ด้วยกลิ่นผสมรวมกับความร้อน มิวยอมรับแต่โดยดีว่าเขาเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่ามันแลกกับการที่เด็กหนุ่มได้รับการเยียวยารักษาจากอาการผิดปกติของร่างกาย เขาก็พร้อมจะยอมเสี่ยง
ไม่ว่าจะกี่หมอหรือยากี่ขนานก็ไม่ทำให้เจ้าหนูของมิวฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล แม้กระทั่งกระดิกตัวในตอนเช้าก็ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มานานเกือบสองปีแล้วที่เขาต้องเก็บงำความทุกข์เอาไว้เงียบเชียบ
ความภูมิใจในความเป็นชายเริ่มลดน้อยถอยลง ในตอนนี้แม้ต้องเซ็นชื่อลงในสัญญาปีศาจเพื่อแลกกับเจ้าหนูที่แข็งแรงดังเดิม มิวก็คงกรีดเลือดเทลงไปโดยไม่อ่านเงื่อนไข
แม้จะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด แต่หากมันจมลงด้วยความสุขสม ก็คงไม่เป็นอะไรนัก เพราะท้ายที่สุดเมื่อมิวตื่นจากฝัน เขาก็จะพบโลกจริงและแยกแยะเรื่องบ้าบอพวกนี้ไว้เป็นเรื่องของความฝัน
“มานั่งนี่สิ” ปีศาจร่างใหญ่จับปลายนิ้วของเด็กหนุ่มอย่างทะนุถนอม “มิว”
“นะ… นายรู้จักชื่อฉัน… ได้ไง”
“ไม่ต้องรีบหาคำตอบหรอก” ปีศาจหนุ่มนั่งลงบนขอบเตียง ขาแน่นหนักทั้งสองฉีกกว้าง ก่อนจะฉุดรั้งร่างเล็กกว่าให้แทรกกายผ่านช่องแยกนั้น “เรามีเรื่องอื่นสำคัญกว่าให้สนใจ”
จากม้าพยศกลับเป็นเชื่องได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้ด้วยมนตร์วิเศษหรือเพราะแรงปรารถนาอันแท้จริง ที่ดลบันดาลให้บรรยากาศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แผ่นหลังของมิวเอนสบายลงบนหน้าอกกำยำสีน้ำผึ้ง เขาเอียงคอกดหน้าลงต่ำย่างเขินอาย อาจเพราะตัวเองไม่ค่อยคุ้นชินกับการสวมบทบาทเป็นผู้ตามในห้วงบรรยากาศเช่นนี้
ทว่าปีศาจเจนจัดสามารถรับมือกับเรื่องพรรค์นี้ได้ทุกรูปแบบ เขาเชยคางโค้งมนขึ้นมาก่อนประทับรอยจูบเติมเชื้อเพลิงลงคอเพิ่มอีก
ท่อนแขนหน้าใหญ่พลางโอบกอดร่างมนุษย์ขาวละเอียดอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากก็บดเบียดอย่างเร่าร้อน แท่งไฟด้านหลังกระตุกเร่ากระทบแผ่นหลังเบื้องล่างของมิวเป็นจังหวะ
ความปรารถนาของมิวเติบโตผ่านท่อนสีเนียนสว่างที่ถูกมือใหญ่ยักษ์เกาะเกี่ยวเอาไว้ เด็กหนุ่มคิดถึงความรู้สึกวูบวาบแบบนี้จนต้องการมันมากขึ้นอีก
ปีศาจเจ้าเสน่ห์ชักจูงมิวให้ทำตามในขณะที่ริมฝีปากไม่ว่างจำนรรจา เขากุมมือน้อยๆของมิวให้ถกปลายเสื้อขึ้น ส่วนอีกข้างก็วางบนส่วนอ่อนไหว
แผ่นอกแน่นหนัก ลอนท้องลีนบาง และต้นขาเนียนใสของมิวขาวนวลละอองทุกส่วนสัด รูปร่างงดงามแม้จะอยู่ในฝันที่พร่าเบลอ
มือของปีศาจโอบรัดรอบลำตัวของมิว ในขณะที่มือของมิววางกุมบนแท่งเนื้อของตัวเองที่เต้นตุบๆ
เรียวขาขาวใสแยกออกเล็กน้อย เปิดเผยบางอย่างที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ส่วนปลายเปิดออกครึ่งหนึ่งเพื่อรอคอยการปลุกเร้า
“นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่” มิวบิดหน้าหนี ลมหายใจหนักหน่วงพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศ
“ต้องสนด้วยเหรอ… ทำต่อไปสิ” ปีศาจจอมหื่นกระหายไล้หยอกล้อกับเรือนร่างของมิว “นายคงชอบมากสินะ ขนาดฉันยังไม่ได้แตะต้อง น้ำของนายยังไหลออกมาไม่หยุด”
ภายใต้การเพ่งพิศของปีศาจหนุ่ม หยาดน้ำค้างที่กลั่นมาจากกามอารมณ์ก็หยดจากปลายกระบอกของมิว เป็นการพิสูจน์ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า สิ่งที่พูดนั้นเป็นความจริง
“เห็นนายมีอารมณ์แบบนี้แล้ว ฉันก็เริ่มจะแย่แล้วเหมือนกัน”
คำว่าแย่คงเป็นคำที่มิวควรพูดเมื่อรับรู้ถึงแรงกระทุ้งทางด้านหลัง “ถ้าอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ หยุดคิดไปได้เลย ฉันไม่ยอมให้นายยุ่งกับตรงนั้นเด็ดขาด”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันพรากความบริสุทธิ์ของนายในรอบนี้ นายก็คงต้องหาอะไรสนุกๆมาโชว์ฉันแล้วล่ะ”
“โชว์… โชว์อะไร?”
“ตอนฉันไม่อยู่ นายเล่นสนุกกับตัวเองยังไงล่ะ?”
