“นี่คุณเดินช้าๆหน่อยได้ไหม”
กอหญ้าเอ่ยท้วงร่างสูงที่เอาแต่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจกลางความเป็นสาวจนแทบจะเดินไม่ไหวส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังกึ่งจูงกึ่งลากมือของเธอให้เดินตามเขาไปพลันชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขารีบปล่อยมือของกอหญ้าให้เป็นอิสระทันที
ไออุ่นที่มือเรียวเล็กของเธอได้รับก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไปเมื่อร่างสูงของคนตรงหน้าปล่อยมือกอหญ้ากะทันหันทำให้หญิงสาวนึกเสียดายไม่น้อย
คนบ้านึกอยากจะจับก็จับนึกอยากจะปล่อยก็ปล่อย
กอหญ้าแอบค่อนขอดภีมวัจน์อยู่ในใจปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาจับมือถือแขนตามอำเภอใจถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแต่สำหรับผู้ชายที่กำลังยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย่อหยิ่งคนนี้ความคิดที่อยากจะกระชากมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ของเขานั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย
นี่เธอคงไม่ได้หลงเสน่ห์ของเขาจนหน้ามืดตามัวไปแล้วใช่ไหม?
กอหญ้าลอบถามตัวเองอยู่ในใจพร้อมใช้ดวงตากลมโตมองสบสายตาของคนตรงหน้าที่ก็กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาไร้ความอบอุ่นทำให้หญิงสาวได้แต่นึกหมั่นไส้ก่อนที่ภาพความทรงจำระหว่างเธอและเขาจะผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
เมื่อคืนร้อนแรงจนเธอหลงคิดว่าตัวเองฝันไปแต่พอเจอหน้ากันเช้านี้กลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือเสียอย่างนั้นแต่จะว่าไปแล้วพอได้เห็นหน้าเขาชัด ๆ อีกครั้งเธอก็พบว่าเขาหน้าตาดีมากกว่าที่เธอเห็นเมื่อเช้าเสียอีก ฉับพลันนั้นอยู่หัวใจที่เคยนิ่งสงบดั่งหินผาก็รู้สึกสั่นคลอนราวกับต้นไผ่ต้องสายลมมันเอนไหวไปมาอยู่ภายในพร้อมจังหวะหัวใจที่เต้นแรงแตกต่างออกไปจากในยามปกติอย่างสิ้นเชิง
ดูเหมือนว่าเธอจะโดนความหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้าล่อลวงเข้าแล้วกอหญ้า
“คุณบอกให้ฉันเดินตามคุณมาตกลงแล้วคุณจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่”
คำถามของสาวสวยตรงหน้าทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดพลันได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเขาหันไปมองทางข้างหน้าอีกครั้งก่อนที่มือเรียวยาวขาวสะอาดดุจแท่งเทียนจะผายออกไปข้างหน้าเป็นเชิงเชื้อเชิญให้เธอเดินตามเขามาซึ่งกอหญ้าก็ไม่รอช้าที่จะเดินตามร่างสูงที่กำลังเดินนำหน้าเธอไปที่ห้องอาหารส่วนตัวของเขา
“เรื่องเมื่อคืนนี้...”
เมื่อเข้ามาในห้องอาหารที่มีเพียงเธอและเขาสองคนแล้วภีมวัจน์ก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เขารีบเอ่ยปากพูดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดความเข้าใจผิดแต่กอหญ้ากลับยกมือขึ้นห้ามเขาเอาไว้ทำให้คำพูดมากมายที่เตรียมจะพูดออกมาพลันถูกสกัดเอาไว้ด้วยฝ่ามือเรียวบางของหญิงสาว
“เรื่องเมื่อคืนพักก่อนได้ไหมคะตอนนี้ขออนุญาตทานมื้อเช้าก่อน คุณอาจจะกินฉันจนอิ่มไปแล้วจนไม่รู้สึกหิวแต่ฉันที่ถูกคุณจับกินทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอนบอกตรงๆว่าตอนนี้รู้สึกหิวมากค่ะ”
ความเคอะเขินที่แฝงไปด้วยความประหลาดใจกับท่าทีของสาวสวยตรงหน้าพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของภีมวัจน์เขาเม้มปากอย่างเก้อกระดากแต่ไหนแต่ไรมาเขายังไม่เคยเจอใครที่พูดจาฉะฉานและตรงราวกับไม้บรรทัดเหมือนเธอมาก่อนอีกทั้งความเขินอายที่ควรจะเป็นเธอที่ต้องแสดงออกกลับกลายมาเป็นเขาเองที่รู้สึกว่าสองข้างแก้มนั้นเห่อร้อนคล้ายถูกแดดร้อนแรงแผดเผา
ภีมวัจน์กระพริบตาปริบๆสองสามครั้งพร้อมดึงสติที่หล่นหายไปจากความเขินอายกลับคืนมาก่อนที่เขาจะรีบเบนสายตาออกไปอีกทางและพยักหน้าเรียกเตชินทร์ที่ยืนรอรับใช้อยู่ห่างๆให้เดินเข้ามาหาเขา
“อากาศตรงนี้ไม่ได้ร้อนแต่ทำไมท่านประธานถึงได้หน้าแดงหูแดงขนาดนั้นล่ะครับ”
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารเตชินทร์ที่เป็นคนช่างสังเกตุก็เอ่ยถามภีมวัจน์ที่กำลังหน้าแดงด้วยความสงสัยเพราะอากาศตรงนี้เย็นสบายแต่ทำไมท่านประธานของเขาถึงได้หน้าแดงถึงใบหูขนาดนั้น ส่วนกอหญ้าเมื่อได้ยินคำทักทายของคนที่เธอขอเดาว่าน่าจะเป็นลูกน้องของเขาเอ่ยทักท้วงขึ้นมาแบบนั้นดวงตากลมโตก็อดที่จะลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายหล่อเหลาของเขาอย่างพินิจพิจารณาแวบหนึ่งไม่ได้
อืม หน้าแดงหูแดงจริงๆด้วยนี่เขาคงไม่ได้กำลังเขินเธอใช่ไหม
“ไม่ถามสักเรื่องมันจะตายไหม”
ภีมวัจน์กดเสียงต่ำเอ่ยถามเลขาคู่ใจอย่างโมโหด้วยสีหน้าเอาเรื่องตอนนี้มันใช่เวลาที่ลูกน้องของเขาจะต้องมาถามคำถามที่ทำให้เขาอับอายขายหน้าสาวสวยตรงหน้าแบบนี้ไหม?
