“โอเคครับ เดี๋ยวผมคุยเอง คุณโอนสายมาได้เลย”“ค่ะ” เลขาฯ พยักหน้าก่อนจะออกไปจัดการตามที่บอก เมื่อสัญญาณไฟกระพริบ เขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจ่อหู“คุณภูมิ ออกมาคุยงานกับผมหน่อยได้มั้ยครับ ช่วงพักเที่ยงนี้ก็ได้ ผมอยากจะสั่งสินค้ากับคุณโดยตรง และสั่งเป็นจำนวนมากด้วย” เสียงพูดรัวเร็วของปลายสายทำให้เขาได้แต่ขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่“ผมยินดีมากที่จะได้ทำธุรกิจกับคุณนะครับ แต่ขอทราบหน่อยว่าคุณคือใคร ผมจะได้ให้เลขาฯ เตรียมเอกสารได้ถูกต้อง”“ผมเป็นลูกชายเพื่อนเก่าของคุณพ่อคุณครับ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือโทรมาแกล้งเล่นอะไรแน่นอน”เสียงของปลายสายจะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นเลยก็ใช่ สร้างความงุนงงให้เขาพอควร ถ้าไปถามพ่อตอนนี้ พ่อจะจำได้มั้ยว่ามีเพื่อนเป็นใครนอกจากอาพัฒน์“แต่ว่า...”“ผมจะให้สถานที่ไว้นะครับ รบกวนมาด้วยนะเพราะผมอยากสั่งของกับคุณจริง ๆ กิจการของผมต้องใช้เครื่องดื่มทุกวันอยู่แล้ว อ้อ พ่อบอกว่าคุณกับน้องสาวชอบไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของแม่และพายเรือเล่นกัน นั่นฟังดูน่าสนุกมากนะครับ” ปลายสายพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “แล้วเจอกันครับคุณ
ณภัทรนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตรงนั้นสักพัก ขณะตักอาหารเข้าปาก ซึ่งถึงแม้มันจะมีรสชาติดีขนาดไหน ก็ไม่อาจจะลบล้างความรู้สึกพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นได้ อุตส่าห์ยกเรื่องแม่ที่รู้มาจากพริมาขึ้นมาพูด มันก็ยังไม่ทำให้คนอย่างปรัชญ์ภูมิยอมนั่งลงคุยกับเขา ทั้งที่เมื่อคืนยังคุยกันถูกคออยู่แท้ ๆหึ หยิ่งให้ได้นานทีเถอะเขาจิ้มส้อมกับชิ้นเนื้อในจานอย่างแรงก่อนจะตักเข้าปากเป็นคำสุดท้าย แล้วกดโทรหาคนที่จะทำให้ปรัชญ์ภูมิยอมทำธุรกิจกับเขา เพราะอันที่จริงเขาก็อยากจะเปลี่ยนบริษัทที่ดีลแอลกอฮอล์อยู่เหมือนกัน ตอนเปิดโฮสต์คลับใหม่ ๆ เขาได้รับการแนะนำให้ทำการค้ากับบริษัทปัจจุบัน ยังไม่ได้รู้จักเบอร์หนึ่งของประเทศอย่างบริษัทของปรัชญ์ภูมิ ตอนนี้คลับเติบโตมากเสียจนต้องขยับขยาย การได้ของในราคาถูกลงเลยเป็นสิ่งจำเป็น“สวัสดีครับ เลขาฯ คุณม่านดาวใช่มั้ยครับ” เขาโทรหาเลขาฯ ของแม่เลี้ยงปรัชญ์ภูมิอย่างมีจุดประสงค์“ใช่ค่ะ ตอนนี้ดิฉันเรียนสายกับใครคะ”“ผมณภัทรซึ่งพยายามเจรจาเรื่องงานกับคุณปรัชญ์ภูมิแต่ไม่สำเร็จ ช่วยถามคุณม่านดาวหน่อยนะครับว่าพอจะช่วย
