ความดื้อด้านเกินรับมือของน้องสาว ทำให้ปรัชญ์ภูมิแทบจะเป็นประสาทตายทุกวัน ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซขึ้นบันไดหนีเขาด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดีว่าทำไมพริมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้
เรื่องมันเริ่มจากการที่สองคนพี่น้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่ถึงสามเดือนพ่อก็เอาคนอื่นมาแทนที่ โดยที่น้ำตาของน้องสาวเขายังไม่หายเหือดแห้งไปเท่าไรนัก มิหนำซ้ำผู้หญิงที่พ่อนำเข้ามาในบ้านจงใจเป็นปฏิปักษ์กับลูกเมียเก่าอย่างพวกเขาชัดเจน แต่เสแสร้งตีบทแม่เลี้ยงแสนดีต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังกลับหาเรื่องรังควาญสารพัด พอพวกเขาตอบโต้กลับ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ปรารถนาดีแล้วอยากผูกมิตร พ่อก็ดันเชื่อและหลงในความกลับกลอกนั่นและไม่ใส่ใจเขากับน้องอีกเลย ตั้งแต่นั้นเขาจึงนับเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพริมา และพริมาเองก็เช่นกันที่คอยเติมเต็มความอ้างว้างของคำว่าครอบครัวให้กับเขา สองพี่น้องจึงรักและห่วงใยกันมาก
สำหรับปรัชญ์ภูมิแล้ว พ่อจะรักหรือชอบใครใหม่เขาไม่มีปัญหา แต่คนคนนั้นต้องไม่พยายามจะแย่งส่วนที่ควรเป็นของทั้งสองคน ไม่ว่าจะเครื่องประดับเก่าของแม่ บ้านริมทะเล ที่ดินต่างจังหวัด หรือแม้แต่กระดาษหนึ่งแผ่น ไปจนหินหนึ่งก้อนในสวน หรือห้ามมีการปฏิบัติไม่ดีต่อกันในบ้านนี้เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าทางฝั่งนั้น ที่มาพร้อมกับลูกติดจอมร้ายกาจไม่ยึดตามกฎกติกานี้เหมือนเช่นที่เขายึด บ้านที่เคยสงบสุขเลยกลายเป็นทะเลเพลิงที่แผดเผาทุกคนในที่นี้ไปด้วยกัน ทุกคนต่างมองออกว่าคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านจงใจเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ มีเพียงประมุขของบ้านที่หน้ามืดตามัวจนถึงขั้นใจดำกับลูกแท้ ๆ ของตนเอง
ตัวเขาเองนั้นทนได้ เหมือนที่ต้องอดทนกับอีกร้อยเรื่องราวบนโลกนี้ เขาทนการที่พ่อนอกใจแม่หลายครั้งและคิดว่าไม่มีใครรู้ จนกระทั่งวันที่แม่ตายไป ทนการต้องแบกรับความคาดหวังของครอบครัว อดทนกับการเป็นพี่ชาย ทนกับการยั่วยุกวนประสาทจากลูกติดของผู้หญิงที่ทั้งคู่ไม่อยากจะยอมรับว่าคือแม่เลี้ยง เขาอดทนและแบกรับทุกอย่างมาโดยลำพังตลอดโดยไม่ปริปาก แต่พริมาต่างออกไป เธอตอบสนองทุกอย่างตรงข้ามกับเขาและประกาศกร้าวว่าจะไม่ทนอะไรทั้งนั้น การกระทำของเธอทำให้พ่อเหมารวมว่าเธอคือหนึ่งในกลุ่มเด็กใจแคบ ที่ปรับตัวไม่ได้และขี้อิจฉาเวลาพ่อหรือแม่แต่งงานใหม่เพราะกลัวถูกแย่งความรัก เขาเลยเอาแต่พร่ำบ่นว่าเธอไร้สาระ ไม่รู้จักโต และเลือกที่จะไม่ให้ค่าให้คำพูดของเธอที่บอกว่าแม่เลี้ยงและลูกสาวของหล่อนพยายามจะฮุบสมบัติของครอบครัว หรือสองคนนั้นทำตัวแย่อย่างไรลับหลังเขา
ซึ่งนั่นคือเรื่องจริง แต่ทั้งสองคนแนบเนียนมาก ขั้นแรกก็เอาพ่อไปเป็นพวกได้นี่แหละ ส่วนขั้นที่สองก็น่าจะเป็นการปั่นให้เขากับน้องสาวทะเลาะกัน สองแม่ลูกต้องการโดดเดี่ยวพริมาโดยเอาเขาไปเป็นพวก
ความอิจฉาริษยาของผู้หญิง
แต่เขาที่รับรู้เรื่องทุกอย่างอยู่ตลอดทำให้ไม่ว่าพวกนั้นจะพยามกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล และเขากับพริมารักกันมากเกินกว่าที่ใครจะยื่นมือเข้ามาสอดได้ เพราะฉะนั้นต่อให้น้องสาวจะร้ายกาจอย่างไรปรัชญ์ภูมิก็ยังจะเข้าใจเธออยู่เสมอ
