“จิ๊ ฤทธิ์เยอะจังวะ ฉันจับเธอส่งตำรวจแน่ ไม่ต้องห่วง” รุ่นพี่ยูตะส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอก่อนพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ฉันพยายามดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดเขา บ้าฉิบ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ เสียเวลาชะมัด
“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ฉันไม่ได้ขโมย”
“หึ ไปคุยที่โรงพักแหละกัน สาวน้อย” รุ่นพี่ยูตะพูดจบก็จับฉันยัดใส่รถสปอร์ตคันหรูที่ฉันคิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันได้นั่ง แต่ถ้าได้นั่งแบบสถานการณ์ดีกว่านี้ก็คงดี รุ่นพี่ยูตะปิดประตูแล้วกดล็อกจากรีโมตคอนโทรลในมือเขาทันทีก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่ง ฉันพยายามเปิดประตูไปก็เท่านั้นยังไงก็เปิดไม่ออกอยู่ดี
ฉันรอจังหวะที่รุ่นพี่ยูตะต้องกดปลดล็อกเพื่อขึ้นมาบนรถแล้วเปิดประตูออก...แต่ไม่ทัน คนอะไรไวเป็นบ้า เขาคว้าแขนไว้ได้ทันก่อน
“ฉันบอกว่าไม่ได้ขโมยไง หูหนวกรึไงฮะ! ปล่อย!” ฉันโวยวายออกไปพลางแกะมือหนาของเขาออก แล้วฉันก็ต้องหยุดการกระทำนั้นลงทันทีเพราะเขาออกรถด้วยความเร็วมากกกกจนตัวฉันติดไปกับเบาะโดยอัตโนมัติและไม่กล้าขยับตัวไปไหน ได้แต่หลับตาแล้วสวดมนต์ภาวนาอยู่ในใจ พระเยซูช่วยลูกด้วย…
เอี๊ยดดดดดดด
เสียงเบรกรถดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับตัวฉันที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรงดีที่มีมือหนาของรุ่นพี่ยูตะมากันตัวฉันไว้ ไม่งั้นฉันต้องซ้ำแผลเดิมที่หัวอีกรอบแน่ แล้วเขาก็ลงจากรถไปตอนไหนไม่รู้...รู้อีกทีก็มาเปิดประตูฝั่งฉันแล้วลากฉันลงจากรถอย่างแรง
โฮะ..เนี่ยเหรอ ผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งมหาลัยคลั่งนักคลั่งหนา ธาตุแท้ก็ซาตานดีๆ นี่แหละวะ ความเป็นสุภาพบุรุษก็ไม่มีสักนิด เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ดีนะที่ฉันไม่ได้บ้าผู้ชายขนาดนั้น
แล้วเขาพาฉันมาที่ไหนเนี่ย ไม่ใช่โรงพักซะหน่อย ฉันก็ยังพยายามขัดขืนเขาจนได้ ฉันเอื้อมมือที่วางอยู่ไปจับราวบันไดไว้แน่นก่อนเขาจะหันมาทำท่าทางหงุดหงิดใส่ฉัน
“ได้ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม”
ฟอดดดดด////
พรึบบบบ
อยู่ดีๆ เขาก็โน้มหน้ามาหอมแก้มฉัน ช็อก...ช็อกไหมล่ะทีนี้ รู้ตัวอีกทีตัวฉันก็มาพาดอยู่บนบ่าของรุ่นพี่ยูตะเรียบร้อยแล้ว ไอ้บ้ากาม...กล้ามาขโมยหอมฉันได้ยังไง ฉันทุบรัวกำปั้นไปที่แผ่นหลังของเขาพลางโวยวายด่าทอสารพัด
ตุ๊บ...ตุ๊บ...ตุ๊บบบบ
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้ากาม &$|<,>%? ฿,;/;&@”
เพี้ยะ////
โอ้ยยย.....
ฝ่ามือหนาฟาดลงมาที่ก้นฉันอย่างแรงพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอของเขา….แล้วคือมันซ้ำที่เดิมอีกแล้ว อร๊ายยยย อย่าให้หลุดไปได้นะ ไอ้บ้ากาม ฉันจะประจานความบ้ากามของเขาให้ทุกคนในมหาลัยรับรู้เลยคอยดู
“หึ ปากดีนักนะ อย่างอื่นดีด้วยไหมเนี่ย เสียดายของชะมัด”
“อร๊ายยยย ไอ้บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!!