จากนั้นก็เล่าให้เธอฟังเรื่องที่โทรไปหาม่านดาว ซึ่งหญิงสาวก็ทำตาโต ส่งสียงครางด้วยความไม่อยากเชื่อและจบลงด้วยเสียงหัวเราะอีกรอบ“โอ ภัทร คุณนี่ร้ายกาจจริง”“ใช่ ร้ายมาก” เสียงเย็นดังขึ้นด้านหลังทั้งคู่หันไปมอง แล้วก็ต้องหันมายิ้มแหยให้กันอีกรอบ“แล้วยังกล้านัดน้องผมตอนที่นัดผมมาด้วยอีกนะ คิดจะกวนกันหรือไง” เขาเหน็บเข้าอีกรอบ“คิดจะให้น้องคุณช่วยคุยเฉย ๆ” คราวนี้เขาพูดอย่างจริงใจ แต่สำหรับปรัชญ์ภูมิไม่ว่าคำพูดใดที่ออกมาจากชายหนุ่มตรงหน้าถือว่าเป็นเรื่องกวนประสาททั้งนั้นแหละ“หึ” ริมฝีปากหยักหยัดยิ้มแบบไม่เชื่อเท่าไรนักก่อนจะเลื่อนตัวนั่งด้วยท่าทางหยิ่ง ๆ“น้องผมก็ต้องยินดีช่วยทำอะไรก็ตามที่ทำให้พี่ชายปวดหัวอยู่แล้ว” คราวนี้หันไปแขวะน้องสุดที่รักแทน เห็นได้ว่าเขากำลังหัวเสียถึงขีดสุดอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด“พี่ภูมิล่ะก็ พริมแค่อยากให้พี่ได้ลูกค้า ก็เลยมานั่งโน้มน้าวพี่อยู่นี่” เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อย“ใครจะอยากทำงานกับคนใช้วิธีสกปรก” ปากว่าแต่ก็ยอมรับฟังโดยสงบ“ก็แค่หาวิธีที่จะทำให้คุณยอมมานั่งคุยกันต่างหาก” เขาแก้ตั
ชายชราร่างสูงผอม ใบหน้าเครียดเขม็ง ก้มมองแฟ้มเอกสารในมือด้วยความหนักใจ ข่าวที่เพิ่งได้รับจากลูกชาย สร้างความหงุดหงิดและกังวลให้กับเขาเป็นอย่างสูง เขาพลิกแฟ้มที่ปรัชญ์ภูมิหอบมาวางไว้บนโต๊ะไปมา ตรวจทานข้อมูลและความถูกต้องอยู่หลายรอบ ด้วยไม่เชื่อกับจำนวนตัวเลขที่เห็น ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าลูกชายคนนี้ทำงานไม่เคยผิดพลาด ทุกอย่างแม่นยำ เป็นระเบียบเรียบร้อยและมีสรุปท้ายกระดาษซึ่งตอกย้ำว่ามีคนโกงบริษัทเขาอยู่จริง ๆ เนื่องจากตัวเลขในบัญชี การเบิกจ่าย และจำนวนสินค้าไม่สอดคล้องกัน แต่ถ้าไม่ได้ตรวจดี ๆ ก็จะไม่มีทางรู้เลย หรือถึงจะมีการตรวจเช็ก ก็เป็นการยากที่จะได้ข้อมูลย้อนหลังขนาดนี้ ราวกับว่ามีคนพยายามจะปกปิดมันเอาไว้แต่การจะคิดว่ามีคนคดโกงบริษัทเป็นจำนวนเงินมากมายขนาดนี้ มันก็ยากที่จะเชื่อจริง ๆ“แกตามเรื่องนี้มานานหรือยัง” คนเป็นพ่อเอ่ยถาม ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยใจ“เกือบปีแล้วครับ” ลูกชายตอบกลับเสียงเรียบด้วยท่าทีที่สงบนิ่งคิ้วเข้มที่เริ่มมีสีขาวแซมเลิกขึ้น “ทำไมเพิ่งมาบอกล่ะ เมื่อก่อนไม่ว่าจะเห็นความผิดปกติเล
เป็นเวลาเย็นเกือบเลิกงาน ตอนที่ปรัชญ์ภูมิได้รับสายจากณภัทรให้ไปเจอกัน เขากำลังนั่งคุยกับแผนกบัญชีอยู่เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ในตอนแรก เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเลยตั้งใจจะไม่รับสาย แต่วายร้ายอย่างณภัทรมีหรือจะยอม ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็โทรหาเลขาฯ ของเขาแทน“คุณต้องการอะไรกันแน่ครับ” เขาจำต้องโทรกลับไป