ในค่ำคืนอันยาวนานที่ดูท่าจะไม่สิ้นสุดโดยง่าย โฮสต์คลับสุดหรูระดับแนวหน้าของประเทศและมีชื่อเสียงจนแม้แต่คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองก็ยังต้องมาเที่ยวถึงที่นี่ ได้ทำการต้อนรับแขกมากมายจนเด็กโฮสต์ที่มีอยู่แทบจะถูกเลือกไปจนหมด ณภัทรเฝ้ามองลูกค้าหญิงที่เดินเข้ามาด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้เขาจะเปิดโฮสต์คลับแห่งนี้แก้เบื่อเพราะไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร แต่มันกลับให้ผลตอบแทนอย่างดีเยี่ยมชนิดที่เขาคาดไม่ถึง จากที่คิดว่าเล่น ๆ เลยต้องทำเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาชายหนุ่มใช้เวลาทุกค่ำคืนไปกับสถานที่แห่งนี้ คอยดูแลตั้งแต่เรื่องการจัดโต๊ะไปจนถึงแขกคนสำคัญ บางครั้งที่เขาเบื่อมาก ๆ ก็มาเป็นโฮสต์เองเสียด้วยซ้ำถ้าหากเจอแขกน่าสนใจ และถึงแม้คลับจะมีกฎห้ามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกค้า แต่ถ้านอกรอบและนอกสถานที่แห่งนี้เขามักจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ก็คอยย้ำกับเด็กหนุ่มในสังกัดทุกคนว่าอย่าให้มีอะไรเสียหายมาถึงคลับเป็นพอ กฎมันก็คือกฎ คือหลักที่วางไว้เป็นแนวทาง แต่ในทางปฏิบัติใครกันที่จะทำตามกฎได้ตรงเป๊ะทุกข้อ ในความเป็นจริงความพอใจของทั้งสองฝ่ายต่างหากละที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแม้กระทั่งตัวของณภัทรเอง หากเขาเกิดถู
“แหม ๆ ถ้าฉันรู้จักคุณน้อยกว่านี้ ฉันคงหลงคุณตายเลย” เธอตอบกลับพร้อมหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน“คุณก็เคยหลงไม่ใช่เหรอ” เจ้าของคลับสุดหล่อเย้ากลับ แล้วยกแก้วในมือขึ้นจิบช้า ๆ ทุกการขยับเคลื่อนไหวของเขาช่างดูเร้าอารมณ์ผู้พบเห็นโดยที่เขาไม่ต้องจงใจโปรยเสน่ห์ใส่ใคร ๆ เลยคนถูกถามทำตาเป็นประกาย หัวเราะน้อย ๆ แล้วแสร้งตัดพ้อ “ฉันยังหลงอยู่ต่างหาก แต่คุณทำเป็นมองไม่เห็น คุณร้ายเกินกว่าที่ฉันจะจับให้อยู่ค่ะภัทร ฉันเลยไม่พยายามต่อก็เท่านั้น”การได้พูดคุยหยอกล้อกับณภัทรคล้ายกับการเล่นเกมประลองปัญญา ทั้งสนุก ตื่นเต้น เพราะคนที่ไม่แน่นอนอย่างเขาทำให้คาดเดาอะไรไม่ถูก“ผมไม่ได้ร้าย แต่ผมแค่โง่ที่ไม่เลือกคุณ ภาวนาว่าอย่าให้มีคนโง่แบบผมเยอะเกินไปก็พอ เดี๋ยวเขาจะพลาดอะไรดี ๆ ไป” เขาพูดเอาใจก่อนจะโอบเอวเธอไปนั่งบนโซฟากำมะหยี่ ห่างจากจุดอื่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นมุมที่มองเห็นการแสดงโชว์บนเวทีพอดี เขาฉลาดพอที่จะเก็บลูกค้าชั้นดีอย่างหล่อนไว้ และเธอก็ไม่เคยทำตัวงี่เง่าหรือสร้างปัญหางี่เง่าจุกจิกอย่างบรรดาลูกค้าสาว ๆ ไฮโซคนอื่น ๆ ที่ชอบเข้ามาวางท่าและใช้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นเพราะถือว่าตนมีอำนาจของเงินที่จะฟาดหัวใค
