กล้ามเนื้อขาของอาร์เต้ยกก้นของตัวเองขึ้นก่อนจะลดลงมาอีกครั้ง ท่อนยักษ์ไถลลื่นเมุดเข้าไปในปากทางสีสดใสนั้นในครั้งเดียว
ส่วนปลายบวมเป่งดันกลับเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของช่องภายใน และกระแทกเข้ากับจุดบอบบางแสนอ่อนไหว ประกายไฟฟ้าปะทุขึ้นเล็กตามปลายประสาท
ช่องท้องถูกเติมจนเต็มแต่กลับรู้สึกเบาโหวง ความเสียวแปลบกระจายออกจากสะดือไปตามเส้นเลือดปูดโปน
“อืม… อึก…” อาร์เต้ร้องโอดครวญแม้จะเป็นฝ่ายกระทำแต่กลับรู้สึกถูกกระทำเสียเอง “รู้สึกดีชะมัด”
“โคตรดีต่างหาก… นะ… นาย แน่นมาก ไม่น่าเชื่อว่าเราทำกันแบบนี้แทบไม่หยุดมาหลายวันแล้ว”
คำชมปลุกเร้าอารมณ์ของมนุษย์ผู้อ่อนไหว อาร์เต้กดสะโพกขึ้นลงจนสุด แม้ว่าจะรู้สึกว่าข้างในกำลังถูกท่อนเนื้อฉีกให้แยกออกจากกันก็ตาม
“ถึงจะตัวเล็กแต่นายแรงเยอะ… เหลือเชื่อเลยแฮะ”
“นายชอบแค่แรงของฉันเหรอ” อาร์เต้โอบรัดรอบคอของดันเต้ด้วยวงแขนอ่อนนุ่ม “ส่วนที่เหลือล่ะ?”
“นายมีอย่างอื่นที่ดีกว่าไหมล่ะ?” ดันเต้กำรอบท่อนเนื้อที่เล็กกว่า “พิสูจน์สิ!”
เด็กหนุ่มเด้งเอวที่นุ่มนวลและคอดบางไปตามแนวขาของอีกฝ่าย แรงผลักดันกระตุ้นจุดแข็งสีสว่างในมือหนาใหญ่ให้สั่นกระตุก
ของเหลวขาวใสถูกขย้อนออกจากส่วนปลายสีชมพู เมือกเหนียวหลั่งทะลักปกคลุมลอนท้องของดันเต้ ทว่าอาร์เต้ก็ไม่หยุดรีดคั้นจนส่วนล่างของด้านหน้าชุ่มโชกเป็นประกาย
แรงกดและดันเล่นงานจนร่างกายของอาร์เต้หนักอึ้ง การทรงตัวเริ่มทำได้ยาก ทุกครั้งที่เขาถอยห่าง… ก้นของเขาจะยกขึ้นเพื่อปลดปล่อยเอ็นท่อนยักษ์ให้เป็นอิสระ และเมื่อเด้งตัวไปข้างหน้าเจ้าอสูรร้ายนั้นก็จะบดขยี้เขาจากข้างในอีกครั้ง
ช่องว่างในช่วงท้องถูกเติมเข้าไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่ท่าจะเต็ม ผนังของถ้ำนุ่มนิ่มถูกถูครูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงผิวหนังกระทบกระแทกดังสนั่นปนกับเสียงครางกระเส่า
ท่อนเนื้อแข็งตึงสีสว่างกระทบหน้าท้องสีเข้ม ล้อกับเสียงรูสวาทถูกสอดขยาย กลิ่นแห่งตัณหาลอยคลุ้งพาให้สมองพร่าเลือน
ข้างในนุ่มชื้นของอาร์ตี้แทบจะละลายจากการกระแทกกระทั้น ร่างกายเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่บรรจุแค่ตัณหาราคะเอาไว้ ดวงตาเหม่อลอยไม่สามารถจับจดต่อสิ่งใด
“อืม… ของนายขยายไม่ยอมหยุด” อาร์เต้โอดครวญ ร่างกายถูกดันจนเกินจะรับไหว
“ความผิดของนาย”
“... อือ”
“แรงของนายเริ่มตกแล้วนะ” ดันเต้จับสะโพกคอดกิ่วเอาไว้ในกำมือทั้งสองเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว “ให้ฉันทำต่อเถอะ”
อาร์เต้ผ่อนแรงทั้งหมดลงบนต้นขาอันหนักแน่นของดันเต้ ขาทั้งสองข้างโอบรัดเอวหนากร้านของอีกฝ่าย ส้นเท้าวางหยั่งลงบนเตียง
ชายร่างใหญ่ปักน้ำหนักตัวเอาไว้แน่น ก่อนจะเริ่มเด้งเอวสอดท่อนเนื้ออุ่นผ่านผนังอ่อนนุ่มจนร้อน ร่างทั้งสองหนุ่มสั่นไหวไปในทิศทางและจังหวะเดียวกัน ช่วงล่างในมุมอับเสียดสีจนแทบจะระเบิด
ดันเต้กระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง ยกร่างเล็กกว่าลอยก่อนจะปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงกลับมาอีกครั้ง ทุกแรงสอดใส่นำพาเสียงร่างกายกระทบกันให้ก้องจนรอบห้อง
กล้ามเนื้อทั่วร่างของอาร์เต้ขดเกร็ง สิ่งเดียวที่ทำได้คือปล่อยให้ตัวเองโยกไหวตามแรงกระทำ เหงื่อเม็ดใสกระเซ็นยาวจางคางลงไปถึงสะดือ ผ้าปูเปียกชื้นเป็นรอยโดยรอบ
“นายชอบหรือเปล่า?” อาร์เต้กัดริมฝีปากอดกลั้นความเสียว เส้นผมสีดำขลับฟูฟ่องในกลางอากาศ
“... หือ… ?”
