แชร์

What is a divorce? [Mpreg]
What is a divorce? [Mpreg]
ผู้แต่ง: ดองกี้

PROLOGUE

ตระกูลโรนัลเดลถือเป็นอภิมหาเศรษฐีมาเฟียแห่งประเทศรันเซีย เป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่มีตระกูลไหนกล้าต่อกรแต่มีเพียงบุคคลเดียวที่สามารถเผชิญหน้ากับทายาทอันดับสองได้อย่างกล้าหาญ คนคนนั้นก็คือ เมอร์ลิน โรนัลเดล ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของทายาทลำดับสอง โจไซอาห์ โรนัลเดล

การแต่งงานถูกจัดขึ้นเพราะต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างโรนัลเดลและ คาร์ลอฟ ตระกูลอภิมหาเศรษฐีจากประเทศมหาอำนาจอย่างประเทศอิงเกรเซียน เป็นการแต่งงานระหว่างมหาอำนาจและมหาอำนาจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมอร์ลินเป็นคนเดียวที่ไม่เกรงกลัวคนของโรนัลเดล ทว่าอีกเหตุผลหลัก ๆ ที่เมอร์ลินถูกส่งไปแต่งงานก็คือคาร์ลอฟไม่ต้องการให้มี ตัวประหลาด อยู่ในตระกูล

ประเทศอิงเกรเซียน

คฤหาสน์ตระกูลคาร์ลอฟ

“แค่ผมแตกต่างจากคนอื่น ๆ ถึงกับต้องส่งผมออกจากตระกูลเลยเหรอครับ” เมอร์ลินเอ่ยถามมารดาหลังจากได้ยินมาว่าตนเองต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปแต่งงานกับทายาทตระกูลใหญ่ที่ประเทศรันเซีย มันไม่ใช่การแต่งงานที่เขาสมยอมและมันก็กะทันหันมาก ๆ เมื่อครู่ที่เขารู้ข่าว เหล่าสาวใช้ทั้งหลายก็ได้เข้ามาจัดเตรียมกระเป๋าสัมภาระให้อย่างรวดเร็วท่ามกลางคำสั่งของหัวหน้าแม่บ้าน

“มันไม่ใช่แค่แตกต่างหรอกเมอร์ลิน แต่ลูกน่ะเข้าข่ายตัวประหลาดไปแล้ว” คำตอบของผู้เป็นมารดาทำเมอร์ลินสะอึก เขาเจ็บแปล๊บที่อกด้านซ้ายขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ถึงจะพอรู้ว่าคนในตระกูลคิดกับเขาแบบไหนแต่พอได้ยินจากปากของผู้ให้กำเนิด มันก็เจ็บหนักกว่าที่คิด

“แต่แม่คลอดผมมานะครับ...”

“เพราะแม่ไม่คิดว่าลูกจะกลายเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้น่ะสิ ถึงหมอจะยืนยันว่าในกรณีของลูกเป็นเคสพิเศษที่หายากชนิดที่ว่าหนึ่งในล้านล้าน แต่กับพวกเราทุกคนในคาร์ลอฟน่ะไม่ใช่ มันแปลกประหลาดมากกว่าพิเศษ ลูกเข้าใจใช่ไหม?”

“ไม่ครับ ทำไมผมต้องเข้าใจในเรื่องที่ผมถูกยัดเยียดว่าประหลาดด้วย? ...แล้วแม่คิดเหรอว่าทางนั้นเขาจะยอมรับผมได้?” เมอร์ลินถามกลับ เขาไม่อยากไปรันเซียประเทศแห่ง

