หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็เข้าครัวเพื่อเตรียมตัวทำขนม โดยมีมัมมาริสาคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับโน่นนี่ไปตามเรื่อง นางวิมาลาก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนมาลารินทร์ไม่เข้ามาด้วยเพราะเธอยังแพ้ท้องเวลาได้กลิ่นถั่วก็ยังเหม็นอยู่ เพราะวันนี้ต้องมีกวนถั่วเพื่อทำไส้ขนมเม็ดขนุนด้วย น้องญากำลังคัดเลือกไข่เป็ดและทำความสะอาดเพื่อใช้ทำขนมเม็ดขนุนกับฝอยทองกรอบ หลังจากนั้นเธอก็ให้แม่กับมัมมาริสาทำกันไป ส่วนเธอก็แยกตัวไปทำขนมอาลัวให้เออเนส
น้องญาผสมสีอ่อนๆ ลงไปในแป้งที่กวนสุกแล้ว เธอตักแป้งใส่ถุงบีบที่มีหัวบีบรูปดาว แล้วค่อยๆ บีบลงไปในถาดทีละอัน เออเนสมองคนตัวเล็กที่กำลังบีบขนมลงถาดอย่างตั้งอกตั้งใจ น่าแปลกที่ขนมที่บีบลงไปในถาดมีขนาดเท่ากันทุกชิ้นบ่งบอกถึงฝีมือและความใส่ใจของคนทำอย่างเด่นชัด เขาค่อยๆ เดินมาด้านหลังของเด็กสาวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาบีบขนมจนไม่ได้สังเกตุว่ามีใครมายืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับแก้มนุ่มของเธอแล้วจรดจมูกโด่งลงยังผิวแก้มนวลเบาๆ จนเด็กสาวสะดุ้ง
"หอมจัง" เออเนสพูดเบาๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่ จนน้องญามองเขาตาเขียว
"พี่เออเนสคะ คราวหลังอย่าทำแบบนี้กับน้องญาอีก ไม่อย่างนั้นน้องญาจะฟ้องมัมนะคะ" เด็กสาวขู่เขาฟ่อๆ ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้
"ขนมน่ะ หอมจัง ชื่ออาลัวใช่ไหม? ชื่อของมันแปลว่าอะไร?" เออเนสเอ่ยถาม
"อาลัว หมายถึง เสน่ห์ดึงดูดใจค่ะ" เธอตอบกลับชายหนุ่มออกไป เขาพยักหน้าทำนองว่าเข้าใจ
"เสน่ห์ดึงดูดใจเหรอ? อืม.. มันก็จริงนะ มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ทั้งขนม ทั้งคนทำเลย" เขากล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็เดินยิ้มออกจากครัวไป ทิ้งให้เด็กสาวยืนหัวใจเต้นแรง หน้าแดงอยู่คนเดียว
"คนบ้า .. พิลึกคนจริงเชียว"
น้องญาบีบขนมเสร็จก็นำเข้าเตาอบ เพราะถ้าตากแดดธรรมชาติ อาจต้องใช้เวลา 1-3 วัน เธอจึงเลือกนำเข้าเตาอบ เพราะใช้เวลาราวๆ 5-6 ชม. เท่านั้น ซึ่งกว่าจะอบเสร็จก็ค่ำพอดี
หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็พากันไปนั่งคุยเล่นกันอยู่ที่ซุ้มกระดังงาหน้าบ้าน เมื่อคุยกันสักพักหนึ่งน้องญาก็ขอตัวเข้ามาอบควันเทียนขนมอาลัวต่ออีก เพื่อเพิ่มความหอม
"ต้องอบควันเทียนอีกหรือคะน้องมาศ ไม่น่าเชื่อว่าขนมชิ้นเล็กๆ แบบนี้กว่าจะได้ทานต้องใช้เวลาและต้องใส่ใจกันขนาดนี้" มัมมาริสาเอ่ย
"ขนมไทยก็แบบนี้แหละค่ะ รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ปกติน้องญาจะไม่ค่อยทำอาลัวหรอกค่ะ เพราะมันใช้เวลามาก และต้องพิถีพิถันจริงๆ ก็จะมีแค่งานบุญใหญ่ หรืองานพิธีสำคัญๆ เท่านั้นแหละค่ะ ที่เขาจะทำให้" นางปทุมมาศกล่าว
"แหม..แบบนี้พ่อเออเนสก็โชคดีล่ะสิ ที่น้องอุตส่าห์ทำให้กิน" มัมมาริสายิ้ม แล้วหันไปมองหน้าลูกชายคนเล็ก
เช้าวันใหม่อากาศสดใส เออเนสออกไปเดินเล่นและกลับเข้ามาราวๆ เจ็ดโมงเช้า เขาเดินผ่านซุ้มกระดังงาซึ่งทุกคนกำลังนั่งดื่มชา และกาแฟกันอยู่ มัมมาริสากวักมือเรียกลูกชาย
"เออเนส ขนมอาลัวของลูกเสร็จแล้วนะมาทานสิลูก" มัมมาริสาเรียกพร้อมกับเลื่อนจานขนมให้ตรงหน้าที่เออเนสนั่ง ขนมสีสวยหลายสีในจานแก้วใสดูน่าทาน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่หอมมาก แถมรสชาติก็อร่อยจนเขาอดยิ้มไม่ได้
"อร่อยและหอมมากๆ เลยครับ สมแล้วที่ชื่ออาลัว .. เสน่ห์ดึงดูดใจ" เขาเน้นประโยคสุดท้ายแล้วมองไปยังเด็กสาวที่ยืนหน้าแดงอยู่ เพราะเธอเผลอนึกถึงคำพูดของเขาที่พูดกับเธอเมื่อวานนี้
"น้องมาศคะ เห็นรินทร์บอกกับพี่ว่าเทอมหน้าน้องญาเรียนจบแล้วจะไปเรียนต่อมหาลัยที่กรุงเทพเหรอคะ?" มัมมาริสาเอ่ยถามนางปทุมมาศ
"ใช่ค่ะ คงจะให้ไปอยู่กับพี่วินั่นแหละค่ะ"