“ชอบไหมที่ได้เอาฉันแบบนี้?”
“ชะ… ชอบ” ดันเต้สูดลมหายใจเข้าปอด กระแทกเอวเข้ากับปากทางที่เริ่มแดงก่ำ
“ข้างในตัวฉันมันมีแต่กลิ่นของนาย… อ้ะ… โอ๊ย”
“ก็เพราะกลิ่นของฉัน เลยทำให้นายมีเสน่ห์กว่าเดิม”
ลอนท้องของดันเต้หดจนเป็นลอนสวย เพิ่มแรงดันดุ้นยักษ์เข้าไปในร่างกายบอบบางของอาร์เต้อย่างสม่ำเสมอ ท่อนเนื้อถูครูดกับเนื้อเยื่อภายในรูนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทิ้งกลิ่นของแก่นแท้เอาไว้จนเต็ม
“ฉันเหมือน…” อาร์เต้กลืนความรู้สึกร้อนแรงลงท้อง เขายังไม่อยากพูดคำนั้นออกไป
“เหมือน… อะไร?”
“... อื้อ” เด็กหนุ่มส่งเสียงครางหวานใส อดกลั้นให้ถึงที่สุด
อาร์เต้เริ่มโยกย้ายสะโพกเป็นการโต้ตอบการกระแทกของดันเต้ เขาหวังว่าความเจ็บปวดจะช่วยยืดเวลานี้ให้ยาวออกไป ทว่ายิ่งเจ็บเขาก็ยิ่งเสียว
เสียงน้ำเปียกแฉะกระฉอกดังจากจุดที่ร่างกายของทั้งคู่มาบรรจบ ก้นอันอ่อนนุ่มปกคลุมไปด้วยฟองฟอดแห่งน้ำราคะ กลิ่นหอมหวานลอยคละคลุ้งขึ้นมาจนตีจมูก
“ฉันไม่ไหวแล้ว อ้ากกกก!”
ความคลั่งไคล้ดุนดันหน้าท้องของอาร์เต้จบแทบระเบิด เด็กหนุ่มไม่อาจหยุดตัวเองจากการโยกไหวอันรุนแรงได้ เขาทำได้เพียงปล่อยให้ลำขนาดเขื่องในกายดันเข้าไปถึงใจกลางประตูสวาท ความอิ่มแน่นนี้เล่นงานจนขาของเขาอ่อนแรง
“ใกล้แล้ว… ฮะ… อา อืม… ฉันทน… ไม่ไหวแล้ว… อ้าาาาาา!!!”
“ไม่เป็นไร… ปล่อยมันออกมา” ดันเต้ใช้อุ้งมือเร่งปฏิกิริยารุนแรงนี้ให้ไปถึงจุดจบ เขารูดชักแท่งสีอมชมพูเพียงไม่กี่ครั้ง…
“ฉันจะแตก!!!”
สิ้นสุดประโยคอันสั้นยอดโดมทรงกลมสีหวานก็ปล่อยน้ำเชื้อออกมาจนเต็มมือของอีกฝ่าย อาร์เต้สั่นกระตุกเร่าเช่นเดียวกับรูหื่นกาม ภายในหดเกร็งเป็นเท่าตัวบีบล็อกดุ้นขนาดใหญ่จนขยับไม่ได้
“อือ… มันแน่นมาก… ฉัน… อ้า!!!”
เสียงนุ่มทุ้มพูดไม่ทันจบประโยค ดันเต้ก็ปล่อยพิษปีศาจออกมาในช่องทางตอดรัดของเด็กหนุ่ม รูนั้นบดขยี้จนเขาเริ่มปวดตุบไปทั้งลำลึงค์ กระแสน้ำรักพวยพุ่งจากท่อนเนื้ออ่อนโยน
การระเบิดน้ำกามครั้งยิ่งใหญ่เติมเข้าไปจนล้นเอ่อ ผนังยืดหยุ่นอันคับแคบไม่สามารถรองรับมันไว้ได้หมด ของเหลวสีขาวขุ่นถูกบีบให้เคลื่อนผ่านรูแยกของอาร์เต้ออกมาสู่ภายนอก
อ้อมแขนหนาแกร่งของดันเต้ค่อยๆวางร่างเล็กจ้อยไว้บนเตียง เสียงรูดูดดังลั่นเมื่อชายร่างยักษ์ถอนอาวุธลับออกจากหลุมหลบภัย
น้ำรักไหลตามออกมาเป็นสายผ่านรอยกลีบแยกสีกุหลาบลงไปยังผ้าปูที่นอน มันขยายเป็นรูกว้างจนการขมิบปิดกลับทำแทบไม่ได้
ลิ้นยืดยาวของปีศาจหน้าตาคมคายไล่เลียไปตามหยาดของเหลวขาวขุ่น ริมฝีปากประกบดูดกลืนอย่างเอร็ดอร่อย จากหน้าอกที่กระเพื่อมลงไปถึงหน้าท้องลึกบุ๋ม
ท่อนเนื้อสีอ่อนหวานยังคงปลดปล่อยน้ำที่ตกค้าง ดันเต้เก็บกวาดทั้งหมดในรวดเดียว เขายัดมันเข้าปากอันแสนอบอุ่นจนมิด
เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวบิดเล็กน้อย เสียงหายใจผ่านไรฟันดังสลับกับเสียงดูดแท่งเอ็น
“ฉันคงคิดถึงรสชาติของนาย” ดันเต้ค่อยๆไต่ร่างของอาร์เต้ขึ้นไป ดวงตาประกายสีเหลืองจ้องมองมนุษย์หนุ่มอย่างพึงพอใจ
“ฉันไม่อยากให้นายไปไหนเลย… ฉันชอบนาย”
“นายไม่ใช่คนแรกหรอกที่หลงเสน่ห์ของฉัน”
“มาทำกันอีกสิ” อาร์เต้อ้อนวอน
“นายถึงขีดจำกัดแล้ว” ดันเต้จรดปลายนิ้วชี้ลงบนท้องน้อยของอาร์เต้
ฉับพลันความอุ่นร้อนก็ทำให้เจ้าหนูของอาร์เต้ปึ๋งปั๋ง มันแข็งและบวมใหญ่เหมือนลูกโป่งที่โดนสูบอัดอากาศเข้าไป
“ฉันทำแบบนี้ให้นายได้” ดันเต้พูดต่อ “แต่ข้างนนั้นมันแห้งเหือดจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว”
“แล้ว… นายจะมาหาฉันอีกไหม?”