แล้วปล่อยให้ลูกน้องกลับบ้านก่อน“ผมกำลังเลือกรายการสินค้าที่จะสั่งจากคุณอยู่ แต่ผมมีคำถามสองสามข้อจะถามคุณ” เสียงของณภัทรแจ่มใสจนเขานึกสงสัยว่าการคุยเรื่องงานมันสนุกขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน“ถามว่า…”“คุณเคยชิมไวน์ของตัวเองมั้ย ในระดับราคาไม่เกินสองพันแต่รสชาติโอเคควรจะเป็นตัวไหนครับ”“ผมรู้ในเรื่องเรทราคาเป็นอย่างดี ส่วนรสชาติ จากที่เราได้เก็บตัวอย่างมา ผมคิดว่า…”“เดี๋ยวนะ!” ชายหนุ่มขัดทั้งที่เขายังพูดไม่จบ “คุณจะบอกผมว่าคุณไม่เคยชิมไวน์ของตัวเองมาก่อนงั้นเหรอ”“มันไม่ใช่ไวน์ของผมครับ” เขาแก้ พยายามจะไม่ฉุนเฉียว “และผมก็นำเข้ามาเยอะมาก จะให้ชิมทั้งหมดคงไม่ไหว”“จริงดิ ถ้าเป็นผมนะ ได้มาราคาก็ถูก จะชิมให้หนำใจเลย”“ผมไม่ได้มีนิสัยห
ดูเหมือนชายหนุ่มอีกคนจะอ่านความคิดเขาออก “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่จิบเท่านั้นแหละ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เขาพึมพำตอบจากนั้นทั้งสองคนก็ตั้งต้นกินอาหารมื้อเล็ก ๆ โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เสร็จแล้วก็เริ่มชิมไวน์ตัวแรกก่อน แต่ปรัชญ์ภูมิเห็นว่ามันแพงเกินกว่าจะเอามาขายในสถานที่แบบนี้ อย่างไวน์ชาโต แต่พอณภัทรอธิบายถึงรายรับที่เขาได้แต่ละคืน หรือลูกค้าบางคนที่เสียเงินค่าเครื่องดื่มเป็นแสน เขาก็คิดว่าจะชาโต หรือชาดอนเนย์ คลับนี้ก็ขายได้ทั้งนั้นจากไวน์ก็เปลี่ยนเป็นตระกูลวิสกี้ซึ่งเขาไม่ใคร่จะชอบนัก มีครั้งหรือสองครั้งที่ณภัทรหัวเราะเมื่อเขาทำหน้าเหยเกตอนดื่มมันลงไป ชายหนุ่มให้เขาล้างปากด้วยวอดก้ารัสเซียจิบหนึ่ง แต่มันเหมือนการซ้ำเติมมากกว่า“แค่ก ๆ อันนี้แย่” ปรัชญ์ภูมิดันน้ำสีใสแจ๋วแต่พิษสงร้ายกาจออกห่างจากตัว“งั้นอันนี้มั้ย” ยื่นแก้วสีอำพันให้ แต่รอยยิ้มกลับไม่น่าไว้ใจสักนิด“คุณจะมอมผมเหรอ” ปรัชญ์ภูมิถาม รู้สึกว่าตัวเองพูดช้าลง ปากหนัก หัวก็หน่วง มองภาพซ้อน ๆ กันจนดูไม่ค่อยรู้เรื่อง และทุกอย่างเริ่มหมุนติ้ว เขารู้ตัวดีว่าจะเมาจึงดันแก้วนั้น
เช้าวันต่อมาณภัทรได้รับข้อความสั้น ๆ จากคนที่เขาให้ไปนอนที่คอนโดเป็นคำขอบคุณและบอกว่าออกจากห้องมาแล้วโดยไม่ได้ทำห้องเละเทะ มันเป็นคำพูดที่กระชับแต่ไม่ได้เย็นชาเหมือนเวลาอื่น ๆ ของเจ้าตัวเท่าไหร่ เขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อรับประทานมื้อเช้ากับแม่“ทำไมวันนี้มานอนบ้านได้ล่ะลูก” มารดาร้องทักโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารเขาเดินเข้าไปจูบแก้มนางอย่างเอาใจก่อนจะเลื่อนตัวนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ให้เพื่อนยืมคอนโดใช้หนึ่งคืนครับ”ผู้เป็นแม่เลิกคิ้ว “เพื่อนคนไหนกัน”“ผมมีเพื่อนเยอะแยะ” เขาบอกปัดและแม่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก ถึงแม้จะสงสัยว่าเขาให้ใครใช้สถานที่ส่วนตัวซึ่งหวงนักหวงหนาก็ตามเมื่อรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อย เขาก็ได้รับสายจากพริมา ถามแกมขอร้องว่าถ้าเผื่อเขาจะว่างมาช่วยเธอแก้เบื่อ ซึ่งเขาก็อยากจะเจอเธออยู่พอดี จึงตอบตกลงในทันที เขาอยากจะรู้เรื่องครอบครัวอันวุ่นวายของทั้งสองคนให้มากขึ้นอีกนิด หลังจากเหตุการณ์ที่ปรัชญ์ภูมิเมาแล้วหลุดปากพูดออกมา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้รู้อะไรลึกนัก แต่พ่อที่โมโหกับการที่
พริมากำลังเล่าให้เขาฟังเรื่องที่เธอลงเรียนการออกแบบเสื้อผ้าด้วยเสียงกระตือรือร้น แต่แล้วมันก็หยุดลงโดยฉับพลัน หญิงสาวเขม้นมองคนที่เพิ่งเดินตรงมาจากลานจอดรถก่อนจะถอนหายใจเสียงดังณภัทรมองตามเธอไป เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใครเมื่อดูจากสีหน้าของพริมา“ยัยเด็กนรก” เธอสบถ“ลูกเลี้ยงพ่อคุณสินะครับ”“ทำไมไม่ใช้คำว่าน้องปลอม ๆ ของฉันล่ะคะ”“เพราะคุณไม่มีทางยอมรับเธอเป็นน้องแน่”คำตอบของเขาสร้างรอยยิ้มให้เธอ แต่แล้วมันก็เลือนหายไปอีก เมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินรี่มาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเอ่ยทักทายด้วยท่าทางที่ เสแสร้งจนแม้แต่ณภัทรเองยังอดที่จะรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา“จะกลับแล้วเหรอพริม น่าเสียดาย เราอยากกินข้าวกับพริมอยู่พอดี ก็เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันในบ้านเลยนี่นา”“แต่ฉันไม่อยากกินข้าวกับเธอ” พริมาตัดบท “แล้วเวลาอยู่ข้างนอก ก็ไม่ต้องทำเป็นรู้จักฉันด้วย เข้าใจมั้ย”“โธ่ ทำไมเธอต้องร้ายกาจตลอดเวลาด้วยล่ะ” หญิงสาวทำตาละห้อย ก่อนจะเบนสายตามามองเขาแล้วสิ่งที่ณภัทรเห็นมาตลอดชีวิตก็สว่างวาบในดวงตาคู่นั้น
“พ่อคะทำไมถึงห้ามพริม” เธอถามถึงตอนที่พ่อหยุดเธอไว้ก่อนที่เธอจะเล่าความจริงอีกเรื่องให้พี่ชายฟัง“ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ให้พี่เราได้พักผ่อนแล้วฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน”“แต่ว่าพ่อ…”“พ่อไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”พริมามองสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปมากของบิดา ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพราะสังขารที่ร่วงโรยไปตามไว แต่มันไม่ใช่ พ่อถูกนังปีศาจวางยาพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแรง นอกตากนี้ยังวางยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้พ่อเกรี้ยวกราดใส่พวกเธอที่เป็นลูกแท้ ๆ และเห็นดีเห็นงามกับนังนั่นเสมอ มันทำอย่างแนบเนียนกะรอวันที่กำจัดเธอและพี่ออกไปได้ และพ่อตายลง พวกมันจะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติทั้งหมด นึกแล้วยิ่งแค้นไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อสองวันก่อนอาการของพ่อกำเริบจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นังนั่นยังมีหน้าทำเป็นเสแสร้งเข้าไปดูแลเอาอกเอาใจพ่อ และใส่ไฟเธอกับพี่ชายเป็นการใหญ่ แค่ความจริงแล้วคงลุ้นอยากให้พ่อตายจนตัวสั่น มันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยเริ่มแผนการขั้นสอง คือการกำจัดพี่ชาย หลังจากนั้นคงไม่พ้นตัวเธอ แต่แผนที่วางไว้เสียดิบดีก
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลย่อมเป็นสถานที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก หลังออกมาจากห้องที่ถูกพยาบาลเข็นเข้าไปและทำอะไรมากมายบนตัวเขา ในขณะที่ความคิดก็จดจ่ออยู่กับเรื่องเดียวว่าณภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้เขาจะถูกตีหลายแผล หมอบอกว่ามีอาการช้ำใน แต่โชคดีไม่มีกระดูกตรงไหนหัก และก็ไม่ได้เลือดไหลจนหมดตัวเหมือนกับที่ณภัทรเป็นเขานั่งมองจอโทรทัศน์ที่พริมาเปิดไว้ให้ สรุปแล้วเธอถูกจับไปจริง แต่ขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ คนร้ายพยายามให้เธอคิดว่ามันคือโกดังร้างแล้วพูดออกมาให้เขาเข้าใจผิด เมื่อเขาออกมาตามน้อง มันจะได้ล่อจับแล้วจัดฉากให้เขาขับรถด้วยความเร็วจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโชคยังดีที่เขาไม่ได้ถูดยัดเข้าไปในรถทั้งที่ยังโดนมัดมือเพราะณภัทรให้เพื่อนตำรวจหาพริมาเจอก่อน แล้วตัวเองก็รีบออกมาตามหาเขาเพื่อส่งข่าว ความจริงแล้วถ้าเขาไม่รีบร้อนลงจากรถ ก็คงจะได้รับข้อความของณภัทรแล้วขับรถกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แทนที่จะตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ และที่สำคัญณภัทรคงไม่ต้องโดนแทงเลือดท่วมขนาดนี้จากความพยายามที่จะช่วยเขา“
ระหว่างที่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี โทรศัพท์ก็สั่นครืด ๆ เขาจึงรีบหยิบมาดู‘เตรียมเงินให้พร้อม มาคนเดียว อย่าแจ้งตำรวจ จะนัดสถานที่อีกที’เขามองข้อความบนจอ เหลือบมองชายชุดดำซึ่งก้มมองมือถืออยู่เช่นกัน อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ามันคือคนที่จับน้องสาวเขาไว้แล้วส่งข้อความมาเขาแทบจะทนรอให้มันกลับเข้าไปด้านในไม่ไหว เขาควานหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้จากเบาะหลัง แต่ไม่เจออะไรเลย จึงลองเปิดลิ้นชักหน้า เห็นมีดพกเล่มหนึ่งเลยหยิบติดมือมาด้วย ดีกว่าเข้าไปตัวเปล่า จากนั้นก็ ค่อย ๆ ย่องลงจากรถ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นมันแน่ผู้ชายคนนั้นกำลังเปิดประตูโกดัง ขณะที่เขากำลังจะออกวิ่ง แต่กลับมีอะไรหนัก ๆ ฟาดลงมาที่หลังเต็มแรง“โอ๊ย! ”เขาทรุดลงกับพื้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะกลิ้งหลบเมื่อท่อนไม้ฟาดลงมาอีกครั้ง ความเจ็บจากการถูกทุบเมื่อครู่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง ตอนพยายามลุกขึ้น ขาถึงได้อ่อนเปลี้ยและโดนถีบซ้ำลงไปกับพื้นอีกรอบ“มึงมาหาน้องสาวเหรอ” มันกระชากคอเสื้อเขาขึ้น “แต่เสียใจด้วยนะ น้องมึงไม่ได้อยู่ที่นี่”“ใครส่งมึงมา ต้องการอะไร
“ผมอยากออกไปตามหาน้อง”“แต่มันดึกมากแล้วนะ คุณจะตามยังไง”“ก็ดีกว่านั่งเฉย ๆ แบบนี้นั่นแหละ เมื่อกี้พริมบอกว่าอยู่ที่โกดัง ในละแวกนี้จะมีโกดังที่ไหนบ้าง”“ถ้างั้นเดี๋ยวผมดูให้นะ”ณภัทรเดินไปหยิบไอแพดแล้วเปิดแผนที่เพื่อสำรวจหาโกดังหรือที่เก็บของขนาดใหญ่“ตอนพริมถูกจับและเพื่อนคุณโทรมาบอกมันก็เพิ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เพราะงั้นมันคงเอาพริมไปขังในที่ที่ไกลกว่านี้ไม่ได้” เขาวิเคราะห์พร้อมกับหาความเป็นไปได้ในแต่ละจุด“ตรงนี้หรือเปล่า” เขาซูมแผนที่“แต่ฝั่งทางนี้ก็มีเหมือนกันนะ” ณภัทรหมุนอีกด้านให้ดู“ผมจะลองไปทีละที่ก็แล้วกัน” ปรัชญ์ภูมิเลื่อนดูไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอโกดังอื่นอีก แต่ก็ไม่มีอะไรพอจะเข้าเค้า เขาจึงลุกขึ้น เตรียมจะออกไปทันที แต่ถูกรั้งแขนไว้“เดี๋ยวก่อนภูมิให้ผมไปด้วย เผื่อผมช่วยอะไรคุณได้บ้าง”คำขอของณภัทรทำให้เขาชะงักไป ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ความช่วยเหลือมากไปกว่านี้ อันที่จริงณภัทรก็ช่วยเขาเอาไว้มากแล้ว“ไม่เป็นไรคุณรออยู่นี่แหละ”“แล้วถ้าคุณกำลังจะโดนโจรฆ่าตาย ใครจะช่วยล่ะ”เขายิ้ม “ถ้าผ
ข่าวที่ปรัชญ์ภูมิได้รับจากเพื่อนทำให้เขาเกือบจะคลั่งตาย มันไม่มีทางที่คนคนหนึ่งอยู่ดี ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย พริมาอาจจะชอบเที่ยวดึกดื่น แต่เขาจะยังติดต่อน้องได้เสมอ แต่จากความพยายามเมื่อครู่ โทรศัพท์ของพริมาไม่มีสัญญาณหรือไม่ก็ปิดเครื่อง เขาจึงไม่สามารถติดต่อน้องได้ แล้วไอ้การที่เพื่อนบอกว่าเธออาจจะโดนลักพาตัวยิ่งทำให้เขาแทบจะเป็นประสาทด้วยความห่วงน้อง“ภูมิ” ณภัทรเอื้อมมือมาแตะไหล่ให้เขาใจเย็นลงตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะออกไปพบและหารือกับเพื่อน แต่ณภัทรแนะนำว่าถ้าหากพริมถูกลักพาตัวไปแล้วเขาออกไปข้างนอกคนเดียว ก็อาจจะตกเป็นเป้าได้ ทั้งคู่จึงยังนั่งอยู่ด้วยกันในคอนโด