“กะ กรี๊ด อุ๊ป”
กอหญ้ารีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ทันทีเมื่อเธอเผลอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพฉากเมคเลิฟที่ร้อนแรงยิ่งกว่าหนังเอวีที่เคยดูระหว่างเธอกับเขาก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบมองร่างสูงของคู่กรณีที่กำลังนอนหลับสนิทคล้ายอิ่มเอมใจที่ได้เชยชมเธอตลอดราตรีที่ผ่านมาสองมือที่ยกขึ้นปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนาพลันเงื้อขึ้นสุดแรงด้วยความโมโห
ในจังหวะที่มือของกอหญ้าใกล้จะสัมผัสกับใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังนอนหลับอยู่กอหญ้าก็พลันยั้งมือของตัวเองเอาไว้อย่างกะทันหันเมื่อรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาหล่อขนาดนี้เธอทำใจให้หน้าของเขามีรอยแดงจากฝ่ามือของเธอไม่ได้จริงๆคิดได้ดังนั้นกอหญ้าจึงค่อยๆลดมือลงและทิ้งแนบลำตัวในที่สุด
“เฮ้อ เจอคนหล่อมาตั้งเยอะแยะแต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อขนาดนี้นะ”
กอหญ้าถอดถอนใจด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ผู้ชายที่หน้าตาแต่ทำไมเธอถึงตัดใจประทุษร้ายผู้ชายที่มอบรอยราคีคาวให้เธอคนนี้ไม่ลงกันนะกอหญ้าครุ่นคิดด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ปกติแล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายที่หลงใหลผู้ชายหน้าตาดีเลยแม้แต่น้อยต่อให้หล่อแค่ไหนกอหญ้าก็ไม่เคยชายตาแลด้วยซ้ำแต่กับผู้ชายที่กำลังนอนหลับสนิทคนนี้ทำไมเธอถึงละสายตาไปจากใบหน้าคมคายของเขาไม่ได้สักทีนะ
“หล่อจนใจเจ็บ”
กอหญ้าพึมพำเสียงเบาอีกครั้งก่อนที่เธอจะค่อยๆประทับกลีบปากนุ่มนิ่มลงบนแก้มของภีมวัจน์แผ่วเบาอย่างลืมตัว
“จูบนี้ถือว่าเอาคืนก็แล้วกัน”
สิ้นสุดเสียงพึมพำกอหญ้าพลันเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆก่อนที่เธอจะค่อยๆย่องลงจากเตียงและเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมอย่างลวกๆเมื่อเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็ไม่รอช้าที่จะพาตัวเองออกไปจากห้องนอนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายหวาบหวามด้วยความรวดเร็ว
เรียวขาสวยเดินจากไปได้เพียงไม่กี่ก้าวกอหญ้าก็พลันชะงักน้อยๆก่อนที่เธอจะยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ หึ จับเธอกินจนเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้ถ้าไม่ทิ้งถ้อยคำด่าทอเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็ไม่ใช่กอหญ้าลูกสาวของแม่แก้มใสแล้วถึงแม้ว่าเธอจะเสียตัวแต่ก็ไม่นึกเสียใจอย่างไรแล้วผู้ชายหน้าตาดีที่กำลังนอนหลับตาพริ้มคนนี้ก็ต้องได้รับบทเรียนซะบ้าง
คิดได้ดังนั้นกอหญ้าก็ไม่รอช้าที่จะหยิบลิปสติกสีแดงสดในกระเป๋าออกมาดวงตากลมโตจ้องมองแท่งลิปสติกสีแดงฉ่ำน้ำด้วยสายตามุ่งร้ายก่อนจะหันหลังเดินกลับไปหยุดยืนอยู่ข้างๆเตียงใหญ่ มือเรียวสวยค่อยๆบรรจงเขียนคำด่าทอคำหนึ่งไว้บนหน้าผากของภีมวัจน์ด้วยลายมือที่ค่อนข้างโยกโย้แต่ความหมายในคำด่าทอกลับเจ็บเข้าไปถึงทรวง
“นอนหลับฝันดีนะพ่อวันไนท์”
มุมปากของเด็กสาวพลันหยักโค้งด้วยความสะใจก่อนที่เธอจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจคนที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมากอหญ้าไม่โทษใครทั้งนั้นนอกจากตัวเองที่ดื่มจนเมามายและขาดความยับยั้งชั่งใจหากเธอมีสติสักนิดเรื่องระหว่างเธอและเขาคงไม่เลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ความทรงจำที่ไม่ได้ตั้งใจจะคิดถึงก็พลันหลั่งไหลเข้ามาในหัวอีกระลอกคล้ายเกลียวคลื่นที่สาดกระทบริมฝั่งวนอยู่เช่นนั้นไม่รู้จบ กอหญ้ายกมือขึ้นลูบแก้มที่เห่อร้อนของตัวเองด้วยความกระดากอายทุกท่วงท่าลีลายังคงฝังแน่นในความทรงจำที่เลือนรางก่อนที่เธอจะเลื่อนนิ้วมือมาลูบริมฝีปากที่บวมเจ่อเพราะแรงดูดเคล้นแผ่วเบาคล้ายกำลังใจลอยไปถึงใครบางคน