“อาจจะ” ดันเต้มอบจูบหวานปนขมเป็นการอำลา สำหรับเขาแล้วอาร์เต้ก็เป็นเพียงอาหารอีกมื้อ “ถ้านายแข็งแรงมากพอฉันอาจจะกลับมาหานายอีก แต่ก็นะ… ฉันไม่ค่อยสนิทกับเทพีแห่งโชคชะตาเท่าไหร่นัก ก็เลยไม่รู้ว่ายัยนั่นจะขีดชีวิตของฉันไปทางไหน”
แดดร่มลมตกเป็นเวลาอันตื่นตัวสำหรับมิว เขาชอบวิ่งออกกำลังกายยามแสงขอบฟ้าทอเป็นสีเข้ม มันให้เขารู้สึกสงบเงียบแบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ลู่วิ่งคอนกรีตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มปล่อยให้สายลมเย็นลูบไล้ใบหน้าและเรือนผม สายตาเหลือบมองผู้คนรอบข้างที่ยิ้มร่าทักทายเขาอย่างมีความสุข ชายทางขวามือ ผู้หญิงที่พึ่งวิ่งผ่าน และเด็กข้างหน้า เหมือนเคยเจอกันมาก่อนจากสักที่ มิววิ่งพร้อมลากความสงสัยติดสอยห้อยตามไปด้วย ‘ใครวิ่งตามมาวะ?’ ชายหนุ่มร่างสันทัดผมสีน้ำตาลเป็นประกายเอะใจ เมื่อเหลือบตาเห็นเงาตะคุ่มวิ่งไล่หลังมา ทว่าเขาก็ไม่กล้าหันไปมอง ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าจนเงานั้นเลือนหายไป ไม่นานม่านหมอกทึบสีขาวก็ไล่ตามหลังเด็กหนุ่ม เหตุการณ์เหล่านี้ปลุกการตื่นรู้ของมิว เขาหยุดเรียงลำดับเหตุการณ์ในสมองอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าครุ่นคิดแสดงออกมา ‘นก’ เพียงแค่คิดฝูงนกก็บินทะยานขึ้นท้องฟ้าราวกับกำหนีอะไรสักอย่าง ‘คน’ ฉับพลันผู้คนรอบกายก็ค่อยๆเลือนหายราวกับมีใครลบทิ้งไป ‘แล้วก็ไอ้เวรนั่น!’ เงา
ชายหนุ่มกวาดต้อนสายตาไปทั่วทุกมุมห้อง สิ่งของในนี้เหมือนห้องนอนของตัวเองไม่ผิดเพี้ยน สีเย็นสบายของผนัง ผ้าปูสะอาดตา เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง อารมณ์รวมถึงความคิดของมิวกระจัดกระจายกลายเป็นสายหมอก หลอมรวมกับประกายแสงที่รายล้อมรอบตัว เขาไม่มั่นใจอีกต่อไปแล้วว่าอะไรคือความจริงหรือความฝัน “นายนี่โคตรดื้อด้านเลย ฉันไม่เคยเจอใครทำตัวงี่เง่าเท่านายมาก่อน” ปีศาจไร้นามเปล่งเสียงดึงดูดความสนใจ ดวงตากลมโตหรี่เล็ก คิ้วขมวดชนเข้าหากัน หากนับรวมทุกเหตุการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนว่าชายผิวเข้มที่นั่งเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าของมิวในตอนนี้ ดูประหลาดมากที่สุด ก่อนจะทันรู้ตัวหรือคิดอะไรเพิ่มเติม ร่างตรงหน้าก็พุ่งขึ้นคร่อมมิวประทับรอยจูบอย่างรวดเร็ว ของเหลวอุ่นร้อนถูกสอดลอดไปกับลิ้น การขัดขืนกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่มิวอยากทำ เขาเปิดโพรงปากรับรสสัมผัสที่โหยหามาช้านาน ในใจขุ่นมัวถูกตีโอบด้วยหมอกทึบหนา มิวพยายามดึงสติเพื่อไม่ให้เตลิดจนเกินควบคุม เขากำหมัดจนแน่นพยายามดันอีกฝ่ายให้หลุดออก… แต่ก็ไร้ผล “แค่นี้ก็คงพอ” เมื่อทุกอย่างเป็นไปดั่งใจ ปี
ด้วยกลิ่นผสมรวมกับความร้อน มิวยอมรับแต่โดยดีว่าเขาเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่ามันแลกกับการที่เด็กหนุ่มได้รับการเยียวยารักษาจากอาการผิดปกติของร่างกาย เขาก็พร้อมจะยอมเสี่ยง ไม่ว่าจะกี่หมอหรือยากี่ขนานก็ไม่ทำให้เจ้าหนูของมิวฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล แม้กระทั่งกระดิกตัวในตอนเช้าก็ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มานานเกือบสองปีแล้วที่เขาต้องเก็บงำความทุกข์เอาไว้เงียบเชียบ ความภูมิใจในความเป็นชายเริ่มลดน้อยถอยลง ในตอนนี้แม้ต้องเซ็นชื่อลงในสัญญาปีศาจเพื่อแลกกับเจ้าหนูที่แข็งแรงดังเดิม มิวก็คงกรีดเลือดเทลงไปโดยไม่อ่านเงื่อนไข แม้จะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด แต่หากมันจมลงด้วยความสุขสม ก็คงไม่เป็นอะไรนัก เพราะท้ายที่สุดเมื่อมิวตื่นจากฝัน เขาก็จะพบโลกจริงและแยกแยะเรื่องบ้าบอพวกนี้ไว้เป็นเรื่องของความฝัน “มานั่งนี่สิ” ปีศาจร่างใหญ่จับปลายนิ้วของเด็กหนุ่มอย่างทะนุถนอม “มิว” “นะ… นายรู้จักชื่อฉัน… ได้ไง” “ไม่ต้องรีบหาคำตอบหรอก” ปีศาจหนุ่มนั่งลงบนขอบเตียง ขาแน่นหนักทั้งสองฉีกกว้าง ก่อนจะฉุดรั้งร่างเล็กกว่าให้แทรกกายผ่านช่องแยกนั้น “เรามี