ถึงกระนั้นมันก็มีบางครั้งเหมือนกันที่พี่ชายอย่างเขาอยากจะลงโทษเจ้าเด็กดื้อคนนี้ให้เข็ดหลาบเสียบ้าง
“พริม” ปรัชญ์ภูมิหยุดน้องสาวไว้ด้วยเสียงเรียบเข้ม
“ถ้าพี่ภูมิจะบ่นพริมละก็ ขอเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ ตอนนี้พริมเมามาก เวียนหัว แล้วก็ง่วงมากด้วยค่ะ” เธอหยุดอยู่บนบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะหันมาทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจใส่
“ไม่ได้ครับ พริมก็รู้ว่าเรื่องอะไรพี่ยอมตามใจเราตลอด แต่ไปเที่ยวเละเทะแบบนี้มันเกินไป” ปรัชญ์ภูมิเดินตามขึ้นมา แล้วพยายามคุยกับน้องอย่างใจเย็น
“เละเทะอะไรพี่ภูมิ มันก็แค่คลับ ๆ นึงเท่านั้นแหละ” พริมาเถียงกลับ
แม้จะไปที่นั่นบ่อย ๆ แต่ก็รู้ลิมิตของตัวเอง เธอเพียงต้องการหาเพื่อนคุย คนที่จะรับฟังและเข้าใจเธอ ซึ่งณภัทรทำหน้าที่นั้นได้ดีเสมอ แม้เธอจะชอบเขามาก แต่ความคิดที่อยากขึ้นเตียงกับเขากลับไม่เคยเกิดขึ้นในหัวสมองเลย การยั่วยวนที่เกือบแนบชิดกันหลาย ๆ ครั้งก็เป็นเพียงการเล่นสนุก และณภัทรก็รับมุกบ้างเพราะว่าเขาเข้าใจมันดี อาจเพราะเป็นเช่นนี้ จึงทำให้เขาสนิทกับเธอมากกว่าลูกค้าคนอื่นที่คอยแต่จ้องจะงาบตัวเขาก็เป็นได้
“แต่นั่นมันคลับโฮสต์นะพริม! แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ มันพยายามจะลวนลามพริมนะ” ปรัชญ์ภูมิบอกในสิ่งที่ตาเห็น แต่เขาคงจะหัวโบราณ หรือไม่ก็หวงน้องสาวมากเกินไปจนมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็อย่างว่า เวลานั้นใครจะมานั่งสังเกต เมื่อความโกรธเข้าครอบงำเสียขนาดนั้นพริมากลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “โธ่พี่ภูมิ ใคร ๆ เขาก็ไปกัน แล้วภัทรเขาลวนลามที่ไหนล่ะ พริมยินยอมเองต่างหาก ไม่สิ พริมเนี่ยแหละไปอ่อยเค้า”“พริม!” ปรัชญ์ภูมิไม่คิดว่าเธอจะตอบออกมาอย่างนี้ เขานึกอยากจะจับเธอฟาดก้นนักที่ริอ่านทำตัวก๋ากั่นเป็นเด็กสาวใจแตกเช่นนี้“ก็มันจริงนี่ ทีนี้พี่ก็เลิกหงุดหงิดเขาได้แล้วค่ะ” เธอตัดบท แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทางห้องของตัวเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ยังตามไม่หยุด เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ“โอเค พี่ไม่หงุดหงิดมันก็ได้ แต่พริมต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ไปที่แบบนั้นอีก” ปรัชญ์ภูมิพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลงแล้วพูดกับน้องสาวดี ๆพริมาหันกลับมา กอดอกมองพี่ชาย รู้ว่าเขาห่วง แต่นี่ออกจะเกินไปสักหน่อย และที่สำคัญคือเธอโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างเมื่อก่อน เธอถอนใจแล้วพูดกับพี่ชาย “นี่ม
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” พริมาหาทางเลี่ยง“หืม…พี่คุณอยู่ด้วยเหรอ” เสียงเจือหัวเราะแกมขบขันถามกลับมา ทำให้อีกคนที่ยืนฟังอยู่ด้วยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ใช่มั้ย ปกติคุณไม่เคยไม่อยากคุยกับผมนี่นา” ณภัทรแกล้งอ้อนหวาน ๆ ต่อ แล้วจงใจพูดกับอีกคนหนึ่ง “ฟังอยู่ใช่มั้ยครับคุณพี่ชาย ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของน้องมากเกินไปรึเปล่า”“ปกติผมไม่เคยวุ่นวายกับน้องนะ จนกระทั่งมารู้ว่าน้องรู้จักกับคนแบบคุณ” คนหวงน้องโต้ตอบทันควัน“คนแบบผมมันทำไมครับ ก็แค่เจ้าของคลับที่มีผู้หญิงรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด อ้อ…ผู้ชายด้วย แต่ผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใครนะ พอดีว่าใช้ความหล่อและเงินซื้อเอา นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย” ณภัทรสวนกลับอย่างคนหลงตัวเองจนบางคนนึกหมั่นไส้แม้จะรู้ว่าถูกยั่วยุ แต่ปรัชญ์ภูมิก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าอยู่เหมือนกัน เขาไม่ถูกชะตาผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ดูอย่างไรก็มีมีวันเป็นคนดีในสายตาเขาไปได้พร้อมกันนั้นพริมากลับแปลกใจในความกวนและความใส่ใจเกินปกติของณภัทร เขาไม่เคยโทรมาถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง อย่างดีก็ส่งข้อความเป็นครั้งคราวเพราะมีคน
ปลายสายหลุดหัวเราะพรืด เป็นเสียงหัวเราะร่าเริงจนพริมานึกออกว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะน่าดูขนาดไหน เวลาปกติณภัทรก็มีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่แล้ว พอยิ้มหรือหัวเราะขึ้นมายิ่งแทบละลาย ซึ่งเธอเห็นทีไรก็ยังไม่ชินสักที ยอมรับว่ายิ้มของเขาทำให้ใจสั่น และมันก็ทำให้ความชอบพอในตัวคนคนนี้เพิ่มขึ้นมาก ๆ แต่ก็อย่างที่รู้ แม้จะชอบรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไม แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงที่มิอาจเหยียบย่างเข้าไปได้ง่าย ๆ และเธอเองก็พอใจกับสถานะของเธอกับเขาเช่นนี้“พริมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ พี่ถึงจะต้องตามไปนั่งคุมเวลามีเดต” พริมาหันไปเอาเรื่องกับพี่ชาย“ก็แล้วแต่ หรือพริมจะไม่ไปเลยก็ได้นะ” ปรัชญ์ภูมิกวนหน้าตาเฉย กวนแบบตีสีหน้านิ่ง ๆ ตามแบบฉบับเขานั่นแหละ“จะบ้าตาย” เธอตบหน้าผากตัวเองแปะ ๆ หรือไม่ก็อยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด“ปล่อยให้เขามาเถอะครับ แต่จะมีเก้าอี้นั่งมั้ยไม่รู้นะ ร้านนี้เขารับแต่ลูกค้าวีไอพี” ณภัทรแกล้งพูดข่มนิด ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการยั่วคนหัวแข็งอย่างปรัชญ์ภูมิ
ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำ ที่แต่งแต้มไปด้วยแสงไฟมากมายจากทั่วทุกตรอกซอกซอยและถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวตัดผ่านเมือง กลายเป็นความงามตามธรรมชาติและทำให้ผู้ที่มานั่งใช้บริการของร้านดื่มด่ำกับความสุขและลมเย็นที่พัดโชยมาเบา ๆ ด้วยความที่วิวสวย อาหารก็รสเลิศ บวกกับการบริการดีเยี่ยม ร้านอาหารแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจนถึงขนาดต้องจองล่วงหน้า และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ไปไหน เพราะต้องการคงไว้ซึ่งความพิเศษของสถานที่ แขกที่จะได้มารับประทานอาหารที่นี่ นอกจากจะเงินหนาหนักแล้ว ยังต้องมีโชคด้านการจองโต๊ะด้วย หรืออย่างร้ายที่สุดก็ต้องรู้จักใครสักคนที่พอจะช่วยได้ และณภัทรรู้จักคนคนนั้นเขานั่งรอพริมาอยู่ที่โต๊ะซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้จะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำได้อย่างเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน เพียงไม่นานเขาก็เห็นบริกรเดินนำเธอเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นเข้ากับชุด มือเล็กถือกระเป๋าสีแดงมาด้วย ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับผู้หญิงมามาก แต่พริมามีอะไรบางอย่างที่น่ามองกว่า
