1 เดือนผ่านไป
ใบหน้าสวยตอนนี้เริ่มเอิบอิ่ม แม้ทิมจะกลับมาหาเธอบ้างเป็นบางวันก็ไม่ทำให้พราวมุกตกอยู่ในภวังค์เหมือนดั่งก่อน
“วันนี้ทิมกลับไปนอนบ้านแม่นะ เดี๋ยววันเสาร์จะกลับมาหาพราว” เขาเอ่ยคำหวานกระซิบข้างหูแฟนสาว
“ได้เลย พราวจะรอทิมนะ ทำอาหารอร่อยๆไว้รอค่ะ” พราวมุกเผยรอยยิ้มสดใส
“ขอบใจนะพราว ทิมอยากให้พราวอยู่กับทิมที่นี่ ไม่ไปไหน เป็นตุ๊กตาของทิม อยู่แค่ในห้องนี้ได้ไหม?” คำพูดสุดโรแมนติกออกจากปากแฟนหนุ่มนั้น ยิ่งทำให้พราวมุกใจชื้นมากขึ้น
“ได้ พราวรักทิมนะ” ร่างบางเขย่งจุมพิตกับแฟนหนุ่มด้วยความรัก
“พราวอย่าลืมกินยาคุมนะ ทิมแตกนอกเมื่อคืน ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์” เขาชักสีหน้าเป็นกังวล
“อื้ม จะรีบไปซื้อยามากิน ไม่ต้องห่วง”
“ไปทำงานแล้วนะ”
สองหนุ่มสาวคู่รัก แสดงความรักกันเป็นเรื่องปกติ แต่พอหลังจากร่างสูงโปร่งได้เดินออกจากห้อง แววตาที่ดูอบอุ่นก็เปลี่ยนไปเป็นชั่วร้ายทันที
เขากระตุกยิ้มที่ริมปาก เด็กน้อยสุดแสนจะใสซื่ออย่างพราวมุก แค่อยู่ในการปกครองเขาก็พอแล้ว
เธอเหมือนตุ๊กตาที่บอบบาง วางโชว์ได้แต่อยู่ในตู้ ห้ามใครเขามาดูหรือแตะต้อง และเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองความสาวและความสวยของพราวมุกตลอดไป
ทิมไม่ได้เดินทางไปทำงานตอนเช้าอย่างที่ว่า เขารีบขับรถตรงไปยังบ้านสองชั้นที่เพิ่งซื้อใหม่ได้ไม่นานทันทีด้วยความคิดถึงคนที่อยู่ที่นั่นใจจะขาด
“วันนี้มาสายไปหนึ่งชั่วโมง” เสียงแกล้งดุเข้มๆทำให้ทิมยิ้มระบายออกมา
“โถ่ ปรางครับ” เขาคว้าเอวบางของมะปรางเข้ามาแนบลำตัวก่อนจะหอมแก้มเอซ้ายทีขวาที
“ปรางไม่ชอบเลยค่ะ เมื่อไหร่คะ? ถึงจะเลิกกับยัยนั่น?” เธอรอแทบไม่ไหวอยู่แล้วนะ อยากเปิดเผยว่าตัวเองเป็นภรรยาของผู้จัดการสาขาบริษัทนำเข้าวัสดุก่อสร้างแล้วแท้ๆ
“รอเวลาอีกนิดนะครับ ผมสัญญา จะตามใจคุณทุกอย่าง” ทิมออดอ้อนออเซาะหญิงสาว
เมื่อสองปีที่แล้ว เขากับมะปรางได้เจอกันที่งานเลี้ยงของเจ้านาย มะปรางมาในนามเลขาของโชว์รูมรถชื่อดัง เธอสวยสะท้านสายตา แถมยังเซ็กซี่ไม่เบา หน้าที่การงานเธอดูครบทุกอย่าง ที่สำคัญคือโสดสนิท
ทิมจึงได้ใช้โอกาสนั้นเข้าหาและแอบคบกับเธอลับหลังพราวมุกมาเรื่อยๆ