แกร่กกก...แอ๊ดดดด
ตุ๊บบบ
รุ่นพี่ยูตะเปิดประตูห้องแล้วโยนฉันลงบนโซฟาอย่างแรง..แม่งเอ๊ยยย ทั้งจุกทั้งเจ็บ ระบมไปหมดแล้วมั้ง วันเดียวเล่นซะอ่วมเลย
“เห่ยๆ ๆ อะไรวะ” ฉันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น ในห้องมีคนอยู่งั้นเหรอ ฉันหันไปทางต้นเสียงแล้วพบว่าคนที่ถามคือรุ่นพี่ดิน และคนที่นั่งข้างๆ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากรุ่นพี่ธาม ไม่มีใครไม่รู้จักสามจตุรเทพนี่แน่ๆ ฉันเจอหนุ่มฮอตพร้อมกันที่เดียวสามคนในขณะที่ฉันกำลังซวยสุดๆ กูควรดีใจไหมเนี่ย
“กูจับหัวขโมยมาส่งนายหญิง” รุ่นพี่ยูตะพูดขึ้นแล้วโยนมือถือกับกระเป๋าตังค์ให้รุ่นพี่ดิน ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆ ฉัน
“ขโมย?” รุ่นพี่ดินชูของสองอย่างในมือเลิกคิ้วถามขึ้นอย่างสงสัยแล้วหันมามองฉัน
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ขโมย”
“จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ยังจะปากแข็งอีกเหรอฮะ!?” รุ่นพี่ยูตะหันมาตวาดฉันเสียงดังลั่น แต่ฉันไม่กลัวหรอกนะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันเองก็หันไปจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละเหมือนกัน
“ไอ้ห่านี่ ไปแดกรังแตนที่ไหนมาวะ” รุ่นพี่ดินพูดขึ้นพลางหยิบน้ำแข็งปาใส่รุ่นพี่ยูตะ
“อ้าว ไอ้เวร กูอุตส่าห์ จับขโมยมาให้แม่งทำดีไม่ได้ดี สั่งเหล้ามาแดกดิ จิ๊ หงุดหงิดฉิบหาย”
“แดกเหี้ยไร พึ่งจะบ่ายสาม” แล้วรุ่นพี่ดินก็ตอบกลับมา แล้วคือกูยังอยู่ตรงนี้ไหม ช่วยสนใจกันหน่อย หรือไม่ก็ปล่อยฉันไปไหม ทำอะไรสักอย่างดิวะ
“กูจะแดก กี่โมงกูก็จะแดก มีไรไหมครับ”
“หึ เออ...เธอที่โทรหาฉันใช่ไหม” รุ่นพี่ดินทำหน้าเอือมระอาใส่รุ่นพี่ยูตะแล้วหันมาถามฉัน แต่โทรหารุ่นพี่ดินเนี่ยนะ ฉันหรอโทร บ้าไปแล้ว เขาคงเห็นฉันทำหน้างงๆ ก็เลยชูมือถือของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา
“ห๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น...แฟนรุ่นพี่เหรอ” ฉันเผลอพูดออกมาเสียงดังจนทั้งสามคนหันมามองฉันเป็นตาเดียว ก่อนจะเอามือปิดปากตัวเองเพราะหลุดคำว่ารุ่นพี่ออกมา ซวยแล้วไหมล่ะ
“อืม”
“งั้นหมดธุระฉันแล้ว ขอตัวนะคะ” ฉันรีบขอตัวกลับทันที ตอนนี้ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
หมับบบบบ
“อะไร ปล่อยไปได้ไง ยัยนี่ขโมยของเมียมึงนะไอ้ดิน” รุ่นพี่ยูตะคว้าแขนฉันแล้วหันไปพูดกับรุ่นพี่ดิน ไอ้บ้ากามนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไงนะ
“ฉันบอกว่าไม่ได้ขโมยไงเล่า เข้าใจภาษาคนไหมเนี่ย” ฉันโวยวายใส่รุ่นพี่ยูตะแล้วพยายามแกะมือเขาออก เขาหันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉันแต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็โดนฝ่ามือของรุ่นพี่ดินฟาดเข้าที่หัวซะก่อน
ผั้วะ//
“ไอ้สัส มือหนักฉิบหาย กูโง่ก็เพราะพวกมึงเนี่ย แม่งเอ๊ยยย” รุ่นพี่ยูตะปล่อยแขนฉันพลางลูบหัวตัวเองแล้วหัวไปด่าเพื่อนตัวเอง เขาเล่นกันแรงขนาดนี้เลยเหรอ ซาดิสม์รึเปล่าวะ...ฮึ้ยยยย
ฉันเลยอาศัยจังหวะนั้นรีบวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ความหายนะกำลังมาเยือนแล้วไหมล่ะ สามคนเนี่ยหยิ่งขั้นเทพ...แล้วถ้ามีคนรู้ว่าฉันได้มาเจอพวกเขาแบบนี้นะ ชีวิตสงบสุขของฉันหมดลงแน่ๆ งานก็ไม่ได้ เจ็บตัวฟรีแถมยังมาเจอคนที่ไม่ควรเจออีก ซวยกว่านี้มีอีกไหมวะ
วันต่อมา…..“ทำไมมาเช้าจังวะ”ฉันเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือแล้วมองไปยังต้นเสียงเห็นร่างหญิงสาวคราวเดียวกับฉันที่คุ้นตาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะพลางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉัน มันคือ เพลินตา เพื่อนสนิทสุดที่รักของฉันเอง ความจริงก็ไม่รู้ว่ามันมาคบฉันได้ยังไงเพราะฐานันดรเราโคตรจะแตกต่างแต่มันแม่งโคตรนิสัยดีแล้วก็จริงใจสุดๆ“นอนไม่ค่อยหลับ” ฉันตอบไปแบบปัดๆ แล้วก้มหน้าลงเล่นมือถือต่อเพราะฉันกำลังง่วนอยู่กับการเสิร์ชหางานจากกูเกิล“หน้ายังเงี้ย ไม่ได้งานชัวร์”“รู้แล้วถามทำไมวะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเพลินตาขวาง แม่งรู้ดียังกะตาเห็น คิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็หงุดหงิดชะมัด แล้วเพลินก็ด่าฉันด้วยประโยคเดิมๆ ที่ฟังมาตั้งแต่ปีหนึ่ง“กูบอกให้ไปทำกะม้ากูก็เสือกหยิ่ง ว่าแต่ช่วงนี้ไม่มีใครมาจ้างสอนพิเศษเลยเหรอวะ”ฉันได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่..ไม่ใช่ว่าฉันหยิ่งหรอกนะแต่ฉันเกรงใจมากกว่า ถ้าไปทำงานที่บ้านมันมีหวังม้าเพลินได้เสียตังค์จ้างฉันฟรีแน่เพราะลูกสาวตัวดีของท่านต้องลากฉันไปไหนมาด้วยตลอดคงจะไม่ได้ทำงานจริงๆ หรอก เหมือนจ้างฉันไปอยู่เป็นเพื่อนลูกเขาเฉยๆ“เห่ย ๆ มึง” เพลินมันเอื้อมมือมาสะกิดแขนฉัน“อะไร”“นั่นมัน…”
หลังเลิกเรียน….ฉันมายืนอยู่หน้าผับสักพักมีแวบหนึ่งที่ผุดขึ้นมาว่าฉันคิดดีแล้วเหรอที่จะเอาชีวิตอันสงบสุขมาพัวพันกับพวกเขาแต่พวกนั้นเขาจะมาสนใจฉันทำไม ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ตัวเองไปก็แค่นั้น...คิดมากไปเปล่าวะเนี่ย โอกาสดีๆ อย่างงี้หาได้ง่ายซะที่ไหน...เอาวะฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นมีพนักงานกำลังจัดโต๊ะทำความสะอาดอยู่หลายคนแล้วพูดบอกผู้ชายที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด“มาติดต่อคุณนีรดาร์ค่ะ”“อ่อครับ ทางนี้ครับ” ผู้ชายคนนั้นหันมาตอบฉันแล้วเดินนำฉันขึ้นไปชั้นบนที่ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันเดินตามแผ่นหลังเขาไปแล้วมองไปรอบๆ ความจริงฉันก็เคยมาเที่ยวที่นี่นะแต่ไม่เคยได้ขึ้นมาโซน VIP แบบนี้หรอก ได้อยู่แต่ข้างล่าง สักพักเขาก็มาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่งที่อยู่ในสุดทางเดินยกมือขึ้นเคาะประตูสองสามทีแล้วบิดลูกบิดเปิดมันออกก๊อกๆๆๆ แอ๊ดดดดดฉันเดินเข้าไปข้างในก็เห็นผู้หญิงคนนั้น...อ๋อ คุณนีรดาร์ ฉันรู้ชื่อเธอแล้วนิ นั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับกองเอกสารกองโตบนโต๊ะ เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้ฉันแบบใจดีสุดๆ ฉันเลยยกมือไหว้เธออย่างนอบน้อม“มิณาริน ใช่ไหม นั่งก่อนซิ” เธอพูดขึ้นพลางปิดแฟ้มลงแล้วทิ้งตัวพิงเก้าอี้
ผมยังพูดไม่ทันจบไอ้เฮียวา พี่ชายตัวดีของผมก็เปิดประตูเข้ามาซะก่อนพร้อมกับผู้หญิงที่เดินตามหลังมันเข้ามา และผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมช็อก...ช็อกมาก แม่งเอ๊ยยยย พามาทำไมวะเนี่ย กูเจอวันนั้นยังหลอนไม่หายเลย..แล้วเธอก็พูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจสุดๆ ซึ่งขัดกับผมมากเพราะตอนนี้ผมคิดว่ามันเหี้ยสุดๆ“พี่ยูตะอยู่ที่นี่จริงด้วย”“ไอ้เฮีย! มึงพามาทำไมเนี่ย” ผมหันไปด่าไอ้พี่ชายตัวดีทันที เวรเอ๊ย อุตส่าห์หนีมานี้คิดว่าจะพ้นแล้วนะ“ก็ซายะเขาบอกว่าอยากเจอมึง คิดถึงมึงจะแย่ กูก็เห็นว่าเดี๋ยวก็จะหมั้นกันแล้วเลยคิดว่าพามานี้ได้” มันตอบกลับมาพลางทำหน้าได้อินโนเซนต์สุดๆ กวนตีนฉิบหายและทุกสายตาแม่งก็พร้อมใจกันหันมามองผม ก็ยังไม่มีใครรู้ไง ผมไม่คิดจะบอกและผมก็ไม่คิดจะหมั้นกับยัยซายะอะไรนี่ด้วย แม่นะแม่ทำอะไรไม่ปรึกษา ผมเลยหนีออกมาอยู่คอนโดซะเลย“เชี่ยยยย..กูพลาดช็อตเด็ดไปเหรอวะ” ไอ้เฮียแม็กรีบพูดเสริมขึ้นทันที“นี่ซินะ..กูถึงเจอมึงที่คอนโด” ไอ้ดินเอ่ยขึ้นแล้วอมยิ้มน้อยๆ ไอ้เวรนี่ก็เสือกจริงๆ แทนที่ยัยซายะจะไม่รู้ว่ากูไปหลบอยู่ไหน“พี่ยูตะไปนอนที่คอนโดเหรอคะ ถึงว่าซายะไปที่บ้านไม่เจอ แล้วคอนโดพี่อยู่แถวไหนเหรอคะ”“กะ…