ฝ่ามือหนาใหญ่ของปีศาจเคล้นคลึงหน้าอกของมิว มันเปลี่ยนเป็นสีแดงได้ง่ายเนื่องจากผิวอันอ่อนนุ่มนั้นแสนบอบบาง
เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อจุดอ่อนไหวโดนกระตุ้น “อื้อ…”
“จับเจ้าหนูด้านล่างของนาย แล้วชักจนกว่าจะแตก”
“แต่ฉันทำไม่ได้” เมื่อนึกถึงความพยายามที่ล้มเหลวในการช่วยตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนในระยะเวลาปีกว่าๆ มิวก็รู้สึกประหม่า “ฉะ… ฉัน ไม่…”
“นายทำมันได้” ปีศาจแลบลิ้นเลียใบหูที่แดงระเรื่อของมิว นิ้วมือทั้งสองข้างสะกิดลงบนหัวนมที่เริ่มบวมตึง “นายจะทรมานตัวเองแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
“อ๊าาาา” มิวลากเสียงครางยาวผ่านช่องคอ ก่อนจะยอมใช้มือรูดชักหว่างขาของตัวเองตามคำสั่ง “อือออ!!!”
ปีศาจร่างยักษ์จับมือของมิวขึ้นมาเลียจนชุ่มโชก ก่อนจะวางมือขาวเนียนนั้นลงบนแท่งเนื้อที่กำลังชูชัน
“นายก็แค่ถือมันเอาไว้ให้แน่น บีบมันเล็กน้อย แล้วเลื่อนมือของนายจากโคนไปตามแนวเส้นเลือดจนถึงเอ็นร้อยหวาย แล้วถูที่ปลาย…”
“ฉันทำเป็นหรอกน่า”
“ฮ่าๆ งั้นเหรอ? ฉันเห็นนายทำหน้าตาไร้เดียงสาอย่างกับเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา”
“ฉันเปล่า” มิวทำแก้มป่อง ใบหน้าระเรื่อด้วยสีของเลือดที่สูบฉีด
น้ำลายที่ชื้นแฉะนั้นช่วยให้การรูดชักลื่นไหล ความเสียวซ่านพุ่งเป็นประกายไปตามเส้นเลือดปูดโปน เด็กหนุ่มเริ่มเคลิบเคลิ้มกับช่วงเวลาที่เฝ้าถวิลหา
มิวเปิดดวงตาเพียงครึ่งเดียวในขณะที่ลมหายใจเริ่มขาดห้วง ทิ้งแผ่นหลังให้หลอมละลายไปกับหน้าอกกำยำ
“กลิ่นของนายหอม มันหวานและร้อนแรง” ปีศาจค่อยๆเป่าคำเล้าโลม ความเย้ายวนแฝงเร้นอยู่ในลมหายใจเข้าไปในหูของมิว ค่อยๆกัดเซาะความประหม่าของเด็กหนุ่มแบบคำต่อคำ “การได้เห็นนายหอบถี่อยู่ในอ้อมกอดมันทำให้ใจของฉันแทบจะระเบิด”
“อ๊ะ… อา” เด็กหนุ่มโดนรุมล้อมจากทุกโสตประสาท
ใบหูถูกโลมเลียด้วยคำพูดและปลายลิ้น หน้าอกถูกฝ่ามือเคล้นคลึง หัวนมถูกปลายนิ้วกระตุ้น ลมหายใจพัดกลิ่นหอมอ่อนๆเป็นการมอมเมา
ความรุ่มร้อนพุ่งเข้าสู่สมองของมิวทันที เหตุผลและความเขินอายเล็กน้อยที่เขาเหลืออยู่ถูกสั่นคลอนเหลือเพียงซาก
ความปรารถนาของมิวกลายเป็นสิ่งเดียวกันกับปีศาจตนนั้น อุ้งมือของเด็กหนุ่มขับเคลื่อนเร็วขึ้นตามความหื่นกระหาย ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอ
“นายมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ… ฉันละสายตาจากนายไม่ได้จริงๆ”
การล่อลวงซ้ำไปซ้ำมาของปีศาจแห่งราคะทำให้ตัณหาของมิวพุ่งสูงขึ้น ต้นขาของเขาสั่นเทา เม็ดเหงื่อซ่านกระเซ็นกระจายไปโดยรอบ
‘มากขึ้นอีก ฉันอยากได้มากกว่านี้’ มิวหลับตาพริ้มรับฟังเสียงของปีศาจ ‘ถ้าเจ้านั่นจะสัมผัสฉัน… อื้อ… คงดี ฉันอยากโดนสัมผัสมากกว่านี้’
เสียงในใจดังก้องอยู่ภายในใจ ทว่าปีศาจตนนี้ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน เขายิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเริ่มทำตามคำขอ
“นายอยากทำมันให้เร็วกว่านี้ไหม” ปีศาจวางฝ่ามือของตัวเองซ้อนทับกับหลังมือของมิวที่กำลังชักรูด ส่วนมืออีกข้างก็เกาะกุมท่อนเอวคอดบาง
“อือ…” ตัวของมิวสั่นเทา
มือของทั้งคู่ร่วมสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน ท่อนเนื้อสีขาวใสเพิ่มความเสียวซ่านเป็นสองเท่า ส่วนปลายบวมเป่งราวกับอดกลั้นเอาไว้มานาน
ความรู้สึกอุ่นแผ่ซ่านจากทั่วร่าง มิวยังรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่หัวนมตอนถูกบีบดึง แม้ว่าจะไม่โดนสัมผัสแล้วก็ตาม
“ฉัน… อืมมมม… เสียว” น้ำหล่อลื่นไหลออกมาจากปลายแท่งเนื้อของมิวมากขึ้น มันทำให้มือของทั้งคู่เปียกลื่นมากขึ้นไปอีก
‘แย่แล้ว… ฉันทำจะไม่มีมีแรงทำต่อ… อีกนิดเดียวเท่านั้น… ฉันอยาก… ให้มือของเขา… อืมมมม’ เด็กหนุ่มร้องขอความต้องการอยู่ในใจ
“แค่บอกกับฉัน… อะไรก็ตามที่นายต้องการ”
“ฉัน… อึก… อยากจะเสร็จ!!!”