และติดต่อกับคนอื่นผ่านโทรศัพท์แทน“อะไรคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนคุณคิดว่าพริมถูกลักพาตัวไป” เวลานี้ณภัทรคนที่ขี้เล่นขี้แกล้งดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องใด ๆ กลับมีสติและควบคุมอารมณ์มากกว่าเขาทั้งที่ห่วงพริมาไม่แพ้กัน“มันโทรไปเตือนพริมไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ยังคุยไม่จบก็ได้ยินเสียงร้องของพริม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป สายหลุด โทรกลับก็ไม่ติดแล้ว เหมือนที่ผมลองเมื่อกี้นั่น
ปรัชญ์ภูมิตอบคำถามด้วยความเงียบแบบที่เป็นมาเสมอ และเขาก็เบื่อเกินกว่าจะซักไซ้ แต่ไม่อยากกลับเข้าไปในร้าน เลยเดินไปทางลานจอดรถเงียบ ๆ“กลับกับผม รถคุณก็จอดไว้นั่นแหละ”น้ำเสียงนั่นไม่ใช่คำสั่ง ณภัทรจึงยอมไปนั่งบนรถของชายหนุ่มแต่โดยดี แล้วทั้งสองก็มุ่งตรงกลับคอนโดโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงก็คือถ้าพูดอะไรให้อารมณ์เสียตอนขับรถ มันก็คงจะไม่ดีนัก“ผมขอโทษที่อารมณ์เสียใส่” จู่ ๆ ปรัชญ์ภูมิก็โพล่งขึ้นขณะอยู่ในลิฟต์“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องยอมรับว่าชอบเล่นสนุกแกล้งคุณจนคุณอารมณ์เสียบ่อย ๆ” ณภัทรตอบแต่ก็อดเติมคำต่อท้ายไม่ได้ “แต่ผมไม่ผิดนะ”ชายหนุ่มมองหน้าเขาแล้วยอมรับออกมาอย่างง่ายดายจนเขาแปลกใจ“อืม ผมผิดเองแหละ”“อะไรครับ อย่ามาตัดพ้อ”“ฮื่อ ถึงแล้วก็รีบไปอาบน้ำ อย่ามัวพูดมาก” ปรัชญ์ภูมิดันหลังเขาเข้าห้องนอน แต่ตัวเองถอยกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น“ทำงานหรือคุยกับเพื่อนอีกแล้วเหรอ” เขาตะโกนถาม“แป๊บเดียวครับ”เขายักไหล่ ป่วยการจะห้ามคนบ้างานให้เลิกทำงานโดยสิ้นเชิง เพราะนี่ก็ถือว่าลดลงจากปกติมามากแล้วเขาหยิบผ
ข้อเสนอเรื่องแผนการอันแหลมคมของณภัทรได้รับการยอมรับจากปรัชญ์ภูมิ ช่วงสองสามวันมานี้ แทนที่จะไปทำงาน ชายหนุ่มเลยทำเหมือนตัวเองลาหยุดพักร้อน และใช้คอนโดของคนต้นคิดเป็นแหล่งกบดานหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็ยังไม่ตัดขาดจากบริษัทเสียทีเดียว เขายังรับสายโทรศัพท์จากเลขาฯ อยู่บ้าง ตอบอีเมลและคุยกับทนายบริษัทซึ่งเป็นเพื่อนและคนที่รู้ถึงการฉ้อโกงทุกอย่าง“วันนี้ผมจะไปคลับนะ”“ทำไมต้องไปบ่อย ๆ” ปรัชญ์ภูมิถาม เงยหน้าจากจอโทรศัพท์มามองด้วยสายตาไม่ชอบใจ“เมื่อก่อนผมก็ไปทุกวัน” ณภัทรหยิบกระเป๋าสตางค์มาใส่กระเป๋ากางเกง “กลับดึกหน่อยนะครับ”“ทำไม คุณไม่ไปแค่สองสามวันแล้วร้านจะเจ๊งเลยเหรอ”“ไม่เจ๊งหรอกครับ แต่ผมต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อย ก็เหมือนคุณไง ขนาดปากบอกว่าจะหยุด แต่ก็เช็กเมลอยู่เรื่อย ๆ”“เพื่อนผมเตือนอะไรแปลก ๆ ผมเลยยังวางมือไม่ได้ซะทีเดียว”“หืม?”“แค่ผมไม่ได้เข้าบริษัทสี่วัน และไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ไหนนอกจากพริม บัญชีที่ติดลบก็ขึ้นตัวแดงมากกว่าเดิม แม่เลี้ยงแสนรักของผมอยู่ที่บริษัททั้งวัน และใช้เวลากับผู้
