ทุกอารมณ์และการเคลื่อนไหวถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ ความสนใจพุ่งตรงไปยังชายหน้าใหม่ผู้ซ่อนตัวไม่มิดอยู่หลังเป็นเอก นอกจากจะสูงเด่นเกือบสองเมตรแล้ว ผิวสีน้ำตาลทองที่เนียนละเอียดยังขับให้ทั่วทั้งร่างดูโดดเด่นเมื่อต้องกับแสงไฟ ขนาดเทวดาทั้งสามผู้เป็นตัวท็อปของอมอร์ยังไม่อาจละสายตาทิ้ง ชายผู้มีใบหน้ามาดมั่นยืนอวดรอยยิ้มอยู่ด้านหลังของผู้จัดการร้าน เขี้ยวซี่ขาวยาวทะลุริมฝีปาก ชวนให้นึกถึงใครสักคนที่กำลังอยากทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ดวงตากลมโตของมิวพินิจพิจารณาพนักงานใหม่ตั้งศีรษะจรดเท้า เขารู้สึกคุ้นเคยอยากบอกไม่ถูก ทั้งส่วนสูงและสีผิวทำให้ทรวงอกร้อนรุ่ม ถึงจะพอสร้างข้อมูลกระจัดกระจายเอาไว้ในหัวได้ ทว่ามิวก็ไม่กล้าประติดต่อปะต่อเรื่องราวทุกอย่างรวมกัน ด้วยสิ่งที่เขาคิดนั้นมันเหนือความเป็นจริงไปมาก ชายหนุ่มจึงทำได้แค่จ้องมอง “ปกติเด็กใหม่มาไม่เห็นจะต้องพามาแนะนำให้พวกเรารู้จัก” เจษยิงคำถามในขณะที่เริ่มแต่งหน้า หางตาแอบเหล่มองพนักงานตัวสูงใหญ่อย่างระแวดระวัง “ทำไมจู่ๆพี่เป็นเอกถึงพาคนนี้มา” “ก็พามาให้เด็กมันเห็นว่าพวกพี่ๆตัวท็อปของร้านเขา
ใครก็ตามที่รู้จักกับดันเต้มาได้สักระยะหนึ่ง จะรู้ได้ว่าพฤติกรรมรวมถึงคำพูดไม่เหมือนคนทั่วไปของเขานั้น เกิดจากการที่เขาไม่ใช่มนุษย์ และหากความทรงจำไม่เลอะเลือนไปเสียก่อนจะจำได้ว่าชายร่างสูง้กือบสองเมตรคนนี้เป็น ‘*ปีศาจคิวบัส’ งานหลักของอมนุษย์พวกนี้คือการปลุกปั่นอารมณ์เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงาน ทำให้การดำรงอยู่ของนายเหนือหัวของพวกมันเป็นนิจนิรันดร์ ยิ่งทำให้มนุษย์เกิดอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถของตัวเองได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้นายเหนือหัวของพวกมันเข้มแข็งมากขึ้นตามไปด้วย และจะตามมาด้วยการก่อเกิดปีศาจได้อย่างไม่รู้จบ เป็นวัฏจักรในโลกลี้ลับที่หมุนเวียนแบบนี้มาช้านาน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือจุดประสงค์หลักจุดประสงค์เดียวที่ทำให้ดันเต้มีตัวตน การทำงานมานับร้อยหรือนับพันปีเช่นนี้ จะพูดว่าเบื่อก็คงบอกได้ไม่เต็มปาก เพราะอสูรเสพกามอย่างเขาไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองเจตจำนงอย่างอื่น การอยู่เพื่อทำหน้าที่ของตนจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกึ่งอมตะ เมื่อก่อนดันเต้มักสิงสู่อยู่แต่ในความฝัน โดยเฉพาะช่วงยุคกลาง… เมื่อมีชายบ้าอำนาจคนหนึ่งองดอ้างว่าตนวิเศษ
