IE
JJ : ถ้ากลับไปคบกันอีก แน่ใจเหรอครับ ว่าเขาจะไม่เอาโรคแปลกๆมาติดคุณ?
Praw : แต่เขาก็ป้องกันกับเราตลอดนะคะ
JJ : แต่เขาไม่ป้องกันกับผู้หญิงคนอื่น
พอได้เห็นประโยคถัดมาเธอจี๊ดที่หัวใจจนไปต่อไม่ถูก
JJ : ผู้ชายถ้ามันได้นอกลู่นอกทางแล้ว ยังไงก็ไม่กลับมาแน่นอนครับ อาจจะมีบางคนคิดได้ แต่ส่วนใหญ่ถ้าได้ติดสัตว์แล้วไม่ค่อยคิดกันครับ
ตรงทุกดอกแล้วบอกว่าจะให้คำปรึกษา..
IE
Praw : คุณเจย์อายุเท่าไหร่คะเนี้ย รู้สึกว่าโชกโชนจังเลย?
JJ : อายุเป็นเพียงตัวเลขครับ แต่ที่ผมให้คำปรึกษาไปกับ หวังว่าคุณจะรับมันได้
Praw : แต่อันที่จริง เราก็อายุ 27 แล้ว สมควรที่จะไปหางานทำอย่างที่เขาบอกจริงๆนั่นแหละค่ะ
ถึงแม้ว่าป้าแท้ๆของเธอจะเปิดร้านขายของในตลาด แต่มันก็คงไม่ได้มีเงินมากมายถึงขนาดจะซื้อคอนโดแบบทิมได้เลย
IE
JJ : ถ้าอยู่กับผมคุณไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นแน่นอนครับ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องอด
Praw : คุณถึงขั้นจะเลี้ยงดูฉันเลยเหรอคะ?
พราวมุกเผลอยิ้มให้กับข้อความของผู้ชายแปลกหน้า ก่อนจะหุบยิ้มและตบปากตัวเองไปหลายที
บ้าไปแล้วยัยพราว!
IE
JJ : ถ้าคุณพร้อมเลิกกับแฟนเมื่อไหร่ อกผมว่างนะครับ
Praw : แน่ใจงั้นเหรอคะ? ว่าคุณเองก็ไม่มีแฟน
เมื่อเห็นข้อความหยอดมาเริ่มแปลกขึ้นทีละบรรทัด พราวมุกก็เริ่มเอะใจ ว่าเหตุใดผู้ชายคนนี้ถึงไม่มีรูปโปรไฟล์ แถมชื่อก็สั้นๆ เกี่ยวกับตัวตนไม่มีสักอย่าง
ไม่ใช่ว่าแอบเมียมาเล่นหรอกนะ?
IE
JJ : ว่าไปนั่น -_-
Praw : ดึกแล้ว ฉันขอตัวนอนนะคะ
JJ : ฝันดีนะครับ แต่จะฝันดีมากกว่านี้ถ้าคุณฝันถึงผม
Praw : แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณค่ะ
เป็นการดับฝันของชายผู้มีความหวังมาก เพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้จัก เพียงแต่ได้คุยกับเขาแล้วสบายใจมากขึ้นนิดหน่อย ไม่ถึงกับเยอะจนลืมทิมได้หรอก
และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ทิมไปอยู่ที่ไหน หลังจากที่ไม่คุยกันมาทั้งวัน เธอไม่โทรตาม ไม่ถามไม่จิก ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเขา หากเขายังไม่สามารถเอาตัวเองออกมาได้ ก็คงเป็นเธอนี่แหละ ที่จะต้องหายไป
บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์
“ไอ้เหี้ย เลว แม่งมึงทำกับผู้หญิงที่น่ารักขนาดนั้นได้ไงวะ?” ชรัณส่องดูรูปโปรไฟล์ของแฟนหนุ่มพราวมุก
แค่ได้ยินประโยคที่เธอบอกเล่า เขาก็แทบอยากวิ่งไปลากคอหอยมันมากระทืบเสียให้จมดินเลย
“มึงเจอกูแน่” พอนึกบางอย่างมาได้ ชรัณก็รีบกดโทรศัพท์ออกไปหาเพื่อนสนิททันที
แม้เวลานี้จะเที่ยงคืนกว่าแล้วก็ตาม
[มีเรื่องอะไรให้รับใช้ไม่ทราบ?] คุณชายเจษเอ่ยด้วยน้ำเสียงยาน ไม่บอกก็รู้ว่าเมาหนักแล้ว
“คออ่อนจริงพวกมึง ช่วยไรหน่อยดิเจษ”
[โอนหมื่นนึงตอนนี้รับฟังแค่ปัญหา สองหมื่นจะตกลงทันที] เจษพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
“กูวางบัตรไว้ให้แล้ว โอนทำเหี้ยไรนักหนา มึงร้อนเงินขนาดนั้นเลยรึไง” เป็นถึงนายตำรวจยศสูงผู้ผดุงความยุติธรรม แต่มาขูดรีดเงินของประชาชนตาดำๆแบบเขาทุกที
[เออ ว่ามาได้แล้ว กูจะไปนอนแล้วเนี่ย]
“ช่วยตามสืบไอ้เฮงซวยนี่ให้กูหน่อย ขอหลักฐานที่มันแอบไปเอากับผู้หญิงมาด้วยนะ” พูดไปก็ส่งรูปและโปรไฟล์ของทิมไป
[ทำไมวะ?]
