย่างชำนาญ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเปิดทีวีดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อยทว่าตอนนี้ไม่ได้จดจ่อฟังหรือดูเลยสักนิด เอาแต่นั่งเหม่อยิ้มและเอามือลูบริมฝีปากของตัวเองไปมาอยู่แบบนั้นและการกระทำที่ดูแปลกไปของคามิลก็ทำให้ขุนเขาสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติของเพื่อนสนิททันที“เป็นห่าอะไรของมึง นั่งยิ้มคนเดียวอย่างกะคนบ้า!”“…..” เสียงที่ดังขึ้นทำให้คามิลหลุดจากภวังค์แต่ก็ไม่ได้ตื่นตูมอะไรมือที่กำลังลูบริมฝีปากของตัวเองเปลี่ยนไปหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแทน“ทำไมมึงกลับเร็ว”“เสร็จแล้วกูก็กลับเลยสิ น่ารำคาญฉิบหาย” ขุนเขาพูดเสียงแข็ง ดูท่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่อะไรกันล่ะที่ทำให้ขุนเขาเป็นแบบนี้ได้“มึงไม่ชอบเหรอวะ?”“ชอบห่าอะไร ทำตัวอย่างกะเด็ก”“มึงชอบไม่ใช่เหรอวะ แบบนี้อ่ะ” คามิลหันไปมองเพื่อนสนิทแล้วก็ยกยิ้มให้ เห็นขุนเขาชอบเด็กๆ มากกว่าก็คิดว่าแบบนี้น่าจะชอบ“เล่นๆ อะได้ แต่จริงจังกูไม่เอา” ขุนเขากลับทันควันครอบครัวของขุนเขาพาไปดูตัวกับลูกสาวคนรู้จัก ท
ณ ร้านอาหารธีร์ธารา“สวัสดีค่ะพี่ธารา รอนานหรือเปล่าคะ?”“ไม่นานเลยครับ”“ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวพี่ขับรถให้นะครับ”“ได้เลยค่ะ”ฮาน่ายิ้มตอบรับพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้แก่คนตรงหน้า วันนี้เธอนัดกับธาราออกไปดื่มด้วยกัน รู้อยู่หรอกว่าการทำแบบนี้มันอาจจะทำให้สองคนนั้นไม่พอใจและอาจจะทำให้ธาราคิดไปว่าเธอกำลังมีใจให้กับเขา แต่เรื่องนั้นเธอพูดไปชัดเจนแล้วมันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น เธอและเขายังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเสมอไม่นานทั้งสองก็มาถึงยังคลับหรูที่ฮาน่ามักจะมาดื่มเวลาที่รู้สึกเบื่อๆ มันมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะได้เจอคามิลและขุนเขา แต่เธอก็ไม่ได้นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์เหมือนเดิมคงจะไม่ได้เจอกับสองคนนั้นง่ายๆ หรอก“น้องฮาน่าจะดื่มอะไรดีครับ?”“ค็อกเทลค่ะ”“โอเค น้องครับท็อกเทลที่นึงครับ” ธาราหันไปบอกกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“พี่ไม่ดื่มเหรอคะ?”“พี่ดื่มแล้วใครจะขับรถล่ะครับ”“จริงสิ ลืมไปเลย”ฮาน่าได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนให้กับคนตรงหน้า เธอลืมไปเลยว่าธาราจะต้องเป็นคนขับรถกลับ คงต้องเป็นเธอคนเดียวสินะที่ดื่มได้“น้องฮาน่าคิดไว้หรือยังครับ ว่าจะเปิดร้านอาหารแนวไหน แบบรวมหรือแค่เฉพาะอาหารคาวเฉยๆ”“ฮาน่าค
ครืด ครืด ครืดเสียงโทรศัพท์ของขุนเขาดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งเบอร์นี้โทรเข้ามาเป็นครั้งที่สองเขาถึงได้ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาและกดรับสาย"ใครครับ?"( ผมเป็นพนักงานโทรมาจากคลับนะครับ พอดีว่าคุณคามิลเมามากเลยครับ แถมยังเสียงดังอีกด้วย ผมกลัวว่าจะไปรบกวนลูกค้าท่านอื่นๆ ครับเลยอยากจะให้... )"ห้องทำงานมันก็มี ลากมันไปทิ้งไว้ที่ห้องทำงานสิ เดี๋ยวมันหายเมาแล้วมันก็กลับของมันเองแหละ"( พวกผมพยายามพาไปแล้วครับ แต่คุณคามิลไม่ยอมเลยแถมยังขู่อีกว่าจะไล่ออกให้หมด พวกผมก็เลย... )"งั้นก็ทิ้งมันไว้ตรงนั้นแหละ"พูดจบขุนเขาก็ตัดสายไปทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องครั้งนั้นเขาก็แทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกับคามิลเลย แทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยแต่สุดท้ายคำว่าเพื่อนมันก็ยังค้ำคออยู่สูงกว่าทิฐิที่ตัวเองมี ขุนเขาเดินไปคว้ากุญแจรถของตัวเอง จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังคลับทันที.........ทางด้านฮาน่าเธอยังไม่ได้กลับถึงคอนโดแต่อย่างใด ตอนนี้อยากอยู่กับใครสักคนที่พอจะทำให้เธอรู้สึกคลายความกังวลลงมาบ้าง และพอได้มาอยู่กับธาราแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกดีไม่น้อยเลย
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ
หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ นั้นมาได้ ฮาน่าเองก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติของเธอ แม้จะมีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและสองคนนั้นมากขึ้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรส่วนเรื่องคนปล่อยข่าวก็จับตัวได้หลังจากที่ผ่านพ้นวันที่เกิดเรื่องไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เขาคือคนที่เคยมีปัญหากับฮาน่าสมัยเรียน เป็นอดีตเพื่อนที่จบความสัมพันธ์แบบเพื่อนไม่สวยเท่าไหร่ และเธอคนนั้นก็เคยแอบชอบคามิลมาก่อน แต่พอไม่ถูกรักกลับก็คิดว่าฮาน่าเป็นคนพูดใส่ร้ายให้เธอดูไม่ดีในสายตาของคามิลแม้จะเคลียร์กันลงตัว แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกอย่างคามิลและขุนเขาก็ไม่ยอมง่ายๆ แน่ เพราะเธอคนนั้นตั้งใจลงข่าวให้ฮาน่าเสียหายและถูกโจมตีอย่างหนัก ต่อให้ฮาน่าจะให้อภัยแต่พวกเขาไม่มีวัน“ขุนเขา คามิล มาช่วยเลือกชุดหน่อยสิ” เสียงหวานๆ ดังออกมาจากห้องแต่งตัว ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวอยู่พากันเดินตามเสียงมาทันที“ชุดนี้กับชุดนี้ อันไหนสวย?” ฮาน่าถือชุดเดรสกระโปรงสีขาวและสีโอรสชูให้กับสองหนุ่มได้ดู เพราะเธอยังเลือกชุดไม่ได้สักทีเลย จึงอยากให้สองคนนี้ช่วยเลือกคามิลและขุนเขามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองฮาน่าที่กำลังถือชุดอ
สองวันถัดมาหลังจากที่ปล่อยให้ข่าวมันถูกพูดถึงแบบผิดๆ ไปอยู่นับสองวัน ก็ถึงเวลาที่จะต้องแก้ให้มันกระจ่างสักทีแล้วสินะฮาน่ากำลังแต่งตัวเตรียมที่จะเข้าไปที่บริษัทของเธอตอนนี้ เพราะเธอคือคนที่ถูกโจมตีหนักที่สุด และบริษัทของเธอนั้นก็ได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วยฟึ่บ~มือหนาจับที่ไหล่เล็กนั้นเบาๆ เมื่อเห็นเธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่หน้ากระจก ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนที่ชอบมองดูตัวเองผ่านกระจก ขยับซ้ายขวามองดูชุดที่ใส่ในแต่ละวัน แต่วันนี้นั้นมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” คามิลปลอบโยนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฝ่ามืออุ่นนั้นโอบไหล่สองข้างของเธอไว้และออกแรงบีบเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้รู้สึกถึงกำลังใจ“ฉันไม่มั่นใจเลย...กลัวว่า...” เสียงนั้นขาดหายไป ทิ้งไว้เพียงสีหน้าที่กำลังแบกความทุกข์ไว้หนักอึ้ง“ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น พวกฉันจะจับมือเธอเดินต่อเอง จะไม่มีวันทิ้งเธอ และทุกอย่างที่เธอพยายามรักษาไว้แน่นอน” ขุนเขาพูด“ขอบใจพวกนายมากนะ ขุนเขา คามิล”“เราไปกันได้แล้วนะ รถมารอแล้วล่ะ”“อื้ม...”ทั้งสามนั่งรถตู้ไปที่บริษัทของฮาน่าด้วยกัน และไม่นานก็มา
หลังจากที่ผ่านพ้นเวลานั้นมาร่วมสองเดือน ทั้งสองก็กลับมาอยู่กันแบบเดิม ความสัมพันธ์แบบเดิม เพิ่มเติมคือผู้ใหญ่ทุกคนรับรู้หมดแล้ว และก็ไม่ได้กีดกันอะไร เพราะแบบนั้นจึงทำให้ฮาน่ารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยเลย ต่างฝ่ายต่างก็รู้จักนิสัยกันเป็นอย่างดีแล้วจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ฮาน่าจะไม่ไปทำงาน และจะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องของตัวเอง ส่วนทั้งสองคนนั้นก็เดาไม่ได้เลยว่าจะไปทำงานหรือจะอยู่พักผ่อนกับเธอที่คอนโดครืด~ ครืด~ ครืด~โทรศัพท์ของเธอนั้นสั่นไม่หยุด เพราะปิดเสียงไว้และเปิดการสั่นเตือน จึงทำให้ฮาน่าที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กนั้นจะเอื้อมออกมาจากผ้าห่มและคว้าเอาโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงไปกดรับสาย“อือ...ใครคะ?”( คุณฮาน่าคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ! ) เสียงปลายสายนั้นพูดอย่างร้อนรน ทำให้ฮาน่าตาสว่างขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอนั้นจะรีบลุกขึ้นนั่ง“เกิดอะไรขึ้นคะ?!”( จู่ๆ ก็มีคนปล่อยข่าว หาว่าคุณฮาน่ากับคุณคามิลคุณขุนเขา เป็นรักสามเส้ากันค่ะ )“อะไรนะ!!”( ตอนนี้นักข่าวเต็มหน้าบริษัทเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ )“บอกให้ทุกคนใจเย็นๆ นะคะ ไม่ต้องสนใจตรงนี้ ทำงานของ