“กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”
พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง
“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”
คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!
ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลือดแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
เธอรู้สึกเกลียดสายตาของกอหญ้ายามที่ปรายตามองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาก่อนที่เธอจะหันหน้ากลับไปมองภีมวัจน์ด้วยสายตาที่แฝงความนัยลึกซึ้งซึ่งภีมวัจน์ก็ไม่ได้หลบสายตาหรือหันหน้าหนีแต่อย่างใดเขายังคงจ้องมองสาวสวยตรงหน้าไม่วางตาแถมยังส่งยิ้มบางๆให้อีกด้วย
หรือจริงๆแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้นั้นไม่ใช่แค่ท่านประธานกับเลขาแต่อาจจะเป็นมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ไม่ได้!!เธอยอมไม่ได้เด็ดขาดเธอจะยอมให้ผู้ชายที่เธอหลงรักมานานตกเป็นของผู้หญิงคนอื่นไม่ได้!!!
“อ้อ แบบนี้นี่เองแม่ก็นึกว่าภีมยังไม่มีคนคอยช่วยงานซะอีก แต่เอ แม่จำได้ว่าไม่เคยเห็นหน้าหนูคนนี้มาก่อนภีมเพิ่งรับเข้ามาใหม่ใช่ไหมลูก”
ถึงแม้ว่าดารัณจะถามภีมวัจน์แต่สายตาของเธอกลับจ้องกอหญ้าที่ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเธอมองสบตาดารัณอย่างไม่หลบเลี่ยงด้วยความท้าทายเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่ดวงตาคู่งามของเธอจะกลับมาเปล่งประกายสดใสเหมือนเดิม
“ใช่ค่ะ กอหญ้าเพิ่งเข้ามาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรกแต่ว่าเราสองคนรู้จักกันมานานแล้วค่ะ ก่อนจะมาฝึกงานคุณภีมเคยเล่าให้กอหญ้าฟังว่าคุณเตชินทร์คือเลขาคู่ใจ ต่อจากนี้ไปกอหญ้าจะพยายามทำหน้าที่ผู้ช่วยคุณภีมให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้เป็นคน...เลขารู้ใจของคุณภีมบ้างค่ะ”
ภีมวัจน์คิ้วกระตุกอีกครั้งเมื่อคำพูดของกอหญ้านั้นคลุมเครือแต่แฝงความนัยที่เขาเข้าใจได้เป็นอย่างดีดวงตากลมโตที่แต่งแต้มอย่างงดงามหันมาจ้องมองเขาอย่างมีความหมายโดยที่ไม่สนใจสายตาของดารัณหรือแพรวรัมภาแม้แต่น้อยดวงตาคู่คมของภีมวัจน์เองก็ลอบสำรวจสาวสวยตรงหน้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้พบกับเธอมานานเกือบหนึ่งเดือน
ผู้หญิงที่แทนตัวเองว่ากอหญ้าเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่งในความคิดของภีมวัจน์ใบหน้าเรียวรูปไข่ของเธอเนียนสวยชวนมองดวงตาของเธอกลมโตกระจ่างใสบริสุทธิ์แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ชวนให้คนอยากเข้าไปค้นหาผิวของเธอขาวเนียนละเอียดและเนียนนุ่มละมุนราวกับหยกชั้นดีซึ่งข้อนี้ภีมวัจน์รู้ดีมากกว่าใครเพราะเขาสัมผัสเธอมาแล้วทั้งตัว
ส่วนรูปร่างของเธอนั้นก็ชวนมองไม่น้อยไปกว่าใบหน้าของเธอเลยหน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เสียจนภีมวัจน์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึกด้วยความรู้สึกปั่นป่วนที่ช่องท้องความหอมนุ่มละมุนของผิวเนื้อยามสัมผัสเขายังคงจดจำได้ไม่เคยลืม เธอคือผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆคนแต่สำหรับเขาแล้วเธอคือผู้หญิงที่เขาอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลเพียงเพราะรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆแต่แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้ดึงเธอเข้ามาพัวพันกับตัวเองทั้ง ๆ ที่อยากจะหนีไปให้ไกลจากเธอกันนะภีมวัจน์
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดกอหญ้าเองก็กำลังมองสำรวจผู้ชายที่เธอเคยเอาเงินฟาดหน้าเขาไปด้วยความพึงพอใจส่วนดารัณกับแพรวรัมภานั้นกลับรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ภีมวัจน์กล้าเอาเด็กฝึกงานที่ไม่มีประสบการณ์มาเป็นผู้ช่วยงานแทนเตชินทร์ ทำแบบนี้ไม่เพียงเป็นการปฏิเสธเธออย่างไม่ไว้หน้าแต่กลับเป็นการดูถูกความสามารถของแพรวรัมภาอีกด้วยเธอเรียนจบบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกแต่ภีมวัจน์กลับเลือกผู้หญิงคนนี้ที่เป็นเพียงเด็กฝึกงานเขาทำกับเธอแบบนี้ได้อย่างไร
