แสงแดดตอนสายสาดส่องลอดมาจากกระจกห้องนอน ทำให้ร่างเล็กของปฏิญญาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ปากเล็กอ้าปากหาวหวอดๆ เมื่อคืนเธอปวดข้อเท้ามากๆ ขยับแทบไม่ได้เลย แม่ของเธอต้องพยุงพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำกินข้าว แต่มันก็ยังปวดมากจนนอนไม่หลับ นางปทุมมาศต้องเรียกให้กินยาแก้ปวดทุก 4 ชม. เธอรับยาเม็ดจากมือแม่แล้วใส่ปาก หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำตามลงไป น่าแปลกว่าตอนนี้เธอกลับกินยาเม็ดเองได้แล้ว ขนาดแม่เธอที่บดยามาให้เธอตั้งแต่เล็กจนโตยังแปลกใจเลย แต่เธอก็ยังปวดข้อเท้าตุบๆ นอนหลับๆ ตื่นๆ กว่าจะหลับลงได้ก็เกือบตีสาม
หลังจากทานข้าวเช้าที่แม่บ้านนำมาให้ที่ห้องพักแล้ว นางปทุมมาศก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาและเนื้อตัวให้ลูกสาว จะได้สบายตัวขึ้น แล้วจึงให้ทานยา และให้น้องญานอนพักไปก่อน เพราะเซดริกได้ติดต่อให้คุณหมอช่วยมาตรวจดูอาการให้ โดยคุณหมอแจ้งว่าจะมาตรวจให้ราวๆ 11 โมงเช้า
ก๊อกๆๆ ..
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น นางปทุมมาศรีบเดินไปเปิดประตู มัมมาริสา เออเนส เซดริก และมาลารินทร์ ก้าวเข้ามาในห้องเพื่อเยี่ยมดูอาการของเด็กสาว
"น้องญาเป็นยังงัยบ้างคะคุณมาศ พี่กับเออเนส อยากขอดูอาการน้องสักหน่อยค่ะ" มัมมาริสาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"เมื่อครู่ให้ทานข้าวแล้วก็ทานยาแก้ปวดไปแล้วค่ะ เชิญคุณมาริสาด้านในเลยค่ะ"
นางปทุมมาศเดินนำทุกคนเดินเข้าไปภายในห้องนอนด้านใน ร่างเล็กกำลังนอนตะแคงอยู่บนเตียง สองแขนเรียวกอดหมอนข้างไว้ดวงตาคู่สวยหลับสนิท มัมมาริสานั่งลงที่เก้าอี้ตรงหัวเตียง แล้วมองดูเด็กสาวตรงหน้า ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ปากกระจับสีชมพูอวบอิ่ม พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ มีลูกผมระลงมาปรกที่ใบหน้าสวย มัมมาริสายิ้ม แล้วเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กๆ นั้นอย่างเอ็นดู พลางใช้นิ้วเกลี่ยผมที่ปรกหน้านั้นออก เด็กสาวยังคงนอนนิ่ง เธอหลับสนิทอาจเป็นด้วยฤทธิ์ของยาก็เป็นได้
มัมมาริสาเปิดผ้าห่มที่คลุมบริเวณข้อเท้าของเด็กสาวออกดู พบว่ามันบวมเป่งมากจริงๆ เธอถึงกับถอนหายใจพลางส่ายหน้า แล้วหันไปพูดกับลูกชายคนเล็ก
"ดูสิเออเนส เท้าน้องบวมเยอะเลย น่าสงสาร"
มัมมาริสาพูดแล้วหันไปถามกับนางปทุมมาศ "ตอนที่ล้มก็รีบให้เออเนสอุ้มมาส่ง ไม่น่าจะบวมขนาดนี้เลยนะคะ หลังจากล้มแล้วน้องได้เดินไปไหนหรือทำอะไรบ้างหรือเปล่าคะ" มัมมาริสาถามนางปทุมมาศ
"ตอนที่ดิฉันขึ้นมาดูน้องญาที่ห้องก็พยุงพาเขาไปอาบน้ำ เขาก็ร้องบอกว่าเจ็บตลอดเลยค่ะ หลังจากนั้นก็นอนร้องไห้งอแงทั้งคืน เพิ่งจะหลับไปเมื่อตอนตีสามเห็นจะได้"
มัมมาริสาพยักหน้ารับคำ ฝ่ามืออบอุ่นนั้นยังคงลูบหัวคนตัวเล็กไม่หยุด เธอเองก็อยากมีลูกสาว แต่อาจเป็นเพราะแด๊ดโนแอลอายุมากแล้ว จึงไม่มีลูกอีกนับตั้งแต่มีเออเนส เมื่อเธอเห็นปฏิญญาก็เกิดความรู้สึกถูกชะตา และนึกรักและเอ็นดูขึ้นมาในทันที
เย็นวันนี้เซดริกจะจัดดินเนอร์ที่ริมหาดอีกวันหนึ่ง หลังจากตกลงกันว่าวันพรุ่งนี้จะกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านนางปทุมมาศอีกสักวันสองวันก่อนที่จะกลับไปคฤหาสน์มาร์ติน เพราะมัมมาริสาอยากไปดูการทำขนมไทย ส่วนแด๊ดโนแอลกับเออเนสจะกลับฝรั่งเศสในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากมีงานจะต้องรีบจัดการ
ส่วนน้องญาหลังจากหาหมอแล้วอาการก็ดีขึ้นมาก ข้อเท้าที่บวมก็ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด มัมมาริสาจึงชวนให้ลงมาทานดินเนอร์ด้วยกันเย็นนี้ เธออาบน้ำแต่งตัว สวมชุดเดรสเกาะอกสีโอลด์โรส ส่วนของคอเสื้อที่จีบรอบคอเป็นผ้าแก้วเย็บต่อกับส่วนเกาะอกเป็นแขนกุด รวบผมเป็นมวยหลวมๆ แต่งหน้าโทนสีส้มอ่อน ปัดแก้มสีพีซ น่ารักสมวัยสาว เธอมองตัวเองผ่านกระจกเงาแล้วยิ้มพอใจ ปีนี้เธออายุ 18 ปีแล้ว เทอมหน้าก็จะเรียนจบม.6 นางปทุมมาศจะให้น้องญาไปอยู่กับป้าวิมาลาที่กรุงเทพ เพื่อเรียนต่อมหาลัย