Minarin Talkแล้วอยู่ดีๆ รุ่นพี่ยูตะบ้ากามนั่นก็ลากฉันออกมาจากห้องและเปิดประตูห้องข้างๆ พอเห็นว่าไม่มีใครก็ลากฉันเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูทันทีแถมยังล็อกอีก เขาจะทำอะไรกันแน่...ไม่นะ ฉันเพิ่งเสียจูบแรกให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักไม่กี่วัน แล้วเขายังจะ....ฉันจะไม่ยอมเสียให้เขาเด็ดขาด ถึงเขาจะหล่อแค่ไหนก็ตาม...“นี่! จะทำอะไร” ฉันเอ่ยถามเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วพยายามที่จะแกะมือเขาออกแต่เขากลับบีบมันแน่นขึ้นก่อนจะพูดขึ้น“ฉันไม่ปล้ำเธอหรอกน้า แค่จะคุยธุระสำคัญ เธอต้องช่วยฉัน”“ปล่อย! ฉันไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันนะ..” ฉันโวยวายออกไปโดยไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดสักนิด ฉันรู้แค่ว่าเขาอันตรายเกินไป ฉันอยู่ใกล้เขาไม่ได้ เขาลวนลามฉันทุกครั้งที่เจอ ฉันต้องอยู่ให้ห่างเขา“นี่! หยุดโวยวายสักทีได้ไหม”ปึกกกกรุ่นพี่ยูตะตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะใช้มืออีกข้างรั้วเอวฉันเข้าหาตัวเขาอย่างแรงจนร่างฉันถลาไปชนกับแผงอกแกร่งของเขา“นี่!! ...”ฉันเงยหน้าขึ้นตวาดเขาด้วยความโมโหแต่จังหวะนั้นรุ่นพี่ยูตะดันก้มหน้าลงมาพอดีเลยกลายเป็นว่าตอนนี้หน้าเราสองห่างกันแค่ปลายจมูกจนฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา...ละ...แล้วมันใกล้ข
ผมกำลังจะตามยัยตัวเล็กนั่นไปแต่เฮียวาดันลุกมาคว้าคอผมแล้วลากกลับมานั่งที่โซฟาซะก่อน“ไม่ต้องไป พูดมา มึงคิดจะทำอะไร” เฮียวาเอ่ยถามขึ้นพลางหรี่ตามองผมอย่างสงสัยและไม่ใช่แค่มันหรอกนะตอนนี้ทุกสายตาจ้องมาที่ผมคนเดียว เออ...เอาเข้าไป เหมือนกูไปฆ่าใครตายเลย คาดคั้นอะไรเบอร์นี้วะ“กูก็แค่จ้างยัยตัวเล็กนั่นมาแกล้งเป็นแฟนกู”พรวดดดด...แคร่กๆ“ฮะ!?”ไอ้ธามถึงกับเหล้าพุ่งเพราะมันกำลังยกเหล้าดกเข้าปากพอดี ส่วนคนอื่นๆ ก็ประสานเสียงกันดังลั่น ตกใจอะไรขนาดนั้น“อย่างมึงยังต้องจ้างอีกเรอะ” ไอ้เฮียแม็กถามขึ้นพลางเลิกคิ้วใส่ผม นั่นดิ ความจริงระดับผม...ผู้หญิงพร้อมจะคลานเข่าเข้ามาเป็นแฟนผมทั้งนั้น ยกเว้นยัยมิณานี่“ก็เพราะใครอะ พามาทำเหี้ยไรก็ไม่รู้ แล้วคือยัยซายะนั่นเห็นมิณาแล้วไหม จะให้กูทำไง” ผมหันไปมองไอ้เฮียวาตาขวางก่อนจะยกแก้วเหล้าของใครก็ไม่รู้...ไม่สนด้วย ดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด หงุดหงิดชะมัด ผมไม่เคยโดนผู้หญิงปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยยังงี้เลยนะ...แถมยังด่าผมเป็นหมาอีก แมร่งงงเอ้ยยย เสียชาติเสือฉิบหาย“เวรเอ้ยยย ใครจะรู้วะ...กูก็ไม่เห็นมึงปฏิเสธแม่หนิหว่า ก็เลยนึกว่า…”“หุบปากเลย มึงแหละตัวดี ก็เพราะม
Minarin Talkฉันเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องเป็นร้อย ๆ รอบตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรฉันก็สลัดภาพรุ่นพี่ยูตะออกจากหัวไม่ได้เลย ยิ่งสัมผัสนั่น…ฉันเผลอเอามือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างอดไม่ได้ วินาทีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับฉันวะ สมองเบลอไม่ประมวลผล หูอื้อไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงใครนอกจากเสียงใจตัวเองที่เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ริมฝีปากเขา ลิ้นเขา หรือแม้แต่ลมหายใจของเขาทุกอย่างเหมือนมีมนตร์สะกดให้ฉันตกอยู่ใต้ภวังค์ที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา…Line~ Line~โฮะ...ตกใจหมด เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นเรียกสติฉันให้กลับมาอยู่กับความเป็นจริง...ความจริงที่ว่า ผู้ชายอย่างเขาไม่มีวันที่จะมาสนใจเด็กกำพร้าจนๆ อย่างฉันจริงๆ แน่ นี่มันเป็นแค่แผนหลอกๆ เท่านั้น...เพราะฉะนั้นห้ามเผลอใจให้เขาเด็ดขาด แล้วนี่ฉันเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย คิดถึงเขาอยู่ได้ ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์ดูNum : มึง กูกำลังจะเข้าไปเอาเลกเชอร์Min : เครๆฉันพิมพ์ไลน์ตอบน้ำเพื่อนที่คณะ มันยืมเลกเชอร์ฉันไว้ตั้งแต่เย็นแล้วแต่ฉันรีบไปหาพี่หนูดามันเลยจะเข้ามาเอาที่หอแทนก๊อกๆๆทำไมถึงเร็วนักวะ...ฉันหยิบเลคเชอร์ที่มั