"น้องมาศจะว่าอะไรไหมคะ ถ้าพี่อยากอุปการะน้องญาเอง พี่บอกตามตรงว่ารู้สึกรักและเอ็นดูเขามาก พี่อยากจะขอให้น้องญาไปอยู่กับพี่และเรียนต่อที่ฝรั่งเศสค่ะ" มัมมาริสาบอกกับนางปทุมมาศ เซดริกยิ้มกับมาลารินทร์ ดูท่าทางมัมของเขาคงจะรักน้องญามากจริงๆ
"จะดีเหรอคะพี่สา น้องญายังเด็ก มาศกลัวว่าจะไปทำให้พี่ต้องลำบาก" นางปทุมมาศเอ่ยตอบ
"ไม่ลำบากหรอกค่ะ น้องญาเป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ มหาลัยดีๆ ที่โน่นมีเยอะแยะ อยากจะเรียนที่ไหนพี่ตามใจเขาทุกอย่าง" มัมมาริสากล่าวอย่างหนักแน่น
"แล้วน้องญาล่ะลูก จะว่ายังงัย แม่ให้โอกาสลูกตัดสินใจด้วยตัวเองนะ" นางปทุมมาศเอ่ยถามบุตรสาวที่ได้แต่นั่งนิ่งฟังอยู่
"หนูแล้วแต่แม่ค่ะ" น้องญาบอกกับแม่ของตน อันที่จริงถ้าน้องญาได้ไปเรียนฝรั่งเศสก็ถือว่าเป็นโอกาสและอนาคตที่ดีของเธอ แต่เธอเองก็อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้ เพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูกถึงแม้เธอต้องไปอยู่กรุงเทพกับป้าวิ แต่กรุงเทพกับชลบุรีก็ใกล้กันแค่นิดเดียว ไม่เหมือนกับฝรั่งเศสที่อยู่ไกลกันมาก
"พี่วิเห็นว่าอย่างไรคะ" นางปทุมมาศเอ่ยถามขอความเห็นกับพี่สาว
"อันที่จริงน้องญาโชคดีมากนะ ที่คุณมาริสาเอ็นดูขนาดนี้ โอกาสทางการศึกษาที่ดีแบบนี้พี่ว่าควรจะรับไว้เพื่ออนาคตของน้องญาเอง อีกอย่างหนึ่งเราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ใช่คนอื่นคนไกล" นางวิมาลาเอ่ยกับน้องสาว
"ถ้าอย่างนั้นมาศก็ตกลงค่ะพี่สา มาศต้องขอบคุณพี่สามากๆ นะคะที่เอ็นดูน้องญาขนาดนี้" นางปทุมมาศตอบตกลงกับมัมมาริสาพลางยกมือไหว้ มัมมาริสายกมือรับไหว้และยิ้มดีใจอย่างเปิดเผย
"ถ้าอย่างนั้นถือเป็นอันตกลงนะคะ ถ้าน้องญาเรียนจบเมื่อไร มัมจะมารับหนูไปอยู่ด้วยนะลูก" มัมมาริสา บอกกับปฏิญญา สาวน้อยเดินมานั่งคุกเข่าข้างหน้ามัมมาริสา และยกมือขึ้นไหว้ มัมมาริสารับไหว้และก้มลงกอดร่างเล็กนั้นอย่างรักใคร่ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่แห่งนั้นต่างยิ้มด้วยความสุขใจ
"แม่จะให้หนูไปอยู่กับมัมจริงๆ ใช่ไหมคะ หนูก็อยากไปเรียนนะคะ แต่หนูก็อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้" น้องญาเอ่ยถามมารดาอีกครั้งหลังจากที่ดื่มนมอุ่นๆ ที่มารดานำมาให้ที่ห้องนอน
"ไปเถอะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ แม่คุยกับป้าวิกับพี่รินทร์ไว้แล้ว ว่าจะย้ายไปอยู่กับพี่รินทร์ ช่วยพี่รินทร์เขาเลี้ยงลูกก่อน ถ้าเจ้าตัวเล็กโตสักสองสามขวบ พี่รินทร์เขาจะเปิดร้านขนมไทยที่นั่น"
"จริงเหรอคะ ดีจังเลยค่ะ หนูจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องแม่" น้องญากอดมารดา นางลูบหัวทุยเล็กๆ นั้นพลางจูบลงตรงกระหม่อมของลูกสาว
"โอกาสดีๆ ในชีวิตมาถึงแล้ว หนูต้องเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนนะลูก อย่าให้มัมท่านผิดหวังล่ะ นางปทุมมาศเอ่ยเตือนบุตรสาว
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หนูจะตั้งใจเรีบน ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังแน่นอน" ปฏิญญาเอ่ยอย่างหนักแน่น
1 ปีผ่านไป...ณ. ปารีส @ ฝรั่งเศสตอนนี้ปฏิญญาเดินทางมาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้เกือบเดือนแล้ว โดยมัมมาริสาเดินทางมารับด้วยตนเองเมื่อเธอเรียนจบ หลังจากที่คุยกันแล้วว่าเธอคงจะเข้าเรียนในปีการศึกษาหน้า มัมมาริสาอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่และลองใช้ชีวิตให้คุ้นชินก่อน เพราะเธอยังต้องปรับตัวอีกมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือเธออยากเลือกสายวิชาและมหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งข้อนี้มัมมาริสาให้สิทธิ์เธอเต็มที่"ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ" ปฏิญญาบอกทุกคนที่ตอนนี้นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ให้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา"มีแต่อาหารไทยน่าทานทั้งนั้นเลย น้องญามาอยู่นี่มัมต้องเจริญอาหารแน่ๆ " มัมมาริสาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้เธอ"วันนี้มีอะไรบ้างล่ะ หน้าตาน่าทานนะ แต่แด๊ดไม่รู้จักชื่อเลย" แด๊ดโนแอลเอ่ยถามเด็กสาว"วันนี้มีแกงเลียงกุ้งสด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แกงจืดเต้าหู้อ่อน กุ้งทอดกระเทียมค่ะ" น้องญาตอบแด๊ด"กุ้งทอดกระเทียมทำพิเศษให้พี่เออเนสใช่ไหมเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรพิเศษให้มัมบ้างเลย ชักจะน้อยใจแล้วนะ"มัมมาริสาเอ่ยหยอกเย้า ในขณะที่คนที่ถูกกล่าวถึงนั่งยิ้
