หลังจากกอหญ้าหันหลังเดินจากมาอย่างไม่ใยดีเธอก็ย้อนกลับมาที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินเข้าด้านในใครบางคนที่เฝ้ารอการกลับมาของเธออยู่นานแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมายืนขวางทางเดินของเธอเอาไว้ทำให้เรียวขาสวยของกอหญ้าพลันต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อย
สายขิมที่พุ่งออกมาขวางทางกอหญ้าค่อยๆไล่สายตามองตั้งแต่หน้าผากกว้างขาวผ่องเกลี้ยงเกลาลงมายังคิ้วที่วาดให้โก่งงามดุจกิ่งลิ่วและค่อยๆเคลื่อนผ่านแพขนตางอนยาวที่ไร้การปัดแต่งไล่ระดับลงมาจนถึงจมูกโด่งรั้นที่บอกเธอว่าคนตรงหน้านั้นค่อนข้างมีนิสัยดื้อรั้นและไม่ยอมใครเช่นเดียวกับเธอสุดท้ายสายขิมจึงหยุดสายตาอยู่ที่ริมฝีปากแดงนุ่มของกอหญ้าที่ไม่รู้ไปทำอะไรมาถึงได้ดูบวมขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด
“แกรู้จักกับพี่ภีมได้ยังไง”
คิ้วงามของกอหญ้าขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถามที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจซึ่งแฝงเอาไว้ด้วยความอิจฉาริษยาเมื่อเห็นว่าภีมวัจน์จูงมือของกอหญ้าออกไปจากห้องอาหารของโรงแรม
“ภีมไหน ใครคือภีมแล้วฉันรู้จักด้วยเหรอ?”
กอหญ้าเอ่ยถามศัตรูคู่อริของเธอด้วยสีหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มดวงตาที่กระจ่างใสงดงามจ้องมองสายขิมด้วยสายตาเย็นชาระคนเอือมระอาที่อีกฝ่ายคอยจ้องจับผิดและหาเรื่องเธออยู่ตลอดเวลา
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาหน่อยเลย ยอมให้เขาจูงมือออกไปจากห้องอาหารขนาดนั้นถ้าแกไม่รู้จักเขาแล้วเรียกว่าอะไร อ้อ หรือว่าเป็นแค่คู่นอนของพี่ภีมเมื่อคืน”
ยามที่เอ่ยว่ากอหญ้าเป็นเพียงคู่นอนของภีมวัจน์ดวงตาของสายขิมเต็มไปด้วยแววยิ้มเยาะส่งผลให้มุมปากของกอหญ้าพลันยกขึ้นน้อยๆรอยยิ้มที่เหมือนมีเหมือนไม่มีผุดขึ้นเพียงวูบหนึ่งเท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงรอยยิ้มแฝงแววเสียดสีอันแสนคุ้นตา
“อ้อ ไม่ยักรู้ว่าผู้ชายที่จูงมือฉันออกไปกินข้าวสองต่อสองก็คือพี่ภีมของเธอนั่นเอง ทำไม?เธอชอบพี่เขาเหรอถึงได้ตั้งใจมาดักรอฉันเพื่อถามเรื่องของฉันกับเขา”
กอหญ้าแกล้งลากเสียงยาวอย่างต้องการกวนประสาทคนตรงหน้าที่ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินว่าผู้ชายที่เธอแอบรักเขามาเนิ่นนานจะพากอหญ้าออกไปทานมื้อเช้ากันสองต่อสอง ส่วนกอหญ้าที่พอจะมองเรื่องราวบางอย่างได้ทะลุประโปร่งรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยแววเสียดสีกลับระยิบระยับเป็นประกายขึ้นทุกทีอย่างจงใจยั่วโทสะของอีกฝ่ายให้ระเบิดออกมา
“นี่แกจงใจอ่อยพี่ภีมให้เขาหลงเสน่ห์ของแกใช่ไหม?นังกอหญ้า”
คำพูดกล่าวหาที่แสนโง่งมของสายขิมทำให้กอหญ้าเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่คิดที่จะไว้หน้าอีกฝ่ายที่กระทืบเท้าเต้นเร่า ๆ ราวกับตัวตลกชวนให้ผู้ที่พบเห็นต่างพากันหลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“คนสวยแบบฉันไม่จำเป็นต้องอ่อยพี่ภีมอะไรนั่นให้เสียเวลาหรอกนะสายขิม ดีไม่ดีพี่ภีมของเธอเขาอาจจะแอบชอบฉันมาก่อนก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ เธอก็เห็นเต็มสองตาไม่ใช่เหรอว่าเขาเป็นคนจูงมือฉันเดินออกไป ใครอ่อยใครคนที่มีสมองแบบเธอคงไม่โง่จนมองไม่หรอกออกนะ”
ยามที่เอ่ยคำพูดทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายแววตาของกอหญ้าพราวระยิบระยับอย่างนึกสนุกที่ได้ยั่วโทสะของอีกฝ่ายที่กำลังโมโหจนตัวสั่นเทิ้มราวกับถูกผีสิง
“แก นังกอหญ้าต่อไปนี้แกห้ามยุ่งกับพี่ภีมเด็ดขาดไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
