Share

The devil's Lover ️ เล่ห์รักยัยตัวร้าย <6>เขาเสนอเธอพร้อมสนอง

   “กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”

พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง

“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”

คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!

ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลือดแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย

เธอรู้สึกเกลียดสายตาของกอหญ้ายามที่ปรายตามองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาก่อนที่เธอจะหันหน้ากลับไปมองภีมวัจน์ด้วยสายตาที่แฝงความนัยลึกซึ้งซึ่งภีมวัจน์ก็ไม่ได้หลบสายตาหรือหันหน้าหนีแต่อย่างใดเขายังคงจ้องมองสาวสวยตรงหน้าไม่วางตาแถมยังส่งยิ้มบางๆให้อีกด้วย

หรือจริงๆแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้นั้นไม่ใช่แค่ท่านประธานกับเลขาแต่อาจจะเป็นมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ไม่ได้!!เธอยอมไม่ได้เด็ดขาดเธอจะยอมให้ผู้ชายที่เธอหลงรักมานานตกเป็นของผู้หญิงคนอื่นไม่ได้!!!

“อ้อ แบบนี้นี่เองแม่ก็นึกว่าภีมยังไม่มีคนคอยช่วยงานซะอีก แต่เอ แม่จำได้ว่าไม่เคยเห็นหน้าหนูคนนี้มาก่อนภีมเพิ่งรับเข้ามาใหม่ใช่ไหมลูก”

ถึงแม้ว่าดารัณจะถามภีมวัจน์แต่สายตาของเธอกลับจ้องกอหญ้าที่ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเธอมองสบตาดารัณอย่างไม่หลบเลี่ยงด้วยความท้าทายเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่ดวงตาคู่งามของเธอจะกลับมาเปล่งประกายสดใสเหมือนเดิม

“ใช่ค่ะ กอหญ้าเพิ่งเข้ามาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรกแต่ว่าเราสองคนรู้จักกันมานานแล้วค่ะ ก่อนจะมาฝึกงานคุณภีมเคยเล่าให้กอหญ้าฟังว่าคุณเตชินทร์คือเลขาคู่ใจ ต่อจากนี้ไปกอหญ้าจะพยายามทำหน้าที่ผู้ช่วยคุณภีมให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้เป็นคน...เลขารู้ใจของคุณภีมบ้างค่ะ”

ภีมวัจน์คิ้วกระตุกอีกครั้งเมื่อคำพูดของกอหญ้านั้นคลุมเครือแต่แฝงความนัยที่เขาเข้าใจได้เป็นอย่างดีดวงตากลมโตที่แต่งแต้มอย่างงดงามหันมาจ้องมองเขาอย่างมีความหมายโดยที่ไม่สนใจสายตาของดารัณหรือแพรวรัมภาแม้แต่น้อยดวงตาคู่คมของภีมวัจน์เองก็ลอบสำรวจสาวสวยตรงหน้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้พบกับเธอมานานเกือบหนึ่งเดือน

ผู้หญิงที่แทนตัวเองว่ากอหญ้าเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆคนหนึ่งในความคิดของภีมวัจน์ใบหน้าเรียวรูปไข่ของเธอเนียนสวยชวนมองดวงตาของเธอกลมโตกระจ่างใสบริสุทธิ์แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ชวนให้คนอยากเข้าไปค้นหาผิวของเธอขาวเนียนละเอียดและเนียนนุ่มละมุนราวกับหยกชั้นดีซึ่งข้อนี้ภีมวัจน์รู้ดีมากกว่าใครเพราะเขาสัมผัสเธอมาแล้วทั้งตัว

ส่วนรูปร่างของเธอนั้นก็ชวนมองไม่น้อยไปกว่าใบหน้าของเธอเลยหน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เสียจนภีมวัจน์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึกด้วยความรู้สึกปั่นป่วนที่ช่องท้องความหอมนุ่มละมุนของผิวเนื้อยามสัมผัสเขายังคงจดจำได้ไม่เคยลืม เธอคือผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆคนแต่สำหรับเขาแล้วเธอคือผู้หญิงที่เขาอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลเพียงเพราะรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆแต่แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้ดึงเธอเข้ามาพัวพันกับตัวเองทั้ง ๆ ที่อยากจะหนีไปให้ไกลจากเธอกันนะภีมวัจน์

ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดกอหญ้าเองก็กำลังมองสำรวจผู้ชายที่เธอเคยเอาเงินฟาดหน้าเขาไปด้วยความพึงพอใจส่วนดารัณกับแพรวรัมภานั้นกลับรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ภีมวัจน์กล้าเอาเด็กฝึกงานที่ไม่มีประสบการณ์มาเป็นผู้ช่วยงานแทนเตชินทร์ ทำแบบนี้ไม่เพียงเป็นการปฏิเสธเธออย่างไม่ไว้หน้าแต่กลับเป็นการดูถูกความสามารถของแพรวรัมภาอีกด้วยเธอเรียนจบบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกแต่ภีมวัจน์กลับเลือกผู้หญิงคนนี้ที่เป็นเพียงเด็กฝึกงานเขาทำกับเธอแบบนี้ได้อย่างไร

“ทำไมพี่ภีมถึงไม่เลือกคนที่มีประสบการณ์มาเป็นผู้ช่วยล่ะคะ แพรวเคยไปฝึกงานช่วงซัมเมอร์ในบริษัทใหญ่ที่อเมริกาบ่อยๆที่นั่นเลขาของท่านประธานมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยค่ะ ประสบการณ์สูงมากความสามารถเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ไม่เคยพลาดหรือถึงจะพลาดก็เล็กน้อยเท่านั้น”

คำถามของแพรวรัมภาทำให้ดารัณยิ้มกว้างออกมาด้วยความพึงพอใจหลานสาวของเธอคนนี้ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ภายในกลับซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ไม่เบา

“อ้อ เหรอครับ ที่นั่นคือบริษัทใหญ่ที่น้องแพรวเคยฝึกงานแต่ที่นี่คือบริษัทที่มีพี่เป็นท่านประธานมันก็เลยไม่เหมือนกันครับ”

กอหญ้าอยากจะหัวเราะออกมาให้ดังลั่นห้องเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของสาวสวยที่นั่งอยู่บนโซฟาต่อให้ภีมวัจน์ไม่พูดโต้ตอบกลับไปกอหญ้าก็เตรียมคำพูดที่เผ็ดร้อนเอาไว้โต้กลับคืนอยู่แล้ว ถึงเธอจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแต่เธอกลับผ่านประสบการณ์ทำงานมาอย่างโชกโชนเพราะเธอคือกอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก ถึงเธอจะเกิดมาบนความสุขสบายแต่บิดาและมารดาของเธอกลับฝึกฝนเธอให้รู้จักคิดและตัดสินใจงานใหญ่ด้วยตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอมีอายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้น

“คุณแม่ยังมีธุระอะไรต่ออีกไหมครับพอดีวันนี้ผมค่อนข้างยุ่ง”

ถึงแม้จะเป็นเพียงคำถามทั่วไปแต่ดารัณเข้าใจเจตนาที่แฝงในคำพูดของลูกชายได้เป็นอย่างดีแต่ไหนแต่ไรมาภีมวัจน์ก็ไม่ได้รักหรือผูกพันธ์กับแม่เลี้ยงอย่างเธออยู่แล้วการที่เธอมาหาเขาโดยไม่บอกกล่าวในครั้งนี้เขาก็คงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็ควรจะพาตัวเองกับหลานสาวของเธอกลับไปได้แล้ว

“ไม่มีแล้วจ้ะ วันไหนภีมว่างก็กลับไปทานข้าวกับคุณปู่บ้างนะลูกท่านบ่นคิดถึง…”

พูดมาถึงตรงนี้แขนของดารัณพลันถูกแพรวรัมภาดึงรั้งเบาๆก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่าอีกสองวันข้างหน้าท่านเปรมชัยได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับแสดงความยินดีที่ลูกสาวเรียนจบกลับมาเธอก็รีบขยับปากพูดต่อทันทีด้วยรอยยิ้มละมุนแต่กลับดูเสแสร้งสิ้นดีในสายตาของภีมวัจน์

“แม่เกือบลืมไปเลย วันก่อนคุณหญิงพิณณราให้การ์ดเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับหนูแพรวกับแม่มาสองใบ ใบหนึ่งให้ครอบครัวของเราส่วนใบนี้ฝากมาให้ภีมจ้ะ”