น้องญานอนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเออเนส เธอสบสายตาของชายหนุ่ม สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนาอย่างปิดไม่มิด"รังเกียจฉันเหรอ" เขาเอ่ยถามหลังจากที่เธอยังนอนตัวแข็งทื่อและดันอกแกร่งของเขาให้ห่างจากตัวเธอ"ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ได้รังเกียจ แต่น้องญาว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้ คะ..คือ.. น้องญายังเด็กอยู่เลยค่ะ" หญิงสาวรีบตอบเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด ใครจะไปรังเกียจชายหนุ่มรูปหล่อ สะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเขาล่ะ"ปีนี้อายุเท่าไหร่" เขาถามพลางใช้มือลูบผมที่ปรกหน้าของเธอออกและไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบหน้าเนียนใสของหญิงสาว"19 ค่ะ อีกสามเดือนก็จะเต็ม 20" เธอตอบชายหนุ่ม หัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน"จะ 20 แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เขาบอกกับเธอพลางลูบไล้ไปทั่วผิวกายนวลเนียนของเด็กสาว เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกที่ที่เขาสัมผัส เออเนสขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนของเขาปะทะริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะประทับจูบลงที่ริมฝีปากสวยนั้น เสียงโทรศัพท์ของน้องญาก็ดังขึ้นกริ้งงงงงงงงงง.... หน้าจอแสดงชื่อมัมมาริสา ปฏิญญาฉวยโอกาสนั้นรีบลุกจากเตี
ปฏิญญาลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเพียงลำพัง เวลาเย็นแบบนี้แดดอ่อนแสงลงมากแล้ว หาดทรายเม็ดเล็กละเอียดสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีฟ้าเข้มของน้ำทะเลที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆเด็กสาวถอดรองเท้าฟองน้ำถือไว้เพราะอยากใช้เท้าสัมผัสกับความละเอียดอ่อนของเม็ดทรายที่นุ่มนิ่มนั้นโดยตรง เธอยืนมองขอบฟ้าที่ไกลสุดสายตา แล้วทำให้คิดถึงแม่ปทุมมาศ ร่างเล็กนั่งลงบนหาดทรายในท่าชันเข่า ตอนนี้เวลาที่นี่เกือบจะหกโมงเย็น ที่เมืองไทยคงเกือบจะห้าทุ่มแล้ว คงดึกเกินไปถ้าเธอจะโทรหาแม่มาศในตอนนี้พอนั่งนึกอะไรเพลินๆ ก็ปรากฏภาพของเออเนสขึ้นในมโนภาพของเธอทันที ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนมาถึงวันนี้ เขาก็ยังเป็นผู้ชายคนเดิมที่มักจะทำตัวรุ่มร่ามกับเธอตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน แต่ภายนอกถ้าคนอื่นมองจะเห็นเขาอีกลุคหนึ่งซึ่งดูเป็นคนเงียบๆ สุขุม และวางตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เธอรู้ดีว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นตลอดเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนที่เธอจะเรียนจบ เขามักจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างฝรั่งเศสกับไทย เพื่อไปเยี่ยมเซดริกและครอบครัวของเธอเป็นประจำเธอถามตัวเองว่าทำไมเธอถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวมาตลอด แล้วเธอก็ยอมรับกับใ