“มาแล้ว! สวัสดีจ้ะภูมิ” คนเป็นแม่สาวเท้าถี่ ๆ เข้ามาหา เสียงทักทักทายของนางร่าเริง รอยยิ้มหวานสดใสนั้นเหมือนณภัทรอย่างไม่ผิดเพี้ยนจนเขาถึงกับอึ้งไป“แม่ครับ ภูมิจะตกใจเอานะ” ลูกชายยั้งแม่ตัวเองเอาไว้“สวัสดีครับ” ปรัชญ์ภูมิทักทายเจ้าของบ้านทั้งที่ยังตั้งตัวไม่ได้“หน้าตาดีจริง ๆ คิดว่าดีกว่าลูกชายแม่อีกนะเนี่ย ตาภัทรช่างมีรสนิยม” นางหัวเราะคิกคักเหมือนสาววัยแรกรุ่น“แม่ ผมบอกแล้วไงว่าภูมิไม่ใช่แฟน” เขารีบแก้ความเข้าใจผิดของแม่ก่อนที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายลอบมองชายหนุ่มมาดขรึมก่อนหน้าเขาบอกกับแม่ว่าเพื่อนจะแวะมา เพราะเขาชวนให้มาลองชิมขนมที่แม่กำลังทำอยู่ เพียงแค่นั้นผู้เป็นแม่ที่รู้ใจลูกชายดีที่สุดก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที นางไม่เกี่ยงว่ารสนิยมของลูกชายจะเป็นแบบไหน ขอเพียงลูกชอบและมีความสุขก็เพียงพอแล้ว นับได้ว่านางเป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกมากจริง ๆคำปฏิเสธที่ไม่ค่อยจะเต็มปากของลูกชายทำให้นางมองค้อนอย่างหมั่นไส้ “เหรอ แต่ก็จะเป็นในตอนหลังใช่มั้ย” นางยังไม่ลดความพยายาม ก่อนจะหันมามองหน้าปรัชญ์ภูมิ “ใช่มั้ยภูมิ”คนถู
ตอนแรกผู้เป็นบิดาดูท่าจะไม่ยอม แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของลูกชาย เขาจึงถอนหายใจ เงยหน้ามองภรรยา “ที่รัก คุณช่วยไปเอาชาให้ผมทีนะ”“ค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะออกจากห้องเลยสักนิด“ผมเพิ่งบอกพ่อไปว่าม่านดาวน่าจะมีส่วนในการโกงบริษัท แต่พ่อกลับมอบอำนาจให้เธอเซ็นเอกสารสำคัญ” เขาตรงเข้าเรื่อง เมื่อเธอออกไปแล้ว“แกแค่สงสัย และฉันก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว ถึงจะยังไม่ได้เบาะแสอะไรมากกว่าที่แกเอามาให้ แต่ก็ไม่มีชื่อของม่านดาวโผล่ออกมาเลย”“พ่อก็ยอมรับออกมาเองนี่ครับว่ายังไม่ได้เบาะแสมากพอ เพราะงั้นพ่อจะสรุปว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ได้”“แกต้องการอะไรจากฉันฮะ ฉันพยายามจะทำให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปได้ แต่แกกับยัยพริมก็คอยแต่จะเอาตัวเองมาขัดขวางทุกอย่าง ตอนนี้แกอยากจะยัดเยียดข้อหาใส่เมียของฉัน แกเป็นอะไรนักหนา” เสียงที่พูดออกมากเกรี้ยวกราดและดังก้องไปทั้งห้องจนเขาแปลกใจที่พ่ออารมณ์เสียง่ายกว่าเมื่อก่อน ราวกับว่าการแตะต้องม่านดาวทำให้พ่อระเบิดง่ายกว่าปกติ“ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวของผม และจะไม่มีวันเป็น” เขาย้อนกลับทันที