“ทำไมพี่ภีมถึงไม่เลือกคนที่มีประสบการณ์มาเป็นผู้ช่วยล่ะคะ แพรวเคยไปฝึกงานช่วงซัมเมอร์ในบริษัทใหญ่ที่อเมริกาบ่อยๆที่นั่นเลขาของท่านประธานมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยค่ะ ประสบการณ์สูงมากความสามารถเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ไม่เคยพลาดหรือถึงจะพลาดก็เล็กน้อยเท่านั้น”
คำถามของแพรวรัมภาทำให้ดารัณยิ้มกว้างออกมาด้วยความพึงพอใจหลานสาวของเธอคนนี้ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ภายในกลับซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ไม่เบา
“อ้อ เหรอครับ ที่นั่นคือบริษัทใหญ่ที่น้องแพรวเคยฝึกงานแต่ที่นี่คือบริษัทที่มีพี่เป็นท่านประธานมันก็เลยไม่เหมือนกันครับ”
กอหญ้าอยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่นห้องเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของสาวสวยที่นั่งอยู่บนโซฟาต่อให้ภีมวัจน์ไม่พูดโต้ตอบกลับไปกอหญ้าก็เตรียมคำพูดที่เผ็ดร้อนเอาไว้โต้กลับคืนอยู่แล้ว ถึงเธอจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแต่เธอกลับผ่านประสบการณ์ทำงานมาอย่างโชกโชนเพราะเธอคือกอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก ถึงเธอจะเกิดมาบนความสุขสบายแต่บิดาและมารดาของเธอกลับฝึกฝนเธอให้รู้จักคิดและตัดสินใจงานใหญ่ด้วยตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอมีอายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้น
“คุณแม่ยังมีธุระอะไรต่ออีกไหมครับพอดีวันนี้ผมค่อนข้างยุ่ง”
ถึงแม้จะเป็นเพียงคำถามทั่วไปแต่ดารัณเข้าใจเจตนาที่แฝงในคำพูดของลูกชายได้เป็นอย่างดีแต่ไหนแต่ไรมาภีมวัจน์ก็ไม่ได้รักหรือผูกพันธ์กับแม่เลี้ยงอย่างเธออยู่แล้วการที่เธอมาหาเขาโดยไม่บอกกล่าวในครั้งนี้เขาก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็ควรจะพาตัวเองกับหลานสาวของเธอกลับไปได้แล้ว
“ไม่มีแล้วจ้ะ วันไหนภีมว่างก็กลับไปทานข้าวกับคุณปู่บ้างนะลูกท่านบ่นคิดถึง…”
พูดมาถึงตรงนี้แขนของดารัณพลันถูกแพรวรัมภาดึงรั้งเบาๆก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่าอีกสองวันข้างหน้าท่านเปรมชัยได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับแสดงความยินดีที่ลูกสาวเรียนจบกลับมาเธอก็รีบขยับปากพูดต่อทันทีด้วยรอยยิ้มละมุนแต่กลับดูเสแสร้งสิ้นดีในสายตาของภีมวัจน์
“แม่เกือบลืมไปเลย วันก่อนคุณหญิงพิณณราให้การ์ดเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับหนูแพรวกับแม่มาสองใบ ใบหนึ่งให้ครอบครัวของเราส่วนใบนี้ฝากมาให้ภีมจ้ะ”
กอหญ้าที่เห็นดารัณหยิบซองใส่การ์ดออกมาจากกระเป๋าก็รีบเดินเข้าไปรับมาจากมือของดารัณทันทีภีมวัจน์ที่เห็นเช่นนั้นได้แต่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆพลางคิดในใจว่าเลขากำมะลอของเขาคนนี้ช่างรู้งานจริงๆเขาไม่ต้องบอกให้ยุ่งยากแต่เธอกลับลงมือทำเลยทันที อืม ดูๆไปก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ
“คุณพ่อบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ภีมเยอะแยะเลยค่ะท่านกำชับมาว่าต้องเชิญพี่ภีมไปที่งานให้ได้เลย”
หลังจากที่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้แล้วแพรวรัมภาก็รีบเอ่ยขึ้นสำทับโดยยกบิดาขึ้นมาอ้างอย่างจงใจไม่ให้ภีมวัจน์ปฏิเสธคำเชิญไปงานเลี้ยงในครั้งนี้แต่มีหรือที่คนอย่างภีมวัจน์จะแยแสเขาอยากไปเขาก็ไปเขาไม่อยากไปเขาก็ไม่ไปแค่นั้นเองใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเขาทั้งนั้น
“หมดธุระแล้วใช่ไหมครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของแพรวรัมภาค่อยๆเลือนหายไปทีละน้อยเมื่อสิ่งที่เธอหวังอยากจะได้ยินกลายเป็นคำถามที่หากไม่ได้คิดอะไรก็คงหมายถึงคำถามทั่วๆไปแต่แพรวรัมภารู้ดีว่าเขาจงใจไล่เธอกับดารัณให้กลับไปได้แล้วทางอ้อม
“หมดแล้วจ้ะยังไงก็อย่าลืมกลับไปเยี่ยมคุณปู่บ้างนะภีม ไปจ้ะหนูแพรวเรามารบกวนเวลาพี่ภีมนานแล้วเรากลับกันดีกว่า”
ใบหน้าที่หม่นเศร้าของแพรวรัมภาชวนให้ดารัณนึกสงสารไม่น้อยแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเจ้าเด็กไม่มีมารยาทคนนี้ทำอะไรไม่เคยไว้หน้าใครอยู่แล้วดีไม่ดีงานเลี้ยงที่ท่านเปรมชัยอุตส่าห์แยกการ์ดเชิญมาให้ต่างหากลูกเลี้ยงของเธอคนนี้ก็คงจะไม่โผล่หัวไปอีกเช่นเคย
“ค่ะคุณป้า แพรวกลับก่อนนะคะพี่ภีม”