ถึงจะพยายามหลับต่อแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความมืดไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนมิวคิดว่าความฝันนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่ฝันธรรมดา ที่ผ่านการปรุงแต่งจากจิตใต้สำนึก อันที่จริง ‘*Lucid Dream’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับมิว การรู้ตัวว่ากำลังฝันทำให้มิวสามารถสร้างสนามเด็กเล่นในจินตนาการได้อย่างเพลิดเพลิน แต่นั่นก็ทำให้เขาจำสลับความฝันกับความจริงอยู่บ้าง หลังจากตัดใจเลิกนอนต่อ มิวใช้เวลาที่ควรวิ่งในสวนสาธารณะเปลี่ยนเป็นจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป เลือกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกใจเพื่อทำสิ่งที่ค้างคาให้จบ ทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไร้การเคลื่อนไหวอื่นใดจากช่วงล่าง นอกจากฝ่ามือที่พยายามขยับอย่างรวดเร็ว นั่นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มผู้เปี่ยมล้นด้วยความหวัง ความตะขิดตะขวงใจเหล่านี้อึดอัดอยู่ในหัวของมิวตามไปจนถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มไม่อาจสลัดความตื่นเต้นที่พบเจอได้เลย ส่วนล่างแม้จะนิ่งสงบ ทว่ามิวยังรู้สึกเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนังขาวสะอาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยถ่านไฟที่คุกรุ่นตามติดไปทุกที่ มันค่อนข้างแปลกแต่เขาก็อยากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้อีก
หมู่เมฆรวมตัวกันหนาจนเต็มท้องฟ้า ปิดบังแสงจันทร์นวลไม่ให้เฉิดฉาย ลมโชยอ่อนนำพาความอุ่นโอบอุ้มร่างกายยามสัมผัส แม้จะใกล้ยามรุ่งสางแล้วทว่าสุดขอบยังมืดมิดไร้ความเคลื่อนไหว ดูเหมือนวันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามากกว่าวันอื่น มิวหอบสัมภาระชิ้นเล็กติดตัวยืนรออาร์เต้อยู่หน้าร้าน พวกเขานัดว่าจะหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นติดพันอยู่กับลูกค้าจนเลยเวลาเลิกงานมาสักพักใหญ่ ส่วนตัวของมิวแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ยังถือว่าช้ากว่าตอนปกติอยู่ดี การออกมาสูดอากาศนอกร้านเป็นสิ่งที่ทำให้มิวรู้สึกปลอดโปร่ง อย่างน้อยได้แหงนมองขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ก็ช่วยให้เขาสร่างจากอาการมึนเมาได้บ้าง ดีกว่านั่งอยู่ในห้องแคบๆ มองผนังทั้งสี่ด้านส่ายไปส่ายมาจนเวียนหัว หน้าร้านค่อนข้างเงียบเชียบ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว พวกพนักงานที่ไม่มีลูกค้าส่วนใหญ่จะขอกลับก่อน ส่วนที่เหลือพอร้านปิดก็ทยอยกลับพร้อมลูกค้า ไม่ก็แยกย้ายทางใครทางมัน ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่เลยเวลาปิด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกคะยั้นคะยอให้เปิดห้องวีไอพี หลายคนจึงไม่อยาก