การเข้าถึงตัวเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเย็นเช่นกัน หากเป็นลูกค้าคนอื่นอาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ค่อนข้างจะง่ายดายเพราะเขาสั่งพนักงานไว้แล้วว่าถ้าเธอถามถึงเขาให้บอกได้ทันที และทุกครั้งเธอก็ไม่เคยถามหาคนอื่น พนักงานทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดีและยังนึกแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรถึงทำให้ณภัทรสนใจได้“ครับคุณภัทร”พนักงานคล้อยหลังไปได้ไม่เท่าไหร่ หญิงสาวเจ้าของเครื่องดื่มก็มุ่งตรงมาทางนี้แล้ว“ต้องจ่ายเท่าไหร่คะ ถึงจะได้นั่งกับคนนี้” เธอยิ้มหวานก่อนจะโน้มตัวเท้าแขนกับโต๊ะแล้วยื่นหน้ามาใกล้จนเกือบชิด “จ่ายเป็นตัวของพริมเองนี่รับมั้ย”ณภัทรยิ้มออกมากับท่าทางยั่วเย้าของหญิงสาวก่อนจะลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างเอาใจ“ผมไม่อยากจะปฏิเสธคนสวยนะครับ แต่คำตอบก็คือขอคิดดูก่อน”พริมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แกล้งส่งค้อนให้ชายหนุ่มด้วยท่าทางแง่งอนที่ดูจะไม่เป็นจริงเป็นจังนัก แล้วจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แต่ก็ยังไม่วายบ่นเขาอีกเล็กน้อย“คุณนี่เล่นตัวจริง ๆ วันนี้ฉันยิ่งเบื่ออยู่”เขาไม่ถือสากับคำบ่นและท่าทางเสียอารมณ์ของคนตรงหน้า ตรงกันข้าม กลับทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เธอต้องการ
“เต้นกันอยู่นี่ ยังคิดเรื่องงานอีกนะคะ” หญิงสาวเรียกร้องความสนใจด้วยการเอาตัวมาเบียดชิดกับร่างสูง ก่อนจะใช้มือสองข้างโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาหา“ว่าไงคะ” เธอช้อนสายตามองนัยน์ตาฉ่ำปรือ“คุณเมาแล้ว” เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ดันร่างเล็กออก ได้แต่โอบประคองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแน่การกระทำของเขาสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาว ๆ ในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก และดูเหมือนเธอจะรู้ดี เลยแกล้งทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมกอด ซบใบหน้าอยู่กับแผงอกกว้างณภัทรยิ้มอย่างรู้เท่าทันแต่ไม่ได้ว่าอะไร เธอร้ายนัก เธอไม่ได้ยั่วยวนเขา แต่จงใจยั่วลูกค้าสาวคนอื่น ๆ เขาจึงยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความบันเทิงเล็ก ๆ ให้กับเธอ แถมเขาก็ยังสนุกด้วยเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า การที่เขาปล่อยให้ทั้งคู่แนบชิดกันอยู่แบบนั้น มันจะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง“เฮ้ย มึงทำอะไรน้องกูวะ ปล่อย!”แรงกระชากจากด้านหลังทำเขาเซไปเล็กน้อย ถึงจะไม่ล้มแต่มันก็น่าหงุดหงิดที่โดนใครก็ไม่รู้เข้าถึงตัว“อะไรกันวะ”เขาหันกลับมาเอาเรื่องคนที่มาหาเรื่องถึงในถิ่นของตัวเอง แล้วก็ต้องพบกับชายหนุ่มตัวสูงที่มีหน้าตาดีพอ ๆ กับตัวเองยืนทำหน้าถ