แพรวรัมภายกมือไหว้ภีมวัจน์อย่างนอบน้อมก่อนที่เธอจะค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาแต่ก่อนจะเดินจากไปก็ยังไม่วายหันกลับมามองภีมวัจน์ที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองแพรวรัมภาด้วยซ้ำด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะตัดใจเดินจากไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีสนใจเธอเลยสักนิด
“แปะ แปะ แปะ ละครจบแล้วไม่ทราบว่าค่าตอบแทนที่ยอมช่วยคุณในวันนี้คืออะไรมิทราบ”
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังกอหญ้าก็ปรบมือดัง ๆ พร้อมก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าภีมวัจน์และเอ่ยถามถึงค่าตอบแทนที่เธอช่วยเขาเล่นละครฉากนี้จนจบด้วยรอยยิ้มยียวนมองก็รู้ว่าจงใจกวนประสาทคนตรงหน้า
“ช่วยแค่นี้ทำเป็นทวงบุญคุณทีเอาเงินฟาดหน้าผู้ชายบอกว่าเป็นค่าตัวไม่เห็นบ่นสักคำ”
วาจาที่คมยิ่งกว่าคมมีดของภีมวัจน์ทำให้ใบหน้ายียวนของกอหญ้าพลันตึงขึ้นมาทันตาก่อนที่เธอจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมเอนตัวไปหาภีมวัจน์ที่ยังคงยืนตัวตรงไม่ยอมหลบแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยเตือนตัวเองว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ดึงเธอเข้ามาช่วยเล่นละครตบตาทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้พบหน้ากันครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น
“เรื่องเงินวันนั้นก็แฟร์ดีไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อเราต่างคนต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตั้งหลายรอบเงินร้อยล้านก็เหมาะสมกับค่าตัวคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะท่านประธานภีมวัจน์”
กอหญ้าปรายตามองป้ายชื่อที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยเรียกชื่อเต็มของเขาด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเดิมทันใดนั้นนิ้วเรียวสวยของเธอก็ยกขึ้นลูบคางของเขาเล่นพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ เมื่ออยู่ใกล้ชิดกันเช่นนี้หนุ่มสาวสองคนต่างรับรู้ได้ถึงกลิ่นกายหอมกรุ่นของกันและกันซึ่งเป็นกลิ่นที่ทั้งคู่ต่างยอมรับอยู่ในใจว่าคุ้นเคยจนชวนให้รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะกอหญ้าที่รู้สึกว่าเขาในวันนี้ดูเหมือนจะมีเสน่ห์มากกว่าเขาในวันนั้นมากทีเดียว
“ผมเป็นผู้ชายผมไม่เสียหายแต่คุณไม่ใช่...”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วคุณจะรื้อฟื้นมันขึ้นอีกทำไม? หรือว่าคุณอยากกอดฉันอีกสักหลายๆรอบเหมือนคืนนั้นก็ได้นะฉันไม่ติด”
คำพูดยั่วเย้าที่มาพร้อมรอยยิ้มยั่วยวนของกอหญ้าทำให้ก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายของภีมวัจน์ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถอยหลังไปหนึ่งก้าวทำให้กอหญ้าที่เอนตัวไปหาเขาพลันเสียหลักดีที่มือของภีมวัจน์เอื้อมมาโอบเอวของเธอเอาไว้ก่อนทำให้ตอนนี้ความใกล้ชิดของหนุ่มสาวทั้งคู่เรียกได้ว่าแนบชิดกันมาก
แกรก
แอด
“ท่านประธาน...อ๊าก”
เสียงร้องด้วยความตกใจของผู้ที่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องของภีมวัจน์ทำให้หนุ่มสาวทั้งคู่รีบผละออกจากกันด้วยสีหน้าที่เก้อกระดากทันทีส่วนคนที่เข้ามาเห็นภาพความใกล้ชิดสนิทสนมตรงหน้าได้แต่มองหน้าหนุ่มหล่อสาวสวยสลับกันไปมาด้วยแววตาตกตะลึง
“คุณคนสวย ท่านประธาน”
เตชินทร์เรียกกอหญ้าทีภีมวัจน์ทีด้วยความแปลกใจอาการตกตะลึงในครั้งแรกแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยเมื่อเห็นคนสวยที่เคยจ่ายค่าตัวให้เจ้านายของเขาอยู่ในห้องนี้แถมเมื่อสักครู่ทั้งคู่คล้ายกำลังโอบกอดกันอยู่นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยเตชินทร์งงไปหมดแล้ว
“เสร็จหน้าที่แล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ”
กอหญ้าพยายามสะกดกลั้นความหวั่นไหวเอาไว้พร้อมกับเอ่ยขอตัวและเดินผ่านร่างสูงของภีมวัจน์ไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลยแม้แต่น้อยทำให้ริมฝีปากของภีมวัจน์พลันยกยิ้มน้อยๆด้วยความคิดที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกันว่าตอนนี้เขากำลังคิดและรู้สึกเช่นไรที่ได้กลับมาพบกับแม่สาววันไนท์ตัวแสบคนนี้อีกครั้ง