ถึงจะเป็นห้องวีไอพีขนาดเล็กสุด แต่ความบันเทิงก็มีให้อย่างครบครันไม่ต่างจากห้องใหญ่ ความสนุกถูกย่อให้เล็กลง ทว่ามันก็ยังตื่นตาตื่นใจอยู่ดี เครื่องอำนวยความบันเทิงครบครันในทุกพื้นที่ของห้อง ทั้งโทรทัศน์พร้อมโหมดคาราโอเกะ โซฟาหนังตัวยาว ไฟดิสโก้เปลี่ยนสีทุกวินาทีเพิ่มความมึนเมา และอุปกรณ์เอนเตอร์เทนมากมาย ทว่าทั้งหมดที่จัดแจงเอาไว้กลับแทบไม่ถูกใช้งาน พวกมันถูกตั้งเอาไว้นิ่งๆ และเป็นฝ่ายเฝ้าดูกิจกรรมสันทนาการในห้องแทน ไฟถูกเปิดไม่ให้สว่างเกินไป หน้าจอโทรทัศน์ดับมืดทำหน้าที่สะท้อนภาพสยิวแทนกระจก มีเพียงโซฟาเท่านั้นที่ถูกใช้งาน ชายร่างใหญ่ปลดกระดุมออกจนหมดเพื่อระบายความอัดอั้น กางเกงเข้ารูปสีนาวีถูกปลดกองไว้ที่หน้าแข้ง มือทั้งสองวางพาดบนพนักพิงด้วยท่าทีสบายๆ หว่างขามีชายใส่แว่นง่วนอยู่กับการพยายามจับดุ้นยักษ์เข้าปาก แต่การกระแทกอย่างไม่หยุดยั้งจากด้านหลัง ทำให้เรื่องง่ายๆยากขึ้น “อึก… ” น้ำลายเจิ่งนองถูกลอบกลืนลงคอยามดุ้นยักษ์หลุดออกจากโพรงปาก และตามมาด้วยเสียงสำลักยามมันถูกกลืนกลับไปจนเกือบทะลุคอหอย “อ๊อก… อ่อก…”
รอยยับยู่และคราบเปียกชื้นบนเสื้อผ้าไม่ได้ทำให้ดันเต้หงุดหงิดเท่าสายตาผู้คนในร้าน เขารู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ชวนหลงใหล แต่สายตาทุกคู่มากมายขนาดนี้ บางครั้งปีศาจผู้บ้าน้ำกามก็เกินจะรับมือไหว ทว่าก็ช่วยไม่ได้… ดันเต้ถือเป็นเด็กใหม่ที่เปิดตัวได้อย่างร้อนแรงและหวือหวาจนทุกคนต่างฮือฮา แม้แต่เป็นเอกเองก็ยังไม่วายต้องจับตามองด้วยความสนใจ อันที่จริงสีผิวที่คล้ำกว่าเพื่อนพนักงานทุกคนในร้าน ทำให้หลายคนมองว่าดันเต้คงไม่อาจเปิดบิลได้ด้วยซ้ำ แต่แค่คืนก็สามารถลบล้างข้อกังขาบนใบหน้าของชายหนุ่มหน้าหยิ่งได้จนสิ้น แต่ก็นั่นแหละ… ดันเต้เป็นปีศาจ ถึงจะต้องพยายามสักหน่อย แต่เขาก็มีเวทมนตร์ พนักงานในร้านบางคนถึงกับพูดว่าดันเต้นี่แหละคือผู้ที่จะเข้ามาเขย่ากลุ่มแองเจิ้ลให้แตก หลังจากที่ไม่มีใครสั่นบัลลังก์ของทั้งสามตัวท็อปได้มานาน ทว่านี่ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เขามายังอมิร์ จะเงินทองหรือชื่อเสียงก็เหมือนกระดาษเปล่าเปียกน้ำใบเดียว ไม่ค่อยมีคุณค่าให้ใช้งานได้เท่าไหร่ ดันเต้นั่งเขย่าตัวอย่างตื่นเต้นบนโซฟากำมะหยี่ ของบนโลกจริงสร้างความตื่นเต้นให้กับเขาทุกครั้งที่ได้