ลอนท้องเนียนเรียบกับหน้าอกขาวใสของมิวกระเพื่อมแรง เขาคล้องมือข้างหนึ่งไว้กับคอของปีศาจ ส่วนอีกข้างโอบหลังอีกฝ่ายเอาไว้
การควบคุมเป็นหน้าที่ของปีศาจโดยสมบูรณ์ ท่อนเนื้อสีหวานของมนุษย์อยู่ในอุ้งมือหนาใหญ่ ตอนนี้มิวพร้อมจะฝากความไว้ใจให้กับอีกฝ่าย
“อื้อ… ช้า ลงหน่อย” อาการชากระจายลุกลามขึ้นไปยังศีรษะของมิว ต้นคอและหัวไหล่ตึง รูเล็กๆด้านล่างขมิบตอดโดยไม่ตั้งใจ “มัน… เสียว อึก… อื้อ… เกินไปแล้ว”
ปีศาจยักษ์ทำตรงกันข้าม เขาเร่งความเร็วของการรูดชัก ทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนส่วนหัว มันก็จะขยายขนาดและอุ่นขึ้น
ความเพลิดเพลินที่ไต่ระดับทำให้มิวโยกสะโพกเพื่อพยายามหลบหนี ความแสบร้อนเรียกเสียงครวญครางยั่วยวนจากเขามากเท่าทวีคูณ
“ฉัน… ไม่ไหวแล้ว ฉัน… อืมมมม” เอวของมิวเด้งจนสุด “แตกแล้ว!!!”
ของเหลวขาวขุ่นทะยานจนเลยหัวก่อนจะตกกระเซ็นไปทั่วห้อง มันพุ่งสูงอยู่หลายระลอกจนชุ่มโชกกายขาวเนียน
ดวงตาของมิวพร่าเบลอจนจับจุดไม่ได้ ก่อนที่น้ำเชื้อระลอกสุดท้ายจะถูกกระตุ้นออกจนหมด ชายหนุ่มก็ถีบตัวขึ้นจากที่นอนพร้อมหน้าอกที่กระหืดกระหอบ
ภาพตรงหน้าชัดเจน มิวยกมือกุมหน้าอกพบว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนอน อาการเหนื่อยอ่อนนั้นรุนแรงเสียจนเกินกว่าฝันไปมาก
ใบหน้าของเขาร้อนและแดงจนรู้สึกได้โดยไม่ต้องมอง มิวรีบเปิดผ้าห่มด้วยความร้อนใจ เขามองหาร่องรอยอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ความคิดของตน
มิวล้วงมือลงไปใต้กางเกงขาสั้น ตรงหว่างขาร้อนและชื้นแฉะอย่างน่าประหลาด เมือกที่สัมผัสกับนิ้วนั้นเปียกท่วมทั่วใต้ร่มผ้า เขาแน่ใจว่าน้ำนี้ไม่ใช่ฉี่อย่างแน่นอน
ฉับพลันมิวก็นึกเสียดาย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝัน ฝันที่เขาอยากให้เกิดขึ้นจริงเสียที
เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอีกครั้ง หลับตาคิดถึงฝันสุดเสียวที่พึ่งจบไป พลางคิดว่าอยากทำอีก
ถึงจะพยายามหลับต่อแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความมืดไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนมิวคิดว่าความฝันนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่ฝันธรรมดา ที่ผ่านการปรุงแต่งจากจิตใต้สำนึก อันที่จริง ‘*Lucid Dream’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับมิว การรู้ตัวว่ากำลังฝันทำให้มิวสามารถสร้างสนามเด็กเล่นในจินตนาการได้อย่างเพลิดเพลิน แต่นั่นก็ทำให้เขาจำสลับความฝันกับความจริงอยู่บ้าง หลังจากตัดใจเลิกนอนต่อ มิวใช้เวลาที่ควรวิ่งในสวนสาธารณะเปลี่ยนเป็นจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป เลือกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกใจเพื่อทำสิ่งที่ค้างคาให้จบ ทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไร้การเคลื่อนไหวอื่นใดจากช่วงล่าง นอกจากฝ่ามือที่พยายามขยับอย่างรวดเร็ว นั่นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มผู้เปี่ยมล้นด้วยความหวัง ความตะขิดตะขวงใจเหล่านี้อึดอัดอยู่ในหัวของมิวตามไปจนถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มไม่อาจสลัดความตื่นเต้นที่พบเจอได้เลย ส่วนล่างแม้จะนิ่งสงบ ทว่ามิวยังรู้สึกเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนังขาวสะอาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยถ่านไฟที่คุกรุ่นตามติดไปทุกที่ มันค่อนข้างแปลกแต่เขาก็อยากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้อีก
