“แหม ๆ ถ้าฉันรู้จักคุณน้อยกว่านี้ ฉันคงหลงคุณตายเลย” เธอตอบกลับพร้อมหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน
“คุณก็เคยหลงไม่ใช่เหรอ” เจ้าของคลับสุดหล่อเย้ากลับ แล้วยกแก้วในมือขึ้นจิบช้า ๆ ทุกการขยับเคลื่อนไหวของเขาช่างดูเร้าอารมณ์ผู้พบเห็นโดยที่เขาไม่ต้องจงใจโปรยเสน่ห์ใส่ใคร ๆ เลย
คนถูกถามทำตาเป็นประกาย หัวเราะน้อย ๆ แล้วแสร้งตัดพ้อ “ฉันยังหลงอยู่ต่างหาก แต่คุณทำเป็นมองไม่เห็น คุณร้ายเกินกว่าที่ฉันจะจับให้อยู่ค่ะภัทร ฉันเลยไม่พยายามต่อก็เท่านั้น”
การได้พูดคุยหยอกล้อกับณภัทรคล้ายกับการเล่นเกมประลองปัญญา ทั้งสนุก ตื่นเต้น เพราะคนที่ไม่แน่นอนอย่างเขาทำให้คาดเดาอะไรไม่ถูก
“ผมไม่ได้ร้าย แต่ผมแค่โง่ที่ไม่เลือกคุณ ภาวนาว่าอย่าให้มีคนโง่แบบผมเยอะเกินไปก็พอ เดี๋ยวเขาจะพลาดอะไรดี ๆ ไป” เขาพูดเอาใจก่อนจะโอบเอวเธอไปนั่งบนโซฟากำมะหยี่ ห่างจากจุดอื่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นมุมที่มองเห็นการแสดงโชว์บนเวทีพอดี เขาฉลาดพอที่จะเก็บลูกค้าชั้นดีอย่างหล่อนไว้ และเธอก็ไม่เคยทำตัวงี่เง่าหรือสร้างปัญหางี่เง่าจุกจิกอย่างบรรดาลูกค้าสาว ๆ ไฮโซคนอื่น ๆ ที่ชอบเข้ามาวางท่าและใช้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นเพราะถือว่าตนมีอำนาจของเงินที่จะฟาดหัวใครก็ได้
“งั้นก็ฉลาดบ้างไม่ได้เหรอคะ” หญิงสาวถามโดยไม่หันมามอง สายตาเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่โชว์สุดเร้าใจจากหนุ่ม ๆ บนเวทีเหมือนกับว่าเธอ
สนอกสนใจเป็นอย่างมาก แต่ความจริงแล้วเธอเพียงมองหาชายหนุ่มที่เธอพอใจและจะเป็นเพื่อนคลายเหงาให้เธอในคืนนี้ เพราะคนข้างเธอคงเป็นตัวเลือกที่เป็นไปไม่ได้ และเธอก็หยิ่งพอที่จะไม่ตามตื๊อเขาให้เสียศักดิ์ศรีณภัทรเองก็มองไปยังเวทีเช่นเดียวกัน แต่สายตาคมนั้นดูว่างเปล่าอย่างยิ่งจนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สักพักเขาก็ละสายตากลับมา แล้วกวาดสายตามองไปทั่วคลับที่เต็มไปด้วยผู้หญิงหลากหลายแบบ ทั้งที่มีความสุขอยู่แล้ว แต่ต้องการความแปลกใหม่ในชีวิต หรือผู้หญิงที่นั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วเปิดดริงก์อย่างไม่กลัวว่าจะต้องจ่ายบิลหัวโต หญิงสาวคนหนึ่งตรงมุมห้องอีกด้านที่ดูเหงาหงอยเซื่องซึม ทั้งที่เธอสวยออกขนาดนั้น ไปจนถึงผู้หญิงที่เป็นแม่เขาได้แล้ว ซึ่งกำลังทิปพนักงานอย่างหนัก แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ด้วยภาพของพวกเธอเหล่านั้นเป็นภาพที่เกิดขึ้นทุกวันที่เขาเห็นจนชินชา ต่างกันเพียงแค่ต่างคนต่างวาระ ลูกค้าเก่าไปลูกค้าใหม่ก็มา แต่พฤติกรรมของพวกหล่อนเหล่านั้นกลับไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ มันวนเวียนไปอยู่อย่างนี้เป็น
วัฏจักรที่ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นมันจึงไม่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นหรือหิวกระหายอะไรเลย“ผมไม่เลือกใครทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีใครเหมาะกับผมหรอก”
เขาหันกลับมาตอบหญิงสาวข้างกายด้วยน้ำเสียงที่จับอารมณ์ไม่ได้ เขาพอใจที่ได้คุยกับเธอ ผิวเผิน ไม่ลึกซื้ง ไม่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวที่เขาขีดไว้อย่างชัดเจน
“เพราะคุณดีเกินไปเหรอ” เสียงเอื่อย ๆ ถามกลับด้วยความอยากรู้ เพราะเธอไม่เคยเข้าถึงความคิดของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบตรงหน้าได้เลย แต่การคุยเล่นด้วยหัวข้อธรรมดากับณภัทรก็เป็นความเพลิดเพลินของเธออย่างหนึ่ง
“ผมแย่เกินไปต่างหาก” เขาตอบหน้าซื่อและเธอก็หัวเราะอีกรอบ
นี่แหละเขา ชายที่มีใบหน้าล่อลวงและมีอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ และรอยยิ้มอันน่าค้นหา
“เลือกมาให้ฉันหนึ่งคนนะคะ ถ้าคุณจะไม่อยู่ด้วยในคืนนี้”