อันที่จริงดันเต้สามารถแวบเข้าไปห้องของมิว แล้วรอดูสีหน้าตกใจของเจ้าของห้องเลยก็ได้ ภาพในหัวสนุกๆแบบนี้เคยเกิดขึ้นจริงมาหลายครั้ง ยกเว้นก็ครั้งนี้ที่เขาไม่สามารถดลบันดาลให้เป็นจริง ปีศาจจำแลงกายตนนี้ต้องพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนมนุษย์ให้มากที่สุด แม้จะไม่ค่อยชอบก็ตาม จะให้ผลุบๆโผล่ๆไปมาอย่างอิสระเหมือนก่อนหน้านี้คงไม่ได้ เพราะปีศาจอย่างเขามีสภาปีศาจคอยร่างกฎการอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ และมีการร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นเพื่อตรวจตราไม่ให้ทุกอย่างเกินกว่าขอบเขตของการควบคุม แน่นอนว่าการมีอยู่ของอมนุษย์หลากหลายเผ่าพันธุ์นั้นมีมนุษย์ผู้มีอำนาจหลายฝ่ายรับรู้ และเป็นส่วนหนึ่งของสภาความมั่นคงนี้ด้วย ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อให้การมีอยู่ของสิ่งลี้ลับเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน เพราะมันอาจส่งผลดีมากกว่า หลายครั้งที่ปีศาจหรือเทวาถูกมนุษย์จับตัวไปทำการทดลอง แน่นอนว่ามนุษย์ผู้หื่นกระหายความรู้มองเวทมนตร์เป็นความท้าทายหนึ่งที่ต้องการปักธงพิชิต นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ที่รับรู้เรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้ต่างลงความเห็นคล้ายกันว่า ความก
“คำแช่งบ้าบออะไร!” มิวหายใจหอบในขณะที่ยังคงตกอกตกใจ “นะ… นายพูดเรื่องอะไร? ละ… แล้วเรื่องเมื่อกี้อีก จู่ๆมาจูบฉันแบบนี้ได้ยังไง” “ก็ทำไปแล้ว” ดันเต้ยักไหล่ “แบบนี้เรียกล่วงละเมิด” “แต่นายดูชอบนะ” “มันไม่เกี่ยวกัน นายจะไปจูบใครมั่วซั่วโดยที่เขาไม่ยินยอมไม่ได้” “แล้วสิ่งที่ฉันทำมัสำคัญกว่าสิ่งที่ฉันบอกไปหรือไง?” ดันเต้ทอดถอนหายใจ “นายควรกังวลเรื่องที่ตัวเองโดนคำแช่งมากกว่าเรื่องที่ฉันจูบนาย” คำพูดของดันเต้เน้นย้ำถึงปัญหาที่มิวกำลังเผชิญ ทว่ามนุษย์หนุ่มก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ทุกอย่างประดังประเดจนอารมณ์ของเขาแกว่งไกวเหมือนชิงช้าโต้ลมแรง ซึ่งทั้งหมดถูกนำพาเข้ามาโดยชายผิวสีเข้มตรงหน้า “นายจำคืนก่อนในฝันได้ไหม คืนที่นายเสร็จกิจใส่มือของฉัน” จู่ๆมิวก็เผลอพยักหน้าตอบทั้งๆที่ยังงงอยู่ “อยู่ดีๆนายก็หนีออกจากความฝันของฉันได้เฉย” ดันเต้ขยับตัวกลับไปนั่งตรงโซฟาที่เดิม “หลังจากนั้นพอฉันลองชิมน้ำของนายที่เลอะมือของฉัน ฉันก็ได้รสชาติคล้ายตะกั่วกับวานิลลาผสมอยู่” “ดะ… เดี๋ยวก่อ
“เป็นกามเทพแน่ๆ แต่ปกติพวกนี้จะไม่แช่งใครมั่ว” ดันเต้พูดพลางยังง่วนอยู่กับการใช้ปลายจมูกถูไถท้องน้อยของมิว ราวกับกำลังคลั่งไคล้ในกลิ่นประหลาดอย่างบ้าคลั่ง “ฉันไม่เจอพวกคิวปิดในถิ่นนี้มาหลายร้อยปีแล้ว… พวกหนูสกปรกชอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด” “เสร็จหรือยัง?” ใบหน้าของมิวแดงก่ำด้วยความสยิว ถึงแม้เจ้าหนูของเขาจะนอนนิ่งสงบอยู่ในกางเกง แต่จิตใจกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง มันเป็นความสุขสมที่ชวนอึดอัด