มาเฟียนั่นเลย ไม่อยากออกจากบ้านเกิดของตัวเอง

“พวกเขายินดีมากที่รู้ว่าลูกตั้งครรภ์ได้ เห็นว่าทายาทอันดับสองไม่สนใจผู้หญิง พวกเขาก็กลัวจะไม่มีทายาทรุ่นต่อไปอยู่ แต่พอเขารู้เรื่องของลูก เอกสารการขอแต่งงานอย่างเป็นทางการก็ส่งมา พ่อของลูกเซ็นยอมรับและประทับตราประจำตระกูลไปแล้ว แต่ลูกไม่ต้องกังวลเพราะผู้คนจะรู้ว่าลูกแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีเท่านั้น ไปเตรียมตัวเสียสิ อีกไม่กี่ชั่วโมงเครื่องก็จะออกแล้ว โชคดีนะลูกแม่” แม้จะเรียกว่าลูกแต่เธอก็ไม่ได้รักใคร่เมอร์ลินเหมือนลูกคนอื่น ๆ ต่อให้เธอจะฟูมฟักมาเก้าเดือนก็ตาม แต่สำหรับคาร์ลอฟแล้ว ผู้ชายควรแข็งแกร่งและเข้มแข็ง ไม่ใช่อ่อนแอแถมอุ้มท้องเยี่ยงสตรี บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลจริง ๆ ก็เป็นได้ ไม่ใช่เพราะเขาประหลาด เมอร์ลินพยายามหลอกตัวเอง

“ในที่สุดตัวประหลาดก็จะออกจากบ้านแล้วสิ” ระหว่างทางที่เดินกลับห้อง อูรีเอล

พี่น้องต่างมารดาก็ได้เข้ามาทักทายเมอร์ลินด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมอร์ลินเพียงปรายตามองอย่างไม่สนใจแล้วเดินผ่านไป ซึ่งนั่นทำให้อูรีเอลไม่พอใจเป็นอย่างมาก “นี่!” อูรีเอลส่งเสียงเรียก

“อย่ามากวนประสาทฉัน” เมอร์ลินกดเสียงต่ำแล้วหันมองอูรีเอล อูรีเอลชะงักแต่ก็ทำเป็นยิ้มราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้หวาดกลัวเมอร์ลิน “นายเองก็ระวังตัวไว้ให้ดี สักวันพ่ออาจจะส่งนายไปแต่งงานเหมือนกันกับฉัน” พูดจบก็เดินกลับไปที่ห้องทันทีโดยไม่สนใจเสียงของอูรีเอลที่ตามหลังมา

เอดิสัน คาร์ลอฟ ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันหรือบิดาของเมอร์ลิน มีภรรยาด้วยกันทั้งหมด 5 คน เมอร์ลินเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาหลวง สายเลือดของเขายิ่งใหญ่กว่าพี่น้องต่างมารดาแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ลูกที่จะได้รับความรักหรือความสนใจจากบิดาก็ต้องมี 3 สิ่งนี้

ความแข็งแกร่ง

ความเฉลียวฉลาด

ความโหดเหี้ยม

เพียงมีแค่สามสิ่งนี้ก็จะได้รับความรักความสนใจจากบิดาไปเต็ม ๆ แถมยังพ่วงด้วยตำแหน่ง ผู้สืบทอด แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครได้รับตำแหน่งนั้นจริง ๆ มีเพียงแค่สถานะ ผู้ท้าชิง ที่มอบให้ ไม่เกี่ยงเพศว่าชายหรือหญิง ขอแค่มีสามสิ่งที่ เอดิสัน คาร์ลอฟ ต้องการก็ถือมีชัยไปกว่าครึ่ง ส่วนเมอร์ลินน่ะไม่ได้รับอะไรเลย ไม่สิ เขาเคยได้รับความคาดหวังจากบิดาแต่ท้ายที่สุดความคาดหวังนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง

“คุณชายครับ เครื่องบินที่เตรียมไว้ให้คุณชายพร้อมเดินทางแล้วครับ” ซีล ผู้ช่วยคนสนิทของมารดาเมอร์ลินเปิดประตูห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตแถมยังรายงานด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ใส่เขา เมอร์ลินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจก่อนคว้าโทรศัพท์แล้วเดินมาหยุดข้างกายซีล

หมับ!

“แค่ก!” ซีลถึงกับหน้าเสียทั้งยังสำลักจนหน้าแดงยามถูกฝ่ามือของเมอร์ลินบีบเข้าที่ลำคอ

“ถึงฉันกำลังจะออกจากคฤหาสน์หลังนี้แต่ฉันก็ยังเป็นลูกของผู้นำตระกูล แล้วไอ้มารยาทต่ำ ๆ ที่แกแสดงมาเมื่อครู่นี้มันคืออะไร? ถึงอำนาจฉันอาจจะน้อยแต่เรี่ยวแรงกระทืบคนน่ะไม่น้อยหรอกนะ จำใส่กะโหลกไว้ให้ดี” เมอร์ลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับเขากำลังข่มความไม่พอใจเอาไว้ ทันทีที่เมอร์ลินปล่อยมือออกจากลำคอ ซีลก็รีบก้มหัวเก้าสิบองศาแล้วขอโทษขอโพยเมอร์ลิน

