“เต้นกันอยู่นี่ ยังคิดเรื่องงานอีกนะคะ” หญิงสาวเรียกร้องความสนใจด้วยการเอาตัวมาเบียดชิดกับร่างสูง ก่อนจะใช้มือสองข้างโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาหา
“ว่าไงคะ” เธอช้อนสายตามองนัยน์ตาฉ่ำปรือ
“คุณเมาแล้ว” เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ดันร่างเล็กออก ได้แต่โอบประคองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแน่
การกระทำของเขาสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาว ๆ ในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก และดูเหมือนเธอจะรู้ดี เลยแกล้งทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมกอด ซบใบหน้าอยู่กับแผงอกกว้าง
ณภัทรยิ้มอย่างรู้เท่าทันแต่ไม่ได้ว่าอะไร เธอร้ายนัก เธอไม่ได้ยั่วยวนเขา แต่จงใจยั่วลูกค้าสาวคนอื่น ๆ เขาจึงยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความบันเทิงเล็ก ๆ ให้กับเธอ แถมเขาก็ยังสนุกด้วยเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า การที่เขาปล่อยให้ทั้งคู่แนบชิดกันอยู่แบบนั้น มันจะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง
“เฮ้ย มึงทำอะไรน้องกูวะ ปล่อย!”
แรงกระชากจากด้านหลังทำเขาเซไปเล็กน้อย ถึงจะไม่ล้มแต่มันก็น่าหงุดหงิดที่โดนใครก็ไม่รู้เข้าถึงตัว
“อะไรกันวะ”
เขาหันกลับมาเอาเรื่องคนที่มาหาเรื่องถึงในถิ่นของตัวเอง แล้วก็ต้องพบกับชายหนุ่มตัวสูงที่มีหน้าตาดีพอ ๆ กับตัวเองยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลกส์ แถมยังผูกเนกไทอีกต่างหาก ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับคนมาเที่ยว นี่ถ้าสวมสูททับคงคิดว่าเขาต้องมาเจรจาธุรกิจแน่ ๆ แต่กับที่คลับนี้เหรอ...เขาออกจะดูผิดที่ผิดทางไปเสียหน่อย
“ปล่อยน้องกู” อีกฝ่ายออกคำสั่งแล้วกำลังจะพุ่งตรงเข้ามาแต่เขาเบี่ยงตัวหลบ
“แล้วมึงเป็นใคร” เขาถามกลับด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก แล้วประคองพริมาที่ยืนโงนเงน พร้อมจะล้มหน้าทิ่มลงไปได้ทุกเมื่อ
“อย่ามาแตะน้องสาวกู” คนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายดึงหญิงสาวจนร่างบางเซปะทะแนบอก
“น้องสาว?” เขาทวนคำก่อนจะเขม้นมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ แม้จะไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น ไม่รู้จักพี่ชายของพริมามาก่อน แต่ฟังจากคำบอกเล่าก็น่าจะใช่คนนี้แหละ ชายหนุ่มมีหน้าตาคล้ายน้องสาว แต่โครงหน้าเข้มกว่า การแต่งตัวที่ดูอย่างไรคงน่าจะเพิ่งเลิกงานแน่ ๆ คนปกติที่ไหนจะมาคลับด้วยการแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้ คงมีแต่พี่ชายของหญิงสาวคนที่เขานึกจินตนาการตามที่เธอเล่าให้ฟังบ่อย ๆ เท่านั้นแหละ
เมื่อคิดดังนั้นรอยยิ้มมุมปากจึงผุดขึ้นมา แต่ออกจะผิดคาดสักหน่อย เขาคิดว่าชายหนุ่มเป็นคนเคร่งขรึมมีน้ำอดน้ำทนสูง แต่นี่ที่ไหนได้กลับตรงเข้ามาหาเรื่องโต้ง ๆ
“เออสิ แล้วมึงเป็นใคร มาฉวยโอกาสตอนน้องกูเมา เป็นโฮสต์เหรอ น้องกูยินยอมหรือเปล่า หรือว่ามึงมอมน้องกู”
ปรัชญ์ภูมิโมโหเมื่อคิดว่าน้องสาวต้องตกอยู่ในอันตรายหรือถูกล่อลวงจากพวกผู้ชายขายตัวจนหลุดมาดสุขุมและถึงกับขึ้นกูมึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะสำหรับเขาแล้วพริมาต้องมาเป็นที่หนึ่ง
ณภัทรจ้องหน้าชายหนุ่มนิ่ง ใบหน้าเขาเรียบเฉยแต่มุมปากกลับยกยิ้ม นัยน์ตายียวนทำเอาคนมองยิ่งหัวเสียขึ้นไปอีก