กอหญ้าที่เห็นดารัณหยิบซองใส่การ์ดออกมาจากกระเป๋าก็รีบเดินเข้าไปรับมาจากมือของดารัณทันทีภีมวัจน์ที่เห็นเช่นนั้นได้แต่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆพลางคิดในใจว่าเลขากำมะลอของเขาคนนี้ช่างรู้งานจริงๆเขาไม่ต้องบอกให้ยุ่งยากแต่เธอกลับลงมือทำเลยทันที อืม ดูๆไปก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ

“คุณพ่อบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ภีมเยอะแยะเลยค่ะท่านกำชับมาว่าต้องเชิญพี่ภีมไปที่งานให้ได้เลย”

หลังจากที่ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้แล้วแพรวรัมภาก็รีบเอ่ยขึ้นสำทับโดยยกบิดาขึ้นมาอ้างอย่างจงใจไม่ให้ภีมวัจน์ปฏิเสธคำเชิญไปงานเลี้ยงในครั้งนี้แต่มีหรือที่คนอย่างภีมวัจน์จะแยแสเขาอยากไปเขาก็ไปเขาไม่อยากไปเขาก็ไม่ไปแค่นั้นเองใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเขาทั้งนั้น

“หมดธุระแล้วใช่ไหมครับ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของแพรวรัมภาค่อยๆเลือนหายไปทีละน้อยเมื่อสิ่งที่เธอหวังอยากจะได้ยินกลายเป็นคำถามที่หากไม่ได้คิดอะไรก็คงหมายถึงคำถามทั่วๆไปแต่แพรวรัมภารู้ดีว่าเขาจงใจไล่เธอกับดารัณให้กลับไปได้แล้วทางอ้อม

“หมดแล้วจ้ะยังไงก็อย่าลืมกลับไปเยี่ยมคุณปู่บ้างนะภีม ไปจ้ะหนูแพรวเรามารบกวนเวลาพี่ภีมนานแล้วเรากลับกันดีกว่า”

ใบหน้าที่หม่นเศร้าของแพรวรัมภาชวนให้ดารัณนึกสงสารไม่น้อยแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเจ้าเด็กไม่มีมารยาทคนนี้ทำอะไรไม่เคยไว้หน้าใครอยู่แล้วดีไม่ดีงานเลี้ยงที่ท่านเปรมชัยอุตส่าห์แยกการ์ดเชิญมาให้ต่างหากลูกเลี้ยงของเธอคนนี้ก็คงจะไม่โผล่หัวไปอีกเช่นเคย

“ค่ะคุณป้า แพรวกลับก่อนนะคะพี่ภีม”

แพรวรัมภายกมือไหว้ภีมวัจน์อย่างนอบน้อมก่อนที่เธอจะค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาแต่ก่อนจะเดินจากไปก็ยังไม่วายหันกลับมามองภีมวัจน์ที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองแพรวรัมภาด้วยซ้ำด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะตัดใจเดินจากไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีสนใจเธอเลยสักนิด

“แปะ แปะ แปะ ละครจบแล้วไม่ทราบว่าค่าตอบแทนที่ยอมช่วยคุณในวันนี้คืออะไรมิทราบ”

เมื่อภายในห้องเหลือเพียงหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันตามลำพังกอหญ้าก็ปรบมือดัง ๆ พร้อมก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าภีมวัจน์และเอ่ยถามถึงค่าตอบแทนที่เธอช่วยเขาเล่นละครฉากนี้จนจบด้วยรอยยิ้มยียวนมองก็รู้ว่าจงใจกวนประสาทคนตรงหน้า

“ช่วยแค่นี้ทำเป็นทวงบุญคุณทีเอาเงินฟาดหน้าผู้ชายบอกว่าเป็นค่าตัวไม่เห็นบ่นสักคำ”

วาจาที่คมยิ่งกว่าคมมีดของภีมวัจน์ทำให้ใบหน้ายียวนของกอหญ้าพลันตึงขึ้นมาทันตาก่อนที่เธอจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมเอนตัวไปหาภีมวัจน์ที่ยังคงยืนตัวตรงไม่ยอมหลบแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยเตือนตัวเองว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ดึงเธอเข้ามาช่วยเล่นละครตบตาทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้พบหน้ากันครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น

