ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำ ที่แต่งแต้มไปด้วยแสงไฟมากมายจากทั่วทุกตรอกซอกซอยและถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวตัดผ่านเมือง กลายเป็นความงามตามธรรมชาติและทำให้ผู้ที่มานั่งใช้บริการของร้านดื่มด่ำกับความสุขและลมเย็นที่พัดโชยมาเบา ๆ ด้วยความที่วิวสวย อาหารก็รสเลิศ บวกกับการบริการดีเยี่ยม ร้านอาหารแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจนถึงขนาดต้องจองล่วงหน้า และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ไปไหน เพราะต้องการคงไว้ซึ่งความพิเศษของสถานที่ แขกที่จะได้มารับประทานอาหารที่นี่ นอกจากจะเงินหนาหนักแล้ว ยังต้องมีโชคด้านการจองโต๊ะด้วย หรืออย่างร้ายที่สุดก็ต้องรู้จักใครสักคนที่พอจะช่วยได้ และณภัทรรู้จักคนคนนั้น
เขานั่งรอพริมาอยู่ที่โต๊ะซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้จะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำได้อย่างเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน เพียงไม่นานเขาก็เห็นบริกรเดินนำเธอเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นเข้ากับชุด มือเล็กถือกระเป๋าสีแดงมาด้วย ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับผู้หญิงมามาก แต่พริมามีอะไรบางอย่างที่น่ามองกว่า
นั่นไงล่ะ ถ้าน้องสาวยืนยันมาขนาดนี้ก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณปรัชญ์ภูมิจอมเย็นชาขี้เก๊กนั่น แล้วไปรู้จักยันเจ้าของร้านได้ยังไง เกินหน้าเกินตาชะมัด ณภัทรรู้สึกขัดใจนิดหน่อย“เห็นมั้ยล่ะคะ ฉันบอกแล้วว่าอย่าประมาทเขาเชียว” หญิงสาวหันมาพูดเจือรอยยิ้ม หลังจากประหลาดใจในตอนแรกพริมาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เธอรู้จักพี่ชายตัวเองดี ถึงว่ายอมปล่อยเธอออกมาง่ายเหลือเกิน คงวางแผนไว้แล้วสิท่าณภัทรทำหน้างอก่อนจะปรับสีหน้าใหม่เมื่อชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเดินตรงเข้ามาโดยมีผู้จัดการร้านเป็นคนพามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มระรื่นคล้ายจะเยาะเย้ยปรัชญ์ภูมิแต่งตัวไม่ต่างจากที่ไปโฮสต์คลับ ไม่ว่าจะเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงสแลกส์ขายาว ต่างกันตรงที่วันนี้ชายหนุ่มเซ็ตผมไว้อย่างเรียบร้อย และหน้าตาไม่ได้ดูเหนื่อยล้ามากนัก“สวัสดีครับคุณภัทร” ผู้มาใหม่เอ่ยทัก เน้นท้ายประโยคอย่างจงใจ“สวัสดีครับ” ณภัทรตอบรับห้วน ๆ อารมณ์ไม่ค่อยจะดีเพราะรู้สึกเสียหน้า อย่างนี้เขาคงต้องหาเรื่องเอาคืนเสียหน่อย“ไม่คิดเลยนะครับว่าท