"อื้อ~ หนาวววว" คนตัวเล็กนั่งคอพับอยู่ในอ่างอาบน้ำในสภาพกึ่งเปลือย มีแพนตี้ตัวน้อยกับบราแบบเกาะอกปกปิดของสงวน เออเนสถอนหายใจยาวเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ของตัวเอง เขาค่อยๆ ถอดบราและแพนตี้ตัวน้อยออกจากเรียวขาสวย แล้วเปิดน้ำอุ่นเพื่อล้างหน้าตาเนื้อตัวแล้วอาบน้ำให้กับเธอ เสร็จแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อหุ้มร่างเปลือยขาวโพลนนั้น แล้วรวบร่างขึ้นอุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ร่างแกร่งค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงแล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกเพื่อจะเช็ดตัวและสวมชุดใหม่ให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนตัวเล็กก็ดิ้นไปมามือไขว่คว้าสะเปะสะปะ"อื้มๆๆ .. หนาววว"มือเล็กควานหาผ้าห่มเพราะรู้สึกหนาว เมื่อมือสัมผัสถูกผ้าเช็ดตัวที่เออเนสถืออยู่เธอก็ดึงเข้าหาตัวอย่างแรงจนเออเนสล้มลงบนที่นอนหนาหนุ่มแล้วคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดี ใบหน้าของเธอและเขาแนบชิดกัน จมูกชนจมูก ดูเหมือนคนตัวเล็กพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองเจ้าของลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังหายใจรดใบหน้าเธออยู่ในระยะประชิด"พะ..พี่เออเนส"ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มเผยอน้อยๆ เมื่อเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มที่ตัวเองแอบมีใจให้ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาแห่งความปรารถนาที่ปิดไม่มิ
เด็กสาวทำท่าจะขยับสะโพกถอยหนีเมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่น และเจ็บแปลบบริเวณกึ่งกลางกายสาว จนเออเนสต้องค่อยๆ ปลอบประโลมเธออีกครั้ง"ไม่ต้องกลัว อย่าเกร็งนะ เจ็บนิดเดียว"เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ใบหูของเธอ แล้วประกบริมฝีปากหนาได้รูปนั้นที่ปากสวยของเธออีกครั้ง เพื่อให้เด็กสาวผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย ริมฝีปากอุ่นชื้นเลื่อนลงมาโลมเลียดูดดึงยอดปทุมถันอวบใหญ่นั้นอีกครั้ง ฝ่ามือแกร่งโลมไล้ไปทั่วผิวกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่น ในขณะที่ร่างเล็กกำลังตกอยู่ในวังวนของความเสียวซ่านอยู่นั้น เออเนสก็ดันแท่งรักขนาดใหญ่เข้าไปในช่องทางรักคับแคบของเด็กสาวจนสุดลำ "สวบบ .. ปึ่ก" "กรี๊ดดดดดดด " เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมลุกล้ำเข้าไปภายในใจกลางสาวที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำมาก่อน เด็กสาวน้ำตาไหล หายเมาเป็นปลิดทิ้ง"อึ่ก..ฮือ..พี่เออเนสทำอะไร น้องญาเจ็บ" เด็กสาวเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลจากหางตา"ซี๊ดดดด...อืมมมม" เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นในลำคอ เขารู้สึกคับแน่นที่แท่งรักและอยากจะขยับมันใจจะขาด"ฉันจะค่อยๆ ขยับนะ ไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องเกร็งนะ"เสียงทุ้มนุ่มนวลค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาเพื่อไม่ให้เด็กสาวต้องเป็นกังวลใจ
น้องญานอนตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเออเนสเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธอเข้าใจ“จะลุกไปไหนแต่เช้า”เออเนสเอ่ยถามคนตัวเล็กพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วใช้จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จนปฏิญญาต้องหดคอหนีด้วยความเสียวปนเขินอาย“ปล่อยน้องญาได้แล้วค่ะ น้องญาหิวแล้ว” คนตัวเล็กเอ่ย เพราะตอนนี้ท้องของเธอร้องประท้วงด้วยความหิวจริง ๆ เธอเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนผนัง บอกเวลา 11.00น.แล้ว“เดี๋ยวสั่งอาหารมาให้ นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินจริง ๆ ด้วย เด็กอะไร”เออเนสบ่นแบบไม่จริงจังนัก แต่ก็ยอมคลายอ้อมแขนจากร่างเด็กสาว แต่ยังไม่ปล่อยให้เธอลุกออกไป ในขณะที่เขาเองก็กดโทรศัพท์สั่งอาหารให้เธอทันทีหลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยคนตัวเล็กจึงออกมาจากอ้อมกอดนั้นได้ เธอลุกขึ้นยืนหวังจะเดินไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องหยุดทันที เพราะเวลาที่เธอขยับแต่ละครั้งจะรู้สึกเจ็บที่จุดกลางกายสาวเป็นอย่างมาก เธอทำหน้าเบ้จนเออเนสลุกขึ้นแล้วเดินมาจ้องหน้าเธอใกล้ ๆ ใบหน้าเรียวเล็กนั้นแดงก่ำด้วยความเขินอาย“เป็นยังไง เดินไม่ไหว เจ็บล่ะสิ?”เออเนสพูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นทั้งที่ร่างกายเปลือ
หลังจากอาหารถูกนำมาจัดเตรียมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เออเนสก็หยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าของเขาที่เพิ่งไปขนมาจากห้องตัวเองมาไว้ห้องนี้เมื่อตอนเช้า ขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปที่ห้องนอนที่คนตัวเล็กยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ร่างแกร่งนั่งลงบนเตียงแล้วเอื้อมมือไปเขย่าร่างเล็ก"ปฏิญญา ตื่นได้แล้ว อาหารมาแล้วนะ""อื้อๆๆ"คนตัวเล็กบิดร่างไปมาแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย เออเนสเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ แล้วหยิบชุดลำลองของเด็กสาว ซึ่งเป็นเสื้อยืดตัวยาวมาสวมใส่ให้ ในขณะที่เธอยังหาวหวอดๆ อยู่ หลังจากนั้นก็รวบร่างเล็กขึ้นอุ้มแล้วพาเดินไปยังโต๊ะอาหาร"พี่เออเนสปล่อยเถอะค่ะ น้องญาเดินเองได้" เด็กสาวพูดไปพลางก้มหน้าซุกอกแกร่งด้วยความเขินอาย แต่คนตัวโตก็ยังก้าวเดินพรวดๆ ไปยังเก้าอี้แล้วจัดแจงวางคนตัวเล็กให้นั่งลง ส่วนเขาเดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งตรงกันข้ามหลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว น้องญาก็เดินไปยังโซนห้องนั่งเล่นที่ด้านข้างติดกับระเบียง เธอนั่งบนโซฟาตัวยาว แล้วเปิดทีวีดูรายการทั่วๆ ไปเออเนสเดินผ่านคนตัวเล็กออกไปยังหน้าระเบียง เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ปฏิญญาทำหน้าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นเขาสูบบุหรี่มาก่อน ร่
เออเนสดันร่างบางให้นอนราบลงกับเตียงนุ่ม ในขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ยังคงจูบกันอย่างดูดดื่ม ฝ่ามือหนาแทรกเข้าไปยังชุดนอนกระโปรงบางเบาของหญิงสาว แล้วถอดออกอย่างง่ายดาย ตะขอบราด้านหน้าถูกปลดอย่างชำนิชำนาญด้วยมือเพียงข้างเดียวของชายหนุ่มจมูกโด่งซุกไซร้ไปยังซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มผิวเนียนและจูบไล่เรื่อยลงมาที่หัวไหล่และเนินอก ริมฝีปากอุ่นชื้นเข้าครอบครองยอดปทุมถันสีชมพูแล้วขบเม้มดูดดึงอย่างหิวโหย"จ๊วบบบบบบ" เขาสลับดูดเลียยอดทับทิมสีชมพูสวยทั้งสองข้างไปมาแล้วบีบเคล้นอย่างมันมือ"อื้มมมม" ปฏิญญาครางเสียงหวานในลำคอและเผลอแอ่นอกให้เขาดูดเลียอย่างเต็มอกเต็มใจเมื่อดูดกินสองเต้าเต่งตึงจนเป็นที่พอใจแล้ว ลิ้นร้อนก็ค่อยๆจูบไล่ลงมายังเนินนูนอวบใหญ่ที่เกลี้ยงเกลาของเด็กสาว แพนตี้ลูกไม้ตัวน้อยถูกถอดออกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของเขาอีกตามเคย ลิ้นร้อนตวัดเลียที่รอยแยกอย่างช้าๆ คล้ายๆ กับจะทรมานคนตัวเล็กให้พลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา"อ๊ะ..~อ๊าาา" ร่างบางร้องคราง เธอยกสะโพกร่อนไปมาด้วยความเสียวที่ลิ้นร้อนละเลงเลีย สลับกับดูดดุนที่ร่องสวาทแบบเน้นๆเออเนสผละจากร่างเล็กและลุกขึ้นจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองทันที แท่งร
เซนส์อาสาช่วยปฏิญญาพาเออเนสขึ้นมายังห้องนอนชั้นบนของคฤหาสน์ ซึ่งกว่าจะพาขึ้นมาได้ก็ต้องหิ้วปีกกันขึ้นมาอย่างทุลักทุเลเต็มทน ร่างแกร่งของเออเนสทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที"ขอบคุณพี่เซนส์มากเลยนะคะ ดูท่าทางพี่เออเนสจะเป็นเยอะมากเลยนะเนี่ย" ปฏิญญากล่าวขอบคุณเซนส์ก่อนที่เขาจะขอตัวลงไปข้างล่าง ปฏิญญาพลิกตัวเออเนสให้นอนหงายและหนุนหมอนให้สูงขึ้น แต่เออเนสขอขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เขาบอกว่านั่งแบบนี้แล้วไม่เวียนหัว ปฏิญญาก็เลยตามใจเขา เธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อและคลายเข็มขัดให้เขา จะได้ไม่อึดอัด เออเนสมองแฟนสาวตรงหน้าพร้อมกับเอามือลูบศรีษะเล็กๆ ของเธอเบาๆ"พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก หนูไม่ต้องเป็นห่วง ดูสิ หน้าจ๋อยเลย" เออเนสเอามือเกาคางปฏิญญาเพื่อหยอกล้อเธอให้คลายกังวล"อาการเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นบ้างไหม""ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ไม่เวียนหัวแล้ว แต่ยังมีคลื่นไส้อยู่บ้างครับ นึกถึงกุ้งเผาแล้วพี่นี่ขนหัวลุกเลย"ปฏิญญาขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วโอบกอดคนรักไว้ เออเนสซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของเธอ เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของแฟนสาว"อดทนหน่อยนะคะ..มัมบอกว่าแพ้แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ" ปฏิญญ