“...” เมอร์ลินไม่สนใจแล้วก้าวผ่านไป ทว่าออกเดินได้เพียงสามก้าวก็พบกับบิดาที่ยืนมองเขาอยู่

“ฉันเสียดายแกจริง ๆ เมอร์ลิน” เอดิสันกล่าวด้วยความเสียดายจากใจจริงเลย การกระทำเมื่อครู่นี้ของเมอร์ลินมันอยู่ในสายตาเขาตลอด เมอร์ลินที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเพียงแค่นยิ้มแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น

“เมอร์ลิน!” มารดาของเขาดูจะไม่พอใจมาก ๆ ที่เขาแสดงกิริยาแบบนั้นใส่บิดา แต่เอดิสันยกมือห้ามภรรยาราวกับบอกว่าไม่เป็นอะไร

“ฉันอาจจะไปร่วมงานแต่งของแกไม่ได้ แต่ฉันจะส่งพี่ชายแกไปแทนแล้วกัน อย่างน้อยมีคนในครอบครัวสักคนก็ดีใช่ไหม?”

“ไม่ครับ ผมไม่ต้องการคนในครอบครัวเพราะทันทีที่ผมออกจากคฤหาสน์หลังนี้ ผมก็ไม่มีครอบครัวแล้ว” คำพูดของเมอร์ลินไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด ถึงคนเหล่านี้จะยังมองเขาเป็นคนในครอบครัวเพราะผลประโยชน์ที่ได้จากการแต่งงานครั้งนี้ แต่เขาน่ะไม่ ไม่เห็นเป็นครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เอดิสันยิ้มอย่างไม่พอใจแต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร เมอร์ลินก็กระโดดขึ้นไปยืนบนระเบียงทางเดินก่อนกระโดดลงไปที่ชั้นล่างแล้วเดินออกจากบ้านไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่จอดรออยู่

ไม่มีการร่ำลา

ไม่มีการอาวรณ์

ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อตรงไปยังสนามบิน เมอร์ลินก็ตัดขาดความรู้สึกที่มีกับตระกูลนี้ทันที...

ประเทศรันเซีย เป็นประเทศมหาอำนาจอันดับสามแต่ไม่รวมอำนาจของเหล่าตระกูลใหญ่ ๆ เพราะบางตระกูลก็กุมอำนาจเทียบเท่าประเทศอย่างเช่นตระกูลโรนัลเดล แต่เหตุผลหลัก ๆ เลยที่เมอร์ลินไม่ชอบประเทศนี้ เพราะรันเซีย... เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยมาเฟียมากมาย หลากหลายตระกูลที่แข่งขันกันราวกับว่าพอสร้างตระกูลได้ใหญ่ขึ้นก็จะกลายเป็น

มาเฟียไปโดยปริยาย เป็นบรรทัดฐานของประเทศนี้ก็ว่าได้... จริงอยู่ที่คาร์ลอฟเองก็ไม่ต่างจากมาเฟียแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งเหมือนตระกูลอื่น ๆ ในรันเซีย เรียกว่าเล่นลับหลังก็คงได้?

การเดินทางจากประเทศบ้านเกิดของเมอร์ลินมายังรันเซียร่วมแล้วใช้เวลาถึงสิบชั่วโมง ระหว่างที่เครื่องบินกำลังบินผ่านน่านฟ้านานาประเทศมากมาย เมอร์ลินก็เอาแต่นอนฟังเพลงพลางจิบไวน์ชั้นดีที่ลูกน้องของบิดานำมาให้ บนเครื่องบินส่วนตัวนอกจากเมอร์ลินแล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนของบิดาเขาทั้งสิ้น ตั้งแต่นักบิน แอร์โฮสเตส-สจ๊วต ช่างซ่อมบำรุงที่ติดตามมา แค่เขาขยับตัวเล็กน้อย ทุกสายตาก็มองมาราวกับรอคำสั่งจากเขา นี่ถือเป็นบริการสุดท้ายหรือไง?