“ถ้าพริมอยากมา พริมก็มาหาผมได้ทุกเมื่อนะ ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นหรอก พริมโตและบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผมจะรอนะครับ” เขาโปรยยิ้มใส่หญิงสาว แล้วส่งสายตาท้าทายไปให้ชายตรงหน้า“ไอ้…” คำด่าเกือบจะหลุดรอดออกมา แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ ก่อนจะกระชากมือเขาออกจากมือน้องสาวสุดรักอย่างแรงณภัทรยิ้มกวนประสาทอีกรอบ เขาชอบที่จะได้เห็นอีกฝ่ายโกรธ และสงสัยว่าถ้าหากเขายังยุ่งเกี่ยวกับพริมาอยู่อีก ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เขารู้โดยสัญชาตญาณว่านี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกระดับชาติเลยทีเดียว ซึ่งโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ และมันอาจจะทำให้ความเบื่อหน่ายที่สั่งสมอยู่ถูกบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง“อ้อ…เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นพี่ชายพริมใช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยที่พูดจาไม่สุภาพ ใครจะรู้ล่ะครับ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้ เราอาจจะได้เกี่ยวข้องกันผ่านทางพริมก็ได้” ณภัทรเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกดอกแล้วคอยมองปฏิกิริยาโต้กลับของชายหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อแล้วมันก็ได้ผล ปรัชญ์ภูมิเดือดจัดขึ้นมาอีกรอบ “กูไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนฉวยโอกาสอย่างมึงหรอก ขอโทษด้วย”ณภัทรถึงกับต้องกลั้นขำเลยทีเดียว การยั่วให้ชายตรงหน
ความดื้อด้านเกินรับมือของน้องสาว ทำให้ปรัชญ์ภูมิแทบจะเป็นประสาทตายทุกวัน ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซขึ้นบันไดหนีเขาด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดีว่าทำไมพริมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้เรื่องมันเริ่มจากการที่สองคนพี่น้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่ถึงสามเดือนพ่อก็เอาคนอื่นมาแทนที่ โดยที่น้ำตาของน้องสาวเขายังไม่หายเหือดแห้งไปเท่าไรนัก มิหนำซ้ำผู้หญิงที่พ่อนำเข้ามาในบ้านจงใจเป็นปฏิปักษ์กับลูกเมียเก่าอย่างพวกเขาชัดเจน แต่เสแสร้งตีบทแม่เลี้ยงแสนดีต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังกลับหาเรื่องรังควาญสารพัด พอพวกเขาตอบโต้กลับ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ปรารถนาดีแล้วอยากผูกมิตร พ่อก็ดันเชื่อและหลงในความกลับกลอกนั่นและไม่ใส่ใจเขากับน้องอีกเลย ตั้งแต่นั้นเขาจึงนับเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพริมา และพริมาเองก็เช่นกันที่คอยเติมเต็มความอ้างว้างของคำว่าครอบครัวให้กับเขา สองพี่น้องจึงรักและห่วงใยกันมากสำหรับปรัชญ์ภูมิแล้ว พ่อจะรักหรือชอบใครใหม่เขาไม่มีปัญหา แต่คนคนนั้นต้องไม่พยายามจะแย
