เสียงหอบหายใจที่ไม่คิดจะอำพรางเสียงให้เบาลงเลยแม้แต่น้อยทำให้กอหญ้าที่มึนเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ถึงกับพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากเพื่อมองหาที่มาของเสียงครางกระเส่าและลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าราดรินรดอยู่ข้างแก้มเนียนของเธอ
ภายใต้ความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์กลมโตที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบร่างของใครบางคนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของเธอทำให้กอหญ้าขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความแปลกใจก่อนที่เธอจะหลงเคลิ้มคิดไปว่านี่คือความฝันที่ชวนให้รู้สึกหวาบหวามจนแทบไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิด
ดวงหน้าสวยเฉี่ยวที่สะกดตาสะกดใจสิงห์หนุ่มเสือร้ายทั้งหลายพลันเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่บางเบาราวกับขนนกแต่กลับทำให้เธอเสียวสะท้านจนกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว นี่คือความฝันกอหญ้าเพียรพยายามตอกย้ำตนเองด้วยรอยยิ้มละมุนละไมที่ฉายอยู่บนใบหน้าสองมือนุ่มนิ่มพลันลูบไล้แผ่นหลังที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างสะเปะสะปะราวกับกำลังตอบสนองต่อสัมผัสที่ชวนให้โหยหาและความปรารถนาที่ซ่อนเอาไว้ลึกสุดของก้นบึ้งหัวใจ
“อ๊า เธอกำลังจะทำให้ฉันคลั่งนะคนสวย”
ภีมวัจน์ครางเสียงกระเส่าด้วยความรู้สึกเสียวซ่านเมื่อมือเล็กนุ่มนิ่มของสาวน้อยใต้ร่างกำลังลูบไล้แผ่นหลังที่ชื้นเหงื่อของเขาไปมาเบาๆคล้ายเชื้อเพลิงที่เติมลงบนกองไฟให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาพลันยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปใช้ฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามดึงรั้งสายเสื้อของเธอให้หล่นลงมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบเผยเต้าอวบกลมกลึงขนาดใหญ่ที่ปลุกอารมณ์ร้อนดั่งไฟของภีมวัจน์ให้ลุกฮือด้วยความร้อนแรง
ภีมวัจน์ไม่รอช้าเขารีบทิ้งใบหน้าซุกซบลงบนหน้าอกอวบที่เด้งตอบรับสัมผัสก่อนที่ลิ้นเรียวของเขาจะทำหน้าที่ดูดกลืนเม็ดบัวใหญ่เบาๆทำให้ลมหายใจที่นิ่งสงบของกอหญ้าพลันถี่กระชั้นริมฝีปากอวบอิ่มพลันเปล่งเสียงครางกระเส่าออกมาอย่างสุดกลั้น
โอ้ พระเจ้าทำไมความฝันของเธอถึงได้เสียวซ่านเช่นนี้นะนี่เธอกำลังฝันทะลึ่งอยู่ใช่ไหมกอหญ้า?