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง แม่คงจะมารับเธอแล้ว น้องญาเดินไปที่ประตู สวมใส่รองเท้าแบบไม่มีส้น แล้วเปิดประตูยิ้มหวานออกไป แต่ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"มัมให้ฉันมารับเธอ" เออเนสกล่าวสั้นๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปใกล้ๆ ร่างเล็กถอยหลังหนี แต่ไม่ทันกับลำแขนแข็งแกร่งของเขา ที่รวบร่างเล็กนั้นกระชับเข้าแนบอกแกร่งทันที
"ปล่อยฉันค่ะ ฉันเดินเองได้" น้องญากล่าวห้วนๆ ทำให้ใบหน้าหล่อนั้นบึ้งตึงขึ้นมาทันที
"อย่ามางอแง ทำอย่างกับฉันไม่เคยอุ้มเธออย่างนั้นแหละ"
เออเนสพูดพลางกระชับร่างเล็กเข้าหาตัวเองแน่นๆ จนใบหน้าหล่อนั้นแทบจะชิดกับเรียวหน้าจิ้มลิ้ม น้องญาเบือนหน้าหนีใบหน้าหล่อคมทันที หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก
ร่างแกร่งเดินก้าวตรงมายังลิฟท์ เขารู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่คอยจะวอกแวกไปกับเรือนร่างนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นของเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนนั่น "นี่กูคิดอะไรกับเด็กอายุแค่ 17-18 จริงเหรอวะเนี่ย? กูเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ..จิ๊" เออเนสครุ่นคิดอยู่ในใจ และต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย
ตอนนี้ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหารริมชายหาดเรียบร้อยแล้ว ขาดแต่ปฏิญญากับเออเนสเท่านั้น
"รอสักครู่นะคะทุกคน สาให้เออเนสไปรับน้องญาแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงมาถึง" มัมมาริสาบอกกับทุกคนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ครู่หนึ่งร่างสูงของเออเนสก็อุ้มร่างเล็กของน้องญาเดินเข้ามาถึง มัมมาริสารีบเดินเข้าไปประคองร่างเล็กให้เดินมานั่งข้างๆ ที่นั่งของตัวเองโดยให้เออเนสไปนั่งฝั่งตรงข้ามข้างๆ นางปทุมมาศ เออเนสถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แด๊ดโนแอลอมยิ้มน้อยๆ ขำอาการของลูกชายคนเล็ก
"น้องญาเป็นยังงัยบ้างลูก ขอมัมดูเท้าหน่อยสิ หายบวมรึยัง" มัมมาริสาพูดพลางก้มลงไปดูข้อเท้าของคนตัวเล็ก น้องญากระดักกระเดิดด้วยความเกรงใจ
"ไม่บวมแล้วนี่นาลูก เดี๋ยวก็หายวิ่งได้แล้วเนอะ มาๆๆ ทานข้าวกันลูก ทานกันให้เต็มที่เลยนะคะทุกๆ คน"
มัมมาริสาพูดพลางหยิบกุ้งตัวใหญ่มาแกะเปลือกออก เออเนสยิ้มกริ่ม .. มัมน่ารักเสมอ จำได้ว่าเขาชอบกินกุ้งเผาเป็นที่สุด มัมมาริสาบรรจงแกะเปลือกกุ้งแล้ววางลงบนจานของน้องญาทันที
"เห็นแม่มาศบอกกับมัมว่าหนูชอบกินกุ้งเผา กินเยอะๆ เลยนะลูก เดี๋ยวมัมแกะให้เอง" มัมมาริสาเอ่ยพร้อมกับยิ้มหวานให้น้องญา
"ขอบคุณค่ะ คุณป้ามาริสา" เด็กสาวยกมือไหว้ขอบคุณมัมมาริสา
"โอ้ย.. เรียกคุณป้าได้ยังงัยคะ ไม่เอาค่ะ เรียกมัมสิลูก ไหนเรียกใหม่สิ"
"อะ..เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ .. มัม"
น้องญากล่าวตะกุกตะกัก เธอก้มหน้าก้มตาทานกุ้งที่มัมมาริสาแกะให้อย่างเกรงใจ พลางเหลือบขึ้นไปมองร่างแกร่งที่อยู่ตรงข้ามแล้วรีบหลบสายตาทันที เพราะตอนนี้เออเนสหน้างอคอหัก เหมือนปลาทูในตลาดสดไม่มีผิด
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางตามที่ตกลงกันไว้ ทุกคนขึ้นประจำที่บนรถตู้เพื่อเดินทางไปพักที่บ้านนางปทุมมาศ ขาดแต่มัมมาริสาซึ่งคงกำลังพูดคุยกับแด๊ดโนแอลและเออเนสอยู่ เพราะสองคนพ่อลูกจะต้องกลับฝรั่งเศสวันนี้ มาลารินทร์กับเซดริกนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ ส่วนนางปทุมมาศกับนางวิมาลานั่งเบาะแรก ดังนั้นช่วงต่อจากนั้นจึงว่างยาว น้องญาเลือกเข้าไปนั่งเบาะหลังท้ายสุดเพราะเป็นเบาะติดกันยาว ทำให้เธอสามารถนั่งยืดแข้งยืดขาได้อย่างสบายใจแกร๊ก...พรืด..เสียงประตูรถตู้เลื่อนเปิดออก ร่างของมัมมาริสายืนอยู่ตรงประตู น้องญายิ้มให้ มัมยิ้มตอบแล้วเดินขึ้นไปนั่งใกล้กับนางวิมาลาและนางปทุมมาศ น้องญาจึงไม่ได้สนใจอะไรอีก เธอนอนเหยียดยาวแบบสบายใจ เพราะทุกคนมากันครบแล้ว ตอนนี้รถกำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม เธอกะว่าจะนอนหลับให้สบาย เพราะวันก่อนที่เจ็บข้อเท้า เธอแทบจะไม่ได้นอนเลย เพียงครู่เดียวคนตัวเล็กก็หลับไปน้องญารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถโยกโยนตอนขับผ่านลูกระนาด เธอลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพราะเธอยังง่วงอยู่มากจึงสะลึมสะลือเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกได้ว่ามีฝ่ามือหนากำลังลูบ
