ด้วยกลิ่นผสมรวมกับความร้อน มิวยอมรับแต่โดยดีว่าเขาเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่ามันแลกกับการที่เด็กหนุ่มได้รับการเยียวยารักษาจากอาการผิดปกติของร่างกาย เขาก็พร้อมจะยอมเสี่ยง
ไม่ว่าจะกี่หมอหรือยากี่ขนานก็ไม่ทำให้เจ้าหนูของมิวฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล แม้กระทั่งกระดิกตัวในตอนเช้าก็ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มานานเกือบสองปีแล้วที่เขาต้องเก็บงำความทุกข์เอาไว้เงียบเชียบ
ความภูมิใจในความเป็นชายเริ่มลดน้อยถอยลง ในตอนนี้แม้ต้องเซ็นชื่อลงในสัญญาปีศาจเพื่อแลกกับเจ้าหนูที่แข็งแรงดังเดิม มิวก็คงกรีดเลือดเทลงไปโดยไม่อ่านเงื่อนไข
แม้จะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด แต่หากมันจมลงด้วยความสุขสม ก็คงไม่เป็นอะไรนัก เพราะท้ายที่สุดเมื่อมิวตื่นจากฝัน เขาก็จะพบโลกจริงและแยกแยะเรื่องบ้าบอพวกนี้ไว้เป็นเรื่องของความฝัน
“มานั่งนี่สิ” ปีศาจร่างใหญ่จับปลายนิ้วของเด็กหนุ่มอย่างทะนุถนอม “มิว”
“นะ… นายรู้จักชื่อฉัน… ได้ไง”
“ไม่ต้องรีบหาคำตอบหรอก” ปีศาจหนุ่มนั่งลงบนขอบเตียง ขาแน่นหนักทั้งสองฉีกกว้าง ก่อนจะฉุดรั้งร่างเล็กกว่าให้แทรกกายผ่านช่องแยกนั้น “เรามีเรื่องอื่นสำคัญกว่าให้สนใจ”
จากม้าพยศกลับเป็นเชื่องได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้ด้วยมนตร์วิเศษหรือเพราะแรงปรารถนาอันแท้จริง ที่ดลบันดาลให้บรรยากาศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แผ่นหลังของมิวเอนสบายลงบนหน้าอกกำยำสีน้ำผึ้ง เขาเอียงคอกดหน้าลงต่ำย่างเขินอาย อาจเพราะตัวเองไม่ค่อยคุ้นชินกับการสวมบทบาทเป็นผู้ตามในห้วงบรรยากาศเช่นนี้
ทว่าปีศาจเจนจัดสามารถรับมือกับเรื่องพรรค์นี้ได้ทุกรูปแบบ เขาเชยคางโค้งมนขึ้นมาก่อนประทับรอยจูบเติมเชื้อเพลิงลงคอเพิ่มอีก
ท่อนแขนหน้าใหญ่พลางโอบกอดร่างมนุษย์ขาวละเอียดอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากก็บดเบียดอย่างเร่าร้อน แท่งไฟด้านหลังกระตุกเร่ากระทบแผ่นหลังเบื้องล่างของมิวเป็นจังหวะ
ความปรารถนาของมิวเติบโตผ่านท่อนสีเนียนสว่างที่ถูกมือใหญ่ยักษ์เกาะเกี่ยวเอาไว้ เด็กหนุ่มคิดถึงความรู้สึกวูบวาบแบบนี้จนต้องการมันมากขึ้นอีก
ปีศาจเจ้าเสน่ห์ชักจูงมิวให้ทำตามในขณะที่ริมฝีปากไม่ว่างจำนรรจา เขากุมมือน้อยๆของมิวให้ถกปลายเสื้อขึ้น ส่วนอีกข้างก็วางบนส่วนอ่อนไหว
แผ่นอกแน่นหนัก ลอนท้องลีนบาง และต้นขาเนียนใสของมิวขาวนวลละอองทุกส่วนสัด รูปร่างงดงามแม้จะอยู่ในฝันที่พร่าเบลอ
มือของปีศาจโอบรัดรอบลำตัวของมิว ในขณะที่มือของมิววางกุมบนแท่งเนื้อของตัวเองที่เต้นตุบๆ
เรียวขาขาวใสแยกออกเล็กน้อย เปิดเผยบางอย่างที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ส่วนปลายเปิดออกครึ่งหนึ่งเพื่อรอคอยการปลุกเร้า
“นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่” มิวบิดหน้าหนี ลมหายใจหนักหน่วงพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศ
“ต้องสนด้วยเหรอ… ทำต่อไปสิ” ปีศาจจอมหื่นกระหายไล้หยอกล้อกับเรือนร่างของมิว “นายคงชอบมากสินะ ขนาดฉันยังไม่ได้แตะต้อง น้ำของนายยังไหลออกมาไม่หยุด”
ภายใต้การเพ่งพิศของปีศาจหนุ่ม หยาดน้ำค้างที่กลั่นมาจากกามอารมณ์ก็หยดจากปลายกระบอกของมิว เป็นการพิสูจน์ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า สิ่งที่พูดนั้นเป็นความจริง
“เห็นนายมีอารมณ์แบบนี้แล้ว ฉันก็เริ่มจะแย่แล้วเหมือนกัน”
คำว่าแย่คงเป็นคำที่มิวควรพูดเมื่อรับรู้ถึงแรงกระทุ้งทางด้านหลัง “ถ้าอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ หยุดคิดไปได้เลย ฉันไม่ยอมให้นายยุ่งกับตรงนั้นเด็ดขาด”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันพรากความบริสุทธิ์ของนายในรอบนี้ นายก็คงต้องหาอะไรสนุกๆมาโชว์ฉันแล้วล่ะ”
“โชว์… โชว์อะไร?”
“ตอนฉันไม่อยู่ นายเล่นสนุกกับตัวเองยังไงล่ะ?”