จนเขาและมะปรางมีบ้านอยู่ด้วยกันหนึ่งหลัง
“ปรางไม่อยากไปทำงานเลยค่ะ วันนี้เวียนหัวมากๆ” มะปรางซบลงกลางอกชายหนุ่ม
ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องกับทิม อายุครรภ์ได้ สองเดือนนิดๆ งานแต่งใกล้เข้ามาทุกที แต่ทิมกลับไม่เลิกรากับยัยซื่อบื้อคนนั้นด้วยซ้ำ
“วันนี้ลาเลยงั้น ผมจะดูแลคุณเอง” ทิมช้อนร่างของมะปรางขึ้นสู่อ้อมอกก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทิม คนบ้า!” สองคนนัวเนียกันอยู่หน้าบ้านพักใหญ่ก่อนจะถูกใครบางคนถ่ายรูปไว้โดยที่ไม่รู้ตัวกันทั้งคู่
คอนโดทิม
พราวมุกไล่อ่านข้อความของตัวเองกับชายชื่อเจย์นั่นอยู่คนเดียวบนโซฟาตัวเก่ง เธอหัวเราะกับคำพูดกำกวมของเขาหลายคำแถมหลังๆอีตาคนบ้าก็ชอบส่งรูปเรือนร่างตัวเองมาให้ดูบ่อยๆ เป็นหลักฐานให้เธอเชื่อใจว่าเขาคือเขาจริงๆ
แต่คนอย่างพราวมุกเธอฉลาดมากพอที่จะไม่เชื่อ เพราะในความคิดของเธอเอง เจย์เป็นผู้ชายที่ถือว่ายังดีคนนึง เขาไม่ชวนเธอคุยเรื่องอะไรที่มันสะเทือนจิตใจเธอเลยสักครั้ง
มีถามปัญหาช่วงนี้บ้าง เพื่อให้เธอพูดระบายความเศร้าเสียใจ แต่พักหลังๆสำหรับเธอและทิมนั้นมีอาการดีขึ้น
เธอยอมรับว่ายังระแวงแฟนหนุ่มอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นวิตกจริตขนาดที่ตามรังควานเขาไม่หยุดแบบนั้น
“วันนี้หายไปไหนนะ?” คิ้วเรียวขมวดแน่น แปลกใจที่เช้ามาเจ้าตัวที่พายิ้มไม่อยู่
IE
Praw : เช้านี้ยังไม่ตื่นเหรอคะ?
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอทักไปหาเขาเวลาเช้า ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะแปดโมงแล้วคนรักสุขภาพทำไมไม่ยอมตื่น?
IE
Praw : คุณเจจจจจย์ วันนี้พราวมีเรื่องจะเล่าค่ะ
เงียบกริบ...
ไม่มีอ่านข้อความเลยแม้แต่นิด
สิ่งที่พราวมุกหวั่นใจที่สุดคือการที่เจย์ถูกแฟนจับได้เรื่องคุยกับเธอ เพราะเขาไม่เคยพูดออกจากปากจริงๆว่าโสด หรือบอกแต่เธอไม่รู้?
IE
Praw : งั้นวันนี้ทานข้าวเช้าด้วยนะคะ คุณคงถูกแฟนจับได้แล้วใช่ไหมคะ? (อีโมจิเศร้า)
จู่ๆพราวมุกก็รู้สึกซึมเป็นหมาน้อย เธอวางโทรศัพท์ลงข้างกายพร้อมกับเงยหน้าพิงพนักโซฟา ถอนหายใจยาวๆกับความรู้สึกแปลกๆในตอนนี้
หรือเธอควรจะเว้นระยะห่างจากคุณเจย์นะ?