นั่นไงล่ะ ถ้าน้องสาวยืนยันมาขนาดนี้ก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณปรัชญ์ภูมิจอมเย็นชาขี้เก๊กนั่น แล้วไปรู้จักยันเจ้าของร้านได้ยังไง เกินหน้าเกินตาชะมัด ณภัทรรู้สึกขัดใจนิดหน่อย“เห็นมั้ยล่ะคะ ฉันบอกแล้วว่าอย่าประมาทเขาเชียว” หญิงสาวหันมาพูดเจือรอยยิ้ม หลังจากประหลาดใจในตอนแรกพริมาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เธอรู้จักพี่ชายตัวเองดี ถึงว่ายอมปล่อยเธอออกมาง่ายเหลือเกิน คงวางแผนไว้แล้วสิท่าณภัทรทำหน้างอก่อนจะปรับสีหน้าใหม่เมื่อชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเดินตรงเข้ามาโดยมีผู้จัดการร้านเป็นคนพามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มระรื่นคล้ายจะเยาะเย้ยปรัชญ์ภูมิแต่งตัวไม่ต่างจากที่ไปโฮสต์คลับ ไม่ว่าจะเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงสแลกส์ขายาว ต่างกันตรงที่วันนี้ชายหนุ่มเซ็ตผมไว้อย่างเรียบร้อย และหน้าตาไม่ได้ดูเหนื่อยล้ามากนัก“สวัสดีครับคุณภัทร” ผู้มาใหม่เอ่ยทัก เน้นท้ายประโยคอย่างจงใจ“สวัสดีครับ” ณภัทรตอบรับห้วน ๆ อารมณ์ไม่ค่อยจะดีเพราะรู้สึกเสียหน้า อย่างนี้เขาคงต้องหาเรื่องเอาคืนเสียหน่อย“ไม่คิดเลยนะครับว่าท
“เป็นไงคะ โดนพี่ฉันกวนกลับ” พริมาชวนคุย“สนุกดีครับ แต่แอบหมั่นไส้” สายตาของชายหนุ่มมองตามไปทางที่ร่างสูงเพิ่งลุกเดินออกไป“เอาฉันมาเพื่อจะหลอกล่อพี่ฉันแท้ ๆ” หญิงสาวทำเป็นตัดพ้อเขายิ้มตาหยีก่อนจะจับมือเธอมากุมแล้วบีบเบา ๆ “ผมชอบคุยกับคุณจะตาย คุณก็รู้ ในบรรดาทุกคนรอบตัวผม มีใครที่ผมสนิทด้วยเท่าคุณมั้ยครับ ก็ไม่มี เพราะงั้นอย่าคิดแบบนั้นอีกนะ ถึงพี่คุณไม่มานั่งเป็นตอไม้ให้ผมแกล้ง ผมก็อยากเจอคุณอยู่ดี”“ไอ้ยิ้มแบบนี้ พูดเสียงอย่างนี้ ฉันขออัดคลิปไว้ได้มั้ยคะ จะเอาไปอวดคนอื่น”เขาหัวเราะออกมา แม้จะไม่ดังและไม่ได้รบกวนคนใคร แต่ไม่ว่าใครที่เห็นรอยยิ้มเป็นประกาย ก็ต้องหันมามองกันทุกคน แต่รอยยิ้มนั้นก็มีอันต้องหุบลง เมื่อคนหวงน้องอันดับหนึ่งกลับมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้ากุมมือน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนอยู่“เอามือออก!!”“โอ๊ย! คุณ !” ณภัทรร้องอย่างตกใจเมื่อถูกกระชากมือออกอย่างแรง“ห้ามถึงเนื้อถึงตัวน้องสาวผม” คนหวงน้องขู่ด้วยหน้าตาถมึงทึง“งั้นจะให้ถึงเนื้อถึงตัวใคร” เขายิ้มมุมปาก ทำเป็นไล่สายตาขึ้นลงทั่วร่างชายหนุ่ม “คุณเ
ปรัชญ์ภูมิยังคงจับตาดูณภัทรอยู่เสมอ หลังจากที่เจอกันวันนั้น และดูเหมือนว่าณภัทรก็ไม่เคยหมดพลังหรือหมดแรงที่จะยั่วโมโหเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ยังคงมาวนเวียนอยู่กับพริมา ชวนไปที่โน่นที่นี่หรืออย่างน้อยก็ให้ได้โทรมา และพอโดนเขาต่อว่าก็จะยิ้มหน้าระรื่นที่แกล้งเขาสำเร็จ แต่ก็มีบางครั้งที่ทั้งสองคนรอดหูรอดตาเขาไป เพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการสืบหาความจริงเรื่องบัญชีที่ผิดปกติของบริษัทวันนี้ปรัชญ์ภูมิยังคงกลับบ้านดึกเหมือนเคย เมื่อเดินเข้ามาถึงโถงกลางพลันชะเท้าแล้วหยุดมองไปรอบ ๆ บ้านหลังใหญ่ที่เงียบเหงาในช่วงเวลาแบบนี้ แม้แต่แม่บ้านก็เข้านอนกันไปหมดแล้ว เนื่องจากเขาได้สั่งไว้ว่าไม่ต้องอยู่รอจนเขากลับ เพราะบางครั้งเขาก็อยู่ทำงานจนดึก ผิดกับสองแม่ลูกนั่นที่ชอบปลุกคนงานในบ้านขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม แม้แต่ตอนตีสอง เพราะหาชุดนอนตัวโปรดของตัวเองไม่เจอเขาได้รับสายจากพริมาแล้วว่าวันนี้เธอกลับบ้านตรงเวลา เขาเลยเดินขึ้นบันไดอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าน้องจะไปกับผู้ชายคนนั้น แต่กลายเป็นว่ายังมีเรื่องมาให้เสียอารมณ์อยู่ดี เมื่อเดินสวนกับสองแม่ลูกที่กำลังจะ