“อ้าว มาคลับก็ต้องยินยอมมาเองสิวะ ใครจะไปลากมาได้ แต่ขอโทษเหอะ คิดว่าน้องตัวเองสามขวบหรือไงคุณพี่ถึงบุกเข้ามาแล้วโวยวายแบบนี้ เดี๋ยวก็ให้การ์ดจับโยนออกไปซะหรอก” เขาตอบกลับผู้เป็นพี่ชายของสาวน้อยขี้เหงาอย่างจงใจกวนอารมณ์ เขาคิดว่าชอบมองอาการร้อนรนหัวเสียอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ของคนตรงหน้า
“ไม่ต้องมาโยนกูออกไปหรอก อยากอยู่ซะที่ไหน แล้วมึงไม่ต้องมายุ่งกับน้องกูอีก จำไว้” ว่าแล้วก็ลากน้องสาวออกไปทันที แต่ณภัทรกลับพุ่งตัวไปขวางเอาไว้
“ทำไม หวงไรนักหนา พริมยังไม่เห็นโวยอะไรสักคำ” เขาหันไปหาหญิงสาวที่ยืนมองเหตุการณ์ตาปริบ “ใช่มั้ยพริม”
คนกลางพยักหน้าแม้จะยังดูงุนงงอยู่ แปลกใจว่าพี่ชายมาที่นี่ได้อย่างไร
“พริม! เรามีเหตุผลอะไรต้องมาเที่ยวแล้วเปลืองเนื้อเปลืองตัวครับ พี่ขอสั่งห้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะห้ามยุ่งกับคนคนนี้ด้วย” ใบหน้าของชายหนุ่มเข้มขรึม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูออกว่าโกรธจัด แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้
ณภัทรรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนกับที่พริมาเคยบรรยายเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะท่าทางแบบผู้ดี การมองคนอื่นด้วยสายตาราวกับตัวเองเหนือกว่า อดทนอดกลั้นต่อความโกรธได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนคนไร้หัวใจ และถึงจะหัวเสียแต่ก็ปกปิดเอาไว้อย่างดี ตอนแรกที่พุ่งเข้ามาหาเขาคงจะโกรธจนน็อตหลุดละสิท่า คงไม่คิดว่าน้องสาวสุดที่รักกำลังเต้นเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับโฮสต์ แต่พอควบคุมตัวเองได้แล้วกลับนิ่งได้อย่างเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่บอกให้เขารู้ว่าชายหนุ่มโกรธจัดเพียงไรคงเป็นมือที่กำแน่นและเปลวไฟที่ลุกโชนในดวงตา หึ...ความเก๊กแบบนั้นทำให้เขานึกอยากจะแกล้งขึ้นมา เลยเข้าไปจับมือพริมา แล้วพูดกับเธอเสียงหวาน
“ถ้าพริมอยากมา พริมก็มาหาผมได้ทุกเมื่อนะ ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นหรอก พริมโตและบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผมจะรอนะครับ” เขาโปรยยิ้มใส่หญิงสาว แล้วส่งสายตาท้าทายไปให้ชายตรงหน้า“ไอ้…” คำด่าเกือบจะหลุดรอดออกมา แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ ก่อนจะกระชากมือเขาออกจากมือน้องสาวสุดรักอย่างแรงณภัทรยิ้มกวนประสาทอีกรอบ เขาชอบที่จะได้เห็นอีกฝ่ายโกรธ และสงสัยว่าถ้าหากเขายังยุ่งเกี่ยวกับพริมาอยู่อีก ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เขารู้โดยสัญชาตญาณว่านี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกระดับชาติเลยทีเดียว ซึ่งโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ และมันอาจจะทำให้ความเบื่อหน่ายที่สั่งสมอยู่ถูกบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง“อ้อ…เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นพี่ชายพริมใช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยที่พูดจาไม่สุภาพ ใครจะรู้ล่ะครับ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้ เราอาจจะได้เกี่ยวข้องกันผ่านทางพริมก็ได้” ณภัทรเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกดอกแล้วคอยมองปฏิกิริยาโต้กลับของชายหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อแล้วมันก็ได้ผล ปรัชญ์ภูมิเดือดจัดขึ้นมาอีกรอบ “กูไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนฉวยโอกาสอย่างมึงหรอก ขอโทษด้วย”ณภัทรถึงกับต้องกลั้นขำเลยทีเดียว การยั่วให้ชายตรงหน