เธอสนุกกับเขาพอแล้ว แม้เธอจะคาดหวังจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกับชายหนุ่มตรงหน้า แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นไปได้ยาก และเธอก็ไม่อยากเสียเวลา การเลือกหนุ่มหล่อคนอื่นมาช่วยผ่อนคลายจึงเป็นการดีที่สุด
“ได้ครับ”
เขาโค้งหัวให้เธอตามแบบสุภาพบุรุษผู้มีมารยาท แต่เป็นไปในแบบล้อเลียนมากกว่า จากนั้นก็เดินไปเลือกคนที่คิดว่าเธอน่าจะชอบให้ ก่อนจะปลีกตัวไปยังชั้นสองซึ่งเป็นที่นั่งวีไอพี แต่ระหว่างทางก็ต้องแวะทักทายผู้คนมากมายที่รู้จักเขา บางคนก็เป็นเพื่อนดื่มกันมาก่อน บางคนก็เป็นนักธุรกิจที่ติดต่องานกับบริษัทของพ่อในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็เป็นหญิงสาวที่เที่ยวหาความสนุกสำราญ และแน่นอน เขากุมความลับของพวกหล่อนไว้อย่างมิชิด เขาไม่ใช่คนดีอะไรแต่ก็ไม่เคยใช้ข้อนี้มาหาประโยชน์ใส่ตัว อีกทั้งเขาไม่มีปัญหาอะไร ตราบใดที่คนเหล่านี้นำเงินมาให้ คำว่าลูกค้าคือพระเจ้ายังคงเป็นคติคลาสสิกของธุรกิจบริการเสมอ
เด็กเสิร์ฟที่รู้ว่าเขาชอบดื่มอะไรเอาเครื่องดื่มมาวางตรงหน้า ขณะที่ผู้หญิงมากมายลังเลใจว่าจะเข้ามาทักทายหรือนั่งเป็นเพื่อนได้หรือไม่ แต่
ณภัทรใช้วิธีตีหน้านิ่งวางมาดเย่อหยิ่งถือตัวไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ใครมารบกวน แต่การที่เขาทำตัวให้เขาถึงยากเช่นนี้ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ลึกลับแสนเร้าใจ ดึงดูดสายตาลูกค้าให้อยากพิชิตเขาให้มากขึ้นเขาไม่ใส่ใจสายตาที่ทั้งมองตรง ๆ และลอบมองตัวเอง มือเรียวสวยยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบ มันเป็นอีกคืนอันน่าเบื่อหน่าย ก่อนจะคิดว่าหรือตัวเองควรจะออกไปเที่ยวที่อื่นบ้าง เพราะถึงอย่างไรที่คลับนี้ก็มีผู้จัดการร้านคอยดูอยู่แล้ว แม้จะมีความคิดอย่างนั้น แต่เขากลับขี้เกียจเกินจะทำแบบที่คิด จึงนั่งถือแก้วแอลกอฮอล์ในมือแล้วโคลงไปมาเล่น ๆ จนกระทั่งผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาคิดว่าจะมาช่วยเติมสีสันให้ค่ำคืนอันสุดแสนจะน่าเบื่อนี้ปรากฏตัวขึ้น
สายตาคมปลาบแต่เฉยชาว่างเปล่าจนดูเหน็บหนาวจับตามองตั้งแต่เธอเดินเข้าไปหาพนักงานใกล้กับเคาน์เตอร์ หญิงสาวกระซิบอะไรบางอย่าง และเขาแน่ใจว่าเธอจะพูดอะไรถึงจะไม่ได้ยินเลยยิ้มออกมา
พริมาคือหญิงสาวคนล่าสุดที่เบื่อชีวิตและมาผ่อนคลายที่คลับเขาบ่อยจนกลายเป็นลูกค้าประจำ แต่แล้ววันหนึ่งเธอเกิดไม่สนใจโฮสต์ที่คลับมี แต่พุ่งเป้ามาที่เขาแทน ตอนแรกเขาปฏิบัติกับเธอเหมือนลูกค้าคนอื่น ๆ คือพูดคุยหยอดคำหวานได้แต่คงไว้ซึ่งความห่างเหินเย็นชา แต่เธอคนนี้กลับไม่ละซึ่งความพยายาม เธอไม่สนใจเด็กคนอื่นในร้านต่อให้จะหน้าตาดีหรือเอาใจเก่งแค่ไหนก็ตาม เธอพุ่งเป้ามาที่เขาคนเดียวเท่านั้นจนคนอื่น ๆ ในร้านพากันเอือมระอากับหญิงสาวแสนสวยในลุคคุณหนูเอาแต่ใจนี้ เขาอยากตัดปัญหาจึงลองเข้ามาคุยกับเธอดู แต่ปรากฏว่าเธอไม่ได้น่ารำคาญอย่างที่คิด เธอเพียงแค่ต้องการหาคนคุยด้วย หมายถึง...คนที่จะรับฟังและเข้าใจเธอ ไม่มีเจตนาในทางชู้สาวเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเจอ และเขาพบว่าเขาชอบฟังเรื่องที่เธอระบายให้ฟัง หนึ่งในนั้นที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะไม่พ้นเรื่องของพี่ชายเธอ ยิ่งได้ฟังเขายิ่งแทบไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนอย่างนี้อยู่อีก สุดท้ายผลปรากฏว่าเธอได้ก้าวข้ามกำแพงที่เขาก่อไว้อย่างแน่นหนามาได้ชั้นหนึ่ง เขาพบว่าหญิงสาวสวย ท่าทางก๋ากั่น ปากคอเราะรายคนนี้ก็ไม่น่ารำคาญอย่างที่คิด แต่กลับถูกใจเขานักละ
“เอา Sex on the beach มาแก้วนึง” เขาสั่งค็อกเทลโปรดไว้รอเธอ รู้ว่าไอ้การกระซิบกระซาบเมื่อครู่คือเธอถามว่าเขาอยู่ไหนอย่างแน่นอน
