ห้องโถงของคฤหาสน์หลักประกอบไปด้วยสมาชิกหลักของโรนัลเดลและทีมสไนเปอร์ที่นำทีมโดยพี่ใหญ่อย่างซีเจส รามิเอลที่ได้รับรายงานคร่าว ๆ มาก่อนหน้าแล้วนั้น เขากำลังกุมขมับ หลังจากกลับจากร้านอาหาร ซีเจสก็ได้ขอเข้าพบเอเวอร์เร็ตต์พร้อมกับทีมสไนเปอร์ รามิเอลจึงเรียกซีเจสมาคุยเป็นการส่วนตัวและเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด“มีเรื่องอะไรกันครับ?” เมอร์ลินกระซิบถามคนข้างกายขณะมองแรนดี้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางห้องโถง ด้านหน้ามีเอเวอร์เร็ตต์นั่งสูบซิการ์ที่ไม่ได้จุดอยู่บนโซฟาบุหนัง ข้างกายขนาบด้วยภรรยาทั้งสอง“ไม่รู้เหมือนกัน ซีเจสไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรแต่เหมือนพี่รามิเอลจะรู้ ให้ฉันไปถามไหม?” โจไซอาห์กระซิบตอบกลับ เมอร์ลินส่ายศีรษะแทนคำตอบแล้วทอดสายตามองไปยังแรนดี้แรนดี้นั่งคุกเข่า สองมือประสานบนตัก ก้มหน้ามองเข่าตัวเองแทนที่จะมองหน้านายเหนือหัว ส่วนคนพี่อย่างซีเจส ปีเตอร์ นิกซ์และอินเนลที่ตามมาเพราะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ต่างไม่มีใครช่วยเหลือน้องเล็กกันเลย ก็นะ ในเมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิดด้วยตัวเอง“ว่าไง มีเรื่องอะไรถึงมากันยกทีม?” เอเวอร์เร็ตต์เอ่ยถามแล้วมองแรนดี้ที่ดูหวาดกลัว “มีอะไร
บนเตียงขนาดหกฟุตที่นำมาแทนเตียงของทางโรงพยาบาล เมอร์ลินนอนตะแคงข้างพร้อมกับฝ่ามือซ้ายวางแนบบนหน้าท้องแปดเดือน คอยลูบท้องแผ่วเบาในขณะที่มืออีกข้างหยิบแอปเปิลชิ้นพอดีคำที่ถูกหั่นด้วยฝีมือของสามีเข้าปาก ชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างอร่อย โจไซอาห์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงมองคนท้องที่กินเอา ๆ อย่างนึกทึ่ง แต่มือก็คอยปอกแอปเปิลหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำวางลงบนจานให้ตามเดิม“พรุ่งนี้ผมต้องงดอาหารนี่ครับ ขอกินหน่อยไม่ได้หรือไง?” เมอร์ลินปรายตาถามคนที่นั่งขยับมือปอกแอปเปิล ที่ถามก็เพราะรับรู้ถึงสายตาที่มองมาน่ะนะ“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรนายเลยสักคำ?” โจไซอาห์เกิดความงงงวยขึ้นขณะ แต่เมอร์ลินทำเป็นไม่สนใจกินต่อไป กินจนอิ่มก็บอกให้สามีเอาน้ำมาให้กิน โจไซอาห์ก็ทำตามที่ภรรยาต้องการ จริง ๆ ก็ทำอะไรตามใจเมอร์ลินมาตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะนะ เพียงแต่มีขัดใจบ้างเป็นบางคราว ทว่า ครั้งนี้เขาไม่เคยขัดใจเลย อยากได้อะไรก็บอก อยากกินอะไรก็บอก เพราะในวันพรุ่งนี้นับแต่ 6 A.M. เป็นต้นไป เมอร์ลินจะต้องอดอาหารเป็นเวลา 8 ชั่วโมงก่อนผ่าคลอด“พรุ่งนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะมาตอนไหนครับ? แล้วพวกพี่ ๆ กับฝาแฝดล่ะ” เมอร์ลินเอ่ยถามก่อนอ้าปากงั