“เฮ้อ เมาจนขึ้นผิดชั้นสินะ กอหญ้านะกอหญ้าเธอรักษาความซิงเอาไว้ชิงโชคมาตั้ง 21 ปีอยู่ ๆ ก็ดันมาเสียซิงให้ไอ้หน้าหล่อขั้นเทพที่ไหนก็ไม่รู้”
เด็กสาวรำพึงรำพันด้วยความเสียดายเล็กน้อยก่อนที่ความเสียใจก่อนหน้านี้จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเธอไม่ใช่คนที่จมอยู่กับความทุกข์ใจหรือเศร้าเสียใจนานในเมื่อเธอพลาดไปแล้วก็ช่างมันเถอะจะมามัวคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมกัน
ถึงแม้ว่าความบริสุทธิ์คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนมักจะหวงแหนแต่สำหรับกอหญ้าแล้วเธอไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นในใจของเด็กสาวพร่ำบอกว่าไม่เสียดายแต่ลึกๆแล้วกอหญ้าก็แอบหวังว่าผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายของชีวิตจะเป็นคนๆเดียวแต่เธอก็ทำได้เพียงแค่คิดยากนักที่พรหมลิขิตจะเล็งลูกศรให้เธอได้สมหวังกับเขาคนนั้นผู้ชายหน้าหล่อที่เธอดันเสียตัวให้เขาอย่างงง ๆ
“ก็แค่เสียตัวไม่เห็นต้องเสียใจวันหน้าเจอผู้ชายที่จริงใจเธอก็แค่ลืมมันไปซะกอหญ้า”
กอหญ้าเอ่ยปลอบใจตัวเองเบาๆก่อนที่เธอจะถอดเสื้อผ้าจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระคราบราคีคาวออกจนหมดจดแต่สิ่งที่ยังคงหลงเหลือให้เธอจดจำก็คือรอยแดงเป็นจ้ำๆตามลำตัวซึ่งแทบไม่มีส่วนไหนเลยที่เขาไม่ทิ้งรอยแดงเอาไว้
“ผู้ชายบ้าอะไรมือหนักชะมัดเลย ซี๊ด”
เสียงร้องด้วยความเจ็บดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเธอบรรจงแตะรองพื้นกลบรอยแดงจนไม่เหลือรอยให้ใครได้เห็นว่าเมื่อคืนเธอไปทำอะไรกับใครมากอหญ้าเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจก่อนที่เธอจะแต่งหน้าบางๆให้ตัวเองพร้อมฮัมเพลงรักอย่างอารมณ์ดี
“ไอ้ผู้ชายสารเลว”
ภีมวัจน์กำหมัดแน่นด้วยความโมโหจนแทบอยากจะยกมือชกกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าให้แตกกระจายตั้งแต่มีเซ็กซ์ครั้งแรกมาจนถึงก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครกล้าดีเอาลิปสติกมาเขียนด่าทอเขาด้วยถ้อยคำหยาบคายไว้บนหน้าผากเหมือนผู้หญิงคนนี้เลยสักคน
ติ๊ด ติ๊ด ปึง
“แย่แล้วครับท่านประธานแย่แล้ว”
เสียงเปิดประตูห้องพักที่มาพร้อมเสียงร้องตะโกนด้วยความร้อนรนระคนตกใจของเตชินทร์เลขาคู่ใจของเขาทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังโมโหค่อยๆหันมามองหน้าเลขาตัวดีด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
“หุบปาก แหกปากร้องโวยวายอะไรนักหนา”
น้ำเสียงตะคอกดุดันที่ทรงพลังของภีมวัจน์ทำให้เตชินทร์รีบยกมือขึ้นปิดปากทันทีก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบไปเห็นตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนหน้าผากของผู้เป็นนายท่าทีสำรวมที่เพิ่งเรียกคืนกลับมาก็พลันหลุดขำพรืดออกมาอย่างอดทนไม่ไหว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทะ ทำไมหน้าผากของท่านประธาน ฮ่า ฮ่า”
เตชินทร์หัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจพร้อมยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าผากของภีมวัจน์ด้วยความขบขันก่อนที่เขาจะกระโดดหลบกล่องทิชชูที่ขว้างมาสุดแรงอย่างหวุดหวิดราวกับรู้ทันอารมณ์ของผู้เป็นเจ้านายว่ายามที่โมโหทีไรของใกล้มือเป็นต้องถูกหยิบมาขว้างใส่เขาทุกครั้งไป
“ถ้ายังไม่หยุดหัวเราะฉันจะหักเงินเดือนนาย...”