***

การเดินทางสิบชั่วโมงได้สิ้นสุดลง บนพื้นสนามบินส่วนตัวมีชายชุดดำจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยรถเบนซ์ราคาแพงจอดเรียงเป็นทางมากถึงสิบห้าคัน เมอร์ลินมองสิ่งเหล่านั้นผ่านกระจกหน้าต่างแล้วถอนหายใจ นี่มันเป็นความจริงสินะ ความจริงที่ว่าตอนนี้เขามาถึงรันเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมอร์ลินลงจากเครื่องบินมาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่โดยมีชายชุดดำถือร่มให้อย่างนอบน้อม รูปร่างดูสูงกว่าเขาหลายสิบเซนติเมตรหรืออาจจะไม่ถึงก็ไม่แน่ใจ ร่างกายกำยำนั่นก็แทบจะทะลุสูทที่ใส่แล้วพอเพ่งมองดี ๆ บนหลังมือที่คีบบุหรี่อยู่นั้นเต็มไปด้วยรอยสัก

“สวัสดีครับคุณชายเมอร์ลิน ผมชื่อไทกิ เป็นมือขวาของคุณชายโจไซอาห์ โรนัลเดล ทายาทอันดับสองและผู้เป็นว่าที่สามีของคุณชายครับ” ผู้ที่แนะนำตนเองว่าไทกิได้ค้อมคำนับให้เขาอย่างสุภาพ เมอร์ลินพยักหน้าแล้วหันไปมองสัมภาระของตนเองที่กำลังถูกชายชุดดำขนไปที่รถเบนซ์

“คนคนนี้คือเจ้านายของนายสินะ” เมอร์ลินชี้ไปที่บุคคลหนึ่ง ซึ่งการกระทำที่ชี้หน้าของเมอร์ลินทำเอาเหล่าบอดี้การ์ดแตกตื่น แม้แต่ไทกิยังตกใจแต่เขาก็ยังสุขุมและเยือกเย็นอยู่

“ใช่ครับ ท่านนี้คือ...” ไทกิพยักหน้าแล้วเตรียมจะแนะนำนายของตนแต่ไม่ทันไรเขาก็ต้องอึ้งเป็นครั้งที่สอง

“ยกเลิกงานแต่งที” เมอร์ลินได้เข้ามาเผชิญหน้ากับโจไซอาห์ที่ยืนมองเขาอยู่ การเข้ามาอย่างพรวดพราดทำให้คนของโจไซอาห์ชักปืนใส่เมอร์ลิน แต่ทางของเมอร์ลินเองก็เช่นกัน แม้แต่กัปตันที่อยู่ห้องนักบินที่ดูสถานการณ์ผ่านกล้องเล็งของปืนซุ่มยิงก็พร้อมเป่าสมองคนที่ทำร้ายคุณชายของพวกเขา โจไซอาห์มองคนตรงหน้าก่อนยกมือห้ามลูกน้อง ทุกคนจึงค่อย ๆ ลดปืนลงแต่ก็ยังไม่วางใจเพราะคนทางฝั่งเมอร์ลินยังไม่มีใครลดปืนลงสักคน

“ถ้ามันง่ายเหมือนฆ่าคน นายคงไม่มายืนอยู่ตรงหน้าฉัน” โจไซอาห์ให้คำตอบ

“ต้องทำยังไงถึงจะยกเลิกงานแต่งเวรตะไลนี่ได้ครับ?” เมอร์ลินถามอีก

“ทำใจซะ เพราะอะไรที่พ่อฉันตัดสินใจไปแล้ว มันจะไม่มีทางยกเลิก” คำตอบจากคนตรงหน้าทำเมอร์ลินหมดหวังกว่าเดิม เขาถอนหายใจพลางยกมือเสยผมแล้วปรายตามองบุหรี่ในมือหนาก่อนจะแย่งมาสูบเอง โจไซอาห์มองมือที่ว่างเปล่าของตนแล้วมองเมอร์ลินที่ตอนนี้ในปากมีบุหรี่ของเขาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“ถ้ามันยกเลิกไม่ได้ก็พาผมไปจากที่นี่สักที ร้อนจะตายอยู่แล้วครับคุณทายาทอันดับสอง” พูดจบก็เดินแทรกเหล่าบอดี้การ์ดมายังรถเบนซ์ที่จอดเรียงราย “แล้วต้องขึ้นคันไหนกัน?” หันถามไทกิที่วิ่งตามหลังมา