หลังจากส่งมัมมาริสากับเออเนสขึ้นไปห้องพักเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็ลงมาที่ครัวเพื่อเตรียมอาหาร แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่บ้านเสียหลายวันจึงไม่มีของสดเหลือติดบ้านเลย น้องญาจึงอาสาขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปซื้อของในตลาดสดที่เคยไปอยู่ประจำ เพราะตลาดอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ขณะนั้นเออเนสกับมัมมาริสาก็เดินมายังครัวพอดี เธอเดินตรงมายังเด็กสาวพร้อมกับเอามือลูบหัวทุยเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไหน .. วันนี้น้องญาจะทำอะไรให้มัมกินจ๊ะ” มัมมาริสาเอ่ยถามเด็กสาว พลางกอดเอวคอดนั้นไว้หลวม ๆ“วันนี้หนูจะทำแกงเขียวหวานปลากราย ทานกับขนมจีน ปลาทับทิมทอดสามรส หอยลายผัดฉ่า แกงส้มชะอมกุ้ง แล้วก็กุ้งทอดกระเทียมค่ะ” น้องญาเอ่ยเมนูให้มัมมาริสาฟัง นางถึงกับตาโต“โอ้โห.. เมนูน่าทานทั้งนั้นเลย แต่กุ้งทอดกระเทียมนี่ทำให้ใครแถวนี้เป็นพิเศษหรือเปล่าน๊า” มัมมาริสาเอ่ยแซว น้องญายิ้มหวานจนตาหยี“พอดีมีแต่อาหารรสจัดค่ะ แม่กลัวพี่เออเนสจะทานไม่ค่อยได้ เลยให้ทำเมนูที่ไม่เผ็ดให้ด้วย หนูเลยจะทำกุ้งทอดกระเทียมค่ะ”น้องญาตอบ มัมมาริสายิ้ม ขนาดเมนูที่จะทำให้ยังเลือกเป็นกุ้งที่ลูกชายคนเล็กเธอชอบเสียด้วย แสดงออกให้เห็นถึงความใส่ใจของเด็ก
หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็เข้าครัวเพื่อเตรียมตัวทำขนม โดยมีมัมมาริสาคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับโน่นนี่ไปตามเรื่อง นางวิมาลาก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนมาลารินทร์ไม่เข้ามาด้วยเพราะเธอยังแพ้ท้องเวลาได้กลิ่นถั่วก็ยังเหม็นอยู่ เพราะวันนี้ต้องมีกวนถั่วเพื่อทำไส้ขนมเม็ดขนุนด้วย น้องญากำลังคัดเลือกไข่เป็ดและทำความสะอาดเพื่อใช้ทำขนมเม็ดขนุนกับฝอยทองกรอบ หลังจากนั้นเธอก็ให้แม่กับมัมมาริสาทำกันไป ส่วนเธอก็แยกตัวไปทำขนมอาลัวให้เออเนสน้องญาผสมสีอ่อนๆ ลงไปในแป้งที่กวนสุกแล้ว เธอตักแป้งใส่ถุงบีบที่มีหัวบีบรูปดาว แล้วค่อยๆ บีบลงไปในถาดทีละอัน เออเนสมองคนตัวเล็กที่กำลังบีบขนมลงถาดอย่างตั้งอกตั้งใจ น่าแปลกที่ขนมที่บีบลงไปในถาดมีขนาดเท่ากันทุกชิ้นบ่งบอกถึงฝีมือและความใส่ใจของคนทำอย่างเด่นชัด เขาค่อยๆ เดินมาด้านหลังของเด็กสาวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาบีบขนมจนไม่ได้สังเกตุว่ามีใครมายืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับแก้มนุ่มของเธอแล้วจรดจมูกโด่งลงยังผิวแก้มนวลเบาๆ จนเด็กสาวสะดุ้ง"หอมจัง" เออเนสพูดเบาๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่ จนน้อง
1 ปีผ่านไป...ณ. ปารีส @ ฝรั่งเศสตอนนี้ปฏิญญาเดินทางมาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้เกือบเดือนแล้ว โดยมัมมาริสาเดินทางมารับด้วยตนเองเมื่อเธอเรียนจบ หลังจากที่คุยกันแล้วว่าเธอคงจะเข้าเรียนในปีการศึกษาหน้า มัมมาริสาอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่และลองใช้ชีวิตให้คุ้นชินก่อน เพราะเธอยังต้องปรับตัวอีกมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือเธออยากเลือกสายวิชาและมหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งข้อนี้มัมมาริสาให้สิทธิ์เธอเต็มที่"ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ" ปฏิญญาบอกทุกคนที่ตอนนี้นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ให้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา"มีแต่อาหารไทยน่าทานทั้งนั้นเลย