“เต้นกันอยู่นี่ ยังคิดเรื่องงานอีกนะคะ” หญิงสาวเรียกร้องความสนใจด้วยการเอาตัวมาเบียดชิดกับร่างสูง ก่อนจะใช้มือสองข้างโน้มคอของอีกฝ่ายลงมาหา
“ว่าไงคะ” เธอช้อนสายตามองนัยน์ตาฉ่ำปรือ
“คุณเมาแล้ว” เขาพูด แต่ก็ไม่ได้ดันร่างเล็กออก ได้แต่โอบประคองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแน่
การกระทำของเขาสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับสาว ๆ ในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก และดูเหมือนเธอจะรู้ดี เลยแกล้งทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมกอด ซบใบหน้าอยู่กับแผงอกกว้าง
ณภัทรยิ้มอย่างรู้เท่าทันแต่ไม่ได้ว่าอะไร เธอร้ายนัก เธอไม่ได้ยั่วยวนเขา แต่จงใจยั่วลูกค้าสาวคนอื่น ๆ เขาจึงยินยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความบันเทิงเล็ก ๆ ให้กับเธอ แถมเขาก็ยังสนุกด้วยเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า การที่เขาปล่อยให้ทั้งคู่แนบชิดกันอยู่แบบนั้น มันจะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง
“เฮ้ย มึงทำอะไรน้องกูวะ ปล่อย!”
แรงกระชากจากด้านหลังทำเขาเซไปเล็กน้อย ถึงจะไม่ล้มแต่มันก็น่าหงุดหงิดที่โดนใครก็ไม่รู้เข้าถึงตัว
“อะไรกันวะ”
เขาหันกลับมาเอาเรื่องคนที่มาหาเรื่องถึงในถิ่นของตัวเอง แล้วก็ต้องพบกับชายหนุ่มตัวสูงที่มีหน้าตาดีพอ ๆ กับตัวเองยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลกส์ แถมยังผูกเนกไทอีกต่างหาก ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับคนมาเที่ยว นี่ถ้าสวมสูททับคงคิดว่าเขาต้องมาเจรจาธุรกิจแน่ ๆ แต่กับที่คลับนี้เหรอ...เขาออกจะดูผิดที่ผิดทางไปเสียหน่อย
“ปล่อยน้องกู” อีกฝ่ายออกคำสั่งแล้วกำลังจะพุ่งตรงเข้ามาแต่เขาเบี่ยงตัวหลบ
“แล้วมึงเป็นใคร” เขาถามกลับด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก แล้วประคองพริมาที่ยืนโงนเงน พร้อมจะล้มหน้าทิ่มลงไปได้ทุกเมื่อ
“อย่ามาแตะน้องสาวกู” คนที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายดึงหญิงสาวจนร่างบางเซปะทะแนบอก
“น้องสาว?” เขาทวนคำก่อนจะเขม้นมองคนตรงหน้าให้ชัด ๆ แม้จะไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น ไม่รู้จักพี่ชายของพริมามาก่อน แต่ฟังจากคำบอกเล่าก็น่าจะใช่คนนี้แหละ ชายหนุ่มมีหน้าตาคล้ายน้องสาว แต่โครงหน้าเข้มกว่า การแต่งตัวที่ดูอย่างไรคงน่าจะเพิ่งเลิกงานแน่ ๆ คนปกติที่ไหนจะมาคลับด้วยการแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้ คงมีแต่พี่ชายของหญิงสาวคนที่เขานึกจินตนาการตามที่เธอเล่าให้ฟังบ่อย ๆ เท่านั้นแหละ
เมื่อคิดดังนั้นรอยยิ้มมุมปากจึงผุดขึ้นมา แต่ออกจะผิดคาดสักหน่อย เขาคิดว่าชายหนุ่มเป็นคนเคร่งขรึมมีน้ำอดน้ำทนสูง แต่นี่ที่ไหนได้กลับตรงเข้ามาหาเรื่องโต้ง ๆ
“เออสิ แล้วมึงเป็นใคร มาฉวยโอกาสตอนน้องกูเมา เป็นโฮสต์เหรอ น้องกูยินยอมหรือเปล่า หรือว่ามึงมอมน้องกู”
ปรัชญ์ภูมิโมโหเมื่อคิดว่าน้องสาวต้องตกอยู่ในอันตรายหรือถูกล่อลวงจากพวกผู้ชายขายตัวจนหลุดมาดสุขุมและถึงกับขึ้นกูมึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะสำหรับเขาแล้วพริมาต้องมาเป็นที่หนึ่ง
ณภัทรจ้องหน้าชายหนุ่มนิ่ง ใบหน้าเขาเรียบเฉยแต่มุมปากกลับยกยิ้ม นัยน์ตายียวนทำเอาคนมองยิ่งหัวเสียขึ้นไปอีก