ฝ่ามือหนาใหญ่ของปีศาจเคล้นคลึงหน้าอกของมิว มันเปลี่ยนเป็นสีแดงได้ง่ายเนื่องจากผิวอันอ่อนนุ่มนั้นแสนบอบบาง
เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อจุดอ่อนไหวโดนกระตุ้น “อื้อ…”
“จับเจ้าหนูด้านล่างของนาย แล้วชักจนกว่าจะแตก”
“แต่ฉันทำไม่ได้” เมื่อนึกถึงความพยายามที่ล้มเหลวในการช่วยตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนในระยะเวลาปีกว่าๆ มิวก็รู้สึกประหม่า “ฉะ… ฉัน ไม่…”
“นายทำมันได้” ปีศาจแลบลิ้นเลียใบหูที่แดงระเรื่อของมิว นิ้วมือทั้งสองข้างสะกิดลงบนหัวนมที่เริ่มบวมตึง “นายจะทรมานตัวเองแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
“อ๊าาาา” มิวลากเสียงครางยาวผ่านช่องคอ ก่อนจะยอมใช้มือรูดชักหว่างขาของตัวเองตามคำสั่ง “อือออ!!!”
ปีศาจร่างยักษ์จับมือของมิวขึ้นมาเลียจนชุ่มโชก ก่อนจะวางมือขาวเนียนนั้นลงบนแท่งเนื้อที่กำลังชูชัน
“นายก็แค่ถือมันเอาไว้ให้แน่น บีบมันเล็กน้อย แล้วเลื่อนมือของนายจากโคนไปตามแนวเส้นเลือดจนถึงเอ็นร้อยหวาย แล้วถูที่ปลาย…”
“ฉันทำเป็นหรอกน่า”
“ฮ่าๆ งั้นเหรอ? ฉันเห็นนายทำหน้าตาไร้เดียงสาอย่างกับเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา”
“ฉันเปล่า” มิวทำแก้มป่อง ใบหน้าระเรื่อด้วยสีของเลือดที่สูบฉีด
น้ำลายที่ชื้นแฉะนั้นช่วยให้การรูดชักลื่นไหล ความเสียวซ่านพุ่งเป็นประกายไปตามเส้นเลือดปูดโปน เด็กหนุ่มเริ่มเคลิบเคลิ้มกับช่วงเวลาที่เฝ้าถวิลหา
มิวเปิดดวงตาเพียงครึ่งเดียวในขณะที่ลมหายใจเริ่มขาดห้วง ทิ้งแผ่นหลังให้หลอมละลายไปกับหน้าอกกำยำ
“กลิ่นของนายหอม มันหวานและร้อนแรง” ปีศาจค่อยๆเป่าคำเล้าโลม ความเย้ายวนแฝงเร้นอยู่ในลมหายใจเข้าไปในหูของมิว ค่อยๆกัดเซาะความประหม่าของเด็กหนุ่มแบบคำต่อคำ “การได้เห็นนายหอบถี่อยู่ในอ้อมกอดมันทำให้ใจของฉันแทบจะระเบิด”
“อ๊ะ… อา” เด็กหนุ่มโดนรุมล้อมจากทุกโสตประสาท
ใบหูถูกโลมเลียด้วยคำพูดและปลายลิ้น หน้าอกถูกฝ่ามือเคล้นคลึง หัวนมถูกปลายนิ้วกระตุ้น ลมหายใจพัดกลิ่นหอมอ่อนๆเป็นการมอมเมา
ความรุ่มร้อนพุ่งเข้าสู่สมองของมิวทันที เหตุผลและความเขินอายเล็กน้อยที่เขาเหลืออยู่ถูกสั่นคลอนเหลือเพียงซาก
ความปรารถนาของมิวกลายเป็นสิ่งเดียวกันกับปีศาจตนนั้น อุ้งมือของเด็กหนุ่มขับเคลื่อนเร็วขึ้นตามความหื่นกระหาย ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอ
“นายมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ… ฉันละสายตาจากนายไม่ได้จริงๆ”
การล่อลวงซ้ำไปซ้ำมาของปีศาจแห่งราคะทำให้ตัณหาของมิวพุ่งสูงขึ้น ต้นขาของเขาสั่นเทา เม็ดเหงื่อซ่านกระเซ็นกระจายไปโดยรอบ
‘มากขึ้นอีก ฉันอยากได้มากกว่านี้’ มิวหลับตาพริ้มรับฟังเสียงของปีศาจ ‘ถ้าเจ้านั่นจะสัมผัสฉัน… อื้อ… คงดี ฉันอยากโดนสัมผัสมากกว่านี้’
เสียงในใจดังก้องอยู่ภายในใจ ทว่าปีศาจตนนี้ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน เขายิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเริ่มทำตามคำขอ
“นายอยากทำมันให้เร็วกว่านี้ไหม” ปีศาจวางฝ่ามือของตัวเองซ้อนทับกับหลังมือของมิวที่กำลังชักรูด ส่วนมืออีกข้างก็เกาะกุมท่อนเอวคอดบาง
“อือ…” ตัวของมิวสั่นเทา
มือของทั้งคู่ร่วมสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน ท่อนเนื้อสีขาวใสเพิ่มความเสียวซ่านเป็นสองเท่า ส่วนปลายบวมเป่งราวกับอดกลั้นเอาไว้มานาน
ความรู้สึกอุ่นแผ่ซ่านจากทั่วร่าง มิวยังรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่หัวนมตอนถูกบีบดึง แม้ว่าจะไม่โดนสัมผัสแล้วก็ตาม
“ฉัน… อืมมมม… เสียว” น้ำหล่อลื่นไหลออกมาจากปลายแท่งเนื้อของมิวมากขึ้น มันทำให้มือของทั้งคู่เปียกลื่นมากขึ้นไปอีก
‘แย่แล้ว… ฉันทำจะไม่มีมีแรงทำต่อ… อีกนิดเดียวเท่านั้น… ฉันอยาก… ให้มือของเขา… อืมมมม’ เด็กหนุ่มร้องขอความต้องการอยู่ในใจ
“แค่บอกกับฉัน… อะไรก็ตามที่นายต้องการ”
“ฉัน… อึก… อยากจะเสร็จ!!!”