การเลี้ยงเด็กทารกมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับผู้ชายสองคน ในช่วงที่เมอร์ลินกำลังพักฟื้นร่างกายรวมถึงดูแลแผลผ่าคลอด โจไซอาห์จะต้องเป็นคนรับบทหนักในการเลี้ยงลูกสาว หน้าที่นั้นถูกมารดาทั้งสองสอนสั่ง แม้ในช่วงสัปดาห์แรกจะเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่พอสัปดาห์ที่สองของการเลี้ยงลูกสาว โจไซอาห์ทำได้ดีมาก เลี้ยงลูกดีขึ้นจนเมอร์ลินแปลกใจ ทางเมอร์ลินเองก็รู้สึกว่าหายเจ็บแล้ว ขยับตัวได้ดีขึ้นแต่ยังต้องระวัง แม้แผลภายนอกดูไม่เป็นอะไรแต่ภายในนี่สิ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าหายดี เพราะฉะนั้นก็ยังคงต้องระมัดระวังต่อไป“สรุปเพื่อนคุณลาออกจริง ๆ งั้นเหรอครับ?” เมอร์ลินเอ่ยถามขณะนั่งมองโจไซอาห์เปลี่ยนแพมเพิร์สให้ลูกสาว ตัวเขาก็ช่วยหยิบจับนั่นนี่ตามที่สามีบอก“อา คงจะจริงเพราะมันนัดคุยเรื่องหมอใหม่ที่จะมารับผิดชอบแทนในวันพรุ่งนี้” โจไซอาห์ตอบพลางนึกถึงวันที่เขาไปเป็นพยานการหย่าให้กับเพื่อน แน่นอนว่าเขาไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่บีบบังคับให้อิดอนเป็นหมอต่อไป อิดอนตัดสินใจลาออกเพราะอยากใช้ชีวิตกับลูกชาย แล้วเรื่องนัดเขาก็เพิ่งได้รับข้อความมาเมื่อวานตอนเย็น โจไซอาห์หวังว่าหมอใหม่ที่จะรับผิดชอบแทนอิดอน จะเป็น
การเดินทางสู่ประเทศอิงเกรเซียนได้กำหนดแผนการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ตัวเมอร์ลินส่งข้อความหาพี่ชายเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน เพื่อปรึกษาเรื่องการเข้าไปยังคฤหาสน์คาร์ลอฟ มาเวอริคเลยทำการเรียกพี่น้องคาร์ลอฟกลับมายังอิงเกรเซียนเป็นการชั่วคราว ก็เพื่อให้เอ็มมานูเอลนำทัพน้อง ๆ เตรียมการรับเมอร์ลินและหลานสาว แน่นอนว่าส่วนหนึ่งคือความปลอดภัยของเมอร์ลินและเรเธเซีย ถึงจะมีโจไซอาห์และคนของโรนัลเดลตามมา แต่ทางที่ดี มาเวอริคอยากให้พี่น้องในคาร์ลอฟเป็นคนคุมสถานการณ์ทางตระกูลเก่ามากกว่า“อีกเดี๋ยวคุณพ่อคงพาเซียกลับมาแล้ว คุณลงไปรอรับลูกมาก็ได้นะครับ” เมอร์ลินบอกกับโจไซอาห์ขณะสองมือตระเตรียมกระเป๋าเดินทาง เรเธเซียที่อายุครบหนึ่งขวบถูกคุณปู่พาไปฉีดวัคซีนโดยที่เมอร์ลินและโจไซอาห์รีบเร่งเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ แถมรอบนี้เอมี่ไม่ได้ไปด้วยเพราะเมอร์ลินไม่อยากเห็นพี่สามีอย่างพอร์ชทำหน้าหมาหงอย ใจจริงอยากพาเอมี่เที่ยวบ้านเกิดมาก ๆ แต่ก็เข้าใจพอร์ชเพราะในตอนที่เมอร์ลินท้องและต้องอยู่คนเดียว ตัวเขาก็หมาหงอยไม่ต่างกัน“ยังไม่กลับมาในเร็ว ๆ นี้หรอก” คำตอบของโจไซอาห์ทำเมอร์ลินหันมองและรอยยิ้