การเข้าถึงตัวเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเย็นเช่นกัน หากเป็นลูกค้าคนอื่นอาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ค่อนข้างจะง่ายดายเพราะเขาสั่งพนักงานไว้แล้วว่าถ้าเธอถามถึงเขาให้บอกได้ทันที และทุกครั้งเธอก็ไม่เคยถามหาคนอื่น พนักงานทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดีและยังนึกแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรถึงทำให้ณภัทรสนใจได้“ครับคุณภัทร”พนักงานคล้อยหลังไปได้ไม่เท่าไหร่ หญิงสาวเจ้าของเครื่องดื่มก็มุ่งตรงมาทางนี้แล้ว“ต้องจ่ายเท่าไหร่คะ ถึงจะได้นั่งกับคนนี้” เธอยิ้มหวานก่อนจะโน้มตัวเท้าแขนกับโต๊ะแล้วยื่นหน้ามาใกล้จนเกือบชิด “จ่ายเป็นตัวของพริมเองนี่รับมั้ย”ณภัทรยิ้มออกมากับท่าทางยั่วเย้าของหญิงสาวก่อนจะลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างเอาใจ“ผมไม่อยากจะปฏิเสธคนสวยนะครับ แต่คำตอบก็คือขอคิดดูก่อน”พริมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แกล้งส่งค้อนให้ชายหนุ่มด้วยท่าทางแง่งอนที่ดูจะไม่เป็นจริงเป็นจังนัก แล้วจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แต่ก็ยังไม่วายบ่นเขาอีกเล็กน้อย“คุณนี่เล่นตัวจริง ๆ วันนี้ฉันยิ่งเบื่ออยู่”เขาไม่ถือสากับคำบ่นและท่าทางเสียอารมณ์ของคนตรงหน้า ตรงกันข้าม กลับทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เธอต้องการ
“เต้นกันอยู่นี่ ยังคิดเรื่องงานอีกนะคะ” หญิงสาวเรียกร้องความสนใจด้วยการเอาตัวมาเบียดชิดกับร่างสูง ก่อนจะใช้มือสองข้างโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาหา“ว่าไงคะ” เธอช้อนสายตามองนัยน์ตาฉ่ำปรือ“คุณเมาแล้ว” เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ดันร่างเล็กออก ได้แต่โอบประคองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแน่การกระทำของเขาสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาว ๆ ในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก และดูเหมือนเธอจะรู้ดี เลยแกล้งทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมกอด ซบใบหน้าอยู่กับแผงอกกว้างณภัทรยิ้มอย่างรู้เท่าทันแต่ไม่ได้ว่าอะไร เธอร้ายนัก เธอไม่ได้ยั่วยวนเขา แต่จงใจยั่วลูกค้าสาวคนอื่น ๆ เขาจึงยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความบันเทิงเล็ก ๆ ให้กับเธอ แถมเขาก็ยังสนุกด้วยเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า การที่เขาปล่อยให้ทั้งคู่แนบชิดกันอยู่แบบนั้น มันจะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง“เฮ้ย มึงทำอะไรน้องกูวะ ปล่อย!”แรงกระชากจากด้านหลังทำเขาเซไปเล็กน้อย ถึงจะไม่ล้มแต่มันก็น่าหงุดหงิดที่โดนใครก็ไม่รู้เข้าถึงตัว“อะไรกันวะ”เขาหันกลับมาเอาเรื่องคนที่มาหาเรื่องถึงในถิ่นของตัวเอง แล้วก็ต้องพบกับชายหนุ่มตัวสูงที่มีหน้าตาดีพอ ๆ กับตัวเองยืนทำหน้าถ
“ถ้าพริมอยากมา พริมก็มาหาผมได้ทุกเมื่อนะ ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นหรอก พริมโตและบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผมจะรอนะครับ” เขาโปรยยิ้มใส่หญิงสาว แล้วส่งสายตาท้าทายไปให้ชายตรงหน้า“ไอ้…” คำด่าเกือบจะหลุดรอดออกมา แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ ก่อนจะกระชากมือเขาออกจากมือน้องสาวสุดรักอย่างแรงณภัทรยิ้มกวนประสาทอีกรอบ เขาชอบที่จะได้เห็นอีกฝ่ายโกรธ และสงสัยว่าถ้าหากเขายังยุ่งเกี่ยวกับพริมาอยู่อีก ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เขารู้โดยสัญชาตญาณว่านี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกระดับชาติเลยทีเดียว ซึ่งโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ และมันอาจจะทำให้ความเบื่อหน่ายที่สั่งสมอยู่ถูกบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง“อ้อ…เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นพี่ชายพริมใช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยที่พูดจาไม่สุภาพ ใครจะรู้ล่ะครับ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้ เราอาจจะได้เกี่ยวข้องกันผ่านทางพริมก็ได้” ณภัทรเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกดอกแล้วคอยมองปฏิกิริยาโต้กลับของชายหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อแล้วมันก็ได้ผล ปรัชญ์ภูมิเดือดจัดขึ้นมาอีกรอบ “กูไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนฉวยโอกาสอย่างมึงหรอก ขอโทษด้วย”ณภัทรถึงกับต้องกลั้นขำเลยทีเดียว การยั่วให้ชายตรงหน
ความดื้อด้านเกินรับมือของน้องสาว ทำให้ปรัชญ์ภูมิแทบจะเป็นประสาทตายทุกวัน ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซขึ้นบันไดหนีเขาด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดีว่าทำไมพริมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้เรื่องมันเริ่มจากการที่สองคนพี่น้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่ถึงสามเดือนพ่อก็เอาคนอื่นมาแทนที่ โดยที่น้ำตาของน้องสาวเขายังไม่หายเหือดแห้งไปเท่าไรนัก มิหนำซ้ำผู้หญิงที่พ่อนำเข้ามาในบ้านจงใจเป็นปฏิปักษ์กับลูกเมียเก่าอย่างพวกเขาชัดเจน แต่เสแสร้งตีบทแม่เลี้ยงแสนดีต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังกลับหาเรื่องรังควาญสารพัด พอพวกเขาตอบโต้กลับ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ปรารถนาดีแล้วอยากผูกมิตร พ่อก็ดันเชื่อและหลงในความกลับกลอกนั่นและไม่ใส่ใจเขากับน้องอีกเลย ตั้งแต่นั้นเขาจึงนับเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพริมา และพริมาเองก็เช่นกันที่คอยเติมเต็มความอ้างว้างของคำว่าครอบครัวให้กับเขา สองพี่น้องจึงรักและห่วงใยกันมากสำหรับปรัชญ์ภูมิแล้ว พ่อจะรักหรือชอบใครใหม่เขาไม่มีปัญหา แต่คนคนนั้นต้องไม่พยายามจะแย
“แต่นั่นมันคลับโฮสต์นะพริม! แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ มันพยายามจะลวนลามพริมนะ” ปรัชญ์ภูมิบอกในสิ่งที่ตาเห็น แต่เขาคงจะหัวโบราณ หรือไม่ก็หวงน้องสาวมากเกินไปจนมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็อย่างว่า เวลานั้นใครจะมานั่งสังเกต เมื่อความโกรธเข้าครอบงำเสียขนาดนั้นพริมากลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “โธ่พี่ภูมิ ใคร ๆ เขาก็ไปกัน แล้วภัทรเขาลวนลามที่ไหนล่ะ พริมยินยอมเองต่างหาก ไม่สิ พริมเนี่ยแหละไปอ่อยเค้า”“พริม!” ปรัชญ์ภูมิไม่คิดว่าเธอจะตอบออกมาอย่างนี้ เขานึกอยากจะจับเธอฟาดก้นนักที่ริอ่านทำตัวก๋ากั่นเป็นเด็กสาวใจแตกเช่นนี้“ก็มันจริงนี่ ทีนี้พี่ก็เลิกหงุดหงิดเขาได้แล้วค่ะ” เธอตัดบท แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทางห้องของตัวเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ยังตามไม่หยุด เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ“โอเค พี่ไม่หงุดหงิดมันก็ได้ แต่พริมต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ไปที่แบบนั้นอีก” ปรัชญ์ภูมิพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลงแล้วพูดกับน้องสาวดี ๆพริมาหันกลับมา กอดอกมองพี่ชาย รู้ว่าเขาห่วง แต่นี่ออกจะเกินไปสักหน่อย และที่สำคัญคือเธอโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างเมื่อก่อน เธอถอนใจแล้วพูดกับพี่ชาย “นี่ม