น้องญามาอยู่นี่มัมต้องเจริญอาหารแน่ๆ " มัมมาริสาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้เธอ"วันนี้มีอะไรบ้างล่ะ หน้าตาน่าทานนะ แต่แด๊ดไม่รู้จักชื่อเลย" แด๊ดโนแอลเอ่ยถามเด็กสาว"วันนี้มีแกงเลียงกุ้งสด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แกงจืดเต้าหู้อ่อน กุ้งทอดกระเทียมค่ะ" น้องญาตอบแด๊ด"กุ้งทอดกระเทียมทำพิเศษให้พี่เออเนสใช่ไหมเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรพิเศษให้มัมบ้างเลย ชักจะน้อยใจแล้วนะ"มัมมาริสาเอ่ยหยอกเย้า ในขณะที่คนที่ถูกกล่าวถึงนั่งยิ้
น้องญานอนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเออเนส เธอสบสายตาของชายหนุ่ม สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนาอย่างปิดไม่มิด"รังเกียจฉันเหรอ" เขาเอ่ยถามหลังจากที่เธอยังนอนตัวแข็งทื่อและดันอกแกร่งของเขาให้ห่างจากตัวเธอ"ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ได้รังเกียจ แต่น้องญาว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้ คะ..คือ.. น้องญายังเด็กอยู่เลยค่ะ" หญิงสาวรีบตอบเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด ใครจะไปรังเกียจชายหนุ่มรูปหล่อ สะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเขาล่ะ"ปีนี้อายุเท่าไหร่" เขาถามพลางใช้มือลูบผมที่ปรกหน้าของเธอออกและไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบหน้าเนียนใสของหญิงสาว"19 ค่ะ อีกสามเดือนก็จะเต็ม 20" เธอตอบชายหนุ่ม หัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน"จะ 20 แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เขาบอกกับเธอพลางลูบไล้ไปทั่วผิวกายนวลเนียนของเด็กสาว เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกที่ที่เขาสัมผัส เออเนสขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนของเขาปะทะริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะประทับจูบลงที่ริมฝีปากสวยนั้น เสียงโทรศัพท์ของน้องญาก็ดังขึ้นกริ้งงงงงงงงงง.... หน้าจอแสดงชื่อมัมมาริสา ปฏิญญาฉวยโอกาสนั้นรีบลุกจากเตี
ปฏิญญาลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเพียงลำพัง เวลาเย็นแบบนี้แดดอ่อนแสงลงมากแล้ว หาดทรายเม็ดเล็กละเอียดสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีฟ้าเข้มของน้ำทะเลที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆเด็กสาวถอดรองเท้าฟองน้ำถือไว้เพราะอยากใช้เท้าสัมผัสกับความละเอียดอ่อนของเม็ดทรายที่นุ่มนิ่มนั้นโดยตรง เธอยืนมองขอบฟ้าที่ไกลสุดสายตา แล้วทำให้คิดถึงแม่ปทุมมาศ ร่างเล็กนั่งลงบนหาดทรายในท่าชันเข่า ตอนนี้เวลาที่นี่เกือบจะหกโมงเย็น ที่เมืองไทยคงเกือบจะห้าทุ่มแล้ว คงดึกเกินไปถ้าเธอจะโทรหาแม่มาศในตอนนี้พอนั่งนึกอะไรเพลินๆ ก็ปรากฏภาพของเออเนสขึ้นในมโนภาพของเธอทันที ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนมาถึงวันนี้ เขาก็ยังเป็นผู้ชายคนเดิมที่มักจะทำตัวรุ่มร่ามกับเธอตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน แต่ภายนอกถ้าคนอื่นมองจะเห็นเขาอีกลุคหนึ่งซึ่งดูเป็นคนเงียบๆ สุขุม และวางตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เธอรู้ดีว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นตลอดเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนที่เธอจะเรียนจบ เขามักจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างฝรั่งเศสกับไทย เพื่อไปเยี่ยมเซดริกและครอบครัวของเธอเป็นประจำเธอถามตัวเองว่าทำไมเธอถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวมาตลอด แล้วเธอก็ยอมรับกับใ