J Car Auto
“ประชุมครั้งนี้ยาวนานมาก วันนี้ไม่มีคุณมะปรางด้วย คุณเจย์จะไม่เหนื่อยเหรอครับ?” เกษมผู้ช่วยของใจภักดิ์เอ่ยคำถามขึ้นมาหลังจากที่เจ้านายกำลังเดินเช็ครถหรูไปทีละคัน
“เหนื่อยหน่อยแต่ต้องเอาคนให้อยู่ ก็ต้องเป็นอย่างงั้นเกษม” ใจภักดิ์หันไปทางห้องประชุมด้วยใบหน้าเรียบตึง งานต่อไปที่ชรัณต้องทำถือว่างานใหญ่มาก
เขาต้องต่อสู้กับเหล่าโชว์รูมรถอีกหลากหลายแห่ง การที่จะก่อตั้งสาขาใหม่นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก
ไม่อย่างนั้นเขาคงทำไปนานแล้ว ไม่เลือกขยายโรงเบียร์หรอก
“ครับ” เกษมอายุไล่เลี่ยกับเจ้าสัวใจภักดิ์เพราะทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ก่อตั้งโชว์รูม บวกกับเป็นลูกของเพื่อนสนิทอีกด้วย ทั้งคู่จึงเหมือนคู่หูและคู่คิด
หากชรัณก้าวเดินผิดพลาดก็ยังมีเกษมคอยชี้แนะ แถมมีใจภักดิ์คอยสั่งสอน
ชายหนุ่มวันสามสิบจึงไม่กลัวที่จะเดินก้าวพลาด เขาเหมือนเสือทมิฬที่มาเงียบๆแต่พร้อมจะสู้กับทุกการเคลื่อนไหว แม้แต่กับพ่อตัวเอง
“เด็กคนนี้อีมีของ” ใจภักดิ์แย้มยิ้มก่อนจะเดินตรวจสอบรถไปเรื่อยๆ
ส่วนด้านในห้องประชุม คนที่คอยฟังคำอธิปรายจากแผนกต่างๆก็เริ่มตึงเครียด เมื่อเช้ากะว่าจะคุยกับพราวมุกเสียหน่อยขอกำลังใจทำงานใหญ่แต่สุดท้ายต้องมาฟังข่าวลาป่วยของมะปรางและวิ่งเตรียมเอกสารการประชุมเสียเองตั้งแต่เจ็ดโมง จนไม่มีเวลาเปิดโทรศัพท์
ตอนนี้ก็ล่วงเลยมาเกือบสิบเอ็ดโมง เขายังไม่ได้เนื้อหาสำคัญสักอย่าง เพราะแต่ละคนก็อวดอ้างสรรพคุณ ไม่มีใครพูดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลยด้วยซ้ำ
“สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือปัญหาที่จะเกิดตามมา ทุกท่านเลือกมาแต่ข้อดี แล้วข้อเสียที่ผู้คนต้องเจอละครับ?” คำถามตัดบทของผู้อธิปรายทำให้สมาชิกในห้องเงียบกริบ
“คุณแพรว ไปเอาข้อมูลที่เป็นเนื้อมาให้ผมนะครับ น้ำผมไม่เอา” เสียงเข้มสั่งกับผู้จัดการสาขาใหญ่
“ค่ะ แพรวรับทราบค่ะ”
“ทั้งหมดเลิกประชุมครับ ผมไม่มีอารมณ์ทำงานแล้ว อีกสองวันผมจะเริ่มประชุมใหม่ ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานมากกว่านี้” ร่างกำยำหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้อันทรงเกียรติ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องประชุมไปในเวลาสิบเอ็ดโมงพอดี
เสียงฮือฮาดังตามหลังของชายหนุ่มเขาไม่สนใจว่าใครจะคิดกับเขาแบบไหน ตอนนี้เขาเบื่อฟังข้อแก้ตัวเรื่อยไปแล้ว...
พอถึงห้องชรัณก็ทิ้งตัวลงด้วยความอ่อนเพลีย เขายกขาขึ้นมาไขว้ก่อนจะตั้งศอกแล้วใช้มือนวดขมับตัวเองไปมา
เขาคิดว่าตัวเองต้องทำได้ งานหลักตอนนี้คือการขยายสาขาไปทางอื่น ออกไปไกลยันสระบุรี ส่วนในกรุงเทพฯตอนนี้ผลตอบรับก็ดีมาตลอด หุ้นไม่ตกซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าพอใจสำหรับเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากคลายเรื่องเคลียดก็เริ่มนั่งตัวตรงมองหาโทรศัพท์มือถือตนเอง มือใหญ่รีบเปิดดูข้อความที่หลั่งมาไม่ขาดทำเขาอดคิดเป็นห่วงแม่คนดีของตนเองไม่ได้ จึงรีบพิมพ์ตอบไป
IE
JJ : ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะครับ พอดีวันนี้ผมติดงานแต่เช้า
เขารู้สึกผิดแปลกๆ รู้สึกในใจว่าวันนี้คนสวยของเขาต้องรู้สึกแย่แน่ๆ
JJ : โกรธจนไม่อยากตอบผมเลยเหรอครับ?
JJ : ผมไม่ได้มีแฟนจริงๆ ตอนนี้คุณเชื่อผมก่อนได้ไหม?