“อ้าว มาคลับก็ต้องยินยอมมาเองสิวะ ใครจะไปลากมาได้ แต่ขอโทษเหอะ คิดว่าน้องตัวเองสามขวบหรือไงคุณพี่ถึงบุกเข้ามาแล้วโวยวายแบบนี้ เดี๋ยวก็ให้การ์ดจับโยนออกไปซะหรอก” เขาตอบกลับผู้เป็นพี่ชายของสาวน้อยขี้เหงาอย่างจงใจกวนอารมณ์ เขาคิดว่าชอบมองอาการร้อนรนหัวเสียอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ของคนตรงหน้า
“ไม่ต้องมาโยนกูออกไปหรอก อยากอยู่ซะที่ไหน แล้วมึงไม่ต้องมายุ่งกับน้องกูอีก จำไว้” ว่าแล้วก็ลากน้องสาวออกไปทันที แต่ณภัทรกลับพุ่งตัวไปขวางเอาไว้
“ทำไม หวงไรนักหนา พริมยังไม่เห็นโวยอะไรสักคำ” เขาหันไปหาหญิงสาวที่ยืนมองเหตุการณ์ตาปริบ “ใช่มั้ยพริม”
คนกลางพยักหน้าแม้จะยังดูงุนงงอยู่ แปลกใจว่าพี่ชายมาที่นี่ได้อย่างไร
“พริม! เรามีเหตุผลอะไรต้องมาเที่ยวแล้วเปลืองเนื้อเปลืองตัวครับ พี่ขอสั่งห้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะห้ามยุ่งกับคนคนนี้ด้วย” ใบหน้าของชายหนุ่มเข้มขรึม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูออกว่าโกรธจัด แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้
ณภัทรรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนกับที่พริมาเคยบรรยายเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะท่าทางแบบผู้ดี การมองคนอื่นด้วยสายตาราวกับตัวเองเหนือกว่า อดทนอดกลั้นต่อความโกรธได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนคนไร้หัวใจ และถึงจะหัวเสียแต่ก็ปกปิดเอาไว้อย่างดี ตอนแรกที่พุ่งเข้ามาหาเขาคงจะโกรธจนน็อตหลุดละสิท่า คงไม่คิดว่าน้องสาวสุดที่รักกำลังเต้นเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับโฮสต์ แต่พอควบคุมตัวเองได้แล้วกลับนิ่งได้อย่างเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่บอกให้เขารู้ว่าชายหนุ่มโกรธจัดเพียงไรคงเป็นมือที่กำแน่นและเปลวไฟที่ลุกโชนในดวงตา หึ...ความเก๊กแบบนั้นทำให้เขานึกอยากจะแกล้งขึ้นมา เลยเข้าไปจับมือพริมา แล้วพูดกับเธอเสียงหวาน
“ถ้าพริมอยากมา พริมก็มาหาผมได้ทุกเมื่อนะ ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นหรอก พริมโตและบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผมจะรอนะครับ” เขาโปรยยิ้มใส่หญิงสาว แล้วส่งสายตาท้าทายไปให้ชายตรงหน้า“ไอ้…” คำด่าเกือบจะหลุดรอดออกมา แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ ก่อนจะกระชากมือเขาออกจากมือน้องสาวสุดรักอย่างแรงณภัทรยิ้มกวนประสาทอีกรอบ เขาชอบที่จะได้เห็นอีกฝ่ายโกรธ และสงสัยว่าถ้าหากเขายังยุ่งเกี่ยวกับพริมาอยู่อีก ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เขารู้โดยสัญชาตญาณว่านี่อาจจะเป็นเรื่องสนุกระดับชาติเลยทีเดียว ซึ่งโอกาสอย่างนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ และมันอาจจะทำให้ความเบื่อหน่ายที่สั่งสมอยู่ถูกบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง“อ้อ…เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นพี่ชายพริมใช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วยที่พูดจาไม่สุภาพ ใครจะรู้ล่ะครับ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้ เราอาจจะได้เกี่ยวข้องกันผ่านทางพริมก็ได้” ณภัทรเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกดอกแล้วคอยมองปฏิกิริยาโต้กลับของชายหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อแล้วมันก็ได้ผล ปรัชญ์ภูมิเดือดจัดขึ้นมาอีกรอบ “กูไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนฉวยโอกาสอย่างมึงหรอก ขอโทษด้วย”ณภัทรถึงกับต้องกลั้นขำเลยทีเดียว การยั่วให้ชายตรงหน