“ทะ ท่านประธานนั่นมันคนสวยที่เอาเงินฟาดหน้าท่านประธานที่หัวหินไม่ใช่เหรอครับ”
เตชินทร์เอ่ยปากถามภีมวัจน์ที่ทำเพียงปรายตามองเลขาคู่ใจเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานแล้วเงียบอยู่สักพักถึงได้เงยหน้าขึ้นมาถามเตชินทร์ถึงเรื่องเช็คเงินสดหนึ่งร้อยล้านบาทของสาวสวยที่เดินจากไป
“เช็คเงินสดที่เธอให้ตอนนั้นยังอยู่ใช่ไหม”
“อยู่ครับ สภาพยังดีพร้อมขึ้นเงินได้ทุกเมื่อ”
คำตอบของเลขาแสนซื่อทำให้ภีมวัจน์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยความเหนื่อยใจใครเขาอยากจะเอาเช็คนั่นไปขึ้นเงินกันเล่าเขาอยากจะเอามันคืนให้เจ้าของตัวจริงต่างหากเขาไม่ได้จนหรือขาดเงินถึงกับต้องรอเวลาเอาเช็คไปขึ้นเงินหรอกนะ
“ช่วยโทรบอกฝ่ายบุคคลให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับเด็กฝึกงานคนนี้มาให้ฉันด่วน ฉันต้องการรู้ข้อมูลที่เกี่ยวกับเธอทั้งหมดส่วนเช็คนั่นเอามาให้ฉัน ๆ จะเป็นคนเอาไปคืนเธอเอง”
ถึงแม้จะยังรู้สึกงุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่เตชินทร์ก็พยักหน้ารับคำสั่งของผู้เป็นนายพร้อมจัดการโทรไปที่ฝ่ายบุคคลทันทีส่วนภีมวัจน์หลังจากที่จัดการกับความคิดวุ่นวายในใจได้แล้วเขาก็หยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาอ่านอีกครั้งด้วยความตั้งใจ
แผนกบริหาร
หลังจากกอหญ้ากลับมาที่แผนกแล้วนัชชาก็รีบลุกขึ้นเดินมาหาเธอทันทีด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าเด็กสาวหายไปนานถึงครึ่งชั่วโมงเธอไม่รู้ว่ากอหญ้าทำอะไรผิดพลาดจนถูกท่านประธานดุเอาหรือเปล่านัชชาจึงได้แต่นั่งรอด้วยความกระวนกระวายใจ
“ทำไมหายไปนานขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
คำถามที่มาพร้อมสีหน้าแสดงความห่วงใยไม่เสแสร้งของนัชชาทำให้กอหญ้าส่ายหน้าไปมาน้อยๆก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและเดินเอาถาดเข้าไปเก็บในห้องครัวโดยที่ไม่ยอมตอบคำถามของนัชชาแต่อย่างใดทำให้ความรู้สึกห่วงใยในทีแรกของนัชชาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความไม่พอใจขึ้นมาทีละน้อยเมื่อเธอถามแต่กลับไม่ได้รับคำตอบ
“พี่ถามเราอยู่นะว่าทำไมถึงหายไปนานขนาดนี้ เราควรจะตอบคำถามพี่ไม่ใช่ส่ายหน้าแทนคำตอบแบบนี้”
น้ำเสียงที่ไม่ได้ผ่อนให้เบาลงแม้แต่น้อยของนัชชาเรียกสายตาของเพื่อนร่วมงานที่กำลังพากันตั้งใจทำงานอยู่ให้หันมามองทั้งสองคนด้วยความสนใจก่อนที่กอหญ้าจะหันมาส่งยิ้มให้นัชชาอย่างยียวน ก่อนหน้านี้เธอยังเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงที่ตนเองหายไปนานคิดไม่ถึงเลยว่าแค่เธอไม่ตอบคำถามรุ่นพี่คนนี้ถึงกับขึ้นเสียงถามเธอด้วยใบหน้าที่ดุดันคล้ายว่าเธอแอบไปทำความผิดใหญ่หลวงมาอย่างไรอย่างนั้นเลย
“ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะแค่อยู่ช่วยงานสำคัญท่านประธานนิดๆหน่อยเท่านั้นพี่นัชชาไม่ต้องเป็นห่วงจนถึงกับต้องขึ้นเสียงถามกอหญ้าแบบนี้ก็ได้ค่ะ”
คำตอบที่ชวนให้เพื่อนร่วมงานจินตนาการแตกต่างกันออกไปกับคำต่อว่าที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมของกอหญ้าทำให้นัชชาถึงกับสะอึกเธอไม่คิดว่าเด็กฝึกงานคนใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาฝึกงานเป็นครั้งแรกของบริษัทจะตอบคำถามเธอได้ก้าวร้าวแบบนี้
“พี่ถามเราดีๆนะกอหญ้า”
“ถ้าพี่นัชชาถามดีๆช่วยลดน้ำเสียงลงให้อ่อนโยนกว่านี้ได้ไหมคะ?ไม่ใช่ขึ้นเสียงและคาดคั้นเอาคำตอบกับกอหญ้าแบบนี้ อีกอย่างสีหน้าไม่ต้องแสดงออกมากขนาดนี้ก็ได้ค่ะมันบ่งบอกถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์ว่าความอดทนของพี่นัชชาไม่ได้มากพอที่จะถามกอหญ้าด้วยความเป็นห่วงจริงๆ”
ท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านที่มาพร้อมใบหน้าที่ยังคงเปื้อนรอยยิ้มของกอหญ้าทำให้เพื่อนร่วมงานต่างพากันมองมาที่นัชชาด้วยสายตาตำหนิติเตียนเรื่องที่เธอขึ้นเสียงและใช้อารมณ์กับนักศึกษาที่เพิ่งมาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรก
“แล้วพี่ถามเราครั้งแรกทำไมไม่ตอบ”
“กอหญ้าส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มนั่นคือไม่มีอะไรค่ะ ถ้ามันมีอะไรมากกว่าการไปเสิร์ฟน้ำให้คุณแม่ของท่านประธานพี่นัชชาไม่ต้องคาดคั้นเอาคำตอบหรอกค่ะกอหญ้าบอกพี่แน่นอน เพราะคนอย่างกอหญ้าไม่ชอบมีความลับ ทราบคำตอบแล้วใช่ไหมคะถ้าอย่างนั้นกอหญ้าขอตัวค่ะ”