ได้ยินประโยคนี้สีหน้าของกอหญ้าพลันเข้มครึมลงทันควันในก้นบึ้งดวงตาพลันปรากฏริ้วโทสะอยู่จางๆก่อนที่เธอจะย่างสามขุมเข้าไปหาสายขิมที่เผลอถอยหลังไปตามจังหวะที่ก้าวมาข้างหน้าของกอหญ้าด้วยความหวาดกลัวแต่ก็ยังฝืนเชิดหน้าใส่คนตรงหน้าราวกับว่าไม่เกรงกลัวเสียอย่างนั้น
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งว่าฉันต้องทำอะไรเป็นคนในครอบครัวของฉันไหมก็ไม่เลย แล้วถือดีอะไรมาบอกคนอื่นให้ทำตามคำพูดของตัวเอง ฉันจะยุ่งกับเขาหรือเขาจะยุ่งกับฉันมันก็คือเรื่องของฉันคนนอกอย่างเธอไม่ต้องยื่นมือเข้ามาเสือก”
น้ำเสียงดุดันเย็นชาเอ่ยบอกสายขิมที่กำหมัดแน่นด้วยความโมโหก่อนที่กอหญ้าจะเดินชนไหล่สายขิมจนเธอกระเด็นไปอีกทางอย่างไม่ใส่ใจทิ้งให้คนข้างหลังได้แต่จ้องมองแผ่นหลังบอบบางที่เดินจากไปด้วยสายตาเคียดแค้น
ห้องอาหาร
“ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ถูกหนุ่มหล่อฉุดกระชากลากตัวไปบอกมาเดี๋ยวนี้นะนังตัวดี”
ทันทีที่กอหญ้านั่งลงซันนี่ที่เห็นภาพเพื่อนสาวถูกลากออกไปจากห้องอาหารต่อหน้าต่อตาก็เอ่ยถามกอหญ้าด้วยแววตาพราวระยับคล้ายอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
เรื่องนี้มีเงี่ยนงำ อุ้ย!! เงื่อนงำค่ะทุกคนซันนี่ฟันธง
“ก็ไม่มีอะไรมากแค่มีเรื่องต้องเคลียร์กันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ระหว่างที่ตอบคำถามของเพื่อนสนิทกอหญ้าพลันหลุบตาลงมองมือเรียวบางของตัวเองที่วางอยู่บนเข่าพร้อมกับอดคิดถึงสายตาที่ร้อนแรงดุจไฟลามเลียไปทั่วร่างกายเธอของเขาเมื่อคืนไม่ได้
“ฮันแหน แค่ตอบคำถามทำไมมึงต้องหลบตากูกับซันนี่ด้วยแบบนี้มีพิรุธเห็นๆ”
ผิงผิงที่นั่งสังเกตุท่าทางของกอหญ้าอยู่ตลอดเวลาเอ่ยท้วงเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มและแววตาล้อเลียนแต่กอหญ้ากลับมีสีหน้าเรียบสนิทดังเดิมคล้ายว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผิงๆกำลังพูดซึ่งการกระทำที่แสนคุ้นเคยของเพื่อนสนิททั้งผิงผิงและซันนี่ต่างมองออกว่าเพื่อนของเธอนั้นแสร้งทำ
คบกันมายาวนานถึง 4 ปีผ่านเรื่องราวมากมายด้วยกันมาตั้งเท่าไรโดยเฉพาะยามที่กอหญ้าไม่อยากเอ่ยถึงใครเพื่อนของพวกเธอก็จะแสร้งหลุบตาลงต่ำแบบนี้ทุกครั้งลูกไม้ตื้นๆพวกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับพวกเธอเลยแม้แต่น้อยการต์รวี
“พิรุธบ้าบออะไรของพวกมึงกูก็บอกไปแล้วไงว่ามีเรื่องต้องเคลียร์กับเขานิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ถึงแม้ว่าทั้งผิงผิงและซันนี่จะรู้จักกับกอหญ้ามานานแต่ความรู้สึกที่เดาไม่ได้มองไม่ออกที่ซ่อนอยู่ภายใต้สีหน้าที่ติดจะเย็นชาของเพื่อนสาวก็ทำให้ทั้งคู่นั้นได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ผิงผิงไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาจนมองการกระทำและสีหน้าของคนไม่ออก
ที่ผ่านมาเธอรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนมาตลอดแต่กับเพื่อนสนิทคนนี้เธอกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับความเย็นชาที่ทำให้เธอมองไม่ออกถึงความรู้สึกนึกคิดของกอหญ้าอยู่บ่อยครั้งซึ่งทุกครั้งผิงผิงล้วนไม่เก็บมาใส่ใจแต่สำหรับเรื่องของภีมวัจน์กับกอหญ้านั้นเธอจะปล่อยผ่านและแกล้งไม่ใส่ใจไม่ได้เด็ดขาด
ผู้ชายที่กำลังเป็นที่จับตามองจากแวดวงนักธุรกิจและสังคมไฮโซความสามารถที่เก่งกาจรวมไปถึงหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายเสียยิ่งกว่าดาราชื่อดังขนาดนี้เธอจะมองผ่านเขาไปได้อย่างไรเล่า เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องราวของทั้งสองคนนั้นสรุปแล้วมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ถึงได้มีภาพกึ่งจูงกึ่งลากกันออกไปจากห้องอาหารโดยที่ไม่แคร์สายตาคนรอบข้างเลยสักนิด