หมู่เมฆรวมตัวกันหนาจนเต็มท้องฟ้า ปิดบังแสงจันทร์นวลไม่ให้เฉิดฉาย ลมโชยอ่อนนำพาความอุ่นโอบอุ้มร่างกายยามสัมผัส แม้จะใกล้ยามรุ่งสางแล้วทว่าสุดขอบยังมืดมิดไร้ความเคลื่อนไหว ดูเหมือนวันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามากกว่าวันอื่น มิวหอบสัมภาระชิ้นเล็กติดตัวยืนรออาร์เต้อยู่หน้าร้าน พวกเขานัดว่าจะหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นติดพันอยู่กับลูกค้าจนเลยเวลาเลิกงานมาสักพักใหญ่ ส่วนตัวของมิวแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ยังถือว่าช้ากว่าตอนปกติอยู่ดี การออกมาสูดอากาศนอกร้านเป็นสิ่งที่ทำให้มิวรู้สึกปลอดโปร่ง อย่างน้อยได้แหงนมองขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ก็ช่วยให้เขาสร่างจากอาการมึนเมาได้บ้าง ดีกว่านั่งอยู่ในห้องแคบๆ มองผนังทั้งสี่ด้านส่ายไปส่ายมาจนเวียนหัว หน้าร้านค่อนข้างเงียบเชียบ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว พวกพนักงานที่ไม่มีลูกค้าส่วนใหญ่จะขอกลับก่อน ส่วนที่เหลือพอร้านปิดก็ทยอยกลับพร้อมลูกค้า ไม่ก็แยกย้ายทางใครทางมัน ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่เลยเวลาปิด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกคะยั้นคะยอให้เปิดห้องวีไอพี หลายคนจึงไม่อยาก
พื้นที่ใช้สอยของห้องในโรงแรมนี้มีไม่มากนัก ถึงกระนั้นก็ยังคงตกแต่งอย่างดีให้ได้รับความรู้สึกหรูหรา ไฟสีนวลจากโคมไฟสาดส่องทั่วทั้งบริเวณให้ดูอบอุ่น ในความเรียบง่ายของชุดเตียงนอนแฝงความปรานีตเอาไว้ในทุกฝีตะเข็บของการถักทอ พื้นพรมก็นำเข้าอย่างดีจากต่างประเทศ ความอ่อนนุ่มยามสัมผัสด้วยฝ่าเท้าเปลือยเปล่า โอบกอดอย่างอ่อนโยนจนรับรู้ความแตกต่างหากเทียบกับของราคาถูก ชายวัยกลางคนใบหน้าแดงก่ำนอนเอกเขนก แขนและขากางเหยียดออกจนสุด หน้าท้องกลมบวมจากการสะสมของไขมันกระเพื่อมรุนแรง รอยยับย่นเห็นได้ชัดเมื่อต้องกับแสงสว่าง ผมสั้นเกือบเกรียนแซมด้วยสีดอกเลา บ่งบอกถึงการผ่านประสบการณ์บนโลกนี้มานานกว่าใครทุกคนในห้อง ความแข็งกร้านเคลือบแฝงอยู่ในประกายของแววตา “ทำไมน้องมิวเขาถึงไม่ยอมรับงานนอก” ชายร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงเป้าหมายสำคัญที่หลุดลอยไป “พี่ไม่อยากใช้วิธีรุนแรงแบบสมัยก่อนหรอกนะ แต่ถ้ามันได้ยากก็คงต้องคิดดูสักหน่อย” “พี่อย่าไปทำน้องมันเลยครับ เด็กคนอื่นเต็มใจอีกตั้งเยอะแยะ พี่อย่าเสียแรงกับเรื่องพวกนี้เลย” เจษรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะ
ปีศาจส่วนใหญ่ก่อกำเนิดจากอารมณ์ของมนุษย์ นี่คือพลังที่แม้แต่ผู้สร้างอย่าง ‘มนุษย์’ เองก็ไม่รู้ นอกจากจะก่อกำเนิดอมนุษย์ต่างๆแล้ว มนุษย์ยังเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงเผ่าพันธุ์วิเศษเหล่านี้อีกด้วย พวกมันมีชีวิตเกือบเรียกได้ว่าอมตะ และสามารถสร้างสิ่งวิเศษที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ ถึงแม้จะมีเวทมนตร์ทรงพลังแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในมือในเผ่าพันธุ์ด้อยปัญญา พลังเหล่านั้นก็กลายเป็นสิ่งที่มีขีดจำกัด เนื่องจากไร้การสรรค์สร้างมากพอจะเอาไปใช้ทำอย่างอื่นนอกเหนือจากการสนองความอยู่รอดของตัวเอง ทว่าก็นับว่าดีที่สิ่งทรงพลังอย่างเวทมนตร์นั้นไม่อาจถูกครอบครองด้วยมนุษย์ ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจใช้มันเพื่อทำลายล้างกันเอง และสร้างความโกลาหลยิ่งใหญ่เกินกว่าโลกทั้งใบจะรับได้ จวบจนทุกวันนี้ความัลบเหล่านั้นก็มีน้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ เหล่าอมนุษย์ยังคงเร้นกายอยู่ท่ามกลางฝูงชน จุดมุ่งหมายเพียงเพื่อชักจูงบรรดาอาหารบุฟเฟ่ต์เหล่านี้ ให้มอบพลังให้แก่ตนเองเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงนายเหนือหัวของพวกมันอีกที ในหมู่มวลปีศาจที่โด่งดังคงหนีไม่พ้นพวกคิวบัส ปีศาจที่เข้าไปยุ่มย่ามกับตั