"อื้อ~ หนาวววว" คนตัวเล็กนั่งคอพับอยู่ในอ่างอาบน้ำในสภาพกึ่งเปลือย มีแพนตี้ตัวน้อยกับบราแบบเกาะอกปกปิดของสงวน เออเนสถอนหายใจยาวเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ของตัวเอง เขาค่อยๆ ถอดบราและแพนตี้ตัวน้อยออกจากเรียวขาสวย แล้วเปิดน้ำอุ่นเพื่อล้างหน้าตาเนื้อตัวแล้วอาบน้ำให้กับเธอ เสร็จแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อหุ้มร่างเปลือยขาวโพลนนั้น แล้วรวบร่างขึ้นอุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ร่างแกร่งค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงแล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกเพื่อจะเช็ดตัวและสวมชุดใหม่ให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนตัวเล็กก็ดิ้นไปมามือไขว่คว้าสะเปะสะปะ"อื้มๆๆ .. หนาววว"มือเล็กควานหาผ้าห่มเพราะรู้สึกหนาว เมื่อมือสัมผัสถูกผ้าเช็ดตัวที่เออเนสถืออยู่เธอก็ดึงเข้าหาตัวอย่างแรงจนเออเนสล้มลงบนที่นอนหนาหนุ่มแล้วคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดี ใบหน้าของเธอและเขาแนบชิดกัน จมูกชนจมูก ดูเหมือนคนตัวเล็กพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองเจ้าของลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังหายใจรดใบหน้าเธออยู่ในระยะประชิด"พะ..พี่เออเนส"ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มเผยอน้อยๆ เมื่อเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มที่ตัวเองแอบมีใจให้ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาแห่งความปรารถนาที่ปิดไม่มิ
เด็กสาวทำท่าจะขยับสะโพกถอยหนีเมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่น และเจ็บแปลบบริเวณกึ่งกลางกายสาว จนเออเนสต้องค่อยๆ ปลอบประโลมเธออีกครั้ง"ไม่ต้องกลัว อย่าเกร็งนะ เจ็บนิดเดียว"เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ใบหูของเธอ แล้วประกบริมฝีปากหนาได้รูปนั้นที่ปากสวยของเธออีกครั้ง เพื่อให้เด็กสาวผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย ริมฝีปากอุ่นชื้นเลื่อนลงมาโลมเลียดูดดึงยอดปทุมถันอวบใหญ่นั้นอีกครั้ง ฝ่ามือแกร่งโลมไล้ไปทั่วผิวกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่น ในขณะที่ร่างเล็กกำลังตกอยู่ในวังวนของความเสียวซ่านอยู่นั้น เออเนสก็ดันแท่งรักขนาดใหญ่เข้าไปในช่องทางรักคับแคบของเด็กสาวจนสุดลำ "สวบบ .. ปึ่ก" "กรี๊ดดดดดดด " เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมลุกล้ำเข้าไปภายในใจกลางสาวที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำมาก่อน เด็กสาวน้ำตาไหล หายเมาเป็นปลิดทิ้ง"อึ่ก..ฮือ..พี่เออเนสทำอะไร น้องญาเจ็บ" เด็กสาวเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลจากหางตา"ซี๊ดดดด...อืมมมม" เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นในลำคอ เขารู้สึกคับแน่นที่แท่งรักและอยากจะขยับมันใจจะขาด"ฉันจะค่อยๆ ขยับนะ ไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องเกร็งนะ"เสียงทุ้มนุ่มนวลค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาเพื่อไม่ให้เด็กสาวต้องเป็นกังวลใจ
เซนส์อาสาช่วยปฏิญญาพาเออเนสขึ้นมายังห้องนอนชั้นบนของคฤหาสน์ ซึ่งกว่าจะพาขึ้นมาได้ก็ต้องหิ้วปีกกันขึ้นมาอย่างทุลักทุเลเต็มทน ร่างแกร่งของเออเนสทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที"ขอบคุณพี่เซนส์มากเลยนะคะ ดูท่าทางพี่เออเนสจะเป็นเยอะมากเลยนะเนี่ย" ปฏิญญากล่าวขอบคุณเซนส์ก่อนที่เขาจะขอตัวลงไปข้างล่าง ปฏิญญาพลิกตัวเออเนสให้นอนหงายและหนุนหมอนให้สูงขึ้น แต่เออเนสขอขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เขาบอกว่านั่งแบบนี้แล้วไม่เวียนหัว ปฏิญญาก็เลยตามใจเขา เธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อและคลายเข็มขัดให้เขา จะได้ไม่อึดอัด เออเนสมองแฟนสาวตรงหน้าพร้อมกับเอามือลูบศรีษะเล็กๆ ของเธอเบาๆ"พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก หนูไม่ต้องเป็นห่วง ดูสิ หน้าจ๋อยเลย" เออเนสเอามือเกาคางปฏิญญาเพื่อหยอกล้อเธอให้คลายกังวล"อาการเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นบ้างไหม""ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ไม่เวียนหัวแล้ว แต่ยังมีคลื่นไส้อยู่บ้างครับ นึกถึงกุ้งเผาแล้วพี่นี่ขนหัวลุกเลย"ปฏิญญาขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วโอบกอดคนรักไว้ เออเนสซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของเธอ เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของแฟนสาว"อดทนหน่อยนะคะ..มัมบอกว่าแพ้แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ" ปฏิญญ