“เชิญทางนี้ครับ” ไทกิผายมือไปยังรถเบนซ์คันกลางสุดก่อนจะเปิดประตูให้ พอ

เมอร์ลินขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว โจไซอาห์ก็ได้ตามขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน บรรยากาศระหว่างพวกเขาค่อนข้างน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก เมอร์ลินลดกระจกลงแล้วพ่นควันบุหรี่ออกไป เมื่อรถเบนซ์เริ่มเคลื่อนขบวน คนของเมอร์ลินต่างพากันก้มหัวครั้งสุดท้ายให้กับคุณชายของพวกตน

“ที่ประเทศนี้มีคนธรรมดาบ้างไหม?” นั่งรถมาได้สามสิบนาทีก็เอ่ยถามคนข้างกายที่นั่งไขว่ห้างอ่านเอกสารงานในมือ

“คำถามบ้าอะไรของนาย” โจไซอาห์ขมวดคิ้วกับคำถามนั้นแม้แต่ไทกิที่นั่งอยู่ทางเบาะหน้าและคนขับรถยังพากันงงกับคำถามนั้น

“รันเซียเป็นประเทศที่มีแต่มาเฟียนี่? ผมเลยถามหาคนธรรมดาบ้างไง”

“ไทกิ” ส่งไม้ต่อให้มือขวาแล้วกลับไปอ่านเอกสารต่อ เมอร์ลินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนักแล้วมองไทกิที่เริ่มอธิบายให้เขาฟัง

“ความจริงที่รันเซียมีมาเฟียเยอะอย่างที่คุณชายเมอร์ลินทราบครับ แต่คนธรรมดาเองก็มีอยู่เต็มประเทศเช่นกัน มีมากกว่ามาเฟียอีกครับ เพียงแต่อำนาจและความรุนแรงของกลุ่มมาเฟียมันกลบความปกติธรรมดาไปเสียหมด ภาพลักษณ์ของรันเซียเลยเป็นอย่างที่คุณชายเมอร์ลินเข้าใจครับ” เมอร์ลินฟังแล้วก็ได้แต่พูดกับตัวเองในใจว่า ก็เท่ากับเป็นประเทศของมาเฟียนี่? แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไปนอกจากขอบคุณไทกิที่ตอบคำถามเขา

คฤหาสน์โรนัลเดล

ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลโรนัลเดล เมอร์ลินมองดูมันแล้วคิดว่าความอลังการของคฤหาสน์ตระกูลนี้เห็นทีอาจจะอลังการกว่าของคาร์ลอฟก็เป็นได้ รถเบนซ์ทั้ง

สิบห้าคันขับไปตามเส้นทางและเลยคฤหาสน์หลังแรกที่เมอร์ลินเห็น ด้วยความสงสัยเขาจึงเอ่ยถาม

“จะไปที่ไหนน่ะ?”

“คฤหาสน์ของคุณชายโจไซอาห์ครับ ซึ่งเป็นคฤหาสน์รองที่อยู่ด้านหลังส่วนคฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุณชายเมอร์ลินเห็นนั้นเป็นคฤหาสน์ของนายท่านครับ” ไทกิเป็นคนตอบ

“หมายถึงลูก ๆ ทุกคนมีคฤหาสน์เป็นของตัวเอง?”

“ถูกต้องครับ”

“นี่คุณรวยขนาดไหนกัน?” คำถามนี้ส่งตรงแค่โจไซอาห์คนเดียว

“นายเองก็ไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่นี่”

“เหอะ ตอนนี้ผมไม่ใช่คนของคาร์ลอฟแล้ว เงินสักดอลเดียวก็ไม่มีหรอกครับ” แม้ว่าเมอร์ลินจะพูดแบบนั้นแต่วงเงินของเมอร์ลินที่ได้จากคาร์ลอฟก็ยังเยอะอยู่ดี แม้เขาพูดไปว่าจะตัดครอบครัวแต่เหมือนพ่อของเขาจะไม่สนใจคำพูดนั้นด้วยซ้ำ “แล้วงานแต่งจะเริ่มวันไหน?” เมอร์ลินถามอีก

“อีกสามวัน”

“...”