สองปีต่อมา วันนี้เป็นวันรับปริญญาของปฏิญญา ทุกคนต่างมาร่วมแสดงความยินดี ทั้งมัมมาริสา แด๊ดโนแอล เซนส์ที่มาร่วมยินดีทั้งกับน้องสาวสุดที่รักและน้ำฟ้าแฟนสาวของเขาที่รับปริญญาพร้อมกัน แม่ปทุมมาศและป้าวิมาลาแม่ของมาลารินทร์ ที่เดินทางมาจากเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัวของมาร์ตินกรุ๊ปพร้อมกับเซดริกและมาลารินทร์ที่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สาม อายุครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว ฟาเบียนลูกชายคนโตอายุหกขวบ ส่วนฟาบริซน้องชาย อายุได้ ห้าขวบหลังจากงานพิธีรับปริญญาเสร็จสิ้น ทุกคนก็มีนัดเลี้ยงฉลองกันที่คฤหาสน์มาร์ตินในช่วงเย็นโดยมีน้ำฟ้ามาร่วมเลี้ยงฉลองด้วย เพราะคุณพอลพี่ชายของเธอกับคุณแม่ติดงานเซ็นสัญญากับลูกค้าที่แอลเอ จึงจะกลับมาเลี้ยงฉลองย้อนหลังให้ในอาทิตย์หน้าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ฟาเบียนกับฟาบริซวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่ต่างก็พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันตามประสา"พี่รินทร์ท้องใหญ่มากเลยค่ะ ห้าเดือนจริงเหรอคะเนี่ย" ปฏิญญาค่อยๆ เอามือลูบท้องของพี่สาว มันแข็งมากๆ จังหวะหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรดุ๊กดิ๊กตุงๆ ออกมาจากท้องของพี่สาวจนเธอรู้สึกได้"อุ๊ย!! น้องเซลีนดิ้นทักทายน้าเหรอคะเนี่ย
เออเนสวางปฏิญญาลงบนเตียงอ่อนนุ่มแล้วคลานขึ้นไปครอมร่างเล็กนั้นไว้ ทั้งสองจ้องมองตากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยม เออเนสไล้ปลายนิ้วไปยังกลีบปากเต็มอิ่มของเธอเบาๆ เขาก้มลงประทับริมฝีปากหนาลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วขบเม้มกลีบปากสวยอย่างแผ่วเบา ลิ้นร้อนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กแล้วจูบอย่างดูดดื่ม ปฏิญญายกมือขึ้นคล้องรอบลำคอของเขาพร้อมกับสอดแทรกนิ้วมือเข้าไปในกลุ่มผมดกหนาเบาๆ"อืมมม"เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นเมื่อความรู้สึกของเขากำลังดำดิ่งสู่ห้วงปรารถนาอย่างลึกซึ้ง ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปยังเสื้อชุดนอนแบบกระโปรงของคนใต้ร่างแล้วถอดออกอย่างง่ายดาย เออเนสลากไล้จมูกโด่งดอมดมยังซอกคอหอมกรุ่นแล้วขบเม้มจนเกิดสีดอกกุหลาบ ทุกที่ที่ริมฝีปากหนาลากผ่านทำให้ปฏิญญาร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก ไรขนอ่อนตามตัวของเธอลุกชัน"อ๊ะ~อ๊าาา"ปฏิญญาร้องครางอย่างเสียดเสียวเมื่อยอดอกสีชมพูระเรื่อนั้นถูกครอบครองและดูดดุนอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆ ตลอดเวลา ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วและหยุดตรงเนินเนื้ออวบอูมเกลี้ยงเกลา นิ้วแกร่งหมุนวนบริเวณยอดเกสรที่ตอนนี้มีน้ำหวานสีใสหล่อเลี้ยงจนเปี