พื้นที่ใช้สอยของห้องในโรงแรมนี้มีไม่มากนัก ถึงกระนั้นก็ยังคงตกแต่งอย่างดีให้ได้รับความรู้สึกหรูหรา ไฟสีนวลจากโคมไฟสาดส่องทั่วทั้งบริเวณให้ดูอบอุ่น ในความเรียบง่ายของชุดเตียงนอนแฝงความปรานีตเอาไว้ในทุกฝีตะเข็บของการถักทอ พื้นพรมก็นำเข้าอย่างดีจากต่างประเทศ ความอ่อนนุ่มยามสัมผัสด้วยฝ่าเท้าเปลือยเปล่า โอบกอดอย่างอ่อนโยนจนรับรู้ความแตกต่างหากเทียบกับของราคาถูก ชายวัยกลางคนใบหน้าแดงก่ำนอนเอกเขนก แขนและขากางเหยียดออกจนสุด หน้าท้องกลมบวมจากการสะสมของไขมันกระเพื่อมรุนแรง รอยยับย่นเห็นได้ชัดเมื่อต้องกับแสงสว่าง ผมสั้นเกือบเกรียนแซมด้วยสีดอกเลา บ่งบอกถึงการผ่านประสบการณ์บนโลกนี้มานานกว่าใครทุกคนในห้อง ความแข็งกร้านเคลือบแฝงอยู่ในประกายของแววตา “ทำไมน้องมิวเขาถึงไม่ยอมรับงานนอก” ชายร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงเป้าหมายสำคัญที่หลุดลอยไป “พี่ไม่อยากใช้วิธีรุนแรงแบบสมัยก่อนหรอกนะ แต่ถ้ามันได้ยากก็คงต้องคิดดูสักหน่อย” “พี่อย่าไปทำน้องมันเลยครับ เด็กคนอื่นเต็มใจอีกตั้งเยอะแยะ พี่อย่าเสียแรงกับเรื่องพวกนี้เลย” เจษรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะ
ปีศาจส่วนใหญ่ก่อกำเนิดจากอารมณ์ของมนุษย์ นี่คือพลังที่แม้แต่ผู้สร้างอย่าง ‘มนุษย์’ เองก็ไม่รู้ นอกจากจะก่อกำเนิดอมนุษย์ต่างๆแล้ว มนุษย์ยังเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงเผ่าพันธุ์วิเศษเหล่านี้อีกด้วย พวกมันมีชีวิตเกือบเรียกได้ว่าอมตะ และสามารถสร้างสิ่งวิเศษที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ ถึงแม้จะมีเวทมนตร์ทรงพลังแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในมือในเผ่าพันธุ์ด้อยปัญญา พลังเหล่านั้นก็กลายเป็นสิ่งที่มีขีดจำกัด เนื่องจากไร้การสรรค์สร้างมากพอจะเอาไปใช้ทำอย่างอื่นนอกเหนือจากการสนองความอยู่รอดของตัวเอง ทว่าก็นับว่าดีที่สิ่งทรงพลังอย่างเวทมนตร์นั้นไม่อาจถูกครอบครองด้วยมนุษย์ ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจใช้มันเพื่อทำลายล้างกันเอง และสร้างความโกลาหลยิ่งใหญ่เกินกว่าโลกทั้งใบจะรับได้ จวบจนทุกวันนี้ความัลบเหล่านั้นก็มีน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ เหล่าอมนุษย์ยังคงเร้นกายอยู่ท่ามกลางฝูงชน จุดมุ่งหมายเพียงเพื่อชักจูงบรรดาอาหารบุฟเฟ่ต์เหล่านี้ ให้มอบพลังให้แก่ตนเองเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงนายเหนือหัวของพวกมันอีกที ในหมู่มวลปีศาจที่โด่งดังคงหนีไม่พ้นพวกคิวบัส ปีศาจที่เข้าไปยุ่มย่ามกับตั
เสายักษ์ปักตระหง่านท้าทายผู้กล้า สีของมันเข้มเช่นเดียวกันกับผิวส่วนอื่นไม่ผิดเพี้ยน ส่วนปลายโค้งงอเข้าหาสะดือจนเกือบจรดกัน ทุกการเต้นเร่าของชีพจรในดุ้นแท่งเขื่องไหลผ่านเข้าไปยังแก้มเต่งตึงของเด็กหนุ่ม หลอดเลือดทุกเส้นสูบฉีดอย่างดุเดือดจนได้ยินเสียง เรื่องน่าประหลาดชวนหลงใหลนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับความจริงจนเป็นเนื้อเดียวกัน ลมหายใจระอุลูบไล้อย่างแผ่วเบากับท่อนเอ็นยักษ์ ที่ผงกหัวอยู่ระหว่างขาของชายร่างสูงใหญ่ กลิ่นหอมประหลาดลอยอบอวลเต็มห้องอันคับแคบ เจ้าท่อนนั้นสั่นเทาเมื่ออาร์เต้เอามันถูไถเบาๆด้วยแก้มนุ่มนิ่ม ลมหายใจของทั้งไต่ระดับความรุนแรงขึ้นตามการแนบชิด อาร์เต้เงยหน้าขึ้นมองเพื่อดูปฏิกิริยา สายตาของผู้นั่งอยู่เบื้องบนจ้องกลับมาด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้รับความสนใจ “นายรู้วิธีเล่นกับมันนี่” เสียงทุ้มลอดผ่านรอยยิ้ม “ฉันเรียนรู้วิธีพวกนี้มาจากลูกค้า” อาร์เต้ตอบพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “เสียดายที่ร้านห้ามมีอะไรกับลูกค้า ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ต้องมาที่นี่เพื่อหาที่ปลดปล่อยหรอก” “ที่ทำงานของนายงี่