ความดื้อด้านเกินรับมือของน้องสาว ทำให้ปรัชญ์ภูมิแทบจะเป็นประสาทตายทุกวัน ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซขึ้นบันไดหนีเขาด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดีว่าทำไมพริมาถึงกลายเป็นคนแบบนี้เรื่องมันเริ่มจากการที่สองคนพี่น้องสูญเสียแม่ไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่ถึงสามเดือนพ่อก็เอาคนอื่นมาแทนที่ โดยที่น้ำตาของน้องสาวเขายังไม่หายเหือดแห้งไปเท่าไรนัก มิหนำซ้ำผู้หญิงที่พ่อนำเข้ามาในบ้านจงใจเป็นปฏิปักษ์กับลูกเมียเก่าอย่างพวกเขาชัดเจน แต่เสแสร้งตีบทแม่เลี้ยงแสนดีต่อหน้าพ่อเท่านั้น พอลับหลังกลับหาเรื่องรังควาญสารพัด พอพวกเขาตอบโต้กลับ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นเด็กก้าวร้าว ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแค่ปรารถนาดีแล้วอยากผูกมิตร พ่อก็ดันเชื่อและหลงในความกลับกลอกนั่นและไม่ใส่ใจเขากับน้องอีกเลย ตั้งแต่นั้นเขาจึงนับเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพริมา และพริมาเองก็เช่นกันที่คอยเติมเต็มความอ้างว้างของคำว่าครอบครัวให้กับเขา สองพี่น้องจึงรักและห่วงใยกันมากสำหรับปรัชญ์ภูมิแล้ว พ่อจะรักหรือชอบใครใหม่เขาไม่มีปัญหา แต่คนคนนั้นต้องไม่พยายามจะแย
“แต่นั่นมันคลับโฮสต์นะพริม! แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ มันพยายามจะลวนลามพริมนะ” ปรัชญ์ภูมิบอกในสิ่งที่ตาเห็น แต่เขาคงจะหัวโบราณ หรือไม่ก็หวงน้องสาวมากเกินไปจนมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็อย่างว่า เวลานั้นใครจะมานั่งสังเกต เมื่อความโกรธเข้าครอบงำเสียขนาดนั้นพริมากลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “โธ่พี่ภูมิ ใคร ๆ เขาก็ไปกัน แล้วภัทรเขาลวนลามที่ไหนล่ะ พริมยินยอมเองต่างหาก ไม่สิ พริมเนี่ยแหละไปอ่อยเค้า”“พริม!” ปรัชญ์ภูมิไม่คิดว่าเธอจะตอบออกมาอย่างนี้ เขานึกอยากจะจับเธอฟาดก้นนักที่ริอ่านทำตัวก๋ากั่นเป็นเด็กสาวใจแตกเช่นนี้“ก็มันจริงนี่ ทีนี้พี่ก็เลิกหงุดหงิดเขาได้แล้วค่ะ” เธอตัดบท แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทางห้องของตัวเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ยังตามไม่หยุด เขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ“โอเค พี่ไม่หงุดหงิดมันก็ได้ แต่พริมต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ไปที่แบบนั้นอีก” ปรัชญ์ภูมิพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลงแล้วพูดกับน้องสาวดี ๆพริมาหันกลับมา กอดอกมองพี่ชาย รู้ว่าเขาห่วง แต่นี่ออกจะเกินไปสักหน่อย และที่สำคัญคือเธอโตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างเมื่อก่อน เธอถอนใจแล้วพูดกับพี่ชาย “นี่ม
“ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” พริมาหาทางเลี่ยง“หืม…พี่คุณอยู่ด้วยเหรอ” เสียงเจือหัวเราะแกมขบขันถามกลับมา ทำให้อีกคนที่ยืนฟังอยู่ด้วยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ใช่มั้ย ปกติคุณไม่เคยไม่อยากคุยกับผมนี่นา” ณภัทรแกล้งอ้อนหวาน ๆ ต่อ แล้วจงใจพูดกับอีกคนหนึ่ง “ฟังอยู่ใช่มั้ยครับคุณพี่ชาย ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของน้องมากเกินไปรึเปล่า”“ปกติผมไม่เคยวุ่นวายกับน้องนะ จนกระทั่งมารู้ว่าน้องรู้จักกับคนแบบคุณ” คนหวงน้องโต้ตอบทันควัน“คนแบบผมมันทำไมครับ ก็แค่เจ้าของคลับที่มีผู้หญิงรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด อ้อ…ผู้ชายด้วย