“เป็นไงคะ โดนพี่ฉันกวนกลับ” พริมาชวนคุย“สนุกดีครับ แต่แอบหมั่นไส้” สายตาของชายหนุ่มมองตามไปทางที่ร่างสูงเพิ่งลุกเดินออกไป“เอาฉันมาเพื่อจะหลอกล่อพี่ฉันแท้ ๆ” หญิงสาวทำเป็นตัดพ้อเขายิ้มตาหยีก่อนจะจับมือเธอมากุมแล้วบีบเบา ๆ “ผมชอบคุยกับคุณจะตาย คุณก็รู้ ในบรรดาทุกคนรอบตัวผม มีใครที่ผมสนิทด้วยเท่าคุณมั้ยครับ ก็ไม่มี เพราะงั้นอย่าคิดแบบนั้นอีกนะ ถึงพี่คุณไม่มานั่งเป็นตอไม้ให้ผมแกล้ง ผมก็อยากเจอคุณอยู่ดี”“ไอ้ยิ้มแบบนี้ พูดเสียงอย่างนี้ ฉันขออัดคลิปไว้ได้มั้ยคะ จะเอาไปอวดคนอื่น”เขาหัวเราะออกมา แม้จะไม่ดังและไม่ได้รบกวนคนใคร แต่ไม่ว่าใครที่เห็นรอยยิ้มเป็นประกาย ก็ต้องหันมามองกันทุกคน แต่รอยยิ้มนั้นก็มีอันต้องหุบลง เมื่อคนหวงน้องอันดับหนึ่งกลับมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้ากุมมือน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนอยู่“เอามือออก!!”“โอ๊ย! คุณ !” ณภัทรร้องอย่างตกใจเมื่อถูกกระชากมือออกอย่างแรง“ห้ามถึงเนื้อถึงตัวน้องสาวผม” คนหวงน้องขู่ด้วยหน้าตาถมึงทึง“งั้นจะให้ถึงเนื้อถึงตัวใคร” เขายิ้มมุมปาก ทำเป็นไล่สายตาขึ้นลงทั่วร่างชายหนุ่ม “คุณเ
ปรัชญ์ภูมิยังคงจับตาดูณภัทรอยู่เสมอ หลังจากที่เจอกันวันนั้น และดูเหมือนว่าณภัทรก็ไม่เคยหมดพลังหรือหมดแรงที่จะยั่วโมโหเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ยังคงมาวนเวียนอยู่กับพริมา ชวนไปที่โน่นที่นี่หรืออย่างน้อยก็ให้ได้โทรมา และพอโดนเขาต่อว่าก็จะยิ้มหน้าระรื่นที่แกล้งเขาสำเร็จ แต่ก็มีบางครั้งที่ทั้งสองคนรอดหูรอดตาเขาไป เพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการสืบหาความจริงเรื่องบัญชีที่ผิดปกติของบริษัทวันนี้ปรัชญ์ภูมิยังคงกลับบ้านดึกเหมือนเคย เมื่อเดินเข้ามาถึงโถงกลางพลันชะเท้าแล้วหยุดมองไปรอบ ๆ บ้านหลังใหญ่ที่เงียบเหงาในช่วงเวลาแบบนี้ แม้แต่แม่บ้านก็เข้านอนกันไปหมดแล้ว เนื่องจากเขาได้สั่งไว้ว่าไม่ต้องอยู่รอจนเขากลับ เพราะบางครั้งเขาก็อยู่ทำงานจนดึก ผิดกับสองแม่ลูกนั่นที่ชอบปลุกคนงานในบ้านขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม แม้แต่ตอนตีสอง เพราะหาชุดนอนตัวโปรดของตัวเองไม่เจอเขาได้รับสายจากพริมาแล้วว่าวันนี้เธอกลับบ้านตรงเวลา เขาเลยเดินขึ้นบันไดอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าน้องจะไปกับผู้ชายคนนั้น แต่กลายเป็นว่ายังมีเรื่องมาให้เสียอารมณ์อยู่ดี เมื่อเดินสวนกับสองแม่ลูกที่กำลังจะ
“ทำไมคะ หรือมีเรื่องอะไรก่อนหน้านี้ที่พริมพลาดไป” คนเป็นน้องสาวสงสัยว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ มิเช่นนั้นพี่ภูมิคงไม่ระเบิดออกมาอย่างนี้“พี่รู้สึกว่าสองคนนี้เป็นตัวปัญหา” เขายอมให้น้องช่วยคลายปมเนกไทออกให้ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกัน“พริมรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่พ่อพาพวกมันเข้าบ้านแล้วค่ะ” น้องสาวเข้าใจไปอีกทางพี่ชายส่ายหัว“พี่หมายถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น แต่พี่ยังหาไม่เจอสักทีว่ามันคืออะไรกันแน่ แม้มันจะมีเงื่อนงำและอะไรแปลก ๆ โผล่มาให้เห็นเรื่อย ๆ ก็ตาม” เขาแชร์ปัญหาที่ขบคิดอยู่ให้น้องสาวได้รับรู้“เรื่องเงินรึเปล่าคะ” พริมานึกถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด จากนิสัยของสองแม่ลูกนั่นเห็นจะไม่พ้นเรื่องนี้ ที่แต่งงานกับพ่อแล้วพาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านก็เพราะเงินทั้งนั้น“พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น” ตัวเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับน้องสาว เพียงแต่ตอนนี้ยังขาดหลักฐาน“ถ้าพี่มีอะไรให้พริมช่วยก็บอกนะ ถึงจะดูไม่เอาไหน แต่เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา พริมสู้ยิบตา” หญิงสาวทำท่าขึงขัง ทำให้พี่ชายอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้“พี่รู้ ตั้งแต่เด็ก ๆ ใครมาแกล้ง
ปรัชญ์ภูมิไม่ค่อยรู้ว่าคลับหรือสถานที่ดี ๆ ที่คนนิยมไปมันอยู่ตรงไหนบ้าง มากสุดเขาก็ไปนั่งฟังเพลงแจ๊ซและบลูส์ในบาร์เดิมที่เคยไปตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากเรียนจบทุกอย่างก็กลายเป็นสิ่งห่างไกลเพราะมัวทำแต่งาน เขาเลยขับรถมาแหล่งรวมสถานบันเทิงแล้วเดินเตร่ไปเรื่อย มองดูไฟหลากสีที่ตกแต่งตามบาร์ต่าง ๆ เสียงเพลงที่ดังออกมาผสมปนเปกัน นักเที่ยวหลากหลายรูปแบบไม่จัดเพศ วัย หรือเชื้อชาติ ทุกคนต่างกำลังสนุกไปกับแสงสีเสียงแห่งยามค่ำคืน“คุณภูมิ”เจ้าของชื่อหันขวับอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักในสถานที่แบบนี้“มาทำอะไรครับเนี่ย อย่าบอกนะว่ามาเที่ยว”คนที่เรียกชื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ แต่เมื่อเขาเห็นหน้าเจ้าของเสียง เขานึกอยากจะเดินหนีไปเฉย ๆ เพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าให้เสียอารมณ์“คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย” ณภัทรไม่ยอมปล่อยให้เขาไปง่าย ๆ จึงได้รับการถลึงตาใส่แทน“ยุ่ง”“หยาบคายมาก” ชายหนุ่มทำเป็นบ่น“ที่ถามนี่เป็นห่วงหรอกนะ เห็นยืนงงเหมือนเพิ่งหลุดมาจากโลกเมื่อพันปีที่แล้ว” แม้ว่าครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการทักทายกันอย่างสุภาพ แต่คำพูดคำจาขอ
“เดตอะไรกันคะ”หญิงสาวทำหน้าเหลอหลาก่อนจะมองไปยังชายอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ หน้าตาเขาดีพอ ๆ กับณภัทร แต่ท่าทางเงียบขรึมทำให้ไม่ค่อยน่าเข้าหาสักเท่าไหร่ เสียดายความหล่อชะมัด“นี่คุณเดตกับผู้ชาย?”เธอไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าชายหนุ่มคงอำเธอเล่นเพื่อกันไม่ให้เธอมายุ่มย่าม“ผมจะเดตกับใครก็ได้ทั้งนั้น จริงมั้ยครับ เพราะงั้นคุณลุกออกจาตัวผมก่อนนะ” ตอบพร้อมดันร่างเซ็กซี่ออกโดยไม่แลเลยสักนิดปรัชญ์ภูมิลังเลระหว่างขัดขึ้นมาว่าทั้งคู่ไม่ได้เดตกัน ซึ่งมันคือความจริง แต่ก็หมายความว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ยอมไปไหน หรือถ้าปล่อยเบลอไปก่อน ให้แม่สาวใจกล้านี่ลุกออกไป