กอหญ้าเอ่ยถามตัวเองในใจด้วยสติที่เลือนรางเพราะความมึนเมาจากแอลกอฮอล์ที่เธอเผลอดื่มเข้าไปเพราะถูกท้าทายจากคู่อริแก้วแล้วแก้วเล่าจนทำให้สติที่มีอยู่เต็มร้อยในทีแรกหลงเหลือเพียงน้อยนิดจนแทบไม่รู้สึกตัวเองว่าตอนนี้เธอกำลังทำสิ่งใดอยู่
ยามที่ลิ้นเรียวตวัดรัดเกี่ยวเม็ดบัวสีชมพูกอหญ้าพลันแอ่นหน้าอกตามแรงรัดด้วยความรู้สึกที่เสียดเสียวเธอพยายามลืมตาขึ้นมองภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไรก็ไร้ผลเมื่อสัมผัสของใครบางคนทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิงจนยากจะกู้กลับคืนมาสุดท้ายกอหญ้าจึงตัดสินใจโยนสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่น้อยนิดทิ้งไปอย่างไม่ไยดีพร้อมโอบกอดร่างกายแข็งแกร่งของคนตรงหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใดพลางตอบสนองต่อสัมผัสของเขาอย่างเร่าร้อน
“อ๊า สะ เสียว เสียว อื้อ ยะ อย่า อื้อ”
เสียงครางพลันถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อภีมวัจน์เลื่อนริมฝีปากขึ้นมาบดขยี้กลีบปากอวบอิ่มปิดเสียงหวานเย้ายวนของกอหญ้าเอาไว้พร้อมมือใหญ่ที่บีบขย้ำหน้าอกอวบอย่างไร้ความปรานี เมื่อจิตสำนึกของภีมวัจน์บอกว่าเธอไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้มที่ไม่เคยต้องมือชายหากแต่เธอคือแม่เสือสาวกร้านโลกที่เขาซื้อมาในราคาสูงลิ่วเพื่อมาบำเรอความสุขทางกายให้แก่เขาในค่ำคืนนี้ต่างหากทำให้น้ำหนักยามที่บีบเคล้นอกอิ่มจึงลงแรงหนักเสียจนผิวเนื้อสีขาวราวหยวกกล้วยค่อยๆขึ้นสีแดงเป็นจ้ำไปทั่วบริเวณที่มือใหญ่วาดผ่าน
เอวบางคอดกิ่วของหญิงสาวใต้ร่างเลื้อยส่ายไปมาชวนให้ชายหนุ่มที่กำลังกระหายในรสสัมผัสลูบไล้ผิวเนื้อบริเวณนั้นอย่างเพลิดเพลินก่อนที่เรียวนิ้วของเขาจะค่อยๆไต่ระดับลงมาจนถึงเนินเนื้ออวบอิ่มที่มีขนสีอ่อนขึ้นเพียงเบา ภีมวัจน์ค่อยๆแยกเรียวขาสวยเนียนออกจากกันพร้อมลูบไล้กลีบกุหลาบงามไปมาเบาๆทำให้กอหญ้าที่กำลังมึนงงเพราะจูบสูบวิญญาณของภีมวัจน์ได้แต่ร้องครางอู้อี้อยู่ในลำคอ
“ทำไมถึงได้น่ากินไปทั้งตัวแบบนี้หืม”
ภีมวัจน์พึมพำเสียงกระเส่าชิดกลีบปากอวบอิ่มที่แดงช้ำเพราะแรงดูดดึงจากเรียวลิ้นของเขาในขณะที่กอหญ้ายังคงหลับตาพริ้มไร้วี่แววจะลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังคิดว่าคือความฝันในยามราตรีที่มืดมิดแท้ที่จริงแล้วมันคือความจริงต่างหาก
จมูกโด่งที่แสนซุกซนของภีมวัจน์ค่อยๆสูดความหอมจากซอกคอขาวเนียนพร้อมขบเม้มทิ้งรอยแดงไว้จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างเขาสูดดมความหอมละมุนที่ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้จากที่ไหนมาก่อนด้วยความเพลิดเพลินไล่เรื่อยลงมาหยอกล้อกับผิวเนื้ออวบอิ่มอีกครั้งก่อนที่เขาจะผละจากมาด้วยความเสียดาย
ใบหน้าหล่อเหลาของภีมวัจน์ยังคงเล้าโลมกอหญ้าอย่างช้าๆอย่างที่ไม่เคยทำกับหญิงสาวคนไหนมาก่อนแต่กับผู้หญิงคนนี้ที่คงดื่มเหล้าย้อมใจมาจนเมามายไม่ได้สติกลิ่นหอมของเธอช่างเย้ายวนชวนให้เขาสูดดมหลงใหลไม่รู้เบื่อขั้นตอนการโอ้โลมจึงนานกว่าที่เคยเป็นมา