“แต่นั่นมันคลับโฮสต์นะพริม! แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ มันพยายามจะลวนลามพริมนะ” ปรัชญ์ภูมิบอกในสิ่งที่ตาเห็น แต่เขาคงจะหัวโบราณ หรือไม่ก็หวงน้องสาวมากเกินไปจนมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็อย่างว่า เวลานั้นใครจะมานั่งสังเกต เมื่อความโกรธเข้าครอบงำเสียขนาดนั้นพริมากลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “โธ่พี่ภูมิ ใคร ๆ เขาก็ไปกัน แล้วภัทรเขาลวนลามที่ไหนล่ะ พริมยินยอมเองต่างหาก ไม่สิ พริมเนี่ยแหละไปอ่อยเค้า”“พริม!” ปรัชญ์ภูมิไม่คิดว่าเธอจะตอบออกมาอย่างนี้ เขานึกอยากจะจับเธอฟาดก้นนักที่ริอ่านทำตัวก๋ากั่นเป็นเด็กสาวใจแตกเช่นนี้“ก็มันจริงนี่ ทีนี้พี่ก็เลิกหงุดหงิดเขาได้แล้วค่ะ” เธอตัดบท แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทางห้องของตัวเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ยังตามไม่หยุด เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ“โอเค พี่ไม่หงุดหงิดมันก็ได้ แต่พริมต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ไปที่แบบนั้นอีก” ปรัชญ์ภูมิพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลงแล้วพูดกับน้องสาวดี ๆพริมาหันกลับมา กอดอกมองพี่ชาย รู้ว่าเขาห่วง แต่นี่ออกจะเกินไปสักหน่อย และที่สำคัญคือเธอโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างเมื่อก่อน เธอถอนใจแล้วพูดกับพี่ชาย “นี่ม
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” พริมาหาทางเลี่ยง“หืม…พี่คุณอยู่ด้วยเหรอ” เสียงเจือหัวเราะแกมขบขันถามกลับมา ทำให้อีกคนที่ยืนฟังอยู่ด้วยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ใช่มั้ย ปกติคุณไม่เคยไม่อยากคุยกับผมนี่นา” ณภัทรแกล้งอ้อนหวาน ๆ ต่อ แล้วจงใจพูดกับอีกคนหนึ่ง “ฟังอยู่ใช่มั้ยครับคุณพี่ชาย ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของน้องมากเกินไปรึเปล่า”“ปกติผมไม่เคยวุ่นวายกับน้องนะ จนกระทั่งมารู้ว่าน้องรู้จักกับคนแบบคุณ” คนหวงน้องโต้ตอบทันควัน“คนแบบผมมันทำไมครับ ก็แค่เจ้าของคลับที่มีผู้หญิงรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด อ้อ…ผู้ชายด้วย แต่ผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใครนะ พอดีว่าใช้ความหล่อและเงินซื้อเอา นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย” ณภัทรสวนกลับอย่างคนหลงตัวเองจนบางคนนึกหมั่นไส้แม้จะรู้ว่าถูกยั่วยุ แต่ปรัชญ์ภูมิก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าอยู่เหมือนกัน เขาไม่ถูกชะตาผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ดูอย่างไรก็มีมีวันเป็นคนดีในสายตาเขาไปได้พร้อมกันนั้นพริมากลับแปลกใจในความกวนและความใส่ใจเกินปกติของณภัทร เขาไม่เคยโทรมาถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง อย่างดีก็ส่งข้อความเป็นครั้งคราวเพราะมีคน