“กูให้มึงไปหานักสืบมาตาม ไม่ใช่มาถามกู เดี๋ยวถ้าได้มาแล้วกูจะอธิบายเอง”
[ทุกวันนี้มึงเห็นกูเป็นตำรวจหรือการ์ดหน้าร้านเหล้ามึงกันแน่นเนี้ย ดึกๆดื่นๆก็โทรมาสั่งงาน]
“แล้วทุกวันนี้มึงทำตัวเป็นตำรวจด้วยเหรอ?”
[ไอ้เชี้ยยยยยยยยย]
ตู๊ดๆ
ชรัณรีบตัดสายเพื่อนทันทีที่มันจะพร่ำด่าเขาไปมากกว่านี้ รู้ว่าตัวเองหน้ากวนโอ้ย และปากหมาแค่ไหน แต่กับพราวมุกเขาไม่เอาสันดานด้านนั้นมาให้เธอเห็นแน่นอน
ต่อจากนี้ไปเธอจะเห็นแต่ความน่ารักตะมุตะมิของเขา ขอเป็นหมาแก่ของเบบี๋คนเดียว ต่อให้มีแฟนอยู่แล้วก็จะสู้ไม่ถอย
***
“ทิม ไปไหนมาถึงกลับเอาป่านนี้?” พราวมุกที่นอนไม่หลับนั่งรอแฟนหนุ่มอยู่ที่โซฟาใหญ่ด้วยหัวใจที่กระวนกระวาย
ทิมกลับมาอีกทีก็ตีสี่ เธอจึงอดหลับอดนอนไปด้วยเพราะเป็นห่วงเขา
“ไปกินเหล้ากับเพื่อนมา” ทิมตอนสั้นๆก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตแล้วโยนลงพื้นเดินขึ้นเตียงนอน
พราวมุกน้ำตาร่วง เธอคิดว่าเขาจะกลับมาเป็นคนเดิม แต่ตอนนี้ ดูการกระทำสิ เขาโยนเสื้อผ้าลงอย่างไม่แยแส รอให้เธอเก็บใสตะกร้า
มือบางยกเสื้อสีขาวขึ้นมาก่อนจะน้ำตาพรั่งพรูยิ่งกว่าเดิม
รอยลิปสติก..
“ทิม ทำไมมีรอยแบบนี้? ตอบมานะ” มือเล็กกระตุกแขนแฟนหนุ่มที่กำลังจะหลับอยู่แล้ว
ทิมขยับตัวด้วยความลำคาญแล้วตวาดใส่เธอ
“โอ้ย! แม่งอะไรนักหนาวะ บอกไปกินเหล้าๆ เชื่อบ้างได้ปะ คนจะนอนแล้ว! พรุ่งนี้ต้องไปทำงานหาเงินมาให้อีก!”
พราวมุกนั่งมองคนที่หงุดหงิดใส่เธอนิ่ง เธอกลั้นเสียงไม่ให้ร้องดังออกมา มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่มันไหลอาบสองแก้ม
ร่างเล็กค่อยๆเดินไปยังหน้าตะกร้าผ้า เธอโยนเสื้อลงด้วยความเหลืออด ร้องไห้เงียบๆอีกครั้งคนเดียวอยู่นานสองนาน
“เจ็บจัง.. ฮึก” มือบางบีบกุมกลางหน้าอกความรู้สึกเสียใจมันรัดแน่นจนปวดหนึบ หัวใจที่เคยสดใส มาหลายวันนี้เธอแทบจะไม่เหลือความเป็นตัวเองด้วยซ้ำ
ไม่ต่างจากคำที่ว่าตกนรกทั้งเป็น มันเป็นเพราะเวรกรรมอะไรหนอที่ทำให้เธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้..
1 สัปดาห์ต่อมา
“นี่เป็นศูนย์อะไหล่ที่จะเข้าร่วมโครงการใหม่กับเราค่ะ” เลขาของชรัณยื่นเอกสารวางลงบนโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่ม
“แน่ใจใช่ไหมครับ ว่ามีคุณภาพ?” เพราะเขาต้องการความน่าเชื่อถือให้กับทางลูกค้าด้วย ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้ประกอบการอย่างเดียว
“ค่ะ ดิฉันตรวจเช็คมาสัปดาห์เต็มๆตามที่คุณเจย์บอก” มะปรางบอกกับเจ้านายหนุ่ม
“ครับ งานนี้ผมฝากคุณมะปรางดูแลด้วยนะครับ ช่วงนี้ผมอาจจะยุ่งๆงานที่โรงเบียร์ด้วย เตี่ยเริ่มออกไปไหนไม่ไหวแล้ว” อันที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้น เพราะเรื่องที่ยุ่งจริงๆอ่ะ คือเป็นห่วงพราวมุก
ทุกวันนี้เขานอนดึกเป็นเพื่อนคุยให้เธอทุกวัน เป็นห่วงว่าเธอจะคิดสั้น อยากให้เธอได้ระบายกับเขาและหัวเราะ มากกว่ามาตัดพ้อชีวิต
“วันนี้คุณเจย์มีนัดทานข้าวเย็นกับคุณชาญวิทย์นะคะ” มะปรางกล่าวเตือน
“จริงด้วย วันนี้เป็นวันที่สิบห้าของเดือน” เขาพ่นลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย
เบื่อจะเจอหน้าคู่ค้าเพราะเอาแต่ขายลูกสาวไม่เว้นแม้กระทั่งตอนลุกเข้าห้องน้ำ
“ค่ะ”
“เอางี้คุณปราง บอกว่าช่วงนี้คุณพ่อไม่สบาย ผมยุ่งๆ ให้เว้นไปสักเดือนสองเดือนก่อน” ให้เขามีเวลาได้เดินหน้าจีบพราวมุกต่ออีกหน่อย อย่างไม่ต้องมาพะว้าพะวง
“งั้นปรางจะจัดการให้นะคะ วันนี้ปรางขอตัวกลับก่อนนะคะคุณเจย์” เลขาคู่ใจที่อยู่ด้วยกันมาร่วมห้าปีขอตัวออกไป ก่อนเวลาเลิกงานมันทำให้ชรัณอดที่จะแปลกใจไม่น้อยเลยด้วยซ้ำ
“ไม่สบายหรือไงครับคุณมะปราง?”
“เปล่านะคะคุณเจย์ ปรางบอกคุณเจย์ไปตั้งแต่วันก่อนว่าจะขอออกก่อนเวลา ปรางจะไปดูชุดแต่งงานค่ะ” มะปรางยิ้มเขินให้เจ้านายหนุ่ม
“เอ้า อ๋อ ผมเองที่ลืม ยินดีด้วยนะครับ” ชรัณเกาหัวก่อนจะยิ้มตามเลขา
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ ไปก่อนนะคะคุณเจย์” มะปรางรีบเตรียมตัวรอว่าที่เจ้าบ่าวของเธอมารับ
สายตาคมมองเลขาสาวไปจนลับตาก่อนจะก้มมองโทรศัพท์มือถือ จดจ่อกับแชทใครบางคนอยู่อย่างงั้น
ติ๊ง!
เพียงแค่เสียงแจ้งเตือนเด้ง นิ้วหนาก็กดเข้าไปอ่านทันทีพร้อมกับรอยยิ้มผุดขึ้นมาอัตโนมัติ
IE
Praw : วันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมากเลยค่ะ ทำอาหารด้วย ดูน่าทานไหมคะ?