ความดื้อด้านเกินรับมือของน้องสาว ทำให้ปรัชญ์ภูมิแทบจะเป็นประสาทตายทุกวัน ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซขึ้นบันไดหนีเขาด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดีว่าทำไมพริมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้เรื่องมันเริ่มจากการที่สองคนพี่น้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่ถึงสามเดือนพ่อก็เอาคนอื่นมาแทนที่ โดยที่น้ำตาของน้องสาวเขายังไม่หายเหือดแห้งไปเท่าไรนัก มิหนำซ้ำผู้หญิงที่พ่อนำเข้ามาในบ้านจงใจเป็นปฏิปักษ์กับลูกเมียเก่าอย่างพวกเขาชัดเจน แต่เสแสร้งตีบทแม่เลี้ยงแสนดีต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังกลับหาเรื่องรังควาญสารพัด พอพวกเขาตอบโต้กลับ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ปรารถนาดีแล้วอยากผูกมิตร พ่อก็ดันเชื่อและหลงในความกลับกลอกนั่นและไม่ใส่ใจเขากับน้องอีกเลย ตั้งแต่นั้นเขาจึงนับเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพริมา และพริมาเองก็เช่นกันที่คอยเติมเต็มความอ้างว้างของคำว่าครอบครัวให้กับเขา สองพี่น้องจึงรักและห่วงใยกันมากสำหรับปรัชญ์ภูมิแล้ว พ่อจะรักหรือชอบใครใหม่เขาไม่มีปัญหา แต่คนคนนั้นต้องไม่พยายามจะแย
“แต่นั่นมันคลับโฮสต์นะพริม! แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ มันพยายามจะลวนลามพริมนะ” ปรัชญ์ภูมิบอกในสิ่งที่ตาเห็น แต่เขาคงจะหัวโบราณ หรือไม่ก็หวงน้องสาวมากเกินไปจนมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็อย่างว่า เวลานั้นใครจะมานั่งสังเกต เมื่อความโกรธเข้าครอบงำเสียขนาดนั้นพริมากลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “โธ่พี่ภูมิ ใคร ๆ เขาก็ไปกัน แล้วภัทรเขาลวนลามที่ไหนล่ะ พริมยินยอมเองต่างหาก ไม่สิ พริมเนี่ยแหละไปอ่อยเค้า”“พริม!” ปรัชญ์ภูมิไม่คิดว่าเธอจะตอบออกมาอย่างนี้ เขานึกอยากจะจับเธอฟาดก้นนักที่ริอ่านทำตัวก๋ากั่นเป็นเด็กสาวใจแตกเช่นนี้“ก็มันจริงนี่ ทีนี้พี่ก็เลิกหงุดหงิดเขาได้แล้วค่ะ” เธอตัดบท แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทางห้องของตัวเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ยังตามไม่หยุด เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ“โอเค พี่ไม่หงุดหงิดมันก็ได้ แต่พริมต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ไปที่แบบนั้นอีก” ปรัชญ์ภูมิพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลงแล้วพูดกับน้องสาวดี ๆพริมาหันกลับมา กอดอกมองพี่ชาย รู้ว่าเขาห่วง แต่นี่ออกจะเกินไปสักหน่อย และที่สำคัญคือเธอโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างเมื่อก่อน เธอถอนใจแล้วพูดกับพี่ชาย “นี่ม
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” พริมาหาทางเลี่ยง“หืม…พี่คุณอยู่ด้วยเหรอ” เสียงเจือหัวเราะแกมขบขันถามกลับมา ทำให้อีกคนที่ยืนฟังอยู่ด้วยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ใช่มั้ย ปกติคุณไม่เคยไม่อยากคุยกับผมนี่นา” ณภัทรแกล้งอ้อนหวาน ๆ ต่อ แล้วจงใจพูดกับอีกคนหนึ่ง “ฟังอยู่ใช่มั้ยครับคุณพี่ชาย ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของน้องมากเกินไปรึเปล่า”“ปกติผมไม่เคยวุ่นวายกับน้องนะ จนกระทั่งมารู้ว่าน้องรู้จักกับคนแบบคุณ” คนหวงน้องโต้ตอบทันควัน“คนแบบผมมันทำไมครับ ก็แค่เจ้าของคลับที่มีผู้หญิงรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด อ้อ…ผู้ชายด้วย แต่ผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใครนะ พอดีว่าใช้ความหล่อและเงินซื้อเอา นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย” ณภัทรสวนกลับอย่างคนหลงตัวเองจนบางคนนึกหมั่นไส้แม้จะรู้ว่าถูกยั่วยุ แต่ปรัชญ์ภูมิก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าอยู่เหมือนกัน เขาไม่ถูกชะตาผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ดูอย่างไรก็มีมีวันเป็นคนดีในสายตาเขาไปได้พร้อมกันนั้นพริมากลับแปลกใจในความกวนและความใส่ใจเกินปกติของณภัทร เขาไม่เคยโทรมาถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง อย่างดีก็ส่งข้อความเป็นครั้งคราวเพราะมีคน
ปลายสายหลุดหัวเราะพรืด เป็นเสียงหัวเราะร่าเริงจนพริมานึกออกว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะน่าดูขนาดไหน เวลาปกติณภัทรก็มีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่แล้ว พอยิ้มหรือหัวเราะขึ้นมายิ่งแทบละลาย ซึ่งเธอเห็นทีไรก็ยังไม่ชินสักที ยอมรับว่ายิ้มของเขาทำให้ใจสั่น และมันก็ทำให้ความชอบพอในตัวคนคนนี้เพิ่มขึ้นมาก ๆ แต่ก็อย่างที่รู้ แม้จะชอบรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไม แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงที่มิอาจเหยียบย่างเข้าไปได้ง่าย ๆ และเธอเองก็พอใจกับสถานะของเธอกับเขาเช่นนี้“พริมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ พี่ถึงจะต้องตามไปนั่งคุมเวลามีเดต” พริมาหันไปเอาเรื่องกับพี่ชาย“ก็แล้วแต่ หรือพริมจะไม่ไปเลยก็ได้นะ” ปรัชญ์ภูมิกวนหน้าตาเฉย กวนแบบตีสีหน้านิ่ง ๆ ตามแบบฉบับเขานั่นแหละ“จะบ้าตาย” เธอตบหน้าผากตัวเองแปะ ๆ หรือไม่ก็อยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด“ปล่อยให้เขามาเถอะครับ แต่จะมีเก้าอี้นั่งมั้ยไม่รู้นะ ร้านนี้เขารับแต่ลูกค้าวีไอพี” ณภัทรแกล้งพูดข่มนิด ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการยั่วคนหัวแข็งอย่างปรัชญ์ภูมิ
ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำ ที่แต่งแต้มไปด้วยแสงไฟมากมายจากทั่วทุกตรอกซอกซอยและถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวตัดผ่านเมือง กลายเป็นความงามตามธรรมชาติและทำให้ผู้ที่มานั่งใช้บริการของร้านดื่มด่ำกับความสุขและลมเย็นที่พัดโชยมาเบา ๆ ด้วยความที่วิวสวย อาหารก็รสเลิศ บวกกับการบริการดีเยี่ยม ร้านอาหารแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจนถึงขนาดต้องจองล่วงหน้า และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ไปไหน เพราะต้องการคงไว้ซึ่งความพิเศษของสถานที่ แขกที่จะได้มารับประทานอาหารที่นี่ นอกจากจะเงินหนาหนักแล้ว ยังต้องมีโชคด้านการจองโต๊ะด้วย หรืออย่างร้ายที่สุดก็ต้องรู้จักใครสักคนที่พอจะช่วยได้ และณภัทรรู้จักคนคนนั้นเขานั่งรอพริมาอยู่ที่โต๊ะซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้จะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำได้อย่างเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน เพียงไม่นานเขาก็เห็นบริกรเดินนำเธอเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นเข้ากับชุด มือเล็กถือกระเป๋าสีแดงมาด้วย ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับผู้หญิงมามาก แต่พริมามีอะไรบางอย่างที่น่ามองกว่า