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” พริมาหาทางเลี่ยง“หืม…พี่คุณอยู่ด้วยเหรอ” เสียงเจือหัวเราะแกมขบขันถามกลับมา ทำให้อีกคนที่ยืนฟังอยู่ด้วยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ใช่มั้ย ปกติคุณไม่เคยไม่อยากคุยกับผมนี่นา” ณภัทรแกล้งอ้อนหวาน ๆ ต่อ แล้วจงใจพูดกับอีกคนหนึ่ง “ฟังอยู่ใช่มั้ยครับคุณพี่ชาย ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของน้องมากเกินไปรึเปล่า”“ปกติผมไม่เคยวุ่นวายกับน้องนะ จนกระทั่งมารู้ว่าน้องรู้จักกับคนแบบคุณ” คนหวงน้องโต้ตอบทันควัน“คนแบบผมมันทำไมครับ ก็แค่เจ้าของคลับที่มีผู้หญิงรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด อ้อ…ผู้ชายด้วย แต่ผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใครนะ พอดีว่าใช้ความหล่อและเงินซื้อเอา นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย” ณภัทรสวนกลับอย่างคนหลงตัวเองจนบางคนนึกหมั่นไส้แม้จะรู้ว่าถูกยั่วยุ แต่ปรัชญ์ภูมิก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าอยู่เหมือนกัน เขาไม่ถูกชะตาผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ดูอย่างไรก็มีมีวันเป็นคนดีในสายตาเขาไปได้พร้อมกันนั้นพริมากลับแปลกใจในความกวนและความใส่ใจเกินปกติของณภัทร เขาไม่เคยโทรมาถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง อย่างดีก็ส่งข้อความเป็นครั้งคราวเพราะมีคน
ปลายสายหลุดหัวเราะพรืด เป็นเสียงหัวเราะร่าเริงจนพริมานึกออกว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะน่าดูขนาดไหน เวลาปกติณภัทรก็มีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่แล้ว พอยิ้มหรือหัวเราะขึ้นมายิ่งแทบละลาย ซึ่งเธอเห็นทีไรก็ยังไม่ชินสักที ยอมรับว่ายิ้มของเขาทำให้ใจสั่น และมันก็ทำให้ความชอบพอในตัวคนคนนี้เพิ่มขึ้นมาก ๆ แต่ก็อย่างที่รู้ แม้จะชอบรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไม แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงที่มิอาจเหยียบย่างเข้าไปได้ง่าย ๆ และเธอเองก็พอใจกับสถานะของเธอกับเขาเช่นนี้“พริมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ พี่ถึงจะต้องตามไปนั่งคุมเวลามีเดต” พริมาหันไปเอาเรื่องกับพี่ชาย“ก็แล้วแต่ หรือพริมจะไม่ไปเลยก็ได้นะ” ปรัชญ์ภูมิกวนหน้าตาเฉย กวนแบบตีสีหน้านิ่ง ๆ ตามแบบฉบับเขานั่นแหละ“จะบ้าตาย” เธอตบหน้าผากตัวเองแปะ ๆ หรือไม่ก็อยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด“ปล่อยให้เขามาเถอะครับ แต่จะมีเก้าอี้นั่งมั้ยไม่รู้นะ ร้านนี้เขารับแต่ลูกค้าวีไอพี” ณภัทรแกล้งพูดข่มนิด ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการยั่วคนหัวแข็งอย่างปรัชญ์ภูมิ
ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำ ที่แต่งแต้มไปด้วยแสงไฟมากมายจากทั่วทุกตรอกซอกซอยและถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวตัดผ่านเมือง กลายเป็นความงามตามธรรมชาติและทำให้ผู้ที่มานั่งใช้บริการของร้านดื่มด่ำกับความสุขและลมเย็นที่พัดโชยมาเบา ๆ ด้วยความที่วิวสวย อาหารก็รสเลิศ บวกกับการบริการดีเยี่ยม ร้านอาหารแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจนถึงขนาดต้องจองล่วงหน้า และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ไปไหน เพราะต้องการคงไว้ซึ่งความพิเศษของสถานที่ แขกที่จะได้มารับประทานอาหารที่นี่ นอกจากจะเงินหนาหนักแล้ว ยังต้องมีโชคด้านการจองโต๊ะด้วย หรืออย่างร้ายที่สุดก็ต้องรู้จักใครสักคนที่พอจะช่วยได้ และณภัทรรู้จักคนคนนั้นเขานั่งรอพริมาอยู่ที่โต๊ะซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้จะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำได้อย่างเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน เพียงไม่นานเขาก็เห็นบริกรเดินนำเธอเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นเข้ากับชุด มือเล็กถือกระเป๋าสีแดงมาด้วย ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับผู้หญิงมามาก แต่พริมามีอะไรบางอย่างที่น่ามองกว่า