หมับ
“อุด แอ้ว อับ”
สองมือของเตชินทร์ยกขึ้นปิดปากอีกครั้งพร้อมเอ่ยตอบผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงอู้อี้แต่สายตาของเตชินทร์ก็ยังคงมองตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าผากของภีมวัจน์ไม่วางตาด้วยความขบขันอยู่ดี
“ฉันให้นายหาสาวจากบาร์มาให้ไม่ใช่ยัยตัวแสบที่ไหนก็ไม่รู้ที่บังอาจทิ้งคำด่าไว้บนหน้าผากของฉันแบบนี้”
หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วภีมวัจน์ก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเลขาคู่ใจที่ถอยร่นไปทีละก้าวตามจังหวะก้าวเดินของผู้เป็นนายด้วยความรักตัวกลัวตายยามที่เจ้านายของเขาโมโหขึ้นมาเขาไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆแม้แต่สักวินาทีเดียว
“คะ คือ คือว่า...”
“พูดมาสักทีมัวอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ”
ถ้อยคำต่อว่าของภีมวัจน์ที่มาพร้อมสายตาดุดันทำให้เตชินทร์พลันสะดุ้งน้อยๆด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะเรียบเรียงคำพูดในหัวให้เข้าที่เข้าทางและเริ่มรายงานเจ้านายถึงเรื่องของผู้หญิงที่ผู้เป็นนายให้เขาหามาบำเรอความสุขบนเตียงในค่ำคืนที่ผ่านมา
“เมื่อคืนหลังจากที่ผมติดต่อผู้หญิงให้ท่านประธานเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ไปนั่งดื่มที่บาร์ดาดฟ้าต่อจนเมาพอกลับถึงห้องผมก็หลับไปทันที จนกระทั่งตื่นขึ้นมาเช้านี้ผมก็ได้รับข้อความจากคนสวยว่ามารอที่หน้าห้องแล้วไม่มีใครเปิดประตูออกมาหาเธอบอกรอไม่ไหวก็เลยกลับไปก่อนผมถึงรู้ว่าบอกเลขห้องท่านประธานผิดไปครับ”
สีหน้าสำนึกผิดของเตชินทร์ทำให้คำด่าทอที่เตรียมจะพ่นใส่เลขาคู่ใจพลันถูกกลืนหายกลับลงไปในลำคอก่อนที่ภีมวัจน์จะยกมือขึ้นมาคลึงหว่างคิ้วเบาๆด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าเขาสมควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับเหตุการณ์วันไนท์สแตนด์กับคนแปลกหน้าที่เขารับรู้เพียงว่าเป็นค่ำคืนที่เขามีความสุขมากแต่ความสุขของเขากลับถูกทำลายลงด้วยคำด่าที่ไม่เคยมีใครหน้าไหนมันกล้าด่าเขามาก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครถึงกล้าดีมาเขียนด่าเขาบนหน้าผากแบบนี้
“ละ แล้ว หน้าผากของท่านประธาน”
เตชินทร์ที่ทั้งอยากจะหลุดขำและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกันยกนิ้วชี้ไปบนหน้าผากของภีมวัจน์อย่างกล้าๆกลัวๆด้วยความสงสัยว่าเหตุใดหน้าผากของท่านประธานสุดหล่อของเขาถึงได้มีคำว่า ไอ้ผู้ชายสารเลว เขียนอยู่บนนั้นได้