เสายักษ์ปักตระหง่านท้าทายผู้กล้า สีของมันเข้มเช่นเดียวกันกับผิวส่วนอื่นไม่ผิดเพี้ยน ส่วนปลายโค้งงอเข้าหาสะดือจนเกือบจรดกัน ทุกการเต้นเร่าของชีพจรในดุ้นแท่งเขื่องไหลผ่านเข้าไปยังแก้มเต่งตึงของเด็กหนุ่ม หลอดเลือดทุกเส้นสูบฉีดอย่างดุเดือดจนได้ยินเสียง เรื่องน่าประหลาดชวนหลงใหลนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับความจริงจนเป็นเนื้อเดียวกัน ลมหายใจระอุลูบไล้อย่างแผ่วเบากับท่อนเอ็นยักษ์ ที่ผงกหัวอยู่ระหว่างขาของชายร่างสูงใหญ่ กลิ่นหอมประหลาดลอยอบอวลเต็มห้องอันคับแคบ เจ้าท่อนนั้นสั่นเทาเมื่ออาร์เต้เอามันถูไถเบาๆด้วยแก้มนุ่มนิ่ม ลมหายใจของทั้งไต่ระดับความรุนแรงขึ้นตามการแนบชิด อาร์เต้เงยหน้าขึ้นมองเพื่อดูปฏิกิริยา สายตาของผู้นั่งอยู่เบื้องบนจ้องกลับมาด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้รับความสนใจ “นายรู้วิธีเล่นกับมันนี่” เสียงทุ้มลอดผ่านรอยยิ้ม “ฉันเรียนรู้วิธีพวกนี้มาจากลูกค้า” อาร์เต้ตอบพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “เสียดายที่ร้านห้ามมีอะไรกับลูกค้า ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ต้องมาที่นี่เพื่อหาที่ปลดปล่อยหรอก” “ที่ทำงานของนายงี่
“อ่อก… อึก…” ใบหน้าของอาร์เต้แดงก่ำ การควบคุมลมหายใจยากลำบากมากขึ้นเมื่อในลำคอของเขายังถูกเติมเต็มไม่หยุด “อือออ…” “อ้า… !!! ฉัน… เกือบแล้ว” จังหวะเร่งเร้าขยับเส้นทางสู่จุดสูงสุดให้เข้าใกล้ ถึงแม้มือใหญ่หนาไม่ได้ชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่ศีรษะของอาร์เต้ยังคงโขกสับไม่ลดละ สัญญาณเตือนบวมใกล้ระเบิดจนเต็มปาก เด็กหนุ่มไม่แสดงท่าทีถอดถอนริมฝีปากแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังรัวชักบีบคั้นท่อนเนื้ออย่างเมามัน “ฮะ… ฮึก… ฮ่า…” ทั้งขบเม้มกรามและริมฝีปาก ใบหน้าสีเข้มบิดเบี้ยวเมื่อเผชิญกับช่วงเวลาอึดอัดสุดท้ายก่อนระเบิด ลมหายใจหนักแน่นเป่าให้ลอยสูงขึ้นไปบนผนังไม้เทียม เสียงครางกระเส่าดันเป็นจังหวะพร้อมหน้าอกกระเพื่อมแรง “อ้า… !!!” ช่วงคอที่ถูกเสียดสีจนเกือบเผาไหม้ถูกเติมเต็มไปด้วยของเหลวขาวขุ่น ส่วนปลายสั่นหงึกและกระตุกเร่าทุกครั้งที่ปลดปล่อยน้ำไร้เชื้อออกมา กลิ่นคาวผมมหวานคละคลุ้งทั่วปากจนถึงจมูก มันหอมและชวนพะอืดพะอมในคราวเดียวกัน ใบหน้าขาวนวลเนียนแดงก่ำจากการสำลัก แท่งเนื้อยังคงค้างคาอยู่ภายในช่องปาก พ่นความสุขสมออกมาอยู่อีกหลายระลอก
‘ใครวิ่งตามมาวะ?’ ชายหนุ่มร่างสันทัดผมสีน้ำตาลเป็นประกายเอะใจ เมื่อเหลือบตาเห็นเงาตะคุ่มวิ่งไล่หลังมา ทว่าเขาก็ไม่กล้าหันไปมอง ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าจนเงานั้นเลือนหายไป ‘มิว’ ชอบวิ่งออกกำลังกายยามเย็นไม่ใช่แค่เพราะบรรยากาศร่มรื่น แต่เพราะงานที่เขาทำเหมาะกับการใช้ชีวิตช่วงกลางคืน ดังนั้นตอนเย็นโพล้เพล้เช่นนี้ของเขา ก็เปรียบเสมือนเช้าตรู่ของใครหลายคน แน่นอนว่าการถูกคนสะกดรอยตามเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเป็นอุปสรรคเช่นกัน มิวสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้อยู่ อาจเพราะรูปร่างสันทัดอัดแน่นด้วยมวลกล้ามเนื้อ ถึงเขาจะไม่ได้สูงใหญ่มากเกินมาตรฐาน ทว่าก็ช่วยให้ดูน่าเกรงขามเวลาเลียนแบบท่าหมัดมวย เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเผชิญหน้ากับเขาตรงๆเท่าไหร่นัก อีกทั้งเสน่ห์ดึงดูดเป็นทักษะติดตัวมาตั้งแต่เกิด ช่วยให้เขาเอาตัวรอดได้ในยามคับขันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นี่เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ผู้เป็นพ่อและแม่ทิ้งเอาไว้ให้มิว หลังการระแวดระวังไปได้สักพักชายหนุ่มก็ทิ้งเรื่องราวอึดอัดเอาไว้ข้างหลัง โอบรับสายลมเย็นสบายเข้ามาเติมเต็มแทนความ
ราตรีเริ่มคลุมท้องฟ้าเป็นเวทียิ่งใหญ่ให้ดวงจันทร์เปิดตัว เหล่าดวงดาวกะพริบแสงอ่อนแรงรอยลโฉมไฟกลมใหญ่ ช่วงเวลาน่าอิดโรยเช่นนี้ถือเป็นการจบวันของใครหลายคน ในขณะที่บางคนกลับเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นการดำเนินชีวิต ‘Amor’ เป็นบารโฮสต์มีสไตล์เด่นชัดตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง ที่นี่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าไหร่นัก แต่ลูกค้าส่วนใหญ่กระเป๋าหนักและมีอิทธิพลพอสมควร แม้พนักงานทั้งหมดจะเป็นผู้ชายแต่ก็สามารถรับลูกค้าได้ไม่จำกัดเพศ ขอแค่มีเงินมาโยนทิ้ง… หว่างขาของพวกเขาจะมีอะไรติดอยู่ เด็กที่นี่ก็ไม่มีเกี่ยง เรื่องชนชั้นในองค์กรเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับให้ได้หากอยากเหยียบเข้ามาทำงานที่อมอร์ ทุกคนที่อยากเป็นดาวรุ่งต้องทำยอดให้สูงเพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับ และมีสิทธิพิเศษกว่าพนักงานคนอื่น ต่ำสุดถูกจัดให้เป็น ‘ดักแด้’ บางคนก็สามารถออกมาโบยบินได้ ส่วนบางคนก็นอนเน่าอยู่ในรังเหม็นอับ พวกนี้อาจเป็นเด็กหน้าใหม่ที่พึ่งอยากเข้าวงการ ไม่ก็เป็นพวกหน้าเก่าที่ไม่ค่อยได้ลูกค้า น้ำเปล่าถือเป็นสวัสดิการดีที่สุดแล้วสำหรับพวกดักแด้ ต่อมาก็ ‘ผีเสื้อ’ พวกนี