เหมือนมีอะไรบางอย่างอัดแน่นอยู่ในร่างกายกายพยายามระบาย ทว่าก็หาทางออกไม่ได้ มือหนาใหญ่ปลดระวางจากรอบเอวเล็กๆ ดันเต้ผละตัวกลับไปนั่งลงบนโซฟา ในขณะที่มิวก้มหยิบเสื้อขึ้นมาสวมทับร่างขาวสว่างไม่ให้ถูกลวนลามทางสายตา “นายไปทำอะไรให้พวกมันไม่พอใจมาหรือเปล่า?” “ฉันไม่รู้” มิวนั่งลงพลางติดเม็ดกระดุมจนถึงคอ “ฉันแทบไม่เคยไปมูหรือขอพรจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ” “ไซคี” ดันเต้ขมวดคิ้วพลางรวบรวมความ “บนตัวนายคือตราไซคีสีดำ นายจำได้ไหมว่าคนที่สักให้นายรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง” “จำไม่ได้… จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้รอยสักมายังไง…” มิวพยายามฝ่าหมอกข
คืนแห่งสัญญาระหว่างมนุษย์หนุ่มหน้ามน กับปีศาจร่างชายอายุนับร้อยนับพันปีจบลงด้วยความเรียบง่าย ไม่มีแสงสีเขียวหวือหวาพวยพุ่งหรือไฟลุกท่วมร่างของใครคนใดคนหนึ่ง มีเพียงคำพูดผ่านสายลมอ่อนโยนประทับพันธะผูกมัดดวงวิญญาณทั้งสองดวง ข้อตกลงของสองโลกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปราศจากการกรรโชกขู่เข็ญให้หวาดกลัว มิวยังแอบคิดว่าการยื่นเรื่องเปิดบัญชีธนาคารยังยุ่งยากกว่าเยอะ อาจเพราะอีกฝ่ายคิดไว้แล้ว… ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าลูกเจี๊ยบด้อยค่านี้ก็ไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือตน รู้ตัวอีกทีมิวก็นั่งอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น สมองประมวลผลได้ไม่แจ่มแจ้งถึงเหตุการณ์ทั้งหมด บางอย่างก็ตามทัน บางอย่างก็ปล่อยทิ้งให้มึนลอยเท้งเต้งอยู่ในวังวนอนธการ ในเวลาไล่เลี่ยกันนี้ข้ามมายังอีกฟากฝั่งไม่ไกลจากมิวนัก มีคอนโดฯกว่าห้าสิบชั้นสูงตระหง่านอยู่ลำพัง พื้นที่โดยรอบคลาคลั่งไปด้วยผู้คนขวักไขว่ หัวไหล่ของพวกเขาแทบจะชนกัน เมื่อมองจากมุมสูงจุดเล็กๆเบื้องล่างดูราวกับฝูงมดกำลังเดินสวนสนาม มือหยาบกร้านเปิดประตูของบันไดหนีไฟอย่างระแวดระวัง ร่างสูงใหญ่ที่ลอบเร้นอยู่ในเงามืดค่อยๆแทรกผ่
การคุมโทนให้อยู่ในสีขาวกับทอง ทำให้ห้องทำงานของเป็นเอกหรูหราเกินความคิดของมิวไปมากโข ยิ่งดูจากลักษณะนิสัยการทำงานของผู้จัดการจอมยุ่งด้วยแล้ว ดูยังไงก็ควรจะเละเทะกว่านี้ ภาพของมิวที่มีต่อห้องทำงานของเป็นเอกอัปลักษณ์กว่านี้มาก เขาคิดถึงห้องเก็นแฟ้มคดีในสถานีตำรวจ ทั่วทั้งพื้นที่สี่เหลี่ยมคับแคบต้องอัดแน่นด้วยกองเอกสาร แผ่นกระดาษเกือบเปื่อยยุ่ยสีเหลืองต้องปลิวว่อนไปทั่ว และต้องมีชั้นหนังสือทำจากไม้เก่าๆ เอียงกระเท่เร่พร้อมถล่มแค่เพียงขนนกบางเบาปลิวหล่นบนยอด อย่างไรก็ตาม… ทุกอย่างกลับตาลปัตร