“อยากจะบ้าตายจริงๆเลย”
ภีมวัจน์ส่ายหน้าไปมาช้าๆด้วยความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตั้งแต่รู้จักกับคำว่าเซ็กซ์เขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้แบบผิดฝาผิดตัวกับใครเลยสักครั้งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาคว้าผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มานอนด้วยเพราะคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่เลขาของเขาหามาให้ แต่จะว่าไปแล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นจะโกรธก็ไม่ผิดเพราะเขาเองที่เป็นคนลากเธอเข้ามาในห้องพร้อมเมคเลิฟกับเธออย่างเร่าร้อนอยู่ครึ่งค่อนคืนโดยที่แทบจะไม่ได้พักเลยทั้ง ๆ ที่เธอเป็นใครก็ไม่รู้
“หวังว่าอายุคงเกิน 18 ปีแล้วนะ” ภีมวัจน์พึมพำเสียงเบาด้วยความรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
“ท่านประธานว่าอะไรนะครับ”
เตชินทร์ที่ได้ยินเสียงพึมพำไม่ค่อยชัดเจนเอ่ยถามภีมวัจน์ด้วยความอยากรู้ทำให้คนที่เพิ่งสงบสติอารมณ์และพยายามระงับโทสะเอาไว้สุดความสามารถได้แต่ถลึงตาใส่ลูกน้องที่รีบก้มหน้าลงด้วยความกลัวทันที
เขาก็แค่อยากรู้ไม่เห็นต้องทำหน้าดุใส่เลย
เตชินทร์ที่ก้มหน้างุดแอบต่อว่าภีมวัจน์ที่ยกมือขึ้นเสยผมไปมาสองสามรอบก่อนที่เขาจะเดินตามหามือถือที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเผลอโยนเอาไว้ตรงไหนด้วยความตั้งใจจนกระทั่งมือใหญ่พลิกเปิดผ้าห่มบนเตียงออกสายตาของเขากลับสะดุดกับรอยแดงจางๆคล้ายรอยเลือดบนผ้าปูที่นอนขาวสะอาดภีมวันจน์ก็พลันพุ่งตัวลงไปบนที่นอนทันทีเมื่อสายตาอยากรู้อยากเห็นของเตชินทร์กำลังมองมาที่เตียงอย่างให้ความสนใจ
ตุ้บ
คิ้วเข้มของเตชินทร์ขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่ออยู่ ๆ ท่านประธานที่เพิ่งลุกจากเตียงนอนกระโดดกลับลงไปนอนบนเตียงอีกแล้ว
“ท่านประธานยังอยากนอนต่ออีกเหรอครับ”
เมื่อความสงสัยของเตชินทร์เริ่มทำงานเขาก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามท่านประธานที่คราวนี้ใบหน้าหล่อเหลาคลายความบูดบึ้งลงไปถึงเจ็ดส่วนเหลือเพียงใบหน้ายิ้มระรื่นของเขาที่ทำให้เตชินทร์รู้สึกขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก
“อ้อ พอดีปวดหัวนิดหน่อยน่ะเลยอยากนอนพักสักแป๊บ” ภีมวัจน์ตีหน้าสื่อแสร้งตาใสตอบคำถามของเตชินทร์ที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ผมว่าท่านประธานเช็ดหน้าผากสักหน่อยไหมครับ จะนอนหลับทั้ง ๆ ที่มีคำว่าไอ้สารเลวอยู่บนหน้าผมว่าดูไม่ค่อยดี...”