“กะ ก็ หน้าของท่าน”
“หุบปาก”
คำสั่งที่มาพร้อมเสียงหอบหายใจเบาๆบ่งบอกว่าภีมวัจน์กำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ทำให้เตชินทร์รีบยกมือขึ้นปิดปากที่ไม่มีหูรูดเอาไว้ทันทีอย่างรู้งานแต่ดูเหมือนว่าจะช้าไปแล้วในความคิดของภีมวัจน์เมื่อความอับอายขายหน้าได้เผยแพร่สู่สายตาของสาวสวยตรงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
“บอกห้องครัวของโรงแรมให้จัดอาหารเช้ามาที่นี่ด่วน”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนายเตชินทร์ก็ไม่รอช้าที่จะหยิบมือถือออกมาโทรหาผู้จัดการโรงแรมเพื่อแจ้งให้จัดเตรียมมื้อเช้าสำหรับท่านประธานและแขกสาวสวยที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม เมื่อถ่ายทอดคำสั่งของท่านประธานเรียบร้อยแล้วเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีอาหารเช้าก็ถูกนำมาเสิร์ฟด้วยความรวดเร็วทันใจ
กอหญ้าจ้องมองข้าวต้มหมูสับและแพนเค้กราดน้ำผึ้งที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายด้วยความพึงพอใจก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองเลยไปยังมื้อเช้าของคนที่นั่งตรงกันข้ามซึ่งมีเพียงกาแฟแก้วเดียวเท่านั้น หึ คงกินเธอจนอิ่มมากสินะเช้านี้ถึงได้ดื่มกาแฟแค่แก้วเดียว หญิงสาวแอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ก่อนที่เธอจะลงมือทานอาหารเช้าตรงหน้าด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติที่ไม่ช้าจนเกินไปและไม่รีบร้อนจนดูเสียมารยาทเพียงไม่นานมื้อเช้าตรงหน้าก็ถูกกอหญ้าจัดการจนหมดเรียบร้อย
“เชิญพูดเรื่องที่คุยกันค้างก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ”
เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็เอ่ยบอกภีมวัจน์ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชาประหนึ่งคมดาบที่กำลังฟาดฟันใส่เธอแต่กอหญ้ากลับยิ้มระรื่นราวกับไม่รู้สึกรู้สากับสายตาของเขาที่กำลังมองมาที่เธอก่อนที่ภีมวัจน์จะพูดตรงเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องเมื่อคืนผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ผมนัดเอาไว้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราเลยเถิดไปจนถึงขั้นนั้น แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วผมก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ...”
เมื่อได้ยินคำว่า รับผิดชอบ แววตาของกอหญ้าพลันไหววูบเล็กน้อยซึ่งการแสดงออกของเธอล้วนตกอยู่ในสายตาของภีมวัจน์ทุกอย่างแต่เขากลับไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของสาวสวยตรงหน้าได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ผู้หญิงคนนี้ชักจะทำตัวลึกลับเย็นชาจนเกินไปแล้วนะ!!
“คุณสามารถแจ้งตัวเลขที่ต้องการได้เลยผมพร้อมที่จะจ่ายให้ตามที่คุณเรียกร้องเพื่อชดใช้ในสิ่งที่คุณต้องสูญเสียไป”
มุมปากของกอหญ้าพลันกระตุกริกเล็กน้อยความรู้สึกดีที่มีต่อเขาเมื่อได้ยินคำว่ารับผิดชอบพลันสลายหายไปจนหมดสิ้นสายตาของเธอยามที่เงยหน้าขึ้นจ้องมองร่างสูงของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีเพียงความเย็นชา หึ ที่เขาลากเธอออกมานั่งโง่ๆอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะจ่ายเงินค่าตัวเธอสำหรับเรื่องเมื่อคืนสินะ คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของกอหญ้าพลันแดงก่ำด้วยแรงโทสะที่ราวกับมีประกายไฟมาระเบิดบนผิวให้แตกกระจายดังโพละ
“ร้อยล้าน จ่ายได้ไหมล่ะสำหรับความบริสุทธิ์ที่ฉันต้องสูญเสียให้คุณทั้ง ๆ ที่ฉันไม่เคยรู้จักกับคุณมาก่อนเลยสักนิด”
ความบริสุทธิ์ของเธอกับราคาที่เขาต้องจ่ายทำให้ภีมวัจน์กำมือเป็นหมัดแน่นด้วยความโมโหโกรธาอย่างยิ่งยวดความเดือดดาลพลันพลุ่งพล่านอยู่ในอกจนยากที่จะระงับไม่ให้เผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเธอออกมาส่งผลให้มุมปากของกอหญ้าพลันสั่นระริกอีกครั้งด้วยความโกรธเคืองเช่นกัน
ลากเธอที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าไปนอนกอดทั้งคืนเขามีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าตาดูถูกเธอแบบนี้
“หึ เรียกร้อยล้านขนาดนี้ทำไมไม่บอกให้ผมแต่งงานกับคุณไปเลยล่ะครับเงินร้อยล้านจะได้เป็นค่าสินสอดพอดี”
ข้อเรียกร้องที่มากจนเกินไปทำให้ภีมวัจน์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำพูดประชดประชันเธอออกมา
“แล้วแต่งได้ไหมล่ะคะถ้าคุณแต่งได้ฉันก็ไม่มีปัญหา”
ใบหน้าของกอหญ้าในยามที่เอ่ยบอกภีมวัจน์นั้นไม่ได้มีวี่แววของการล้อเล่นเลยแม้แต่น้อยในเมื่อเขาพูดมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าเธอไม่สนองต่อคำพูดของเขา ๆ อาจจะผิดหวังก็เป็นได้ใครจะไปรู้ล่ะจริงไหมเขาเสนอมาเธอก็แค่สนองถ้าเขาไม่กล้าพอที่จะทำตามคำพูดเธอจะเป็นคนคิดบัญชีย้อนหลังกับเขาเอง
“ร้อยล้านก็อยากได้ งานแต่งก็ไม่มีปัญหาดูท่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่หิวเงินไม่น้อยนะครับ”
คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามเธอของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้มุมปากของกอหญ้าพลันหยักยกขึ้นคล้ายพระจันทร์เสี้ยวก่อนที่เธอจะจ้องหน้าเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกหลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอมองเขาบ้างหันไปมองบรรยากาศบริเวณรอบๆบ้าง
“ฉันหิวเงินน่ะใช่แต่คุณเองก็หิวฉันไม่น้อยนะคะเมื่อคืนถึงได้จับฉันกินทั้งคืน สิ่งที่ฉันเรียกร้องไปมันยังน้อยกว่าสิ่งที่ฉันต้องสูญเสียไปด้วยซ้ำ ต่อให้คุณเอาเงินมากองตรงหน้าสิ่งที่ฉันเสียไปก็ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้หรือคุณสามารถย้อนเวลากลับไปเมื่อคืนได้ไหมล่ะเราสองคนจะได้ไม่ต้องมานั่งทำข้อตกลงจ่ายเงินหรือเสนอแต่งงานเพื่อรับผิดชอบกันแบบนี้”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาไร้ความกระดากอายและเก้อเขินของสาวสวยตรงหน้าทำให้ภีมวัจน์อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้เธอพูดเรื่องความสัมพันธ์วันไนท์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแถมติดจะเย็นชาเล็กน้อย นี่เธอหน้าหนาจนเกินไปหรือเป็นเขาเองที่หน้าบางจนรู้สึกว่าผิวแก้มที่ก่อนหน้ายังปกติดีกำลังเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“แล้วร้อยล้านที่คุณเรียกร้องนี่ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับ ที่ผ่านมามากสุดสำหรับผมก็แค่ห้าล้านเท่านั้นเอง”
ยามที่พูดใบหน้าของภีมวัจน์คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มก่อนที่เขาจะหยิบชาร้อนที่เตชินทร์นำมาเสิร์ฟขึ้นจิบเพื่อแก้อาการคอแห้งเมื่อต้องตอบโต้กับหญิงสาวที่เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแต่เขาสัมผัสได้ถึงพลังการทำลายล้างที่สูงมากจากตัวเธอผู้หญิงแบบนี้เขาไม่ควรที่จะเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวและควรอยู่ให้ห่างจากเธอให้มากที่สุด
“ค่าตัวร้อยล้านของฉันคุณก็มองว่าแพงไป ให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานคุณก็หาว่าฉันโลภมากไปแถมในสายตาของคุณยังบอกฉันทางอ้อมด้วยว่าฉันหวังสูงเกินไป ถ้าอย่างนั้นฉันขอเป็นคนจ่ายค่าตัวให้คุณเองก็แล้วกันในเมื่อคืนที่ผ่านมาคุณได้ตัวฉันฉันได้ตัวคุณเช็คใบนี้ก็ถือว่าตอบแทนที่คุณเสียตัวให้ฉันทั้งคืน”
กอหญ้าพูดจบเธอก็หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าใบเล็กพร้อมระบุจำนวนเงินหนึ่งร้อยล้านบาทลงในเช็คและนำไปวางลงตรงหน้าของภีมวัจน์ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจภีมวัจน์ที่กำลังโกรธจัดจนแทบอยากจะตวาดให้เสียงดังก้องฟ้า
วันนี้เธอจ่ายค่าตัวเขาไปแล้วหนึ่งร้อยล้านบาทเจอกันวันหน้าอีกครั้งกอหญ้าสัญญากับตัวเองว่าเธอจะคิดบัญชีผู้ชายคนนี้ทบต้นทบดอกอย่างสาสมแน่นอน
การกระทำที่อุกอาจของเธอทำให้ภีมวัจน์ตกอยู่ในอาการตกตะลึงและเต็มไปด้วยความรู้สึกโมโหที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นฝ่ายได้รับเงินค่าตัวจากใครทั้งนั้นนี่คือครั้งแรกที่มีคนกล้ายื่นเช็คให้กับเขาพร้อมบอกว่าเป็นค่าเสียตัวคล้ายกำลังจะบอกว่าเขาเป็นนายบำเรอสำหรับเธอ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบหกปีเขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่แปลกประหลาดเหมือนเธอคนนี้มาก่อนเลยสักครั้งพระเจ้ากำลังเล่นตลกกับเขาหรืออย่างไรเขาอยากจะบ้าตายเสียจริงๆ
ภีมวัจน์ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจด้วยความสับสนพร้อมเอาแต่คิดถึงสาวสวยที่เดินจากไปไม่เหลียวหลังด้วยความโมโห
ต่อจากนี้ไปอย่าให้เขาได้พบได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยครั้งเดียวที่เจอกันก็เกินพอแล้วสำหรับเขา
“เงินค่าตัวหนึ่งร้อยล้านบาทครับท่านประธานให้ผมเอาไปขึ้นเช็คเลยไหมครับเธอเซ็นชื่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังพยายามระงับความโกรธของตัวเองอย่างสุดความสามารถเตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ขยับเข้ามาใกล้ ๆ ท่านประธานมากขึ้นก่อนที่เขาจะเอ่ยแซวภีมวัจน์เมื่อเห็นจำนวนเงินบนเช็คที่สาวสวยคนเมื่อสักครู่เขียนให้
“ค่าตัวบ้าบออะไรกันไร้สาระสิ้นดี ไปเก็บของเดี๋ยวนี้ฉันจะกลับกรุงเทพวันนี้”
ภีมวัจน์สะกดเสียงต่ำเน้นถ้อยคำบอกเตชินทร์ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ ๆ ท่านประธานก็จะเดินทางกลับกรุงเทพกะทันหันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกกับเขาว่าหลังประชุมเสร็จจะพาไปเที่ยวชมน้ำทะเลใสๆอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้ท่านประธานถึงได้ลืมคำพูดของตัวเองไปเสียแล้ว
“จะยืนนิ่งอีกนานไหมไปได้แล้ว”
เสียงที่คล้ายอสนีบาตฟาดลงบนตัวของเตชินทร์ทำให้สติที่กำลังคิดจินตนาการถึงน้ำทะเลสีใสพลันกลับคืนมาทันทีก่อนที่เขาจะรีบเดินจากไปเพื่อเตรียมจองตั๋วกลับกรุงเทพตามคำสั่งของท่านประธาน ในขณะที่ภีมวัจน์เองก็เอาแต่นั่งมองเช็คจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาทด้วยความรู้สึกโกรธเคืองไม่หาย