แต่ผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใครนะ พอดีว่าใช้ความหล่อและเงินซื้อเอา นอกจากนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย” ณภัทรสวนกลับอย่างคนหลงตัวเองจนบางคนนึกหมั่นไส้แม้จะรู้ว่าถูกยั่วยุ แต่ปรัชญ์ภูมิก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าอยู่เหมือนกัน เขาไม่ถูกชะตาผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ดูอย่างไรก็มีมีวันเป็นคนดีในสายตาเขาไปได้พร้อมกันนั้นพริมากลับแปลกใจในความกวนและความใส่ใจเกินปกติของณภัทร เขาไม่เคยโทรมาถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง อย่างดีก็ส่งข้อความเป็นครั้งคราวเพราะมีคน
ปลายสายหลุดหัวเราะพรืด เป็นเสียงหัวเราะร่าเริงจนพริมานึกออกว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะน่าดูขนาดไหน เวลาปกติณภัทรก็มีเสน่ห์ล้นเหลืออยู่แล้ว พอยิ้มหรือหัวเราะขึ้นมายิ่งแทบละลาย ซึ่งเธอเห็นทีไรก็ยังไม่ชินสักที ยอมรับว่ายิ้มของเขาทำให้ใจสั่น และมันก็ทำให้ความชอบพอในตัวคนคนนี้เพิ่มขึ้นมาก ๆ แต่ก็อย่างที่รู้ แม้จะชอบรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้ เธอบอกไม่ถูกว่าทำไม แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงที่มิอาจเหยียบย่างเข้าไปได้ง่าย ๆ และเธอเองก็พอใจกับสถานะของเธอกับเขาเช่นนี้“พริมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ พี่ถึงจะต้องตามไปนั่งคุมเวลามีเดต” พริมาหันไปเอาเรื่องกับพี่ชาย“ก็แล้วแต่ หรือพริมจะไม่ไปเลยก็ได้นะ” ปรัชญ์ภูมิกวนหน้าตาเฉย กวนแบบตีสีหน้านิ่ง ๆ ตามแบบฉบับเขานั่นแหละ“จะบ้าตาย” เธอตบหน้าผากตัวเองแปะ ๆ หรือไม่ก็อยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด“ปล่อยให้เขามาเถอะครับ แต่จะมีเก้าอี้นั่งมั้ยไม่รู้นะ ร้านนี้เขารับแต่ลูกค้าวีไอพี” ณภัทรแกล้งพูดข่มนิด ๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการยั่วคนหัวแข็งอย่างปรัชญ์ภูมิ
ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าเผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำ ที่แต่งแต้มไปด้วยแสงไฟมากมายจากทั่วทุกตรอกซอกซอยและถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายยาวตัดผ่านเมือง กลายเป็นความงามตามธรรมชาติและทำให้ผู้ที่มานั่งใช้บริการของร้านดื่มด่ำกับความสุขและลมเย็นที่พัดโชยมาเบา ๆ ด้วยความที่วิวสวย อาหารก็รสเลิศ บวกกับการบริการดีเยี่ยม ร้านอาหารแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาจนถึงขนาดต้องจองล่วงหน้า และเจ้าของร้านก็ไม่คิดจะขยายพื้นที่ไปไหน เพราะต้องการคงไว้ซึ่งความพิเศษของสถานที่ แขกที่จะได้มารับประทานอาหารที่นี่ นอกจากจะเงินหนาหนักแล้ว ยังต้องมีโชคด้านการจองโต๊ะด้วย หรืออย่างร้ายที่สุดก็ต้องรู้จักใครสักคนที่พอจะช่วยได้ และณภัทรรู้จักคนคนนั้นเขานั่งรอพริมาอยู่ที่โต๊ะซึ่งเมื่อมองจากมุมนี้จะได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำได้อย่างเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมุมที่ดีที่สุดของร้าน เพียงไม่นานเขาก็เห็นบริกรเดินนำเธอเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำและสวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นเข้ากับชุด มือเล็กถือกระเป๋าสีแดงมาด้วย ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับผู้หญิงมามาก แต่พริมามีอะไรบางอย่างที่น่ามองกว่า