นั่นไงล่ะ ถ้าน้องสาวยืนยันมาขนาดนี้ก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณปรัชญ์ภูมิจอมเย็นชาขี้เก๊กนั่น แล้วไปรู้จักยันเจ้าของร้านได้ยังไง เกินหน้าเกินตาชะมัด ณภัทรรู้สึกขัดใจนิดหน่อย“เห็นมั้ยล่ะคะ ฉันบอกแล้วว่าอย่าประมาทเขาเชียว” หญิงสาวหันมาพูดเจือรอยยิ้ม หลังจากประหลาดใจในตอนแรกพริมาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เธอรู้จักพี่ชายตัวเองดี ถึงว่ายอมปล่อยเธอออกมาง่ายเหลือเกิน คงวางแผนไว้แล้วสิท่าณภัทรทำหน้างอก่อนจะปรับสีหน้าใหม่เมื่อชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเดินตรงเข้ามาโดยมีผู้จัดการร้านเป็นคนพามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มระรื่นคล้ายจะเยาะเย้ยปรัชญ์ภูมิแต่งตัวไม่ต่างจากที่ไปโฮสต์คลับ ไม่ว่าจะเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงสแลกส์ขายาว ต่างกันตรงที่วันนี้ชายหนุ่มเซ็ตผมไว้อย่างเรียบร้อย และหน้าตาไม่ได้ดูเหนื่อยล้ามากนัก“สวัสดีครับคุณภัทร” ผู้มาใหม่เอ่ยทัก เน้นท้ายประโยคอย่างจงใจ“สวัสดีครับ” ณภัทรตอบรับห้วน ๆ อารมณ์ไม่ค่อยจะดีเพราะรู้สึกเสียหน้า อย่างนี้เขาคงต้องหาเรื่องเอาคืนเสียหน่อย“ไม่คิดเลยนะครับว่าท
“เป็นไงคะ โดนพี่ฉันกวนกลับ” พริมาชวนคุย“สนุกดีครับ แต่แอบหมั่นไส้” สายตาของชายหนุ่มมองตามไปทางที่ร่างสูงเพิ่งลุกเดินออกไป“เอาฉันมาเพื่อจะหลอกล่อพี่ฉันแท้ ๆ” หญิงสาวทำเป็นตัดพ้อเขายิ้มตาหยีก่อนจะจับมือเธอมากุมแล้วบีบเบา ๆ “ผมชอบคุยกับคุณจะตาย คุณก็รู้ ในบรรดาทุกคนรอบตัวผม มีใครที่ผมสนิทด้วยเท่าคุณมั้ยครับ ก็ไม่มี เพราะงั้นอย่าคิดแบบนั้นอีกนะ ถึงพี่คุณไม่มานั่งเป็นตอไม้ให้ผมแกล้ง ผมก็อยากเจอคุณอยู่ดี”“ไอ้ยิ้มแบบนี้ พูดเสียงอย่างนี้ ฉันขออัดคลิปไว้ได้มั้ยคะ จะเอาไปอวดคนอื่น”เขาหัวเราะออกมา แม้จะไม่ดังและไม่ได้รบกวนคนใคร แต่ไม่ว่าใครที่เห็นรอยยิ้มเป็นประกาย ก็ต้องหันมามองกันทุกคน แต่รอยยิ้มนั้นก็มีอันต้องหุบลง เมื่อคนหวงน้องอันดับหนึ่งกลับมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้ากุมมือน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนอยู่“เอามือออก!!”“โอ๊ย! คุณ !” ณภัทรร้องอย่างตกใจเมื่อถูกกระชากมือออกอย่างแรง“ห้ามถึงเนื้อถึงตัวน้องสาวผม” คนหวงน้องขู่ด้วยหน้าตาถมึงทึง“งั้นจะให้ถึงเนื้อถึงตัวใคร” เขายิ้มมุมปาก ทำเป็นไล่สายตาขึ้นลงทั่วร่างชายหนุ่ม “คุณเ
“พ่อคะทำไมถึงห้ามพริม” เธอถามถึงตอนที่พ่อหยุดเธอไว้ก่อนที่เธอจะเล่าความจริงอีกเรื่องให้พี่ชายฟัง“ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ให้พี่เราได้พักผ่อนแล้วฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน”“แต่ว่าพ่อ…”“พ่อไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”พริมามองสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปมากของบิดา ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพราะสังขารที่ร่วงโรยไปตามไว แต่มันไม่ใช่ พ่อถูกนังปีศาจวางยาพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแรง นอกตากนี้ยังวางยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้พ่อเกรี้ยวกราดใส่พวกเธอที่เป็นลูกแท้ ๆ และเห็นดีเห็นงามกับนังนั่นเสมอ มันทำอย่างแนบเนียนกะรอวันที่กำจัดเธอและพี่ออกไปได้ และพ่อตายลง พวกมันจะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติทั้งหมด นึกแล้วยิ่งแค้นไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อสองวันก่อนอาการของพ่อกำเริบจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นังนั่นยังมีหน้าทำเป็นเสแสร้งเข้าไปดูแลเอาอกเอาใจพ่อ และใส่ไฟเธอกับพี่ชายเป็นการใหญ่ แค่ความจริงแล้วคงลุ้นอยากให้พ่อตายจนตัวสั่น มันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยเริ่มแผนการขั้นสอง คือการกำจัดพี่ชาย หลังจากนั้นคงไม่พ้นตัวเธอ แต่แผนที่วางไว้เสียดิบดีก