Praw ส่งรูปภาพ
ชรัณมองข้าวผัดน่าตาน่ารักที่เธอจัดแล้วส่งมาให้ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบไป
IE
JJ : น่าทานเหมือนคนทำเลยครับ
*น่ารัก
จากที่ส่งไปแบบนั้น ขึ้นเพียงว่าอ่านแล้ว ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่จดจ่ออยู่แทบร้อนเป็นไฟ
เขาพิมพ์อะไรผิดไปงั้นเหรอ?
IEJJ : น่าทานเหมือนคนทำเลยครับ *น่ารัก จากที่ส่งไปแบบนั้น ขึ้นเพียงว่าอ่านแล้ว ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่จดจ่ออยู่แทบร้อนเป็นไฟ เขาพิมพ์อะไรผิดไปงั้นเหรอ? IE Praw กำลังพิมพ์... จากที่ใจหล่นตอนนี้กลับมาเต้นปกติดังเดิม ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังโต้ตอบเขากลับ IE&nbs
1 เดือนผ่านไป ใบหน้าสวยตอนนี้เริ่มเอิบอิ่ม แม้ทิมจะกลับมาหาเธอบ้างเป็นบางวันก็ไม่ทำให้พราวมุกตกอยู่ในภวังค์เหมือนดั่งก่อน “วันนี้ทิมกลับไปนอนบ้านแม่นะ เดี๋ยววันเสาร์จะกลับมาหาพราว” เขาเอ่ยคำหวานกระซิบข้างหูแฟนสาว “ได้เลย พราวจะรอทิมนะ ทำอาหารอร่อยๆไว้รอค่ะ” พราวมุกเผยรอยยิ้มสดใส “ขอบใจนะพราว ทิมอยากให้พราวอยู่กับทิมที่นี่ ไม่ไปไหน เป็นตุ๊กตาของทิม อยู่แค่ในห้องนี้ได้ไหม?” คำพูดสุดโรแมนติกออกจากปากแฟนหนุ่มนั้น ยิ่งทำให้พราวมุกใจชื้นมากขึ้น “ได้ พราวรักทิมนะ” ร่างบางเขย่งจุมพิตกับแฟนหนุ่มด้วยความรัก “พราวอย่าลืมกินยาคุมนะ ทิมแตกนอกเมื่อคืน ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์” เขาชักสีหน้า
3 ทุ่ม IE JJ : ถ้าคุณยังไม่ตอบผมจะโทรไปแล้วนะ JJ โทรหาคุณ พราวมุกขมวดคิ้วมองสายที่สั่นเข้ามา เธอใจสั่นระรัวแปลกใจกับสิ่งที่เขากระทำมากขึ้น ทว่ามือเล็กกลับปัดตัดสายนั้นทิ้ง ไม่ยอมที่จะกดรับ แม้เขาจะติดต่อมาอีกสองสามสายก็ตาม IE JJ : โกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่รู้ว่าทำอะไรผิด แต่ผมทำงานจริงๆ ไม่มีใครครับ
พราวมุกชั่งใจอยู่นานหลังจากที่ปฏิเสธชายหนุ่มไม่ให้มารับ เธอเดินทางมาหาเขาเองยังห้องพักส่วนตัวในโรงแรมดังตามที่เขาบอก ขาสวยเรียวก้าวมาถึงห้องนัดหมาย หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนคนโดนผีเข้า จากที่แต่งตัวเรียบง่ายช่วงเย็น กลายเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่เมื่อสวมใส่เดรสสีน้ำเงินสายเดียวเข้ารูปมา กลิ่นกลายสาวตอนนี้หอมหวานด้วยกลิ่นดอกแมกโนเลียและผสมคลุกเคล้ากับวนิลา ทำให้พนักงานที่พามาลอบมองร่างกายอันผุดผ่องของเธอมาตลอดทาง คุณเจย์ เขามีเงินมาจองโรงแรมขนาดนี้เพื่อเธอเลยงั้นเหรอ? พราวมุกคิดอยู่ในใจ ก๊อกๆ พนักงานเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดให้เธอเข้าไปยังห้องสวีตที่เขาจองมาเป็นพิเศษ&nbs
“ใหญ่ทุกที่!” แววตาคู่สวยเบิกโพลง ยิ่งส่วนนั้นของเขาที่มันตั้งชันชี้หน้าเธอนั่นด้วย “ผมใหญ่นะ คุณไหวไหม?” เขาแกล้งพูดหยอก มือหนารูดความเป็นชายไปมาพร้อมกับกัดปากล่างเอาความเซ็กซี่ เธอจะบ้าตาย นังพราว วันนี้แกตายแน่! ลืมความเจ็บช้ำของทั้งห้าปีไปให้หมด แล้วมาเจ็บกีแค่วันนี้วันเดียวพอ! “ตัวจริงคุณแซ่บกว่าในรูปเยอะ” เธอมองเขาตาละห้อย มือบางลูบไล้เรือนร่างตัวเองด้วยความต้องการเมื่อเห็นเขาจับสไลด์หนอนยักษ์ด้วยตนเอง “แซ่บกว่า ดุกว่า แถมใหญ่กว่าของแฟนคุณไหม?” เขาเลิกคิ้วถาม เอาให้เธอทรมานก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้
ชรัณลืมตาตื่นคนมาอีกทีเป็นเวลาแปดโมงกว่า กลิ่นกายแสนเจือจางคลุกเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ที่เขาพ่นควันทิ้งไว้ก่อนหลับเมื่อคืนทำให้รู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป ร่างสูงหยัดกายขึ้นมาพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งไว้บนหมอน ‘ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนนะคะ ฉันสัญญาว่าจะจำไม่ลืม แต่ตอนนี้มีธุระด่วนต้องไปจัดการ ขอโทษที่จู่ๆก็โผล่มาหาทั้งที่ฉันเคยปฏิเสธคุณไป’ “แสบนักนะ” เมื่อนึกถึงร่างเย้ายวนที่พาเขาพานพบความสุขไม่รู้จบเมื่อคืนก็ทำให้ความโกรธเคืองในวันนั้นหดหายไป เขาเริ่มลุกขึ้นมาจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังเลขาคนใหม่ “นายจัดการเรื่อ
“แกลืมอะไรไอ..” พราวมุกเงียบกินในทันใด เธอมองร่างของทิมที่ตอนนี้สวมเชิ้ตสีขาวคล้ายกับเป็นชุดเจ้าบ่าว ยืนมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้มสุดโรคจิต “มึงจะไปไหน!” มือหนากระชากกลุ่มผมดกดำด้วยความแรง ใบหน้าสวยเงยขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปัดป่ายมือเขาออก “ปล่อยฉันนะ!” แม้จะตกใจไม่น้อยแต่พราวมุกก็พยายามที่จะสู้ “ปล่อยก็โง่ กูเฝ้าอุตส่าห์ตามจีบมึงมาตั้งนาน จะหนีไปแบบนี้ดื้อๆเหรอที่รัก?” เขาย่อตัวลงมามองใบหน้าสวยที่ตอนนี้เริ่มหวั่นกลัวเขา “ทิม! พราวเจ็บ” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นเขาย่อเข้ามาใกล้ตัว “ถ
ดวงหน้าสวยลืมตามองคนที่หลับอยู่ข้างๆ เธอได้แต่เก็บความสงสัยว่าทำไมถึงปักใจเชื่อใจเขาขนาดนั้น ทั้งที่เขาปิดบังเรื่องราวส่วนตัวของเขาเองมาตลอด เมื่อคืนเธอกับเขานัวเนียกันไม่ต่างจากคืนแรก หลังจากเธองอแงจะนอนเขาถึงได้ยอมโอนอ่อนและกอดเธอเข้านอนไปด้วยกัน นั่นยิ่งสร้างความสงสัยในใจของพราวมุกไม่น้อย เธออยากรู้จักเขามากกว่า ต้องการเขามากกว่านี้ อยากเข้าไปเป็นส่วนนึงในชีวิตเขา แต่อีกใจก็ยังกลัวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น.. “มองจนผมจะท้องแล้วนะ” เขาลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีนิลและสีอำพันเผลอสบกันโดยอัตโนมัติ คนที่ตื่นตระหนกกลับเป็นเธอแทน เขาจ้องมองนัยน์ตาแสนจะนิ่ง&nb
ร่างระหงสวมชุดเจ้าสาวกี่เพ้าสีแดงตามประเพณีของบ้านเจ้าบ่าว เธอมองชุดที่ขับสีผิวตนเองด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าตอนเช้าจะไม่ได้สวมชุดไทยตามที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่เธอก็ได้เป็นเจ้าสาวที่ถือว่ามีความสุขที่สุด “มะม๊าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยเรียกมารดาของตนเองดังขึ้น เมื่อเห็นเธอดกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก “เฟิ่งของม๊า วันนี้น่ารักมาเลยค่ะ” พราวมุกลูบแก้มเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู “ปะป๊ามาแล้ว” เสียงเล็กๆบอกมารดาพร้อมกับคลอเคลีย ร่างเล็กๆที่สวมกี่เพ้าเหมือนกับมารดาทำให้เธอหยิกแก้มยุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “โอเคค่ะ เฟิ่งไปรอปะป๊านะคะ” มือบางลูบหัวนุ่มลื่น