เช้าวันต่อมา….ฉันนั่งดูข้อมูลที่เฮียยูตะส่งมาให้อยู่ที่โต๊ะประจำใต้ตึกบัญชี ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ไม่หมด ประวัติส่วนตัวหรือประวัติศาสตร์ชาติวะ เยอะฉิบ...แล้วไหนยังจะต้องเรียกสรรพนามให้คุ้นชินอีก คำละพัน ใครจะยอมเสีย...เหอะ ไม่มีทางผลัวะ!!! หัวฉันพุ่งไปตามแรงฝ่ามือที่ฟาดลงมาแบบไม่ได้ตั้งตัวจนมึนงงไปหมด พอตั้งสติได้ก็รีบมองหาต้นตอของแรงปะทะนั่นทันที“เชี่ยยย มึนฉิบ เล่นไรวะเนี่ย” ฉันหันไปด่าเพลินพลางเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ กะแล้วว่าต้องเป็นมันเพราะไม่มีใครกล้าเล่นกับแบบนี้แน่ ฉันเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใครถ้าไม่สนิท แล้วมันก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางทำหน้าเหวี่ยงสุด“มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนไหม อีมิณ” เพลินถามฉันด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจสุดๆ อะไรวะดราม่าแต่เช้า เมื่อคืนมันดูซีรีส์เรื่องไหนมาวะ“ดราม่าอะไรแต่เช้าเนี่ย”ฉันเอามือไปโยกหัวเพลินเบาๆ มันปัดมือฉันออกด้วยท่าทางฟึดฟัดพลางยัดมือถือของมันที่เปิดค้างไว้ใส่มือฉันแล้วทำปากมู่ตู้เอามือขึ้นกอดอก อินี่เป็นหนักเหมือนกันนะ ฉันเลื่อนหน้าจอมือถือดูที่มันเปิดค้างไว้ ig เฮียยูตะ?[PIC]15454Like, 1045CommentUta_U เปลี
Thayukorn Talkผมเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับคู่ขาที่เกาะแขนผมไม่ยอมปล่อยพลางเลี้ยวมองคนตัวเล็กที่รีบวิ่งลงบันไดไปจนสุดสายตา แล้วแกะมือคู่ขาคนที่เพิ่งทำให้ผมสบายตัวมาหมาดๆ อย่างไม่ไยดี“กลับเองนะ ฉันไม่ว่างแล้ว” ผมบอกเธอแล้วเดินตรงมายังห้อง VIP ซึ่งเป็นที่สิงสถิตประจำของพวกผมโดยไม่สนใจคู่ขาคนนั้นแม้แต่น้อย แต่เธอรู้จักผมดีหลังจากที่ควงมาสักพักถ้าผมไม่สบอารมณ์แหละก็เธอจะรู้ทันทีว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผมผมเปิดประตูเข้ามาแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างแรง ผมยอมรับว่าก็ตกใจที่พอลิฟต์เปิดออกแล้วเห็นเด็กนั่นยืนอยู่หน้าลิฟต์และเธอคงจะเห็นด้วยว่าพวกผมทำอะไรกัน..แต่ที่หงุดหงิดสุดคือหน้าเธอตอนเห็นผมกับผู้หญิงคนนั้น เป็นห่าอะไรวะ...ทำไมทำหน้าแบบนั้น เห็นแล้วเสียอารมณ์ชะมัด“หน้ายังกะส้นตีน ไม่เด็ดไง” ไอ้ดินเอ่ยถามขึ้นพลางยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างกวนตีนหลังจากที่มันเดินตามผมมานั่งบนโซฟาตรงข้ามผม นั่นดิ...ผมแมร่ง เป็นเหี้ยไรวะ ทั้งที่คู่ขาผมคนเนี่ยเด็ดโคตรและผมก็รู้สึกดีมากด้วยแต่พอมาเจอยัยตัวเล็กนั่น อารมณ์ผมก็เปลี่ยนไปเฉย“เสือก”“โอ๊ะ...ไอ้สัส! ตกใจหมด มึงมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” ผมด่าไอ้ดินก่อนจะหลุดอุทานอ
“เชี่ยยย!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นไอ้พี่ชายตัวดีนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ที่เบาะหลังผ่านกระจกเงานั้น แม่งขึ้นมาตอนไหนวะ“อะไรของมึงเนี่ยเฮีย ใครเชิญ” ผมหันไปด่าพี่ชายหน้ามึนอย่างหัวเสีย“ฉันเชิญเอง มีอะไรหรอ” มือเล็กยกขึ้นข้างหัวพร้อมกับออกรับแทนไอ้เฮียวาอย่างออกนอกหน้านอกตา ไม่ไว้หน้าพวกเลยสักนิด แล้วใครจะกล้ามีคิดไหม นี่ใคร...ผัวไง แล้วนั้นใคร เมียไง จะกล้าต่อกลอนด้วยเหรอผมทำได้แค่ดึงตัวเองมานั่งตรงๆ หลังพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งแบบจมตีนพุ่งตัวออกจากบ้านทันที โคตรหงุดหงิด ไอ้เฮียหมอก็อีกคน มาด่าแล้วก็ไป ไม่รู้เป็นส้นตีนอะไร หวงมิเชล ยิ่งกว่าพวกผมซะอีก พ่อกับแม่ยังไม่หวงเท่ามันเลย มันคงอยากมีน้องผู้หญิงแหละมั้ง ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องห่วงมิเชลมาก ยังไงก็ยังมีคนช่วยดูแลใช่เวลาไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเข้ามาในสนามแข่งรถของไอ้เฮียวา นี่เป็นสถานที่ที่เหมาแก่การหัดขับรถมากที่สุด กว้างขวางและไม่มีสิ่งขวางกันเยอะนัก“มา เฮียจะบอกเกียร์ก่อน” ผมหันไปบอกคนตัวเล็กข้างๆ ทันทีที่รถจอดสนิท และเธอก็หันมาหาผมพยักหน้าหงึกๆ แบบตั้งใจสุดๆ“ตัว P เกียร์จอดหรือหยุด มันจะล็อกล้อเคลื่อนไปไหนไม่ได