ว่าจบก็ดึงณภัทรเข้าไปประกบปาก จูบหนัก ๆ ทิ้งความวูบวาบไว้ทั่วใบหน้าและลำคอ บางครั้งเมื่อเขาทำท่าจะผละออก ชายหนุ่มก็จะจูบแรงขึ้น เหมือนจะย้ำเตือนว่าไม่มีทางหนีพ้น ส่วนมือก็ปัดป่ายไปทั่ว เดี๋ยวก็สอดเข้ามาในเสื้อ เดี๋ยวก็เลื่อนลงไปด้านล่าง แต่วนอยู่แบบนั้น ไม่ยอมล้วงเข้าไปสักที เสร็จแล้วก็วนกลับมาด้านบนเหมือนจะแกล้งณภัทรเริ่มหงุดหงิด “ไหนบอกว่าจะทำไง”“แล้วไหนบอกว่าไม่เอาไง มาเร่งอะไร”“ภูมิ”“ยอมแล้วใช่มั้ย กลางทะเลเลยนะ”“ยอม”รอยยิ้มแบบผู้ชนะผุดขึ้นบนริมฝีปาก “แต่ผมยังไม่พร้อม”ณภัทรรู้ตัวว่าโดนแกล้ง แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อแค่จูบกับสัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคนคนนี้มันกลับปลุกเขาได้ภายในไม่กี่วินาที เขาจึงเอื้อมมือไปดึงกางเกงปรัชญ์ภูมิลง ดันร่างหนาขึ้นเล็กน้อย แล้วตัวเองก็ขยับให้อยู่ในท่าที่จะใช้ปากได้พอดี“คุณจะ...” พูดไม่ทันจบประโยค เสียงก็หายไปในลำคอเพราะโดนเขาจู่โจมณภัทรจัดการแลบลิ้นเลียตรงส่วนหัวที่ตื่นตัวรออยู่แล้ว มือก็ขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ยิ้มเมื่อคนรักครางออกมาเสียงต่ำ ก่อนจะอ้าปากรับแก่นกายที่พองขยายจนเต็มขนาดเ
ท้องฟ้าตัดกับผืนน้ำเบื้องหน้าสะท้อนแสงเป็นประกาย ลมเย็นพัดโดนใบหน้า พาเอากลิ่นเกลือทะเลมาปะทะจมูก และอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไปทำให้วันหยุดของปรัชญ์ภูมิและณภัทรกลายเป็นหนึ่งในวันที่สวยงามเลยทีเดียวณภัทรถอนหายใจอย่างเป็นสุขขณะยืนอยู่ตรงหัวเรือ เฝ้ามองคลื่นที่กระเพื่อมเข้ามาหา นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเป็นอิสระแบบนี้อยู่ดี ๆ ปรัชญ์ภูมิก็ชวนมาล่องเรือเล่นกลางทะเล แล้วบอกว่าถ้าเขาอยากจะตกปลาด้วยก็ยังได้ ไม่ว่าจะอยากทำอะไร เขาก็พร้อมจะบริการและตามใจทุกอย่าง ตัวเขาเองเห็นว่าหลังจากเหตุการณ์เฉียดตายครั้งนั้น ทั้งคู่ก็กลับมาทำงานทันที ยังไม่ได้พักผ่อนอะไรกันเลย จึงชอบใจในไอเดียของคนรักมาก เขาเลยรีบตอบตกลงและขอให้มาเที่ยวด้วยกันโดยเร็วที่สุด แต่ปรัชญ์ภูมิบอกว่าต้องยืมเรือของเพื่อนก่อน แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะเขามีเรือของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งคู่ก็เลยได้มาอยู่กลางทะเลกันในเวลานี้เขาเดินกลับเข้ามาหาคนขับเรือคนเก่งที่แต่งตัวสบาย ๆ ได้สักที โดยที่เขาไม่ต้องขอหรือบอกให้ทำ ก่อนจะเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วเอาคางเกยไหล่“ขอบคุณมากครับ”
“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทัก“ผมไม่ใช่โฮสต์ครับ” เขาตอบปฏิเสธ เหตุการณ์นี้เคยเกิดกับเขาอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ซึ่งมันก็ทำให้รู้สึกขำมากกว่าจะรำคาญ“ถึงว่าสิ ท่าทางของคุณไม่เหมือนคนที่จะมาเอาใจคนอื่นเลย”“คุณเพิ่งมาที่คลับนี้เหรอ” ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว กว่าณภัทรจะมาก็คงอีกนาน เขาเลยชวนเธอคุยแก้เบื่อ“รู้เลยเหรอคะ”“ผมมาที่นี่บ่อย เห็นผู้คนมากมาย ก็เลยพอจะดูออก”“มีแต่คนแนะนำให้ฉันมาที่นี่ บอกว่าเพลงเพราะ โฮสต์หน้าตาดี เอาใจเก่ง การบริการก็ดี แต่พอฉันมา เด็กโฮสต์กลับไม่ว่างเลยสักคน ฉันก็ไม่พ้นต้องเหงาเหมือนเดิม”“งั้นนั่งอยู่นี่ รอเด็กโฮสต์ไปพลาง ๆ นะครับ” เขากวักมือเรียกพนักงาน “คุณดื่มอะไรดี”“เอาเหล้าแรง ๆ มาเลยค่ะ ไม่ผสม”เขาเลยสั่งวอดก้าให้เธอ แต่ก็กระซิบบอกให้เอาเบียร์มาเผื่อด้วย เธอจะได้ไม่เมาเกินไป“ทำไมคุณถึงยอมคุยกับฉันล่ะคะ ในเมื่อไม่ได้เป็นโฮสต์”“ผมมีน้องสาวอยู่คนนึง ท่าทางเหมือนคุณเลย เธอก็ขี้เหงาเหมือนกัน และชอบมาที่นี่มาก ผมเคยมาตามเธอหลายครั้งเพราะเป็นห่วงตามประสาพี่ชาย”หญิงส