มือที่วางบนผิวเนื้ออ่อนนุ่มยังคงลูบไล้ไปมาเบาๆก่อนที่ภีมวัจน์จะตัดสินใจเลื่อนใบหน้าลงมาหากลีบผกาสีสวยที่ล่อตาล่อใจให้เขานึกอยากสัมผัสถึงแม้ว่าภายในห้องจะมืดจนแทบมองไม่เห็นแต่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบลงบนเตียงทำให้เขามองเห็นกุหลาบดอกสวยได้เต็มสองตา
“อ๊า ตะ ตรงนั้น ยะ อย่า อื้อ อ๊า”
หลังจากที่ต่อสู้กับตัวเองในใจอยู่นานภีมวัจน์ก็ตัดสินใจแหกกฎของตัวเองเป็นครั้งแรกด้วยการใช้เรียวลิ้นแตะลงบนปุ่มกระสันของสาวสวยใต้ร่างที่บิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่านพร้อมเปล่งเสียงครางหวานหูออกมาเคล้าเสียงดูดเลียราวกับท่วงทำนองดนตรีที่ร้อนแรงชวนให้คนที่แหกกฎตัวเองเป็นครั้งแรกถึงกับรู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก
“พะ พอแล้ว ไม่ไหว ละ แล้ว อื้อ อย่า อ๊า”
ดวงตากลมโตถึงแม้จะปิดอยู่ด้วยความมึนเมาแต่สัมผัสที่ชวนให้เสียวสะท้านกลับทำให้กอหญ้ากลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่อยู่ร่างเล็กส่ายไหวไปมาราวกับดอกไม้ต้องลมจนกระทั่งความเสียวซ่านที่ได้รับทำให้เธอเกร็งกระตุกและปลดปล่อยน้ำหวานออกมาให้ภีมวัจน์ดูดเลียอย่างไม่นึกรังเกียจ
“หึ หนีไปมีความสุขก่อนเลยนะคนสวย ต่อไปก็ตาฉันบ้างล่ะฉันจะกระแทกให้เธอร้องครางเสียงหวานๆไม่หยุดเลยคอยดู”
ภีมวัจน์จับส่วนที่ร้อนรุ่มแข็งกล้าที่สุดในกายของเขาจ่อไปที่ร่องรักสีชมพูที่มีน้ำหวานฉ่ำเยิ้มคอยเป็นตัวเบิกทางก่อนที่เขาจะกระแทกความแข็งแกร่งผ่านเยื่อบางๆที่เขารับรู้ได้ในเสี้ยววินาทีแต่เขาไม่สามารถหยุดยั้งแรงกระแทกให้ผ่อนแรงลงได้เลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้กอหญ้าที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นเผลอส่งเสียงกรีดร้องออกมาสุดเสียงพร้อมยกมือขึ้นจิกเล็บลงบนท่อนแขนแกร่งด้วยความตกใจระคนเจ็บปวดถึงขีดสุด
“กรี๊ด อุ๊ป”
ริมฝีปากอวบอิ่มที่เปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพลันถูกปิดผนึกด้วยริมฝีปากของภีมวัจน์ที่ฉกวูบลงมาด้วยความรวดเร็วดวงตาสีน้ำตาเข้มของเขาเผยแววฉงนสงสัยเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงเยื่อบางๆที่ฉีกขาดลงจากแรงกระแทกที่รุนแรงของเขา
ไหนลูกน้องของเขาบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นงานแถมลีลาเด็ดอย่าบอกใครอย่างไรล่ะ แล้วเยื่อพรหมจันทร์นี่มันอะไรกันเขามึนงงไปหมดแล้ว
“อื้อ เอ้บ เอ้บ”
ใบหน้าของกอหญ้าพลันส่ายหนีจูบร้อนแรงที่เอาแต่ใจพร้อมร้องครางว่าเจ็บอู้อี้อยู่ในลำคอแต่ภีมวัจน์กลับยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าของเธอพร้อมบังคับให้รับจูบของเขาทำให้กอหญ้าหมดสิ้นหนทางที่จะพลิกใบหน้าหนีเธอจึงได้แต่ตอบสนองจูบที่เร่าร้อนของเขาอย่างจำยอม
ปึก ปึก ปึก
ความอ่อนนุ่มที่กำลังโอบรัดความแข็งแกร่งกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้องนอนใหญ่ทำให้อารมณ์สับสนที่กำลังตีกันให้วุ่นภายในหัวพลันลดลงกลายมาเป็นอารมณ์กระหายในความใคร่ที่กำลังพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุดเมื่อได้รับรู้ว่าเขาคือคนแรกของเธอภีมวัจน์ก็ยิ่งกระแทกความร้อนแรงเข้าหากอหญ้าจนเธอถึงกับน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด
ความเสียวซ่านก่อนหน้านี้พลันหายไปจนหมดสิ้นมีเพียงความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่จนยากที่เธอจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้แต่ความอ่อนไหวจนหลั่งน้ำตาของสาวสวยใต้ร่างไม่ได้ทำให้อารมณ์ร้อนแรงของภีมวัจน์ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“อ๊า แน่นมากคนสวย”
ภีมวัจน์กระซิบชิดแก้มเนียนที่เปรอะไปด้วยหยาดน้ำตาพร้อมจับเอวของกอหญ้าเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะรัวกระแทกความใหญ่โตเข้าหาความอ่อนนุ่มพร้อมจงใจบดขยี้จุดกระสันจนทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับในคราแรกค่อยๆจางหายไปกลายเป็นความเสียวซ่านที่เผลอซู้ดปากราวกับกำลังกินของเผ็ดร้อนอยู่
“อ๊า เสียว เสียวเหลือเกิน อื้อ แรงๆ แรงกว่านี้ อ๊า”
เสียงหวานที่ร้องขอให้เขากระแทกแรงขึ้นกว่านี้ทำให้ภีมวัจน์ได้แต่ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจเขาไม่รอช้าที่จะทำตามคำขอของสาวสวยทันที สองมือของเขารวบมือบางที่กำลังปัดป่ายอยู่ที่แผ่นหลังของเขาอย่างสะเปะสะปะด้วยมือเดียวพร้อมตะโบมจูบดูดเลียอกอิ่มที่แข็งเป็นไตตอบรับสัมผัสของเขาอย่างลืมตัว
“จัดให้ตามคำขอเลยคนสวยเช้ามาตรงนั้นระบมอย่ามาโทษกันนะ”
ภีมวัจน์ก้มหน้าลงไปกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูหอมกรุ่นพร้อมสูดดมความหอมอย่างหลงใหลก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะเชิดขึ้นเปล่งเสียงกระเส่าแข่งกับกอหญ้าที่หลงใหลไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยรู้จักเป็นครั้งแรกทำให้เธอพลันกระตือรือร้นตอบสนองต่อสัมผัสหวาบหวามของร่างสูงอย่างถึงพริกถึงขิงโดยที่เธอยังคงคิดว่านี่คือความฝันดีอย่างหนึ่งที่เธอจะจดจำเอาไว้ไม่มีวันลืมเลย
ปึก ปึก ปึก
เสียงกระแทกที่หยาบโลนยังคงดังเคล้าคลอกับเสียงครางหวานๆที่ยังคงเปล่งออกมาตลอดทั้งคืนหลายครั้งที่ภีมวัจน์พาสาวสวยที่เขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อโลดแล่นไปกับท่วงท่าต่างๆที่นานๆครั้งเขาจะจัดเต็มเล่นเพลินซะหลายท่า จนกระทั่งเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขสองความเคลื่อนไหวภายในห้องจึงสงบลงแต่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายสิเน่หาที่ชวนให้หนุ่มหล่อและสาวสวยยิ้มออกมาด้วยใจที่เปี่ยมสุขก่อนที่ทั้งคู่จะโอบกอดกันและกันนอนหลับไปท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิด
เช้าวันต่อมาความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้กอหญ้าค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปหาความอบอุ่นที่เธอซุกตัวนอนหลับมาตลอดทั้งคืนกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นจมูกดั่งนาฬิกาปลุกที่ชวนให้เด็กสาวค่อยๆลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายราวกับถูกรถขนาดใหญ่บดทับจนรู้สึกร้าวไปทุกส่วนกลิ่นหอมที่ยังคงลอยมาแตะจมูกทำให้กอหญ้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นจนกระทั่งหน้าผากของเธอสัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่นุ่มหยุ่นราวกับก้อนเต้าหู้เด็กสาวถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเผยความละอายใจออกมานี่เมื่อคืนเธอเมามากจนเผลอเข้ามานอนห้องของผิงผิงเลยเหรอเนี่ย