ผลัวะ
“โอ๊ย ผมเจ็บนะครับท่านประธาน”
เตชินทร์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ถูกหมอนขว้างใส่เต็มแรงด้วยความเจ็บพร้อมตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ในใจว่าเขาพูดอะไรผิดไปทำไมท่านประธานถึงได้โหดร้ายกับเขาแบบนี้
“รีบไสหัวไปไกลๆก่อนที่ฉันจะหักเงินเดือนนายจนไม่เหลือสักบาท”
เตชินทร์ไม่รอให้ผู้เป็นนายพูดซ้ำเป็นครั้งที่สองขายาวๆของเขาก็รีบก้าวออกจากห้องของภีมวัจน์ทันทีอย่างรู้งานพร้อมก่นด่าท่านประธานอยู่ในใจตลอดทางที่เดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง หลังจากที่เลขาคู่ใจเดินออกจากห้องไปแล้วภีมวัจน์ก็รีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนนุ่มพร้อมเพ่งมองคราบสีแดงด้วยความสงสัยก่อนที่เขาจะให้ข้อสรุปแก่ตัวเองว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาได้ทำเรื่องที่น่าละอายใจด้วยการเปิดซิงแม่สาววันไนท์ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเลยสักนิด
เฮ้อ นี่เขาก้าวเท้าไหนออกจากบ้านนะถึงได้เจอเรื่องเฮงซวยแบบนี้
ภีมวัจน์ถอดถอนใจด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่องรอยหวาบหวามออกจากร่างกายจนหมดจดพร้อมตรงไปที่ห้องทานอาหารด้วยความรู้สึกหิวเพราะเมื่อวานเขาดันกินแม่สาววันไนท์คนนั้นแทนข้าวนะสิ
ห้องอาหาร
ใบหน้าหล่อเหลาที่เฉยชาไร้รอยยิ้มของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอาหารของโรงแรมดึงดูดสายตาของสาวๆที่ทั้งโสดไร้คนคู่ใจและไม่โสดมีพันธะเป็นคำว่าแฟนและทะเบียนสมรสครอบครองให้มองมาด้วยความสนใจพร้อมซุบซิบกับคนข้างกายด้วยรอยยิ้มชื่นชม
หนุ่มโสดสุดฮอตแห่งปีที่เข้ารับตำแหน่งท่านประธานตั้งแต่อายุเพียง 23 ปีต่อจากบิดาที่ล่วงลับไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเขาเพราะแทบทุกช่องข่าวสารและหน้าหนังสือพิมพ์ล้วนเอ่ยถึงท่านประธานของ AK Group ที่ไม่ชอบออกงานสังคมแต่กลับเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้รับตำแหน่งนักธุรกิจดีเด่นถึง 4 ปีซ้อนแทบทุกวัน
ครืด ครืด
เสียงสั่นของมือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารรีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋าใบเล็กมากดรับสายทันทีเมื่อหน้าจอโชว์สายเรียกเข้าเป็นชื่อของผิงผิงเพื่อนสนิท
“นี่มึงนอนตื่นสายหรือมึงแกล้งซ้อมตายห๊ะกอหญ้า”
ทันทีที่กดรับสายคำพูดเหน็บแนมเธอของผิงผิงก็ดังเข้ามาในสายทันทีอย่างไม่ให้เธอตั้งตัวเมื่อได้ยินคำถามของเพื่อนสนิทกอหญ้าพลันกลอกตาไปมาด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่เธอจะกรอกเสียงตอบโต้เพื่อนกลับไปอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน
“ถ้ากูตื่นสายแล้วเหมือนซ้อมตาย มึงกับซันนี่ก็คงเตรียมโลงศพรอได้เลยละมั้ง”
คำตอบยียวนสุดกวนของกอหญ้าทำให้มุมปากของซันที่กำลังนั่งฟังอยู่กระตุกริกด้วยความหมั่นไส้ไม่ต่างกันเรื่องฝีปากที่เจ้าคารมและคมเหมือนใบมีดใครก็สู้เพื่อนสาวของเธอคนนี้ไม่ได้
“อย่าพูดจาอัปมงคลแต่เช้าสิเพื่อนรักรีบมาได้แล้ว พวกกูสองคนหิ้วท้องรอมึงจนใส้จะขาดอยู่แล้วเนี่ย”
กอหญ้ายังไม่ทันเอ่ยตอบโต้หลังจบประโยคปลายสายก็กดตัดสายไปทันทีทำให้เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมาน้อยๆพร้อมก้มลงเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าสะพายตามเดิมโดยที่สองเท้ายังคงไม่หยุดเดินเพราะคิดว่าทางข้างหน้าคงไม่มีใครจนกระทั่ง
“อ๊ะ”
กอหญ้าร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อร่างบอบบางของเธอปะทะเข้ากับร่างสูงเต็มแรงมือของเธอพลันยื่นไปข้างหน้าและคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อยึดเกาะไม่ให้ตัวเองล้มลงแต่คนที่ถูกเธอจับมือเอาไว้กลับกระชากเธอเข้ามาหาตัวเองทำให้ร่างบางของกอหญ้าตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาไปโดยปริยาย
กลิ่นหอมที่คุ้นเคยของกันและกันพลันปะทะเข้าเต็มใบหน้าของคนทั้งคู่ก่อนที่ดวงตากลมโตของกอหญ้าจะช้อนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของภีมวัจน์ที่กำลังก้มหน้าลงมองเธอเช่นกัน ทันทีที่ดวงตาสองคู่สบกันความทรงจำที่เร่าร้อนในยามค่ำคืนที่ผ่านมาพลันหลั่งไหลเข้ามาในหัวของคนทั้งคู่คล้ายคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำ
“ไอ้ผู้ชายสารเลว”
“แม่สาววันไนท์ตัวดี”
ต่างคนต่างเอ่ยเรียกชื่อที่ตั้งให้กันและกันด้วยความตกใจก่อนที่มือใหญ่และมือหอมนุ่มนิ่มจะรีบยกขึ้นปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้อย่างพร้อมเพรียงกันกลายเป็นภาพหนุ่มสาวสองคนกำลังยืนโอบกอดและยกมือขึ้นปิดปากกันและกันเอาไว้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารต่างพุ่งความสนใจมาที่คนทั้งคู่ทันที
“ตามฉันมานี้เดี๋ยวนี้”
ภีมวัจน์กระซิบเสียงดุดันลอดไรฟันบอกกอหญ้าพร้อมจับจูงมือเล็กของเด็กสาวลากออกมาจากห้องอาหารทันทีท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่ต่างมองมาด้วยความสนใจรวมไปถึงผิงผิงกับซันนี่ที่พากันอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเช่นเดียวกับสายขิมที่มองตามแผ่นหลังของกอหญ้าที่กำลังเดินตามแรงจูงของภีมวัจน์ไปด้วยความโมโหจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเสียงดังเพื่อระบายความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในอก
“นี่คุณเดินช้าๆหน่อยได้ไหม” กอหญ้าเอ่ยท้วงร่างสูงที่เอาแต่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจกลางความเป็นสาวจนแทบจะเดินไม่ไหวส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังกึ่งจูงกึ่งลากมือของเธอให้เดินตามเขาไปพลันชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขารีบปล่อยมือของกอหญ้าให้เป็นอิสระทันที ไออุ่นที่มือเรียวเล็กของเธอได้รับก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไปเมื่อร่างสูงของคนตรงหน้าปล่อยมือกอหญ้ากะทันหันทำให้หญิงสาวนึกเสียดายไม่น้อยคนบ้านึกอยากจะจับก็จับนึกอยากจะปล่อยก็ปล่อยกอหญ้าแอบค่อนขอดภีมวัจน์อยู่ในใจปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาจับมือถือแขนตามอำเภอใจถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแต่สำหรับผู้ชายที่กำลังยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย่อหยิ่งคนนี้ความคิดที่อยากจะกระชากมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ของเขานั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อยนี่เธอคงไม่ได้หลงเสน่ห์ของเขาจนหน้ามืดตามัวไปแล้วใช่ไหม?กอหญ้าลอบถามตัวเองอยู่ในใจพร้อมใช้ดวงตากลมโตมองสบสายตาของคนตรงหน้าที่ก็กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาไร้ความอบอุ่นทำให้หญิงสาวได้แต่นึกหมั่นไส้ก่อนที่ภาพความทรงจำระหว่างเธอและเขาจะผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้งเมื่อคืนร้อนแร
หลังจากกอหญ้าหันหลังเดินจากมาอย่างไม่ใยดีเธอก็ย้อนกลับมาที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินเข้าด้านในใครบางคนที่เฝ้ารอการกลับมาของเธออยู่นานแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมายืนขวางทางเดินของเธอเอาไว้ทำให้เรียวขาสวยของกอหญ้าพลันต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อยสายขิมที่พุ่งออกมาขวางทางกอหญ้าค่อยๆไล่สายตามองตั้งแต่หน้าผากกว้างขาวผ่องเกลี้ยงเกลาลงมายังคิ้วที่วาดให้โก่งงามดุจกิ่งลิ่วและค่อยๆเคลื่อนผ่านแพขนตางอนยาวที่ไร้การปัดแต่งไล่ระดับลงมาจนถึงจมูกโด่งรั้นที่บอกเธอว่าคนตรงหน้านั้นค่อนข้างมีนิสัยดื้อรั้นและไม่ยอมใครเช่นเดียวกับเธอสุดท้ายสายขิมจึงหยุดสายตาอยู่ที่ริมฝีปากแดงนุ่มของกอหญ้าที่ไม่รู้ไปทำอะไรมาถึงได้ดูบวมขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด“แกรู้จักกับพี่ภีมได้ยังไง”คิ้วงามของกอหญ้าขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถามที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจซึ่งแฝงเอาไว้ด้วยความอิจฉาริษยาเมื่อเห็นว่าภีมวัจน์จูงมือของกอหญ้าออกไปจากห้องอาหารของโรงแรม“ภีมไหน ใครคือภีมแล้วฉันรู้จักด้วยเหรอ?”กอหญ้าเอ่ยถามศัตรูคู่อริของเธอด้วยสีหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม
AK Groupร่างสูงของภีมวัจน์ที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารที่ตั้งของ AK Group นั้นดึงดูดสายตาของพนักงานสาวให้หันไปมองด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอายราวกับกำลังถูกสายตาของภีมวัจน์จ้องมองทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมองใครด้วยซ้ำถึงแม้ใบหน้าของภีมวัจน์จะเย็นชาไร้รอยยิ้มแต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้สาวๆแอบมองไม่รู้เบื่อ บางคนแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างมีความหวังว่าเขาจะหันกลับมามองตนเองบ้างสักครั้งส่วนบางคนก็แอบมองพร้อมคิดวางแผนหาวิธียั่วยวนเพื่อให้เขาหันมาสนใจทั้ง ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดีภีมวัจน์ไม่เคยชายตามองสาวๆในบริษัทของตนเองเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่งท่านประธานบริษัทต่อจากบิดาที่ล่วงลับไป“ก็บอกแล้วไงว่าให้หยุดพักผ่อนจนกว่ามือจะหายดีทำไมแกถึงได้พูดยากแบบนี้นะเตชินทร์”ถึงแม้น้ำเสียงของภีมวัจน์จะฟังดูเย็นชาคล้ายไม่ใส่ใจแต่เตชินทร์กลับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ท่านประธานมีต่อเขาได้เป็นอย่างดี“ผมเป็นห่วงท่านประธานนี่ครับถ้าหากว่าผมไม่อยู่ท่านจะต้องทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนแน่นอน อีกอย่างไม่มีใครที่รู้ใจท่านเท่าผมอีกแล้ว จำไม่ได้เหรอครับคนก่อนๆที่มาช่วยงานระหว่างที่ผมป่วยท่านก็บอกว่าชอ
“กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลื
หลังจากการฝึกงานในวันแรกจบลงกอหญ้าก็หยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานและเดินออกมาจากแผนกทันทีโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาตามหลังเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานบริษัทสักหน่อยในเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนสิจริงไหมรอให้เธอเป็นพนักงานหรือเจ้าของบริษัทเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะอยู่ทำงานจนโต้รุ่งแน่นอน ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินมาที่ลานจอดรถรีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดรับสายทันทีเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือแม่แก้มใสสุดที่รักของเธอนั่นเองแก้มใส : ฮายลูกสาวคนสวยของแม่ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเอ่ย?น้ำเสียงสดใสร่าเริงเอ่ยทักทายลูกสาวคนเล็กอย่างอารมณ์ดีกอหญ้า : มีแต่เรื่องสนุกๆเลยค่ะแม่แก้มเมื่อพูดถึงเรื่องสนุกใบหน้าของภีมวัจน์ก็พลันแวบเข้ามาในหัวทำให้รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของกอหญ้าอย่างไม่รู้ตัวแก้มใส : นั่นไงไปฝึกงานวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลยใช่ไหมนางมารน้อยของแม่น้ำเสียงหยอกเย้าของมารดาทำให้แก้มใสหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันที่มารดาเรียกเธอตามฉายาที่พี่ชายรามสูรของเธอตั้งให้กอหญ้า : ลูกสาวของแม่แก้มน่ารักมากๆต่า