พื้นที่ใช้สอยของห้องในโรงแรมนี้มีไม่มากนัก ถึงกระนั้นก็ยังคงตกแต่งอย่างดีให้ได้รับความรู้สึกหรูหรา ไฟสีนวลจากโคมไฟสาดส่องทั่วทั้งบริเวณให้ดูอบอุ่น ในความเรียบง่ายของชุดเตียงนอนแฝงความปรานีตเอาไว้ในทุกฝีตะเข็บของการถักทอ พื้นพรมก็นำเข้าอย่างดีจากต่างประเทศ ความอ่อนนุ่มยามสัมผัสด้วยฝ่าเท้าเปลือยเปล่า โอบกอดอย่างอ่อนโยนจนรับรู้ความแตกต่างหากเทียบกับของราคาถูก ชายวัยกลางคนใบหน้าแดงก่ำนอนเอกเขนก แขนและขากางเหยียดออกจนสุด หน้าท้องกลมบวมจากการสะสมของไขมันกระเพื่อมรุนแรง รอยยับย่นเห็นได้ชัดเมื่อต้องกับแสงสว่าง ผมสั้นเกือบเกรียนแซมด้วยสีดอกเลา บ่งบอกถึงการผ่านประสบการณ์บนโลกนี้มานานกว่าใครทุกคนในห้อง ความแข็งกร้านเคลือบแฝงอยู่ในประกายของแววตา “ทำไมน้องมิวเขาถึงไม่ยอมรับงานนอก” ชายร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงเป้าหมายสำคัญที่หลุดลอยไป “พี่ไม่อยากใช้วิธีรุนแรงแบบสมัยก่อนหรอกนะ แต่ถ้ามันได้ยากก็คงต้องคิดดูสักหน่อย” “พี่อย่าไปทำน้องมันเลยครับ เด็กคนอื่นเต็มใจอีกตั้งเยอะแยะ พี่อย่าเสียแรงกับเรื่องพวกนี้เลย” เจษรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะ
หมู่เมฆรวมตัวกันหนาจนเต็มท้องฟ้า ปิดบังแสงจันทร์นวลไม่ให้เฉิดฉาย ลมโชยอ่อนนำพาความอุ่นโอบอุ้มร่างกายยามสัมผัส แม้จะใกล้ยามรุ่งสางแล้วทว่าสุดขอบยังมืดมิดไร้ความเคลื่อนไหว ดูเหมือนวันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามากกว่าวันอื่น มิวหอบสัมภาระชิ้นเล็กติดตัวยืนรออาร์เต้อยู่หน้าร้าน พวกเขานัดว่าจะหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นติดพันอยู่กับลูกค้าจนเลยเวลาเลิกงานมาสักพักใหญ่ ส่วนตัวของมิวแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ยังถือว่าช้ากว่าตอนปกติอยู่ดี การออกมาสูดอากาศนอกร้านเป็นสิ่งที่ทำให้มิวรู้สึกปลอดโปร่ง อย่างน้อยได้แหงนมองขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ก็ช่วยให้เขาสร่างจากอาการมึนเมาได้บ้าง ดีกว่านั่งอยู่ในห้องแคบๆ มองผนังทั้งสี่ด้านส่ายไปส่ายมาจนเวียนหัว หน้าร้านค่อนข้างเงียบเชียบ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว พวกพนักงานที่ไม่มีลูกค้าส่วนใหญ่จะขอกลับก่อน ส่วนที่เหลือพอร้านปิดก็ทยอยกลับพร้อมลูกค้า ไม่ก็แยกย้ายทางใครทางมัน ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่เลยเวลาปิด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกคะยั้นคะยอให้เปิดห้องวีไอพี หลายคนจึงไม่อยาก
ถึงจะพยายามหลับต่อแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความมืดไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนมิวคิดว่าความฝันนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่ฝันธรรมดา ที่ผ่านการปรุงแต่งจากจิตใต้สำนึก อันที่จริง ‘*Lucid Dream’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับมิว การรู้ตัวว่ากำลังฝันทำให้มิวสามารถสร้างสนามเด็กเล่นในจินตนาการได้อย่างเพลิดเพลิน แต่นั่นก็ทำให้เขาจำสลับความฝันกับความจริงอยู่บ้าง หลังจากตัดใจเลิกนอนต่อ มิวใช้เวลาที่ควรวิ่งในสวนสาธารณะเปลี่ยนเป็นจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป เลือกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกใจเพื่อทำสิ่งที่ค้างคาให้จบ ทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไร้การเคลื่อนไหวอื่นใดจากช่วงล่าง นอกจากฝ่ามือที่พยายามขยับอย่างรวดเร็ว นั่นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มผู้เปี่ยมล้นด้วยความหวัง ความตะขิดตะขวงใจเหล่านี้อึดอัดอยู่ในหัวของมิวตามไปจนถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มไม่อาจสลัดความตื่นเต้นที่พบเจอได้เลย ส่วนล่างแม้จะนิ่งสงบ ทว่ามิวยังรู้สึกเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนังขาวสะอาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยถ่านไฟที่คุกรุ่นตามติดไปทุกที่ มันค่อนข้างแปลกแต่เขาก็อยากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้อีก