ณภัทรออกจากโรงพยาบาลหลังจากใช้เวลาเป็นเดือนไปกับการรักษาตัว เจ้าตัวยืนยันว่าแผลหายสนิทดีแล้ว แต่ปรัชญ์ภูมิก็ยังไม่วางใจ ปฏิบัติต่อคนที่เจ็บแทนเขาด้วยความระมัดระวังและนุ่มนวลอยู่เสมอ ทั้งยังคอยตามทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะกิน นอน นั่ง เดิน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างการลื่นล้ม หรือป้องกันการลืมกินยา มันเลยกลายเป็นว่า คนบ้างานตอนนี้กลับยินดีจะไม่ไปทำงาน หรือยอมกลับบ้านเร็วเพื่อจะมาดูแล ‘แฟน’ ของตัวเอง โชคดีที่พ่อเข้ามาบริหารบริษัทอีกครั้งหลังจากร่างกายแข็งแรงดีแล้ว และยัยพริมก็เอาการเอางานมากขึ้น จึงช่วยแบ่งเบาภาระเขาลงไปมาก“คุณค้าบ ผมโอเคแล้วจริง ๆ ไม่ต้องมาเฝ้าหน้าห้องน้ำแล้วนะ”“ใครจะไปรู้ล่ะ เผื่อคุณลื่นล้มหัวฟาด ผมจะได้ช่วยทันไง” ตอบก่อนจะยื่นมือให้ “มา”ณภัทรวางมือบนมือเขา ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับปมผ้าเช็ดตัวเอาไว้เมื่อมันทำท่าจะหลุด“ปล่อยมันหลุดไปเหอะ ผมเห็นอยู่เป็นประจำ”“เกินไปแล้วนะครับภูมิ”เขาตอบคำพูดนั้นด้วยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้าน “ผมชอบตัวเองเวอร์ชันนี้นะ ทำให้คุณนิ่งไปเลย”“ความจริงแล้วคุณมันก
ณภัทรพยายามดันร่างหนาออก แต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มโอบเขาเอาไว้ไม่ให้ผละหนีแล้วเริ่มจูบด้วยความหนักหน่วง ถ่ายทอดความร้อนรุ่มผ่านลิ้นที่แทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเขาเอาไว้แล้วดูดดึงไปตามอารมณ์ณภัทรแปลกใจกับความกระหายอยากของอีกฝ่าย แต่ก็คล้อยตามไปโดยไม่ขัดขืน เมื่อถูกดันลงให้นอนราบกับเตียงแล้วปรัชญ์ภูมิก็คร่อมร่างเขาเอาไว้ พอมองจากมุมนี้ ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองแพ้ให้กับคนคนนี้อีกครั้ง“ถ้าเจ็บบอกนะ แต่...เมื่อวานคุณบอกเองว่าแผลใกล้จะหายแล้ว ก็คงทำได้แหละเนอะ”“จะมาพูดทำไมอีกล่ะ ถ้าขึ้นมาอยู่บนตัวผมขนาดนี้แล้ว”“พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ เพราะถึงเวลาทำจริง คุณก็ต้องมาร้องขอให้ผมทำแรง ๆ อยู่ดี”เขาอยากจะเตะคนหลงตัวเองตกจากเตียงไม่ก็ฟาดสักที แต่เมื่อชายหนุ่มก้มลงมาจูบต่อ เขากลับเผลอเอามือคล้องเกี่ยวคอแกร่งเอาไว้ เคลิบเคลิ้มไปกับความนุ่มหยุ่นของริมฝีปาก ลิ้นอันซุกซนและช่างหยอกล้อ ทำให้เขาปล่อยตัวปล่อยใจไปตามการชักนำของปรัชญ์ภูมิอย่างง่ายดายจากนั้นเสื้อก็ถูกดึงขึ้นเพื่อจะได้จูบไปตามร่างกายของเขาทุกส่วน คนทำค่อย ๆ เคลื่อนตัวต่ำลงไป เมื่อถูกจูบเน้น ๆ ตรงหน้า
โรงพยาบาลซึ่งปรัชญ์ภูมิบ่นนักบ่นหนาว่าไม่อยากมาได้กลายเป็นสถานที่ซึ่งทั้งสองใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยกัน แม้จะบ่นที่ตัวเองได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านตั้งหลายวันแล้ว แต่ยังต้องคอยมาเยี่ยมและอยู่เฝ้าเขาในทุก ๆ วัน แต่มันก็ไม่มีวันไหนเลย ที่ณภัทรจะไม่เห็นชายหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีเข้มจัดทรงอย่างดี และแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจกลับจากตีกอล์ฟหรือไม่ก็คลับเฮาส์ เดินเข้ามาในห้องด้วยถุงของกิน ไม่ก็เสื้อผ้าหรือแฟ้มงานของตัวเอง“สวัสดีครับคุณนักธุรกิจ” ณภัทรกล่าวทักพลางตบที่นั่งข้างตัว ด้วยความที่เตียงใหญ่มาก เขาเลยชอบชวนให้ปรัชญ์ภูมิขึ้นมานั่งบนนี้ จะได้อ่านหนังสือ เล่นเกมหรือดูหนังด้วยกันได้“คุณนักธุรกิจเบี้ยวงานเกือบทุกวันเลย แถมวันนี้ยังไม่ได้หอบงานกลับมาด้วยนะ เพราะมีคนบ่น”“ก็ต้องบ่นสิผมนอนเป็นผักอยู่นี่ คุณจะมานั่งทำงานอยู่ได้ไง ต้องคอยดูแลผมสิ” คนป่วยว่าอย่างเอาแต่ใจ“คร้าบบ ผมถึงได้มานี่ไง”ปรัชญ์ภูมิเลิกงานเร็วกว่าปกติเพื่อจะได้มาทันก่อนที่พยาบาลจะเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ให้ยาและทำแผล นอกจากนั้นเขาจะเป็นคนดูแลณภัทรเองทั้งหมด แม้แต่ช่วยพาไปเข้า