จบประโยคเธอก็ส่งยิ้มหวานละมุนให้นัชชาอย่างไม่ถือสาก่อนจะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ทำงานพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาพร้อมนั่งรอคอยงานที่อาจจะได้รับมอบหมายให้ช่วยด้วยความอดทนทิ้งให้นัชชายืนกำมือด้วยความโมโหก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าหนีเด็กสาวที่ไม่แม้แต่จะชายหางตาแลเธอกลับไปนั่งทำงานต่อด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
ห้องทำงานท่านประธาน
“การ์ตรวี เกียรติมงคลรัตน”
นามสกุลที่ไม่คุ้นหูเลยแม้แต่น้อยทำให้คิ้วของภีมวัจน์ขมวดเข้าหากันจนแทบผูกปมสำหรับภีมวัจน์ที่มีอายุเพียง 26 ปีถึงแม้เขาจะเพิ่งก้าวสู่เส้นทางของนักธุรกิจแต่เขากลับรู้จักคนมากหน้าหลายตาซึ่งไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาออกงานสังคมบ่อยแต่เป็นเพราะว่าธุรกิจโรงพยาบาลที่เขาดูแลอยู่นั้นต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงของสังคมอยู่แล้วภีมวัจน์จึงรู้จักใครหลายๆคนผ่านแฟ้มประวัติที่ลูกน้องของเขาไปสืบหาข้อมูลมาให้ยกเว้นเธอคนนี้คนเดียวที่เขาไม่เคยได้ยินทั้งชื่อและนามสกุลมาก่อนเลยสักครั้ง
“นามสกุลไม่ดังแต่เป๋าตังค์หนักฉิบหาย”
ภีมวัจน์พึมพำออกมาเสียงเบาแต่เตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะทำงานของท่านประธานถึงกับวิ่งไปยืนอยู่ข้างๆพร้อมเอนตัวไปอ่านประวัติของกอหญ้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะมีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกนะที่ท่านประธานของเขาจะสบถคำว่าฉิบหายออกมาด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่ห์ราวกับเสือหิวแบบนี้
“อะไรคือฉิบหายครับท่านประธานหรือว่าเรารับเธอเข้ามาฝึกงานแล้วจะทำให้บริษัทของเราฉิบหาย”
ปัง
ภีมวัจน์ปิดแฟ้มประวัติของกอหญ้าทันทีเมื่อได้ยินคำถามของเตชินทร์ส่วนคนที่รู้ว่าอารมณ์ของเจ้านายเริ่มจะผีเข้าผีออกแล้วก็รีบวิ่งหางจุกตูดกลับมายืนที่เดิมทันที
“ไม่ถามสักเรื่องจะได้ไหม”
“ก็ผมอยากรู้นี่ครับใครใช้ให้ท่านประธานสบถคำนั้นออกมาเล่า”
คนอยากรู้อยากเห็นยังคงเถียงข้างๆคูๆอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ภีมวัจน์ส่ายหน้าไปมาด้วยความจนใจเมื่อผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิทที่ปล่อยผ่านเรื่องของคนอื่นไปอย่างเมินเฉยแต่กลับอยากรู้ทุกเรื่องราวของเขานี่ไม่ใช่ว่าจะแอบเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ปู่ของเขาฟังหรอกนะ
“พรุ่งนี้จัดการย้ายเด็กคนนี้มาทำงานที่ห้องของฉันทำหน้าที่แทนแกในระหว่างที่ลาพักฟื้นแล้วก็ให้คนมาจัดโต๊ะทำงานของเธอไว้ตรงมุมนี้ด้วย ส่วนรายละเอียดเรื่องงานก็รบกวนสอนให้เธอเข้าใจด้วยว่าต้องทำอะไรบ้าง”
คำสั่งของภีมวัจน์ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวของเตชินทร์กลางวันแสกๆเขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะริมฝีปากที่เตรียมจะพ่นคำถามมากมายออกมาทำเพียงอ้าปากพะงาบ ๆ ด้วยอาการตกตะลึงที่อยู่ ๆ ท่านประธานก็ให้สาวสวยคนนั้นมาแทนที่ตำแหน่งที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต
“ท่านประธาน ท่านจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะครับ”
เตชินทร์วิ่งกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนพื้นพร้อมยื่นมือที่ใช้งานได้ปกติมากอดขาของภีมวัจน์เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ท่านประธานผลักไสไล่ส่งเขา
“ทำอะไรของแกเนี่ยฉันจะทำงาน”
ภีมวัจน์พยายามขยับขาออกจาการเกาะกุมของเตชินทร์ที่จับขาของเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมปล่อยแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามขยับอย่างไรเตชินทร์ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากขาของภีมวัจน์เลย
“ท่านประธานเปลี่ยนไปท่านหลงเสน่ห์ของคนสวยแล้วใช่ไหมครับถึงได้เฉดหัวผมทิ้งอย่างไม่ไยดี ท่านจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะครับ ผมรับใช้ดูแลท่านประธานมาตั้งแต่วันแรกที่ท่านมารับตำแหน่งที่นี่มาจนถึงวันนี้แล้วทำไมอยู่ ๆ วันนี้ท่านประธานถึงได้ทอดทิ้งผมแบบนี้ แง แง ผมไม่ยอม เตชินทร์ไม่ยอม แง”