“เรื่องเงินวันนั้นก็แฟร์ดีไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อเราต่างคนต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตั้งหลายรอบเงินร้อยล้านก็เหมาะสมกับค่าตัวคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะท่านประธานภีมวัจน์”

กอหญ้าปรายตามองป้ายชื่อที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยเรียกชื่อเต็มของเขาด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเดิมทันใดนั้นนิ้วเรียวสวยของเธอก็ยกขึ้นลูบคางของเขาเล่นพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ เมื่ออยู่ใกล้ชิดกันเช่นนี้หนุ่มสาวสองคนต่างรับรู้ได้ถึงกลิ่นกายหอมกรุ่นของกันและกันซึ่งเป็นกลิ่นที่ทั้งคู่ต่างยอมรับอยู่ในใจว่าคุ้นเคยจนชวนให้รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะกอหญ้าที่รู้สึกว่าเขาในวันนี้ดูเหมือนจะมีเสน่ห์มากกว่าเขาในวันนั้นมากทีเดียว

“ผมเป็นผู้ชายผมไม่เสียหายแต่คุณไม่ใช่...”

“เรื่องมันผ่านมาแล้วคุณจะรื้อฟื้นมันขึ้นอีกทำไม? หรือว่าคุณอยากกอดฉันอีกสักหลายๆรอบเหมือนคืนนั้นก็ได้นะฉันไม่ติด”

คำพูดยั่วเย้าที่มาพร้อมรอยยิ้มยั่วยวนของกอหญ้าทำให้ก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายของภีมวัจน์ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถอยหลังไปหนึ่งก้าวทำให้กอหญ้าที่เอนตัวไปหาเขาพลันเสียหลักดีที่มือของภีมวัจน์เอื้อมมาโอบเอวของเธอเอาไว้ก่อนทำให้ตอนนี้ความใกล้ชิดของหนุ่มสาวทั้งคู่เรียกได้ว่าแนบชิดกันมาก

แกรก

แอด

“ท่านประธาน...อ๊าก”

เสียงร้องด้วยความตกใจของผู้ที่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องของภีมวัจน์ทำให้หนุ่มสาวทั้งคู่รีบผละออกจากกันด้วยสีหน้าที่เก้อกระดากทันทีส่วนคนที่เข้ามาเห็นภาพความใกล้ชิดสนิทสนมตรงหน้าได้แต่มองหน้าหนุ่มหล่อสาวสวยสลับกันไปมาด้วยแววตาตกตะลึง

“คุณคนสวย ท่านประธาน”

เตชินทร์เรียกกอหญ้าทีภีมวัจน์ทีด้วยความแปลกใจอาการตกตะลึงในครั้งแรกแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยเมื่อเห็นคนสวยที่เคยจ่ายค่าตัวให้เจ้านายของเขาอยู่ในห้องนี้แถมเมื่อสักครู่ทั้งคู่คล้ายกำลังโอบกอดกันอยู่นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยเตชินทร์งงไปหมดแล้ว

“เสร็จหน้าที่แล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ”

กอหญ้าพยายามสะกดกลั้นความหวั่นไหวเอาไว้พร้อมกับเอ่ยขอตัวและเดินผ่านร่างสูงของภีมวัจน์ไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลยแม้แต่น้อยทำให้ริมฝีปากของภีมวัจน์พลันยกยิ้มน้อยๆด้วยความคิดที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกันว่าตอนนี้เขากำลังคิดและรู้สึกเช่นไรที่ได้กลับมาพบกับแม่สาววันไนท์ตัวแสบคนนี้อีกครั้ง

“ทะ ท่านประธานนั่นมันคนสวยที่เอาเงินฟาดหน้าท่านประธานที่หัวหินไม่ใช่เหรอครับ”

เตชินทร์เอ่ยปากถามภีมวัจน์ที่ทำเพียงปรายตามองเลขาคู่ใจเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานแล้วเงียบอยู่สักพักถึงได้เงยหน้าขึ้นมาถามเตชินทร์ถึงเรื่องเช็คเงินสดหนึ่งร้อยล้านบาทของสาวสวยที่เดินจากไป

“เช็คเงินสดที่เธอให้ตอนนั้นยังอยู่ใช่ไหม”

“อยู่ครับ สภาพยังดีพร้อมขึ้นเงินได้ทุกเมื่อ”