“ป่ะเฮีย เสร็จแล้ว”ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นมองต้นเสียงที่มาหยุดยืนก้มลงสำรวจตัวเองเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มบางให้ผม ดูเหมือนเมียผมจะอยากขับรถเป็นเอามากๆ ดูจากอาการแล้วน่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี ผมกดล็อกหน้าจอมือถือแล้วยัดมันเข้ากระเป๋ากางยีนตัวโปรดก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เอื้อมแขนไปรั้งไหล่มิณาเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเสียงเข้ม“ถ้าขับเป็นแล้ว ห้ามขับหนีผัวเด็ดขาด เพราะผัวจะพลิกแผ่นดินหาจนเจอแน่ๆ เข้าจั๋ย”“จะกลัวอะไรล่ะคะ ตราบใดที่เฮียยังทำตัวน่ารักแบบนี้….” มิณาเอียงคอหันมามองหน้าผมแล้วพูดขึ้นแบบยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคปากบางก็เม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แก้มนวลขึ้นสีนิดๆ ก่อนจะขวักมือน้อยๆ เป็นเชิงเรียกให้ผมเอาหูไปใกล้ปากเธอ ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ฉันไม่มีทางไปไหนรอดหรอก”จุ๊บ///สิ้นเสียงเล็กผมก็อาศัยจังหวะที่เธอกำลังเขินๆ หันไปจุ๊บริมฝีปากบางแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วผละออก จนตาเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน น่าฟัดจังวะ เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ย เปลือกตาบางกะพริบถี่คล้ายกับกำลังเรียกสติตัวเองอยู่ อะไรกัน ผมทำแบบนี้ออกจะบ่อย ยัยตัวเล็กนี่ยัง
@มหาวิทยาลัย Aผมเดินลงมาจากตึกวิศวะพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนโปรดและพบว่ามันเหลืออีกตั้งชั่วโมงครึ่งกว่ามิณาจะเลิกคลาส เพราะผมเทสเสร็จก่อนเวลา ตอนแรกก็กะจะไปนั่งรอเมียที่ใต้ตึกบัญชีแต่เผอิญเหลือบตาไปเห็นพวกรุ่นน้องทั้งหลายแหล่มันนั่งเหงาหงอยอยู่ที่โต๊ะประจำ จุดรวมตัวของผมมันเลยแวะเข้าไปสร้างสีสันให้พวกมันหน่อยผมแล้วจัดการทักทายไอ้ไม้รุ่นน้องคนสนิทที่นั่งอยู่บนพนักพิงม้าหินอ่อนด้วยฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงหัวมันดังสนั่นหวั่นไหวจนหัวเกือบทิ่มลงโต๊ะ ที่นั่งเขาก็มีเสือกนั่งผิดที่ผัวะ!!“โอ๊ย ใครวะแม่ง” ไอ้ไม้เอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันมาโวยวายด้วยสีหน้าเอาเรื่องก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ แทนเมื่อเห็นว่าเป็นผม“กูเองอ่ะ มึงจะต่อยกูงะ” ผมถามกลับไปพลางยักคิ้วให้มันอย่างกวนตีน ก่อนไอ้พวกรุ่นน้องที่เหลือจะลุกให้ผมนั่งแทนอย่างรู้งาน“โห้เฮีย ใครจะกล้า แต่มือหนักใช้ได้เลยนะ มึนฉิบ”“ทำไมเงียบเหงาจังวะ” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ ตามความคิดตัวเอง ปกติหน้าตึกวิศวะสาวๆ เดินสวนกันเป็นขบวนพาเลซแต่วันนี้แทบจะไม่มี เกิดไรขึ้นวะ“นั่นดิเฮีย ผมนั่งรอเหยื่อตั้งนานแล้วเนี่ย” ไอ้ไม้ตอบกลับแบบเซ็งๆ ก่อนที่
พอถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มทุกคนก็พากันไปรุมสาวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านกันใหญ่ ฉันอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิเชลตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าเธอมีความสุขแค่ไหน“โหล เทส...