แล้วเขาค่อยทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นทีหลัง สุดท้ายเขาเลือกอย่างหลังเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาเป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดอะไรที่จะเป็นการขัดกันทั้งนั้น“โอเคค่ะ ฉันไปล่ะ” เธอยอมลุกออกไปด้วยท่าทางผิดหวังเครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ และณภัทรก็ยัดมันใส่มือเขาก่อนจะคะยั้นคะยอให้ดื่ม“อุตส่าห์มาเดตทั้งที ดื่มหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้ผมเหงาคนเดียว” ชายหนุ่มยิ้มแล้วทำตาเชื่อมด้วยความร้องขอปรัชญ
“พี่ภูมิ รู้มั้ยว่าคืนนี้สองแม่ลูกนั่นจะไปไหนกัน” พริมารีบวิ่งลงจากบันไดมาขวางพี่ชายเอาไว้ ระหว่างที่เขาก็ต้องรีบไปทำงานเพราะตัวเองสายมากแล้วปรัชญ์ภูมิคว้าตัวน้องสาวก่อนที่เธอจะกลิ้งเป็นลูกขนุนลงมา แถมเอ็ดไปนิดหน่อย “อย่าวิ่งลงบันไดแบบนี้สิ มันอันตรายนะ”“พริมรู้แล้วค่ะ” หญิงสาวนิ่วหน้า แล้วตรงเข้าประเด็นทันที “ฟังเรื่องที่พริมกำลังจะบอกก่อนสิ”“โอเค ว่ามาสิ”“พ่อให้เมียสุดที่รักกับลูกสาวคนใหม่ไปออกงานการกุศลที่โรงแรมแหละ” เธอเบะปากเล่า“ก็ปกตินี่ สองคนนั้นชอบไปทำตัวอวดร่ำอวดรวยในงานพวกนี้จะตาย พ่อคงกลัวเมียตัวเองจะเบื่อ เลยให้ไปออกงานเล่น” ผู้เป็นพี่ชายไม่เห็นว่าเรื่องที่น้องสาวพูดจะผิดแผกไปจากปกติ“พี่ภูมิลืมแล้วเหรอ งานคืนนี้คืองานของลุงพัฒน์ คนที่ต้องไปคือพี่กับพริม แล้วอยู่ดี ๆ มาเปลี่ยนให้ยัยเมย์ไปแทนพริมได้ไง และพริมไม่ได้รู้จากปากพ่อเองด้วยนะ อีนั่นมันมาเย้ยพริมเมื่อเช้านี้ แต่เช้าเลยด้วย” พริมาทั้งโมโหและเจ็บใจสุด ๆคราวนี้ปรัชญ์ภูมิหยุดฟังด้วยความสนใจ ตามธรรมดาแล้ว ถ้าพ่อไม่ว่าง การออกงานสังคมเป็นหน้าที่ของเขากับน้อง เพราะพวกเขาคือสายตระกูลโดยตรงที่ทุกคนยอมรับว่ามีอำนาจใน
“โอเคครับ เดี๋ยวผมคุยเอง คุณโอนสายมาได้เลย”“ค่ะ” เลขาฯ พยักหน้าก่อนจะออกไปจัดการตามที่บอก เมื่อสัญญาณไฟกระพริบ เขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจ่อหู“คุณภูมิ ออกมาคุยงานกับผมหน่อยได้มั้ยครับ ช่วงพักเที่ยงนี้ก็ได้ ผมอยากจะสั่งสินค้ากับคุณโดยตรง และสั่งเป็นจำนวนมากด้วย” เสียงพูดรัวเร็วของปลายสายทำให้เขาได้แต่ขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่“ผมยินดีมากที่จะได้ทำธุรกิจกับคุณนะครับ แต่ขอทราบหน่อยว่าคุณคือใคร ผมจะได้ให้เลขาฯ เตรียมเอกสารได้ถูกต้อง”“ผมเป็นลูกชายเพื่อนเก่าของคุณพ่อคุณครับ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือโทรมาแกล้งเล่นอะไรแน่นอน”เสียงของปลายสายจะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นเลยก็ใช่ สร้างความงุนงงให้เขาพอควร ถ้าไปถามพ่อตอนนี้ พ่อจะจำได้มั้ยว่ามีเพื่อนเป็นใครนอกจากอาพัฒน์“แต่ว่า...”“ผมจะให้สถานที่ไว้นะครับ รบกวนมาด้วยนะเพราะผมอยากสั่งของกับคุณจริง ๆ กิจการของผมต้องใช้เครื่องดื่มทุกวันอยู่แล้ว อ้อ พ่อบอกว่าคุณกับน้องสาวชอบไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของแม่และพายเรือเล่นกัน นั่นฟังดูน่าสนุกมากนะครับ” ปลายสายพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “แล้วเจอกันครับคุณ