คำตอบของเลขาแสนซื่อทำให้ภีมวัจน์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยความเหนื่อยใจใครเขาอยากจะเอาเช็คนั่นไปขึ้นเงินกันเล่าเขาอยากจะเอามันคืนให้เจ้าของตัวจริงต่างหากเขาไม่ได้จนหรือขาดเงินถึงกับต้องรอเวลาเอาเช็คไปขึ้นเงินหรอกนะ

“ช่วยโทรบอกฝ่ายบุคคลให้ส่งเอกสารเกี่ยวกับเด็กฝึกงานคนนี้มาให้ฉันด่วน ฉันต้องการรู้ข้อมูลที่เกี่ยวกับเธอทั้งหมดส่วนเช็คนั่นเอามาให้ฉัน ๆ จะเป็นคนเอาไปคืนเธอเอง”

ถึงแม้จะยังรู้สึกงุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่เตชินทร์ก็พยักหน้ารับคำสั่งของผู้เป็นนายพร้อมจัดการโทรไปที่ฝ่ายบุคคลทันทีส่วนภีมวัจน์หลังจากที่จัดการกับความคิดวุ่นวายในใจได้แล้วเขาก็หยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาอ่านอีกครั้งด้วยความตั้งใจ

แผนกบริหาร

หลังจากกอหญ้ากลับมาที่แผนกแล้วนัชชาก็รีบลุกขึ้นเดินมาหาเธอทันทีด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าเด็กสาวหายไปนานถึงครึ่งชั่วโมงเธอไม่รู้ว่ากอหญ้าทำอะไรผิดพลาดจนถูกท่านประธานดุเอาหรือเปล่านัชชาจึงได้แต่นั่งรอด้วยความกระวนกระวายใจ

“ทำไมหายไปนานขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

คำถามที่มาพร้อมสีหน้าแสดงความห่วงใยไม่เสแสร้งของนัชชาทำให้กอหญ้าส่ายหน้าไปมาน้อยๆก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและเดินเอาถาดเข้าไปเก็บในห้องครัวโดยที่ไม่ยอมตอบคำถามของนัชชาแต่อย่างใดทำให้ความรู้สึกห่วงใยในทีแรกของนัชชาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความไม่พอใจขึ้นมาทีละน้อยเมื่อเธอถามแต่กลับไม่ได้รับคำตอบ

“พี่ถามเราอยู่นะว่าทำไมถึงหายไปนานขนาดนี้ เราควรจะตอบคำถามพี่ไม่ใช่ส่ายหน้าแทนคำตอบแบบนี้”

น้ำเสียงที่ไม่ได้ผ่อนให้เบาลงแม้แต่น้อยของนัชชาเรียกสายตาของเพื่อนร่วมงานที่กำลังพากันตั้งใจทำงานอยู่ให้หันมามองทั้งสองคนด้วยความสนใจก่อนที่กอหญ้าจะหันมาส่งยิ้มให้นัชชาอย่างยียวน ก่อนหน้านี้เธอยังเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงที่ตนเองหายไปนานคิดไม่ถึงเลยว่าแค่เธอไม่ตอบคำถามรุ่นพี่คนนี้ถึงกับขึ้นเสียงถามเธอด้วยใบหน้าที่ดุดันคล้ายว่าเธอแอบไปทำความผิดใหญ่หลวงมาอย่างไรอย่างนั้นเลย

“ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะแค่อยู่ช่วยงานสำคัญท่านประธานนิดๆหน่อยเท่านั้นพี่นัชชาไม่ต้องเป็นห่วงจนถึงกับต้องขึ้นเสียงถามกอหญ้าแบบนี้ก็ได้ค่ะ”

คำตอบที่ชวนให้เพื่อนร่วมงานจินตนาการแตกต่างกันออกไปกับคำต่อว่าที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมของกอหญ้าทำให้นัชชาถึงกับสะอึกเธอไม่คิดว่าเด็กฝึกงานคนใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาฝึกงานเป็นครั้งแรกของบริษัทจะตอบคำถามเธอได้ก้าวร้าวแบบนี้

“พี่ถามเราดีๆนะกอหญ้า”