โหล เทต่างๆ นานา” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นพวกเฮียยูตะนั่งอยู่ตรงเวทีที่ถูกจัดไว้ริมสระว่ายน้ำ โดยมีกีตาร์โปร่งอยู่บนตักและปากจ่ออยู่กับไมค์ที่เขาพยายามเทสเสียงอยู่หลายรอบ“บัดนี้ นี้ นี้” เสียงที่ดังออกมาตามลำโพงจากเฮียวาโยที่เดินขึ้นเวทีไปยืนอยู่ข้างๆ เฮียยูตะ พร้อมเสียงแอดโค่ที่ทำขึ้นมาเองนั่น เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนในที่นี่ได้เป็นอย่างดี“เวลาอันเป็นสมควรได้มาถึงแล้ว แล้ว แล้ววว”“มึงจะเล่นแอคโค่ทำเหี้ยอะไร เอาธรรมดาพอ” เฮียยูตะหันไปด่าพี่ชายจอมขี้เล่นของตัวเองลั่นกังวานไปทั่วเพราะไมค์ที่จ่อปากอยู่ ก่อนที่เฮียวาโยจะพูดต่อแบบธรรมดาตามที่น้องชายสั่ง“เอาแหละ วันนี้บ้านเหมบดินทร์มีสมาชิกมาเพิ่มหนึ่งคน เป็นสาวน้อย น่ารักจิ้มลิ้ม ที่มีนามว่า มิเชล มิรินดา เหมบดินทร์”แปะๆ ๆ ๆ ฮู้ๆ ๆ ๆสิ้นเสียงเฮียวาโยทุกคนก็พากันปรบมือเพื่อเป็นการต้อนรับเด็กหญิงมิเชลเข้าสู่ครอบครัว เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนข
หลายวันต่อมา…..ฉันเปิดประตูลงมาจากรถแบบงงๆ คือเฮียยูตะพาฉันมาบ้านใต้แสงจันทร์ก็เรื่องปกตินั่นแหละ...แต่ทำไม พ่อกับแม่ของเขาถึงตามมาด้วย พวกเขาจะมาทำอะไรกันที่นี่ ถ้าจะมาบริจาคเงินต้องเอาฉันมาด้วยเหรอ เฮียยูตะเดินมาจูงมือฉันเดินตามท่านทั้งสองไปจนถึงห้องคุณแม่อธิการ“สวัสดีค่ะ” คุณแม่อธิการเอ่ยทักพ่อกับแม่ของเฮียยูตะ ก่อนท่านทั้งสองจะตอบกลับไปอย่างนอบน้อมและพากันไปนั่งโซฟากลางห้อง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”ฉันกับเฮียยูตะก็ได้แต่ยกมือไหว้คุณแม่อธิการก่อนจะพากันไปนั่งโซฟาตรงข้ามท่านทั้งสอง คิ้วบางเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อคุณแม่อธิการหยิบเอกสารใบรับอุปการะให้ท่านทั้งสองอ่าน อุปการะใครกัน ฉันเกินวัยที่จะต้องรับไปเลี้ยงแล้วนี่นา ไม่ใช่ฉันแน่ๆแกร่ก….แอ็ดดดดจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ฉันรีบหันไปทางต้นเสียงทันที และก็ได้คำตอบให้คำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่ เมื่อเด็กหญิงมิเชลเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้ทุกคนตามมารยาทก่อนจะเดินมานั่งลงบนตักเฮียยูตะอย่างสนิทสนม เหอะ...คือสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน แต่มิเชลไม่เคยยอมไปอยู่กับใครเลยนะ มีพวกคนใหญ่คนโตจะมารับอุปการะตั้งหลายครั้งแต่มิเชลก็ไม่ยอมไป
@คอนโดพอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เฮียยูตะก็รีบเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูลงอย่างแรงเสียงดังสนั่น จนฉันถึงกับสะดุ้ง ระหว่างทางที่ขับรถกลับมาก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ฉันรู้ว่าเขากำลังโมโหมาก พี่นนท์นี่ก็จริงๆ เลย ยั่วโมโหเฮียยูตะอยู่ได้ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเดินไปจับลูกบิดประตูห้องเฮียยูตะออกแรงหมุนมันเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างเบามือ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนที่นอนหันหน้าไปทางหน้าต่าง“เฮีย โกรธฉันเหรอ” ฉันนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขาก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาที่สอดประสานกันแน่น ทำใจดีสู้เสือทั้งๆ ที่ใจก็กังวลไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงเงียบได้แต่เสียงขบกรามเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกได้ชัดเจนว่าอารมณ์เขาร้อนแค่ไหนฉันเลื่อนมือเล็กขึ้นนาบแก้มสากทั้งสองข้างแล้วออกแรงหันใบหน้าคมมาสบตาฉัน ก่อนจะกดจูบลงไปที่ปากหนาสักพักแล้วผละออก แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมเพราะมือหนารั้งท้ายทอยฉันแล้วบดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาแบบรีบๆ ฉันเองก็ตกใจไม่น้อยแต่ก็ปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้นอื้ออออ~ ~แขนแกร่งโอบรอบเอวคอดก่อนจะออกแรงยกตัวฉันขึ้นนั่งคร่อมบนตักเขา โดยที่ปากเรา