“สามวัน” โจไซอาห์พูดย้ำ

“ก็ดี” ถึงจะตกใจที่มันเร็วขนาดนั้นแต่แต่งเร็วจบเร็วมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว

ในที่สุดรถเบนซ์ทั้งสิบห้าคันก็ได้จอดนิ่งที่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งมีขนาดเทียบเท่ากับหลังแรกที่เห็น เมอร์ลินลงจากรถแล้วมองไปรอบ ๆ มีคฤหาสน์อีกห้าหลังตั้งตระหง่านให้เขาได้เชยชมความสวยงามและความอลังการของมัน แต่เขาก็เกิดสงสัยขึ้นอีกครั้ง

“พ่อคุณมีลูกกี่คนกันครับ?”

โจไซอาห์เริ่มรำคาญที่เมอร์ลินมีแต่คำถาม คำถามและคำถาม “หก” แต่เขาก็ตอบไปก่อนจะรีบเดินหนีหายเข้ามาข้างในคฤหาสน์ ส่วนเมอร์ลินยังคงเชยชมทิวทัศน์ที่มีแต่กลิ่นเงินอย่างพึงพอใจอยู่

“สวัสดีค่ะคุณชายเมอร์ลิน ดิฉันคือสาวใช้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลคุณชายค่ะ โปรดเรียกดิฉันว่าเอมี่ได้เลยค่ะ” ขณะเพลิดเพลินกับกลิ่นเงิน สาวใช้หน้าตาสะสวยแต่ดูอ่อนเยาว์ก็เข้ามาทักทายเขาพร้อมแนะนำตัว เมอร์ลินเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะเดินตามสาวใช้เข้ามาด้านใน ความหรูหราของภายในคฤหาสน์เล่นเอาเมอร์ลินตาค้างพร้อมกับคิดว่าถ้าหากเอาไปขายสักชิ้นสองชิ้น เขาจะได้เงินเท่าไหร่กันนะ?

“นี่คือห้องพักของคุณชายเมอร์ลินตลอดระยะเวลาสามวันนี้นะคะ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเรียบร้อยแล้ว คุณชายเมอร์ลินจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่ห้องเดียวกับนายท่านค่ะ” เอมี่เปิดประตูห้องไปพลางอธิบายให้เมอร์ลินฟัง

“นายท่าน?”

“อา คุณชายโจไซอาห์น่ะค่ะ ที่เรียกนายท่านเพราะในคฤหาสน์หลังนี้ท่านเป็นนายเหนือหัวของพวกเรา แต่หากออกจากคฤหาสน์ ก็จะเป็นคุณชายที่เป็นทายาทอันดับสองน่ะค่ะ”

เมอร์ลินพยักหน้าเข้าใจก่อนนั่งลงบนเตียง “ช่วยบอกผมทีสิครับว่าพี่น้องของเขามีใครบ้าง ยังไงผมก็ต้องแต่งงานกับเขาเลยอยากจะรู้อะไรบ้างน่ะ” เมอร์ลินเอ่ยถามพลางคิดในใจว่าตั้งแต่มาที่ประเทศนี้ เขาก็มีแต่คำถามเต็มหัวไปหมด เอมี่พยักหน้าก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้าเมอร์ลินแล้วเริ่มอธิบายอีกครั้ง

“นายเหนือหัวของตระกูลโรนัลเดลมีภรรยาสองคนและบุตรหกคนค่ะ ภรรยาทั้งสองนั้นเป็นฝาแฝดกันนะคะ ส่วนทางบุตรก็บุตรชายสี่คนและบุตรสาวสองคน ภรรยาของนายเหนือหัวมีบุตรกันคนละสามคนค่ะ ฝั่งแรกที่จะแนะนำเป็นฝั่งภรรยาแฝดพี่นายหญิงอลิซ คนแรกคือ...”