สองปีต่อมา วันนี้เป็นวันรับปริญญาของปฏิญญา ทุกคนต่างมาร่วมแสดงความยินดี ทั้งมัมมาริสา แด๊ดโนแอล เซนส์ที่มาร่วมยินดีทั้งกับน้องสาวสุดที่รักและน้ำฟ้าแฟนสาวของเขาที่รับปริญญาพร้อมกัน แม่ปทุมมาศและป้าวิมาลาแม่ของมาลารินทร์ ที่เดินทางมาจากเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัวของมาร์ตินกรุ๊ปพร้อมกับเซดริกและมาลารินทร์ที่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สาม อายุครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว ฟาเบียนลูกชายคนโตอายุหกขวบ ส่วนฟาบริซน้องชาย อายุได้ ห้าขวบหลังจากงานพิธีรับปริญญาเสร็จสิ้น ทุกคนก็มีนัดเลี้ยงฉลองกันที่คฤหาสน์มาร์ตินในช่วงเย็นโดยมีน้ำฟ้ามาร่วมเลี้ยงฉลองด้วย เพราะคุณพอลพี่ชายของเธอกับคุณแม่ติดงานเซ็นสัญญากับลูกค้าที่แอลเอ จึงจะกลับมาเลี้ยงฉลองย้อนหลังให้ในอาทิตย์หน้าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ฟาเบียนกับฟาบริซวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่ต่างก็พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันตามประสา"พี่รินทร์ท้องใหญ่มากเลยค่ะ ห้าเดือนจริงเหรอคะเนี่ย" ปฏิญญาค่อยๆ เอามือลูบท้องของพี่สาว มันแข็งมากๆ จังหวะหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรดุ๊กดิ๊กตุงๆ ออกมาจากท้องของพี่สาวจนเธอรู้สึกได้"อุ๊ย!! น้องเซลีนดิ้นทักทายน้าเหรอคะเนี่ย
เออเนสวางปฏิญญาลงบนเตียงอ่อนนุ่มแล้วคลานขึ้นไปครอมร่างเล็กนั้นไว้ ทั้งสองจ้องมองตากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยม เออเนสไล้ปลายนิ้วไปยังกลีบปากเต็มอิ่มของเธอเบาๆ เขาก้มลงประทับริมฝีปากหนาลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วขบเม้มกลีบปากสวยอย่างแผ่วเบา ลิ้นร้อนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กแล้วจูบอย่างดูดดื่ม ปฏิญญายกมือขึ้นคล้องรอบลำคอของเขาพร้อมกับสอดแทรกนิ้วมือเข้าไปในกลุ่มผมดกหนาเบาๆ"อืมมม"เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นเมื่อความรู้สึกของเขากำลังดำดิ่งสู่ห้วงปรารถนาอย่างลึกซึ้ง ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปยังเสื้อชุดนอนแบบกระโปรงของคนใต้ร่างแล้วถอดออกอย่างง่ายดาย เออเนสลากไล้จมูกโด่งดอมดมยังซอกคอหอมกรุ่นแล้วขบเม้มจนเกิดสีดอกกุหลาบ ทุกที่ที่ริมฝีปากหนาลากผ่านทำให้ปฏิญญาร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก ไรขนอ่อนตามตัวของเธอลุกชัน"อ๊ะ~อ๊าาา"ปฏิญญาร้องครางอย่างเสียดเสียวเมื่อยอดอกสีชมพูระเรื่อนั้นถูกครอบครองและดูดดุนอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆ ตลอดเวลา ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วและหยุดตรงเนินเนื้ออวบอูมเกลี้ยงเกลา นิ้วแกร่งหมุนวนบริเวณยอดเกสรที่ตอนนี้มีน้ำหวานสีใสหล่อเลี้ยงจนเปี
สองเดือนผ่านไป "วันนี้เลิกเรียนเร็ว ไปเดินห้างกันมั้ย?" ปฏิญญาเอ่ยชวนน้ำฟ้า เพราะวันนีอาจารย์ยกคลาสช่วงบ่ายเลยทำให้มีเวลาว่างเพิ่มขึ้น"ก็ดีเหมือนกันนะ วันนี้วันศุกร์ เดี๋ยวขากลับฉันจะได้แวะซื้อของสดไปทำอาหารให้พี่เออเนสเลย""โอเค งั้นเราไปกัน" สองสาวเดินจับมือกันลงมาจากอาคารเรียนเพื่อจะไปยังลานจอดรถ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็ได้ยินเสียงคนเรียกเสียก่อน"ปฏิญญา น้ำฟ้า" สองสาวหันหน้าไปยังเสียงเรียกพร้อมๆ กัน เธอสองคนคุ้นเคยกับเสียงนั้นเป็นอย่างดี"อมารี" ปฏิญญาเอ่ยเสียงเรียกชื่ออย่างแผ่วเบา ตั้งแต่วันนั้นที่เธอไปคุยกับคุณน้าเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดและรักษาพยาบาลให้กับอมารีแล้ว เธอก็ไม่เคยติดต่อกลับไปอีกเลย"ฉันอยากขอเวลาคุยด้วยสักหน่อย ขอเวลาให้ฉันสักสิบนาทีได้ไหม?""