“ทำไมครับ ถ้าได้อยู่ข้างล่างแล้วมันจะตายเหรอ” เขายังท้าไม่หยุด ไม่รู้เพราะตัวเองก็ยอมไม่ได้ หรืออันที่จริงอยากให้ชายหนุ่มสติแตกแล้วลงมือทำสิ่งที่เขาต้องการกันแน่“ใช่” สีหน้าของปรัชญ์ภูมิดูออกว่าตื่นเต้นและสนใจในร่างกายของเขา ความมึนเมาทำให้ดวงตาที่เคยใสกระจ่างขุ่นมัว เยิ้มนิด ๆ และมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ ความรู้สึกว่าณภัทรดูเย้ายวนแต่ก็ถือดีจนอยากจะปราบให้ราบคาบชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อที่เปิดอ้า เคล้นคลึงไปตรงจุดอ่อนไหวทั้งสองข้าง ก้มลงมาจูบแล้วบังคับให้เขาใช้ลิ้นด้วยอย่างคนเอาแต่ใจ การรุกอย่างหนักหน่วงทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด ได้แต่ยอมตามที่ถูกกระทำลงไป ถึงขนาดที่โดนปลดเสื้อและกางเกงออกจากตัวก็ยังไม่เอ่ยปากห้ามแม้สักนิด“สรุปว่าคุณอยู่ข้างล่างนะ” ปรัชญ์ภูมิพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนเหนือกว่าณภัทรเสียหน้าจึงพยายามดันตัวออก แต่ดิ้นได้ไม่นานฝ่ามือหนาที่ลากผ่านลำตัวเปลือยเปล่า ขาแกร่งที่คร่อมอยู่เหนือร่างของเขา ร่างกายบดเบียดเสียดสีกัน โดยเฉพาะตรงจุดสำคัญ มันก็ทำให้เรี่ยวแรงอ่อนลงทุกทีเขารู้สึกเสีย
“ผมต้องกลับแล้ว”ปรัชญ์ภูมิเปรยขึ้น หลังจากทั้งคู่นั่งดูหนังด้วยกันมาสามเรื่องรวด ถึงแม้จะบ่นเป็นหมีกินผึ้ง และเอาแต่บังคับให้เขากินยา แต่ท้ายที่สุดก็ยอมตามทุกอย่างที่ขอ จนมาติดอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นค่อนคืน“อย่าเพิ่งกลับเลยครับ ผมอยากปรึกษาเรื่องงานอีกหน่อย อยู่ต่อนะ”“คุณไม่ปวดหัวบ้างหรือไง”ณภัทรลังเลใจที่จะตอบ ถ้าบอกว่าปวด แทนที่จะเห็นใจแล้วยอมอยู่ต่อ ก็จะยิ่งไล่เขาไปนอน แล้วตัวเองจะได้กลับบ้าน แต่ถ้าบอกว่าไม่ปวด ก็อาจจะคิดว่าเขาโอเค แล้วกลับบ้านทันทีก็ได้“ว่าไงล่ะครับ” ถามหน้านิ่ง เหมือนคนกำลังจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที“ปวดนิดหน่อย แต่งานก็ต้องทำ เหมือนคุณไงครับ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำงาน แล้วก็ดูแลผมไปพร้อมกัน” เขาเลือกตอบกลาง ๆ ที่ฟังดูแล้วน่าเห็นใจนิด ๆ“รู้ว่าผมเหนื่อยก็ดี ไหนครับ สงสัยตรงไหนอีก รีบถามมา ผมจะได้รีบตอบแล้วรีบกลับ” เขาใจอ่อนอีกรอบณภัทรยิ้มกับตัวเอง เขาเริ่มรู้จุด