ภีมวัจน์ตัดสินใจหยิบเช็คที่อยู่ตรงหน้ามาใส่กระเป๋ากางเกงและลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องพักทันทีเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพเพียงเพราะไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วต้องเจอะเจอกับผู้หญิงแปลกประหลาดคนนั้นอีกครั้ง โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากงล้อแห่งพรหมลิขิตกำลังทำงานต่อให้เขาอ้อนวอนพระเจ้าหรือพระแม่อย่างไรท่านก็คงทำตามคำขอที่เขาต้องการไม่ได้ในเมื่อเส้นด้ายแห่งโชคชะตาของหนุ่มสาวทั้งคู่นั้นผูกเกี่ยวกันไว้อย่างเหนียวแน่นยากที่ใครจะตัดขาดหรือคลายออกได้
หลังจากกอหญ้าหันหลังเดินจากมาอย่างไม่ใยดีเธอก็ย้อนกลับมาที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินเข้าด้านในใครบางคนที่เฝ้ารอการกลับมาของเธออยู่นานแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมายืนขวางทางเดินของเธอเอาไว้ทำให้เรียวขาสวยของกอหญ้าพลันต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อยสายขิมที่พุ่งออกมาขวางทางกอหญ้าค่อยๆไล่สายตามองตั้งแต่หน้าผากกว้างขาวผ่องเกลี้ยงเกลาลงมายังคิ้วที่วาดให้โก่งงามดุจกิ่งลิ่วและค่อยๆเคลื่อนผ่านแพขนตางอนยาวที่ไร้การปัดแต่งไล่ระดับลงมาจนถึงจมูกโด่งรั้นที่บอกเธอว่าคนตรงหน้านั้นค่อนข้างมีนิสัยดื้อรั้นและไม่ยอมใครเช่นเดียวกับเธอสุดท้ายสายขิมจึงหยุดสายตาอยู่ที่ริมฝีปากแดงนุ่มของกอหญ้าที่ไม่รู้ไปทำอะไรมาถึงได้ดูบวมขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด“แกรู้จักกับพี่ภีมได้ยังไง”คิ้วงามของกอหญ้าขมวดเข้าหากันเล็กน้อยขณะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถามที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจซึ่งแฝงเอาไว้ด้วยความอิจฉาริษยาเมื่อเห็นว่าภีมวัจน์จูงมือของกอหญ้าออกไปจากห้องอาหารของโรงแรม“ภีมไหน ใครคือภีมแล้วฉันรู้จักด้วยเหรอ?”กอหญ้าเอ่ยถามศัตรูคู่อริของเธอด้วยสีหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม
AK Groupร่างสูงของภีมวัจน์ที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารที่ตั้งของ AK Group นั้นดึงดูดสายตาของพนักงานสาวให้หันไปมองด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอายราวกับกำลังถูกสายตาของภีมวัจน์จ้องมองทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมองใครด้วยซ้ำถึงแม้ใบหน้าของภีมวัจน์จะเย็นชาไร้รอยยิ้มแต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้สาวๆแอบมองไม่รู้เบื่อ บางคนแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายอย่างมีความหวังว่าเขาจะหันกลับมามองตนเองบ้างสักครั้งส่วนบางคนก็แอบมองพร้อมคิดวางแผนหาวิธียั่วยวนเพื่อให้เขาหันมาสนใจทั้ง ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดีภีมวัจน์ไม่เคยชายตามองสาวๆในบริษัทของตนเองเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่งท่านประธานบริษัทต่อจากบิดาที่ล่วงลับไป“ก็บอกแล้วไงว่าให้หยุดพักผ่อนจนกว่ามือจะหายดีทำไมแกถึงได้พูดยากแบบนี้นะเตชินทร์”ถึงแม้น้ำเสียงของภีมวัจน์จะฟังดูเย็นชาคล้ายไม่ใส่ใจแต่เตชินทร์กลับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ท่านประธานมีต่อเขาได้เป็นอย่างดี“ผมเป็นห่วงท่านประธานนี่ครับถ้าหากว่าผมไม่อยู่ท่านจะต้องทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนแน่นอน อีกอย่างไม่มีใครที่รู้ใจท่านเท่าผมอีกแล้ว จำไม่ได้เหรอครับคนก่อนๆที่มาช่วยงานระหว่างที่ผมป่วยท่านก็บอกว่าชอ
“กอหญ้าต้องขอโทษคุณภีมด้วยนะคะที่เข้ามาช้าพอดีกอหญ้าไม่ทราบมาก่อนว่าคุณผู้หญิงกับ...”พูดมาถึงตรงนี้กอหญ้าทำเพียงปรายตามองแพรวรัมภาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเท่านั้นก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าภีมวัจน์แล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจธารน้ำใสที่ไหลระรินผ่านห้องหัวใจของผู้ฟัง“จะแวะมาเยี่ยมท่านประธานน่ะค่ะต้องขอโทษจริงๆนะคะ”คิ้วของภีมวัจน์กระตุกเล็กน้อยเมื่อถ้อยคำของสาวสวยตรงหน้านั้นแฝงไปด้วยคำหนิแม่เลี้ยงของเขาอย่างชัดเจนเธอกำลังจะบอกว่าที่มาช้าเพราะแม่เลี้ยงของเขามาไม่แจ้งล่วงหน้าสินะ...หึ ฝีปากใช้ได้นี่คมยิ่งกว่ามีด มิน่าล่ะถึงกล้าเอาเงินฟาดหัวเขาถึงร้อยล้านทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่สำคัญเช็คใบนั้นของเธอเมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่าเป็นของจริงวันนั้นเธอจ่ายเงินค่าตัวเขาหนึ่งร้อยล้านบาทไม่ตกหล่นแม้แต่บาทเดียว!!ในขณะที่ภีมวัจน์กับกอหญ้ากำลังช่วยกันเล่นละครตบตาอย่างรู้เท่าทันกันและกันดารัณกับแพรวรัมภาเริ่มจะควบคุมสีหน้าไม่อยู่พวกเธอไม่ใช่คนโง่เขลาจึงเข้าใจความหมายที่กอหญ้าตั้งใจจะสื่อกับพวกเธอเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแพรวรัมภาที่จิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนได้เลื