“ถ้าพี่นัชชาถามดีๆช่วยลดน้ำเสียงลงให้อ่อนโยนกว่านี้ได้ไหมคะ?ไม่ใช่ขึ้นเสียงและคาดคั้นเอาคำตอบกับกอหญ้าแบบนี้ อีกอย่างสีหน้าไม่ต้องแสดงออกมากขนาดนี้ก็ได้ค่ะมันบ่งบอกถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์ว่าความอดทนของพี่นัชชาไม่ได้มากพอที่จะถามกอหญ้าด้วยความเป็นห่วงจริงๆ”

ท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านที่มาพร้อมใบหน้าที่ยังคงเปื้อนรอยยิ้มของกอหญ้าทำให้เพื่อนร่วมงานต่างพากันมองมาที่นัชชาด้วยสายตาตำหนิติเตียนเรื่องที่เธอขึ้นเสียงและใช้อารมณ์กับนักศึกษาที่เพิ่งมาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรก

“แล้วพี่ถามเราครั้งแรกทำไมไม่ตอบ”

“กอหญ้าส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มนั่นคือไม่มีอะไรค่ะ ถ้ามันมีอะไรมากกว่าการไปเสิร์ฟน้ำให้คุณแม่ของท่านประธานพี่นัชชาไม่ต้องคาดคั้นเอาคำตอบหรอกค่ะกอหญ้าบอกพี่แน่นอน เพราะคนอย่างกอหญ้าไม่ชอบมีความลับ ทราบคำตอบแล้วใช่ไหมคะถ้าอย่างนั้นกอหญ้าขอตัวค่ะ”

จบประโยคเธอก็ส่งยิ้มหวานละมุนให้นัชชาอย่างไม่ถือสาก่อนจะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ทำงานพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาพร้อมนั่งรอคอยงานที่อาจจะได้รับมอบหมายให้ช่วยด้วยความอดทนทิ้งให้นัชชายืนกำมือด้วยความโมโหก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าหนีเด็กสาวที่ไม่แม้แต่จะชายหางตาแลเธอกลับไปนั่งทำงานต่อด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

ห้องทำงานท่านประธาน

“การ์ตรวี เกียรติมงคลรัตน”

นามสกุลที่ไม่คุ้นหูเลยแม้แต่น้อยทำให้คิ้วของภีมวัจน์ขมวดเข้าหากันจนแทบผูกปมสำหรับภีมวัจน์ที่มีอายุเพียง 26 ปีถึงแม้เขาจะเพิ่งก้าวสู่เส้นทางของนักธุรกิจแต่เขากลับรู้จักคนมากหน้าหลายตาซึ่งไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาออกงานสังคมบ่อยแต่เป็นเพราะว่าธุรกิจโรงพยาบาลที่เขาดูแลอยู่นั้นต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงของสังคมอยู่แล้วภีมวัจน์จึงรู้จักใครหลายๆคนผ่านแฟ้มประวัติที่ลูกน้องของเขาไปสืบหาข้อมูลมาให้ยกเว้นเธอคนนี้คนเดียวที่เขาไม่เคยได้ยินทั้งชื่อและนามสกุลมาก่อนเลยสักครั้ง

“นามสกุลไม่ดังแต่เป๋าตังค์หนักฉิบหาย”

ภีมวัจน์พึมพำออกมาเสียงเบาแต่เตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะทำงานของท่านประธานถึงกับวิ่งไปยืนอยู่ข้างๆพร้อมเอนตัวไปอ่านประวัติของกอหญ้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะมีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกนะที่ท่านประธานของเขาจะสบถคำว่าฉิบหายออกมาด้วยสีหน้าที่เจ้าเล่ห์ราวกับเสือหิวแบบนี้

“อะไรคือฉิบหายครับท่านประธานหรือว่าเรารับเธอเข้ามาฝึกงานแล้วจะทำให้บริษัทของเราฉิบหาย”

ปัง

ภีมวัจน์ปิดแฟ้มประวัติของกอหญ้าทันทีเมื่อได้ยินคำถามของเตชินทร์ส่วนคนที่รู้ว่าอารมณ์ของเจ้านายเริ่มจะผีเข้าผีออกแล้วก็รีบวิ่งหางจุกตูดกลับมายืนที่เดิมทันที

“ไม่ถามสักเรื่องจะได้ไหม”

“ก็ผมอยากรู้นี่ครับใครใช้ให้ท่านประธานสบถคำนั้นออกมาเล่า”