ด้วยกลิ่นผสมรวมกับความร้อน มิวยอมรับแต่โดยดีว่าเขาเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่ามันแลกกับการที่เด็กหนุ่มได้รับการเยียวยารักษาจากอาการผิดปกติของร่างกาย เขาก็พร้อมจะยอมเสี่ยง ไม่ว่าจะกี่หมอหรือยากี่ขนานก็ไม่ทำให้เจ้าหนูของมิวฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล แม้กระทั่งกระดิกตัวในตอนเช้าก็ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มานานเกือบสองปีแล้วที่เขาต้องเก็บงำความทุกข์เอาไว้เงียบเชียบ ความภูมิใจในความเป็นชายเริ่มลดน้อยถอยลง ในตอนนี้แม้ต้องเซ็นชื่อลงในสัญญาปีศาจเพื่อแลกกับเจ้าหนูที่แข็งแรงดังเดิม มิวก็คงกรีดเลือดเทลงไปโดยไม่อ่านเงื่อนไข แม้จะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด แต่หากมันจมลงด้วยความสุขสม ก็คงไม่เป็นอะไรนัก เพราะท้ายที่สุดเมื่อมิวตื่นจากฝัน เขาก็จะพบโลกจริงและแยกแยะเรื่องบ้าบอพวกนี้ไว้เป็นเรื่องของความฝัน “มานั่งนี่สิ” ปีศาจร่างใหญ่จับปลายนิ้วของเด็กหนุ่มอย่างทะนุถนอม “มิว” “นะ… นายรู้จักชื่อฉัน… ได้ไง” “ไม่ต้องรีบหาคำตอบหรอก” ปีศาจหนุ่มนั่งลงบนขอบเตียง ขาแน่นหนักทั้งสองฉีกกว้าง ก่อนจะฉุดรั้งร่างเล็กกว่าให้แทรกกายผ่านช่องแยกนั้น “เรามี
ชายหนุ่มกวาดต้อนสายตาไปทั่วทุกมุมห้อง สิ่งของในนี้เหมือนห้องนอนของตัวเองไม่ผิดเพี้ยน สีเย็นสบายของผนัง ผ้าปูสะอาดตา เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง อารมณ์รวมถึงความคิดของมิวกระจัดกระจายกลายเป็นสายหมอก หลอมรวมกับประกายแสงที่รายล้อมรอบตัว เขาไม่มั่นใจอีกต่อไปแล้วว่าอะไรคือความจริงหรือความฝัน “นายนี่โคตรดื้อด้านเลย ฉันไม่เคยเจอใครทำตัวงี่เง่าเท่านายมาก่อน” ปีศาจไร้นามเปล่งเสียงดึงดูดความสนใจ ดวงตากลมโตหรี่เล็ก คิ้วขมวดชนเข้าหากัน หากนับรวมทุกเหตุการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนว่าชายผิวเข้มที่นั่งเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าของมิวในตอนนี้ ดูประหลาดมากที่สุด ก่อนจะทันรู้ตัวหรือคิดอะไรเพิ่มเติม ร่างตรงหน้าก็พุ่งขึ้นคร่อมมิวประทับรอยจูบอย่างรวดเร็ว ของเหลวอุ่นร้อนถูกสอดลอดไปกับลิ้น การขัดขืนกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่มิวอยากทำ เขาเปิดโพรงปากรับรสสัมผัสที่โหยหามาช้านาน ในใจขุ่นมัวถูกตีโอบด้วยหมอกทึบหนา มิวพยายามดึงสติเพื่อไม่ให้เตลิดจนเกินควบคุม เขากำหมัดจนแน่นพยายามดันอีกฝ่ายให้หลุดออก… แต่ก็ไร้ผล “แค่นี้ก็คงพอ” เมื่อทุกอย่างเป็นไปดั่งใจ ปี
แดดร่มลมตกเป็นเวลาอันตื่นตัวสำหรับมิว เขาชอบวิ่งออกกำลังกายยามแสงขอบฟ้าทอเป็นสีเข้ม มันให้เขารู้สึกสงบเงียบแบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ลู่วิ่งคอนกรีตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มปล่อยให้สายลมเย็นลูบไล้ใบหน้าและเรือนผม สายตาเหลือบมองผู้คนรอบข้างที่ยิ้มร่าทักทายเขาอย่างมีความสุข ชายทางขวามือ ผู้หญิงที่พึ่งวิ่งผ่าน และเด็กข้างหน้า เหมือนเคยเจอกันมาก่อนจากสักที่ มิววิ่งพร้อมลากความสงสัยติดสอยห้อยตามไปด้วย ‘ใครวิ่งตามมาวะ?’ ชายหนุ่มร่างสันทัดผมสีน้ำตาลเป็นประกายเอะใจ เมื่อเหลือบตาเห็นเงาตะคุ่มวิ่งไล่หลังมา ทว่าเขาก็ไม่กล้าหันไปมอง ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าจนเงานั้นเลือนหายไป ไม่นานม่านหมอกทึบสีขาวก็ไล่ตามหลังเด็กหนุ่ม เหตุการณ์เหล่านี้ปลุกการตื่นรู้ของมิว เขาหยุดเรียงลำดับเหตุการณ์ในสมองอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าครุ่นคิดแสดงออกมา ‘นก’ เพียงแค่คิดฝูงนกก็บินทะยานขึ้นท้องฟ้าราวกับกำหนีอะไรสักอย่าง ‘คน’ ฉับพลันผู้คนรอบกายก็ค่อยๆเลือนหายราวกับมีใครลบทิ้งไป ‘แล้วก็ไอ้เวรนั่น!’ เงา