ลอนท้องเนียนเรียบกับหน้าอกขาวใสของมิวกระเพื่อมแรง เขาคล้องมือข้างหนึ่งไว้กับคอของปีศาจ ส่วนอีกข้างโอบหลังอีกฝ่ายเอาไว้
การควบคุมเป็นหน้าที่ของปีศาจโดยสมบูรณ์ ท่อนเนื้อสีหวานของมนุษย์อยู่ในอุ้งมือหนาใหญ่ ตอนนี้มิวพร้อมจะฝากความไว้ใจให้กับอีกฝ่าย
“อื้อ… ช้า ลงหน่อย” อาการชากระจายลุกลามขึ้นไปยังศีรษะของมิว ต้นคอและหัวไหล่ตึง รูเล็กๆด้านล่างขมิบตอดโดยไม่ตั้งใจ “มัน… เสียว อึก… อื้อ… เกินไปแล้ว”
ปีศาจยักษ์ทำตรงกันข้าม เขาเร่งความเร็วของการรูดชัก ทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนส่วนหัว มันก็จะขยายขนาดและอุ่นขึ้น
ความเพลิดเพลินที่ไต่ระดับทำให้มิวโยกสะโพกเพื่อพยายามหลบหนี ความแสบร้อนเรียกเสียงครวญครางยั่วยวนจากเขามากเท่าทวีคูณ
“ฉัน… ไม่ไหวแล้ว ฉัน… อืมมมม” เอวของมิวเด้งจนสุด “แตกแล้ว!!!”
ของเหลวขาวขุ่นทะยานจนเลยหัวก่อนจะตกกระเซ็นไปทั่วห้อง มันพุ่งสูงอยู่หลายระลอกจนชุ่มโชกกายขาวเนียน
ดวงตาของมิวพร่าเบลอจนจับจุดไม่ได้ ก่อนที่น้ำเชื้อระลอกสุดท้ายจะถูกกระตุ้นออกจนหมด ชายหนุ่มก็ถีบตัวขึ้นจากที่นอนพร้อมหน้าอกที่กระหืดกระหอบ
ภาพตรงหน้าชัดเจน มิวยกมือกุมหน้าอกพบว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนอน อาการเหนื่อยอ่อนนั้นรุนแรงเสียจนเกินกว่าฝันไปมาก
ใบหน้าของเขาร้อนและแดงจนรู้สึกได้โดยไม่ต้องมอง มิวรีบเปิดผ้าห่มด้วยความร้อนใจ เขามองหาร่องรอยอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ความคิดของตน
มิวล้วงมือลงไปใต้กางเกงขาสั้น ตรงหว่างขาร้อนและชื้นแฉะอย่างน่าประหลาด เมือกที่สัมผัสกับนิ้วนั้นเปียกท่วมทั่วใต้ร่มผ้า เขาแน่ใจว่าน้ำนี้ไม่ใช่ฉี่อย่างแน่นอน
ฉับพลันมิวก็นึกเสียดาย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝัน ฝันที่เขาอยากให้เกิดขึ้นจริงเสียที
เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอีกครั้ง หลับตาคิดถึงฝันสุดเสียวที่พึ่งจบไป พลางคิดว่าอยากทำอีก
ถึงจะพยายามหลับต่อแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความมืดไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนมิวคิดว่าความฝันนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่ฝันธรรมดา ที่ผ่านการปรุงแต่งจากจิตใต้สำนึก อันที่จริง ‘*Lucid Dream’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับมิว การรู้ตัวว่ากำลังฝันทำให้มิวสามารถสร้างสนามเด็กเล่นในจินตนาการได้อย่างเพลิดเพลิน แต่นั่นก็ทำให้เขาจำสลับความฝันกับความจริงอยู่บ้าง หลังจากตัดใจเลิกนอนต่อ มิวใช้เวลาที่ควรวิ่งในสวนสาธารณะเปลี่ยนเป็นจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป เลือกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกใจเพื่อทำสิ่งที่ค้างคาให้จบ ทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไร้การเคลื่อนไหวอื่นใดจากช่วงล่าง นอกจากฝ่ามือที่พยายามขยับอย่างรวดเร็ว นั่นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มผู้เปี่ยมล้นด้วยความหวัง ความตะขิดตะขวงใจเหล่านี้อึดอัดอยู่ในหัวของมิวตามไปจนถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มไม่อาจสลัดความตื่นเต้นที่พบเจอได้เลย ส่วนล่างแม้จะนิ่งสงบ ทว่ามิวยังรู้สึกเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนังขาวสะอาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยถ่านไฟที่คุกรุ่นตามติดไปทุกที่ มันค่อนข้างแปลกแต่เขาก็อยากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้อีก ชายหนุ่