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลย่อมเป็นสถานที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก หลังออกมาจากห้องที่ถูกพยาบาลเข็นเข้าไปและทำอะไรมากมายบนตัวเขา ในขณะที่ความคิดก็จดจ่ออยู่กับเรื่องเดียวว่าณภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้เขาจะถูกตีหลายแผล หมอบอกว่ามีอาการช้ำใน แต่โชคดีไม่มีกระดูกตรงไหนหัก และก็ไม่ได้เลือดไหลจนหมดตัวเหมือนกับที่ณภัทรเป็นเขานั่งมองจอโทรทัศน์ที่พริมาเปิดไว้ให้ สรุปแล้วเธอถูกจับไปจริง แต่ขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ คนร้ายพยายามให้เธอคิดว่ามันคือโกดังร้างแล้วพูดออกมาให้เขาเข้าใจผิด เมื่อเขาออกมาตามน้อง มันจะได้ล่อจับแล้วจัดฉากให้เขาขับรถด้วยความเร็วจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโชคยังดีที่เขาไม่ได้ถูดยัดเข้าไปในรถทั้งที่ยังโดนมัดมือเพราะณภัทรให้เพื่อนตำรวจหาพริมาเจอก่อน แล้วตัวเองก็รีบออกมาตามหาเขาเพื่อส่งข่าว ความจริงแล้วถ้าเขาไม่รีบร้อนลงจากรถ ก็คงจะได้รับข้อความของณภัทรแล้วขับรถกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แทนที่จะตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ และที่สำคัญณภัทรคงไม่ต้องโดนแทงเลือดท่วมขนาดนี้จากความพยายามที่จะช่วยเขา“
ระหว่างที่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี โทรศัพท์ก็สั่นครืด ๆ เขาจึงรีบหยิบมาดู‘เตรียมเงินให้พร้อม มาคนเดียว อย่าแจ้งตำรวจ จะนัดสถานที่อีกที’เขามองข้อความบนจอ เหลือบมองชายชุดดำซึ่งก้มมองมือถืออยู่เช่นกัน อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ามันคือคนที่จับน้องสาวเขาไว้แล้วส่งข้อความมาเขาแทบจะทนรอให้มันกลับเข้าไปด้านในไม่ไหว เขาควานหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้จากเบาะหลัง แต่ไม่เจออะไรเลย จึงลองเปิดลิ้นชักหน้า เห็นมีดพกเล่มหนึ่งเลยหยิบติดมือมาด้วย ดีกว่าเข้าไปตัวเปล่า จากนั้นก็ ค่อย ๆ ย่องลงจากรถ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นมันแน่ผู้ชายคนนั้นกำลังเปิดประตูโกดัง ขณะที่เขากำลังจะออกวิ่ง แต่กลับมีอะไรหนัก ๆ ฟาดลงมาที่หลังเต็มแรง“โอ๊ย! ”เขาทรุดลงกับพื้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะกลิ้งหลบเมื่อท่อนไม้ฟาดลงมาอีกครั้ง ความเจ็บจากการถูกทุบเมื่อครู่ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง ตอนพยายามลุกขึ้น ขาถึงได้อ่อนเปลี้ยและโดนถีบซ้ำลงไปกับพื้นอีกรอบ“มึงมาหาน้องสาวเหรอ” มันกระชากคอเสื้อเขาขึ้น “แต่เสียใจด้วยนะ น้องมึงไม่ได้อยู่ที่นี่”“ใครส่งมึงมา ต้องการอะไร