เพื่อขจัดความรู้สึกว้าวุ่นใจ ปรัชญ์ภูมิจึงตัดสินใจโดดงานอีกวันมาที่คอนโดของณภัทร เขารู้ว่าชายหนุ่มจะยังอยู่ที่นี่ เพราะเคยบ่นไว้ว่าไม่อยากให้แม่เห็นแผล แต่เมื่อมาถึงและโทรตามให้เจ้าของห้องลงมารับ เขาก็ต้องหงุดหงิดที่ณภัทรยังตื่นไม่เต็มที่ ไม่ได้กินข้าวเช้า ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการกินยาเลยด้วยซ้ำ“ทำไมเพิ่งจะตื่นเอาป่านนี้ครับ”“นี่เช้ามากสำหรับผมแล้วครับ ปกติผมตื่นเที่ยง ๆ บ่าย ๆ โน่น” ณภัทรพูดไปก็หาวไป“แต่คุณน่าจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้หน่อย คุณต้องกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา” ปรัชญ์ภูมิบ่นคนไม่รู้จักดูแลตัวเองยาวเป็นหางว่าว ไล่ให้ไปอาบน้ำขณะที่เขาทำมื้อเช้าง่าย ๆ ให้ ในใจยังรู้สึกหงุดหงิดไม่หาย ณภัทรทำเหมือนกับว่าแผลนั่นมันเล็กน้อยและไม่สนใจเลยว่าเขาพยายามจะดูแลและชดเชยให้ชายหนุ่มขนาดไหน“คุณภูมิ”“หืม” เขาหันหลังกลับ แต่เผลอขยับถอยหลังจนชนเข้ากับกระทะที่ตั้งอยู่บนเตา เพราะณภัทรนั้นเปลือยท่อนบน รูปร่างของเขาสมส่วนมีกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอน“โอ๊ะ ระวังครับ” ร่างสูงขยับรวดเดียวก็เข้าถึงตัวเขา“ผมไม่เป็นไร ทำไมไม่แต่ง
“แต่การให้น้องผมมาที่คอนโดคุณนี่ ผมไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่นะ” เขาหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจนัก“ก็ยังจะหวงได้ทุกเวลาสินะ พริมอยากมาหาคุณ ไม่ใช่ผม”“มาบ่อยหรือเปล่า”“ผมไม่เคยให้ใครมาเลยต่างหาก” ภัทรตอบเรียบ ๆ ก่อนจะมองตรงมาที่เขาปรัชญ์ภูมิอาจจะสรุปโดยเข้าข้างตัวเองสุด ๆ ว่าเขาคือข้อยกเว้นของคนที่หวงชีวิตส่วนตัวอย่างณภัทร แต่เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตัวเองถึงได้สิทธิ์มานอนค้างและนั่งหัวโด่อยู่นี่ ถึงอย่างไรก็ตาม ความคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ก็ทำให้เขารู้สึกพอใจแปลก ๆ“ไม่ถามหน่อยเหรอครับว่าทำไมคุณถึงได้โอกาสนี้”“ใช้คำว่าโอกาสเชียว?”“สำหรับคนอื่นมันเป็นโอกาสนะครับคุณ ใคร ๆ ก็สงสัยว่าเตียงผมนุ่มแค่ไหน”แทนที่จะมองคำพูดนั้นเป็นสองแง่สองง่าม แต่ปรัชญ์ภูมิกลับรู้สึกว่ามันฟังดูอวดดีและเหมือนเด็กที่อยากจะขิงว่าตัวเองเจ๋งมากกว่า เขาก็เลยหัวเราะออกมาแทน“ทำไมคุณชอบหัวเราะเยาะผม” เจ้าตัวทำหน้าบึ้ง“ก็เพราะคุณตลกน่ะสิ ผมไม่อยากรู้หรอกว่าเตียงคุณนุ่มแค่ไหน เพราะผมชอบเตียงของตัวเองมากที่สุดแล้ว”“นั่นก็คือคำเปรียบเทียบที
ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่ในห้องซึ่งใช้เป็นที่นอนเมื่อคืนนี้ เขามองไปรอบ ๆ ห้องของณภัทรในตอนที่มีสติครบถ้วน มันดูสะอาดและเป็นระเบียบกว่าที่คิดเอาไว้ ด้วยความที่ผลุนผลันออกไปแต่เช้า เลยไม่เห็นว่าผู้ชายแบบณภัทรก็รู้จักแต่งห้องด้วยงานศิลปะสวย ๆ รูปถ่ายหลากหลายทั้งรูปวิว อาคารบ้านเรือนและธรรมชาติเป็นเหมือนกัน แถมยังเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีหลากหลายอีกต่างหาก ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ช่างต่างกับห้องของเขาสุดขั้ว“สำรวจห้องผมเสร็จหรือยังครับ” เจ้าของห้องพูดเจือรอยยิ้ม“คุณอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า