แต่เอ๊ะ!! หรือว่าเมื่อคืนเธอเผลอมีเรื่องตบตีกับสายขิมจนถูกผิงผิงลากกลับห้องมานะกอหญ้าขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามนึกเท่าไรเธอก็นึกไม่ออกในขณะที่กำลังว้าวุ่นใจคนข้างกายที่กำลังนอนหลับสนิทก็พลันขยับเข้ามาใกล้ๆพร้อมดึงเธอเข้ามาซุกตรงซอกคอของเขาทำให้ความคิดที่กำลังจมดิ่งวนอยู่ในอ่างเล็กที่ยังหาคำตอบไม่ได้ของกอหญ้าพลันกลับคืนมา“นอนดีๆหน่อยได้ไหมผิงผิง”กอหญ้าเอ่ยบอกคนข้าง ๆ ที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทพร้อมขยับใบหน้าออก
“กะ กรี๊ด อุ๊ป”กอหญ้ารีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ทันทีเมื่อเธอเผลอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพฉากเมคเลิฟที่ร้อนแรงยิ่งกว่าหนังเอวีที่เคยดูระหว่างเธอกับเขาก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบมองร่างสูงของคู่กรณีที่กำลังนอนหลับสนิทคล้ายอิ่มเอมใจที่ได้เชยชมเธอตลอดราตรีที่ผ่านมาสองมือที่ยกขึ้นปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนาพลันเงื้อขึ้นสุดแรงด้วยความโมโหในจังหวะที่มือของกอหญ้าใกล้จะสัมผัสกับใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังนอนหลับอยู่กอหญ้าก็พลันยั้งมือของตัวเองเอาไว้อย่างกะทันหันเมื่อรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาหล่อขนาดนี้เธอทำใจให้หน้าของเขามีรอยแดงจากฝ่ามือของเธอไม่ได้จริงๆคิดได้ดังนั้นกอหญ้าจึงค่อยๆลดมือลงและทิ้งแนบลำตัวในที่สุด“เฮ้อ เจอคนหล่อมาตั้งเยอะแยะแต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อขนาดนี้นะ” กอหญ้าถอดถอนใจด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ผู้ชายที่หน้าตาแต่ทำไมเธอถึงตัดใจประทุษร้ายผู้ชายที่มอบรอยราคีคาวให้เธอคนนี้ไม่ลงกันนะกอหญ้าครุ่นคิดด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ปกติแล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายที่หลงใหลผู้ชายหน้าตาดีเลยแม้แต่น้อยต่อให้หล่อแค่ไหนกอหญ้
“นี่คุณเดินช้าๆหน่อยได้ไหม” กอหญ้าเอ่ยท้วงร่างสูงที่เอาแต่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจกลางความเป็นสาวจนแทบจะเดินไม่ไหวส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังกึ่งจูงกึ่งลากมือของเธอให้เดินตามเขาไปพลันชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขารีบปล่อยมือของกอหญ้าให้เป็นอิสระทันที ไออุ่นที่มือเรียวเล็กของเธอได้รับก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไปเมื่อร่างสูงของคนตรงหน้าปล่อยมือกอหญ้ากะทันหันทำให้หญิงสาวนึกเสียดายไม่น้อยคนบ้านึกอยากจะจับก็จับนึกอยากจะปล่อยก็ปล่อยกอหญ้าแอบค่อนขอดภีมวัจน์อยู่ในใจปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาจับมือถือแขนตามอำเภอใจถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแต่สำหรับผู้ชายที่กำลังยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย่อหยิ่งคนนี้ความคิดที่อยากจะกระชากมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ของเขานั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อยนี่เธอคงไม่ได้หลงเสน่ห์ของเขาจนหน้ามืดตามัวไปแล้วใช่ไหม?กอหญ้าลอบถามตัวเองอยู่ในใจพร้อมใช้ดวงตากลมโตมองสบสายตาของคนตรงหน้าที่ก็กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาไร้ความอบอุ่นทำให้หญิงสาวได้แต่นึกหมั่นไส้ก่อนที่ภาพความทรงจำระหว่างเธอและเขาจะผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้งเมื่อคืนร้อนแร
หลังจากกอหญ้าหันหลังเดินจากมาอย่างไม่ใยดีเธอก็ย้อนกลับมาที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินเข้าด้านในใครบางคนที่เฝ้ารอการกลับมาของเธออยู่นานแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมายืนขวางทางเดินของเธอเอาไว้ทำให้เรียวขาสวยของกอหญ้าพลันต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อยสายขิมที่พุ่งออกมาขวางทางกอหญ้าค่อยๆไล่สายตามองตั้งแต่หน้าผากกว้างขาวผ่องเกลี้ยงเกลาลงมายังคิ้วที่วาดให้โก่งงามดุจกิ่งลิ่วและค่อยๆเคลื่อนผ่านแพขนตางอนยาวที่ไร้การปัดแต่งไล่ระดับลงมาจนถึงจมูกโด่งรั้นที่บอกเธอว่าคนตรงหน้านั้นค่อนข้างมีนิสัยดื้อรั้นและไม่ยอมใครเช่นเดียวกับเธอสุดท้ายสายขิมจึงหยุดสายตาอยู่ที่ริมฝีปากแดงนุ่มของกอหญ้าที่ไม่รู้ไปทำอะไรมาถึงได้ดูบวมขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด“แกรู้จักกับพี่ภีมได้ยังไง”คิ้วงามของกอหญ้าขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถามที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจซึ่งแฝงเอาไว้ด้วยความอิจฉาริษยาเมื่อเห็นว่าภีมวัจน์จูงมือของกอหญ้าออกไปจากห้องอาหารของโรงแรม“ภีมไหน ใครคือภีมแล้วฉันรู้จักด้วยเหรอ?”กอหญ้าเอ่ยถามศัตรูคู่อริของเธอด้วยสีหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม
AK Groupร่างสูงของภีมวัจน์ที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารที่ตั้งของ AK Group นั้นดึงดูดสายตาของพนักงานสาวให้หันไปมองด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอายราวกับกำลังถูกสายตาของภีมวัจน์จ้องมองทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมองใครด้วยซ้ำถึงแม้ใบหน้าของภีมวัจน์จะเย็นชาไร้รอยยิ้มแต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้สาวๆแอบมองไม่รู้เบื่อ บางคนแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างมีความหวังว่าเขาจะหันกลับมามองตนเองบ้างสักครั้งส่วนบางคนก็แอบมองพร้อมคิดวางแผนหาวิธียั่วยวนเพื่อให้เขาหันมาสนใจทั้ง ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดีภีมวัจน์ไม่เคยชายตามองสาวๆในบริษัทของตนเองเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่งท่านประธานบริษัทต่อจากบิดาที่ล่วงลับไป“ก็บอกแล้วไงว่าให้หยุดพักผ่อนจนกว่ามือจะหายดีทำไมแกถึงได้พูดยากแบบนี้นะเตชินทร์”ถึงแม้น้ำเสียงของภีมวัจน์จะฟังดูเย็นชาคล้ายไม่ใส่ใจแต่เตชินทร์กลับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ท่านประธานมีต่อเขาได้เป็นอย่างดี“ผมเป็นห่วงท่านประธานนี่ครับถ้าหากว่าผมไม่อยู่ท่านจะต้องทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนแน่นอน อีกอย่างไม่มีใครที่รู้ใจท่านเท่าผมอีกแล้ว จำไม่ได้เหรอครับคนก่อนๆที่มาช่วยงานระหว่างที่ผมป่วยท่านก็บอกว่าชอ
“กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลื
หลังจากการฝึกงานในวันแรกจบลงกอหญ้าก็หยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานและเดินออกมาจากแผนกทันทีโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาตามหลังเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานบริษัทสักหน่อยในเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนสิจริงไหมรอให้เธอเป็นพนักงานหรือเจ้าของบริษัทเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะอยู่ทำงานจนโต้รุ่งแน่นอน ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินมาที่ลานจอดรถรีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดรับสายทันทีเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือแม่แก้มใสสุดที่รักของเธอนั่นเองแก้มใส : ฮายลูกสาวคนสวยของแม่ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเอ่ย?น้ำเสียงสดใสร่าเริงเอ่ยทักทายลูกสาวคนเล็กอย่างอารมณ์ดีกอหญ้า : มีแต่เรื่องสนุกๆเลยค่ะแม่แก้มเมื่อพูดถึงเรื่องสนุกใบหน้าของภีมวัจน์ก็พลันแวบเข้ามาในหัวทำให้รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของกอหญ้าอย่างไม่รู้ตัวแก้มใส : นั่นไงไปฝึกงานวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลยใช่ไหมนางมารน้อยของแม่น้ำเสียงหยอกเย้าของมารดาทำให้แก้มใสหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันที่มารดาเรียกเธอตามฉายาที่พี่ชายรามสูรของเธอตั้งให้กอหญ้า : ลูกสาวของแม่แก้มน่ารักมากๆต่า
เช้าวันต่อมาAK Groupเสียงซุบซิบนินทาทั้งระยะไกลและระยะเผาขนไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อยเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชุดทำงานแบรนด์ดังยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนกระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างๆกลุ่มพนักงานที่กำลังนินทาเรื่องของเธออย่างสนุกสนานโดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเธอกำลังนินทาอยู่นั้นกำลังยืนฟังคำพูดใส่ร้ายป้ายสีนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยพนักงานคนที่ 1 : หน้าตาก็สวยแต่ไม่คิดเลยว่าจะชอบเอาตัวเข้าแลกแบบนี้พนักงานคนที่ 2 : แกก็น่าจะรู้ว่าเด็กสมัยนี้มันร้ายแค่ไหน เพื่อนน้องสาวของฉันบางคนยังยอมเป็นเมียน้อยพวกเสี่ยพุงพลุ้ยเลยแก งานสบายรายได้ดีไม่ต้องทำอะไรแค่นอนอ้าขารอผู้ชายมาหาแค่นั้นเองประโยคสุดท้ายถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะก้มตัวลงไปกระซิบกระซาบเสียงเบามากแค่ไหนแต่คนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างกอหญ้าก็ยังคงได้ยินอยู่ดี หึ งานสบายๆแค่นอนอ้าขาอย่างนั้นเหรอ?คนเรานี่ก็แปลกดีเรื่องของตัวเองกลับไม่ยอมใส่ใจทำให้ดีส่วนเรื่องของคนอื่นต่อให้ดีหรือไม่ดีก็มักจะใส่ใจจนเกินคำว่าพอดีพนักงานคนที่ 3 : แกก็พูดเวอร์ไปน้องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันก็ได้ เพิ่งมาฝึกงานว