ริฮานน่า Talk
เวลาผ่านไปร่วมเดือนได้ ฉันจัดการอะไรต่อมิอะไรลงตัวหมดแล้ว ได้คอนโดที่อยู่ใหม่และก็อยู่ใกล้ๆ กับบริษัทของคุณพ่อด้วย ส่วนพวกเพื่อนสนิทอีกสองคนฉันไม่ได้ติดต่อเลย และก็ไม่คิดที่จะติดต่อไปด้วย
ตอนนี้ฉันกำลังยืนแต่งตัวไปเที่ยวคลับอยู่ ฉันไม่รู้จะอยู่ทำอะไรเหมือนกัน อยู่คนเดียวที่ห้องมันก็น่าเหนื่อยและก็แสนจะเบื่อมาก ปกติก็จะไปเที่ยวกับสองคนนั้นแหละ ไปไหนเราก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว ยิ่งไปเที่ยวคลับตัวยิ่งติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ เรียกได้ว่าฉันไม่ต้องกลัวเลยเพราะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่ถึงสองคน
แต่ก็ไม่ได้แปลว่านอกเหนือจากสองคนนั้นแล้วฉันจะไม่มีเพื่อนอีกเลย แค่ไม่ได้ติดต่อกันอีกแค่นั้นเอง
พอแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง ลงมาที่ใต้คอนโดและขับรถของตัวเองออกไป
แหงล่ะรถคันนี้คุณพ่อเพิ่งจะถอยมาให้ใหม่ๆ เลย ที่ขับรถไปเองเพราะฉัน คิดว่าตัวเองไม่ได้จะไปดื่มอะไรแค่อยากไปเที่ยวเพิ่มสีสันให้หายเบื่อเท่านั้นเอง
พอมาถึงฉันก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์อยู่ทันที ปกติถ้าฉันกับพวกนั้นได้มาเที่ยวคลับเราสามคนก็จะมานั่งกันอยู่ตรงนี้แหละ
"สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ"
"ฉันขอเป็นน้ำส้มไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ"
"ได้ครับ"
ขณะที่กำลังนั่งเล่นฉันก็มองผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมา ตอนที่ไปเรียนอยู่อเมริกาฉันก็เที่ยวคลับอยู่เหมือนกัน บรรยากาศก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากหรอก
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเริ่มดึก ฉันก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมนั่นแหละ มองอะไรต่อมิอะไรที่มันผ่านเข้ามาในสายตา และก็ได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และมันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าการเที่ยวคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่ ทำให้ฉันได้รู้ว่าคนเราพอเติบโตขึ้นมันก็ต้องแยกย้ายกันเป็นธรรมดา ต่อให้ตอนเด็กๆ เราจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม
บางครั้งก็แอบคิดนะว่าฉันทำเกินไปหรือเปล่ากับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฉันไม่ได้ตัดเพื่อนตัดความสัมพันธ์อะไรแบบนั้น แค่ไม่คุยกัน และมันก็เลยกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดูแย่ลงเรื่อยๆ
แต่คนเรามันก็ต้องรักษาสัญญาสิ สัญญาที่เคยให้กันไว้ฉันไม่เคยทำผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และฉันก็ไม่เคยไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวด้วย ฉันตั้งกฎไว้แค่อย่างเดียวในการอยู่ร่วมกันคือ บ้านจะต้องเป็นแค่บ้านของพวกเราสามคนเท่านั้น จะไม่มีคนอื่นเข้ามาอยู่หรือเข้ามาใช้ชีวิตหรือแม้กระทั่งจะผ่านเข้ามาก็ตาม ทว่าตลอดระยะเวลาที่ฉันไปเรียนอยู่ที่อเมริกา พวกมันกลับทำผิดสัญญาที่เคยให้กันเอาไว้ โดยการพาคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเราเข้ามาที่บ้าน
แล้วมันผิดเหรอที่ฉันจะโกรธ