หมู่เมฆรวมตัวกันหนาจนเต็มท้องฟ้า ปิดบังแสงจันทร์นวลไม่ให้เฉิดฉาย ลมโชยอ่อนนำพาความอุ่นโอบอุ้มร่างกายยามสัมผัส แม้จะใกล้ยามรุ่งสางแล้วทว่าสุดขอบยังมืดมิดไร้ความเคลื่อนไหว ดูเหมือนวันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามากกว่าวันอื่น มิวหอบสัมภาระชิ้นเล็กติดตัวยืนรออาร์เต้อยู่หน้าร้าน พวกเขานัดว่าจะหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นติดพันอยู่กับลูกค้าจนเลยเวลาเลิกงานมาสักพักใหญ่ ส่วนตัวของมิวแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ยังถือว่าช้ากว่าตอนปกติอยู่ดี การออกมาสูดอากาศนอกร้านเป็นสิ่งที่ทำให้มิวรู้สึกปลอดโปร่ง อย่างน้อยได้แหงนมองขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ก็ช่วยให้เขาสร่างจากอาการมึนเมาได้บ้าง ดีกว่านั่งอยู่ในห้องแคบๆ มองผนังทั้งสี่ด้านส่ายไปส่ายมาจนเวียนหัว หน้าร้านค่อนข้างเงียบเชียบ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว พวกพนักงานที่ไม่มีลูกค้าส่วนใหญ่จะขอกลับก่อน ส่วนที่เหลือพอร้านปิดก็ทยอยกลับพร้อมลูกค้า ไม่ก็แยกย้ายทางใครทางมัน ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่เลยเวลาปิด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกคะยั้นคะยอให้เปิดห้องวีไอพี หลายคนจึงไม่อยาก
พื้นที่ใช้สอยของห้องในโรงแรมนี้มีไม่มากนัก ถึงกระนั้นก็ยังคงตกแต่งอย่างดีให้ได้รับความรู้สึกหรูหรา ไฟสีนวลจากโคมไฟสาดส่องทั่วทั้งบริเวณให้ดูอบอุ่น ในความเรียบง่ายของชุดเตียงนอนแฝงความปรานีตเอาไว้ในทุกฝีตะเข็บของการถักทอ พื้นพรมก็นำเข้าอย่างดีจากต่างประเทศ ความอ่อนนุ่มยามสัมผัสด้วยฝ่าเท้าเปลือยเปล่า โอบกอดอย่างอ่อนโยนจนรับรู้ความแตกต่างหากเทียบกับของราคาถูก ชายวัยกลางคนใบหน้าแดงก่ำนอนเอกเขนก แขนและขากางเหยียดออกจนสุด หน้าท้องกลมบวมจากการสะสมของไขมันกระเพื่อมรุนแรง รอยยับย่นเห็นได้ชัดเมื่อต้องกับแสงสว่าง ผมสั้นเกือบเกรียนแซมด้วยสีดอกเลา บ่งบอกถึงการผ่านประสบการณ์บนโลกนี้มานานกว่าใครทุกคนในห้อง ความแข็งกร้านเคลือบแฝงอยู่ในประกายของแววตา “ทำไมน้องมิวเขาถึงไม่ยอมรับงานนอก” ชายร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงเป้าหมายสำคัญที่หลุดลอยไป “พี่ไม่อยากใช้วิธีรุนแรงแบบสมัยก่อนหรอกนะ แต่ถ้ามันได้ยากก็คงต้องคิดดูสักหน่อย” “พี่อย่าไปทำน้องมันเลยครับ เด็กคนอื่นเต็มใจอีกตั้งเยอะแยะ พี่อย่าเสียแรงกับเรื่องพวกนี้เลย” เจษรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะ
“ผมไม่ได้รับลูกค้าพร้อมพี่มิวมาสักพักใหญ่แล้วใช่ไหม ครั้งล่าสุดเดือนที่แล้วหรือเปล่า… ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว” เด็กหนุ่มน้ำเสียงสดใส ดวงตาเป็นประกายเปล่งปลั่งอิ่มเอม ใครจะไปเชื่อว่าเมื่อวานสภาพของเขายังแทบดูเหมือนผีดิบไร้ชีวิต ขอบตาสีคล้ำสว่างใสขึ้นมาก จนการปาดเครื่องสำอางเบาบางเพียงครั้งเดียวก็ปกปิดรอยคล้ำจนเกลี้ยง แก้มทั้งสองขาวใสอมชมพูด ริมฝีปากระเรื่อเจือความชุ่มฉ่ำไม่ลอกแตกเป็นขุน การฟื้นฟูแบบพลิกผันของอาร์เต้เกิดขึ้นรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบชั่วโมง สร้างความประหลาดใจให้มิวไม่น้อย ชายทั้งสองใช้เวลาก่อนเริ่มงานนั่งเอื่อยเฉื่อยบนโซฟากำมะหยี่ตัวยาว มิวค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรในแถบยุโรป ส่วนอาร์เต้ส่งข้อความคุบกับชายแปลกหน้าในแอปพลิเคชันหาคู่ “ผมไม่ค่อยชอบดูแลลูกค้าผู้หญิงเลย” อาร์เต้บ่นอุบอิบ เขารู้ว่าเป็นเรื่องแย่ที่พูดถึงลูกค้าในเชิงลบ แต่ก็ตามนิสัยเด็กหนุ่มผู้มุทะลุ การระบายให้คนที่ไว้ใจฟังมันง่ายกว่าการเก็บงำไว้คนเดียว “ผู้หญิงสงวนท่าทีเยอะกว่าผู้ชาย อ่านเกมก็ยากกว่าเยอะ ผมชอบลูกค้ารุกเร็วๆรุกแรงๆมากกว่า ไม่ชอบเสีย