อืม.. ได้สิ ถ้าอย่างนั้นไปคุยที่คาเฟ่ในมหาลัยก็แล้วกัน"ทั้งสามคนก้าวเข้ามาในคาเฟ่ เลือกที่นั่งตรงมุมสงบเพื่อสะดวกในการพูดคุยกัน หลังจากพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสริฟแล้วอมารีก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาทันที"ฉันอยากจะมาขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่ได้เธอช่วยเรื่องค่าผ่าตัดป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว" อมารีพูดด้วยเสียงสั่นเครื
ปฏิญญาซุกใบหน้าเล็กเข้ากับแผงอกแน่นๆ ของเออเนส กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาและสัมผัสอบอุ่นที่คุ้นเคยนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นานหลายนาทีกว่าใบหน้าสวยจะขยับออกจากอกแกร่งนั้น แต่เออเนสยังคงกอดร่างเล็กไม่ยอมปล่อย"น้องญาไม่โกรธที่อมารีทำกับเราเหรอครับ" เขาถามเธอพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้"ตอนแรกก็โกรธนะคะ เพราะคิดว่าทำไมเธอต้องหักหลังน้องญาด้วยทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนกัน แต่สิ่งที่เธอเจอมามันคงจะทำให้เธอเจ็บปวดและแค้นมากเลยตัดสินใจทำแบบนั้น ยิ่งตอนนี้เธออยู่ในอันตรายเป็นตายเท่ากัน น้องญาเลยอยากให้พี่เออเนสช่วย อย่างน้อยก็ถือเป็นการไถ่โทษที่พี่เคยทำให้เธอเสียใจ อีกอย่างหนึ่งน้องญาสงสารพ่อแม่ของเธอค่ะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปท่านคงเสียใจมาก น้องญาเคยสูญเสียพ่อมาก่อน น้องญาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีค่ะ"เออเนสจ้องมองไปที่ดวงหน้าสวยจิ้มลิ้มตรงหน้า ปฏิญญาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่ง จะมีสักกี่คนที่จะคิดเห็นใจคนที่ตั้งใจทำร้ายเพื่อนแบบเปิดเผยอย่างอมารี"ได้ครับ ถ้าหนูอยากให้พี่ช่วย พี่ก็จะตามใจหนู แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่" เออเนสเอ่ยถามพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยผมนุ่มของเธอทัดที่ใบหู ปฏิญญาส่งใบแจ้งค่าใช้จ่ายให
"ขอโทษนะครับ คุณใช่ญาติของคุณอมารีหรือเปล่าครับ" เสียงคุณหมอเอ่ยถามขึ้นทำให้ทุกคนหันกลับไปมองยังคุณหมอทันที"ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของอมารีค่ะ""เมื่อตอนเช้ามืดคนไข้มีอาการชัก อาเจียน แล้วก็หมดสติ มีอาการหัวใจหยุดเต้นซึ่งทางทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจคนไข้ จนหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ แพทย์จึงให้ตรวจเอ็กซเรย์สมองพบว่ามีเส้นเลือดฝอยในสมองผิดปกติครับ ซึ่งเส้นเลือดฝอยนั้นเกิดแตกขึ้นทำให้มีเลือดออกมากดทับเนื้อสมอง" คุณหมออธิบายในขณะที่แม่ของอมารีเริ่มจะร้องไห้"แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีคะคุณหมอ" แม่ของอมารีเอ่ยถามทั้งน้ำตา"เราต้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเลือดที่กดทับตรงเนื้อสมองออก วิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายได้ แต่ถ้าไม่ผ่าตัดก็อาจทำให้อาการทรุดลงหรืออาจเสียชีวิตได้ครับ" คุณหมออธิบายจบแม่ของอมารีก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วร้องไห้ออกมาทันที"เสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไรคะหมอ" แม่ของอมารีเอ่ยถามทั้งที่น้ำตายังนองหน้า ในขณะที่คุณหมอส่งใบรายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ในการผ่าตัดมาให้ นางก็เอื้อมมือไปรับด้วยฝ่ามือที่สั่นเทา"ถ้าญาติคนไข้พร้อมเมื่อไรแจ้งหมอได้ทันทีนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ" หลังจากคุณหมอเดินจากไป แม่ของอมาร