เสียงร้องไห้งอแงที่ราวกับเด็กสามขวบดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวทำให้ภีมวัจน์รู้สึกเหนื่อยใจมากกว่างานที่กองท่วมหัวตรงหน้าเสียอีก เขาพยายามไม่สนใจเสียงร้องของเตชินทร์และยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารต่อไปพร้อมเซ็นอนุมัติอย่างใจเย็นจนกระทั่งคนที่เอาแต่พร่ำพรรณณาขอความเห็นใจไม่หยุดยอมเงียบเสียงลงภีมวัจน์ถึงได้วางเอกสารในมือลง
“ไปพักผ่อนรักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยกลับมาทำงาน ฉันแค่ให้เขามาช่วยงานชั่วคราวไม่ได้ให้เขามาแทนที่ตำแหน่งของแกซะหน่อยทำเป็นหวงก้างร้องไห้งอแงเป็นเด็กไปได้”
น้ำเสียงที่อ่อนลงแฝงไปด้วยความเอ็นดูทำให้เตชินทร์ที่เข้าใจในความหวังดีของท่านประธานได้แต่พยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เหงาหงอย
“หยุดสามเดือนแถมฟรีโบนัส 10 เท่า”
คำว่าโบนัส 10 เท่าเหมือนเสียงสวรรค์มาโปรดใบหน้าเศร้าสร้อยในทีแรกพลันเปลี่ยนมาฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจดวงตากระจ่างใสของเตชินทร์พลันมองหน้าท่านประธานที่เคารพรักอย่างซาบซึ้งในน้ำใจก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างอารมณ์ดีพร้อมยกหูโทรหาผู้จัดการแผนกฝ่ายบุคคลเพื่อจัดการเรื่องที่ภีมวัจน์สั่งทันทีอย่างไม่รีรอ
หลังจากการฝึกงานในวันแรกจบลงกอหญ้าก็หยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานและเดินออกมาจากแผนกทันทีโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาตามหลังเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานบริษัทสักหน่อยในเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนสิจริงไหมรอให้เธอเป็นพนักงานหรือเจ้าของบริษัทเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะอยู่ทำงานจนโต้รุ่งแน่นอน ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินมาที่ลานจอดรถรีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดรับสายทันทีเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือแม่แก้มใสสุดที่รักของเธอนั่นเองแก้มใส : ฮายลูกสาวคนสวยของแม่ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเอ่ย?น้ำเสียงสดใสร่าเริงเอ่ยทักทายลูกสาวคนเล็กอย่างอารมณ์ดีกอหญ้า : มีแต่เรื่องสนุกๆเลยค่ะแม่แก้มเมื่อพูดถึงเรื่องสนุกใบหน้าของภีมวัจน์ก็พลันแวบเข้ามาในหัวทำให้รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของกอหญ้าอย่างไม่รู้ตัวแก้มใส : นั่นไงไปฝึกงานวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลยใช่ไหมนางมารน้อยของแม่น้ำเสียงหยอกเย้าของมารดาทำให้แก้มใสหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันที่มารดาเรียกเธอตามฉายาที่พี่ชายรามสูรของเธอตั้งให้กอหญ้า : ลูกสาวของแม่แก้มน่ารักมากๆต่า
เช้าวันต่อมาAK Groupเสียงซุบซิบนินทาทั้งระยะไกลและระยะเผาขนไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อยเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชุดทำงานแบรนด์ดังยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนกระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างๆกลุ่มพนักงานที่กำลังนินทาเรื่องของเธออย่างสนุกสนานโดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเธอกำลังนินทาอยู่นั้นกำลังยืนฟังคำพูดใส่ร้ายป้ายสีนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยพนักงานคนที่ 1 : หน้าตาก็สวยแต่ไม่คิดเลยว่าจะชอบเอาตัวเข้าแลกแบบนี้พนักงานคนที่ 2 : แกก็น่าจะรู้ว่าเด็กสมัยนี้มันร้ายแค่ไหน เพื่อนน้องสาวของฉันบางคนยังยอมเป็นเมียน้อยพวกเสี่ยพุงพลุ้ยเลยแก งานสบายรายได้ดีไม่ต้องทำอะไรแค่นอนอ้าขารอผู้ชายมาหาแค่นั้นเองประโยคสุดท้ายถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะก้มตัวลงไปกระซิบกระซาบเสียงเบามากแค่ไหนแต่คนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างกอหญ้าก็ยังคงได้ยินอยู่ดี หึ งานสบายๆแค่นอนอ้าขาอย่างนั้นเหรอ?คนเรานี่ก็แปลกดีเรื่องของตัวเองกลับไม่ยอมใส่ใจทำให้ดีส่วนเรื่องของคนอื่นต่อให้ดีหรือไม่ดีก็มักจะใส่ใจจนเกินคำว่าพอดีพนักงานคนที่ 3 : แกก็พูดเวอร์ไปน้องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันก็ได้ เพิ่งมาฝึกงานว