“ทำไมคะ หรือมีเรื่องอะไรก่อนหน้านี้ที่พริมพลาดไป” คนเป็นน้องสาวสงสัยว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ มิเช่นนั้นพี่ภูมิคงไม่ระเบิดออกมาอย่างนี้“พี่รู้สึกว่าสองคนนี้เป็นตัวปัญหา” เขายอมให้น้องช่วยคลายปมเนกไทออกให้ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกัน“พริมรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่พ่อพาพวกมันเข้าบ้านแล้วค่ะ” น้องสาวเข้าใจไปอีกทางพี่ชายส่ายหัว“พี่หมายถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น แต่พี่ยังหาไม่เจอสักทีว่ามันคืออะไรกันแน่ แม้มันจะมีเงื่อนงำและอะไรแปลก ๆ โผล่มาให้เห็นเรื่อย ๆ ก็ตาม” เขาแชร์ปัญหาที่ขบคิดอยู่ให้น้องสาวได้รับรู้“เรื่องเงินรึเปล่าคะ” พริมานึกถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด จากนิสัยของสองแม่ลูกนั่นเห็นจะไม่พ้นเรื่องนี้ ที่แต่งงานกับพ่อแล้วพาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านก็เพราะเงินทั้งนั้น“พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น” ตัวเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับน้องสาว เพียงแต่ตอนนี้ยังขาดหลักฐาน“ถ้าพี่มีอะไรให้พริมช่วยก็บอกนะ ถึงจะดูไม่เอาไหน แต่เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา พริมสู้ยิบตา” หญิงสาวทำท่าขึงขัง ทำให้พี่ชายอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้“พี่รู้ ตั้งแต่เด็ก ๆ ใครมาแกล้ง
“พ่อคะทำไมถึงห้ามพริม” เธอถามถึงตอนที่พ่อหยุดเธอไว้ก่อนที่เธอจะเล่าความจริงอีกเรื่องให้พี่ชายฟัง“ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ให้พี่เราได้พักผ่อนแล้วฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน”“แต่ว่าพ่อ…”“พ่อไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”พริมามองสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปมากของบิดา ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพราะสังขารที่ร่วงโรยไปตามไว แต่มันไม่ใช่ พ่อถูกนังปีศาจวางยาพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแรง นอกตากนี้ยังวางยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้พ่อเกรี้ยวกราดใส่พวกเธอที่เป็นลูกแท้ ๆ และเห็นดีเห็นงามกับนังนั่นเสมอ มันทำอย่างแนบเนียนกะรอวันที่กำจัดเธอและพี่ออกไปได้ และพ่อตายลง พวกมันจะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติทั้งหมด นึกแล้วยิ่งแค้นไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อสองวันก่อนอาการของพ่อกำเริบจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นังนั่นยังมีหน้าทำเป็นเสแสร้งเข้าไปดูแลเอาอกเอาใจพ่อ และใส่ไฟเธอกับพี่ชายเป็นการใหญ่ แค่ความจริงแล้วคงลุ้นอยากให้พ่อตายจนตัวสั่น มันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยเริ่มแผนการขั้นสอง คือการกำจัดพี่ชาย หลังจากนั้นคงไม่พ้นตัวเธอ แต่แผนที่วางไว้เสียดิบดีก