ในขณะที่ผิงผิงกำลังหมายมั่นปั้นมือจะง้างปากกอหญ้าให้คายความจริงออกมาให้ได้ซันนี่กลับเอาแต่นิ่งเงียบและมองสำรวจร่างกายของเพื่อนสาวคล้ายไม่ใส่ใจ ก่อนที่สายตาของเธอจะถูกตรึงไว้ให้หยุดจ้องมองรอยแดงจางๆที่โผล่พ้นหน้าอกมาเล็กน้อยซึ่งถ้าไม่สังเกตุดีๆไม่มีทางเห็นแน่นอน
ซันนี่สะดุ้งเฮือกหนึ่งด้วยความตกตะลึงเธอรู้สึกประหลาดใจจนพูดไม่ออกความคิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวพลันหลั่งไหลเข้ามาจนไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ เธอพยายามเปลี่ยนความรู้สึกที่ตื่นตระหนกให้สงบนิ่งก่อนที่จะแกล้งเอ่ยปากบอกเพื่อนทั้งสองคนว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำแต่จริงๆแล้วในตอนที่เธอใกล้จะเดินผ่านกอหญ้าไปมือเรียวขาวบอบบางที่ดูคล้ายผู้หญิงทุกกระเบียดนิ้วก็พลันยื่นมาพลิกเปิดปกคอเสื้อของกอหญ้าออกด้วยความรวดเร็วทำให้เธอเห็นหลักฐานที่ไม่มีเสียงปรากฏอยู่บนเนินอกของเพื่อนสาวเต็มไปหมดริมฝีปากอวบอิ่มจึงได้แต่อ้ากว้างจนกรามแทบค้างด้วยความตกตะลึง
ฟึ้บ
การกระทำของซันนี่นั้นเหนือความคาดหมายของกอหญ้าไปมากทีเดียวหัวใจของเธอพลันเต้นแรงพวงแก้มเนียนพลันแดงก่ำอย่างไร้สาเหตุก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นพร้อมปัดมือของซันนี่ออกจากคอเสื้อของเธอและรีบเก็บความเขินอายกลับคืนเหลือเพียงสีหน้าที่เรียบสนิทดังเดิมส่วนคนที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำหลังจากที่สติกลับคืนมาแล้วซันนี่ก็รีบเดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมมองหน้ากอหญ้าด้วยสายตากรุ้มกริ่มทันที
“สรุปว่าเรื่องที่มึงต้องเคลียร์กับคุณภีมคือเรื่องรอยแดงพวกนั้นใช่ไหม”
ซันนี่เอ่ยถามกอหญ้าด้วยรอยยิ้มล้อเลียนดวงตาคู่งามนั้นจ้องมองใบหน้าที่สวยราวกับเจ้าหญิงของเพื่อนสนิทอย่างมีเลศนัยส่วนผิงผิงที่เริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็มองมาที่กอหญ้ายิ้มๆเช่นกัน ถึงแม้ท่าทีของทั้งสองคนจะดูผ่อนคลายสบายๆแต่กอหญ้ากลับรับรู้ได้ถึงความกดดันและคาดคั้นอยู่ในแววตาของคนทั้งคู่ที่กำลังมองมาที่เธอ
“ใช่ เรื่องที่ต้องไปเคลียร์ก็คือเรื่องรอยแดงพวกนี้ที่เขาเป็นคนทำ”
ถึงแม้ในใจจะรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเพราะเธอมักจะระมัดระวังตัวยามที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายเสมอแม้กระทั่งเพื่อนผู้ชายในห้องกอหญ้ายังรักษาระยะห่างและขีดเส้นแบ่งความเป็นเพื่อนอย่างชัดเจนแต่สำหรับผู้ชายคนนั้นเธอพบว่าตัวเองไม่สามารถต้านท้านเสน่ห์ของเขาได้เลยต่างหากถึงได้ยินยอมให้เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้นโดยที่คิดว่าเป็นเพียงแค่ความฝันแถมเธอยังคิดว่ามันเป็นฝันที่ดีมากอีกต่างหาก
“นะ นี่ นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงกับเขา เอ่อ”
ผิงผิงเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกลั้นหายใจรอฟังคำตอบของกอหญ้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นส่วนมือที่เคยวางอยู่บนพนักพิงกลับยกขึ้นใช้นิ้วชี้สองข้างถูไถกันไปมาซึ่งผิงผิงไม่ต้องอธิบายกอหญ้าก็เข้าใจความหมายที่เพื่อนอยากจะสื่อทันที
“อืม เมื่อคืนเมามากขึ้นไปผิดชั้นพอเดินไปใกล้จะถึงห้องที่คิดว่าเป็นห้องพักของตัวเองก็ถูกเขาเดินมากระชากตัวเข้าไปในห้องแล้วหลังจากนั้นก็ตามนั้นแหละ”
เมื่อข่มกลั้นความอายจนเหลือเพียงสีหน้าเย็นชาและเพิ่มความหนาของใบหน้าเข้าไปอีกหนึ่งชั้นกอหญ้าก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เพื่อนสนิททั้งสองคนฟังด้วยท่าทีสบายๆคล้ายไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่กลับทำให้ผิงผิงกับซันนี่กรีดร้องออกมาลั่นห้องอาหารด้วยความรู้สึกตื่นเต้นตกใจจนควบคุมเสียงร้องไม่ให้หลุดออกมาไม่ได้จริงๆ