หลังจากการฝึกงานในวันแรกจบลงกอหญ้าก็หยิบกระเป๋าบนโต๊ะทำงานและเดินออกมาจากแผนกทันทีโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาตามหลังเลยแม้แต่น้อยเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานบริษัทสักหน่อยในเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนสิจริงไหมรอให้เธอเป็นพนักงานหรือเจ้าของบริษัทเมื่อไหร่รับรองว่าเธอจะอยู่ทำงานจนโต้รุ่งแน่นอน ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้กอหญ้าที่กำลังเดินมาที่ลานจอดรถรีบเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดรับสายทันทีเมื่อชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือแม่แก้มใสสุดที่รักของเธอนั่นเองแก้มใส : ฮายลูกสาวคนสวยของแม่ฝึกงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเอ่ย?น้ำเสียงสดใสร่าเริงเอ่ยทักทายลูกสาวคนเล็กอย่างอารมณ์ดีกอหญ้า : มีแต่เรื่องสนุกๆเลยค่ะแม่แก้มเมื่อพูดถึงเรื่องสนุกใบหน้าของภีมวัจน์ก็พลันแวบเข้ามาในหัวทำให้รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าของกอหญ้าอย่างไม่รู้ตัวแก้มใส : นั่นไงไปฝึกงานวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลยใช่ไหมนางมารน้อยของแม่น้ำเสียงหยอกเย้าของมารดาทำให้แก้มใสหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันที่มารดาเรียกเธอตามฉายาที่พี่ชายรามสูรของเธอตั้งให้กอหญ้า : ลูกสาวของแม่แก้มน่ารักมากๆต่า
เช้าวันต่อมาAK Groupเสียงซุบซิบนินทาทั้งระยะไกลและระยะเผาขนไม่ได้ทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาภายในอาคารหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อยเรียวขาสวยที่โผล่พ้นชุดทำงานแบรนด์ดังยังคงเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงจนกระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างๆกลุ่มพนักงานที่กำลังนินทาเรื่องของเธออย่างสนุกสนานโดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเธอกำลังนินทาอยู่นั้นกำลังยืนฟังคำพูดใส่ร้ายป้ายสีนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยพนักงานคนที่ 1 : หน้าตาก็สวยแต่ไม่คิดเลยว่าจะชอบเอาตัวเข้าแลกแบบนี้พนักงานคนที่ 2 : แกก็น่าจะรู้ว่าเด็กสมัยนี้มันร้ายแค่ไหน เพื่อนน้องสาวของฉันบางคนยังยอมเป็นเมียน้อยพวกเสี่ยพุงพลุ้ยเลยแก งานสบายรายได้ดีไม่ต้องทำอะไรแค่นอนอ้าขารอผู้ชายมาหาแค่นั้นเองประโยคสุดท้ายถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะก้มตัวลงไปกระซิบกระซาบเสียงเบามากแค่ไหนแต่คนที่ประสาทสัมผัสไวอย่างกอหญ้าก็ยังคงได้ยินอยู่ดี หึ งานสบายๆแค่นอนอ้าขาอย่างนั้นเหรอ?คนเรานี่ก็แปลกดีเรื่องของตัวเองกลับไม่ยอมใส่ใจทำให้ดีส่วนเรื่องของคนอื่นต่อให้ดีหรือไม่ดีก็มักจะใส่ใจจนเกินคำว่าพอดีพนักงานคนที่ 3 : แกก็พูดเวอร์ไปน้องมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันก็ได้ เพิ่งมาฝึกงานว
กอหญ้าเอ่ยบอกเตชินทร์พร้อมฉีกยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยความสดใสฉับพลันนั้นเตชินทร์รู้สึกว่ารอยยิ้มของหญิงสาวนั้นเบิกบานน่ามองราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังเดินเล่นอยู่ในทุ่งดอกทานตะวัน นี่ขนาดเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ใจแข็งและเย็นชาเหมือนท่านประธานเมื่อเจอรอยยิ้มหวานละมุนของคนตรงหน้าเข้าไปถึงกับใจสั่นเบาๆทีเดียว “คุณกอหญ้าเคยเรียนชงกาแฟมาก่อนเหรอครับ” ท่าทางที่คล่องแคล่วของกอหญ้ายามหยิบจับส่วนผสมทำให้เตชินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆอดที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้“ค่ะ กอหญ้าเคยลงเรียนคอร์สระยะสั้นตอนปิดเทอมซัมเมอร์ที่อิตาลีช่วงนั้นว่างมากคุณแม่เลยส่งไปเรียนชงกาแฟซะเลยจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” คำตอบที่อยู่เหนือความคาดหมายของเตชินทร์ทำให้เขาถึงกับอึ้งไปเขาไม่คิดเลยว่าคนที่มีฝีปากคมกริบเหมือนลับมีดเป็นประจำอย่างสาวสวยคนนี้จะลงเรียนชงกาแฟเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยแต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้คนอยากทำความรู้จักและค้นหามากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงตัวเขาเองที่ก็อยากรู้เช่นกันว่านอกจากชงกาแฟแล้วเธอยังทำอย่างอื่นเป็นไหม“รสชาติผ่านอาจารย์ให้เต็มสิบใช่ไหมครับ”“อาจารย์บอกว่าให้สิบเอ็ดไปเ
เสียงสั่นของนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้ร่างบอบบางที่กำลังนอนหลับสนิทค่อยๆขยับเปลือกตาลืมขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นจากเตียงพร้อมยกมือบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความง่วงงุนที่ยังคงมีอยู่เล็กน้อยหลังจากที่เมื่อวานกลับมาถึงคอนโดกอหญ้าก็ลงมือเตรียมเครื่องปรุงสำหรับมื้อเช้าในวันนี้ทำให้เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว หลังจากที่จัดการล้างหน้าเรียกความสดชื่นและแปรงฟันเรียบร้อยแล้วกอหญ้าก็พาตัวเองออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัวเพื่อทำข้าวต้มหมูสับเห็ดหอมมื้อเช้าที่เธอตั้งใจเตรียมให้เขาคนนั้น ในเมื่อเขาไม่ชอบที่จะใส่ใจตัวเองกอหญ้าก็จะขอเป็นคนที่ใส่ใจในตัวเขาแทนก็แล้วกันผู้ชายของเธอๆจะยอมให้เขาสุขภาพไม่ดีได้อย่างไรล่ะจริงไหม? “อืม ฝีมือไม่ตกเลยแฮะ” กลิ่นน้ำซุปที่หอมชวนน้ำลายสอกับรสชาติที่อร่อยลงตัวทำให้กอหญ้าเผยรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมาด้วยความพึงพอใจกับฝีมือการทำอาหารของตัวเองที่ทุกคนในครอบครัวต่างยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชมก่อนที่เธอจะรีบไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปหาใครบางคนที่ตอนนี้คงกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอนนุ่มอย่างมีความสุขคอนโด A เสียงกดกริ่งที่ดัง