ผนังทึบทั้งสี่ด้านตีโอบล้อมไร้หน้าต่าง ภายในเปิดโล่งไม่มีสิ่งกีดขวางให้ระคายตา หากนั่งจากโต๊ะทำงานด้านในจะสามารถมองเห็นทุกพื้นที่ของห้องได้ทั้งหมด ทุกพื้นที่ถูกจัดสรรปันส่วนให้ใช้งานเป็นสัดส่วน ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนสูงใกล้เพดานยกเว้นชั้นหนังสือเรียงชิดกันตรงมุมห้อง และโคมระย้าขนาดย่อมที่ห้อยลงมา นี่คงทำให้ห้องที่ควรอึดอัดดูผ่อนคลายมากกว่าที่ควรจะเป็น อีกทั้งการจัดแสงไฟช่วยทำให้รู้สึกโล่งสบายและกว้างขวาง โต๊ะทำงานถูกจัดไว้กึ่งกลางของห
มันไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว! ในความฝันไร้จุดสิ้นสุดทุกอย่างดำเนินไปโดยไร้เส้นแบ่งของเวลา บนเตียง ริมระเบียงหรือดาดฟ้าล้วนไม่ต่ำกว่าสถานที่ละสองรอบ ทุกบรรยากาศเสกสรรได้ดั่งใจไม่ว่าจะกลางค่ำกลางคืน หรือกลางแสงแดดพร้อมสายลมพัดโชยอ่อน ดวงตาใสซื่อของเด็กหนุ่มเหลือกขึ้นตอนสติใกล้หลุดลอย เรี่ยวแรงโรยราตามพละกำลังที่ถูกใช้ มิวคงสลบเหมือดไปแล้วหากไม่ได้พลังในกายคอยช่วยเสริมอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่เด็กหนุ่มเหมือนจะขาดหายใจกลับบ้านเก่าไปจริงๆ เขาจึงร้องขอครึ่งอสูรให้ปลดปล่อยจิตวิญญาณคืนสู่ความเป็นจริง ความเหนื่อยล้ารุมเร้ามายังร่างกายจริง มิวแทบไม่เหลือแรงจะทำอะไรนอกจากกิน กิน และก็กิน แม้ว่าจะรู้ตัวว่าขาดงานไปแล้วสองวัน ชายหนุ่มก็เลือกจะกินมันทั้งวันทั้งคืน ไซคีสีดำตรงท้องน้อยขาวเนียนจางลง กระนั้นตราปีศาจที่ดันเต้ทำพิธีไปนั้นก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น ความร้อนใจของมิวไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปีศาจผู้ทำพิธี เขาคอยพะเน้าพะนอเด็กหนุ่มอย่างใกล้ชิด และหาเศษหาเลยทุกครั้งที่มีโอกาส “คืนนี้ฉันให้นายแค่รอบเดียว เพราะช่ว
ดวงตาและริมฝีปากถูกผนึกในเวลาไล่เลี่ยกัน เหลือเพียงด้านล่างที่ยังเปิดค้างพร้อมของเหลวที่รั่วไหล ของเหลวหนืดยืดไหลเป็นสายจากช่องน้อยลากยาวไปถึงต้นขา แสงสีส้มอมม่วงย้อมบรรยากาศให้เร้นลับ กลิ่นอายทะเลเค็มๆก็ไม่อาจสะกดใจได้เท่ากลิ่นหอมหวานของเครื่องเทศและยางไม้ ที่ลอยออกมาจากตัวของครึ่งอสูร มันเป็นกลิ่นซับซ้อนที่หลอมละลายพฤติกรรม เมื่อห้อมล้อมด้วยนฤมิตจากเวทมนตร์ ก็ชวนให้สับสนถึงความจริง การรับรู้เพี้ยนของมิวผิดเพี้ยน เขาไม่รู้ว่าเขาใช้เวลากับดันเต้ไปนานเท่าไหร่แล้ว และไม่รู้ว่าขีดจำกัดของร่างกายตัวเองอยู่ตรงไหน ทั้งที่เพิ่งหลั่งไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน อารมณ์ทางเพศของเด็กหนุ่มกลับไม่ดิ่งลงตามที่ควรจะเป็น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังยังอุ่นร้อนพร้อมเสิร์ฟให้กรรมการชิมทุกเมื่อ ยิ่งได้มองแววตาดุดันรุ่งโรจน์ด้วยแสงสีทองแล้ว ทรวงอกก็พองออกเหมือนจะระเบิด ท้องน้อยบิดมวนด้วยความโกลาหล ถึงความอายยังไม่สลายหายไป แต่มิวก็พร้อมยอมพลีแลกทุกอย่าง เพื่อให้ได้มองใบหน้าคมเข้มของดันเต้เหยเกด้วยความหื่นกระหาย อีกฝ่ายก็คิดไม่ต่างกัน… กลิ่นพีชในสวนบนยอ