นั่นไงล่ะ ถ้าน้องสาวยืนยันมาขนาดนี้ก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณปรัชญ์ภูมิจอมเย็นชาขี้เก๊กนั่น แล้วไปรู้จักยันเจ้าของร้านได้ยังไง เกินหน้าเกินตาชะมัด ณภัทรรู้สึกขัดใจนิดหน่อย“เห็นมั้ยล่ะคะ ฉันบอกแล้วว่าอย่าประมาทเขาเชียว” หญิงสาวหันมาพูดเจือรอยยิ้ม หลังจากประหลาดใจในตอนแรกพริมาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เธอรู้จักพี่ชายตัวเองดี ถึงว่ายอมปล่อยเธอออกมาง่ายเหลือเกิน คงวางแผนไว้แล้วสิท่าณภัทรทำหน้างอก่อนจะปรับสีหน้าใหม่เมื่อชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเดินตรงเข้ามาโดยมีผู้จัดการร้านเป็นคนพามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกหงุดหงิดที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มระรื่นคล้ายจะเยาะเย้ยปรัชญ์ภูมิแต่งตัวไม่ต่างจากที่ไปโฮสต์คลับ ไม่ว่าจะเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงสแลกส์ขายาว ต่างกันตรงที่วันนี้ชายหนุ่มเซ็ตผมไว้อย่างเรียบร้อย และหน้าตาไม่ได้ดูเหนื่อยล้ามากนัก“สวัสดีครับคุณภัทร” ผู้มาใหม่เอ่ยทัก เน้นท้ายประโยคอย่างจงใจ“สวัสดีครับ” ณภัทรตอบรับห้วน ๆ อารมณ์ไม่ค่อยจะดีเพราะรู้สึกเสียหน้า อย่างนี้เขาคงต้องหาเรื่องเอาคืนเสียหน่อย“ไม่คิดเลยนะครับว่าท
“เป็นไงคะ โดนพี่ฉันกวนกลับ” พริมาชวนคุย“สนุกดีครับ แต่แอบหมั่นไส้” สายตาของชายหนุ่มมองตามไปทางที่ร่างสูงเพิ่งลุกเดินออกไป“เอาฉันมาเพื่อจะหลอกล่อพี่ฉันแท้ ๆ” หญิงสาวทำเป็นตัดพ้อเขายิ้มตาหยีก่อนจะจับมือเธอมากุมแล้วบีบเบา ๆ “ผมชอบคุยกับคุณจะตาย คุณก็รู้ ในบรรดาทุกคนรอบตัวผม มีใครที่ผมสนิทด้วยเท่าคุณมั้ยครับ ก็ไม่มี เพราะงั้นอย่าคิดแบบนั้นอีกนะ ถึงพี่คุณไม่มานั่งเป็นตอไม้ให้ผมแกล้ง ผมก็อยากเจอคุณอยู่ดี”“ไอ้ยิ้มแบบนี้ พูดเสียงอย่างนี้ ฉันขออัดคลิปไว้ได้มั้ยคะ จะเอาไปอวดคนอื่น”เขาหัวเราะออกมา แม้จะไม่ดังและไม่ได้รบกวนคนใคร แต่ไม่ว่าใครที่เห็นรอยยิ้มเป็นประกาย ก็ต้องหันมามองกันทุกคน แต่รอยยิ้มนั้นก็มีอันต้องหุบลง เมื่อคนหวงน้องอันดับหนึ่งกลับมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้ากุมมือน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนอยู่“เอามือออก!!”“โอ๊ย! คุณ !” ณภัทรร้องอย่างตกใจเมื่อถูกกระชากมือออกอย่างแรง“ห้ามถึงเนื้อถึงตัวน้องสาวผม” คนหวงน้องขู่ด้วยหน้าตาถมึงทึง“งั้นจะให้ถึงเนื้อถึงตัวใคร” เขายิ้มมุมปาก ทำเป็นไล่สายตาขึ้นลงทั่วร่างชายหนุ่ม “คุณเ
ว่าจบก็ดึงณภัทรเข้าไปประกบปาก จูบหนัก ๆ ทิ้งความวูบวาบไว้ทั่วใบหน้าและลำคอ บางครั้งเมื่อเขาทำท่าจะผละออก ชายหนุ่มก็จะจูบแรงขึ้น เหมือนจะย้ำเตือนว่าไม่มีทางหนีพ้น ส่วนมือก็ปัดป่ายไปทั่ว เดี๋ยวก็สอดเข้ามาในเสื้อ เดี๋ยวก็เลื่อนลงไปด้านล่าง แต่วนอยู่แบบนั้น ไม่ยอมล้วงเข้าไปสักที เสร็จแล้วก็วนกลับมาด้านบนเหมือนจะแกล้งณภัทรเริ่มหงุดหงิด “ไหนบอกว่าจะทำไง”“แล้วไหนบอกว่าไม่เอาไง มาเร่งอะไร”“ภูมิ”“ยอมแล้วใช่มั้ย กลางทะเลเลยนะ”“ยอม”รอยยิ้มแบบผู้ชนะผุดขึ้นบนริมฝีปาก “แต่ผมยังไม่พร้อม”ณภัทรรู้ตัวว่าโดนแกล้ง แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อแค่จูบกับสัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคนคนนี้มันกลับปลุกเขาได้ภายในไม่กี่วินาที เขาจึงเอื้อมมือไปดึงกางเกงปรัชญ์ภูมิลง ดันร่างหนาขึ้นเล็กน้อย แล้วตัวเองก็ขยับให้อยู่ในท่าที่จะใช้ปากได้พอดี“คุณจะ...” พูดไม่ทันจบประโยค เสียงก็หายไปในลำคอเพราะโดนเขาจู่โจมณภัทรจัดการแลบลิ้นเลียตรงส่วนหัวที่ตื่นตัวรออยู่แล้ว มือก็ขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ยิ้มเมื่อคนรักครางออกมาเสียงต่ำ ก่อนจะอ้าปากรับแก่นกายที่พองขยายจนเต็มขนาดเ