คนอยากรู้อยากเห็นยังคงเถียงข้างๆคูๆอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ภีมวัจน์ส่ายหน้าไปมาด้วยความจนใจเมื่อผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิทที่ปล่อยผ่านเรื่องของคนอื่นไปอย่างเมินเฉยแต่กลับอยากรู้ทุกเรื่องราวของเขานี่ไม่ใช่ว่าจะแอบเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ปู่ของเขาฟังหรอกนะ

“พรุ่งนี้จัดการย้ายเด็กคนนี้มาทำงานที่ห้องของฉันทำหน้าที่แทนแกในระหว่างที่ลาพักฟื้นแล้วก็ให้คนมาจัดโต๊ะทำงานของเธอไว้ตรงมุมนี้ด้วย ส่วนรายละเอียดเรื่องงานก็รบกวนสอนให้เธอเข้าใจด้วยว่าต้องทำอะไรบ้าง”

คำสั่งของภีมวัจน์ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวของเตชินทร์กลางวันแสกๆเขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะริมฝีปากที่เตรียมจะพ่นคำถามมากมายออกมาทำเพียงอ้าปากพะงาบ ๆ ด้วยอาการตกตะลึงที่อยู่ ๆ ท่านประธานก็ให้สาวสวยคนนั้นมาแทนที่ตำแหน่งที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต

“ท่านประธาน ท่านจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะครับ”

เตชินทร์วิ่งกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนพื้นพร้อมยื่นมือที่ใช้งานได้ปกติมากอดขาของภีมวัจน์เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ท่านประธานผลักไสไล่ส่งเขา

“ทำอะไรของแกเนี่ยฉันจะทำงาน”

ภีมวัจน์พยายามขยับขาออกจาการเกาะกุมของเตชินทร์ที่จับขาของเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมปล่อยแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามขยับอย่างไรเตชินทร์ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากขาของภีมวัจน์เลย

“ท่านประธานเปลี่ยนไปท่านหลงเสน่ห์ของคนสวยแล้วใช่ไหมครับถึงได้เฉดหัวผมทิ้งอย่างไม่ไยดี ท่านจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะครับ ผมรับใช้ดูแลท่านประธานมาตั้งแต่วันแรกที่ท่านมารับตำแหน่งที่นี่มาจนถึงวันนี้แล้วทำไมอยู่ ๆ วันนี้ท่านประธานถึงได้ทอดทิ้งผมแบบนี้ แง แง ผมไม่ยอม เตชินทร์ไม่ยอม แง”

เสียงร้องไห้งอแงที่ราวกับเด็กสามขวบดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวทำให้ภีมวัจน์รู้สึกเหนื่อยใจมากกว่างานที่กองท่วมหัวตรงหน้าเสียอีก เขาพยายามไม่สนใจเสียงร้องของเตชินทร์และยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารต่อไปพร้อมเซ็นอนุมัติอย่างใจเย็นจนกระทั่งคนที่เอาแต่พร่ำพรรณณาขอความเห็นใจไม่หยุดยอมเงียบเสียงลงภีมวัจน์ถึงได้วางเอกสารในมือลง

“ไปพักผ่อนรักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยกลับมาทำงาน ฉันแค่ให้เขามาช่วยงานชั่วคราวไม่ได้ให้เขามาแทนที่ตำแหน่งของแกซะหน่อยทำเป็นหวงก้างร้องไห้งอแงเป็นเด็กไปได้”

น้ำเสียงที่อ่อนลงแฝงไปด้วยความเอ็นดูทำให้เตชินทร์ที่เข้าใจในความหวังดีของท่านประธานได้แต่พยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เหงาหงอย

“หยุดสามเดือนแถมฟรีโบนัส 10 เท่า”

คำว่าโบนัส 10 เท่าเหมือนเสียงสวรรค์มาโปรดใบหน้าเศร้าสร้อยในทีแรกพลันเปลี่ยนมาฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจดวงตากระจ่างใสของเตชินทร์พลันมองหน้าท่านประธานที่เคารพรักอย่างซาบซึ้งในน้ำใจก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างอารมณ์ดีพร้อมยกหูโทรหาผู้จัดการแผนกฝ่ายบุคคลเพื่อจัดการเรื่องที่ภีมวัจน์สั่งทันทีอย่างไม่รีรอ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status