กอหญ้าเอ่ยบอกเตชินทร์พร้อมฉีกยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยความสดใสฉับพลันนั้นเตชินทร์รู้สึกว่ารอยยิ้มของหญิงสาวนั้นเบิกบานน่ามองราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งดอกทานตะวัน นี่ขนาดเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ใจแข็งและเย็นชาเหมือนท่านประธานเมื่อเจอรอยยิ้มหวานละมุนของคนตรงหน้าเข้าไปถึงกับใจสั่นเบาๆทีเดียว “คุณกอหญ้าเคยเรียนชงกาแฟมาก่อนเหรอครับ” ท่าทางที่คล่องแคล่วของกอหญ้ายามหยิบจับส่วนผสมทำให้เตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆอดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้“ค่ะ กอหญ้าเคยลงเรียนคอร์สระยะสั้นตอนปิดเทอมซัมเมอร์ที่อิตาลีช่วงนั้นว่างมากคุณแม่เลยส่งไปเรียนชงกาแฟซะเลยจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” คำตอบที่อยู่เหนือความคาดหมายของเตชินทร์ทำให้เขาถึงกับอึ้งไปเขาไม่คิดเลยว่าคนที่มีฝีปากคมกริบเหมือนลับมีดเป็นประจำอย่างสาวสวยคนนี้จะลงเรียนชงกาแฟเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยแต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้คนอยากทำความรู้จักและค้นหามากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงตัวเขาเองที่ก็อยากรู้เช่นกันว่านอกจากชงกาแฟแล้วเธอยังทำอย่างอื่นเป็นไหม“รสชาติผ่านอาจารย์ให้เต็มสิบใช่ไหมครับ”“อาจารย์บอกว่าให้สิบเอ็ดไปเ
เสียงสั่นของนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้ร่างบอบบางที่กำลังนอนหลับสนิทค่อยๆขยับเปลือกตาลืมขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นจากเตียงพร้อมยกมือบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนที่ยังคงมีอยู่เล็กน้อยหลังจากที่เมื่อวานกลับมาถึงคอนโดกอหญ้าก็ลงมือเตรียมเครื่องปรุงสำหรับมื้อเช้าในวันนี้ทำให้เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว หลังจากที่จัดการล้างหน้าเรียกความสดชื่นและแปรงฟันเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็พาตัวเองออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัวเพื่อทำข้าวต้มหมูสับเห็ดหอมมื้อเช้าที่เธอตั้งใจเตรียมให้เขาคนนั้น ในเมื่อเขาไม่ชอบที่จะใส่ใจตัวเองกอหญ้าก็จะขอเป็นคนที่ใส่ใจในตัวเขาแทนก็แล้วกันผู้ชายของเธอๆจะยอมให้เขาสุขภาพไม่ดีได้อย่างไรล่ะจริงไหม? “อืม ฝีมือไม่ตกเลยแฮะ” กลิ่นน้ำซุปที่หอมชวนน้ำลายสอกับรสชาติที่อร่อยลงตัวทำให้กอหญ้าเผยรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมาด้วยความพึงพอใจกับฝีมือการทำอาหารของตัวเองที่ทุกคนในครอบครัวต่างยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชมก่อนที่เธอจะรีบไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปหาใครบางคนที่ตอนนี้คงกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนนุ่มอย่างมีความสุขคอนโด A เสียงกดกริ่งที่ดัง
“คุณดารัณขอเข้าพบท่านประธานค่ะ”กอหญ้าเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับด้านล่างว่าแม่เลี้ยงของภีมวัจน์มาหาหลังจากที่เธอตอบปฏิเสธการเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับแพรวรัมภาตามคำสั่งของภีมวัจน์ หึ ไวจริงๆนะงานเลี้ยงหรืองานจับคู่ดูตัวให้ลูกสาวกันแน่ทำเป็นยกเรื่องต้อนรับกลับบ้านมาจัดงานเลี้ยงใหญ่โตที่จริงก็แค่อยากจัดงานเปิดตัวบุปผาล่อผึ้งแค่นั้นเองคิดว่าเธอมองไม่ออกรู้ไม่ทันหรืออย่างไร ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์“คุณภีมคะ คุณแม่ของคุณแวะมาหาค่ะตอนนี้อยู่ชั้นล่าง”ภีมวัจน์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินว่าดารัณแวะมาหาเขายกนิ้วขึ้นคลึงขมับเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่เร่งสะสางงานมาทั้งวันจนเกือบจะไม่ยอมทานมื้อเที่ยงถ้าไม่ถูกเลขาคนใหม่ที่แสนเจ้าเล่ห์ทั้งบังคับแกมขมขู่เขาคงไม่ยอมเสียเวลาแตะมื้อเที่ยงแม้แต่คำเดียวอย่างแน่นอน เขามีงานอีกมากมายที่ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ยอมรามือทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหน หึ ผู้หญิงที่ใช้เสน่ห์หลอกล่อจนบิดาของเขาตกหลุมพรางยอมแต่งงานใหม่ทั้ง ๆ ที่เคยให้คำมั่นสัญญาแก่มารดาของเขาเอาไว้ว่าจะไม่มีทางแต่งงานใหม่เด็ดขา