ผิดเหรอที่ฉันจะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก
นี่ขนาดฉันไม่ได้กลับไปเห็นบ้านหลังนั้นอีกภาพที่ฉันเห็นในวันนั้นมันยังติดตาฉันอยู่ตลอดเลย ถึงสองคนนั้นจะไม่ได้ทำในแบบที่ฉันเห็น แต่มันก็ไม่ควรที่จะมาเกิดในบ้านของฉัน และในพื้นที่ตรงนั้นด้วย
"คุณผู้หญิงจะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ"
เสียงของบาร์เทนเดอร์ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ถึงแม้สายตาของฉันจะมองไปด้านหน้า แต่ในใจของฉันมันกลับกำลังคิดในหลายๆ เรื่องอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรจากอาการเหม่อลอยเลยสักนิด
"ค็อกเทลแก้วนึงค่ะ ขอแบบแอลกอฮอล์อ่อนๆ นะคะ"
"ครับ"
เห็นฉันแบบนี้ฉันก็ไม่ใช่คนดีเป็นแม่พระเข้าแต่วัดแต่วาหรอก ฉันนี่ก็เป็นนักดื่มดีๆ นี่เองตอนที่ไปเรียนอยู่อเมริกาฉันมีเพื่อนเยอะเหมือนกัน และก็ชอบชวนกันออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้ทุกวันหยุดด้วย แทบจะทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ฉันนี่เมาจนแทบจะจำทางกลับห้องไม่ได้และทุกรอบบัดดี้ของฉันก็จะคอยลากฉันกลับห้อง
พอมาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะ ฉันอุตส่าห์รีบกลับไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนที่นั่นหลังเรียนจบเพราะอยากจะกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดของไอ้คามิลแท้ๆ ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันสู้ไม่กลับมาจะดีกว่า ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ที่นั่นดีกว่าเยอะเลย
“คนสวยครับ ชนแก้วกันหน่อยไหม?”
“ค่ะ” ฉันไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่ฉันจะชนแก้วกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ก็แค่การชนแก้วแล้วก็สนทนากันเล็กน้อยแค่นี้เท่านั้นเอง
"มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ"
"ค่ะ"
"ไม่น่าเชื่อนะครับคุณออกจะสวยขนาดนี้"
"ทำไมล่ะคะ คิดว่าฉันมีแฟนหรือไง" ฉันหันไปเลิกคิ้วถามกลับ
"ก็แหม...คุณสวยขนาดนี้ ผมจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกนะครับ"
"ก็ถ้าคิดว่าฉันมีแฟนแล้วคุณจะมาขอชนแก้วกับฉันทำไมล่ะคะ ไม่กลัวแฟนฉันเขามาต่อยคุณเอาหรือไง"
"....." คำพูดของฉันทำเอาผู้ชายที่มาสนทนาด้วยถึงกับหน้าเสียไปเลย แต่ฉันก็หมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ ถ้าคิดว่าฉันมีแฟนแล้วจะมาคุยกับฉันทำไมถ้าไม่มีอะไรแฝง
ฉันเองก็ไม่ได้ซื่อถึงกับไม่รู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวคลับแบบนี้ต้องการอะไร และก็ไม่ได้มีใครสนเรื่องศีลธรรมพวกนั้นด้วย
"ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันก็แค่เหงาเลยออกมานั่งดื่มแก้เบื่อ"
"ว่าแต่ คุณใช่นักศึกษาหรือเปล่าครับ?"
"ไม่ใช่ค่ะ ฉันเรียนจบแล้ว"
"อ๋อ..."
"ว่าแต่คุณล่ะคะยังเรียนอยู่เหรอ หรือว่าทำงานแล้ว"
"ผมทำงานแล้วครับ มีธุรกิจเล็กๆ ส่วนตัวเป็นของตัวเอง"
"ว้าว...ดีจังเลยนะคะ"
"ครับ แล้วคุณ...?"
"งานที่ฉันทำน่ะหรือคะ จะเรียกว่าธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองก็ไม่ได้ เรียกว่าเป็นบริษัทของพ่อจะดีกว่า ฉันกลับมารับช่วงต่อจากคุณพ่อค่ะ"
"อ๋อ...."
ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้เข้าขั้นไปบริหารเต็มตัว แต่กำลังอยู่ในช่วงฝึกงานต่างหากล่ะ ต่อให้ฉันจะเรียนด้านนี้มาและมีหลายๆ คนบอกว่าฉันเก่ง แต่ถ้าเทียบกับคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้มาแล้วฉันไม่ได้เก่งเท่าเขาเลย เก่งจากการเรียนกับเก่งเพราะมีประสบการณ์มันไม่เหมือนกันเลยนะ
"คุณชื่ออะไรเหรอครับ เราคุยกันมาตั้งนานแล้วแต่ผมไม่รู้จักชื่อของคุณเลย"
"ฉันชื่อฮาน่าค่ะ"
"ฮ๋อ...เป็นลูกครึ่งเหรอครับ"
"ไม่ค่ะ"
ฉันไม่ใช่ลูกครึ่งและก็ไม่ได้มีเสี้ยวของลูกครึ่งเลย ไม่เหมือนกับสองคนนั้น อีกคนหนึ่งก็ลูกครึ่ง ส่วนอีกคนนึงก็ลูกเสี้ยว
"แล้วนี่กลับยังไงเหรอครับ"
"ฉันขับรถมาค่ะ"
"แต่ดื่มแบบนี้แล้วจะขับกลับไหวเหรอครับ ให้ผมไปส่งดีกว่าไหม"
"....." ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบแก้ว Cocktail ที่ตัวเองสั่งขึ้นมาดื่ม คิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไง ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะถูกหลอกง่ายๆ นะ ตอนที่ฉันยังไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศ สองคนนั้นก็สอนให้ฉันเรียนรู้จากผู้ชายตามในคลับได้มากเลย เรียนรู้จักนิสัยของพวกมันนั่นแหละ ไอ้การเข้าไปทำตัวตีสนิทพูดจาออเซาะอ่อนหวานและชวนเขากลับห้องเนี่ยมันมีไม่แค่กี่อย่างเอง อย่างแรกคือหวังดีจริงๆ ส่วนอย่างที่สองก็คือหวังร่างกายของเขา แต่ฉันคิดว่าเป็นอย่างที่สองมากกว่า
"คุณสวยมากเลยนะครับ สวยจนผมละสายตาไม่ได้เลย"
"เหรอคะ..."
"ถ้าคุณไม่ติด ให้ผมไปส่งนะครับ"
"น่าเสียดายนะคะ ฉันเอารถมาซะแล้วสิ ถ้าไม่ได้เอารถมาฉันคงต้องยอมให้คุณไปส่งจริงๆ" ฉันเดินหน้าอ่อยเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรหรอกแค่อยากจะรู้ว่าฉันยังมีเสน่ห์อยู่อีกหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของฉันมันก็ยังดีเหมือนเดิมนะ
"ถ้าอย่างนั้น ก็เอารถของคุณทิ้งไว้นี่สิครับ แล้วเดี๋ยวตอนเช้าผมจะพากลับมาเอา"
"ดูคุณใจดีจังเลยนะคะ ฉันอยากจะรู้จังว่าคุณใจดีแบบนี้กับผู้หญิงสวยๆ ทุกคนหรือเปล่า"
"หึ!" ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฉันแล้วยกยิ้มมุมปาก ฉันดูออกตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่านี่เสือผู้หญิงดีๆ นี่เอง แต่เสือผู้หญิงมันก็ยังไม่อันตรายเท่าเสือตัวเมียที่รู้ทันเกมนะ
ต่อให้ฉันจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่า แต่ฉันก็รู้ดีว่าฉันต้องรับมือยังไง หากวันหนึ่งตัวเองต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ปัก!
เสียงก้นแก้วกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง ต่อให้เสียงเพลงในคลับจะดังก็ตาม
"เพื่อนกู กูพากลับเองได้!"