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลย่อมเป็นสถานที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก หลังออกมาจากห้องที่ถูกพยาบาลเข็นเข้าไปและทำอะไรมากมายบนตัวเขา ในขณะที่ความคิดก็จดจ่ออยู่กับเรื่องเดียวว่าณภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้เขาจะถูกตีหลายแผล หมอบอกว่ามีอาการช้ำใน แต่โชคดีไม่มีกระดูกตรงไหนหัก และก็ไม่ได้เลือดไหลจนหมดตัวเหมือนกับที่ณภัทรเป็นเขานั่งมองจอโทรทัศน์ที่พริมาเปิดไว้ให้ สรุปแล้วเธอถูกจับไปจริง แต่ขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ คนร้ายพยายามให้เธอคิดว่ามันคือโกดังร้างแล้วพูดออกมาให้เขาเข้าใจผิด เมื่อเขาออกมาตามน้อง มันจะได้ล่อจับแล้วจัดฉากให้เขาขับรถด้วยความเร็วจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโชคยังดีที่เขาไม่ได้ถูดยัดเข้าไปในรถทั้งที่ยังโดนมัดมือเพราะณภัทรให้เพื่อนตำรวจหาพริมาเจอก่อน แล้วตัวเองก็รีบออกมาตามหาเขาเพื่อส่งข่าว ความจริงแล้วถ้าเขาไม่รีบร้อนลงจากรถ ก็คงจะได้รับข้อความของณภัทรแล้วขับรถกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แทนที่จะตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ และที่สำคัญณภัทรคงไม่ต้องโดนแทงเลือดท่วมขนาดนี้จากความพยายามที่จะช่วยเขา“
ระหว่างที่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี โทรศัพท์ก็สั่นครืด ๆ เขาจึงรีบหยิบมาดู‘เตรียมเงินให้พร้อม มาคนเดียว อย่าแจ้งตำรวจ จะนัดสถานที่อีกที’เขามองข้อความบนจอ เหลือบมองชายชุดดำซึ่งก้มมองมือถืออยู่เช่นกัน อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ามันคือคนที่จับน้องสาวเขาไว้แล้วส่งข้อความมาเขาแทบจะทนรอให้มันกลับเข้าไปด้านในไม่ไหว เขาควานหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้จากเบาะหลัง แต่ไม่เจออะไรเลย จึงลองเปิดลิ้นชักหน้า เห็นมีดพกเล่มหนึ่งเลยหยิบติดมือมาด้วย ดีกว่าเข้าไปตัวเปล่า จากนั้นก็ ค่อย ๆ ย่องลงจากรถ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นมันแน่ผู้ชายคนนั้นกำลังเปิดประตูโกดัง ขณะที่เขากำลังจะออกวิ่ง แต่กลับมีอะไรหนัก ๆ ฟาดลงมาที่หลังเต็มแรง“โอ๊ย! ”เขาทรุดลงกับพื้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะกลิ้งหลบเมื่อท่อนไม้ฟาดลงมาอีกครั้ง ความเจ็บจากการถูกทุบเมื่อครู่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง ตอนพยายามลุกขึ้น ขาถึงได้อ่อนเปลี้ยและโดนถีบซ้ำลงไปกับพื้นอีกรอบ“มึงมาหาน้องสาวเหรอ” มันกระชากคอเสื้อเขาขึ้น “แต่เสียใจด้วยนะ น้องมึงไม่ได้อยู่ที่นี่”“ใครส่งมึงมา ต้องการอะไร
“ผมอยากออกไปตามหาน้อง”“แต่มันดึกมากแล้วนะ คุณจะตามยังไง”“ก็ดีกว่านั่งเฉย ๆ แบบนี้นั่นแหละ เมื่อกี้พริมบอกว่าอยู่ที่โกดัง ในละแวกนี้จะมีโกดังที่ไหนบ้าง”“ถ้างั้นเดี๋ยวผมดูให้นะ”ณภัทรเดินไปหยิบไอแพดแล้วเปิดแผนที่เพื่อสำรวจหาโกดังหรือที่เก็บของขนาดใหญ่“ตอนพริมถูกจับและเพื่อนคุณโทรมาบอกมันก็เพิ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เพราะงั้นมันคงเอาพริมไปขังในที่ที่ไกลกว่านี้ไม่ได้” เขาวิเคราะห์พร้อมกับหาความเป็นไปได้ในแต่ละจุด“ตรงนี้หรือเปล่า” เขาซูมแผนที่“แต่ฝั่งทางนี้ก็มีเหมือนกันนะ” ณภัทรหมุนอีกด้านให้ดู“ผมจะลองไปทีละที่ก็แล้วกัน” ปรัชญ์ภูมิเลื่อนดูไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอโกดังอื่นอีก แต่ก็ไม่มีอะไรพอจะเข้าเค้า เขาจึงลุกขึ้น เตรียมจะออกไปทันที แต่ถูกรั้งแขนไว้“เดี๋ยวก่อนภูมิให้ผมไปด้วย เผื่อผมช่วยอะไรคุณได้บ้าง”คำขอของณภัทรทำให้เขาชะงักไป ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ความช่วยเหลือมากไปกว่านี้ อันที่จริงณภัทรก็ช่วยเขาเอาไว้มากแล้ว“ไม่เป็นไรคุณรออยู่นี่แหละ”“แล้วถ้าคุณกำลังจะโดนโจรฆ่าตาย ใครจะช่วยล่ะ”เขายิ้ม “ถ้าผ