ภาพสาวสวยที่อยู่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงร้อนแรงที่นั่งรอเขาอยู่บนโซฟาด้านล่างคอนโดทำให้ภีมวัจน์ถึงกับชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าใบหน้ารูปไข่เนียนสวยที่มักจะเผยรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวให้เขาเสมอถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามส่งผลให้ใบหน้าที่เย็นชาของภีมวัจน์แต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความความพึงพอใจก่อนที่เขารีบหุบยิ้มทันทีเมื่อกอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาทันได้เห็นรอยยิ้มของเขา“ยิ้มแบบนี้ชอบใจที่เห็นกอหญ้าสวยขนาดนี้ใช่ไหมคะ”กอหญ้าเอ่ยถามภีมวัจน์ด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะยื่นแขนของตัวเองออกไปคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างมั่นคงซึ่งคนที่ถูกแสดงความสนิทสนมก็ไม่มีความคิดที่จะสะบัดออกแต่อย่างใดในเมื่อเธออยากคล้องแขนก็ตามใจเขาจะไปทำอะไรได้นอกจากตามใจเธอเท่านั้น“หึ เปล่าสักหน่อยหัดคิดเองเออเองตั้งแต่เมื่อไหร่”“แหนะ อย่ามาเฉไฉนะกอหญ้าเห็นชัดเจนเต็มสองตาว่าคุณแอบยิ้มตอนที่เดินออกมาคิดว่ากอหญ้าตาบอดหรือไง”“แล้วคิดว่าตัวเองตาดีมากหรือไงถึงได้เที่ยวบอกว่าคนอื่นเขาแอบยิ้ม”“ตาดีมากแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่ตามวอแวกับผู้ชายที่หน้าตาดีเหมือนคุณหรอก”คำพูดชื่นชมพร้อมแววตาที่วาววับทอประกายเจ้าเล่ห์ของกอหญ้าทำให้ภีมวัจน์ถึ
“ไม่คิดเลยว่าพี่ภีมจะกล้าควงเลขามาออกงานสังคมทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับเชิญ”เสียงแมลงหวี่ที่ดังอยู่ข้างหูชวนให้กอหญ้าที่กำลังถือแก้วไวน์ชมดอกไม้อยู่ในสวนถึงกับหันมามองเจ้าของคำพูดดูถูกเหยียดหยามด้วยความสนใจมุมปากของเธอพลันกระตุกน้อยๆก่อนที่จะยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดอย่างไม่แยแสสายตาดูแคลนจากอีกฝ่าย“นึกไม่ถึงว่าเจ้าของงานเลี้ยงในวันนี้จะมีฝีปากคล้ายแม่ค้าแถวๆตลาดที่กอหญ้าเคยไปเลยค่ะ”ประโยคตอบโต้ที่เผ็ดร้อนไร้การให้เกียรติและเกรงใจเจ้าของงานทำให้แพรวรัมภาที่แสร้งทำตัวเป็นเป็นคนดีมีมารยาทมีสีหน้าที่ไม่ชวนมองอีกทั้งดวงตากลมโตยังถลึงใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจอีกด้วยซึ่งถ้าอยู่กันเพียงลำพังแพรวรัมภามั่นใจว่าเธอต้องเข้าไปกระชากหัวอีกฝ่ายพร้อมตวัดฝ่ามือใส่ใบหน้ามั่นๆนั้นจนบวมปูดแน่นอน“ต่อหน้าทำเป็นพูดจาอ่อนหวานลับหลังร้ายกาจสิ้นดีผู้หญิงไร้มารยาทแบบนี้ไม่นานพี่ภีมคงเฉดหัวส่ง”“ดูเหมือนว่าคุณแพรวจะรู้ดีจังเลยนะคะ เมียหลวงก็ไม่ใช่คนใกล้ชิดยิ่งไม่มีทางแค่รู้จักรายทางอย่าสะเออะมาตัดสินใจแทนคนอื่นเขาเลยค่ะว่าเขาจะทำอะไร”“นี่แกกล้าว่าฉันเหรอนังเด็กบ้า”เพราะคิดว่าเป็นงานเลี้ยงของตัวเองอีกทั้งในงานย
เช้าวันนี้กอหญ้ายังคงตื่นแต่เช้าเช่นเคยร่างบางที่สวมเพียงชุดนอนสายเดี่ยวกำลังตัดแบ่งแซนวิชเป็นชิ้นเล็กขนาดพอดีคำอย่างพิถีพิถันพร้อมจัดเรียงใส่กล่องจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปหยิบส้มสายน้ำผึ้งในตู้เย็นมาผ่าแบ่งเป็นสองซีกจนได้จำนวนที่ต้องการจึงลงมือคั้นน้ำส้มและเทใส่ขวดแก้วปิดฝาเรียบร้อยกอหญ้ามองมื้อเช้าที่แสนเรียบง่ายด้วยสายตามีความสุขก่อนที่เธอจะจัดการทำความสะอาดห้องครัวจนกลับสู่สภาพเดิมพร้อมเดินตัวปลิวกลับไปที่ห้องนอนเพื่อจัดการอาบน้ำแต่งตัวสวยๆไปหาภีมวัจน์ที่คอนโดคอนโด Aภีมวัจน์ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างไม่เร่งรีบสองหูก็คอยฟังเสียงกริ่งหน้าห้องที่ตอนนี้ก็ยังคงเงียบกริบคิ้วเข้มของเขาพลันขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อคนที่เขารอคอยอยู่นั้นยังเดินทางมาไม่ถึงสักทีหรือว่าวันนี้เธอจะไม่ว่างกันนะอยู่ ๆ ภีมวัจน์ก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูกมือที่ติดกระดุมคล้ายจะหมดแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความรู้สึกหดหู่แบบนี้มันคืออะไรกันแค่เธอไม่มาเขาถึงกับรู้สึกแบบนี้นี่เขาคงไม่ได้ตกหลุมรักเธอแล้วใช่ไหม?กริ๊งเสียงกริ๊งที่ดังขึ้นคล้ายสัญญาณที่ปลุกให้ภีมวัจน์ตื่นจากภวังค์ความรู้สึกหดหู่ก่อนหน