“คุณดารัณขอเข้าพบท่านประธานค่ะ”กอหญ้าเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับด้านล่างว่าแม่เลี้ยงของภีมวัจน์มาหาหลังจากที่เธอตอบปฏิเสธการเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับแพรวรัมภาตามคำสั่งของภีมวัจน์ หึ ไวจริงๆนะงานเลี้ยงหรืองานจับคู่ดูตัวให้ลูกสาวกันแน่ทำเป็นยกเรื่องต้อนรับกลับบ้านมาจัดงานเลี้ยงใหญ่โตที่จริงก็แค่อยากจัดงานเปิดตัวบุปผาล่อผึ้งแค่นั้นเองคิดว่าเธอมองไม่ออกรู้ไม่ทันหรืออย่างไร ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์“คุณภีมคะ คุณแม่ของคุณแวะมาหาค่ะตอนนี้อยู่ชั้นล่าง”ภีมวัจน์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินว่าดารัณแวะมาหาเขายกนิ้วขึ้นคลึงขมับเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่เร่งสะสางงานมาทั้งวันจนเกือบจะไม่ยอมทานมื้อเที่ยงถ้าไม่ถูกเลขาคนใหม่ที่แสนเจ้าเล่ห์ทั้งบังคับแกมขมขู่เขาคงไม่ยอมเสียเวลาแตะมื้อเที่ยงแม้แต่คำเดียวอย่างแน่นอน เขามีงานอีกมากมายที่ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ยอมรามือทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหน หึ ผู้หญิงที่ใช้เสน่ห์หลอกล่อจนบิดาของเขาตกหลุมพรางยอมแต่งงานใหม่ทั้ง ๆ ที่เคยให้คำมั่นสัญญาแก่มารดาของเขาเอาไว้ว่าจะไม่มีทางแต่งงานใหม่เด็ดขา
โรงเรียนอนุบาลมือเล็กขาวนุ่มนิ่มของเด็กชายตัวน้อยค่อยๆยื่นไปอุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กที่ส่งเสียงร้องด้วยความสงสารดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นจ้องมองแมวน้อยด้วยแววตาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เด็กชายจะยื่นเจ้าแมวสีขาวที่เลอะคราบดินให้เด็กชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกพร้อมกับหันกลับไปอุ้มเจ้าแมวน้อยอีกตัวมาไว้ในอ้อมแขนพีร์ รณพีร์ : เราจะพาเจ้าแมวน้อยสองตัวนี้กลับไปเลี้ยงจริงๆเหรอครับพี่ภาคย์ ?เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้ากังวลใจเพราะเขากลัวว่าบิดาและมารดาจะไม่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเหมือนเขากับพี่ชายที่รู้สึกสงสารลูกแมวน้อยที่กำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายของเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับไปด้วยเพื่อขออนุญาตบิดาและมารเลี้ยงเอาไว้ภาคย์ ภูบดินทร์ : อืม แมวน้อยน่าสงสารไม่มีแม่แล้วต่อไปเราสองคนต้องตั้งใจเลี้ยงให้ดีนะรู้ไหม ?ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกน้องชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อนั่งรอบิดากับมารดามารับระหว่างทางที่เดินไปเด็กสาวบางคนต่างก็หันมาจ้องมองพี่น้องฝาแฝดด้วยความสนใจบางคนถึงกับแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เด็กชายทั้งสอ
เวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดกำหนดคลอดของกอหญ้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีทุกคนในครอบครัวต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะบรรดาผู้อาวุโสอย่างคุณตากฤษฎิ์ คุณยายที่รัก รวมไปถึงคุณปู่ภาสกรของภีมวัจน์ที่ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเนื่องจากท้องของกอหญ้านั้นค่อนข้างใหญ่มากเพราะเจ้าเด็กตัวอ้วนในท้องนั้นเป็นเด็กแฝด ซึ่งตั้งแต่นั้นมาทุกคนต่างก็สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าครัวทำอาหารแต่มีหรือที่คนดื้อรั้นอย่างกอหญ้าจะฟังทันทีที่ไร้สายตาคอยจับจ้องกอหญ้าก็ยังคงเพลิดเพลินกับการเรียนรู้วิธีทำอาหารที่หลากหลายเหมือนเดิมจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงสามอาทิตย์ก่อนที่เธอจะคลอดกิจกรรมที่เธอชอบทำทุกอย่างจึงถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดซึ่งกอหญ้าก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไรเธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งๆนอนๆจนแทบจะขึ้นรากลายเป็นปลาเค็มตากแห้งอยู่แล้ววันนี้เธอจึงถือโอกาสที่ภีมวัจน์หยุดงานชวนเขาออกมาเดินเล่นด้านล่างเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ดีกว่านอนอุดอู้อยู่ภายในบ้าน“หืม ทำไมคุณตากับคุณยายถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ? แล้วนั่นใช่คุณปู่ของพี่ภีมไหมคะ ?”เมื่อเดินมาถึงบริเวณสวนดอกไม้สายตาของกอหญ้าก็พลัน