“พี่ภูมิ รู้มั้ยว่าคืนนี้สองแม่ลูกนั่นจะไปไหนกัน” พริมารีบวิ่งลงจากบันไดมาขวางพี่ชายเอาไว้ ระหว่างที่เขาก็ต้องรีบไปทำงานเพราะตัวเองสายมากแล้วปรัชญ์ภูมิคว้าตัวน้องสาวก่อนที่เธอจะกลิ้งเป็นลูกขนุนลงมา แถมเอ็ดไปนิดหน่อย “อย่าวิ่งลงบันไดแบบนี้สิ มันอันตรายนะ”“พริมรู้แล้วค่ะ” หญิงสาวนิ่วหน้า แล้วตรงเข้าประเด็นทันที “ฟังเรื่องที่พริมกำลังจะบอกก่อนสิ”“โอเค ว่ามาสิ”“พ่อให้เมียสุดที่รักกับลูกสาวคนใหม่ไปออกงานการกุศลที่โรงแรมแหละ” เธอเบะปากเล่า“ก็ปกตินี่ สองคนนั้นชอบไปทำตัวอวดร่ำอวดรวยในงานพวกนี้จะตาย พ่อคงกลัวเมียตัวเองจะเบื่อ เลยให้ไปออกงานเล่น” ผู้เป็นพี่ชายไม่เห็นว่าเรื่องที่น้องสาวพูดจะผิดแผกไปจากปกติ“พี่ภูมิลืมแล้วเหรอ งานคืนนี้คืองานของลุงพัฒน์ คนที่ต้องไปคือพี่กับพริม แล้วอยู่ดี ๆ มาเปลี่ยนให้ยัยเมย์ไปแทนพริมได้ไง และพริมไม่ได้รู้จากปากพ่อเองด้วยนะ อีนั่นมันมาเย้ยพริมเมื่อเช้านี้ แต่เช้าเลยด้วย” พริมาทั้งโมโหและเจ็บใจสุด ๆคราวนี้ปรัชญ์ภูมิหยุดฟังด้วยความสนใจ ตามธรรมดาแล้ว ถ้าพ่อไม่ว่าง การออกงานสังคมเป็นหน้าที่ของเขากับน้อง เพราะพวกเขาคือสายตระกูลโดยตรงที่ทุกคนยอมรับว่ามีอำนาจใน
“เดตอะไรกันคะ”หญิงสาวทำหน้าเหลอหลาก่อนจะมองไปยังชายอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ หน้าตาเขาดีพอ ๆ กับณภัทร แต่ท่าทางเงียบขรึมทำให้ไม่ค่อยน่าเข้าหาสักเท่าไหร่ เสียดายความหล่อชะมัด“นี่คุณเดตกับผู้ชาย?”เธอไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าชายหนุ่มคงอำเธอเล่นเพื่อกันไม่ให้เธอมายุ่มย่าม“ผมจะเดตกับใครก็ได้ทั้งนั้น จริงมั้ยครับ เพราะงั้นคุณลุกออกจาตัวผมก่อนนะ” ตอบพร้อมดันร่างเซ็กซี่ออกโดยไม่แลเลยสักนิดปรัชญ์ภูมิลังเลระหว่างขัดขึ้นมาว่าทั้งคู่ไม่ได้เดตกัน ซึ่งมันคือความจริง แต่ก็หมายความว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ยอมไปไหน หรือถ้าปล่อยเบลอไปก่อน ให้แม่สาวใจกล้านี่ลุกออกไป แล้วเขาค่อยทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นทีหลัง สุดท้ายเขาเลือกอย่างหลังเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาเป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดอะไรที่จะเป็นการขัดกันทั้งนั้น“โอเคค่ะ ฉันไปล่ะ” เธอยอมลุกออกไปด้วยท่าทางผิดหวังเครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ และณภัทรก็ยัดมันใส่มือเขาก่อนจะคะยั้นคะยอให้ดื่ม“อุตส่าห์มาเดตทั้งที ดื่มหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้ผมเหงาคนเดียว” ชายหนุ่มยิ้มแล้วทำตาเชื่อมด้วยความร้องขอปรัชญ
