เสียงหอบหายใจที่ไม่คิดจะอำพรางเสียงให้เบาลงเลยแม้แต่น้อยทำให้กอหญ้าที่มึนเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ถึงกับพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากเพื่อมองหาที่มาของเสียงครางกระเส่าและลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่าราดรินรดอยู่ข้างแก้มเนียนของเธอภายใต้ความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์กลมโตที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบร่างของใครบางคนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของเธอทำให้กอหญ้าขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความแปลกใจก่อนที่เธอจะหลงเคลิ้มคิดไปว่านี่คือความฝันที่ชวนให้รู้สึกหวาบหวามจนแทบไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิดดวงหน้าสวยเฉี่ยวที่สะกดตาสะกดใจสิงห์หนุ่มเสือร้ายทั้งหลายพลันเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่บางเบาราวกับขนนกแต่กลับทำให้เธอเสียวสะท้านจนกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว นี่คือความฝันกอหญ้าเพียรพยายามตอกย้ำตนเองด้วยรอยยิ้มละมุนละไมที่ฉายอยู่บนใบหน้าสองมือนุ่มนิ่มพลันลูบไล้แผ่นหลังที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างสะเปะสะปะราวกับกำลังตอบสนองต่อสัมผัสที่ชวนให้โหยหาและความปรารถนาที่ซ่อนเอาไว้ลึกสุดของก้นบึ้งหัวใจ“อ๊า เธอกำลังจะทำให้ฉันคลั่งนะคนสวย”ภีมวัจน์ครางเสียงกระเส่าด้วยความรู้สึกเสียวซ่านเมื่อมื
เช้าวันต่อมาความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้กอหญ้าค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปหาความอบอุ่นที่เธอซุกตัวนอนหลับมาตลอดทั้งคืนกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นจมูกดั่งนาฬิกาปลุกที่ชวนให้เด็กสาวค่อยๆลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายราวกับถูกรถขนาดใหญ่บดทับจนรู้สึกร้าวไปทุกส่วนกลิ่นหอมที่ยังคงลอยมาแตะจมูกทำให้กอหญ้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นจนกระทั่งหน้าผากของเธอสัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่นุ่มหยุ่นราวกับก้อนเต้าหู้เด็กสาวถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเผยความละอายใจออกมานี่เมื่อคืนเธอเมามากจนเผลอเข้ามานอนห้องของผิงผิงเลยเหรอเนี่ย แต่เอ๊ะ!! หรือว่าเมื่อคืนเธอเผลอมีเรื่องตบตีกับสายขิมจนถูกผิงผิงลากกลับห้องมานะกอหญ้าขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามนึกเท่าไรเธอก็นึกไม่ออกในขณะที่กำลังว้าวุ่นใจคนข้างกายที่กำลังนอนหลับสนิทก็พลันขยับเข้ามาใกล้ๆพร้อมดึงเธอเข้ามาซุกตรงซอกคอของเขาทำให้ความคิดที่กำลังจมดิ่งวนอยู่ในอ่างเล็กที่ยังหาคำตอบไม่ได้ของกอหญ้าพลันกลับคืนมา“นอนดีๆหน่อยได้ไหมผิงผิง”กอหญ้าเอ่ยบอกคนข้าง ๆ ที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทพร้อมขยับใบหน้าออก
“กะ กรี๊ด อุ๊ป”กอหญ้ารีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้ทันทีเมื่อเธอเผลอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพฉากเมคเลิฟที่ร้อนแรงยิ่งกว่าหนังเอวีที่เคยดูระหว่างเธอกับเขาก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบมองร่างสูงของคู่กรณีที่กำลังนอนหลับสนิทคล้ายอิ่มเอมใจที่ได้เชยชมเธอตลอดราตรีที่ผ่านมาสองมือที่ยกขึ้นปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนาพลันเงื้อขึ้นสุดแรงด้วยความโมโหในจังหวะที่มือของกอหญ้าใกล้จะสัมผัสกับใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังนอนหลับอยู่กอหญ้าก็พลันยั้งมือของตัวเองเอาไว้อย่างกะทันหันเมื่อรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาหล่อขนาดนี้เธอทำใจให้หน้าของเขามีรอยแดงจากฝ่ามือของเธอไม่ได้จริงๆคิดได้ดังนั้นกอหญ้าจึงค่อยๆลดมือลงและทิ้งแนบลำตัวในที่สุด“เฮ้อ เจอคนหล่อมาตั้งเยอะแยะแต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อขนาดนี้นะ” กอหญ้าถอดถอนใจด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ผู้ชายที่หน้าตาแต่ทำไมเธอถึงตัดใจประทุษร้ายผู้ชายที่มอบรอยราคีคาวให้เธอคนนี้ไม่ลงกันนะกอหญ้าครุ่นคิดด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ปกติแล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายที่หลงใหลผู้ชายหน้าตาดีเลยแม้แต่น้อยต่อให้หล่อแค่ไหนกอหญ้