พื้นที่ใช้สอยของห้องในโรงแรมนี้มีไม่มากนัก ถึงกระนั้นก็ยังคงตกแต่งอย่างดีให้ได้รับความรู้สึกหรูหรา ไฟสีนวลจากโคมไฟสาดส่องทั่วทั้งบริเวณให้ดูอบอุ่น ในความเรียบง่ายของชุดเตียงนอนแฝงความปรานีตเอาไว้ในทุกฝีตะเข็บของการถักทอ พื้นพรมก็นำเข้าอย่างดีจากต่างประเทศ ความอ่อนนุ่มยามสัมผัสด้วยฝ่าเท้าเปลือยเปล่า โอบกอดอย่างอ่อนโยนจนรับรู้ความแตกต่างหากเทียบกับของราคาถูก ชายวัยกลางคนใบหน้าแดงก่ำนอนเอกเขนก แขนและขากางเหยียดออกจนสุด หน้าท้องกลมบวมจากการสะสมของไขมันกระเพื่อมรุนแรง รอยยับย่นเห็นได้ชัดเมื่อต้องกับแสงสว่าง ผมสั้นเกือบเกรียนแซมด้วยสีดอกเลา บ่งบอกถึงการผ่านประสบการณ์บนโลกนี้มานานกว่าใครทุกคนในห้อง ความแข็งกร้านเคลือบแฝงอยู่ในประกายของแววตา “ทำไมน้องมิวเขาถึงไม่ยอมรับงานนอก” ชายร่างท้วมถามอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงเป้าหมายสำคัญที่หลุดลอยไป “พี่ไม่อยากใช้วิธีรุนแรงแบบสมัยก่อนหรอกนะ แต่ถ้ามันได้ยากก็คงต้องคิดดูสักหน่อย” “พี่อย่าไปทำน้องมันเลยครับ เด็กคนอื่นเต็มใจอีกตั้งเยอะแยะ พี่อย่าเสียแรงกับเรื่องพวกนี้เลย” เจษรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะ
หมู่เมฆรวมตัวกันหนาจนเต็มท้องฟ้า ปิดบังแสงจันทร์นวลไม่ให้เฉิดฉาย ลมโชยอ่อนนำพาความอุ่นโอบอุ้มร่างกายยามสัมผัส แม้จะใกล้ยามรุ่งสางแล้วทว่าสุดขอบยังมืดมิดไร้ความเคลื่อนไหว ดูเหมือนวันนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามากกว่าวันอื่น มิวหอบสัมภาระชิ้นเล็กติดตัวยืนรออาร์เต้อยู่หน้าร้าน พวกเขานัดว่าจะหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นติดพันอยู่กับลูกค้าจนเลยเวลาเลิกงานมาสักพักใหญ่ ส่วนตัวของมิวแม้จะเสร็จก่อนแต่ก็ยังถือว่าช้ากว่าตอนปกติอยู่ดี การออกมาสูดอากาศนอกร้านเป็นสิ่งที่ทำให้มิวรู้สึกปลอดโปร่ง อย่างน้อยได้แหงนมองขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ก็ช่วยให้เขาสร่างจากอาการมึนเมาได้บ้าง ดีกว่านั่งอยู่ในห้องแคบๆ มองผนังทั้งสี่ด้านส่ายไปส่ายมาจนเวียนหัว หน้าร้านค่อนข้างเงียบเชียบ เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว พวกพนักงานที่ไม่มีลูกค้าส่วนใหญ่จะขอกลับก่อน ส่วนที่เหลือพอร้านปิดก็ทยอยกลับพร้อมลูกค้า ไม่ก็แยกย้ายทางใครทางมัน ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่เลยเวลาปิด เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกคะยั้นคะยอให้เปิดห้องวีไอพี หลายคนจึงไม่อยาก
ถึงจะพยายามหลับต่อแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความมืดไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนมิวคิดว่าความฝันนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่ฝันธรรมดา ที่ผ่านการปรุงแต่งจากจิตใต้สำนึก อันที่จริง ‘*Lucid Dream’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับมิว การรู้ตัวว่ากำลังฝันทำให้มิวสามารถสร้างสนามเด็กเล่นในจินตนาการได้อย่างเพลิดเพลิน แต่นั่นก็ทำให้เขาจำสลับความฝันกับความจริงอยู่บ้าง หลังจากตัดใจเลิกนอนต่อ มิวใช้เวลาที่ควรวิ่งในสวนสาธารณะเปลี่ยนเป็นจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป เลือกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกใจเพื่อทำสิ่งที่ค้างคาให้จบ ทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไร้การเคลื่อนไหวอื่นใดจากช่วงล่าง