สองเดือนผ่านไป "วันนี้เลิกเรียนเร็ว ไปเดินห้างกันมั้ย?" ปฏิญญาเอ่ยชวนน้ำฟ้า เพราะวันนีอาจารย์ยกคลาสช่วงบ่ายเลยทำให้มีเวลาว่างเพิ่มขึ้น"ก็ดีเหมือนกันนะ วันนี้วันศุกร์ เดี๋ยวขากลับฉันจะได้แวะซื้อของสดไปทำอาหารให้พี่เออเนสเลย""โอเค งั้นเราไปกัน" สองสาวเดินจับมือกันลงมาจากอาคารเรียนเพื่อจะไปยังลานจอดรถ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็ได้ยินเสียงคนเรียกเสียก่อน"ปฏิญญา น้ำฟ้า" สองสาวหันหน้าไปยังเสียงเรียกพร้อมๆ กัน เธอสองคนคุ้นเคยกับเสียงนั้นเป็นอย่างดี"อมารี" ปฏิญญาเอ่ยเสียงเรียกชื่ออย่างแผ่วเบา ตั้งแต่วันนั้นที่เธอไปคุยกับคุณน้าเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดและรักษาพยาบาลให้กับอมารีแล้ว เธอก็ไม่เคยติดต่อกลับไปอีกเลย"ฉันอยากขอเวลาคุยด้วยสักหน่อย ขอเวลาให้ฉันสักสิบนาทีได้ไหม?""อืม.. ได้สิ ถ้าอย่างนั้นไปคุยที่คาเฟ่ในมหาลัยก็แล้วกัน"ทั้งสามคนก้าวเข้ามาในคาเฟ่ เลือกที่นั่งตรงมุมสงบเพื่อสะดวกในการพูดคุยกัน หลังจากพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสริฟแล้วอมารีก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาทันที"ฉันอยากจะมาขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่ได้เธอช่วยเรื่องค่าผ่าตัดป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว" อมารีพูดด้วยเสียงสั่นเครื
ปฏิญญาซุกใบหน้าเล็กเข้ากับแผงอกแน่นๆ ของเออเนส กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาและสัมผัสอบอุ่นที่คุ้นเคยนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นานหลายนาทีกว่าใบหน้าสวยจะขยับออกจากอกแกร่งนั้น แต่เออเนสยังคงกอดร่างเล็กไม่ยอมปล่อย"น้องญาไม่โกรธที่อมารีทำกับเราเหรอครับ" เขาถามเธอพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้"ตอนแรกก็โกรธนะคะ เพราะคิดว่าทำไมเธอต้องหักหลังน้องญาด้วยทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนกัน แต่สิ่งที่เธอเจอมามันคงจะทำให้เธอเจ็บปวดและแค้นมากเลยตัดสินใจทำแบบนั้น ยิ่งตอนนี้เธออยู่ในอันตรายเป็นตายเท่ากัน น้องญาเลยอยากให้พี่เออเนสช่วย อย่างน้อยก็ถือเป็นการไถ่โทษที่พี่เคยทำให้เธอเสียใจ อีกอย่างหนึ่งน้องญาสงสารพ่อแม่ของเธอค่ะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปท่านคงเสียใจมาก น้องญาเคยสูญเสียพ่อมาก่อน น้องญาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีค่ะ"เออเนสจ้องมองไปที่ดวงหน้าสวยจิ้มลิ้มตรงหน้า ปฏิญญาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่ง จะมีสักกี่คนที่จะคิดเห็นใจคนที่ตั้งใจทำร้ายเพื่อนแบบเปิดเผยอย่างอมารี"ได้ครับ ถ้าหนูอยากให้พี่ช่วย พี่ก็จะตามใจหนู แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่" เออเนสเอ่ยถามพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยผมนุ่มของเธอทัดที่ใบหู ปฏิญญาส่งใบแจ้งค่าใช้จ่ายให
"ขอโทษนะครับ คุณใช่ญาติของคุณอมารีหรือเปล่าครับ" เสียงคุณหมอเอ่ยถามขึ้นทำให้ทุกคนหันกลับไปมองยังคุณหมอทันที"ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของอมารีค่ะ""เมื่อตอนเช้ามืดคนไข้มีอาการชัก อาเจียน แล้วก็หมดสติ มีอาการหัวใจหยุดเต้นซึ่งทางทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจคนไข้ จนหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ แพทย์จึงให้ตรวจเอ็กซเรย์สมองพบว่ามีเส้นเลือดฝอยในสมองผิดปกติครับ ซึ่งเส้นเลือดฝอยนั้นเกิดแตกขึ้นทำให้มีเลือดออกมากดทับเนื้อสมอง" คุณหมออธิบายในขณะที่แม่ของอมารีเริ่มจะร้องไห้"แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีคะคุณหมอ" แม่ของอมารีเอ่ยถามทั้งน้ำตา"เราต้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเลือดที่กดทับตรงเนื้อสมองออก วิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายได้ แต่ถ้าไม่ผ่าตัดก็อาจทำให้อาการทรุดลงหรืออาจเสียชีวิตได้ครับ" คุณหมออธิบายจบแม่ของอมารีก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วร้องไห้ออกมาทันที"เสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไรคะหมอ" แม่ของอมารีเอ่ยถามทั้งที่น้ำตายังนองหน้า ในขณะที่คุณหมอส่งใบรายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ในการผ่าตัดมาให้ นางก็เอื้อมมือไปรับด้วยฝ่ามือที่สั่นเทา"ถ้าญาติคนไข้พร้อมเมื่อไรแจ้งหมอได้ทันทีนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ" หลังจากคุณหมอเดินจากไป แม่ของอมาร