“ผมอยากออกไปตามหาน้อง”“แต่มันดึกมากแล้วนะ คุณจะตามยังไง”“ก็ดีกว่านั่งเฉย ๆ แบบนี้นั่นแหละ เมื่อกี้พริมบอกว่าอยู่ที่โกดัง ในละแวกนี้จะมีโกดังที่ไหนบ้าง”“ถ้างั้นเดี๋ยวผมดูให้นะ”ณภัทรเดินไปหยิบไอแพดแล้วเปิดแผนที่เพื่อสำรวจหาโกดังหรือที่เก็บของขนาดใหญ่“ตอนพริมถูกจับและเพื่อนคุณโทรมาบอกมันก็เพิ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เพราะงั้นมันคงเอาพริมไปขังในที่ที่ไกลกว่านี้ไม่ได้” เขาวิเคราะห์พร้อมกับหาความเป็นไปได้ในแต่ละจุด“ตรงนี้หรือเปล่า” เขาซูมแผนที่“แต่ฝั่งทางนี้ก็มีเหมือนกันนะ” ณภัทรหมุนอีกด้านให้ดู“ผมจะลองไปทีละที่ก็แล้วกัน” ปรัชญ์ภูมิเลื่อนดูไปรอบ ๆ เผื่อจะเจอโกดังอื่นอีก แต่ก็ไม่มีอะไรพอจะเข้าเค้า เขาจึงลุกขึ้น เตรียมจะออกไปทันที แต่ถูกรั้งแขนไว้“เดี๋ยวก่อนภูมิให้ผมไปด้วย เผื่อผมช่วยอะไรคุณได้บ้าง”คำขอของณภัทรทำให้เขาชะงักไป ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ความช่วยเหลือมากไปกว่านี้ อันที่จริงณภัทรก็ช่วยเขาเอาไว้มากแล้ว“ไม่เป็นไรคุณรออยู่นี่แหละ”“แล้วถ้าคุณกำลังจะโดนโจรฆ่าตาย ใครจะช่วยล่ะ”เขายิ้ม “ถ้าผ
ข่าวที่ปรัชญ์ภูมิได้รับจากเพื่อนทำให้เขาเกือบจะคลั่งตาย มันไม่มีทางที่คนคนหนึ่งอยู่ดี ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย พริมาอาจจะชอบเที่ยวดึกดื่น แต่เขาจะยังติดต่อน้องได้เสมอ แต่จากความพยายามเมื่อครู่ โทรศัพท์ของพริมาไม่มีสัญญาณหรือไม่ก็ปิดเครื่อง เขาจึงไม่สามารถติดต่อน้องได้ แล้วไอ้การที่เพื่อนบอกว่าเธออาจจะโดนลักพาตัวยิ่งทำให้เขาแทบจะเป็นประสาทด้วยความห่วงน้อง“ภูมิ” ณภัทรเอื้อมมือมาแตะไหล่ให้เขาใจเย็นลงตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะออกไปพบและหารือกับเพื่อน แต่ณภัทรแนะนำว่าถ้าหากพริมถูกลักพาตัวไปแล้วเขาออกไปข้างนอกคนเดียว ก็อาจจะตกเป็นเป้าได้ ทั้งคู่จึงยังนั่งอยู่ด้วยกันในคอนโด และติดต่อกับคนอื่นผ่านโทรศัพท์แทน“อะไรคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนคุณคิดว่าพริมถูกลักพาตัวไป” เวลานี้ณภัทรคนที่ขี้เล่นขี้แกล้งดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องใด ๆ กลับมีสติและควบคุมอารมณ์มากกว่าเขาทั้งที่ห่วงพริมาไม่แพ้กัน“มันโทรไปเตือนพริมไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ยังคุยไม่จบก็ได้ยินเสียงร้องของพริม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป สายหลุด โทรกลับก็ไม่ติดแล้ว เหมือนที่ผมลองเมื่อกี้นั่น
ปรัชญ์ภูมิตอบคำถามด้วยความเงียบแบบที่เป็นมาเสมอ และเขาก็เบื่อเกินกว่าจะซักไซ้ แต่ไม่อยากกลับเข้าไปในร้าน เลยเดินไปทางลานจอดรถเงียบ ๆ“กลับกับผม รถคุณก็จอดไว้นั่นแหละ”น้ำเสียงนั่นไม่ใช่คำสั่ง ณภัทรจึงยอมไปนั่งบนรถของชายหนุ่มแต่โดยดี แล้วทั้งสองก็มุ่งตรงกลับคอนโดโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงก็คือถ้าพูดอะไรให้อารมณ์เสียตอนขับรถ มันก็คงจะไม่ดีนัก“ผมขอโทษที่อารมณ์เสียใส่” จู่ ๆ ปรัชญ์ภูมิก็โพล่งขึ้นขณะอยู่ในลิฟต์“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องยอมรับว่าชอบเล่นสนุกแกล้งคุณจนคุณอารมณ์เสียบ่อย ๆ” ณภัทรตอบแต่ก็อดเติมคำต่อท้ายไม่ได้ “แต่ผมไม่ผิดนะ”ชายหนุ่มมองหน้าเขาแล้วยอมรับออกมาอย่างง่ายดายจนเขาแปลกใจ“อืม ผมผิดเองแหละ”“อะไรครับ อย่ามาตัดพ้อ”“ฮื่อ ถึงแล้วก็รีบไปอาบน้ำ อย่ามัวพูดมาก” ปรัชญ์ภูมิดันหลังเขาเข้าห้องนอน แต่ตัวเองถอยกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น“ทำงานหรือคุยกับเพื่อนอีกแล้วเหรอ” เขาตะโกนถาม“แป๊บเดียวครับ”เขายักไหล่ ป่วยการจะห้ามคนบ้างานให้เลิกทำงานโดยสิ้นเชิง เพราะนี่ก็ถือว่าลดลงจากปกติมามากแล้วเขาหยิบผ