เหมือนคุยกับอากาศตอนนี้พราวมุกอ่านเพียงข้อความแต่ไม่ตอบกลับ ยิ่งทำให้เขาร้อนรนจนอยากจะโทรถามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ทำได้เพียงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน
3 ทุ่ม IE JJ : ถ้าคุณยังไม่ตอบผมจะโทรไปแล้วนะ JJ โทรหาคุณ พราวมุกขมวดคิ้วมองสายที่สั่นเข้ามา เธอใจสั่นระรัวแปลกใจกับสิ่งที่เขากระทำมากขึ้น ทว่ามือเล็กกลับปัดตัดสายนั้นทิ้ง ไม่ยอมที่จะกดรับ แม้เขาจะติดต่อมาอีกสองสามสายก็ตาม IE JJ : โกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่รู้ว่าทำอะไรผิด แต่ผมทำงานจริงๆ ไม่มีใครครับ
พราวมุกชั่งใจอยู่นานหลังจากที่ปฏิเสธชายหนุ่มไม่ให้มารับ เธอเดินทางมาหาเขาเองยังห้องพักส่วนตัวในโรงแรมดังตามที่เขาบอก ขาสวยเรียวก้าวมาถึงห้องนัดหมาย หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนคนโดนผีเข้า จากที่แต่งตัวเรียบง่ายช่วงเย็น กลายเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่เมื่อสวมใส่เดรสสีน้ำเงินสายเดียวเข้ารูปมา กลิ่นกลายสาวตอนนี้หอมหวานด้วยกลิ่นดอกแมกโนเลียและผสมคลุกเคล้ากับวนิลา ทำให้พนักงานที่พามาลอบมองร่างกายอันผุดผ่องของเธอมาตลอดทาง คุณเจย์ เขามีเงินมาจองโรงแรมขนาดนี้เพื่อเธอเลยงั้นเหรอ? พราวมุกคิดอยู่ในใจ ก๊อกๆ พนักงานเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดให้เธอเข้าไปยังห้องสวีตที่เขาจองมาเป็นพิเศษ&nbs
“ใหญ่ทุกที่!” แววตาคู่สวยเบิกโพลง ยิ่งส่วนนั้นของเขาที่มันตั้งชันชี้หน้าเธอนั่นด้วย “ผมใหญ่นะ คุณไหวไหม?” เขาแกล้งพูดหยอก มือหนารูดความเป็นชายไปมาพร้อมกับกัดปากล่างเอาความเซ็กซี่ เธอจะบ้าตาย นังพราว วันนี้แกตายแน่! ลืมความเจ็บช้ำของทั้งห้าปีไปให้หมด แล้วมาเจ็บกีแค่วันนี้วันเดียวพอ! “ตัวจริงคุณแซ่บกว่าในรูปเยอะ” เธอมองเขาตาละห้อย มือบางลูบไล้เรือนร่างตัวเองด้วยความต้องการเมื่อเห็นเขาจับสไลด์หนอนยักษ์ด้วยตนเอง “แซ่บกว่า ดุกว่า แถมใหญ่กว่าของแฟนคุณไหม?” เขาเลิกคิ้วถาม เอาให้เธอทรมานก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้
ชรัณลืมตาตื่นคนมาอีกทีเป็นเวลาแปดโมงกว่า กลิ่นกายแสนเจือจางคลุกเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ที่เขาพ่นควันทิ้งไว้ก่อนหลับเมื่อคืนทำให้รู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป ร่างสูงหยัดกายขึ้นมาพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งไว้บนหมอน ‘ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนนะคะ ฉันสัญญาว่าจะจำไม่ลืม แต่ตอนนี้มีธุระด่วนต้องไปจัดการ ขอโทษที่จู่ๆก็โผล่มาหาทั้งที่ฉันเคยปฏิเสธคุณไป’ “แสบนักนะ” เมื่อนึกถึงร่างเย้ายวนที่พาเขาพานพบความสุขไม่รู้จบเมื่อคืนก็ทำให้ความโกรธเคืองในวันนั้นหดหายไป เขาเริ่มลุกขึ้นมาจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังเลขาคนใหม่ “นายจัดการเรื่อ
“แกลืมอะไรไอ..” พราวมุกเงียบกินในทันใด เธอมองร่างของทิมที่ตอนนี้สวมเชิ้ตสีขาวคล้ายกับเป็นชุดเจ้าบ่าว ยืนมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้มสุดโรคจิต “มึงจะไปไหน!” มือหนากระชากกลุ่มผมดกดำด้วยความแรง ใบหน้าสวยเงยขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปัดป่ายมือเขาออก “ปล่อยฉันนะ!” แม้จะตกใจไม่น้อยแต่พราวมุกก็พยายามที่จะสู้ “ปล่อยก็โง่ กูเฝ้าอุตส่าห์ตามจีบมึงมาตั้งนาน จะหนีไปแบบนี้ดื้อๆเหรอที่รัก?” เขาย่อตัวลงมามองใบหน้าสวยที่ตอนนี้เริ่มหวั่นกลัวเขา “ทิม! พราวเจ็บ” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นเขาย่อเข้ามาใกล้ตัว “ถ