วันเวลามักผ่านไปเร็วเสมอเฉกเช่นเดียวกับเวลาของครอบครัวโรนัลเดล ในระยะเวลาที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย แต่หนึ่งในนั้นคงเป็นพัฒนาการของ เรเธเซีย โรนัลเดล และอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเกิดปีที่ 3 ของเรเธเซียแล้ว ปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะจัดงานวันเกิดที่คฤหาสน์เรเธเซีย เมืองเมอร์ลิน แต่แน่นอนว่านี่คือแผนการในหัวของโจไซอาห์เท่านั้น สายตาคู่คมทอดมองภรรยาที่นอนอวดแผ่นหลังขาว ๆ โดยมีผ้าห่มปิดช่วงสะโพกลงไปอย่างหมิ่นเหม่ก่อนมุมปากจะกระตุกยิ้มยามเห็นรอยสีกุหลาบที่ทำไว้เมื่อคืนพวกเขาจัดกันอย่างหนักโดยหวังว่าท้องสองจะติดในเร็ว ๆ นี้ แถมโจไซอาห์ก็มีแพลนบางอย่างที่วางไว้ก่อนแล้ว ทว่า เงื่อนไขของแพลนนั้นคือเมอร์ลินจะต้องท้องก่อน โจไซอาห์ลุกขึ้นยืนก่อนรวบเชือกของเสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่มามัดลวก ๆ แล้วเดินตรงไปยังประตูห้องยามได้ยินเสียงเคาะเบา ๆ พอเปิดประตูออกมา“ดาดี๊” ก็เจอกับลูกสาวที่จะครบสามขวบในเร็ว ๆ เอ่ยทักทายด้วยเสียงหวาน ๆ ก่อนสองแขนจะชูขึ้นหมายให้ดาดี๊อุ้ม โจไซอาห์โน้มตัวลงแล้วอุ้มเรเธเซียขึ้นมาก่อนฟัดแก้มไปหลายฟอด“คิกๆๆๆ ดาดี๊เจบบ”(ดาดี๊เจ็บ) เรเธเซียหัวเราะคิกคักก่อนยกมือดันหน้าบิดาพร้อมบ
ตระกูลโรนัลเดลถือเป็นอภิมหาเศรษฐีมาเฟียแห่งประเทศรันเซีย เป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่มีตระกูลไหนกล้าต่อกรแต่มีเพียงบุคคลเดียวที่สามารถเผชิญหน้ากับทายาทอันดับสองได้อย่างกล้าหาญ คนคนนั้นก็คือ เมอร์ลิน โรนัลเดล ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของทายาทลำดับสอง โจไซอาห์ โรนัลเดลการแต่งงานถูกจัดขึ้นเพราะต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างโรนัลเดลและ คาร์ลอฟ ตระกูลอภิมหาเศรษฐีจากประเทศมหาอำนาจอย่างประเทศอิงเกรเซียน เป็นการแต่งงานระหว่างมหาอำนาจและมหาอำนาจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมอร์ลินเป็นคนเดียวที่ไม่เกรงกลัวคนของโรนัลเดล ทว่าอีกเหตุผลหลัก ๆ ที่เมอร์ลินถูกส่งไปแต่งงานก็คือคาร์ลอฟไม่ต้องการให้มี ตัวประหลาด อยู่ในตระกูลประเทศอิงเกรเซียนคฤหาสน์ตระกูลคาร์ลอฟ“แค่ผมแตกต่างจากคนอื่น ๆ ถึงกับต้องส่งผมออกจากตระกูลเลยเหรอครับ” เมอร์ลินเอ่ยถามมารดาหลังจากได้ยินมาว่าตนเองต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปแต่งงานกับทายาทตระกูลใหญ่ที่ประเทศรันเซีย มันไม่ใช่การแต่งงานที่เขาสมยอมและมันก็กะทันหันมาก ๆ เมื่อครู่ที่เขารู้ข่าว เหล่าสาวใช้ทั้งหลายก็ได้เข้ามาจัดเตรียมกระเป๋าสัมภาระให้อย่างรวดเร็วท่ามกลางคำสั่งของหัวหน้าแม่บ้าน“มันไม่ใช่แค่แ