เมื่อเดินทางกลับมาจากฮันนีมูนภีมวัจน์ก็กลับไปทำงานตามปกติส่วนกอหญ้าที่อายุครรภ์เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆก็มองหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนฟุ้งซ่านเมื่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพังในช่วงที่เพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนกอหญ้าเคยขอตามภีมวัจน์ไปที่บริษัทเพื่อช่วยเขาทำงานแต่กลับถูกวาจาออดอ้อนอ่อนหวานที่บอกให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลครรภ์ใจของกอหญ้าพลันอ่อนยวบและยอมทำตามคำขอร้องของสามีอย่างว่าง่ายเพราะเธอเข้าใจดีว่าภีมวัจน์นั้นเป็นห่วงเธอกับลูกกิจกรรมที่กอหญ้าเลือกทำในระหว่างที่พักผ่อนอยู่บ้านส่วนใหญ่แล้วเธอจะเปิดเพลงฟังพร้อมทั้งทำอาหารไปด้วยซึ่งตั้งแต่ที่เดินทางกลับจากฮันนีมูนกอหญ้าก็เริ่มมีความสนใจอยากจะเรียนทำอาหารจีนแล้วเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่อิตาลีเธอเคยลงเรียนทำอาหารและขนมหลักสูตรระยะสั้นช่วงปิดเทอมทำให้กอหญ้ามีความรู้เรื่องการทำอาหารไม่น้อยและครั้งนี้กอหญ้าเริ่มเรียนรู้การทำอาหารด้วยตัวเองโดยการดูจากสื่อตามช่องทางต่างๆด้วยความที่เธอเป็นคนหัวไวเรียนรู้เพียงไม่นานฝีมือการทำอาหารของกอหญ้านั้นเรียกได้ว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากยิ่งกว่าแม่แก้มใสของเธอเสียอีกและวันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันที่ก
หลังจากที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยและส่งบรรดาคุณลุงคุณป้าคุณปู่คุณย่ารวมไปถึงน้อง ๆของกอหญ้ากลับต่างประเทศเรียบร้อยแล้วภีมวัจน์ก็จัดการโยนงานทั้งหมดให้เตชินทร์ดูแลทันทีทำเอาคนที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมาอย่างมีความสุขหน้าหงิกหน้างอไม่น่ามองไปหลายวันเลยทีเดียว ยังดีที่กลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้เตชินทร์มีเคทกลับมาด้วยในฐานะแฟนทำให้เขาที่เคยถูกทอดทิ้งให้ทำงานคนเดียวเพียงลำพังไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆอีกต่อไปอีกทั้งยังมีพ่อตากับแม่ยายของท่านประธานที่คอยช่วยงานเตชินทร์จึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไรมีเพียงความโมโหเล็กน้อยจากการที่ถูกท่านประธานช่วงชิงเวลาที่เขาจะสวีทหวานกับเคทไปเท่านั้นที่ทำให้เตชินทร์โมโหจนเผลอก่นด่าเจ้านายไปหลายคำทีเดียวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนอึกกอหญ้าลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหายเมื่อเห็นคนต่อแถวซื้อชานมชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยก่อนหน้าที่เธอจะเลือกเดินทางมาฮันนีมูนที่ประเทศจีนเธอได้หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมายหลายร้านทีเดียวและเมนูชานมไข่มุกก็คือเมนูแรกที่เธออยากจะลองชิมหลังจากที่เดินทางมาถึงที่นี่“พี่ภีมขากอหญ้าอยากกินชานมร้านนั้น”กอหญ้าเอ่ยบอกภีม
เมื่อขบวนเจ้าบ่าวมาถึงทุกคนถึงกับรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะกับด่านประตูเงินประตูทองที่ดูเหมือนเป็นด่านศูนย์รวมคนหน้าตาดีที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายยิ่งกว่าดาราชื่อดังเสียอีกสาวๆที่มากับขบวนแห่ขันหมากต่างพากันหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งเริ่มด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกสาวๆที่หน้าแดงก่อนหน้านี้พลันยิ้มไม่ออกในทันทีเมื่อเงื่อนไขของการผ่านด่านนั้นยากจนเกินไปรามสูร : จะถอยก็ได้นะถ้าสู้ไม่ไหวน้ำเสียงของรามสูรฟังดูเนือยๆก็จริงแต่สายตาที่เขากำลังมองไปที่ภีมวัจน์กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะในใจพลันลอบคิดว่านี่เป็นการมองข่มขู่อย่างไรสุ้มเสียงและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธซึ่งภีมวัจน์เองก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใดนี่คืองานแต่งของเขาเชียวน้ากว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมถอยขนาดด่านทดสอบความแข็งแกร่งของแม่แก้มใสเขายังผ่านมาได้เลยนับประสาอะไรกับแค่ด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกที่เขาต้องกินอาหารตรงหน้าให้หมดภาสกร : หลานจะกินหมดนี่จริงๆเหรอ ?ภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆภีมวัจน์เอ่ยถามด้วยความกังวลระคนห่วงใยเมื่อเห็นเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าซึ่งรสชาติอย่าใ
“ฮึก คุณปู่ขา ฮือ ฮือ”กอหญ้าโผเข้าสู่อ้อมกอดของเรียวอิจิที่อ้าแขนกว้างโอบรั้งหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจฝ่ามือใหญ่ที่คอยอุ้มชูเธอมาตั้งแต่เด็กค่อยๆลูบหลังที่สะสั่นท้านด้วยแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนในขณะที่กอหญ้ารีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลด้วยความดีใจอย่างลวกๆยังดีที่เครื่องสำอางที่ช่างใช้แต่งหน้าให้เธอคือชนิดกันน้ำไม่อย่างนั้นใบหน้าของเธอคงเลอะไปด้วยคราบเครื่องสำอางอย่างแน่นอน“ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่วันนี้หนูสวยมากๆขืนร้องไห้อีกคนสวยของปู่คงได้กลายเป็นคนขี้เหร่แน่ ๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนของเรียวอิจิเอ่ยชมหลานสาวด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เขามักจะใช้พูดคุยกับหลานสาวเป็นประจำเพราะว่าเรียวอิจิอยากให้กอหญ้าเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆเขาจึงมักจะใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยสนทนากับหลานสาวอยู่เสมอจนกระทั่งกอหญ้าค่อยๆซึมซับภาษาญี่ปุ่นทีละน้อยจนกลายเป็นว่าสามารถพูดได้คล่องในที่สุด“กอหญ้าแค่ดีใจมากไปหน่อยน่ะค่ะก็เลยกลั้นไว้ไม่อยู่ว่าแต่คุณปู่มาได้ยังไงคะเนี่ย ?”“เฮอะ แต่งงานทั้งทีก็ไม่คิดจะส่งข่าวไปบอกปู่บ้างเลยนะเรา”เรียวอิจิแค่นเสียงเฮอะขึ้นจมูกพร้อมตอบกลับหลานสาวด้วยน้ำเสียงแง่งอนทำให้กอหญ้าได้แ