ปรัชญ์ภูมิถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกทีเพื่อรับประทานอาหารเย็น เมื่อทานเสร็จเรียบร้อย พริมาอาสามาส่งเขาที่ห้องของณภัทร พอเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นชายหนุ่มนอนดูทีวี ท่าทางเบื่อหน่าย จึงเผลอยิ้มออกมา“ภัทร” เขาส่งเสียงเรียก ทำมือให้พริมหยุดรถไว้ข้างเตียง“ภูมิมาได้จังหวะเลย ผมกำลังเบื่ออยู่พอดี” คนป่วยทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง “โอ๊ย!” แต่เจ็บแผลจนต้องนอนลงไปเหมือนเดิม“ระวังหน่อยสิ” คนเจ็บน้อยกว่าดุ“นี่ ภัทรอย่าทำตัวให้พี่ภูมิห่วงไปมากกว่านี้เลย ตั้งแต่ออกมาจากห้องฉุกเฉินจนถึงตอนนี้ พี่ภูมิเอาแต่ถามถึงคุณนะ” พริมาได้ทีรีบพูด ก่อนจะโดนพี่ชายดุแล้วไล่ออกจากห้อง“ไปเลยพริม พูดอะไรเรื่อยเปื่อย กลับบ้านไปเลยก็ได้”“พริมพูดเรื่องจริงนี่”“จริงเหรอครับ” ณภัทรถามยิ้ม ๆ แต่เขาเลือกที่จะไม่ตอบและเบือนหน้าหนี“พริมไปก่อนดีกว่า เผื่อพี่ภูมิจะเขินน้อยลง” หญิงสาวทิ้งท้ายก่อนจะรีบเดินออกไป ไม่อย่างนั้นได้โดนพี่ชายเขกหัวโนจริง ๆ“ทำไมคุณมาช้า” ณภัทรถามหลังจากอยู่กันสองคนแล้ว“พริมบอกว่าหมอให้คุณพักผ่อน และไม่มีใครยอมพาผมมา” เขาตอบตามจ
“พ่อคะทำไมถึงห้ามพริม” เธอถามถึงตอนที่พ่อหยุดเธอไว้ก่อนที่เธอจะเล่าความจริงอีกเรื่องให้พี่ชายฟัง“ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ให้พี่เราได้พักผ่อนแล้วฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน”“แต่ว่าพ่อ…”“พ่อไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”พริมามองสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปมากของบิดา ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพราะสังขารที่ร่วงโรยไปตามไว แต่มันไม่ใช่ พ่อถูกนังปีศาจวางยาพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแรง นอกตากนี้ยังวางยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้พ่อเกรี้ยวกราดใส่พวกเธอที่เป็นลูกแท้ ๆ และเห็นดีเห็นงามกับนังนั่นเสมอ มันทำอย่างแนบเนียนกะรอวันที่กำจัดเธอและพี่ออกไปได้ และพ่อตายลง พวกมันจะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติทั้งหมด นึกแล้วยิ่งแค้นไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อสองวันก่อนอาการของพ่อกำเริบจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นังนั่นยังมีหน้าทำเป็นเสแสร้งเข้าไปดูแลเอาอกเอาใจพ่อ และใส่ไฟเธอกับพี่ชายเป็นการใหญ่ แค่ความจริงแล้วคงลุ้นอยากให้พ่อตายจนตัวสั่น มันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยเริ่มแผนการขั้นสอง คือการกำจัดพี่ชาย หลังจากนั้นคงไม่พ้นตัวเธอ แต่แผนที่วางไว้เสียดิบดีก
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลย่อมเป็นสถานที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก หลังออกมาจากห้องที่ถูกพยาบาลเข็นเข้าไปและทำอะไรมากมายบนตัวเขา ในขณะที่ความคิดก็จดจ่ออยู่กับเรื่องเดียวว่าณภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้เขาจะถูกตีหลายแผล หมอบอกว่ามีอาการช้ำใน แต่โชคดีไม่มีกระดูกตรงไหนหัก และก็ไม่ได้เลือดไหลจนหมดตัวเหมือนกับที่ณภัทรเป็นเขานั่งมองจอโทรทัศน์ที่พริมาเปิดไว้ให้ สรุปแล้วเธอถูกจับไปจริง แต่ขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ คนร้ายพยายามให้เธอคิดว่ามันคือโกดังร้างแล้วพูดออกมาให้เขาเข้าใจผิด เมื่อเขาออกมาตามน้อง มันจะได้ล่อจับแล้วจัดฉากให้เขาขับรถด้วยความเร็วจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโชคยังดีที่เขาไม่ได้ถูดยัดเข้าไปในรถทั้งที่ยังโดนมัดมือเพราะณภัทรให้เพื่อนตำรวจหาพริมาเจอก่อน แล้วตัวเองก็รีบออกมาตามหาเขาเพื่อส่งข่าว ความจริงแล้วถ้าเขาไม่รีบร้อนลงจากรถ ก็คงจะได้รับข้อความของณภัทรแล้วขับรถกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แทนที่จะตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ และที่สำคัญณภัทรคงไม่ต้องโดนแทงเลือดท่วมขนาดนี้จากความพยายามที่จะช่วยเขา“