กล้ามเนื้อขาของอาร์เต้ยกก้นของตัวเองขึ้นก่อนจะลดลงมาอีกครั้ง ท่อนยักษ์ไถลลื่นเมุดเข้าไปในปากทางสีสดใสนั้นในครั้งเดียว ส่วนปลายบวมเป่งดันกลับเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของช่องภายใน และกระแทกเข้ากับจุดบอบบางแสนอ่อนไหว ประกายไฟฟ้าปะทุขึ้นเล็กตามปลายประสาท ช่องท้องถูกเติมจนเต็มแต่กลับรู้สึกเบาโหวง ความเสียวแปลบกระจายออกจากสะดือไปตามเส้นเลือดปูดโปน “อืม… อึก…” อาร์เต้ร้องโอดครวญแม้จะเป็นฝ่ายกระทำแต่กลับรู้สึกถูกกระทำเสียเอง “รู้สึกดีชะมัด” “โคตรดีต่างหาก… นะ… นาย แน่นมาก ไม่น่าเชื่อว่าเราทำกันแบบนี้แทบไม่หยุดมาหลายวันแล้ว” คำชมปลุกเร้าอารมณ์ของมนุษย์ผู้อ่อนไหว อาร์เต้กดสะโพกขึ้นลงจนสุด แม้ว่าจะรู้สึกว่าข้างในกำลังถูกท่อนเนื้อฉีกให้แยกออกจากกันก็ตาม “ถึงจะตัวเล็กแต่นายแรงเยอะ… เหลือเชื่อเลยแฮะ” “นายชอบแค่แรงของฉันเหรอ” อาร์เต้โอบรัดรอบคอของดันเต้ด้วยวงแขนอ่อนนุ่ม “ส่วนที่เหลือล่ะ?” “นายมีอย่างอื่นที่ดีกว่าไหมล่ะ?” ดันเต้กำรอบท่อนเนื้อที่เล็กกว่า “พิสูจน์สิ!” เด็กหนุ่มเด้งเอวที่นุ่มนวลและค
ราตรีถูกทำลายโดยสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ลาลับจนไร้ซึ่งร่องรอย แสงแห่งชีวิตสาดส่องไปจนทั่วพื้นภิภพ ยกเว้นก็แต่ห้องนอนห้องเล็กนี้ เงามืดยังปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ แม้อาทิตย์จะพยายามลอดเล็ดเข้ามา แต่ม่านหนาทึบก็ยังสกัดกั้นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กกว่าขึ้นคร่อมตักของอีกฝ่ายอย่างมั่นคง ใบหน้าทั้งสองเกือบจะตั้งในระนาบเดียวกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะสูงกว่ามากแต่กลับไม่เป็นปัญหาในท่าทางนี้ ดวงตากลมโตสอดประสานเป็นชิ้นเดียวกัน ทั้งคู่จ้องมองกันอย่างท้าทาย ไม่มีใครยอมโอนอ่อนให้ใคร แก้มของชายทั้งคู่ระเรื่อเจือด้วยสีของเลือดสดๆ บ่งบอกได้ว่าจะมนุษย์หรือปีศาจต่างก็อารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างกัน อำนาจของบางสิ่งอยู่เหนือการควบคุม ม่านหมอกสีขาวบดบังนัยน์ตาสุกใสจนขุ่นมัว สัญชาตญาณดิบหลั่งไหลผ่านทุกรูขุมขนบนผิวหนัง อาร์เต้นั่งคร่อมวางก้นกลมกลึงทับท่อนเนื้อขนาดไม่ธรรมดา เอวร่อนร่ายส่ายไปมาราวกับกำลังทรมานชายตรงหน้าให้ขาดใจ “ฉันชอบรอยสักของนาย” เด็กหนุ่มอมยิ้มไปด้วย “ทุกอันล้วนมีความหมาย ถ้าไม่ใช่เครื่องตีตรา ก็เป็นรอยแต่กำ
แสงตะวันสีเหลืองทองค่อยๆไต่ไล่แต่ละยอดตึกอย่างเชื่องช้า สีของมันทอเป็นประกายเฉกเช่นเดียวกับความดวงตาของชายร่างใหญ่ ทว่าในห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กนั้นปิดทึบนั้นต่างจากภายนอกราวกับคนละโลก เด็กหนุ่มใบหน้าอิดโรยพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างยากลำบาก ชายอีกคนยืนอยู่ปลายเตียงไม่มีทีท่าจะเข้าช่วยเหลือ มิหนำซ้ำยังมองเหยียดต่ำลงไปราวกับจ้องมองขยะที่ไร้ประโยชน์ “ฉันชอบนาย” น้ำเสียงของอาร์เต้แหบพร่า “นายไม่ได้ชอบฉันจริงๆหรอกหนุ่มน้อย อีกไม่นานนายก็จะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ” “งั้นก็อยู่กับฉันต่อเรื่อยๆ ฉันจะได้จำนายได้” “ก็อยากอยู่นะ… แต่คงไม่ได้ นายอ่อนแอเกินไป” “จูบฉันสิ ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าฉันเข้มแข็งพอจะอยู่กับนาย” “น้ำลายของฉันมันก็ได้ผลแต่ชั่วคราว แต่พอหมดฤทธิ์แล้วนายจะแย่เอา “ใครสน!” อาร์เต้ปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันก็แค่อยากมีอะไรกับนาย ต่อให้ร่างกายนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง” ดันเต้ได้แต่สั่นหัวเบาๆภายใต้เงามืด ในใจก็นึกโทษตัวเองที่น่าจะทิ้งอาร์เต้ไปให้เร็วกว่านี้ ท