นอกจากฝ่ามือที่พยายามขยับอย่างรวดเร็ว นั่นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มผู้เปี่ยมล้นด้วยความหวัง ความตะขิดตะขวงใจเหล่านี้อึดอัดอยู่ในหัวของมิวตามไปจนถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มไม่อาจสลัดความตื่นเต้นที่พบเจอได้เลย ส่วนล่างแม้จะนิ่งสงบ ทว่ามิวยังรู้สึกเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนังขาวสะอาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยถ่านไฟที่คุกรุ่นตามติดไปทุกที่ มันค่อนข้างแปลกแต่เขาก็อยากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้อีก
ด้วยกลิ่นผสมรวมกับความร้อน มิวยอมรับแต่โดยดีว่าเขาเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่ามันแลกกับการที่เด็กหนุ่มได้รับการเยียวยารักษาจากอาการผิดปกติของร่างกาย เขาก็พร้อมจะยอมเสี่ยง ไม่ว่าจะกี่หมอหรือยากี่ขนานก็ไม่ทำให้เจ้าหนูของมิวฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล แม้กระทั่งกระดิกตัวในตอนเช้าก็ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มานานเกือบสองปีแล้วที่เขาต้องเก็บงำความทุกข์เอาไว้เงียบเชียบ ความภูมิใจในความเป็นชายเริ่มลดน้อยถอยลง ในตอนนี้แม้ต้องเซ็นชื่อลงในสัญญาปีศาจเพื่อแลกกับเจ้าหนูที่แข็งแรงดังเดิม มิวก็คงกรีดเลือดเทลงไปโดยไม่อ่านเงื่อนไข แม้จะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด แต่หากมันจมลงด้วยความสุขสม ก็คงไม่เป็นอะไรนัก เพราะท้ายที่สุดเมื่อมิวตื่นจากฝัน เขาก็จะพบโลกจริงและแยกแยะเรื่องบ้าบอพวกนี้ไว้เป็นเรื่องของความฝัน “มานั่งนี่สิ” ปีศาจร่างใหญ่จับปลายนิ้วของเด็กหนุ่มอย่างทะนุถนอม “มิว” “นะ… นายรู้จักชื่อฉัน… ได้ไง” “ไม่ต้องรีบหาคำตอบหรอก” ปีศาจหนุ่มนั่งลงบนขอบเตียง ขาแน่นหนักทั้งสองฉีกกว้าง ก่อนจะฉุดรั้งร่างเล็กกว่าให้แทรกกายผ่านช่องแยกนั้น “เรามี
ชายหนุ่มกวาดต้อนสายตาไปทั่วทุกมุมห้อง สิ่งของในนี้เหมือนห้องนอนของตัวเองไม่ผิดเพี้ยน สีเย็นสบายของผนัง ผ้าปูสะอาดตา เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง อารมณ์รวมถึงความคิดของมิวกระจัดกระจายกลายเป็นสายหมอก หลอมรวมกับประกายแสงที่รายล้อมรอบตัว เขาไม่มั่นใจอีกต่อไปแล้วว่าอะไรคือความจริงหรือความฝัน “นายนี่โคตรดื้อด้านเลย ฉันไม่เคยเจอใครทำตัวงี่เง่าเท่านายมาก่อน” ปีศาจไร้นามเปล่งเสียงดึงดูดความสนใจ ดวงตากลมโตหรี่เล็ก คิ้วขมวดชนเข้าหากัน หากนับรวมทุกเหตุการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนว่าชายผิวเข้มที่นั่งเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าของมิวในตอนนี้ ดูประหลาดมากที่สุด ก่อนจะทันรู้ตัวหรือคิดอะไรเพิ่มเติม ร่างตรงหน้าก็พุ่งขึ้นคร่อมมิวประทับรอยจูบอย่างรวดเร็ว ของเหลวอุ่นร้อนถูกสอดลอดไปกับลิ้น การขัดขืนกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่มิวอยากทำ เขาเปิดโพรงปากรับรสสัมผัสที่โหยหามาช้านาน ในใจขุ่นมัวถูกตีโอบด้วยหมอกทึบหนา มิวพยายามดึงสติเพื่อไม่ให้เตลิดจนเกินควบคุม เขากำหมัดจนแน่นพยายามดันอีกฝ่ายให้หลุดออก… แต่ก็ไร้ผล “แค่นี้ก็คงพอ” เมื่อทุกอย่างเป็นไปดั่งใจ ปี
แดดร่มลมตกเป็นเวลาอันตื่นตัวสำหรับมิว เขาชอบวิ่งออกกำลังกายยามแสงขอบฟ้าทอเป็นสีเข้ม มันให้เขารู้สึกสงบเงียบแบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ลู่วิ่งคอนกรีตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มปล่อยให้สายลมเย็นลูบไล้ใบหน้าและเรือนผม สายตาเหลือบมองผู้คนรอบข้างที่ยิ้มร่าทักทายเขาอย่างมีความสุข ชายทางขวามือ ผู้หญิงที่พึ่งวิ่งผ่าน และเด็กข้างหน้า เหมือนเคยเจอกันมาก่อนจากสักที่ มิววิ่งพร้อมลากความสงสัยติดสอยห้อยตามไปด้วย ‘ใครวิ่งตามมาวะ?’ ชายหนุ่มร่างสันทัดผมสีน้ำตาลเป็นประกายเอะใจ เมื่อเหลือบตาเห็นเงาตะคุ่มวิ่งไล่หลังมา ทว่าเขาก็ไม่กล้าหันไปมอง ทำได้เพียงเร่งฝีเท้าจนเงานั้นเลือนหายไป ไม่นานม่านหมอกทึบสีขาวก็ไล่ตามหลังเด็กหนุ่ม เหตุการณ์เหล่านี้ปลุกการตื่นรู้ของมิว เขาหยุดเรียงลำดับเหตุการณ์ในสมองอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าครุ่นคิดแสดงออกมา ‘นก’ เพียงแค่คิดฝูงนกก็บินทะยานขึ้นท้องฟ้าราวกับกำหนีอะไรสักอย่าง ‘คน’ ฉับพลันผู้คนรอบกายก็ค่อยๆเลือนหายราวกับมีใครลบทิ้งไป ‘แล้วก็ไอ้เวรนั่น!’ เงา