“มึงกับเขาจริงๆเหรอเนี่ย โอ๊ยกูอิจฉา อิจฉาจริงๆ ทำไมคุณภีมเขาไม่ชอบผู้ชายบ้างนะกูจะได้เสนอตัวให้เขาปู้ยี่ปู้ยำแบบไม่ต้องจ่ายค่าตัวเลยสักแดงเดียว”
ซันนี่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์เพ้อฝันในหัวพลันจิตนาการถึงรูปร่างสูงโปร่งของภีมวัจน์ที่ซ่อนมัดกล้ามไว้ภายใต้เสื้อผ้าที่สวมใส่ไปจนถึงใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่หล่อติดอันดับโลกของเขาแล้วก็ให้รู้สึกซู่ซ่าจนแทบอยากจะออกไปหาใครสักคนมาฟัดนัวเนียให้หนำใจ
ผู้ชายที่มี sex appeal สูงแบบเขาใครๆก็อยากได้และอยากครอบครองทั้งนั้นรวมถึงซันนี่ด้วยที่ถึงแม้ตัวจะเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงแต่เธอก็ยังคงละเมอเพ้อฝันถึงเขาอยู่บ่อยๆทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
“อีเพื่อนเลว กอหญ้าเสียตัวให้เขามันน่ายินดีตรงไหนเขาได้เพื่อนเราไปฟรีๆแถมยังเป็นผู้ชายคนแรกอีกถ้ากูเป็นมึงนะกูจะต่อยให้ฟันร่วงไปเลย”
จากความตื่นเต้นดีใจเพียงชั่วขณะเมื่อผิงผิงคิดถึงเหตุและผลแล้วในฐานะที่เธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเธอกลับรู้สึกโกรธเคืองและโมโหภีมวัจน์ไม่น้อย ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของกอหญ้าทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนสาวนั้นหวงแหนมากแค่ไหน 4 ปีที่ผ่านมาแม้แต่จับมือยังไม่มีผู้ชายคนไหนได้สัมผัสเลยแล้วไอ้คุณภีมวัจน์นี่เป็นใครกันถึงได้กล้าทำลายความบริสุทธิ์ของเพื่อนเธอให้แปดเปื้อนไปด้วยรอยราคีคาวแบบนี้
“มึงจะบ้าเหรอผิงผิง นั่นคุณภีมวัจน์เชียวนะสาวๆทุกแวดวงสังคมต่างพากันจ้องเขาตาเป็นมันแต่เขาไม่เคยชายตาแลใครเลยสักคน ตำแหน่งคนข้างหมอนของเขาตอนนี้พวกสาวๆต่างพากันแย่งเสนอตัวกันทั้งนั้นถ้าฉันเป็นผู้หญิงก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้น มึงเองก็ชื่นชมเขามากไม่ใช่หรือไงกูเคยได้ยินคุณหญิงรักษิกาเคยเปรยๆว่าอยากได้คุณภีมเป็นลูกเขยแต่คงไม่มีวาสนาเพราะลูกสาวของท่านนั้นไม่มีอะไรดึงดูดคุณภีมได้เลยสักนิด”
ดวงตาคู่สวยที่แพรวพราวระยิบระยับในยามที่เอ่ยถึงภีมวัจน์ของซันนี่ทำให้ผิงผิงรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากเธอยื่นมือไปฟาดลงบนแขนของซันนี่อย่างแรงด้วยความโมโหที่พูดถึงเรื่องที่เธอชื่นชอบภีมวัจน์ ส่วนกอหญ้าที่นั่งตรงข้ามกับเพื่อนทั้งสองคนไม่ได้เอ่ยแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเธอเพียงนั่งนิ่งๆรับฟังเรื่องราวของผู้ชายคนนั้นเงียบๆเท่านั้น
“มึงจะชอบเขาต่อก็ชอบไปแต่กูคนหนึ่งแหละที่ไม่ขอชื่นชมเขาอีกต่อไปเขาไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้ากอหญ้ามาก่อนด้วยซ้ำ แล้วทำไมเขาถึงได้กล้าลากกอหญ้าเข้าไปในห้องแล้วก็ ก็ทำแบบนั้นเขาแม่งไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยจริงๆ”
ผิงผิงเอ่ยต่อว่าภีมวัจน์ด้วยความโมโหระคนโกรธเคืองจนยากที่จะทำใจชื่นชมเขาได้อีกต่อไปที่ผ่านมาเธอเคยเห็นเขาตามงานสังคมเพียงสองสามครั้งซึ่งงานเหล่านั้นล้วนเป็นงานใหญ่แต่คนที่โดดเด่นและสะดุดตามากที่สุดกลับมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แต่ความชื่นชอบของเธอไม่ใช่ในเชิงชู้สาวเธอชอบที่เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงเท่านั้นส่วนความรู้สึกระหว่างหญิงชายผิงผิงกลับไม่ได้คิดอะไรกับเขาเกินเลยแม้แต่นิดเดียว
“เออจริงสิ แล้วทำไมอยู่ ๆ เขาถึงได้ลากมึงไปขย้ำในห้องทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำอีกอย่างผู้ชายแบบเขาไม่ใช่พวกที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหรือถ้าจะบอกว่าเขาเป็นพวกมักมากในกามก็ไม่น่าจะใช่ เพราะที่ผ่านมามีผู้หญิงมากมายที่จงใจสร้างกับดักขึ้นมาเพื่อให้เขาตกหลุมพรางแต่เขากลับไม่เคยพลาดท่าให้ใครเลยสักครั้งแล้วทำไมกับมึงเขาถึงได้ทำตัวเหมือนพวกหมาป่าหิวโซขนาดนี้”