หญิงสาวหันมองไปตามเสียงก็พบว่านั่นคือ คามิล เพื่อนสนิทของเธอที่ไม่ได้คุยกันมานานแล้ว เขากำลังนั่งจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่เข้ามาชวนเธอคุย สายตาที่แสนจะเย็นชาและดุดันนั้นทำเอาชายหนุ่มคนนั้นถึงกับต้องรีบหลบสายตาทันทีเธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง มันน่าหงุดหงิดนะที่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ อุตส่าห์หนีมาจนถึงที่นี่แล้วเชียว“ขอตัวก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่”“ครับ”พูดจบเธอก็ลุกเดินหนีไปนั่งตรงที่อื่น โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคามิลที่กำลังจ้องมองตามไปเลยไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้า ทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วยนะ“ฮาน่า...”“…..” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะเธอได้เจอ ขุนเขา อีกคนด้วย หรือว่าสองคนนี้จะมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันนะ “อย่ามายุ่ง กูจะอยู่คนเดียว”“ยังไม่หายโกรธอีกหรือไง?” ขุนเขาเอ่ยถามเสียงเรียบ ก่อนจะเหลือบมองไปยังหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่คามิลนั่งอยู่ และก็ไม่ต้องเดาอะไรมากไปกว่านั้นเลย “ไอ้มิลมันทำอะไรให้อีกล่ะ?”“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องมายุ่ง”“แต่งตัวแบบนี้ออกมาเที่ยว ไม่กลัวบ้างรึไง”“เรื่องของกู”“ฮาน่า...”“…..”“อย่าดื่มเยอะ”แก้วเครื่องดื่มถูกขุนเขาดึงออกไปขณะที่เธอกำลังยกข
ทั้งสองเดินออกตามหาฮาน่ากันให้ทั่ว เพราะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนที่รถของเธอก็ไม่มีและรถก็ยังจอดอยู่ที่เดิมด้วย นั่นจึงทำให้สองเพื่อนใจร้อนเข้าไปใหญ่คามิลแม้จะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหย่อนผงยาลงไปในแก้วแต่ก็ไม่เห็นว่ามันคือยาอะไร และก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากที่ฮาน่านั้นดื่มเครื่องดื่มที่มีผงยาลงไปแล้วจะเป็นยังไงบ้าง“ไอ้มิล กูว่าต้องแยกกันหาก่อนวะ” ขุนเขาที่กำลังรีบเดินตามพอวนกลับมาเจอกับคามิลอีกครั้งก็เข้ามาพูดด้วยทันทีผ่านไปสักพักทั้งสองแยกย้ายกันออกตามหาจนไม่รู้เลยว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทุกวินาทีกับการออกตามหาฮาน่าในตอนนี้มันสำคัญทุกวินาทีเลยก็ว่าได้ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง หรือกำลังถูกใครลวนลามอยู่หรือเปล่า“อึกฮึก!!” เสียงครางแผ่วเบาที่ดังออกมาจากมุมที่มีต้นไม้ปิดบังอยู่ทำให้คามิลที่กำลังเร่งรีบกับการเดินต้องหยุดชะงักทันที ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปตามเสียงที่ได้ยินมา และก็ได้เห็นหญิงสาวที่กำลังตามหานั้นนั่งขดตัวอยู่ ตัวของเธอสั่นเทาไปหมด แม้จะอยู่ในมุมมืดแต่เขาก็ยังพอจะมองเห็นว่าตัวของเธอนั้นกำลังสั่น“ฮาน่า!!” คามิลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะรีบถอดเส
เช้าวันต่อมาฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา บวกกับอาการที่ปวดหัวนิดๆ คล้ายคนที่กำลังเป็นไข้ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทว่าพอเธอได้ลืมตาขึ้นและมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเอง มันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ และก็ไม่ใช่คอนโดของเธอด้วยพอฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอก็พอจะจำได้อย่างเลือนลางว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพเนื้อตัวที่ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้า บวกกับตรงข้อมือและข้อเท้าที่มีรอยแดงเหมือนกับถูกมัดมันยังไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ใช่ไหมความบริสุทธิ์ของเธอยังไม่ถูกใครพรากไปใช่ไหมแกร๊ก~"ฟื้นแล้วเหรอ?""ไอ้เหี้ยขุน เป็นมึงเองหรอกเหรอ?""อ-อะไร?!""ไอ้เลวมึงนี่มัน..."ฮาน่าหันกลับไปคว้าหมอนที่อยู่ทางด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ปาใส่คนตรงหน้าไปด้วยแรงที่มี แต่ทว่าขุนเขากลับหลบได้ทัน และคนที่โดนก็ดันเป็นคามิลที่เดินเข้ามาพอดี"อะไรอีกวะเนี่ย?""พวกมึงทำอะไรกู?!""เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย" ขุนเขารีบพูดดักเพื่อยับยั้งความคิดของฮาน่า ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำ
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวันหยุดแม้จะไม่อยากลับบ้านแต่ฮาน่าก็ทนการถูกรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากให้ไปเจอใคร แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่คามิลหรอกนะ"คุณแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้า พร้อมกับลากสังขารของตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าคนที่เดินออกมารับเธอกลับเป็นแม่บ้าน"สวัสดีค่ะคุณหนู""ป้าบัวคะคุณแม่ไปไหน""เห็นว่าจะขอขึ้นไปแช่น้ำอุ่นข้างบนน่ะค่ะ ให้ป้าขึ้นไปตามให้ไหมคะ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานต่อเถอะ""ค่ะคุณหนู"ฮาน่าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายกับคนที่กำลังนอนหลับ แต่เธอก็แค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นแหละ..........ผ่านไปสักพัก"ลูกสาว...""....." ฮาน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของ คุณหญิงเกวลิน แม่สุดที่รักของเธอเองนั่นแหละ "อืม... ไหนคุณแม่บอกว่าจะมีคนมาไงคะ นี่หนูมารอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย""แม่บอกว่าตอนเย็นนะ เราไม่ได้ฟังหรือเปล่า""....." ฮาน่าก้มลงมองดูนาฬิกาตรงข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เธอนั้นจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่มันยังไม่เที่ยงเลยแต่เธอก็มาก่อนซะแล้ว ที่จริงเธอจำคำพูดของแม่ท
ณ บริษัทใหญ่KMกรุ๊ปฮาน่าเดินเข้าไปในบริษัทของคามิลเพราะได้รับคำเชิญให้มาร่วมการประชุมของประธานบริษัทต่างๆ แม้เธอจะยังไม่ได้รับตำปหน่งหน้าที่นี้เต็มตัวแต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาร่วมประชุม“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“ค่ะ”“เชิญด้านในเลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในห้องประชุมโดยที่มีผู้ช่วยของคามิลเป็นคนเปิดประตูให้ พอเดินเข้าไปเธอก็เห็นคามิลและขุนเขานั่งรออยู่แล้ว ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอีกหรือเปล่า“หวัดดีฮาน่า” ขุนเขายกมือโบกทักทายหญิงสาวที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มด้วยท่าทางอารมณ์ดี“อืม...มากันเร็วนะ”“เดินมาแค่นี้ ไม่เร็วก็ให้มันรู้ไปสิ” คามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ไอ้น้ำเสียงแบบนี้แหละที่มันทำให้ฮาน่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจากวนประสาท“กวนตีน!” ฮาน่าหันไปด่าเข้าให้ รู้อยู่หรอกว่าอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเร็วแบบนี้ กว่าจะถึงเวลาประชุมก็ยังอีกตั้ง 15 นาทีเลย เป็นเจ้าของที่นี่เดินจากห้องทำงานมาสามก้าวก็ถึงแล้ว“แฮ่ม! ใจเย็นก่อนหนุ่มๆ สาวๆ” เสียงทุ้มเอ่ยทักดังขึ้นมา ทำให้ฮาน่าหันไปมองพร้อมกับทำหน้าเหวอ เพราะบุคคลนั้นคือ
หลายเดือนถัดมาครืด ครืด ครืดโทรศัพท์เครื่องหรูของฮาน่าสั่นครืดขณะที่เธอกำลังนั่งทำงานและวางมือถือไว้ข้างๆ ตัวเอง ก่อนที่มือเรียวเล็กจะจับมือถือเครื่องหรูของตัวเองขึ้นมาและกดรับสาย“อืม ว่ามา” เธอกดรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ไว้ตรงที่เดิม และก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ( กลางวันไปกินข้าวกัน ไอ้มิลจะเลี้ยง )“…..” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วฮาน่าก็เหลือบไปมองที่นาฬิกาตรงข้อมือของเธอเอง เพราะมัวแต่ทำงานจึงไม่ได้ดูเวลาพักเลยนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว( ฮาน่า )“อะไร?”