เมอร์ลินได้เข้าร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับครอบครัวโรนัลเดลที่มากันอย่างพร้อมหน้า เขานั่งข้างโจไซอาห์ที่เป็นว่าที่สามีแต่ตรงข้ามกลับมีเหล่าพี่ชายที่เกิดจากภรรยาแฝดพี่นั่งมองมาที่เขา สายตาอยากรู้อยากเห็นนั่นทำเมอร์ลินอึดอัดพอสมควร“คนนี้น่ะเหรอที่จะแต่งงานกับพี่ชาย” เวโรนิก้าพูดขึ้นขณะเท้าคางมองหน้าว่าที่พี่สะใภ้อย่างเมอร์ลินด้วยรอยยิ้ม เมอร์ลินมองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจก่อนหันมองโจไซอาห์ที่เอาแต่นั่งเงียบ“คุณช่วยพูดอะไรหน่อยสิครับ” แอบสะกิดใต้โต๊ะแต่โจไซอาห์ก็ไม่สนใจ เมินเขาที่ต้องการความช่วยเหลือก็เลยแปะโป้งไว้ในใจว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้แค้น“แต่ดูดีอยู่นะ ดูดีกว่าผู้ชายที่พี่โจซเคยควง” เอมมิเลียพูดต่อแต่เมอร์ลินกำหมัดแน่น กล้าดียังไงถึงเอาเขาไปเปรียบเทียบกับผู้ชายระดับนั้นกัน“ขอโทษนะครับเลดี้ ผมว่าเหล่าเลดี้คงเข้าใจอะไรผิดไป ระดับผมน่ะเหนือกว่าผู้ชายที่คุณคนนี้ควงราวฟ้ากับเหว ได้โปรดอย่าเอาไปเปรียบเทียบให้ผมดูต่ำแบบนั้นสิครับ” พูดจบเมอร์ลินก็ยิ้มจนตาเป็นสระอิแต่นั่นดูยังไงก็เป็นยิ้มที่ส่งสารมาบอกว่าขืนเอาไปเปรียบอีกครั้ง ผมฆ่าพวกเธอแน่“เฮ้! ผู้ชายที่ฉันควงมันก็อยู่ระดับ
‘จากนี้เป็นต้นไปผมจะไม่กินยาคุม คุณห้ามใส่ถุงยาง ห้ามปล่อยนอก ต้องปล่อยในทุกครั้งแล้วมาดูกันว่าผู้ชายตรงหน้าคุณมันท้องได้จริงหรือไม่จริง’“เวรเอ้ย นี่ฉันพล่ามบ้าอะไรออกไปวะ” เมอร์ลินกุมขมับอย่างเคร่งเครียดยามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แค่คนพวกนั้นไม่เชื่อ แค่โจไซอาห์ไม่เชื่อ เขาจำเป็นต้องลงทุนทำให้เชื่อด้วยหรือไง? ไม่เลย ใครจะไม่เชื่อก็ช่างหัวมันสิ แค่เชื่อในตัวเองว่าเขามันแปลกประหลาดแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว “ยกเลิกดีไหม...” พึมพำอย่างหมดหวังแล้วปล่อยตัวให้ไหลจมลงก้นอ่างอาบน้ำ ทางโจไซอาห์ที่นั่งมองแผงยาคุมบนพื้นห้องสลับกับประตูห้องน้ำก็พลันคิด หากเมอร์ลินท้องขึ้นมาจริง ๆ เขาควรจะทำยังไง?“น่ารำคาญจริง” ลงจากเตียงแล้วสวมกางเกงก่อนออกจากห้องนอนมาที่ห้องทำงาน ติดต่อหาบิดาของตนที่คฤหาสน์หลักเพื่อถามอะไรบางอย่าง“ผมอยากรู้ว่าทางคาร์ลอฟได้ส่งเอกสารยืนยันเรื่องที่เมอร์ลินท้องได้มาหรือเปล่าครับ” ถามบิดาที่อยู่ปลายสายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้บุหนังพลางเอนหลังพิงพนัก สองขายกขึ้นพาดบนโต๊ะ(มาถามเอาอะไรตอนนี้?)“แค่บอกผมว่ามีหรือไม่มี”(ไม่มี)“ฮะ? แต่พ่อก็ทำเชื่อแล้วส่งเอกสารขอแต่งงานไปน่ะนะ? น