ซันนี่เอ่ยถามกอหญ้าด้วยความสงสัยพร้อมทั้งคิดวิเคราะห์ถึงนิสัยของภีมวัจน์ในมุมมองที่เธอรู้จักเพราะซันนี่ไม่ได้ชอบเขาแค่เพียงวันสองวันแต่เธอชอบและติดตามเขามานานถึง 4 ปีแล้วต่างหาก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวหรืออยู่ในแวดวงการเดียวกับเขาแต่ข่าวที่เธอได้ยินมานั้นยังไม่เคยมีใครพูดถึงเขาว่าเป็นพวกประเภทชอบฉุดผู้หญิงเข้าห้องเลยสักคน
“หึ เขาคิดว่ากูเป็นผู้หญิงที่นัดเอาไว้น่ะสิถึงได้ลากกูเข้าห้องไปแบบไม่ถามกูเลยสักคำ”
กอหญ้าตอบคำถามของเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าที่เย็นชาเรียบเฉยเหมือนเดิมแต่ซันนี่กลับรู้สึกว่าคำตอบของกอหญ้านั้นมีอะไรแปลกๆแต่เธอไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหนแค่นั้นเอง
“เขาลากมึงเข้าไปแล้วทำไมมึงไม่ขัดขืน ปกติมึงไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมให้ใครลากเข้าห้องง่ายๆนะกอหญ้า”
เปาะ
เสียงดีดนิ้วของซันนี่ดังขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดทักท้วงของผิงผิงที่จริงแล้วคำตอบที่ดูแปลกๆของกอหญ้าก็คือเรื่องนี้นี่เอง
“ใช่ ต่อให้มึงเมาแค่ไหนมึงก็ไม่เคยขาดสติจนยอมให้ใครลากเข้าห้องได้ง่ายๆแบบนี้เลยสักครั้งแล้วไหนจะยังวิชาป้องกันตัวที่เก่งกาจของมึงอีก แล้วทำไมกับคุณภีมมึงถึงได้ยอมให้เขาจูงมือเข้าห้องไปโดยที่ไม่ลงมือซ้อมเขาเหมือนผู้ชายคนอื่นที่ผ่านมาเลยล่ะ เอ กูชักจะสงสัยซะแล้วสิว่าเมื่อคืนเพื่อนกูถูกผีเข้าหรือถูกลูกศรปักอกกันน้า”
ซันนี่มองกอหญ้าด้วยแววตากรุ้มกริ่มส่วนผิงผิงเองก็หรี่ตาลงคล้ายกำลังจับผิดกอหญ้าที่ถึงแม้จะพยายามซ่อนความเขินอายเอาไว้ภายใต้สีหน้าที่เย็นชาแต่พวงแก้มเนียนของเธอกลับขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่
“ฮันแหน ถามแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงด้วย”
ซันนี่ยังคงรุกต่อไม่ยอมถอยเธอมั่นใจว่าอย่างไรแล้วกอหญ้าก็ต้องพูดความจริงให้พวกเธอฟังแน่นอนเพราะที่ผ่านมาไม่มีเลยสักครั้งที่กอหญ้าจะปิดบังเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองไม่ให้เธอกับผิงผิงรู้
“ไม่ได้ถูกผีเข้าสิงหรือศรรักปักอกอะไรทั้งนั้นแหละ แค่ดื่มจนเมามากพอถูกเขาลากเข้าห้องก็มึนงงจนคิดว่าตัวเองกำลังหลับอยู่เลยฝันไป จนถึงตอนที่เขาทำแบบนั้นก็ยังคิดว่ามันคือความฝันพอตื่นเช้าขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันคือความจริงกูเสียจิ้นให้เขาไปแล้วจริงๆ”
คำตอบของกอหญ้าทำให้รอยยิ้มของผิงผิงกับซันนี่ถึงกับแข็งค้างไปชั่วขณะความรู้สึกของทั้งสองคนนั้นไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีกับความเมามายของเพื่อนสนิทที่เมาถึงขั้นเสียตัวให้ผู้ชายโดยที่คิดว่ามันคือความฝัน
“อืม ฝันของมึงคงดีมากจริงๆรู้ตัวอีกทีก็ตอนตื่นนอน”
ซันนี่แอบเหน็บเพื่อนสาวที่มีสีหน้าเก้อกระดากเล็กน้อยปกติแล้วเธอเป็นคนที่เรียกได้ว่าคอแข็งในระดับหนึ่งแต่วันนั้นไม่รู้ทำไมเธอถึงได้เมาจนสติที่ควรจะมีอยู่น้อยกลับหายไปเกินร้อยเสียอีก
“กอหญ้านะกอหญ้า รอดเขี้ยวเล็บเสือสิงห์มาตั้งหลายครั้งหลายหนดันพลาดท่าเพราะความเมา”
ผิงผิงเอ่ยต่อว่าเพื่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อยถึงแม้ว่าเพื่อนของเธอจะดื่มจนเมามายแต่ทุกครั้งก็จะยังคงมีสติหลงเหลือให้พอดูแลตัวเองได้คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้กอหญ้าจะเมาหนักมากจริงๆถึงขั้นเคลิบเคลิ้มไปกับเขาจนคิดว่าตัวเองกำลังฝันดี
“อะ ฝันก็ฝันพวกกูเข้าใจว่าแต่ว่าฝันดีของมึงอะดีแค่ไหนคุณภีมเขาเก่งไหมเรื่องแบบนั้นอะ”