ดวงหน้าสวยลืมตามองคนที่หลับอยู่ข้างๆ เธอได้แต่เก็บความสงสัยว่าทำไมถึงปักใจเชื่อใจเขาขนาดนั้น ทั้งที่เขาปิดบังเรื่องราวส่วนตัวของเขาเองมาตลอด เมื่อคืนเธอกับเขานัวเนียกันไม่ต่างจากคืนแรก หลังจากเธองอแงจะนอนเขาถึงได้ยอมโอนอ่อนและกอดเธอเข้านอนไปด้วยกัน นั่นยิ่งสร้างความสงสัยในใจของพราวมุกไม่น้อย เธออยากรู้จักเขามากกว่า ต้องการเขามากกว่านี้ อยากเข้าไปเป็นส่วนนึงในชีวิตเขา แต่อีกใจก็ยังกลัวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น.. “มองจนผมจะท้องแล้วนะ” เขาลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีนิลและสีอำพันเผลอสบกันโดยอัตโนมัติ คนที่ตื่นตระหนกกลับเป็นเธอแทน เขาจ้องมองนัยน์ตาแสนจะนิ่ง&nb
ขณะขับรถกลับ ชรัณเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จู่ๆความเป็นชายของเขาก็แข็งตัวขึ้นมาดื้อๆ กายของชายหนุ่มร้อนผ่าวแถมยังมีเหงื่อไคลไหล่ออกตามลำคอ มือหนาเอื้อมไปเปิดแอร์ถึงระดับสูงสุดก่อนจะขับรถตรงไปยังโรงแรมด้วยความเร็ว ทั้งที่คิดไว้ว่าสองพ่อลูกคงไม่กล้าทำอะไรตอนนี้คาดไม่ถึงอย่างมาก เขาต่างหากที่กำลังตกเป็นหมากของทั้งคู่อย่างแท้จริง “เหี้ยเอ้ย!” ชรัณสถบคำหยาบคายกับตัวเอง รถก็มาติดเอาอะไรป่านนี้ ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันแทบระเบิด ร่างกายนั่งอยู่ที่รถแต่ใจวิ่งไปหาพราวมุกเรียบร้อยแล้ว ยามที่นึกถึงร่างระหงโยกย้ายบนตัวความต้องการที่มียิ่งมากขึ้นไปอีก มากจนเขาควบคุมไม่ได้จนต้อง งัดเอาความแข็งทื่อออกมาสู่อากาศภายในรถ เผื่อมันจะดีขึ้นหน่อย&nb
พราวมุกลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบเย็น เธอค่อยๆขยับเรือนกายหาความอบอุ่นจากร่างกำยำ แต่ทว่าพื้นที่ข้างๆเธอกลับว่างเปล่าไร้เงาของชายหนุ่ม เขาหายไปตั้งแต่ตอนไหน? มือบางค่อยๆยันร่างกายที่ปวดหนึบลุกขึ้นมานั่ง เมื่อคืนเขาเล่นเอาไม่ให้เธอได้พักเหนื่อยเลยแม้แต่นิด ไม่รู้ว่าโดนยาตัวไหนมาถึงได้เป็นม้าดีดทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้น ยิ่งพูดพราวมุกยิ่งปวดหัว ไอ้คนบ้านั่น ทำให้ร่างกายของเธอไม่มีความสุข ร่างระหงลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกายของตนเองด้วยความทุลักทุเล หลังจากที่ทำให้ตัวเองสะอาดเสร็จ ก็เดินตรงดิ่งมายังครัวทันที หวังว่าตู้เย็นนี้จะมีสิ่งของที่เธอสามารถกินได้ แต่ทว่าหางตากลับหั
ร่างระหงสวมชุดเจ้าสาวกี่เพ้าสีแดงตามประเพณีของบ้านเจ้าบ่าว เธอมองชุดที่ขับสีผิวตนเองด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าตอนเช้าจะไม่ได้สวมชุดไทยตามที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่เธอก็ได้เป็นเจ้าสาวที่ถือว่ามีความสุขที่สุด “มะม๊าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยเรียกมารดาของตนเองดังขึ้น เมื่อเห็นเธอดกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก “เฟิ่งของม๊า วันนี้น่ารักมาเลยค่ะ” พราวมุกลูบแก้มเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู “ปะป๊ามาแล้ว” เสียงเล็กๆบอกมารดาพร้อมกับคลอเคลีย ร่างเล็กๆที่สวมกี่เพ้าเหมือนกับมารดาทำให้เธอหยิกแก้มยุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “โอเคค่ะ เฟิ่งไปรอปะป๊านะคะ” มือบางลูบหัวนุ่มลื่น