ข้อเสนอเรื่องแผนการอันแหลมคมของณภัทรได้รับการยอมรับจากปรัชญ์ภูมิ ช่วงสองสามวันมานี้ แทนที่จะไปทำงาน ชายหนุ่มเลยทำเหมือนตัวเองลาหยุดพักร้อน และใช้คอนโดของคนต้นคิดเป็นแหล่งกบดานหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็ยังไม่ตัดขาดจากบริษัทเสียทีเดียว เขายังรับสายโทรศัพท์จากเลขาฯ อยู่บ้าง ตอบอีเมลและคุยกับทนายบริษัทซึ่งเป็นเพื่อนและคนที่รู้ถึงการฉ้อโกงทุกอย่าง“วันนี้ผมจะไปคลับนะ”“ทำไมต้องไปบ่อย ๆ” ปรัชญ์ภูมิถาม เงยหน้าจากจอโทรศัพท์มามองด้วยสายตาไม่ชอบใจ“เมื่อก่อนผมก็ไปทุกวัน” ณภัทรหยิบกระเป๋าสตางค์มาใส่กระเป๋ากางเกง “กลับดึกหน่อยนะครับ”“ทำไม คุณไม่ไปแค่สองสามวันแล้วร้านจะเจ๊งเลยเหรอ”“ไม่เจ๊งหรอกครับ แต่ผมต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อย ก็เหมือนคุณไง ขนาดปากบอกว่าจะหยุด แต่ก็เช็กเมลอยู่เรื่อย ๆ”“เพื่อนผมเตือนอะไรแปลก ๆ ผมเลยยังวางมือไม่ได้ซะทีเดียว”“หืม?”“แค่ผมไม่ได้เข้าบริษัทสี่วัน และไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ไหนนอกจากพริม บัญชีที่ติดลบก็ขึ้นตัวแดงมากกว่าเดิม แม่เลี้ยงแสนรักของผมอยู่ที่บริษัททั้งวัน และใช้เวลากับผู้
“มาแล้ว! สวัสดีจ้ะภูมิ” คนเป็นแม่สาวเท้าถี่ ๆ เข้ามาหา เสียงทักทักทายของนางร่าเริง รอยยิ้มหวานสดใสนั้นเหมือนณภัทรอย่างไม่ผิดเพี้ยนจนเขาถึงกับอึ้งไป“แม่ครับ ภูมิจะตกใจเอานะ” ลูกชายยั้งแม่ตัวเองเอาไว้“สวัสดีครับ” ปรัชญ์ภูมิทักทายเจ้าของบ้านทั้งที่ยังตั้งตัวไม่ได้“หน้าตาดีจริง ๆ คิดว่าดีกว่าลูกชายแม่อีกนะเนี่ย ตาภัทรช่างมีรสนิยม” นางหัวเราะคิกคักเหมือนสาววัยแรกรุ่น“แม่ ผมบอกแล้วไงว่าภูมิไม่ใช่แฟน” เขารีบแก้ความเข้าใจผิดของแม่ก่อนที่จะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายลอบมองชายหนุ่มมาดขรึมก่อนหน้าเขาบอกกับแม่ว่าเพื่อนจะแวะมา เพราะเขาชวนให้มาลองชิมขนมที่แม่กำลังทำอยู่ เพียงแค่นั้นผู้เป็นแม่ที่รู้ใจลูกชายดีที่สุดก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที นางไม่เกี่ยงว่ารสนิยมของลูกชายจะเป็นแบบไหน ขอเพียงลูกชอบและมีความสุขก็เพียงพอแล้ว นับได้ว่านางเป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกมากจริง ๆคำปฏิเสธที่ไม่ค่อยจะเต็มปากของลูกชายทำให้นางมองค้อนอย่างหมั่นไส้ “เหรอ แต่ก็จะเป็นในตอนหลังใช่มั้ย” นางยังไม่ลดความพยายาม ก่อนจะหันมามองหน้าปรัชญ์ภูมิ “ใช่มั้ยภูมิ”คนถู
ตอนแรกผู้เป็นบิดาดูท่าจะไม่ยอม แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของลูกชาย เขาจึงถอนหายใจ เงยหน้ามองภรรยา “ที่รัก คุณช่วยไปเอาชาให้ผมทีนะ”“ค่ะ” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะออกจากห้องเลยสักนิด“ผมเพิ่งบอกพ่อไปว่าม่านดาวน่าจะมีส่วนในการโกงบริษัท แต่พ่อกลับมอบอำนาจให้เธอเซ็นเอกสารสำคัญ” เขาตรงเข้าเรื่อง เมื่อเธอออกไปแล้ว“แกแค่สงสัย และฉันก็ให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว ถึงจะยังไม่ได้เบาะแสอะไรมากกว่าที่แกเอามาให้ แต่ก็ไม่มีชื่อของม่านดาวโผล่ออกมาเลย”“พ่อก็ยอมรับออกมาเองนี่ครับว่ายังไม่ได้เบาะแสมากพอ เพราะงั้นพ่อจะสรุปว่าเธอบริสุทธิ์ไม่ได้”“แกต้องการอะไรจากฉันฮะ ฉันพยายามจะทำให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปได้ แต่แกกับยัยพริมก็คอยแต่จะเอาตัวเองมาขัดขวางทุกอย่าง ตอนนี้แกอยากจะยัดเยียดข้อหาใส่เมียของฉัน แกเป็นอะไรนักหนา” เสียงที่พูดออกมากเกรี้ยวกราดและดังก้องไปทั้งห้องจนเขาแปลกใจที่พ่ออารมณ์เสียง่ายกว่าเมื่อก่อน ราวกับว่าการแตะต้องม่านดาวทำให้พ่อระเบิดง่ายกว่าปกติ“ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวของผม และจะไม่มีวันเป็น” เขาย้อนกลับทันที