( เธองานยุ่งเหรอ )“นิดหน่อยอ่ะ”การถูกชักชวนในเรื่องแบบนี้น้อยนักที่เธอจะพลาด แต่ตอนนี้งานของเธอมันล้นตัวจริงๆ แทบจะกระดิกไปทางไหนไม่ได้แล้ว( ฮะ เฮ้ย! กูคุยอยู่เนี่ย!! ) เสียงของคนปลายสายดังขึ้นเหมือนกับว่ากำลังทะเลาะกับใครบางคน ทำให้ฮาน่ามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ( กูเองนะฮาน่า เดี๋ยวแวะไปหา ซื้อของกินไปด้วย ) น้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดตอบอะไรกลับไป ปลายสายก็กดวางไปซะก่อนแล้ว แบบนี้เธอจะไปทำอะไรได้ล่ะ“วุ่นวายกันจริงๆ ไอ้พวกนี้” ฮาน่าพึมพำกับตัวเองอย่างจ
“สองคนนั้นทำไมไปนานจัง” ฮาน่าพึมพำออกมา เพราะคามิลและธารานั้นหายออกไปหยิบจานกันนานแล้ว หวังว่ามันจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะถึงจะรู้จักนิสัยของคามิลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังรู้ดีอีกว่า คามิลนั้นเป็นคนที่ปากปีจอใช้ได้เลยทว่าสิ้นสุดคำพูดของเธอเท่านั้นได้ไม่นานนักทั้งสองก็พากันเดินออกมา“รอนานไหมครับน้องฮาน่า”“ไม่นานเลยค่ะ”ธาราจัดการเตรียมอาหารใส่จานให้กับฮาน่าและเพื่อนของเธออีกสองคนอย่างพิถีพิถันตามประสาคนที่เป็นเชฟไม่นานนักเธอก็ได้ชิมรสชาติอาหารเหล่านั้น ดวงตากลมสวยเบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง“อย่ามัวแต่ยิ้มสิ พี่อยากรู้ว่าเป็นยังไง” ธาราที่กำลังรอคำตอบจากหญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น เพราะเธอเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง“อร่อยมากค่ะ” มือสวยป้องปากตัวเองขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ ดวงตาของเธอนั้นเป็นประกายแวววับบ่งบอกถึงความสุขที่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารนี้ทว่าความสุขของเธอก็ถูกขัดจากเพื่อนสนิทอย่าง คามิล“จืดชืด เป็นเชฟได้ยังไงวะ สงสัยเรียนจากมหาลัยเถื่อนชัวร์” แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนกำลังพึมพำอยู่กับตัวเอง แต่การที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ไม่แปลก
ริฮานน่า Talkบริษัทเกริกวิทย์กรุ๊ปกริ๊ง~( คุณฮาน่าคะ มีคนมาขอพบค่ะ )“ใครคะ?”( คุณคามิลค่ะ )“…..” ฉันเงียบและถอนหายใจอยู่เฮือกนึง ก่อนจะตอบกลับเลขาไป “ให้เขาเข้ามาเลยค่ะ”( ค่ะคุณฮาน่า )ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เปลี่ยนอากัปกิริยาประตูห้องทำงานก็เปิดออก ตามด้วยคามิลเดินเข้ามา ฉันมองผ่านไปที่ด้านหลังด้วยแต่กลับไม่เห็นขุนเขา ปกติสองคนนี้จะค่อนข้างตัวติดกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด“ไอ้ขุนติดงาน ไม่มาด้วย”“…..” ฉันปรับสายตามองไปที่คามิลแทน เราสองคนจ้องมองกันอยู่ครู่นึง ก่อนที่คามิลมันจะเดินไปนั่งที่โซฟา “มึงมีอะไร?”“ไม่มีอะไร แล้วจะมาหาไม่ได้เลยหรือไง?”“งานไม่มีทำหรือไง?”“มีแต่ไม่อยากทำ” มันตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยตามประสาคนอย่างมันนั่นแหละ แต่ดูออกว่ากำลังพูดจากวนตีนฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรงและนั่งทำงานต่อ พยายามที่จะไม่สนใจมันแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไมต้องคอยให้ความสนใจกับมันอยู่ตลอดด้วยนะ“ตกลงมา มีเรื่องอะไร?”“อยากมา ไม่รู้จะไปไหน?”“ปกติทุกครั้งที่ว่าง มึงก็จะออกไปหาสาวๆ นี่ ไม่ออกไปอีกหรือไง?” ฉันแกล้งเย้าถาม เพราะอยากรู้ว่ามันจะตอบยังไง แสดงท่าทางยังไงเวลาที่ฉันถามแบบนี้ เพราะทุก
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ
หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ นั้นมาได้ ฮาน่าเองก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติของเธอ แม้จะมีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและสองคนนั้นมากขึ้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรส่วนเรื่องคนปล่อยข่าวก็จับตัวได้หลังจากที่ผ่านพ้นวันที่เกิดเรื่องไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เขาคือคนที่เคยมีปัญหากับฮาน่าสมัยเรียน เป็นอดีตเพื่อนที่จบความสัมพันธ์แบบเพื่อนไม่สวยเท่าไหร่ และเธอคนนั้นก็เคยแอบชอบคามิลมาก่อน แต่พอไม่ถูกรักกลับก็คิดว่าฮาน่าเป็นคนพูดใส่ร้ายให้เธอดูไม่ดีในสายตาของคามิลแม้จะเคลียร์กันลงตัว แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกอย่างคามิลและขุนเขาก็ไม่ยอมง่ายๆ แน่ เพราะเธอคนนั้นตั้งใจลงข่าวให้ฮาน่าเสียหายและถูกโจมตีอย่างหนัก ต่อให้ฮาน่าจะให้อภัยแต่พวกเขาไม่มีวัน“ขุนเขา คามิล มาช่วยเลือกชุดหน่อยสิ” เสียงหวานๆ ดังออกมาจากห้องแต่งตัว ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวอยู่พากันเดินตามเสียงมาทันที“ชุดนี้กับชุดนี้ อันไหนสวย?” ฮาน่าถือชุดเดรสกระโปรงสีขาวและสีโอรสชูให้กับสองหนุ่มได้ดู เพราะเธอยังเลือกชุดไม่ได้สักทีเลย จึงอยากให้สองคนนี้ช่วยเลือกคามิลและขุนเขามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองฮาน่าที่กำลังถือชุดอ
สองวันถัดมาหลังจากที่ปล่อยให้ข่าวมันถูกพูดถึงแบบผิดๆ ไปอยู่นับสองวัน ก็ถึงเวลาที่จะต้องแก้ให้มันกระจ่างสักทีแล้วสินะฮาน่ากำลังแต่งตัวเตรียมที่จะเข้าไปที่บริษัทของเธอตอนนี้ เพราะเธอคือคนที่ถูกโจมตีหนักที่สุด และบริษัทของเธอนั้นก็ได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วยฟึ่บ~มือหนาจับที่ไหล่เล็กนั้นเบาๆ เมื่อเห็นเธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่หน้ากระจก ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนที่ชอบมองดูตัวเองผ่านกระจก ขยับซ้ายขวามองดูชุดที่ใส่ในแต่ละวัน แต่วันนี้นั้นมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” คามิลปลอบโยนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฝ่ามืออุ่นนั้นโอบไหล่สองข้างของเธอไว้และออกแรงบีบเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้รู้สึกถึงกำลังใจ“ฉันไม่มั่นใจเลย...กลัวว่า...” เสียงนั้นขาดหายไป ทิ้งไว้เพียงสีหน้าที่กำลังแบกความทุกข์ไว้หนักอึ้ง“ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น พวกฉันจะจับมือเธอเดินต่อเอง จะไม่มีวันทิ้งเธอ และทุกอย่างที่เธอพยายามรักษาไว้แน่นอน” ขุนเขาพูด“ขอบใจพวกนายมากนะ ขุนเขา คามิล”“เราไปกันได้แล้วนะ รถมารอแล้วล่ะ”“อื้ม...”ทั้งสามนั่งรถตู้ไปที่บริษัทของฮาน่าด้วยกัน และไม่นานก็มา
หลังจากที่ผ่านพ้นเวลานั้นมาร่วมสองเดือน ทั้งสองก็กลับมาอยู่กันแบบเดิม ความสัมพันธ์แบบเดิม เพิ่มเติมคือผู้ใหญ่ทุกคนรับรู้หมดแล้ว และก็ไม่ได้กีดกันอะไร เพราะแบบนั้นจึงทำให้ฮาน่ารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยเลย ต่างฝ่ายต่างก็รู้จักนิสัยกันเป็นอย่างดีแล้วจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ฮาน่าจะไม่ไปทำงาน และจะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องของตัวเอง ส่วนทั้งสองคนนั้นก็เดาไม่ได้เลยว่าจะไปทำงานหรือจะอยู่พักผ่อนกับเธอที่คอนโดครืด~ ครืด~ ครืด~โทรศัพท์ของเธอนั้นสั่นไม่หยุด เพราะปิดเสียงไว้และเปิดการสั่นเตือน จึงทำให้ฮาน่าที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กนั้นจะเอื้อมออกมาจากผ้าห่มและคว้าเอาโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงไปกดรับสาย“อือ...ใครคะ?”( คุณฮาน่าคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ! ) เสียงปลายสายนั้นพูดอย่างร้อนรน ทำให้ฮาน่าตาสว่างขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอนั้นจะรีบลุกขึ้นนั่ง“เกิดอะไรขึ้นคะ?!”( จู่ๆ ก็มีคนปล่อยข่าว หาว่าคุณฮาน่ากับคุณคามิลคุณขุนเขา เป็นรักสามเส้ากันค่ะ )“อะไรนะ!!”( ตอนนี้นักข่าวเต็มหน้าบริษัทเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ )“บอกให้ทุกคนใจเย็นๆ นะคะ ไม่ต้องสนใจตรงนี้ ทำงานของ