ปฏิญญาก้าวเดินออกมาโดยมีเออเนสวิ่งตามมาติดๆ ปากก็ยังคงร้องเรียกชื่อเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เจ็บหรือไม่รู้สึกอะไร แต่เธอกลัว กลัวความเสียใจที่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เธอเคยให้โอกาสเขามาตลอด แต่มันก็ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดทั้งมวลไม่เคยพ้นเรื่องผู้หญิงสักที เธอเหนื่อย อยากพัก อยากให้เวลาทั้งหมดกับการเรียนที่เหลือ อีกแค่สองปีเธอก็จะเรียนจบแล้ว และถ้าตามสัญญาของการหมั้นนั้นคือ เมื่อเธอเรียนจบเธอจะต้องแต่งงานกับเออเนส"น้องญา" เสียงมัมมาริสาร้องเรียกทำให้ร่างเล็กชะงักเท้าทันที"มาหามัมกับแด๊ดหน่อยค่ะลูก" ปฏิญญาจำต้องเดินไปยังชุดรับแขกกลางห้องโถงที่มัมมาริสาและแด๊ดโนแอลนั่งอยู่โดยมีเออเนสเดินซึมตามหลังมา"หนูเห็นสิ่งที่พี่เขาให้ดูแล้วใช่ไหมลูก" มัมมาริสาเอ่ยถาม"ค่ะ" ปฏิญญาพยักหน้าตอบ"หนูจะตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้ลูก ตอนนี้เราอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว มาเปิดอกคุยกันดีกว่านะ หนูคิดเห็นยังไงก็บอกได้เลยค่ะ มัมเคารพการตัดสินใจของหนู" มัมมาริสาถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเล็กอย่างให้กำลังใจ"......"ปฏิญญาก้มหน้านิ่ง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง"บอกแด๊ดมาเถอะน้องญา แด๊ดเ
หลังจากจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ววันรุ่งขึ้นมัมมาริสาก็รีบบินกลับทันทีเพราะแด๊ดโนแอลโทรตามไม่หยุด งอแงเป็นเด็กจนมัมมาริสาหัวจะปวดเออเนสกับเซนส์อาบน้ำแต่งตัวลงมานั่งดื่มกาแฟที่ห้องอาหารแต่เช้า วันนี้เขาสองคนต้องรีบจัดการธุระให้เรียบร้อย เผื่อมัมมาริสาส่งข่าวมาให้ไปเคลียร์กับสองสาวจะได้เดินทางได้ทันที"เช้านี้มึงไปประชุมแทนกูด้วยนะไอ้เซนส์" เออเนสออกคำสั่ง"แล้วมึงจะไปไหน?" เซนส์จิบกาแฟแล้วมองหน้าเพื่อนรัก"กูจะไปโรงพยาบาล นี่เพิ่งผ่านมาสามวัน น่าจะยังตรวจสารในร่างกายได้ กูจะใช้เป็นหลักฐานยืนยันกับเมียกูว่ากูโดนวางยา มึงสั่งคนของเราดึงคลิปวงจรปิดช่วงเวลานั้นให้กูด้วย ช่วงเวลาที่กูอยู่ในห้องมันไม่น่าเกินห้านาที เป็นไปไม่ได้ที่เวลาแค่นั้นกูจะมีเซ็กส์กับยัยมารี" " เออเนสยิ้มอย่างมีความหวัง"ถ้างั้นตอนบ่ายมึงอยู่คุยกับคู่ค้าของแด๊ดที่นัดไว้แทนกูด้วย กูจะไปคุยกับอามิยาให้รู้เรื่องสักที"สามวันที่ผ่านมานี้เซนส์กับเออเนสโทรหามัมมาริสาทุกวัน เพื่อเร่งเร้าให้มัมคุยกับสองสาวให้ยอมเคลียร์ใจกับพวกเขาเสียที เพราะพวกเขาคิดถึงสองสาวจนแทบไม่เป็นอันหลับอันนอน"เป็นงัยบ้างคะเด็กๆ อยู่เที่ยวที่นี่มาสี่ห
"แล้วน้ำฟ้าล่ะลูก มีปัญหาอะไรหรือเปล่า มัมเห็นร้องไห้ไม่หยุดเลย" มัมมาริสาหันมาถามน้ำฟ้าที่ผ่านการร้องไห้มาจนตาบวมช้ำ"ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณน้า" น้ำฟ้ากล่าวปฏิเสธ"น้ำฟ้าเป็นแฟนของพี่เซนส์ค่ะมัม เขาสองคนคบกันมานานเป็นปีแล้วค่ะ" ปฏิญญาเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง เธออยากให้มัมมาริสาได้รับรู้สถานะของเพื่อนรักของเธอ และตัวเธอเองก็อยากรู้เรื่องของเซนส์จากปากของมัมมาริสาด้วย"จริงเหรอลูก มัมดีใจจังเลยที่พี่เซนส์ผู้เย็นชาของมัมมีแฟนกับเขาสักที ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะ เพราะพี่เซนส์ก็ถือว่าเป็นลูกคนนึงของมัมเหมือนกัน แบบนี้มัมก็จะได้สะใภ้ทีเดียวสองคนเลยสิ โชคดีจัง" มัมมาริสายิ้มพร้อมกับลูบศรีษะเล็กของน้ำฟ้าด้วยความเอ็นดู"เอ่อ.. คือ.. หนูจะเลิกกับพี่เซนส์แล้วค่ะ" น้ำฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ"อ้าว.. ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะลูก พี่เซนส์ไปทำอะไรไม่ดีกับหนูน้ำฟ้าคะ" น้ำฟ้าเงียบไม่กล้าตอบออกไป ได้แต่ก้มหน้านิ่งๆ"น้ำฟ้าไปเห็นพี่เซนส์อยู่กับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักของพี่เซนส์ที่ Max Martin ค่ะ เธอชื่อ อามิยา" ปฏิญญาเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้แทนน้ำฟ้า"อามิยาเหรอ? ... อ้อ.. ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นแฟนกับเซนส์ตอนเรีย