ท้องฟ้าตัดกับผืนน้ำเบื้องหน้าสะท้อนแสงเป็นประกาย ลมเย็นพัดโดนใบหน้า พาเอากลิ่นเกลือทะเลมาปะทะจมูก และอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไปทำให้วันหยุดของปรัชญ์ภูมิและณภัทรกลายเป็นหนึ่งในวันที่สวยงามเลยทีเดียวณภัทรถอนหายใจอย่างเป็นสุขขณะยืนอยู่ตรงหัวเรือ เฝ้ามองคลื่นที่กระเพื่อมเข้ามาหา นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเป็นอิสระแบบนี้อยู่ดี ๆ ปรัชญ์ภูมิก็ชวนมาล่องเรือเล่นกลางทะเล แล้วบอกว่าถ้าเขาอยากจะตกปลาด้วยก็ยังได้ ไม่ว่าจะอยากทำอะไร เขาก็พร้อมจะบริการและตามใจทุกอย่าง ตัวเขาเองเห็นว่าหลังจากเหตุการณ์เฉียดตายครั้งนั้น ทั้งคู่ก็กลับมาทำงานทันที ยังไม่ได้พักผ่อนอะไรกันเลย จึงชอบใจในไอเดียของคนรักมาก เขาเลยรีบตอบตกลงและขอให้มาเที่ยวด้วยกันโดยเร็วที่สุด แต่ปรัชญ์ภูมิบอกว่าต้องยืมเรือของเพื่อนก่อน แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะเขามีเรือของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งคู่ก็เลยได้มาอยู่กลางทะเลกันในเวลานี้เขาเดินกลับเข้ามาหาคนขับเรือคนเก่งที่แต่งตัวสบาย ๆ ได้สักที โดยที่เขาไม่ต้องขอหรือบอกให้ทำ ก่อนจะเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วเอาคางเกยไหล่“ขอบคุณมากครับ”
“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทัก“ผมไม่ใช่โฮสต์ครับ” เขาตอบปฏิเสธ เหตุการณ์นี้เคยเกิดกับเขาอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ซึ่งมันก็ทำให้รู้สึกขำมากกว่าจะรำคาญ“ถึงว่าสิ ท่าทางของคุณไม่เหมือนคนที่จะมาเอาใจคนอื่นเลย”“คุณเพิ่งมาที่คลับนี้เหรอ” ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว กว่าณภัทรจะมาก็คงอีกนาน เขาเลยชวนเธอคุยแก้เบื่อ“รู้เลยเหรอคะ”“ผมมาที่นี่บ่อย เห็นผู้คนมากมาย ก็เลยพอจะดูออก”“มีแต่คนแนะนำให้ฉันมาที่นี่ บอกว่าเพลงเพราะ โฮสต์หน้าตาดี เอาใจเก่ง การบริการก็ดี แต่พอฉันมา เด็กโฮสต์กลับไม่ว่างเลยสักคน ฉันก็ไม่พ้นต้องเหงาเหมือนเดิม”“งั้นนั่งอยู่นี่ รอเด็กโฮสต์ไปพลาง ๆ นะครับ” เขากวักมือเรียกพนักงาน “คุณดื่มอะไรดี”“เอาเหล้าแรง ๆ มาเลยค่ะ ไม่ผสม”เขาเลยสั่งวอดก้าให้เธอ แต่ก็กระซิบบอกให้เอาเบียร์มาเผื่อด้วย เธอจะได้ไม่เมาเกินไป“ทำไมคุณถึงยอมคุยกับฉันล่ะคะ ในเมื่อไม่ได้เป็นโฮสต์”“ผมมีน้องสาวอยู่คนนึง ท่าทางเหมือนคุณเลย เธอก็ขี้เหงาเหมือนกัน และชอบมาที่นี่มาก ผมเคยมาตามเธอหลายครั้งเพราะเป็นห่วงตามประสาพี่ชาย”หญิงส
ณภัทรออกจากโรงพยาบาลหลังจากใช้เวลาเป็นเดือนไปกับการรักษาตัว เจ้าตัวยืนยันว่าแผลหายสนิทดีแล้ว แต่ปรัชญ์ภูมิก็ยังไม่วางใจ ปฏิบัติต่อคนที่เจ็บแทนเขาด้วยความระมัดระวังและนุ่มนวลอยู่เสมอ ทั้งยังคอยตามทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะกิน นอน นั่ง เดิน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างการลื่นล้ม หรือป้องกันการลืมกินยา มันเลยกลายเป็นว่า คนบ้างานตอนนี้กลับยินดีจะไม่ไปทำงาน หรือยอมกลับบ้านเร็วเพื่อจะมาดูแล ‘แฟน’ ของตัวเอง โชคดีที่พ่อเข้ามาบริหารบริษัทอีกครั้งหลังจากร่างกายแข็งแรงดีแล้ว และยัยพริมก็เอาการเอางานมากขึ้น จึงช่วยแบ่งเบาภาระเขาลงไปมาก“คุณค้าบ ผมโอเคแล้วจริง ๆ ไม่ต้องมาเฝ้าหน้าห้องน้ำแล้วนะ”“ใครจะไปรู้ล่ะ เผื่อคุณลื่นล้มหัวฟาด ผมจะได้ช่วยทันไง” ตอบก่อนจะยื่นมือให้ “มา”ณภัทรวางมือบนมือเขา ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับปมผ้าเช็ดตัวเอาไว้เมื่อมันทำท่าจะหลุด“ปล่อยมันหลุดไปเหอะ ผมเห็นอยู่เป็นประจำ”“เกินไปแล้วนะครับภูมิ”เขาตอบคำพูดนั้นด้วยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้าน “ผมชอบตัวเองเวอร์ชันนี้นะ ทำให้คุณนิ่งไปเลย”“ความจริงแล้วคุณมันก