ปฏิญญาก้าวเดินออกมาโดยมีเออเนสวิ่งตามมาติดๆ ปากก็ยังคงร้องเรียกชื่อเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เจ็บหรือไม่รู้สึกอะไร แต่เธอกลัว กลัวความเสียใจที่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เธอเคยให้โอกาสเขามาตลอด แต่มันก็ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดทั้งมวลไม่เคยพ้นเรื่องผู้หญิงสักที เธอเหนื่อย อยากพัก อยากให้เวลาทั้งหมดกับการเรียนที่เหลือ อีกแค่สองปีเธอก็จะเรียนจบแล้ว และถ้าตามสัญญาของการหมั้นนั้นคือ เมื่อเธอเรียนจบเธอจะต้องแต่งงานกับเออเนส"น้องญา" เสียงมัมมาริสาร้องเรียกทำให้ร่างเล็กชะงักเท้าทันที"มาหามัมกับแด๊ดหน่อยค่ะลูก" ปฏิญญาจำต้องเดินไปยังชุดรับแขกกลางห้องโถงที่มัมมาริสาและแด๊ดโนแอลนั่งอยู่โดยมีเออเนสเดินซึมตามหลังมา"หนูเห็นสิ่งที่พี่เขาให้ดูแล้วใช่ไหมลูก" มัมมาริสาเอ่ยถาม"ค่ะ" ปฏิญญาพยักหน้าตอบ"หนูจะตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้ลูก ตอนนี้เราอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว มาเปิดอกคุยกันดีกว่านะ หนูคิดเห็นยังไงก็บอกได้เลยค่ะ มัมเคารพการตัดสินใจของหนู" มัมมาริสาถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเล็กอย่างให้กำลังใจ"......"ปฏิญญาก้มหน้านิ่ง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง"บอกแด๊ดมาเถอะน้องญา แด๊ดเ
หลังจากจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ววันรุ่งขึ้นมัมมาริสาก็รีบบินกลับทันทีเพราะแด๊ดโนแอลโทรตามไม่หยุด งอแงเป็นเด็กจนมัมมาริสาหัวจะปวดเออเนสกับเซนส์อาบน้ำแต่งตัวลงมานั่งดื่มกาแฟที่ห้องอาหารแต่เช้า วันนี้เขาสองคนต้องรีบจัดการธุระให้เรียบร้อย เผื่อมัมมาริสาส่งข่าวมาให้ไปเคลียร์กับสองสาวจะได้เดินทางได้ทันที"เช้านี้มึงไปประชุมแทนกูด้วยนะไอ้เซนส์" เออเนสออกคำสั่ง"แล้วมึงจะไปไหน?" เซนส์จิบกาแฟแล้วมองหน้าเพื่อนรัก"กูจะไปโรงพยาบาล นี่เพิ่งผ่านมาสามวัน น่าจะยังตรวจสารในร่างกายได้ กูจะใช้เป็นหลักฐานยืนยันกับเมียกูว่ากูโดนวางยา มึงสั่งคนของเราดึงคลิปวงจรปิดช่วงเวลานั้นให้กูด้วย ช่วงเวลาที่กูอยู่ในห้องมันไม่น่าเกินห้านาที เป็นไปไม่ได้ที่เวลาแค่นั้นกูจะมีเซ็กส์กับยัยมารี" " เออเนสยิ้มอย่างมีความหวัง"ถ้างั้นตอนบ่ายมึงอยู่คุยกับคู่ค้าของแด๊ดที่นัดไว้แทนกูด้วย กูจะไปคุยกับอามิยาให้รู้เรื่องสักที"สามวันที่ผ่านมานี้เซนส์กับเออเนสโทรหามัมมาริสาทุกวัน เพื่อเร่งเร้าให้มัมคุยกับสองสาวให้ยอมเคลียร์ใจกับพวกเขาเสียที เพราะพวกเขาคิดถึงสองสาวจนแทบไม่เป็นอันหลับอันนอน"เป็นงัยบ้างคะเด็กๆ อยู่เที่ยวที่นี่มาสี่ห
"แล้วน้ำฟ้าล่ะลูก มีปัญหาอะไรหรือเปล่า มัมเห็นร้องไห้ไม่หยุดเลย" มัมมาริสาหันมาถามน้ำฟ้าที่ผ่านการร้องไห้มาจนตาบวมช้ำ"ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณน้า" น้ำฟ้ากล่าวปฏิเสธ"น้ำฟ้าเป็นแฟนของพี่เซนส์ค่ะมัม เขาสองคนคบกันมานานเป็นปีแล้วค่ะ" ปฏิญญาเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง เธออยากให้มัมมาริสาได้รับรู้สถานะของเพื่อนรักของเธอ และตัวเธอเองก็อยากรู้เรื่องของเซนส์จากปากของมัมมาริสาด้วย"จริงเหรอลูก มัมดีใจจังเลยที่พี่เซนส์ผู้เย็นชาของมัมมีแฟนกับเขาสักที ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะ เพราะพี่เซนส์ก็ถือว่าเป็นลูกคนนึงของมัมเหมือนกัน แบบนี้มัมก็จะได้สะใภ้ทีเดียวสองคนเลยสิ โชคดีจัง" มัมมาริสายิ้มพร้อมกับลูบศรีษะเล็กของน้ำฟ้าด้วยความเอ็นดู"เอ่อ.. คือ.. หนูจะเลิกกับพี่เซนส์แล้วค่ะ" น้ำฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ"อ้าว.. ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะลูก พี่เซนส์ไปทำอะไรไม่ดีกับหนูน้ำฟ้าคะ" น้ำฟ้าเงียบไม่กล้าตอบออกไป ได้แต่ก้มหน้านิ่งๆ"น้ำฟ้าไปเห็นพี่เซนส์อยู่กับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักของพี่เซนส์ที่ Max Martin ค่ะ เธอชื่อ อามิยา" ปฏิญญาเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้แทนน้ำฟ้า"อามิยาเหรอ? ... อ้อ.. ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นแฟนกับเซนส์ตอนเรีย