กล้ามเนื้อขาของอาร์เต้ยกก้นของตัวเองขึ้นก่อนจะลดลงมาอีกครั้ง ท่อนยักษ์ไถลลื่นเมุดเข้าไปในปากทางสีสดใสนั้นในครั้งเดียว ส่วนปลายบวมเป่งดันกลับเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของช่องภายใน และกระแทกเข้ากับจุดบอบบางแสนอ่อนไหว ประกายไฟฟ้าปะทุขึ้นเล็กตามปลายประสาท ช่องท้องถูกเติมจนเต็มแต่กลับรู้สึกเบาโหวง ความเสียวแปลบกระจายออกจากสะดือไปตามเส้นเลือดปูดโปน “อืม… อึก…” อาร์เต้ร้องโอดครวญแม้จะเป็นฝ่ายกระทำแต่กลับรู้สึกถูกกระทำเสียเอง “รู้สึกดีชะมัด” “โคตรดีต่างหาก… นะ… นาย แน่นมาก ไม่น่าเชื่อว่าเราทำกันแบบนี้แทบไม่หยุดมาหลายวันแล้ว” คำชมปลุกเร้าอารมณ์ของมนุษย์ผู้อ่อนไหว อาร์เต้กดสะโพกขึ้นลงจนสุด แม้ว่าจะรู้สึกว่าข้างในกำลังถูกท่อนเนื้อฉีกให้แยกออกจากกันก็ตาม “ถึงจะตัวเล็กแต่นายแรงเยอะ… เหลือเชื่อเลยแฮะ” “นายชอบแค่แรงของฉันเหรอ” อาร์เต้โอบรัดรอบคอของดันเต้ด้วยวงแขนอ่อนนุ่ม “ส่วนที่เหลือล่ะ?” “นายมีอย่างอื่นที่ดีกว่าไหมล่ะ?” ดันเต้กำรอบท่อนเนื้อที่เล็กกว่า “พิสูจน์สิ!” เด็กหนุ่มเด้งเอวที่นุ่มนวลและค
ราตรีถูกทำลายโดยสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ลาลับจนไร้ซึ่งร่องรอย แสงแห่งชีวิตสาดส่องไปจนทั่วพื้นภิภพ ยกเว้นก็แต่ห้องนอนห้องเล็กนี้ เงามืดยังปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ แม้อาทิตย์จะพยายามลอดเล็ดเข้ามา แต่ม่านหนาทึบก็ยังสกัดกั้นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กกว่าขึ้นคร่อมตักของอีกฝ่ายอย่างมั่นคง ใบหน้าทั้งสองเกือบจะตั้งในระนาบเดียวกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะสูงกว่ามากแต่กลับไม่เป็นปัญหาในท่าทางนี้ ดวงตากลมโตสอดประสานเป็นชิ้นเดียวกัน ทั้งคู่จ้องมองกันอย่างท้าทาย ไม่มีใครยอมโอนอ่อนให้ใคร แก้มของชายทั้งคู่ระเรื่อเจือด้วยสีของเลือดสดๆ บ่งบอกได้ว่าจะมนุษย์หรือปีศาจต่างก็อารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างกัน อำนาจของบางสิ่งอยู่เหนือการควบคุม ม่านหมอกสีขาวบดบังนัยน์ตาสุกใสจนขุ่นมัว สัญชาตญาณดิบหลั่งไหลผ่านทุกรูขุมขนบนผิวหนัง อาร์เต้นั่งคร่อมวางก้นกลมกลึงทับท่อนเนื้อขนาดไม่ธรรมดา เอวร่อนร่ายส่ายไปมาราวกับกำลังทรมานชายตรงหน้าให้ขาดใจ “ฉันชอบรอยสักของนาย” เด็กหนุ่มอมยิ้มไปด้วย “ทุกอันล้วนมีความหมาย ถ้าไม่ใช่เครื่องตีตรา ก็เป็นรอยแต่กำ
แสงตะวันสีเหลืองทองค่อยๆไต่ไล่แต่ละยอดตึกอย่างเชื่องช้า สีของมันทอเป็นประกายเฉกเช่นเดียวกับความดวงตาของชายร่างใหญ่ ทว่าในห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กนั้นปิดทึบนั้นต่างจากภายนอกราวกับคนละโลก เด็กหนุ่มใบหน้าอิดโรยพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างยากลำบาก ชายอีกคนยืนอยู่ปลายเตียงไม่มีทีท่าจะเข้าช่วยเหลือ มิหนำซ้ำยังมองเหยียดต่ำลงไปราวกับจ้องมองขยะที่ไร้ประโยชน์ “ฉันชอบนาย” น้ำเสียงของอาร์เต้แหบพร่า “นายไม่ได้ชอบฉันจริงๆหรอกหนุ่มน้อย อีกไม่นานนายก็จะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ” “งั้นก็อยู่กับฉันต่อเรื่อยๆ ฉันจะได้จำนายได้” “ก็อยากอยู่นะ… แต่คงไม่ได้ นายอ่อนแอเกินไป” “จูบฉันสิ ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าฉันเข้มแข็งพอจะอยู่กับนาย” “น้ำลายของฉันมันก็ได้ผลแต่ชั่วคราว แต่พอหมดฤทธิ์แล้วนายจะแย่เอา “ใครสน!” อาร์เต้ปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันก็แค่อยากมีอะไรกับนาย ต่อให้ร่างกายนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง” ดันเต้ได้แต่สั่นหัวเบาๆภายใต้เงามืด ในใจก็นึกโทษตัวเองที่น่าจะทิ้งอาร์เต้ไปให้เร็วกว่านี้ ท