ทุกอารมณ์และการเคลื่อนไหวถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ ความสนใจพุ่งตรงไปยังชายหน้าใหม่ผู้ซ่อนตัวไม่มิดอยู่หลังเป็นเอก นอกจากจะสูงเด่นเกือบสองเมตรแล้ว ผิวสีน้ำตาลทองที่เนียนละเอียดยังขับให้ทั่วทั้งร่างดูโดดเด่นเมื่อต้องกับแสงไฟ ขนาดเทวดาทั้งสามผู้เป็นตัวท็อปของอมอร์ยังไม่อาจละสายตาทิ้ง ชายผู้มีใบหน้ามาดมั่นยืนอวดรอยยิ้มอยู่ด้านหลังของผู้จัดการร้าน เขี้ยวซี่ขาวยาวทะลุริมฝีปาก ชวนให้นึกถึงใครสักคนที่กำลังอยากทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ดวงตากลมโตของมิวพินิจพิจารณาพนักงานใหม่ตั้งศีรษะจรดเท้า เขารู้สึกคุ้นเคยอยากบอกไม่ถูก ทั้งส่วนสูงและสีผิวทำให้ทรวงอกร้อนรุ่ม ถึงจะพอสร้างข้อมูลกระจัดกระจายเอาไว้ในหัวได้ ทว่ามิวก็ไม่กล้าประติดต่อปะต่อเรื่องราวทุกอย่างรวมกัน ด้วยสิ่งที่เขาคิดนั้นมันเหนือความเป็นจริงไปมาก ชายหนุ่มจึงทำได้แค่จ้องมอง “ปกติเด็กใหม่มาไม่เห็นจะต้องพามาแนะนำให้พวกเรารู้จัก” เจษยิงคำถามในขณะที่เริ่มแต่งหน้า หางตาแอบเหล่มองพนักงานตัวสูงใหญ่อย่างระแวดระวัง “ทำไมจู่ๆพี่เป็นเอกถึงพาคนนี้มา” “ก็พามาให้เด็กมันเห็นว่าพวกพี่ๆตัวท็อปของร้านเขา
ใครก็ตามที่รู้จักกับดันเต้มาได้สักระยะหนึ่ง จะรู้ได้ว่าพฤติกรรมรวมถึงคำพูดไม่เหมือนคนทั่วไปของเขานั้น เกิดจากการที่เขาไม่ใช่มนุษย์ และหากความทรงจำไม่เลอะเลือนไปเสียก่อนจะจำได้ว่าชายร่างสูง้กือบสองเมตรคนนี้เป็น ‘*ปีศาจคิวบัส’ งานหลักของอมนุษย์พวกนี้คือการปลุกปั่นอารมณ์เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงาน ทำให้การดำรงอยู่ของนายเหนือหัวของพวกมันเป็นนิจนิรันดร์ ยิ่งทำให้มนุษย์เกิดอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถของตัวเองได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้นายเหนือหัวของพวกมันเข้มแข็งมากขึ้นตามไปด้วย และจะตามมาด้วยการก่อเกิดปีศาจได้อย่างไม่รู้จบ เป็นวัฏจักรในโลกลี้ลับที่หมุนเวียนแบบนี้มาช้านาน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือจุดประสงค์หลักจุดประสงค์เดียวที่ทำให้ดันเต้มีตัวตน การทำงานมานับร้อยหรือนับพันปีเช่นนี้ จะพูดว่าเบื่อก็คงบอกได้ไม่เต็มปาก เพราะอสูรเสพกามอย่างเขาไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองเจตจำนงอย่างอื่น การอยู่เพื่อทำหน้าที่ของตนจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกึ่งอมตะ เมื่อก่อนดันเต้มักสิงสู่อยู่แต่ในความฝัน โดยเฉพาะช่วงยุคกลาง… เมื่อมีชายบ้าอำนาจคนหนึ่งองดอ้างว่าตนวิเศษ
ถึงจะเป็นห้องวีไอพีขนาดเล็กสุด แต่ความบันเทิงก็มีให้อย่างครบครันไม่ต่างจากห้องใหญ่ ความสนุกถูกย่อให้เล็กลง ทว่ามันก็ยังตื่นตาตื่นใจอยู่ดี เครื่องอำนวยความบันเทิงครบครันในทุกพื้นที่ของห้อง ทั้งโทรทัศน์พร้อมโหมดคาราโอเกะ โซฟาหนังตัวยาว ไฟดิสโก้เปลี่ยนสีทุกวินาทีเพิ่มความมึนเมา และอุปกรณ์เอนเตอร์เทนมากมาย ทว่าทั้งหมดที่จัดแจงเอาไว้กลับแทบไม่ถูกใช้งาน พวกมันถูกตั้งเอาไว้นิ่งๆ และเป็นฝ่ายเฝ้าดูกิจกรรมสันทนาการในห้องแทน ไฟถูกเปิดไม่ให้สว่างเกินไป หน้าจอโทรทัศน์ดับมืดทำหน้าที่สะท้อนภาพสยิวแทนกระจก มีเพียงโซฟาเท่านั้นที่ถูกใช้งาน ชายร่างใหญ่ปลดกระดุมออกจนหมดเพื่อระบายความอัดอั้น กางเกงเข้ารูปสีนาวีถูกปลดกองไว้ที่หน้าแข้ง มือทั้งสองวางพาดบนพนักพิงด้วยท่าทีสบายๆ หว่างขามีชายใส่แว่นง่วนอยู่กับการพยายามจับดุ้นยักษ์เข้าปาก แต่การกระแทกอย่างไม่หยุดยั้งจากด้านหลัง ทำให้เรื่องง่ายๆยากขึ้น “อึก… ” น้ำลายเจิ่งนองถูกลอบกลืนลงคอยามดุ้นยักษ์หลุดออกจากโพรงปาก และตามมาด้วยเสียงสำลักยามมันถูกกลืนกลับไปจนเกือบทะลุคอหอย “อ๊อก… อ่อก…”
รอยยับยู่และคราบเปียกชื้นบนเสื้อผ้าไม่ได้ทำให้ดันเต้หงุดหงิดเท่าสายตาผู้คนในร้าน เขารู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ชวนหลงใหล แต่สายตาทุกคู่มากมายขนาดนี้ บางครั้งปีศาจผู้บ้าน้ำกามก็เกินจะรับมือไหว ทว่าก็ช่วยไม่ได้… ดันเต้ถือเป็นเด็กใหม่ที่เปิดตัวได้อย่างร้อนแรงและหวือหวาจนทุกคนต่างฮือฮา แม้แต่เป็นเอกเองก็ยังไม่วายต้องจับตามองด้วยความสนใจ อันที่จริงสีผิวที่คล้ำกว่าเพื่อนพนักงานทุกคนในร้าน ทำให้หลายคนมองว่าดันเต้คงไม่อาจเปิดบิลได้ด้วยซ้ำ แต่แค่คืนก็สามารถลบล้างข้อกังขาบนใบหน้าของชายหนุ่มหน้าหยิ่งได้จนสิ้น แต่ก็นั่นแหละ… ดันเต้เป็นปีศาจ ถึงจะต้องพยายามสักหน่อย แต่เขาก็มีเวทมนตร์ พนักงานในร้านบางคนถึงกับพูดว่าดันเต้นี่แหละคือผู้ที่จะเข้ามาเขย่ากลุ่มแองเจิ้ลให้แตก หลังจากที่ไม่มีใครสั่นบัลลังก์ของทั้งสามตัวท็อปได้มานาน ทว่านี่ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เขามายังอมิร์ จะเงินทองหรือชื่อเสียงก็เหมือนกระดาษเปล่าเปียกน้ำใบเดียว ไม่ค่อยมีคุณค่าให้ใช้งานได้เท่าไหร่ ดันเต้นั่งเขย่าตัวอย่างตื่นเต้นบนโซฟากำมะหยี่ ของบนโลกจริงสร้างความตื่นเต้นให้กับเขาทุกครั้งที่ได้
“มันทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” ความตกอกตกใจของมิวยังไม่สร่าง เขาทบทวนทุกอย่างด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย เพื่อให้แน่ใจว่าความมึนเมาไม่ได้หลอนประสาทหูของตัวเอง ดวงอาทิตย์รุ่งสางเริ่มทอประกายแสดจากภายนอกอาคาร ทว่าแสงสว่างนั้นก็ไม่อาจสาดส่องความอึมครึมแห่งความสับสนให้กระจ่าง ทุกอย่างไปไกลเกินการควบคุม ฉีกทุกกฎการเรียนรู้ของมิวที่สะสมมานานยี่สิบสี่ปี เขาหวนคิดถึงนักเดินเรือสมัยก่อนที่ค้นพบทวีปใหม่ มันทั้งตื่นและชวนให้รู้สึกอันตรายไปพร้อมกัน “ตอนนี้มนุษย์รอบตัวนายไม่มีใครเชื่อใจได้สักคน” ดันเต้เกลี้ยกล่อม “เป็นเอกเป็นคนพาอาร์เต้ไปสัก ผู้จัดการร้านของนายอาจเป็นผู้ช่วยของคิวปิดอยู่ก็ได้” มิวใส่คะแนนให้ดันเต้ไปอีกหนึ่งแต้มเมื่อฟังจบ ถึงไม่เห็นกับตาแต่ด้วยม่านควันบังตาทำให้ ความน่าเชื่อถือของคิวบัสนั้นมากกว่ารุ่นน้องคนสนิท “พวกนั้นอาจลงมือกับนายอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากนายโดนจับไปทำอะไรแบบที่อาร์เต้โดน แล้วนายเกิดเกลียดฉันขึ้นมา ตอนนั้นฉันคงเข้าใกล้นายไม่ได้อีกต่อไป” มิวใส่คะแนนเพิ่มให้ดันเต้อีกสองคะแนน เพราะน้ำเสียงของ
ผ่านมาหลายต่อหลายคืนแล้วที่มิวเฝ้าภาวนาขอให้เจออมนุษย์ร่างกายล่ำบึ้ก ไม่ว่าจะเพราะอยากเคลียร์ใจหรือเพราะติดใจบรรยากาศซู่ซ่าในม่านหมอกก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังอยากเจอดันเต้อยู่ดี อากาศเย็นสบายในห้องแต่งตัวไม่อาจดับความรุ่มร้อนของชายหนุ่ม ตั้งแต่มิวตะคอกใส่ดันเต้แล้วหลบหนีออกจากความฝัน เขาก็ไม่พานพบคิวบัสตนนั้นอีกเลย จะเป็นที่ทำงานหรือในความฝัน จนดูเหมือนว่าการหายตัวคงเป็นสิ่งถนัดของดันเต้ เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าปีศาจน้อยใจเป็นหรือไม่ ทว่าก็หวังเอาไว้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น หลายสิ่งยากเหนือจินตาการเกิดแบบฉับพลันในระยะเวลาอันรวดเร็ว แรกเริ่มก็ยากเกินความเข้าใจ กระนั้นเมื่อคุ้นเคยมันกลับกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นที่โหยหา แต่ตอนนี้เมื่อนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มิวจำเป็นต้องสลัดเรื่องราวส่วนตัวทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาสามารถพกพาความเครียดหรือกังวลใจของตัวเองไปพบลูกค้าได้ ภาพรวมในอมอร์ทุกอย่างเป็นปกติ ในแต่ละวันมีเด็กเข้าออกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์ยากเกินควบคุมของเป็นเอก ฉะนั้นการขาดหรือมีดันเต้หนึ่งคน ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินได
ท่ามกลางความวุ่นวายของมหานคร ห้องสี่เหลี่ยมขนาดพอประมาณเป็นดั่งอีกโลกคู่ขนาน มันหลุดพ้นจากวังวนยุ่งเหยิงจากภายนอก ทิ้งไว้เพียงความเงียบเชียบไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ เบื้องบนที่อยู่สูงเกินเอื้อม ประดับด้วยดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนแรงเฮือกสุดท้าย สีแดงฉานเหนือหมู่เมฆราวกับเลือดของใครสักคน แต่งแต้มท้องนภาจนเกิดสีสันชวนอ่อนไหว หน้าต่างกระจกสะท้อนเงาบางส่วนกลับมาเลือนราง บรรยากาศข้างในห้องมืดมิดไร้สีสัน อุปกรณ์เครื่องใช้ทุกชิ้นไม่ถูกเปิดใช้งาน มันแค่ตั้งนิ่งๆอยู่ตรงนั้นเฉกเช่นเดียวกันกับปีศาจ การประดับประดาในนี้ถือว่าคุมโทนได้ดี ทั้งเย็นชืดและหม่นหมอง มีเพียงสมุดบันทึกเก่าๆกองพะเนินซ้อนทับกันหลายชั้น มันถูกทิ้งระเกะระกะอยู่ตามมุมห้อง บ่งบอกได้ว่าเจ้าของเลิกสนใจไปตั้งนานแล้ว ตู้เสื้อผ้าเป็นอีกอย่างที่ว่างเปล่า ปีศาจส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องสวมใส่อาภรณ์ปกปิด แค่มนต์พรางตาก็เพียงพอสำหรับการลวงหลอกการมองเห็นของมนุษย์ ทว่าก็มีบ้างบางครั้งที่พวกเขาเลือกสวมใส่เสื้อผ้าจริงๆ หากไม่นั่งจ้องออกไปนอกตึก บางครั้งดันเต้ก็จะขังตัวเองในตู้ที่ไม่มีเสื้