หลังจากที่ชรัณรู้ตัวคนก่อการเรื่องของพริ้งพราว เขาก็ไม่อยู่นิ่ง รีบมาฟาดเพื่อนหนุ่มที่สถานนีตำรวจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้เหี้ยเจย์!” เจษฎากรสารวัตรหนุ่มลูบหัวตัวเองปอยๆพร้อมกับมองเหลือบสายตามองไปยังนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ที่เขาโดนเพื่อนมาเขกกะบาล “มึงสิเหี้ย ไปทำคนเขาท้องไม่รับผิดชอบ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิด เกือบเขาซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ “กูหาตัวแม่นั่นไม่เจอ!” เขาใช้มือเคาะโต๊ะย้ำๆเป็นการเตือนเพื่อน “กูเจอแล้ว” ชรัณนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามของเพื่อนรัก ถอนหายใจยาวเหยียดขณะที่อีกคนตื่นตาเพ่งมาที่เขา “ใคร??” เจษฎากรตาโตหูตั้งขึ้นมาทันที
“ที่นี่ใช่บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์ไหมคะ?” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่วิ่งมาต้อนรับแขก “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาหาใครคะ?” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียเป็นมิตร “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเรียนคุณเจย์ลูกเจ้าของบ้านว่ามีเพื่อนมาหาได้ไหมคะ?” พราวมุกพูดเสียงเบา “ให้เรียนว่าเพื่อนชื่ออะไรดีคะ?” “พราวค่ะ” “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาในเวลาต่อมา “เชิญคุณพราวไปรอด้านในก่อนค่ะ”&n
1 เดือนต่อมา “เปิดร้านอาหารตามสั่งที่บ้านก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” พราวมุกยืนยิ้มให้กับผลงานใหม่ของตนเอง เธอได้ก่อสร้างร้านเล็กๆที่หน้าบ้าน ติดป้ายไวนิลประกาศบอกว่ามีอาหารตามสั่งและข้าวแกงรสชาติดั้งเดิมของป้าภา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาแต่เช้าแล้ว “สองแฝดพายายทำกำไรได้งามทุกอย่างเลยนะ” จันทราภาวางมือลงบนหน้าท้องโตๆของหลานสาว “หลานๆอยากให้คุณยายมีขาเทียมไวๆเลยต้องรีบหาทางทำงานช่วยแม่จ้ะ” ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มมองหน้าท้องสลับกับหญิงพิการ “อดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าหลานๆแล้ว” คนมากอายุยิ้มกว้าง&nbs
“คุณเจย์ไม่มาแล้วเหรอพราว?” จันทราภาเอ่ยถามหลานสาวที่ขับรถอยู่ พราวมุกตั้งแต่ออกจากบ้านก็ไม่เอ่ยคำพูดใดเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง เขาบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่วี่แววสักนิด? “ไม่จ่ะป้าภา เขาติดงานด่วน” เธอตอบสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป หลังจากตื่นมาก็ไม่เจอชรัณเลยแม้แต่เงา เธอนั่งรอคิดว่าเดี๋ยวเขาหายโกรธก็คงกลับมาตอนเช้าๆ แต่รอจวนจะแปดโมงแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงตัดสินใจมากับจันทราภาเพียงสองคน พราวมุกพาจันทราภาเข้ามาตรวจสุขภาพตั้งแต่เช้าจนบ่าย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงพาคนป่วยเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมอง
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆห้องนอนของตนเอง เธอขมวดคิ้วยุ่ง แปลกใจที่ตนเองขึ้นมายังห้องนอนได้ยังไง? “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ประตูบานเล็กเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ถือแก้วนมมาให้ “คุณเจย์” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง เธอมองแก้วนมที่เขาใส่มาก่อนจะเบิกตาโต เพราะว่านมที่ชรัณถือมันคือนมผงสำหรับคนท้องที่ต้องกินก่อนนอนเท่านั้น “คุณต้องดื่มนี่ทุกวันถูกไหม?” เขานั่งลงมองใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ มือหนายกแก้วขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “อันนี้.. คุณไปชงมาจากไหนคะ?” พราวมุกเอียงหน้ามอง ทำตาใสแจ๋วอย่างมึนงง
ชรัณเดินทางไปกลับบ้านของพราวมุกและโรงแรมของตนเองทุกวัน วันไหนที่งานเขาไม่เยอะเขาก็สามารถปลีกตัวออกไปยังร้านขายแกงของพราวมุกได้ ส่วนวันไหนที่ลูกค้าสำคัญมาเขาก็ต้องเร่งทำยอดไว้เสียก่อน แต่นี่ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปหาเธอเลย หลังจากที่ป้าของพราวมุกออกจากโรงพยาบาล เขาก็ได้ช่วยพราวมุกในหลายๆอย่าง และช่วงนี้เธอเองก็ดูไม่ค่อยสู้ดี แม้เขาจะเป็นห่วงแค่ไหน หาคนมาช่วยฟรีๆเธอก็ไม่เอา ชรัณมองเหล่าพนักงานที่วิ่งวุ่นกันทั้งวันเนื่องจากมีลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้าเข้ามา เขามองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มเข้าให้แล้วด้วย “วันนี้ลูกค้าหมดแล้วครับ คุณเจย์จะกลับเลยไหม?” ธีร์ถามเจ้านายที่นั่งจ้องเอกสารตรงหน้า “อ่า อื้ม ครับ เดี๋ยวผมไปที่อื่นต่อ” เข
“นี่น่ะเหรอครับ?” ชรัณมองข้าวของที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาแปลกใจ ถูกเรียกให้ออกมาตั้งแต่ตีสาม สวมเสื้อกันเปื้อนพร้อมอุปกรณ์ทำครัวเสร็จสรรพ “ค่ะ ช่วงนี้ป้าของฉันท่านยังต้องพักผ่อน ส่วนฉันก็ไม่อยากเสียค่าจ้างคนงาน เพราะงั้น นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ ฉันเขียนมันไว้ที่กระดาษแผ่นนี้เรียบร้อย” มือบางหยิบกระดาษที่ว่าวางใส่มือหนา ชรัณรีบเปิดออกดู ก่อนจะตาเบิกโพลง เพราะมันไม่ใช่กระดาษธรรมดา แต่มันแผ่นใหญ่เกินกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก “ตื่นเช้าเวลาตีสาม มาช่วยทำกับข้าว มีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบและเป็นลูกมือห่างๆ เจ็ดโมงจัดเรียงข้าวของขึ้นบนรถ แปดโมงตั้งโต๊ะขายกับข้าวเช้า สิบโมงเก็บของกลับบ้าน สิบเอ็ดโมงเตรียม
หลังจากที่จันทราภาฟื้นได้สติ เธอก็แปรเปลี่ยนจากคนใจเย็นเป็นคนขี้หงุดหงิด วันแรกๆทำให้พราวมุกเหนื่อยและใช้แรงกายไปเยอะมากทั้งอาการแพ้ท้องและดูแลคนป่วย เธอแทบไม่ได้พัก แต่หลังจากที่ผ่าตัดได้ถึงสัปดาห์อารมณ์ของคนป่วยก็เริ่มคงที่ลง ตอนนี้จันทราภาไม่ต่างจากไม้ใกล้ฝั่ง เธอนอนมองพื้นเพดานและมองคนรอบข้างที่ได้ออกจากโรงพยาบาลและเข้ามาใหม่ไม่ซ้ำหน้า “ป้าภาคะ วันนี้พราวซื้อเงาะมาให้ด้วย กินซักหน่อยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเงาะที่แกะเมล็ดแล้วให้แก่คนป่วย จันทราภาเพียงเหลือบมองแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ที่ยอมอ้าปากแต่โดยดี “พร