เมื่อทราบต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเรื่องที่ภีมวัจน์ลากเพื่อนของเธอออกไปจากห้องอาหารแล้วซันนี่ก็รุกถามต่อถึงเรื่องลีลาบนเตียงของภีมวัจน์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธออยากจะรู้นักว่าผู้ชายที่ท่วงท่าสง่างามแต่ใบหน้ากลับฉาบด้วยความเย็นชาไร้รอยยิ้มจริงๆแล้วลีลาเรื่องบนเตียงของเขาจะเหมือนที่เธอเคยได้ยินมาหรือเปล่า
“อืม จะว่าไปแล้ว..ไม่บอกให้โง่หรอก แบร่”
กอหญ้าแลบลิ้นให้เพื่อนด้วยความทะเล้นก่อนที่เธอจะลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องอาหารโดยที่มีซันนี่กับผิงผิงวิ่งไล่ตามไปอย่างไม่ลดละกลายเป็นภาพความสดใสร่าเริงของเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่วิ่งไล่กันพร้อมหัวเราะด้วยความร่าเริงชวนให้ผู้ที่เดินสวนไปสวนมาต่างมองภาพตรงหน้าและเผลอยิ้มตามออกมาอย่างไม่รู้ตัว
AK Groupร่างสูงของภีมวัจน์ที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารที่ตั้งของ AK Group นั้นดึงดูดสายตาของพนักงานสาวให้หันไปมองด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอายราวกับกำลังถูกสายตาของภีมวัจน์จ้องมองทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมองใครด้วยซ้ำถึงแม้ใบหน้าของภีมวัจน์จะเย็นชาไร้รอยยิ้มแต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้สาวๆแอบมองไม่รู้เบื่อ บางคนแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างมีความหวังว่าเขาจะหันกลับมามองตนเองบ้างสักครั้งส่วนบางคนก็แอบมองพร้อมคิดวางแผนหาวิธียั่วยวนเพื่อให้เขาหันมาสนใจทั้ง ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดีภีมวัจน์ไม่เคยชายตามองสาวๆในบริษัทของตนเองเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่งท่านประธานบริษัทต่อจากบิดาที่ล่วงลับไป“ก็บอกแล้วไงว่าให้หยุดพักผ่อนจนกว่ามือจะหายดีทำไมแกถึงได้พูดยากแบบนี้นะเตชินทร์”ถึงแม้น้ำเสียงของภีมวัจน์จะฟังดูเย็นชาคล้ายไม่ใส่ใจแต่เตชินทร์กลับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ท่านประธานมีต่อเขาได้เป็นอย่างดี“ผมเป็นห่วงท่านประธานนี่ครับถ้าหากว่าผมไม่อยู่ท่านจะต้องทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนแน่นอน อีกอย่างไม่มีใครที่รู้ใจท่านเท่าผมอีกแล้ว จำไม่ได้เหรอครับคนก่อนๆที่มาช่วยงานระหว่างที่ผมป่วยท่านก็บอกว่าชอ
“กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลื
หลังจากการฝึกงานในวันแรกจบลงกอหญ้าก็หยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานและเดินออกมาจากแผนกทันทีโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาตามหลังเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานบริษัทสักหน่อยในเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนสิจริงไหมรอให้เธอเป็นพนักงานหรือเจ้าของบริษัทเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะอยู่ทำงานจนโต้รุ่งแน่นอน ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินมาที่ลานจอดรถรีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดรับสายทันทีเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือแม่แก้มใสสุดที่รักของเธอนั่นเองแก้มใส : ฮายลูกสาวคนสวยของแม่ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเอ่ย?น้ำเสียงสดใสร่าเริงเอ่ยทักทายลูกสาวคนเล็กอย่างอารมณ์ดีกอหญ้า : มีแต่เรื่องสนุกๆเลยค่ะแม่แก้มเมื่อพูดถึงเรื่องสนุกใบหน้าของภีมวัจน์ก็พลันแวบเข้ามาในหัวทำให้รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของกอหญ้าอย่างไม่รู้ตัวแก้มใส : นั่นไงไปฝึกงานวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลยใช่ไหมนางมารน้อยของแม่น้ำเสียงหยอกเย้าของมารดาทำให้แก้มใสหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันที่มารดาเรียกเธอตามฉายาที่พี่ชายรามสูรของเธอตั้งให้กอหญ้า : ลูกสาวของแม่แก้มน่ารักมากๆต่า
เช้าวันต่อมาAK Groupเสียงซุบซิบนินทาทั้งระยะไกลและระยะเผาขนไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อยเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชุดทำงานแบรนด์ดังยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนกระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างๆกลุ่มพนักงานที่กำลังนินทาเรื่องของเธออย่างสนุกสนานโดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเธอกำลังนินทาอยู่นั้นกำลังยืนฟังคำพูดใส่ร้ายป้ายสีนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยพนักงานคนที่ 1 : หน้าตาก็สวยแต่ไม่คิดเลยว่าจะชอบเอาตัวเข้าแลกแบบนี้พนักงานคนที่ 2 : แกก็น่าจะรู้ว่าเด็กสมัยนี้มันร้ายแค่ไหน เพื่อนน้องสาวของฉันบางคนยังยอมเป็นเมียน้อยพวกเสี่ยพุงพลุ้ยเลยแก งานสบายรายได้ดีไม่ต้องทำอะไรแค่นอนอ้าขารอผู้ชายมาหาแค่นั้นเองประโยคสุดท้ายถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะก้มตัวลงไปกระซิบกระซาบเสียงเบามากแค่ไหนแต่คนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างกอหญ้าก็ยังคงได้ยินอยู่ดี หึ งานสบายๆแค่นอนอ้าขาอย่างนั้นเหรอ?คนเรานี่ก็แปลกดีเรื่องของตัวเองกลับไม่ยอมใส่ใจทำให้ดีส่วนเรื่องของคนอื่นต่อให้ดีหรือไม่ดีก็มักจะใส่ใจจนเกินคำว่าพอดีพนักงานคนที่ 3 : แกก็พูดเวอร์ไปน้องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันก็ได้ เพิ่งมาฝึกงานว
กอหญ้าเอ่ยบอกเตชินทร์พร้อมฉีกยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยความสดใสฉับพลันนั้นเตชินทร์รู้สึกว่ารอยยิ้มของหญิงสาวนั้นเบิกบานน่ามองราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งดอกทานตะวัน นี่ขนาดเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ใจแข็งและเย็นชาเหมือนท่านประธานเมื่อเจอรอยยิ้มหวานละมุนของคนตรงหน้าเข้าไปถึงกับใจสั่นเบาๆทีเดียว “คุณกอหญ้าเคยเรียนชงกาแฟมาก่อนเหรอครับ” ท่าทางที่คล่องแคล่วของกอหญ้ายามหยิบจับส่วนผสมทำให้เตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆอดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้“ค่ะ กอหญ้าเคยลงเรียนคอร์สระยะสั้นตอนปิดเทอมซัมเมอร์ที่อิตาลีช่วงนั้นว่างมากคุณแม่เลยส่งไปเรียนชงกาแฟซะเลยจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” คำตอบที่อยู่เหนือความคาดหมายของเตชินทร์ทำให้เขาถึงกับอึ้งไปเขาไม่คิดเลยว่าคนที่มีฝีปากคมกริบเหมือนลับมีดเป็นประจำอย่างสาวสวยคนนี้จะลงเรียนชงกาแฟเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยแต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้คนอยากทำความรู้จักและค้นหามากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงตัวเขาเองที่ก็อยากรู้เช่นกันว่านอกจากชงกาแฟแล้วเธอยังทำอย่างอื่นเป็นไหม“รสชาติผ่านอาจารย์ให้เต็มสิบใช่ไหมครับ”“อาจารย์บอกว่าให้สิบเอ็ดไปเ
เสียงสั่นของนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้ร่างบอบบางที่กำลังนอนหลับสนิทค่อยๆขยับเปลือกตาลืมขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นจากเตียงพร้อมยกมือบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนที่ยังคงมีอยู่เล็กน้อยหลังจากที่เมื่อวานกลับมาถึงคอนโดกอหญ้าก็ลงมือเตรียมเครื่องปรุงสำหรับมื้อเช้าในวันนี้ทำให้เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว หลังจากที่จัดการล้างหน้าเรียกความสดชื่นและแปรงฟันเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็พาตัวเองออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัวเพื่อทำข้าวต้มหมูสับเห็ดหอมมื้อเช้าที่เธอตั้งใจเตรียมให้เขาคนนั้น ในเมื่อเขาไม่ชอบที่จะใส่ใจตัวเองกอหญ้าก็จะขอเป็นคนที่ใส่ใจในตัวเขาแทนก็แล้วกันผู้ชายของเธอๆจะยอมให้เขาสุขภาพไม่ดีได้อย่างไรล่ะจริงไหม? “อืม ฝีมือไม่ตกเลยแฮะ” กลิ่นน้ำซุปที่หอมชวนน้ำลายสอกับรสชาติที่อร่อยลงตัวทำให้กอหญ้าเผยรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมาด้วยความพึงพอใจกับฝีมือการทำอาหารของตัวเองที่ทุกคนในครอบครัวต่างยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชมก่อนที่เธอจะรีบไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปหาใครบางคนที่ตอนนี้คงกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนนุ่มอย่างมีความสุขคอนโด A เสียงกดกริ่งที่ดัง
“คุณดารัณขอเข้าพบท่านประธานค่ะ”กอหญ้าเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับด้านล่างว่าแม่เลี้ยงของภีมวัจน์มาหาหลังจากที่เธอตอบปฏิเสธการเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับแพรวรัมภาตามคำสั่งของภีมวัจน์ หึ ไวจริงๆนะงานเลี้ยงหรืองานจับคู่ดูตัวให้ลูกสาวกันแน่ทำเป็นยกเรื่องต้อนรับกลับบ้านมาจัดงานเลี้ยงใหญ่โตที่จริงก็แค่อยากจัดงานเปิดตัวบุปผาล่อผึ้งแค่นั้นเองคิดว่าเธอมองไม่ออกรู้ไม่ทันหรืออย่างไร ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์“คุณภีมคะ คุณแม่ของคุณแวะมาหาค่ะตอนนี้อยู่ชั้นล่าง”ภีมวัจน์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินว่าดารัณแวะมาหาเขายกนิ้วขึ้นคลึงขมับเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่เร่งสะสางงานมาทั้งวันจนเกือบจะไม่ยอมทานมื้อเที่ยงถ้าไม่ถูกเลขาคนใหม่ที่แสนเจ้าเล่ห์ทั้งบังคับแกมขมขู่เขาคงไม่ยอมเสียเวลาแตะมื้อเที่ยงแม้แต่คำเดียวอย่างแน่นอน เขามีงานอีกมากมายที่ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ยอมรามือทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหน หึ ผู้หญิงที่ใช้เสน่ห์หลอกล่อจนบิดาของเขาตกหลุมพรางยอมแต่งงานใหม่ทั้ง ๆ ที่เคยให้คำมั่นสัญญาแก่มารดาของเขาเอาไว้ว่าจะไม่มีทางแต่งงานใหม่เด็ดขา
ภาพสาวสวยที่อยู่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงร้อนแรงที่นั่งรอเขาอยู่บนโซฟาด้านล่างคอนโดทำให้ภีมวัจน์ถึงกับชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าใบหน้ารูปไข่เนียนสวยที่มักจะเผยรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวให้เขาเสมอถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามส่งผลให้ใบหน้าที่เย็นชาของภีมวัจน์แต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความความพึงพอใจก่อนที่เขารีบหุบยิ้มทันทีเมื่อกอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาทันได้เห็นรอยยิ้มของเขา“ยิ้มแบบนี้ชอบใจที่เห็นกอหญ้าสวยขนาดนี้ใช่ไหมคะ”กอหญ้าเอ่ยถามภีมวัจน์ด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะยื่นแขนของตัวเองออกไปคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างมั่นคงซึ่งคนที่ถูกแสดงความสนิทสนมก็ไม่มีความคิดที่จะสะบัดออกแต่อย่างใดในเมื่อเธออยากคล้องแขนก็ตามใจเขาจะไปทำอะไรได้นอกจากตามใจเธอเท่านั้น“หึ เปล่าสักหน่อยหัดคิดเองเออเองตั้งแต่เมื่อไหร่”“แหนะ อย่ามาเฉไฉนะกอหญ้าเห็นชัดเจนเต็มสองตาว่าคุณแอบยิ้มตอนที่เดินออกมาคิดว่ากอหญ้าตาบอดหรือไง”“แล้วคิดว่าตัวเองตาดีมากหรือไงถึงได้เที่ยวบอกว่าคนอื่นเขาแอบยิ้ม”“ตาดีมากแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่ตามวอแวกับผู้ชายที่หน้าตาดีเหมือนคุณหรอก”คำพูดชื่นชมพร้อมแววตาที่วาววับทอประกายเจ้าเล่ห์ของกอหญ้าทำให้ภีมวัจน์ถึ