นอกเหนือจากดินแดนเนรมิตแล้ว ดันเต้ยังมีสถานที่ใช้สำหรับพักอีกที่ มันตั้งอยู่ในโลกแห่งความจริง แฝงอยู่กับหมู่ตึกมากมายทั่วไป สิ่งปลูกสร้างสูงราวหกสิบชั้นตั้งตระหง่านเด่นอยู่เกือบใจกลางเมือง หากมองด้วยผิวเผินโรงแรมแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากโรงแรมหรูทั่วไปในมหานคร ทว่าความลับในนั้นทำให้มันพิเศษกว่าที่อื่น จำนวนหนึ่งเป็นที่หลบซ่อนของเหล่าอมนุษย์ ผสมปนเปไปอย่างแนบเนียนกับมนุษย์ทั่วไป พวกเขาอาศัยอยู่กันชั่วคราวร่วมกันโดยภายใต้การควบคุมเข้มงวด และกฎหมายพิเศษที่ไม่มีประเทศไหนประกาศใช้กับพลเรือนของตน แน่นอนว่าเพื่อการเท่าเทียมกันการใช้เวทมนตร์หรือทำร้ายกันภายในพื้นที่พิเศษนี้เป็นข้อห้ามสำคัญ หากเป็นมนุษย์จะถูกดำเนินตามกฎหมาย นอกเหนือจากนั้นจะต้องรับโทษตามสังกัดของตัวเอง พื้นที่ที่มีการแหกกฎบ่อยคงเป็นบาร์ของโรงแรม…. ห้องที่โอ่อ่ากว้างขวางกินพื้นที่เกือบทั้งชั้นของโรงแรม รองรับผู้คนและกิจกรรมได้มากมาย เพดานสูงโปร่งดูหรูหราด้วยโคมระย้าทำจากคริสตัล ทุกเม็ดหยอกเย้ากับแสงไฟจนเกิดเป็นประกายหลากสี มองดูแล้วเหมือนบอลรูมของเหล่าเชื้อพระวงศ์
ท่อนบนเปลือยของชายทั้งคู่นอนซ้อนทับถูกห่อหุ้มด้วยผ้าผืนบางเพื่อลดความอนาจาร คนที่อยู่ด้านบนเนื้อตัวอัดแน่นด้วยมวลกล้ามเนื้อ จนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายที่อยู่ด้านล่างอาจถูกทับบี้แบนจมลงไปกับเบาะ เสียงนกร้องขานรับดวงตะวันทอแสง ความสงบเงียบถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ความวุ่นวายเซ็งแซ่จากทั่วทิศทางบ่งบอกถึงการเริ่มต้นชีวิตของผู้คน สำหรับอาร์เต้เขาไม่ค่อยชอบเซ็กซ์ในตอนเช้าเท่าไหร่นัก มันหวือหวาและโจ๋งครึ่มเกินไป ทว่าเวลาการทำงานก็มอบทางเลือกเดียวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือพยายามหลับหูหลับตาเมินบรรยากาศไม่พึงประสงค์ไปเสีย ทั้งความสว่างที่เปิดเผยทุกอย่างเด่นชัดเกินไป หรือเสียงการเคลื่อนไหวจากสิ่งอื่น แม้กระทั่งตอนต้องไปปลดปล่อยอารมณ์นอกคอนโด อาร์เต้ก็พยายามหามุมที่ผู้คนคับคั่งน้อยที่สุด อาจเป็นเพราะความไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาเป็นทุนเดิม เลยทำให้เขากลัวการถูกตัดสินด้วยสายตา ระหว่างการเล้าโลมอันเอื่อยเฉื่อย อาร์เต้ก็อดคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับผู้จัดการร้านไม่ได้ หนึ่งข่าวลือที่ฟุ้งกระจายเกี่ยวกับการทำงาน มันคอยรบ
“ตื่นได้แล้ว?” ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เสียงอบอุ่นดังมาคู่กับการสะกิดแสนนุ่มนวล คอยกระเซ้าเย้าแหย่อยู่ข้างแก้ม เมื่อรู้สึกตัว… เด็กหนุ่มค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งอย่างเชื่องช้า สงสัยครางในลำคอเหมือนแมวแสนขี้เกียจ ยืดเหยียดแขนไปสุดเท่าที่พอจะทำได้ เมื่อหันไปสบตากับชายอีกคนฝั่งคนขับ ความสงสัยก็ผุดขึ้นมาในความคิดเลือนรางของอาร์เต้ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แดดรำไรจากภายนอกที่ลอดเล็ดผ่านช่องกว้างของตัวอาคาร แยงจนดวงตาอาร์เต้จนแสบ เด็กหนุ่มพยายามกะพริบตาอยู่หลายครั้งกว่าจะง้างเปิดตาได้จนสุด “ถึงคอนโดแล้วฯ เจ้าชายขี้เมา” “หือ!?”เด็กหนุ่มพยายามงัดตัวให้ลุกขึ้นนั่ง สำรวจรอบตัวด้วยความมึนงง “นี่ผมเผลอหลับไปเมื่อไหร่?” “ขับออกจากร้านมาได้ครึ่งทางก็โดนทิ้งให้พูดคนเดียวอยู่ตั้งนาน” “อ้าวเหรอ!” อาร์เต้ส่ายหัวสลัดความเกียจคร้าน “สงสัยดื่มมากไปจริงๆ” “ไหวไหม?” เป็นเอกเอื้อมตัวปลดเข็มขัดนิรภัยของเด็กหนุ่ม “ให้พี่ขึ้นไปที่ห้องหรือเปล่า” “อือ… ครับ” อาร์เต้พยักหน้า