เช้าวันต่อมาAK Groupเสียงซุบซิบนินทาทั้งระยะไกลและระยะเผาขนไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อยเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชุดทำงานแบรนด์ดังยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนกระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างๆกลุ่มพนักงานที่กำลังนินทาเรื่องของเธออย่างสนุกสนานโดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเธอกำลังนินทาอยู่นั้นกำลังยืนฟังคำพูดใส่ร้ายป้ายสีนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยพนักงานคนที่ 1 : หน้าตาก็สวยแต่ไม่คิดเลยว่าจะชอบเอาตัวเข้าแลกแบบนี้พนักงานคนที่ 2 : แกก็น่าจะรู้ว่าเด็กสมัยนี้มันร้ายแค่ไหน เพื่อนน้องสาวของฉันบางคนยังยอมเป็นเมียน้อยพวกเสี่ยพุงพลุ้ยเลยแก งานสบายรายได้ดีไม่ต้องทำอะไรแค่นอนอ้าขารอผู้ชายมาหาแค่นั้นเองประโยคสุดท้ายถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะก้มตัวลงไปกระซิบกระซาบเสียงเบามากแค่ไหนแต่คนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างกอหญ้าก็ยังคงได้ยินอยู่ดี หึ งานสบายๆแค่นอนอ้าขาอย่างนั้นเหรอ?คนเรานี่ก็แปลกดีเรื่องของตัวเองกลับไม่ยอมใส่ใจทำให้ดีส่วนเรื่องของคนอื่นต่อให้ดีหรือไม่ดีก็มักจะใส่ใจจนเกินคำว่าพอดีพนักงานคนที่ 3 : แกก็พูดเวอร์ไปน้องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันก็ได้ เพิ่งมาฝึกงานว
กอหญ้าเอ่ยบอกเตชินทร์พร้อมฉีกยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยความสดใสฉับพลันนั้นเตชินทร์รู้สึกว่ารอยยิ้มของหญิงสาวนั้นเบิกบานน่ามองราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งดอกทานตะวัน นี่ขนาดเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ใจแข็งและเย็นชาเหมือนท่านประธานเมื่อเจอรอยยิ้มหวานละมุนของคนตรงหน้าเข้าไปถึงกับใจสั่นเบาๆทีเดียว “คุณกอหญ้าเคยเรียนชงกาแฟมาก่อนเหรอครับ” ท่าทางที่คล่องแคล่วของกอหญ้ายามหยิบจับส่วนผสมทำให้เตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆอดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้“ค่ะ กอหญ้าเคยลงเรียนคอร์สระยะสั้นตอนปิดเทอมซัมเมอร์ที่อิตาลีช่วงนั้นว่างมากคุณแม่เลยส่งไปเรียนชงกาแฟซะเลยจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” คำตอบที่อยู่เหนือความคาดหมายของเตชินทร์ทำให้เขาถึงกับอึ้งไปเขาไม่คิดเลยว่าคนที่มีฝีปากคมกริบเหมือนลับมีดเป็นประจำอย่างสาวสวยคนนี้จะลงเรียนชงกาแฟเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยแต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้คนอยากทำความรู้จักและค้นหามากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงตัวเขาเองที่ก็อยากรู้เช่นกันว่านอกจากชงกาแฟแล้วเธอยังทำอย่างอื่นเป็นไหม“รสชาติผ่านอาจารย์ให้เต็มสิบใช่ไหมครับ”“อาจารย์บอกว่าให้สิบเอ็ดไปเ
เสียงสั่นของนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้ร่างบอบบางที่กำลังนอนหลับสนิทค่อยๆขยับเปลือกตาลืมขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นจากเตียงพร้อมยกมือบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนที่ยังคงมีอยู่เล็กน้อยหลังจากที่เมื่อวานกลับมาถึงคอนโดกอหญ้าก็ลงมือเตรียมเครื่องปรุงสำหรับมื้อเช้าในวันนี้ทำให้เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว หลังจากที่จัดการล้างหน้าเรียกความสดชื่นและแปรงฟันเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็พาตัวเองออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัวเพื่อทำข้าวต้มหมูสับเห็ดหอมมื้อเช้าที่เธอตั้งใจเตรียมให้เขาคนนั้น ในเมื่อเขาไม่ชอบที่จะใส่ใจตัวเองกอหญ้าก็จะขอเป็นคนที่ใส่ใจในตัวเขาแทนก็แล้วกันผู้ชายของเธอๆจะยอมให้เขาสุขภาพไม่ดีได้อย่างไรล่ะจริงไหม? “อืม ฝีมือไม่ตกเลยแฮะ” กลิ่นน้ำซุปที่หอมชวนน้ำลายสอกับรสชาติที่อร่อยลงตัวทำให้กอหญ้าเผยรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมาด้วยความพึงพอใจกับฝีมือการทำอาหารของตัวเองที่ทุกคนในครอบครัวต่างยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชมก่อนที่เธอจะรีบไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปหาใครบางคนที่ตอนนี้คงกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนนุ่มอย่างมีความสุขคอนโด A เสียงกดกริ่งที่ดัง