หลังจากที่ชรัณรู้ตัวคนก่อการเรื่องของพริ้งพราว เขาก็ไม่อยู่นิ่ง รีบมาฟาดเพื่อนหนุ่มที่สถานนีตำรวจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้เหี้ยเจย์!” เจษฎากรสารวัตรหนุ่มลูบหัวตัวเองปอยๆพร้อมกับมองเหลือบสายตามองไปยังนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ที่เขาโดนเพื่อนมาเขกกะบาล “มึงสิเหี้ย ไปทำคนเขาท้องไม่รับผิดชอบ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิด เกือบเขาซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ “กูหาตัวแม่นั่นไม่เจอ!” เขาใช้มือเคาะโต๊ะย้ำๆเป็นการเตือนเพื่อน “กูเจอแล้ว” ชรัณนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามของเพื่อนรัก ถอนหายใจยาวเหยียดขณะที่อีกคนตื่นตาเพ่งมาที่เขา “ใคร??” เจษฎากรตาโตหูตั้งขึ้นมาทันที
“ที่นี่ใช่บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์ไหมคะ?” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่วิ่งมาต้อนรับแขก “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาหาใครคะ?” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียเป็นมิตร “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเรียนคุณเจย์ลูกเจ้าของบ้านว่ามีเพื่อนมาหาได้ไหมคะ?” พราวมุกพูดเสียงเบา “ให้เรียนว่าเพื่อนชื่ออะไรดีคะ?” “พราวค่ะ” “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาในเวลาต่อมา “เชิญคุณพราวไปรอด้านในก่อนค่ะ”&n
1 เดือนต่อมา “เปิดร้านอาหารตามสั่งที่บ้านก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” พราวมุกยืนยิ้มให้กับผลงานใหม่ของตนเอง เธอได้ก่อสร้างร้านเล็กๆที่หน้าบ้าน ติดป้ายไวนิลประกาศบอกว่ามีอาหารตามสั่งและข้าวแกงรสชาติดั้งเดิมของป้าภา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาแต่เช้าแล้ว “สองแฝดพายายทำกำไรได้งามทุกอย่างเลยนะ” จันทราภาวางมือลงบนหน้าท้องโตๆของหลานสาว “หลานๆอยากให้คุณยายมีขาเทียมไวๆเลยต้องรีบหาทางทำงานช่วยแม่จ้ะ” ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มมองหน้าท้องสลับกับหญิงพิการ “อดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าหลานๆแล้ว” คนมากอายุยิ้มกว้าง&nbs
“คุณเจย์ไม่มาแล้วเหรอพราว?” จันทราภาเอ่ยถามหลานสาวที่ขับรถอยู่ พราวมุกตั้งแต่ออกจากบ้านก็ไม่เอ่ยคำพูดใดเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง เขาบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่วี่แววสักนิด? “ไม่จ่ะป้าภา เขาติดงานด่วน” เธอตอบสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป หลังจากตื่นมาก็ไม่เจอชรัณเลยแม้แต่เงา เธอนั่งรอคิดว่าเดี๋ยวเขาหายโกรธก็คงกลับมาตอนเช้าๆ แต่รอจวนจะแปดโมงแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงตัดสินใจมากับจันทราภาเพียงสองคน พราวมุกพาจันทราภาเข้ามาตรวจสุขภาพตั้งแต่เช้าจนบ่าย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงพาคนป่วยเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมอง
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆห้องนอนของตนเอง เธอขมวดคิ้วยุ่ง แปลกใจที่ตนเองขึ้นมายังห้องนอนได้ยังไง? “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ประตูบานเล็กเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ถือแก้วนมมาให้ “คุณเจย์” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง เธอมองแก้วนมที่เขาใส่มาก่อนจะเบิกตาโต เพราะว่านมที่ชรัณถือมันคือนมผงสำหรับคนท้องที่ต้องกินก่อนนอนเท่านั้น “คุณต้องดื่มนี่ทุกวันถูกไหม?” เขานั่งลงมองใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ มือหนายกแก้วขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “อันนี้.. คุณไปชงมาจากไหนคะ?” พราวมุกเอียงหน้ามอง ทำตาใสแจ๋วอย่างมึนงง
ชรัณเดินทางไปกลับบ้านของพราวมุกและโรงแรมของตนเองทุกวัน วันไหนที่งานเขาไม่เยอะเขาก็สามารถปลีกตัวออกไปยังร้านขายแกงของพราวมุกได้ ส่วนวันไหนที่ลูกค้าสำคัญมาเขาก็ต้องเร่งทำยอดไว้เสียก่อน แต่นี่ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปหาเธอเลย หลังจากที่ป้าของพราวมุกออกจากโรงพยาบาล เขาก็ได้ช่วยพราวมุกในหลายๆอย่าง และช่วงนี้เธอเองก็ดูไม่ค่อยสู้ดี แม้เขาจะเป็นห่วงแค่ไหน หาคนมาช่วยฟรีๆเธอก็ไม่เอา ชรัณมองเหล่าพนักงานที่วิ่งวุ่นกันทั้งวันเนื่องจากมีลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้าเข้ามา เขามองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มเข้าให้แล้วด้วย “วันนี้ลูกค้าหมดแล้วครับ คุณเจย์จะกลับเลยไหม?” ธีร์ถามเจ้านายที่นั่งจ้องเอกสารตรงหน้า “อ่า อื้ม ครับ เดี๋ยวผมไปที่อื่นต่อ” เข
“นี่น่ะเหรอครับ?” ชรัณมองข้าวของที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาแปลกใจ ถูกเรียกให้ออกมาตั้งแต่ตีสาม สวมเสื้อกันเปื้อนพร้อมอุปกรณ์ทำครัวเสร็จสรรพ “ค่ะ ช่วงนี้ป้าของฉันท่านยังต้องพักผ่อน ส่วนฉันก็ไม่อยากเสียค่าจ้างคนงาน เพราะงั้น นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ ฉันเขียนมันไว้ที่กระดาษแผ่นนี้เรียบร้อย” มือบางหยิบกระดาษที่ว่าวางใส่มือหนา ชรัณรีบเปิดออกดู ก่อนจะตาเบิกโพลง เพราะมันไม่ใช่กระดาษธรรมดา แต่มันแผ่นใหญ่เกินกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก “ตื่นเช้าเวลาตีสาม มาช่วยทำกับข้าว มีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบและเป็นลูกมือห่างๆ เจ็ดโมงจัดเรียงข้าวของขึ้นบนรถ แปดโมงตั้งโต๊ะขายกับข้าวเช้า สิบโมงเก็บของกลับบ้าน สิบเอ็ดโมงเตรียม
หลังจากที่จันทราภาฟื้นได้สติ เธอก็แปรเปลี่ยนจากคนใจเย็นเป็นคนขี้หงุดหงิด วันแรกๆทำให้พราวมุกเหนื่อยและใช้แรงกายไปเยอะมากทั้งอาการแพ้ท้องและดูแลคนป่วย เธอแทบไม่ได้พัก แต่หลังจากที่ผ่าตัดได้ถึงสัปดาห์อารมณ์ของคนป่วยก็เริ่มคงที่ลง ตอนนี้จันทราภาไม่ต่างจากไม้ใกล้ฝั่ง เธอนอนมองพื้นเพดานและมองคนรอบข้างที่ได้ออกจากโรงพยาบาลและเข้ามาใหม่ไม่ซ้ำหน้า “ป้าภาคะ วันนี้พราวซื้อเงาะมาให้ด้วย กินซักหน่อยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเงาะที่แกะเมล็ดแล้วให้แก่คนป่วย จันทราภาเพียงเหลือบมองแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ที่ยอมอ้าปากแต่โดยดี “พร