หมอกขาวทึบอบอวลไปด้วยกลิ่นความใคร่ที่ไหลพรั่งพรูผ่านทุกต่อมในร่างกาย มันทะลักล้นไม่หยุดหลังการไต่ระดับถึงจุดสุดยอด กราฟแห่งความสุขสมยังค้างเติ่งสูงอยู่ด้านบน ไม่ตกร่วงเหมือนความรู้สึกของคนทั่วไป เหงื่อเม็ดใสเกาะเป็นหยดกลมตามลอนท้องและแผงอก มันรวมตัวเป็นก้อนกลมและไหลหล่นบนผ้าปูยามหน้าท้องกระเพื่อม เสียงหอบหนักดังมาจากมนุษย์หนุ่มเป็นหลัก ริมฝีปากกระจับสวยแดงระเรื่อจากการขบเม้ม ผิวขาวสะอาดโดนแต่งแต้มด้วยความสดใส สีแดงชาดเป็นริ้วจากพวงแก้มลามถึงใบหู ดวงตาสีเข้มถูกความเหนื่อยล้ากดทับจนหรี่เล็ก สะโพกกลมแน่พลิ้วไหวเล็กน้อยอยู่ท่ามกลางสมรภูมิน้ำกามที่เจิ่งนอง อาจเพราะสมองเลือนรางเป็นจุดเบลอ เขาโค้งใหญ่บนศีรษะของดันเต้จึงดูไม่แย่นักในสายตาของมิว มิหนำซ้ำยังทำให้ปีศาจดูดุดันอย่างที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ ถึงจะจะบอกได้ไม่เต็มอกว่าคุ้นชินแล้วก็ตาม ตั้งแต่ดันเต้ย่างเท้าเข้ามาในชีวิตแบบไม่เต็มใจ ชายหนุ่มก็พบเจอเรื่องพิลึกกึกกือมากมาย และมีแนวโน้มจะแปลกใหม่มากขึ้นด้วยซ้ำ มิวชอบ… อย่างน้อยมันก็โหดร้ายน้อยกว่าความเหงา การมีที่อยู่แต่ไร้ซึ่งความรู้สึกถึงบ
รยางค์จากด้านหลังตรงกลางก้นกบเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มันเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลังยาวลงมา และมีความรู้สึกไม่ต่างจากนิ้วมือ ส่วนปลายทู่มนมีรูที่ยืดขยายได้กว้าง สามารถลำเลียงของเหลวประหลาดได้ไม่ต่างจากท่อทางเดินในร่างกาย มันส่ายไปมาใกล้รูสวาทสีชมพูเข้มด้วยหมายมุ่งจะจู่โจม หางของดันเต้นั้นเรียวยาวคล้ายปลาไหล หากยืดออกจนสุดจะมีความยาวประมาณครึ่งหนึ่งของส่วนสูง กระนั้นมันก็ยังขยายเพิ่มได้อีกนิดหน่อย เพราะกล้ามเนื้อจุดนี้มีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งข้อต่อเล็กๆนับสิบที่เรียงกันอยู่ภายใน ก็ทำให้มันโค้งงอและเลื้อยได้เหมือนงู สีของหางเป็นสีเดียวกับผิวหนังของดันเต้ สัมผัสยามจับต้องนั้นลื่นไหลไม่มีจุดสะดุด นอกจากจะเป็นเครื่องเอาไว้เล่นสนุกแล้วบางครั้งดันเต้ก็ใช้มันเป็นอาวุธ แต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่นักเพราะเจ้านี่ควบคุมได้ยาก “ข้างล่างนั่น… มันอะไร?” ด้วยการรับรู้อันแตกต่างที่ไม่มีอะไรเหมือนเจ้าสิ่งซุกซนด้านล่าง ทำให้ความคิดของชายหนุ่มภายใต้ผ้าปิดตาสีดำ ไม่สามารถชี้นำไปยังทางดีๆได้เลย ปลายหัวโค้งมนอันเขื่องพยายามกระทุ้งเย