ข่าวที่ปรัชญ์ภูมิได้รับจากเพื่อนทำให้เขาเกือบจะคลั่งตาย มันไม่มีทางที่คนคนหนึ่งอยู่ดี ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย พริมาอาจจะชอบเที่ยวดึกดื่น แต่เขาจะยังติดต่อน้องได้เสมอ แต่จากความพยายามเมื่อครู่ โทรศัพท์ของพริมาไม่มีสัญญาณหรือไม่ก็ปิดเครื่อง เขาจึงไม่สามารถติดต่อน้องได้ แล้วไอ้การที่เพื่อนบอกว่าเธออาจจะโดนลักพาตัวยิ่งทำให้เขาแทบจะเป็นประสาทด้วยความห่วงน้อง“ภูมิ” ณภัทรเอื้อมมือมาแตะไหล่ให้เขาใจเย็นลงตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะออกไปพบและหารือกับเพื่อน แต่ณภัทรแนะนำว่าถ้าหากพริมถูกลักพาตัวไปแล้วเขาออกไปข้างนอกคนเดียว ก็อาจจะตกเป็นเป้าได้ ทั้งคู่จึงยังนั่งอยู่ด้วยกันในคอนโด และติดต่อกับคนอื่นผ่านโทรศัพท์แทน“อะไรคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนคุณคิดว่าพริมถูกลักพาตัวไป” เวลานี้ณภัทรคนที่ขี้เล่นขี้แกล้งดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องใด ๆ กลับมีสติและควบคุมอารมณ์มากกว่าเขาทั้งที่ห่วงพริมาไม่แพ้กัน“มันโทรไปเตือนพริมไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ยังคุยไม่จบก็ได้ยินเสียงร้องของพริม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป สายหลุด โทรกลับก็ไม่ติดแล้ว เหมือนที่ผมลองเมื่อกี้นั่น
ปรัชญ์ภูมิตอบคำถามด้วยความเงียบแบบที่เป็นมาเสมอ และเขาก็เบื่อเกินกว่าจะซักไซ้ แต่ไม่อยากกลับเข้าไปในร้าน เลยเดินไปทางลานจอดรถเงียบ ๆ“กลับกับผม รถคุณก็จอดไว้นั่นแหละ”น้ำเสียงนั่นไม่ใช่คำสั่ง ณภัทรจึงยอมไปนั่งบนรถของชายหนุ่มแต่โดยดี แล้วทั้งสองก็มุ่งตรงกลับคอนโดโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงก็คือถ้าพูดอะไรให้อารมณ์เสียตอนขับรถ มันก็คงจะไม่ดีนัก“ผมขอโทษที่อารมณ์เสียใส่” จู่ ๆ ปรัชญ์ภูมิก็โพล่งขึ้นขณะอยู่ในลิฟต์“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องยอมรับว่าชอบเล่นสนุกแกล้งคุณจนคุณอารมณ์เสียบ่อย ๆ” ณภัทรตอบแต่ก็อดเติมคำต่อท้ายไม่ได้ “แต่ผมไม่ผิดนะ”ชายหนุ่มมองหน้าเขาแล้วยอมรับออกมาอย่างง่ายดายจนเขาแปลกใจ“อืม ผมผิดเองแหละ”“อะไรครับ อย่ามาตัดพ้อ”“ฮื่อ ถึงแล้วก็รีบไปอาบน้ำ อย่ามัวพูดมาก” ปรัชญ์ภูมิดันหลังเขาเข้าห้องนอน แต่ตัวเองถอยกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น“ทำงานหรือคุยกับเพื่อนอีกแล้วเหรอ” เขาตะโกนถาม“แป๊บเดียวครับ”เขายักไหล่ ป่วยการจะห้ามคนบ้างานให้เลิกทำงานโดยสิ้นเชิง เพราะนี่ก็ถือว่าลดลงจากปกติมามากแล้วเขาหยิบผ
ข้อเสนอเรื่องแผนการอันแหลมคมของณภัทรได้รับการยอมรับจากปรัชญ์ภูมิ ช่วงสองสามวันมานี้ แทนที่จะไปทำงาน ชายหนุ่มเลยทำเหมือนตัวเองลาหยุดพักร้อน และใช้คอนโดของคนต้นคิดเป็นแหล่งกบดานหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็ยังไม่ตัดขาดจากบริษัทเสียทีเดียว เขายังรับสายโทรศัพท์จากเลขาฯ อยู่บ้าง ตอบอีเมลและคุยกับทนายบริษัทซึ่งเป็นเพื่อนและคนที่รู้ถึงการฉ้อโกงทุกอย่าง“วันนี้ผมจะไปคลับนะ”“ทำไมต้องไปบ่อย ๆ” ปรัชญ์ภูมิถาม เงยหน้าจากจอโทรศัพท์มามองด้วยสายตาไม่ชอบใจ“เมื่อก่อนผมก็ไปทุกวัน” ณภัทรหยิบกระเป๋าสตางค์มาใส่กระเป๋ากางเกง “กลับดึกหน่อยนะครับ”“ทำไม คุณไม่ไปแค่สองสามวันแล้วร้านจะเจ๊งเลยเหรอ”“ไม่เจ๊งหรอกครับ แต่ผมต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อย ก็เหมือนคุณไง ขนาดปากบอกว่าจะหยุด แต่ก็เช็กเมลอยู่เรื่อย ๆ”“เพื่อนผมเตือนอะไรแปลก ๆ ผมเลยยังวางมือไม่ได้ซะทีเดียว”“หืม?”“แค่ผมไม่ได้เข้าบริษัทสี่วัน และไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ไหนนอกจากพริม บัญชีที่ติดลบก็ขึ้นตัวแดงมากกว่าเดิม แม่เลี้ยงแสนรักของผมอยู่ที่บริษัททั้งวัน และใช้เวลากับผู้
“มาแล้ว! สวัสดีจ้ะภูมิ” คนเป็นแม่สาวเท้าถี่ ๆ เข้ามาหา เสียงทักทักทายของนางร่าเริง รอยยิ้มหวานสดใสนั้นเหมือนณภัทรอย่างไม่ผิดเพี้ยนจนเขาถึงกับอึ้งไป“แม่ครับ ภูมิจะตกใจเอานะ” ลูกชายยั้งแม่ตัวเองเอาไว้“สวัสดีครับ” ปรัชญ์ภูมิทักทายเจ้าของบ้านทั้งที่ยังตั้งตัวไม่ได้“หน้าตาดีจริง ๆ คิดว่าดีกว่าลูกชายแม่อีกนะเนี่ย ตาภัทรช่างมีรสนิยม” นางหัวเราะคิกคักเหมือนสาววัยแรกรุ่น“แม่ ผมบอกแล้วไงว่าภูมิไม่ใช่แฟน” เขารีบแก้ความเข้าใจผิดของแม่ก่อนที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายลอบมองชายหนุ่มมาดขรึมก่อนหน้าเขาบอกกับแม่ว่าเพื่อนจะแวะมา เพราะเขาชวนให้มาลองชิมขนมที่แม่กำลังทำอยู่ เพียงแค่นั้นผู้เป็นแม่ที่รู้ใจลูกชายดีที่สุดก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที นางไม่เกี่ยงว่ารสนิยมของลูกชายจะเป็นแบบไหน ขอเพียงลูกชอบและมีความสุขก็เพียงพอแล้ว นับได้ว่านางเป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกมากจริง ๆคำปฏิเสธที่ไม่ค่อยจะเต็มปากของลูกชายทำให้นางมองค้อนอย่างหมั่นไส้ “เหรอ แต่ก็จะเป็นในตอนหลังใช่มั้ย” นางยังไม่ลดความพยายาม ก่อนจะหันมามองหน้าปรัชญ์ภูมิ “ใช่มั้ยภูมิ”คนถู
ตอนแรกผู้เป็นบิดาดูท่าจะไม่ยอม แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของลูกชาย เขาจึงถอนหายใจ เงยหน้ามองภรรยา “ที่รัก คุณช่วยไปเอาชาให้ผมทีนะ”“ค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะออกจากห้องเลยสักนิด“ผมเพิ่งบอกพ่อไปว่าม่านดาวน่าจะมีส่วนในการโกงบริษัท แต่พ่อกลับมอบอำนาจให้เธอเซ็นเอกสารสำคัญ” เขาตรงเข้าเรื่อง เมื่อเธอออกไปแล้ว“แกแค่สงสัย และฉันก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว ถึงจะยังไม่ได้เบาะแสอะไรมากกว่าที่แกเอามาให้ แต่ก็ไม่มีชื่อของม่านดาวโผล่ออกมาเลย”“พ่อก็ยอมรับออกมาเองนี่ครับว่ายังไม่ได้เบาะแสมากพอ เพราะงั้นพ่อจะสรุปว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ได้”“แกต้องการอะไรจากฉันฮะ ฉันพยายามจะทำให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปได้ แต่แกกับยัยพริมก็คอยแต่จะเอาตัวเองมาขัดขวางทุกอย่าง ตอนนี้แกอยากจะยัดเยียดข้อหาใส่เมียของฉัน แกเป็นอะไรนักหนา” เสียงที่พูดออกมากเกรี้ยวกราดและดังก้องไปทั้งห้องจนเขาแปลกใจที่พ่ออารมณ์เสียง่ายกว่าเมื่อก่อน ราวกับว่าการแตะต้องม่านดาวทำให้พ่อระเบิดง่ายกว่าปกติ“ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวของผม และจะไม่มีวันเป็น” เขาย้อนกลับทันที