“เอานี่ไป” ชายหนุ่มในชุดสูทเบาสบายยื่นกาแฟหอมกรุ่นให้เด็กหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าที่ดูหนุ่มกว่าวัยของเขามองทอดไปยังอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ไม่มีใครรู้อายุที่แน่ชัดของเป็นเอกเท่าไหร่นัก เขาเริ่มงานวันแรกตั้งแต่อมอร์ติดป้ายชื่อร้านตรงหน้าทางเข้า ทำให้ที่นี่ไม่มีใครเก่าแก่กว่าชายผู้นี้อีกแล้ว พนักงานในอมอร์ต่างพูดคุยกันว่าผู้จัดการร้านจอมขรึมน่าจะอายุยี่สิบปลายๆ ไม่น่าเกินสามสิบต้นๆ แต่หลายคนก็แย้งว่าน่าจะเยอะกว่านี้มาก เพราะเคยได้ยินพี่พนักงานบัญชีอายุห้าสิบหกเรียกเป็นเอกว่าพี่ แต่ท้ายที่สุดคำค้านนี้ก็ตกไปเนื่องจากพนักงานบัญชีผู้นั้นก็เรียกใครว่าพี่หมด ด้วยความอยากเป็นเด็กเทียบเท่าหนุ่มๆทุกคนในร้าน การถกเถียงอย่างลับๆนี้หาข้อสรุปไม่ได้ ไม่มีใครกล้าถามกับเจ้าตัวสักคน จึงทำได้เพียงคาดเดาจากผิวอ่อนเยาว์ไร้รอยตำหนิบนใบหน้า ควันและกลิ่นหอมกรุ่นลอยห้อมล้อมห้องแต่งตัว เครื่องดื่มแก้เมาหลากหลายชนิดในนี้ถูกแช่และจัดเรียงไว้เป็นอย่างดี ถือเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งของเหล่าแองเจิ้ล มันถูกตั้งไว้ที่มุมห้องให้ทั้งสามเลือกดื่มได้ตามใจชอบ มีบ้างที่
แดนนิมิตเหมือนโลกรกร้างไร้สิ่งมีชีวิต ถึงจะสร้างได้สมจริงแค่ไหนทว่าก็ไร้ซึ่งความสมบูรณ์ มีเพียงความหนาวเย็นและหมอกขาวทึบบดบังความบิดเบี้ยว ชายหนุ่มหน้ามนนอนตะแคงข้างขดตัวเกร็งเนื่องด้วยทำอะไรไม่ถูก ความกล้าแก่นกะโหลกเจือจางเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของปีศาจตัวหนาใหญ่ จิตใจอันบอบบางทั้งหวาดกลัวและตื่นเต้นจากความแปลกใหม่ที่บังเกิด ขนาดคืออำนาจที่ส่งผลตรงโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจา มิวยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ยำเกรงดันเต้เลยเมื่อร่างใหญ่ยักษ์นั้นอยู่ห่างออกไป ทว่าในระยะใกล้เช่นนี้มันต่างออกไป เขารู้สึกถึงอันตรายและความปลอดภัยไปพร้อมกัน การประชิดของปีศาจคิวบัสจากด้านหลังนั้นสร้างความกดดันทับเส้นประสาท ร่างแข็งแกร่งนั้นกอดประกบมิวแน่นจนไร้ช่องวาง ดันเต้เอียงใบหน้ากระเซ้าเย้าแหย่ติ่งหูและซอกคอขาวเนียน สูดดมกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยความเพลิดเพลิน ในขณะที่ด้านล่าง… แก่นเนื้อที่อิสระก็คอยกระตุ้นแก้มก้นทั้งสองข้างอันกลมเกลี้ยงอย่างสนุกสนาน ท่อนแขนอุดมด้วยกล้ามเนื้อสอดลอดซอกคอของมนุษย์หนุ่ม มิววางศีรษะทับลงไปอย่างช้าๆ พลันได้ยินเสียงชีพจร
ท่ามกลางความโกลาหลเชี่ยวกราก มีเพียงแขนใหญ่ยักษ์ของปีศาจคิวที่คอยฉุดรั้งมนุษย์หนุ่ม ไม่ให้โดนกระแสพิษสวาทพัดพาจนหลุดไกล ดันเต้โอบกอดยึดโยงมิวเอาไว้จากทางด้านหลัง ลมหายใจติดขัดจากอาการเหนื่อยหอบ ใบหน้าแดงฉานราวดวงตะวันใกล้ตกดิน ท่อนล่างชุ่มโชกไปด้วยของเหลวหลากหลายชนิด รวมไปถึงโซฟาเลอะเป็นคราบจนทั่ว คาดว่าการทำความสะอาดคงไม่ง่าย ร่างเล็กในวงแขนดิ้นกระสับกระส่ายด้วยจิตใจไม่มั่นคง ถึงภารกิจจะลุล่วงไปด้วยดี ทว่าก็ยังเหลือช่องว่างรอการเติมเต็ม นัยน์ตาของอมนุษย์ในร่างชายหนุ่มเรืองรองเป็นสีทอง แม้พลังจะกลับคืนมาไม่เต็มร้อย แต่ก็มากพอจะพาเขาและมนุษย์นอ้อมกอดหลบลี้หนีข้ามไปยังอีกดินแดน เพียงฝ่ามือหนาใหญ่กางออกทาบทับเข้ากับใบหน้าหื่นกระหาย มนุษย์หนุ่มก็ผล็อยหลับโดยไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกทุกอย่างมลายหายพร้อมกับสติ ราวกับทุกอย่างกำลังเริ่มต้นใหม่… เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เปลวไฟแผดเผาตามร่างกายมอดดับลง มิวรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก แม้จะมีเศษเสี้ยวบางอย่างคุกรุ่นอยู่ในช่องท้อง ทั้งห้องสาดส่องด้วยแสงจากธ