เช้าวันต่อมารามสูรค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองคล้ายกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างทับอยู่ร่างสูงจึงลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจทำให้กอหญ้าที่ปีนขึ้นมานอนบนตัวของพี่ชายราวกับเด็กน้อยลื่นไถลลงบนที่นอนทันทีทำเอาคนขี้เซาถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาคู่งามกระพริบปริบๆด้วยความงุนงงก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาที่ดูไม่สบอารมณ์ของรามสูรทันใดนั้นกอหญ้าก็ตื่นเต็มตาทันทีในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากพี่ชายอย่างเนียนๆแต่ก็ช้ากว่ารามสูรที่ยื่นขามาถีบก้นของกอหญ้าเบาๆคนทั้งคนก็ถลาล้มลงไปนอนราบบนเตียงอย่างหมดสภาพ็ช้ากสวว่รมสรท“เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยปีนขึ้นมานอนบนตัวคนอื่นแล้วนอนน้ำลายไหลยืดสักที”น้ำเสียงดุดันที่แฝงไปด้วยความเอือมระอาเล็กน้อยทำให้กอหญ้าที่ล้มลงบนที่นอนรีบดีดตัวเองลุกขึ้นนั่งและจ้องหน้ารามสูรกลับคืนอย่างดุดันไม่แพ้กัน“พี่รามบ้าถีบมาได้กอหญ้าโตแล้วนะ”น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ต่อว่ารามสูรพร้อมถีบขารัวๆไปทางเขาที่กระโดดลงจากเตียงหลบฝ่าเท้าของน้องสาวได้อย่างหวุดหวิด“โตแล้วก็ควรจะเลิกปีนขึ้นมานอนน้ำลายไหลยืดบนตัวพี่รามสักทีเหอ
“พี่รามของยาย”ทันทีที่เห็นหน้าหลานชายที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปกอดรามสูรด้วยความดีใจใบหน้าของเธอในยามนี้แย้มยิ้มด้วยความยินดีเพราะเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่รามสูรไม่ได้กลับมาเมืองไทย“พี่รามเองก็คิดถึงคุณยายมากเหมือนกันครับ”รามสูรเอ่ยบอกผู้เป็นยายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทำให้กอหญ้าที่เดินตามหลังเข้ามาทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ทีกับเธอไม่เห็นว่าพี่ชายจะพูดจาออดอ้อนแบบนี้บ้างเลยเขานี่มันสองมาตรฐานชัดๆ“ปากบอกว่าคิดถึงแต่ตัวไม่ยอมกลับมาหายายบ้างเลยนะเราหรือว่าเดี๋ยวนี้พอมีสาวแล้วก็เลยลืมยาย”คำว่า มีสาวแล้ว ของที่รักทำให้รามสูรที่ไม่เคยคิดจะมีความรักพลันรีบส่ายหน้าปฏิเสธสุดชีวิตทันทีต่อให้เขาจะชอบมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับสาวๆมากหน้าหลายตาแต่เรื่องความรักก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาหรอกนะ ฮึ้ย คิดถึงเรื่องความรักแล้วขนลุกชะมัด“มีสาวที่ไหนกันคะคุณยายปากดีไม่มีใครเกินแบบนี้จะมีสาวที่ไหนมาชายตามองกันล่ะคะ ? ”กอหญ้าที่เดินไปนั่งลงข้างๆกฤษฎิ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในขณะที่รามสูรได้แต่หันขวับกลับไปถลึงตาใส่น้องสาวที่ลอยหน้าลอยตาหยิบองุ่นส่งเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยทั้งๆที่เพิ่งพูด
โรงพยาบาล K“ไปดื่มด้วยกันหน่อยไหมคะ ?”ฝีเท้าของคุณหมอหนุ่มที่กำลังก้าวเดินไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลพลันชะงักเล็กน้อยเขาเหลือบมองสาวสวยที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเพียงแวบเดียวก่อนที่จะดึงสายตากลับมาคืนและเดินไปยังรถ Rolls-Royce รุ่นล่าสุดที่ผลิตเพียงห้าคันในโลกโดยที่ไม่ตอบคำถามของสาวสวยที่มาดักรอพบเพื่อพูดคุยกับเขาแต่อย่างใดทำให้หญิงสาวที่หวังจะได้รับความสนใจจากคุณหมอหนุ่มได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ“หึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะราฟสักวันฉันจะทำให้คุณยอมสยบแทบเท้าฉันให้ได้”เรน่าได้แต่หมายหมาดอยู่ในใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถหรูราคาแพงและขับออกไปจากโรงพยาบาลทันทีVictoria PubRolls-Royce ที่ขับออกมาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของประเทศอิตาลีค่อยๆเลี้ยวเข้ามายังผับประจำที่เขาชอบมานั่งดื่มหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการผ่าตัดมาทั้งคืนก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูและโยนกุญแจรถให้พนักงานภายในผับอย่างสนิทสนมคุ้นเคยและเดินเข้าไปภายในผับทันทีเสียงเพลงที่เปิดเบาๆคลอไปกับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายทำให้ลำคอของรามสูรแห้งผากอย่างบอกไม่ถูกเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขายุ่งอยู่กับการผ่าตัดจนแทบไม่มีเวลามาพักผ