ปรัชญ์ภูมิไม่ค่อยรู้ว่าคลับหรือสถานที่ดี ๆ ที่คนนิยมไปมันอยู่ตรงไหนบ้าง มากสุดเขาก็ไปนั่งฟังเพลงแจ๊ซและบลูส์ในบาร์เดิมที่เคยไปตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากเรียนจบทุกอย่างก็กลายเป็นสิ่งห่างไกลเพราะมัวทำแต่งาน เขาเลยขับรถมาแหล่งรวมสถานบันเทิงแล้วเดินเตร่ไปเรื่อย มองดูไฟหลากสีที่ตกแต่งตามบาร์ต่าง ๆ เสียงเพลงที่ดังออกมาผสมปนเปกัน นักเที่ยวหลากหลายรูปแบบไม่จัดเพศ วัย หรือเชื้อชาติ ทุกคนต่างกำลังสนุกไปกับแสงสีเสียงแห่งยามค่ำคืน“คุณภูมิ”เจ้าของชื่อหันขวับอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักในสถานที่แบบนี้“มาทำอะไรครับเนี่ย อย่าบอกนะว่ามาเที่ยว”คนที่เรียกชื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ แต่เมื่อเขาเห็นหน้าเจ้าของเสียง เขานึกอยากจะเดินหนีไปเฉย ๆ เพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าให้เสียอารมณ์“คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย” ณภัทรไม่ยอมปล่อยให้เขาไปง่าย ๆ จึงได้รับการถลึงตาใส่แทน“ยุ่ง”“หยาบคายมาก” ชายหนุ่มทำเป็นบ่น“ที่ถามนี่เป็นห่วงหรอกนะ เห็นยืนงงเหมือนเพิ่งหลุดมาจากโลกเมื่อพันปีที่แล้ว” แม้ว่าครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการทักทายกันอย่างสุภาพ แต่คำพูดคำจาขอ
“ทำไมคะ หรือมีเรื่องอะไรก่อนหน้านี้ที่พริมพลาดไป” คนเป็นน้องสาวสงสัยว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ มิเช่นนั้นพี่ภูมิคงไม่ระเบิดออกมาอย่างนี้“พี่รู้สึกว่าสองคนนี้เป็นตัวปัญหา” เขายอมให้น้องช่วยคลายปมเนกไทออกให้ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกัน“พริมรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่พ่อพาพวกมันเข้าบ้านแล้วค่ะ” น้องสาวเข้าใจไปอีกทางพี่ชายส่ายหัว“พี่หมายถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น แต่พี่ยังหาไม่เจอสักทีว่ามันคืออะไรกันแน่ แม้มันจะมีเงื่อนงำและอะไรแปลก ๆ โผล่มาให้เห็นเรื่อย ๆ ก็ตาม” เขาแชร์ปัญหาที่ขบคิดอยู่ให้น้องสาวได้รับรู้“เรื่องเงินรึเปล่าคะ” พริมานึกถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด จากนิสัยของสองแม่ลูกนั่นเห็นจะไม่พ้นเรื่องนี้ ที่แต่งงานกับพ่อแล้วพาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านก็เพราะเงินทั้งนั้น“พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น” ตัวเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับน้องสาว เพียงแต่ตอนนี้ยังขาดหลักฐาน“ถ้าพี่มีอะไรให้พริมช่วยก็บอกนะ ถึงจะดูไม่เอาไหน แต่เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมา พริมสู้ยิบตา” หญิงสาวทำท่าขึงขัง ทำให้พี่ชายอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้“พี่รู้ ตั้งแต่เด็ก ๆ ใครมาแกล้ง
ปรัชญ์ภูมิยังคงจับตาดูณภัทรอยู่เสมอ หลังจากที่เจอกันวันนั้น และดูเหมือนว่าณภัทรก็ไม่เคยหมดพลังหรือหมดแรงที่จะยั่วโมโหเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ยังคงมาวนเวียนอยู่กับพริมา ชวนไปที่โน่นที่นี่หรืออย่างน้อยก็ให้ได้โทรมา และพอโดนเขาต่อว่าก็จะยิ้มหน้าระรื่นที่แกล้งเขาสำเร็จ แต่ก็มีบางครั้งที่ทั้งสองคนรอดหูรอดตาเขาไป เพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการสืบหาความจริงเรื่องบัญชีที่ผิดปกติของบริษัทวันนี้ปรัชญ์ภูมิยังคงกลับบ้านดึกเหมือนเคย