“ไหนมาให้เฮียดูก่อนดิ” เฮียยูตะเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปลดสายเบลล์ตัวเองแล้วเอื้อมมือมารั้งท้ายทอยฉันที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถเข้าไปใกล้ๆ แล้วยกมืออีกข้างขึ้นเกลี่ยเช็ดตามแก้มนวลอย่างแผ่วเบา“ตาบวมหมดแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเสียน้ำตาอีกแล้วนะ”ฉันมองหน้าแฟนตัวเองน้ำตาซึม เขาทำทุกอย่างให้ฉันด้วยความรักและความจริงใจ ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพวกนั้น ไม่เคยเสียใจเลยสักนิดที่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในชีวิต“โอ้ๆๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเมียจ๋า” เฮียยูตะดึงฉันเข้าไปกอดแน่บอกพลางเอ่ยขึ้นเสียงทะเล้นพร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ ฉันเหลือบตาขึ้นมองตนตัวโตที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน คือเมื่อกี้ยังซึ้งอยู่เลย ฉันต้องเป็นไบโพร่าตามเขาเข้าสักวันแน่ๆ“หาหมอไหม”“ฮึ้ย ไม่เอา” เฮียยูตะรีบผลักฉันออกพลางทำท่าขยะแขยงแบบสุดๆ เมื่อฉันพูดถึงหมอ แล้วหันไปเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าทันทีฉันหลุดขำกับท่าทีของเขาพลางเปิดประตูลงจากรถแล้วรีบเดินตามไปคล้องแขนเฮียยูตะอย่างออดอ้อนออเซาะ เฮียยูตะเอามือขึ้นโยกหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู“อยากได้ไรครับเมีย”“อยากรักเฮีย” ฉันแกล้งตอบกลับเขาเสียง
สิบห้าปีก่อน…..ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอนก่อนจะลุกขึ้นมาเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว เพราะนอนไม่หลับ คืนนี้พ่อกลับดึก ฉันรอพ่อก่อนดีกว่าตึงง...กรี๊ดดด...อุ๊บ“แม่!” ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจเพราะเสียงกรีดร้องนั่นเป็นเสียงของผู้เป็นแม่ ฉันรีบลุกจากที่นอนไปเปิดประตูออกจากห้องและวิ่งไปที่ห้องของแม่ทันทีภาพที่ฉันเห็นคือผู้ชายร่างหนาที่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครคร่อมอยู่บนร่างแม่ที่ดิ้นไปมาทุรนทุรายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไรแม่ ฉันรู้แต่ว่าแม่เจ็บปวด ฉันต้องช่วยแม่ ฉันหันซ้ายหันขวา แล้วไปคว้าเอาปิ่นปักผมแม่โดดขึ้นเตียงออกแรงปักเข้าไปที่ต้นคอชายคนนั้นทันทีโอ๊ยยยผลั่ก...ตึงงงง“ใยไหม ไปเร็วลูก” แม่ผลักร่างหนาตกลงไปนอนโอดโอยอยู่บนพื้นห้องและรีบลุกขึ้นอุ้มฉันลงจากเตียงและวิ่งไปที่ประตูห้อง แต่ฉันไม่ทันไปถึงไหน ร่างแม่ก็หยุดกึกและปล่อยฉันลงกับพื้นพลางเอามือขึ้นจับผมตัวเองที่โดนทึ้งดึงจากชายปริศนานั้นโอ๊ยยยย“เก่งทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะมึง” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นเสียงแข็งก่อนจะจับร่างแม่โยนไปบนที่นอนอย่างแรง ฉันถูกสอนมาแบบไม่ให้อ่อนแอและไม่เคยกลัวอะไร ยิ่งเห็นแม่ถูกทำร้ายแบบนี้ฉันยิ่งยอมไม่ได
วันต่อมา….ผมเดินกอดคอมิณาเข้ามาใต้ตึกบัญชี นี่กลายเป็นกิจวัตรที่ผมต้องทำในทุกๆ เช้าวันที่มีเรียน เพราะผมไม่ไว้ใจสายตาของตัวผู้ทั้งหลายที่คอยแอบมองเมียผมอยู่เลยเวลาผมเผลอ ใจก็อยากโอนย้ายมาเรียนบัญชีด้วยซ้ำ แต่อีกแค่เทอมเดียวก็จะจบแหละ ทางมหาลัยต้องไม่สะดวกทำเรื่องให้ผมแน่ๆ เลยมานั่งเฝ้าตอนว่างๆ เอาแทน“อ้าว เฮียทำไมมานั่งนี่อะ” มิณาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เธอ เพราะปกติผมส่งเธอถึงที่หมายเรียบร้อยก็จะตรงดิ่งไปที่ตึกวิศวะทันที แต่วันนี้เป็นไรไม่รู้ คิดถึงเมีย ยังไม่อยากห่าง แต่ความจริงก็คือมันมีกิจกรรมของชมรมห่าไรไม่รู้มาจัดอยู่หน้าตึกบัญชี และผู้แม่งก็เยอะฉิบหาย“เฝ้าเมีย” ผมพูดขึ้นพลางหันมองซ้ายมองขวาด้วยอารมณ์ที่โคตรจะหงุดหงิด ก่อนจะหันไปเห็นเพลินตานั่งอมยิ้มอยู่ เออลืมเลยว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ก็ช่าง ตอนนี้โคตรโมโหชมรมห่านี่เลย ที่อื่นมีเยอะแยะไม่ไปจัด มาจัดทำห่าอะไรตรงนี้วะ น่ารำคาญฉิบ“หยุดเลยมึง ไม่ต้องพูด” มิณาพูดดักพลางเอามือขึ้นชี้หน้าเพื่อนรักที่กำลังจะอ้าปากแซว ที่ผมพูดเมื่อกี้ ก่อนที่เพลินตาจะเม้มปากแน่นและก้มหน้าเล่นมือถือตัวเองต่อ“เอ่อ มึงรู้