เจ็บหัวแล้วยังไม่เจียมอีก” เขาหันไปทำหน้าดุ ก่อนจะขยับเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวยาวแล้วจับใบหน้าชายหนุ่มพลิกไปมา“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” ความห่วงใยจากผู้ชายเย็นชาทำให้ณภัทรทำตัวไม่ถูก เขารู้ว่าปรัชญ์ภูมิไม่ได้จงใจรุก“ชู่วว” ชายหนุ่มส่งเสียงห้าม เอานิ้วชี้จุ๊ปาก เขม้นมองแผลที่หมอแปะผ้าก๊อซไว้อย่างเรียบร้อย ราวกับจะหาจุดผิดพลาดจากคนที่ทำอาชีพดูแลคนป่วยมาทั้งชีวิต ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วยการเย็บไม่กี่เข็มและใส่ยาเรียบร้อย มันไม่มีสิ่งผิดพลาดใดทั้งนั้น มีแต่เจ้าตัวนั่นแ
พริมากำลังเล่าให้เขาฟังเรื่องที่เธอลงเรียนการออกแบบเสื้อผ้าด้วยเสียงกระตือรือร้น แต่แล้วมันก็หยุดลงโดยฉับพลัน หญิงสาวเขม้นมองคนที่เพิ่งเดินตรงมาจากลานจอดรถก่อนจะถอนหายใจเสียงดังณภัทรมองตามเธอไป เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใครเมื่อดูจากสีหน้าของพริมา“ยัยเด็กนรก” เธอสบถ“ลูกเลี้ยงพ่อคุณสินะครับ”“ทำไมไม่ใช้คำว่าน้องปลอม ๆ ของฉันล่ะคะ”“เพราะคุณไม่มีทางยอมรับเธอเป็นน้องแน่”คำตอบของเขาสร้างรอยยิ้มให้เธอ แต่แล้วมันก็เลือนหายไปอีก เมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินรี่มาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเอ่ยทักทายด้วยท่าทางที่ เสแสร้งจนแม้แต่ณภัทรเองยังอดที่จะรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา“จะกลับแล้วเหรอพริม น่าเสียดาย เราอยากกินข้าวกับพริมอยู่พอดี ก็เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันในบ้านเลยนี่นา”“แต่ฉันไม่อยากกินข้าวกับเธอ” พริมาตัดบท “แล้วเวลาอยู่ข้างนอก ก็ไม่ต้องทำเป็นรู้จักฉันด้วย เข้าใจมั้ย”“โธ่ ทำไมเธอต้องร้ายกาจตลอดเวลาด้วยล่ะ” หญิงสาวทำตาละห้อย ก่อนจะเบนสายตามามองเขาแล้วสิ่งที่ณภัทรเห็นมาตลอดชีวิตก็สว่างวาบในดวงตาคู่นั้น
เช้าวันต่อมาณภัทรได้รับข้อความสั้น ๆ จากคนที่เขาให้ไปนอนที่คอนโดเป็นคำขอบคุณและบอกว่าออกจากห้องมาแล้วโดยไม่ได้ทำห้องเละเทะ มันเป็นคำพูดที่กระชับแต่ไม่ได้เย็นชาเหมือนเวลาอื่น ๆ ของเจ้าตัวเท่าไหร่ เขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อรับประทานมื้อเช้ากับแม่“ทำไมวันนี้มานอนบ้านได้ล่ะลูก” มารดาร้องทักโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารเขาเดินเข้าไปจูบแก้มนางอย่างเอาใจก่อนจะเลื่อนตัวนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ให้เพื่อนยืมคอนโดใช้หนึ่งคืนครับ”ผู้เป็นแม่เลิกคิ้ว “เพื่อนคนไหนกัน”“ผมมีเพื่อนเยอะแยะ” เขาบอกปัดและแม่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก ถึงแม้จะสงสัยว่าเขาให้ใครใช้สถานที่ส่วนตัวซึ่งหวงนักหวงหนาก็ตามเมื่อรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อย เขาก็ได้รับสายจากพริมา ถามแกมขอร้องว่าถ้าเผื่อเขาจะว่างมาช่วยเธอแก้เบื่อ ซึ่งเขาก็อยากจะเจอเธออยู่พอดี จึงตอบตกลงในทันที เขาอยากจะรู้เรื่องครอบครัวอันวุ่นวายของทั้งสองคนให้มากขึ้นอีกนิด หลังจากเหตุการณ์ที่ปรัชญ์ภูมิเมาแล้วหลุดปากพูดออกมา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้รู้อะไรลึกนัก แต่พ่อที่โมโหกับการที่