เมื่อเดินเข้ามาถึงโถงกลางพลันชะเท้าแล้วหยุดมองไปรอบ ๆ บ้านหลังใหญ่ที่เงียบเหงาในช่วงเวลาแบบนี้ แม้แต่แม่บ้านก็เข้านอนกันไปหมดแล้ว เนื่องจากเขาได้สั่งไว้ว่าไม่ต้องอยู่รอจนเขากลับ เพราะบางครั้งเขาก็อยู่ทำงานจนดึก ผิดกับสองแม่ลูกนั่นที่ชอบปลุกคนงานในบ้านขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม แม้แต่ตอนตีสอง เพราะหาชุดนอนตัวโปรดของตัวเองไม่เจอเขาได้รับสายจากพริมาแล้วว่าวันนี้เธอกลับบ้านตรงเวลา เขาเลยเดินขึ้นบันไดอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าน้องจะไปกับผู้ชายคนนั้น แต่กลายเป็นว่ายังมีเรื่องมาให้เสียอารมณ์อยู่ดี เมื่อเดินสวนกับสองแม่ลูกที่กำลังจะ
“เป็นไงคะ โดนพี่ฉันกวนกลับ” พริมาชวนคุย“สนุกดีครับ แต่แอบหมั่นไส้” สายตาของชายหนุ่มมองตามไปทางที่ร่างสูงเพิ่งลุกเดินออกไป“เอาฉันมาเพื่อจะหลอกล่อพี่ฉันแท้ ๆ” หญิงสาวทำเป็นตัดพ้อเขายิ้มตาหยีก่อนจะจับมือเธอมากุมแล้วบีบเบา ๆ “ผมชอบคุยกับคุณจะตาย คุณก็รู้ ในบรรดาทุกคนรอบตัวผม มีใครที่ผมสนิทด้วยเท่าคุณมั้ยครับ ก็ไม่มี เพราะงั้นอย่าคิดแบบนั้นอีกนะ ถึงพี่คุณไม่มานั่งเป็นตอไม้ให้ผมแกล้ง ผมก็อยากเจอคุณอยู่ดี”“ไอ้ยิ้มแบบนี้ พูดเสียงอย่างนี้ ฉันขออัดคลิปไว้ได้มั้ยคะ จะเอาไปอวดคนอื่น”เขาหัวเราะออกมา แม้จะไม่ดังและไม่ได้รบกวนคนใคร แต่ไม่ว่าใครที่เห็นรอยยิ้มเป็นประกาย ก็ต้องหันมามองกันทุกคน แต่รอยยิ้มนั้นก็มีอันต้องหุบลง เมื่อคนหวงน้องอันดับหนึ่งกลับมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้ากุมมือน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนอยู่“เอามือออก!!”“โอ๊ย! คุณ !” ณภัทรร้องอย่างตกใจเมื่อถูกกระชากมือออกอย่างแรง“ห้ามถึงเนื้อถึงตัวน้องสาวผม” คนหวงน้องขู่ด้วยหน้าตาถมึงทึง“งั้นจะให้ถึงเนื้อถึงตัวใคร” เขายิ้มมุมปาก ทำเป็นไล่สายตาขึ้นลงทั่วร่างชายหนุ่ม “คุณเ
นั่นไงล่ะ ถ้าน้องสาวยืนยันมาขนาดนี้ก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณปรัชญ์ภูมิจอมเย็นชาขี้เก๊กนั่น แล้วไปรู้จักยันเจ้าของร้านได้ยังไง เกินหน้าเกินตาชะมัด ณภัทรรู้สึกขัดใจนิดหน่อย“เห็นมั้ยล่ะคะ ฉันบอกแล้วว่าอย่าประมาทเขาเชียว” หญิงสาวหันมาพูดเจือรอยยิ้ม หลังจากประหลาดใจในตอนแรกพริมาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เธอรู้จักพี่ชายตัวเองดี ถึงว่ายอมปล่อยเธอออกมาง่ายเหลือเกิน คงวางแผนไว้แล้วสิท่าณภัทรทำหน้างอก่อนจะปรับสีหน้าใหม่เมื่อชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเดินตรงเข้ามาโดยมีผู้จัดการร้านเป็นคนพามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มระรื่นคล้ายจะเยาะเย้ยปรัชญ์ภูมิแต่งตัวไม่ต่างจากที่ไปโฮสต์คลับ ไม่ว่าจะเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงสแลกส์ขายาว ต่างกันตรงที่วันนี้ชายหนุ่มเซ็ตผมไว้อย่างเรียบร้อย และหน้าตาไม่ได้ดูเหนื่อยล้ามากนัก“สวัสดีครับคุณภัทร” ผู้มาใหม่เอ่ยทัก เน้นท้ายประโยคอย่างจงใจ“สวัสดีครับ” ณภัทรตอบรับห้วน ๆ อารมณ์ไม่ค่อยจะดีเพราะรู้สึกเสียหน้า อย่างนี้เขาคงต้องหาเรื่องเอาคืนเสียหน่อย“ไม่คิดเลยนะครับว่าท
ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำ ที่แต่งแต้มไปด้วยแสงไฟมากมายจากทั่วทุกตรอกซอกซอยและถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวตัดผ่านเมือง กลายเป็นความงามตามธรรมชาติและทำให้ผู้ที่มานั่งใช้บริการของร้านดื่มด่ำกับความสุขและลมเย็นที่พัดโชยมาเบา ๆ ด้วยความที่วิวสวย อาหารก็รสเลิศ บวกกับการบริการดีเยี่ยม ร้านอาหารแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจนถึงขนาดต้องจองล่วงหน้า และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ไปไหน เพราะต้องการคงไว้ซึ่งความพิเศษของสถานที่ แขกที่จะได้มารับประทานอาหารที่นี่ นอกจากจะเงินหนาหนักแล้ว ยังต้องมีโชคด้านการจองโต๊ะด้วย หรืออย่างร้ายที่สุดก็ต้องรู้จักใครสักคนที่พอจะช่วยได้ และณภัทรรู้จักคนคนนั้นเขานั่งรอพริมาอยู่ที่โต๊ะซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้จะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำได้อย่างเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน เพียงไม่นานเขาก็เห็นบริกรเดินนำเธอเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นเข้ากับชุด มือเล็กถือกระเป๋าสีแดงมาด้วย ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับผู้หญิงมามาก แต่พริมามีอะไรบางอย่างที่น่ามองกว่า
ปลายสายหลุดหัวเราะพรืด เป็นเสียงหัวเราะร่าเริงจนพริมานึกออกว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะน่าดูขนาดไหน เวลาปกติณภัทรก็มีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่แล้ว พอยิ้มหรือหัวเราะขึ้นมายิ่งแทบละลาย ซึ่งเธอเห็นทีไรก็ยังไม่ชินสักที ยอมรับว่ายิ้มของเขาทำให้ใจสั่น และมันก็ทำให้ความชอบพอในตัวคนคนนี้เพิ่มขึ้นมาก ๆ แต่ก็อย่างที่รู้ แม้จะชอบรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไม แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงที่มิอาจเหยียบย่างเข้าไปได้ง่าย ๆ และเธอเองก็พอใจกับสถานะของเธอกับเขาเช่นนี้“พริมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ พี่ถึงจะต้องตามไปนั่งคุมเวลามีเดต” พริมาหันไปเอาเรื่องกับพี่ชาย“ก็แล้วแต่ หรือพริมจะไม่ไปเลยก็ได้นะ” ปรัชญ์ภูมิกวนหน้าตาเฉย กวนแบบตีสีหน้านิ่ง ๆ ตามแบบฉบับเขานั่นแหละ“จะบ้าตาย” เธอตบหน้าผากตัวเองแปะ ๆ หรือไม่ก็อยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด“ปล่อยให้เขามาเถอะครับ แต่จะมีเก้าอี้นั่งมั้ยไม่รู้นะ ร้านนี้เขารับแต่ลูกค้าวีไอพี” ณภัทรแกล้งพูดข่มนิด ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการยั่วคนหัวแข็งอย่างปรัชญ์ภูมิ