“นี่คุณเดินช้าๆหน่อยได้ไหม” กอหญ้าเอ่ยท้วงร่างสูงที่เอาแต่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจกลางความเป็นสาวจนแทบจะเดินไม่ไหวส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังกึ่งจูงกึ่งลากมือของเธอให้เดินตามเขาไปพลันชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขารีบปล่อยมือของกอหญ้าให้เป็นอิสระทันที ไออุ่นที่มือเรียวเล็กของเธอได้รับก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไปเมื่อร่างสูงของคนตรงหน้าปล่อยมือกอหญ้ากะทันหันทำให้หญิงสาวนึกเสียดายไม่น้อยคนบ้านึกอยากจะจับก็จับนึกอยากจะปล่อยก็ปล่อยกอหญ้าแอบค่อนขอดภีมวัจน์อยู่ในใจปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาจับมือถือแขนตามอำเภอใจถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแต่สำหรับผู้ชายที่กำลังยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย่อหยิ่งคนนี้ความคิดที่อยากจะกระชากมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ของเขานั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อยนี่เธอคงไม่ได้หลงเสน่ห์ของเขาจนหน้ามืดตามัวไปแล้วใช่ไหม?กอหญ้าลอบถามตัวเองอยู่ในใจพร้อมใช้ดวงตากลมโตมองสบสายตาของคนตรงหน้าที่ก็กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาไร้ความอบอุ่นทำให้หญิงสาวได้แต่นึกหมั่นไส้ก่อนที่ภาพความทรงจำระหว่างเธอและเขาจะผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้งเมื่อคืนร้อนแร
หลังจากกอหญ้าหันหลังเดินจากมาอย่างไม่ใยดีเธอก็ย้อนกลับมาที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินเข้าด้านในใครบางคนที่เฝ้ารอการกลับมาของเธออยู่นานแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมายืนขวางทางเดินของเธอเอาไว้ทำให้เรียวขาสวยของกอหญ้าพลันต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อยสายขิมที่พุ่งออกมาขวางทางกอหญ้าค่อยๆไล่สายตามองตั้งแต่หน้าผากกว้างขาวผ่องเกลี้ยงเกลาลงมายังคิ้วที่วาดให้โก่งงามดุจกิ่งลิ่วและค่อยๆเคลื่อนผ่านแพขนตางอนยาวที่ไร้การปัดแต่งไล่ระดับลงมาจนถึงจมูกโด่งรั้นที่บอกเธอว่าคนตรงหน้านั้นค่อนข้างมีนิสัยดื้อรั้นและไม่ยอมใครเช่นเดียวกับเธอสุดท้ายสายขิมจึงหยุดสายตาอยู่ที่ริมฝีปากแดงนุ่มของกอหญ้าที่ไม่รู้ไปทำอะไรมาถึงได้ดูบวมขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด“แกรู้จักกับพี่ภีมได้ยังไง”คิ้วงามของกอหญ้าขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถามที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจซึ่งแฝงเอาไว้ด้วยความอิจฉาริษยาเมื่อเห็นว่าภีมวัจน์จูงมือของกอหญ้าออกไปจากห้องอาหารของโรงแรม“ภีมไหน ใครคือภีมแล้วฉันรู้จักด้วยเหรอ?”กอหญ้าเอ่ยถามศัตรูคู่อริของเธอด้วยสีหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม
AK Groupร่างสูงของภีมวัจน์ที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารที่ตั้งของ AK Group นั้นดึงดูดสายตาของพนักงานสาวให้หันไปมองด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอายราวกับกำลังถูกสายตาของภีมวัจน์จ้องมองทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมองใครด้วยซ้ำถึงแม้ใบหน้าของภีมวัจน์จะเย็นชาไร้รอยยิ้มแต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้สาวๆแอบมองไม่รู้เบื่อ บางคนแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างมีความหวังว่าเขาจะหันกลับมามองตนเองบ้างสักครั้งส่วนบางคนก็แอบมองพร้อมคิดวางแผนหาวิธียั่วยวนเพื่อให้เขาหันมาสนใจทั้ง ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดีภีมวัจน์ไม่เคยชายตามองสาวๆในบริษัทของตนเองเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่งท่านประธานบริษัทต่อจากบิดาที่ล่วงลับไป“ก็บอกแล้วไงว่าให้หยุดพักผ่อนจนกว่ามือจะหายดีทำไมแกถึงได้พูดยากแบบนี้นะเตชินทร์”ถึงแม้น้ำเสียงของภีมวัจน์จะฟังดูเย็นชาคล้ายไม่ใส่ใจแต่เตชินทร์กลับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ท่านประธานมีต่อเขาได้เป็นอย่างดี“ผมเป็นห่วงท่านประธานนี่ครับถ้าหากว่าผมไม่อยู่ท่านจะต้องทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนแน่นอน อีกอย่างไม่มีใครที่รู้ใจท่านเท่าผมอีกแล้ว จำไม่ได้เหรอครับคนก่อนๆที่มาช่วยงานระหว่างที่ผมป่วยท่านก็บอกว่าชอ
“กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลื
หลังจากการฝึกงานในวันแรกจบลงกอหญ้าก็หยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานและเดินออกมาจากแผนกทันทีโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาตามหลังเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานบริษัทสักหน่อยในเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนสิจริงไหมรอให้เธอเป็นพนักงานหรือเจ้าของบริษัทเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะอยู่ทำงานจนโต้รุ่งแน่นอน ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินมาที่ลานจอดรถรีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดรับสายทันทีเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือแม่แก้มใสสุดที่รักของเธอนั่นเองแก้มใส : ฮายลูกสาวคนสวยของแม่ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเอ่ย?น้ำเสียงสดใสร่าเริงเอ่ยทักทายลูกสาวคนเล็กอย่างอารมณ์ดีกอหญ้า : มีแต่เรื่องสนุกๆเลยค่ะแม่แก้มเมื่อพูดถึงเรื่องสนุกใบหน้าของภีมวัจน์ก็พลันแวบเข้ามาในหัวทำให้รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของกอหญ้าอย่างไม่รู้ตัวแก้มใส : นั่นไงไปฝึกงานวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลยใช่ไหมนางมารน้อยของแม่น้ำเสียงหยอกเย้าของมารดาทำให้แก้มใสหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันที่มารดาเรียกเธอตามฉายาที่พี่ชายรามสูรของเธอตั้งให้กอหญ้า : ลูกสาวของแม่แก้มน่ารักมากๆต่า