ณภัทรพยายามดันร่างหนาออก แต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มโอบเขาเอาไว้ไม่ให้ผละหนีแล้วเริ่มจูบด้วยความหนักหน่วง ถ่ายทอดความร้อนรุ่มผ่านลิ้นที่แทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเขาเอาไว้แล้วดูดดึงไปตามอารมณ์ณภัทรแปลกใจกับความกระหายอยากของอีกฝ่าย แต่ก็คล้อยตามไปโดยไม่ขัดขืน เมื่อถูกดันลงให้นอนราบกับเตียงแล้วปรัชญ์ภูมิก็คร่อมร่างเขาเอาไว้ พอมองจากมุมนี้ ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองแพ้ให้กับคนคนนี้อีกครั้ง“ถ้าเจ็บบอกนะ แต่...เมื่อวานคุณบอกเองว่าแผลใกล้จะหายแล้ว ก็คงทำได้แหละเนอะ”“จะมาพูดทำไมอีกล่ะ ถ้าขึ้นมาอยู่บนตัวผมขนาดนี้แล้ว”“พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ เพราะถึงเวลาทำจริง คุณก็ต้องมาร้องขอให้ผมทำแรง ๆ อยู่ดี”เขาอยากจะเตะคนหลงตัวเองตกจากเตียงไม่ก็ฟาดสักที แต่เมื่อชายหนุ่มก้มลงมาจูบต่อ เขากลับเผลอเอามือคล้องเกี่ยวคอแกร่งเอาไว้ เคลิบเคลิ้มไปกับความนุ่มหยุ่นของริมฝีปาก ลิ้นอันซุกซนและช่างหยอกล้อ ทำให้เขาปล่อยตัวปล่อยใจไปตามการชักนำของปรัชญ์ภูมิอย่างง่ายดายจากนั้นเสื้อก็ถูกดึงขึ้นเพื่อจะได้จูบไปตามร่างกายของเขาทุกส่วน คนทำค่อย ๆ เคลื่อนตัวต่ำลงไป เมื่อถูกจูบเน้น ๆ ตรงหน้า
โรงพยาบาลซึ่งปรัชญ์ภูมิบ่นนักบ่นหนาว่าไม่อยากมาได้กลายเป็นสถานที่ซึ่งทั้งสองใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยกัน แม้จะบ่นที่ตัวเองได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านตั้งหลายวันแล้ว แต่ยังต้องคอยมาเยี่ยมและอยู่เฝ้าเขาในทุก ๆ วัน แต่มันก็ไม่มีวันไหนเลย ที่ณภัทรจะไม่เห็นชายหนุ่มร่างสูง เส้นผมสีเข้มจัดทรงอย่างดี และแต่งตัวเหมือนนักธุรกิจกลับจากตีกอล์ฟหรือไม่ก็คลับเฮาส์ เดินเข้ามาในห้องด้วยถุงของกิน ไม่ก็เสื้อผ้าหรือแฟ้มงานของตัวเอง“สวัสดีครับคุณนักธุรกิจ” ณภัทรกล่าวทักพลางตบที่นั่งข้างตัว ด้วยความที่เตียงใหญ่มาก เขาเลยชอบชวนให้ปรัชญ์ภูมิขึ้นมานั่งบนนี้ จะได้อ่านหนังสือ เล่นเกมหรือดูหนังด้วยกันได้“คุณนักธุรกิจเบี้ยวงานเกือบทุกวันเลย แถมวันนี้ยังไม่ได้หอบงานกลับมาด้วยนะ เพราะมีคนบ่น”“ก็ต้องบ่นสิผมนอนเป็นผักอยู่นี่ คุณจะมานั่งทำงานอยู่ได้ไง ต้องคอยดูแลผมสิ” คนป่วยว่าอย่างเอาแต่ใจ“คร้าบบ ผมถึงได้มานี่ไง”ปรัชญ์ภูมิเลิกงานเร็วกว่าปกติเพื่อจะได้มาทันก่อนที่พยาบาลจะเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ให้ยาและทำแผล นอกจากนั้นเขาจะเป็นคนดูแลณภัทรเองทั้งหมด แม้แต่ช่วยพาไปเข้า
ปรัชญ์ภูมิถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกทีเพื่อรับประทานอาหารเย็น เมื่อทานเสร็จเรียบร้อย พริมาอาสามาส่งเขาที่ห้องของณภัทร พอเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นชายหนุ่มนอนดูทีวี ท่าทางเบื่อหน่าย จึงเผลอยิ้มออกมา“ภัทร” เขาส่งเสียงเรียก ทำมือให้พริมหยุดรถไว้ข้างเตียง“ภูมิมาได้จังหวะเลย ผมกำลังเบื่ออยู่พอดี” คนป่วยทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง “โอ๊ย!” แต่เจ็บแผลจนต้องนอนลงไปเหมือนเดิม“ระวังหน่อยสิ” คนเจ็บน้อยกว่าดุ“นี่ ภัทรอย่าทำตัวให้พี่ภูมิห่วงไปมากกว่านี้เลย ตั้งแต่ออกมาจากห้องฉุกเฉินจนถึงตอนนี้ พี่ภูมิเอาแต่ถามถึงคุณนะ” พริมาได้ทีรีบพูด ก่อนจะโดนพี่ชายดุแล้วไล่ออกจากห้อง“ไปเลยพริม พูดอะไรเรื่อยเปื่อย กลับบ้านไปเลยก็ได้”“พริมพูดเรื่องจริงนี่”“จริงเหรอครับ” ณภัทรถามยิ้ม ๆ แต่เขาเลือกที่จะไม่ตอบและเบือนหน้าหนี“พริมไปก่อนดีกว่า เผื่อพี่ภูมิจะเขินน้อยลง” หญิงสาวทิ้งท้ายก่อนจะรีบเดินออกไป ไม่อย่างนั้นได้โดนพี่ชายเขกหัวโนจริง ๆ“ทำไมคุณมาช้า” ณภัทรถามหลังจากอยู่กันสองคนแล้ว“พริมบอกว่าหมอให้คุณพักผ่อน และไม่มีใครยอมพาผมมา” เขาตอบตามจ
“พ่อคะทำไมถึงห้ามพริม” เธอถามถึงตอนที่พ่อหยุดเธอไว้ก่อนที่เธอจะเล่าความจริงอีกเรื่องให้พี่ชายฟัง“ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ให้พี่เราได้พักผ่อนแล้วฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน”“แต่ว่าพ่อ…”“พ่อไม่เป็นไร ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”พริมามองสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงไปมากของบิดา ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพราะสังขารที่ร่วงโรยไปตามไว แต่มันไม่ใช่ พ่อถูกนังปีศาจวางยาพิษสะสมจนร่างกายอ่อนแรง นอกตากนี้ยังวางยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้พ่อเกรี้ยวกราดใส่พวกเธอที่เป็นลูกแท้ ๆ และเห็นดีเห็นงามกับนังนั่นเสมอ มันทำอย่างแนบเนียนกะรอวันที่กำจัดเธอและพี่ออกไปได้ และพ่อตายลง พวกมันจะได้เสวยสุขบนทรัพย์สมบัติทั้งหมด นึกแล้วยิ่งแค้นไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อสองวันก่อนอาการของพ่อกำเริบจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นังนั่นยังมีหน้าทำเป็นเสแสร้งเข้าไปดูแลเอาอกเอาใจพ่อ และใส่ไฟเธอกับพี่ชายเป็นการใหญ่ แค่ความจริงแล้วคงลุ้นอยากให้พ่อตายจนตัวสั่น มันเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยเริ่มแผนการขั้นสอง คือการกำจัดพี่ชาย หลังจากนั้นคงไม่พ้นตัวเธอ แต่แผนที่วางไว้เสียดิบดีก
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลย่อมเป็นสถานที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ปรัชญ์ภูมินั่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก หลังออกมาจากห้องที่ถูกพยาบาลเข็นเข้าไปและทำอะไรมากมายบนตัวเขา ในขณะที่ความคิดก็จดจ่ออยู่กับเรื่องเดียวว่าณภัทรเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้เขาจะถูกตีหลายแผล หมอบอกว่ามีอาการช้ำใน แต่โชคดีไม่มีกระดูกตรงไหนหัก และก็ไม่ได้เลือดไหลจนหมดตัวเหมือนกับที่ณภัทรเป็นเขานั่งมองจอโทรทัศน์ที่พริมาเปิดไว้ให้ สรุปแล้วเธอถูกจับไปจริง แต่ขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ คนร้ายพยายามให้เธอคิดว่ามันคือโกดังร้างแล้วพูดออกมาให้เขาเข้าใจผิด เมื่อเขาออกมาตามน้อง มันจะได้ล่อจับแล้วจัดฉากให้เขาขับรถด้วยความเร็วจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโชคยังดีที่เขาไม่ได้ถูดยัดเข้าไปในรถทั้งที่ยังโดนมัดมือเพราะณภัทรให้เพื่อนตำรวจหาพริมาเจอก่อน แล้วตัวเองก็รีบออกมาตามหาเขาเพื่อส่งข่าว ความจริงแล้วถ้าเขาไม่รีบร้อนลงจากรถ ก็คงจะได้รับข้อความของณภัทรแล้วขับรถกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แทนที่จะตกเป็นเหยื่อง่าย ๆ และที่สำคัญณภัทรคงไม่ต้องโดนแทงเลือดท่วมขนาดนี้จากความพยายามที่จะช่วยเขา“