คนแรกคือ รามิเอล โรนัลเดล อายุ 30 ปี ทายาทอันดับหนึ่ง

คนที่สอง เจฟรีย์ โรนัลเดล อายุ 27 ปี ทายาทอันดับสี่ เป็นบุตรชายที่ไม่ได้สนใจการสืบทอดเท่าไหร่

คนที่สาม พอร์ช โรนัลเดล อายุ 25 ปี ทายาทอันดับสาม

คนที่สี่ โจไซอาห์ โรนัลเดล อายุ 23 ปี ทายาทอันดับสอง เป็นลูกของนายหญิง

อเดล ภรรยาแฝดน้อง

คนที่ห้าและหกเป็นฝาแฝด เวโรนิก้า โรนัลเดล และ เอมมิเลีย โรนัลเดล อายุ 20 ปี เป็นลูกสาวที่ถูกรักใคร่เป็นพิเศษและเหล่าพี่ชายทั้งสี่ก็ตามใจมาก ๆ การเป็นทายาทของตระกูลโรนัลเดลไม่ได้เรียงตามการเกิดแต่เรียงตามความสามารถ

“ไม่ใช่ว่าพอเป็นลูกของภรรยาคนน้องแล้วต้องนับเป็นคนแรกหรอกเหรอ?” ฟังจบก็เกิดความสงสัยขึ้นอีกเพราะทางคาร์ลอฟที่มีภรรยาถึงห้าคนนั้นต่างนับว่าลูกใครลูกมัน ไม่มีมาเรียงว่าใครเกิดก่อนเกิดหลังเด็ดขาด

“ตามหลักก็อาจจะใช่ค่ะแต่กับโรนัลเดลนั้นไม่ใช่ เพราะนายหญิงเป็นฝาแฝดจึงนับว่าเป็นคนคนเดียวกัน นายหญิงอลิซที่เป็นแฝดพี่ได้มีบุตรก่อนสามคนแล้วนายหญิงอเดลที่เป็นแฝดน้องก็มีตามหลังค่ะ ไม่ว่าจะคุณชายหรือคุณหนูต่างก็เรียกนายหญิงทั้งสองคนว่าแม่เหมือนกันหมดค่ะ”

“...ดีจังเลยนะ” ช่างเป็นครอบครัวใหญ่ที่รักใคร่กันแล้วลองมองกลับไปที่คาร์ลอฟ เหอะ มีแต่สงครามประสาทใส่กันและชิงดีชิงเด่นจนน่ารำคาญ ส่วนความรักน่ะเหรอ... ไม่มีเลยด้วยซ้ำ

“นายเหนือหัวน่ะเป็นคนที่สุดยอดมาก ๆ เลยค่ะ!” เอมี่ยิ้มกว้าง เธอดูภูมิใจที่ได้รับใช้นายเหนือหัวที่พูดถึง แล้วคนรับใช้ที่คาร์ลอฟล่ะ?... แทบเอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออยู่รอดเลยล่ะมั้ง “อ๊ะ มื้อเย็นของวันนี้ใกล้จะเริ่มในอีกสามชั่วโมง คุณชายเมอร์ลินต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะคะแล้วเดี๋ยวนายท่านจะพาไปที่คฤหาสน์หลักค่ะ” เอมี่เหมือนเพิ่งนึกออกจึงรีบบอก เมอร์ลินเพียงพยักหน้าแล้วขออยู่คนเดียวแต่ก่อนจะได้อยู่คนเดียว กระเป๋าสัมภาระมากมายก็ถูกยกขึ้นมาให้ คนที่คอยคุมงานคือไทกิ

“ขอบคุณนายมาก”

“ด้วยความยินดีครับ ขอให้คุณชายเมอร์ลินมีความสุขกับโรนัลเดลและรันเซียนะครับ” ไทกิค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนออกจากห้องไป พออยู่คนเดียวจริง ๆ เมอร์ลินก็นอนมองเพดานห้องเงียบ ๆ เขาน่ะอยู่รันเซียจริง ๆ แล้วสินะ... คิดแล้วก็ถอนหายใจก่อนตั้งนาฬิกาปลุก เอมี่บอกว่ามื้อเย็นจะถึงในอีกสามชั่วโมงใช่ไหมนะ งั้นนอนก่อนสองชั่วโมงแล้วชั่วโมงสุดท้ายค่อยเตรียมตัว ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนอาบน้ำแต่งตัวนานน่ะนะ ยังไงก็ทัน พอตั้งนาฬิกาปลุกเรียบร้อยก็ดึงผ้าห่มคลุมมิดกาย ไม่ถึงหนึ่งนาที เมอร์ลินก็หลับสนิทแล้ว

TBC

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status