ดูเหมือนชายหนุ่มอีกคนจะอ่านความคิดเขาออก “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่จิบเท่านั้นแหละ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เขาพึมพำตอบจากนั้นทั้งสองคนก็ตั้งต้นกินอาหารมื้อเล็ก ๆ โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เสร็จแล้วก็เริ่มชิมไวน์ตัวแรกก่อน แต่ปรัชญ์ภูมิเห็นว่ามันแพงเกินกว่าจะเอามาขายในสถานที่แบบนี้ อย่างไวน์ชาโต แต่พอณภัทรอธิบายถึงรายรับที่เขาได้แต่ละคืน หรือลูกค้าบางคนที่เสียเงินค่าเครื่องดื่มเป็นแสน เขาก็คิดว่าจะชาโต หรือชาดอนเนย์ คลับนี้ก็ขายได้ทั้งนั้นจากไวน์ก็เปลี่ยนเป็นตระกูลวิสกี้ซึ่งเขาไม่ใคร่จะชอบนัก มีครั้งหรือสองครั้งที่ณภัทรหัวเราะเมื่อเขาทำหน้าเหยเกตอนดื่มมันลงไป ชายหนุ่มให้เขาล้างปากด้วยวอดก้ารัสเซียจิบหนึ่ง แต่มันเหมือนการซ้ำเติมมากกว่า“แค่ก ๆ อันนี้แย่” ปรัชญ์ภูมิดันน้ำสีใสแจ๋วแต่พิษสงร้ายกาจออกห่างจากตัว“งั้นอันนี้มั้ย” ยื่นแก้วสีอำพันให้ แต่รอยยิ้มกลับไม่น่าไว้ใจสักนิด“คุณจะมอมผมเหรอ” ปรัชญ์ภูมิถาม รู้สึกว่าตัวเองพูดช้าลง ปากหนัก หัวก็หน่วง มองภาพซ้อน ๆ กันจนดูไม่ค่อยรู้เรื่อง และทุกอย่างเริ่มหมุนติ้ว เขารู้ตัวดีว่าจะเมาจึงดันแก้วนั้น
เป็นเวลาเย็นเกือบเลิกงาน ตอนที่ปรัชญ์ภูมิได้รับสายจากณภัทรให้ไปเจอกัน เขากำลังนั่งคุยกับแผนกบัญชีอยู่เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ในตอนแรก เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเลยตั้งใจจะไม่รับสาย แต่วายร้ายอย่างณภัทรมีหรือจะยอม ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็โทรหาเลขาฯ ของเขาแทน“คุณต้องการอะไรกันแน่ครับ” เขาจำต้องโทรกลับไป แล้วปล่อยให้ลูกน้องกลับบ้านก่อน“ผมกำลังเลือกรายการสินค้าที่จะสั่งจากคุณอยู่ แต่ผมมีคำถามสองสามข้อจะถามคุณ” เสียงของณภัทรแจ่มใสจนเขานึกสงสัยว่าการคุยเรื่องงานมันสนุกขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน“ถามว่า…”“คุณเคยชิมไวน์ของตัวเองมั้ย ในระดับราคาไม่เกินสองพันแต่รสชาติโอเคควรจะเป็นตัวไหนครับ”“ผมรู้ในเรื่องเรทราคาเป็นอย่างดี ส่วนรสชาติ จากที่เราได้เก็บตัวอย่างมา ผมคิดว่า…”“เดี๋ยวนะ!” ชายหนุ่มขัดทั้งที่เขายังพูดไม่จบ “คุณจะบอกผมว่าคุณไม่เคยชิมไวน์ของตัวเองมาก่อนงั้นเหรอ”“มันไม่ใช่ไวน์ของผมครับ” เขาแก้ พยายามจะไม่ฉุนเฉียว “และผมก็นำเข้ามาเยอะมาก จะให้ชิมทั้งหมดคงไม่ไหว”“จริงดิ ถ้าเป็นผมนะ ได้มาราคาก็ถูก จะชิมให้หนำใจเลย”“ผมไม่ได้มีนิสัยห