ความคิดในหัวน้อยๆของมิวฟุ้งซ่าน ในขณะที่ด้านล่างล่อนจ้อนกำลังโดนเย้าแหย่ ที่ผ่านมาเด็กหนุ่มมักสวมบทเป็นผู้กระทำในการร่วมรัก แต่เมื่อตำแหน่งบนเตียงถูกเปลี่ยนด้วยความจำเป็น มิวค่อนข้างตื่นเต้นด้วยและกังวล ถึงจะลองดูคลิปและอ่านข้อมูลมาบ้างแล้วก็ตาม ทว่าการปฏิบัติจริงนั้นยังดูเทอะทะเก้กังอยู่มาก เอาเข้าจริงการเป็นผู้ตามยังถือว่าใหม่มากสำหรับมิว การปล่อยให้ช่วงล่างโดนกระเซ้าหยอกล้อ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันรู้สึกดีใช่เล่น แต่ก็ยังไม่อยากยอมรับว่าชอบเสียทีเดียว คงต้องรอให้ไปถึงยังจุดสุดท้ายของเหตุการณ์ มิวอาจรีวิวและให้ดาวดันเต้ได้ถูกต้อง ขณะมือของดันเต้ถูรู่ไปตามทุกตารางนิ้วของท่อนเนื้อขาวเนียนละเอียด กลิ่นกายจากของทั้งคู่ก็ฟุ้งกระจายออกมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความหวานซ่อนเปรี้ยวตีผสมกับความหวานซ่อนเผ็ด คลุกเคล้าจนเป็นกลิ่นที่ซึ่งมิอาจระบุได้ชัดเจน สำหรับอมนุษย์การมีกลิ่นกายซับซ้อนเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา ทว่ากับมนุษย์นี่ถือเป็นเรื่องพิเศษ เพราะตามปกติสิ่งมีชีวิตอย่างมิว หากไม่ปรุงแต่งจะมีกลิ่นเรียบง่าย “จะง่ายกว่านี้ถ้า
เงาที่ทอดยาวภายใต้ปีกสีดำสยายใหญ่ราวกับอีกโลกที่เหลื่อมกัน อาทิตย์มิอาจทอแสงลอดความทะมึนนี้เข้ามาได้ เมื่อบานประตูเผยตัวออกมา มันจะไม่ปิดหากไม่ถูกใช้งาน แสงเรืองรองสีทองแววโรจน์ในดวงตาดุดัน เพียงแค่มือหนาใหญ่ทาบทับบนศีรษะอย่างอ่อนโยน มนุษย์หนุ่มก็ถึงแก่วิสัญญีสลบลงในอ้อมกอดคิวบัส อึดใจเดียวที่ลมหายใจรวยรินถูกปล่อยออกมาผ่านริมฝีปากระเรื่อ ดวงตาคู่หวานกะพริบถี่เพียงช่วงสั้นๆ การมองเห็นก็ค่อยๆถูกปรับให้ทำงานได้ตามปกติ หมอกหนาทึบกลายเป็นพนักงานต้อนรับของดินแดนแห่งฝัน มันเข้ามาทักทายอย่างอ่อนโยนตามเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม พัดโบกความเย็นสบายขานตอบการมาเยือน มนุษย์หนุ่มเริ่มคุ้นเคยไม่ต่างจากการแวะไปร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน เพียงแต่การมาที่นี่ต้องมีคนนำเข้ามา… อาจเพราะมีอีกมือโอบอุ้มอย่างแผ่วเบา ความขลาดเขลาจึงไม่อาจแทรกเข้ามาในจินตภาพ ความอุ่นภายใต้ผิวหนังนุ่มลื่นของปีศาจนั้นไม่ต่างจากมนุษย์เดินดิน หากดันเต้ไม่เฉลยความลับออกมาเสียก่อน มิวก็แทบไม่รู้สึกเลยว่าชายหนุ่มด้านหลังนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากเขา “นายห้ามหนีฉัน
“มันทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” ความตกอกตกใจของมิวยังไม่สร่าง เขาทบทวนทุกอย่างด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย เพื่อให้แน่ใจว่าความมึนเมาไม่ได้หลอนประสาทหูของตัวเอง ดวงอาทิตย์รุ่งสางเริ่มทอประกายแสดจากภายนอกอาคาร ทว่าแสงสว่างนั้นก็ไม่อาจสาดส่องความอึมครึมแห่งความสับสนให้กระจ่าง ทุกอย่างไปไกลเกินการควบคุม ฉีกทุกกฎการเรียนรู้ของมิวที่สะสมมานานยี่สิบสี่ปี เขาหวนคิดถึงนักเดินเรือสมัยก่อนที่ค้นพบทวีปใหม่ มันทั้งตื่นและชวนให้รู้สึกอันตรายไปพร้อมกัน “ตอนนี้มนุษย์รอบตัวนายไม่มีใครเชื่อใจได้สักคน” ดันเต้เกลี้ยกล่อม “เป็นเอกเป็นคนพาอาร์เต้ไปสัก ผู้จัดการร้านของนายอาจเป็นผู้ช่วยของคิวปิดอยู่ก็ได้” มิวใส่คะแนนให้ดันเต้ไปอีกหนึ่งแต้มเมื่อฟังจบ ถึงไม่เห็นกับตาแต่ด้วยม่านควันบังตาทำให้ ความน่าเชื่อถือของคิวบัสนั้นมากกว่ารุ่นน้องคนสนิท “พวกนั้นอาจลงมือกับนายอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากนายโดนจับไปทำอะไรแบบที่อาร์เต้โดน แล้วนายเกิดเกลียดฉันขึ้นมา ตอนนั้นฉันคงเข้าใกล้นายไม่ได้อีกต่อไป” มิวใส่คะแนนเพิ่มให้ดันเต้อีกสองคะแนน เพราะน้ำเสียงของ
ผ่านมาหลายต่อหลายคืนแล้วที่มิวเฝ้าภาวนาขอให้เจออมนุษย์ร่างกายล่ำบึ้ก ไม่ว่าจะเพราะอยากเคลียร์ใจหรือเพราะติดใจบรรยากาศซู่ซ่าในม่านหมอกก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังอยากเจอดันเต้อยู่ดี อากาศเย็นสบายในห้องแต่งตัวไม่อาจดับความรุ่มร้อนของชายหนุ่ม ตั้งแต่มิวตะคอกใส่ดันเต้แล้วหลบหนีออกจากความฝัน เขาก็ไม่พานพบคิวบัสตนนั้นอีกเลย จะเป็นที่ทำงานหรือในความฝัน จนดูเหมือนว่าการหายตัวคงเป็นสิ่งถนัดของดันเต้ เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าปีศาจน้อยใจเป็นหรือไม่ ทว่าก็หวังเอาไว้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น หลายสิ่งยากเหนือจินตาการเกิดแบบฉับพลันในระยะเวลาอันรวดเร็ว แรกเริ่มก็ยากเกินความเข้าใจ กระนั้นเมื่อคุ้นเคยมันกลับกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นที่โหยหา แต่ตอนนี้เมื่อนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มิวจำเป็นต้องสลัดเรื่องราวส่วนตัวทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาสามารถพกพาความเครียดหรือกังวลใจของตัวเองไปพบลูกค้าได้ ภาพรวมในอมอร์ทุกอย่างเป็นปกติ ในแต่ละวันมีเด็กเข้าออกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์ยากเกินควบคุมของเป็นเอก ฉะนั้นการขาดหรือมีดันเต้หนึ่งคน ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินได