หลังจากส่งมัมมาริสากับเออเนสขึ้นไปห้องพักเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็ลงมาที่ครัวเพื่อเตรียมอาหาร แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่บ้านเสียหลายวันจึงไม่มีของสดเหลือติดบ้านเลย น้องญาจึงอาสาขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปซื้อของในตลาดสดที่เคยไปอยู่ประจำ เพราะตลาดอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ขณะนั้นเออเนสกับมัมมาริสาก็เดินมายังครัวพอดี เธอเดินตรงมายังเด็กสาวพร้อมกับเอามือลูบหัวทุยเบาๆ อย่างเอ็นดู
“ไหน .. วันนี้น้องญาจะทำอะไรให้มัมกินจ๊ะ” มัมมาริสาเอ่ยถามเด็กสาว พลางกอดเอวคอดนั้นไว้หลวม ๆ
“วันนี้หนูจะทำแกงเขียวหวานปลากราย ทานกับขนมจีน ปลาทับทิมทอดสามรส หอยลายผัดฉ่า แกงส้มชะอมกุ้ง แล้วก็กุ้งทอดกระเทียมค่ะ” น้องญาเอ่ยเมนูให้มัมมาริสาฟัง นางถึงกับตาโต
“โอ้โห.. เมนูน่าทานทั้งนั้นเลย แต่กุ้งทอดกระเทียมนี่ทำให้ใครแถวนี้เป็นพิเศษหรือเปล่าน๊า” มัมมาริสาเอ่ยแซว น้องญายิ้มหวานจนตาหยี
“พอดีมีแต่อาหารรสจัดค่ะ แม่กลัวพี่เออเนสจะทานไม่ค่อยได้ เลยให้ทำเมนูที่ไม่เผ็ดให้ด้วย หนูเลยจะทำกุ้งทอดกระเทียมค่ะ”
น้องญาตอบ มัมมาริสายิ้ม ขนาดเมนูที่จะทำให้ยังเลือกเป็นกุ้งที่ลูกชายคนเล็กเธอชอบเสียด้วย แสดงออกให้เห็นถึงความใส่ใจของเด็กสาวที่มีต่อเออเนสอย่างเห็นได้ชัด น้องญาหยิบเสื้อแขนยาวและหมวกแก๊ปมาสวมเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้านไปตลาด มัมมาริสาเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อ้าว..แล้วนั่นหนูจะไปไหนล่ะลูก แต่งตัวทะมัดทะแมงเชียว” มัมมาริสาถามพลางเดินมาช่วยน้องญาเก็บผมเข้าไปยังหมวกแก๊ปให้เรียบร้อย
“จะออกไปตลาดสดแถวนี้แหละค่ะ พอดีไม่ได้อยู่หลายวันของสดเลยไม่มีค่ะมัม หนูขี่มอเตอร์ไซด์ไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ” น้องญาตอบพลางกล่าวขอบคุณที่มัมมาริสาช่วยเก็บผมใส่หมวกให้
“งั้นฉันขอไปด้วย ไปนั่งรถเล่น” เออเนสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินตามคนตัวเล็กที่เดินน้ำหน้าไปแล้ว
“น้องญาว่าอย่าดีกว่าค่ะพี่เออเนส คือแดดที่นี่มันร้อนมาก เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ” น้องญาเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอก นี่เพิ่งจะเก้าโมงกว่า ๆ เอง แดดไม่ได้ร้อนมากสักหน่อย” เออเนสกล่าวตอบ พร้อมกับขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายน้องญาทันที คนตัวเล็กเลยปล่อยเลยตามเลย และขับรถออกจากบ้านไป ทิ้งให้มัมมาริสายืนยิ้มไม่หุบ
“แหม..ยิ้มไม่หุบเลยนะครับมัม อย่าบอกนะว่ามีแผนอะไรอีก ถึงได้ยิ้มแบบนี้” เซดริกเอ่ยแซวมัม หลังจากที่เขาออกมายืนดูทั้งสามคนคุยกันอยู่ได้พักใหญ่
“ก็ไม่มีอะไร น้องญาเขาน่ารักดี” นางตอบเลี่ยง ๆ แต่เหมือนเซดริกจะรู้ทันไปซะหมด
“น้องญาน่ะน่ารักครับ แต่ไอ้น้องชายผมนี่สิมันน่ากลัวนะมัม มันเจ้าชู้เงียบจะตาย” เซดริกเอ่ยเตือนมัม นางเองก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเหมือนกัน
หลังจากขับรถออกมาจากบ้านแล้ว น้องญาก็เลือกที่จะขับช้า ๆ เพราะวันนี้แดดไม่ร้อนจริง ๆ อากาศดีมาก ดูครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตกเธอเลยถือโอกาสขี่รถกินลมไปด้วยเลย เออเนสขยับเข้ามาชิดน้องญา จนอกแกร่งของเขาชิดกับแผ่นหลังของเธอ ลำแขนแข็งแรงของเขากอดคนตัวเล็กและเอาคางของตัวเองวางไว้บนหัวไหล่มนของเธอ
“อุ๊ย !! พี่เออเนส” เธอร้องด้วยความตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม
“ขยับออกไปหน่อยก็ได้ค่ะ ทำไมต้องชิดขนาดนี้ด้วยคะ กอดซะเน่นเลย น้องญาอึดอัดค่ะ”
เธอบอกชายหนุ่มแต่เขาทำเหมือนไม่สนใจ แถมยังเอาจมูกโด่งคลอเคลียสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอของคนตัวเล็กอีกต่างหาก ทำเอาหัวใจของเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก
“หอมจัง” เออเนสเอ่ยเบา ๆ พลางกดจูบที่ท้ายทอยของเด็กสาว จนเธอต้องหดคอหนี กว่าจะขี่รถถึงตลาด เธอก็โดนเขากอดและจูบโน่นจุ๊บนี่ไปตลอดทาง เธอห้ามอย่างไรเขาก็ไม่ยอมฟัง
หลังจากที่ได้ของครบตามที่ต้องการแล้ว สองหนุ่มสาวก็พากันหิ้วของพะรุงพะรังมาใส่ตะกร้าใหญ่ที่หน้ารถจนเต็ม
“ขากลับพี่เออเนสขี่ไหมคะ น้องญาจะได้ซ้อนบ้าง” เธอบอกคนตัวโตให้ขี่รถแทนเธอ เพราะไม่อยากถูกเขากอดจูบไปตลอดทาง แต่เขาเหมือนจะรู้ทัน
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ถนัดขี่มอเตอร์ไซด์ ขอซ้อนดีกว่า สบายดี”
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ น้องญาจึงจำต้องเป็นฝ่ายขี่รถกลับตามเดิม ซึ่งก็เหมือนเดิม ระหว่างทางคนตัวโตก็กอดเธอแน่น คลอเคลียซอกคอขาวไม่หยุด แถมรอบนี้เอี้ยวตัวมาหอมแก้มนุ่มของเธออีกต่างหาก เป็นเพราะถนนสายนี้เป็นถนนสายใน ซึ่งไม่ใช่ทางหลัก จึงไม่มีคนพลุกพล่าน นานๆ จะมีรถผ่านสักคัน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไร
“โอ๊ย!!! พี่เออเนส นั่งดี ๆ เป็นไหมคะ ยุกๆยิกๆ อยู่นั่นแหละ จะกอดจะจูบไปถึงไหนกันเนี่ย มือไม้ยัังกะปลาหมึกเลย” น้องญาเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ แต่อีกฝ่ายก็ใช้ลูกด้าน คือหน้าด้านอย่างเดียว พูดอะไรก็ไม่ฟังเอาแต่ทำหน้ามึน กว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ น้องญาก็แทบช้ำไปหมด
เมื่อถึงบ้านสองหนุ่มสาวก็ถือของพะรุงพะรังเข้ามาในครัว โดยมีมัมมาริสาและนางปทุมมาศช่วยกันทำอาหารมื้อนี้ด้วย เมื่อทำอาหารเสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหารและรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
“น้องญาทำกับข้าวเก่งมากเลยนะเนี่ย เด็กสาว ๆ สมัยนี้ทำอาหารกันไม่ค่อยจะเป็นแล้วนะคะน้องมาศ” มัมมาริสาเอ่ยชมน้องญา
“เรามีกันแค่สองคนแม่ลูกค่ะพี่สา ตั้งแต่พ่อของน้องญาเสียเราก็ต้องสู้กันมาทุกอย่าง น้องญาเลยไม่ได้ไปเที่ยวเล่นเหมือนกับเด็กอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน เพราะต้องช่วยแม่ทำงานทุกอย่าง แล้วก็ต้องทำขนมส่งขายด้วย” นางปทุมมาศเอ่ยถึงบุตรสาว มัมมาริสาพยักหน้ารับรู้ ยิ่งรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวมากขึ้นไปอีก
“ว๊า!!. กุ้งทอดกระเทียมหมดซะแล้ว เออเนสเหมาหมดเลย อร่อยมากล่ะสิท่า”
เซดริกเอ่ยแซว เมื่อเห็นน้องชายเจริญอาหารเป็นพิเศษ คนโดนแซวได้แต่ยิ้มให้พี่ชาย แต่ไม่พูดอะไร ยังคงก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาศกับน้องญาจะทำขนมไทยให้พี่สาทานนะคะ มาศจำได้ว่าพี่สาชอบขนมไทยมาก เมื่อตอนเปิดโรงแรม JC มาศกับน้องญาเป็นคนไปทำขนมให้ตอนเปิดงาน ไม่รู้ว่าพี่สาจะจำได้ไหม” นางปทุมมาศเอ่ยกับมัมมาริสา เธอทำท่านึกอยู่สักพักก็พยักหน้าหงึกๆ
“อ้อ... จำได้ค่ะ จำได้แล้ว น้องมาศทำขนมได้สวยและอร่อยมากจริง ๆ พี่ชอบทานเม็ดขนุนกับฝอยทองกรอบมาก ๆ เลยค่ะ จำได้ว่าหลังจากปิดงานไปแล้วยังให้คนที่โรงแรมมาสั่งทำอีกตั้งหลายครั้ง พูดแล้วก็อยากทานเลยค่ะ” มัมมาริสากล่าว
“ผมชอบทานขนมอะไรก็ไม่รู้ครับ มันเป็นก้อนเล็กๆ มีหลายๆ สี ข้างนอกกรอบ ข้างในนิ่มและหอมด้วยครับ” เออเนสบอกกับนางปทุมมาศ
“อ้อ.. เขาเรียกขนมอาลัวค่ะ อันนั้นฝีมือน้องญาเขาประดิดประดอยทำ บีบเป็นก้อนเล็ก ๆ ใช้เวลาทำนานเลยนะคะ กว่าจะได้ทานเกือบสองวันเลยนะ” นางปทุมมาศบอกกับทุกคน
“แล้วแบบนี้ผมจะได้ทานไหมครับเนี่ย ไม่รู้ว่าคนทำเขาจะทำให้ผมทานไหมหนอ” เออเนสกล่าวพลางมองไปยังน้องญาที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ถ้าอยากทานเดี๋ยวน้องญาทำให้ทานได้ค่ะ” เธอตอบ ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็เข้าครัวเพื่อเตรียมตัวทำขนม โดยมีมัมมาริสาคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับโน่นนี่ไปตามเรื่อง นางวิมาลาก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนมาลารินทร์ไม่เข้ามาด้วยเพราะเธอยังแพ้ท้องเวลาได้กลิ่นถั่วก็ยังเหม็นอยู่ เพราะวันนี้ต้องมีกวนถั่วเพื่อทำไส้ขนมเม็ดขนุนด้วย น้องญากำลังคัดเลือกไข่เป็ดและทำความสะอาดเพื่อใช้ทำขนมเม็ดขนุนกับฝอยทองกรอบ หลังจากนั้นเธอก็ให้แม่กับมัมมาริสาทำกันไป ส่วนเธอก็แยกตัวไปทำขนมอาลัวให้เออเนสน้องญาผสมสีอ่อนๆ ลงไปในแป้งที่กวนสุกแล้ว เธอตักแป้งใส่ถุงบีบที่มีหัวบีบรูปดาว แล้วค่อยๆ บีบลงไปในถาดทีละอัน เออเนสมองคนตัวเล็กที่กำลังบีบขนมลงถาดอย่างตั้งอกตั้งใจ น่าแปลกที่ขนมที่บีบลงไปในถาดมีขนาดเท่ากันทุกชิ้นบ่งบอกถึงฝีมือและความใส่ใจของคนทำอย่างเด่นชัด เขาค่อยๆ เดินมาด้านหลังของเด็กสาวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาบีบขนมจนไม่ได้สังเกตุว่ามีใครมายืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับแก้มนุ่มของเธอแล้วจรดจมูกโด่งลงยังผิวแก้มนวลเบาๆ จนเด็กสาวสะดุ้ง"หอมจัง" เออเนสพูดเบาๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่ จนน้อง
1 ปีผ่านไป...ณ. ปารีส @ ฝรั่งเศสตอนนี้ปฏิญญาเดินทางมาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้เกือบเดือนแล้ว โดยมัมมาริสาเดินทางมารับด้วยตนเองเมื่อเธอเรียนจบ หลังจากที่คุยกันแล้วว่าเธอคงจะเข้าเรียนในปีการศึกษาหน้า มัมมาริสาอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่และลองใช้ชีวิตให้คุ้นชินก่อน เพราะเธอยังต้องปรับตัวอีกมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือเธออยากเลือกสายวิชาและมหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งข้อนี้มัมมาริสาให้สิทธิ์เธอเต็มที่"ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ" ปฏิญญาบอกทุกคนที่ตอนนี้นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ให้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา"มีแต่อาหารไทยน่าทานทั้งนั้นเลย น้องญามาอยู่นี่มัมต้องเจริญอาหารแน่ๆ " มัมมาริสาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้เธอ"วันนี้มีอะไรบ้างล่ะ หน้าตาน่าทานนะ แต่แด๊ดไม่รู้จักชื่อเลย" แด๊ดโนแอลเอ่ยถามเด็กสาว"วันนี้มีแกงเลียงกุ้งสด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แกงจืดเต้าหู้อ่อน กุ้งทอดกระเทียมค่ะ" น้องญาตอบแด๊ด"กุ้งทอดกระเทียมทำพิเศษให้พี่เออเนสใช่ไหมเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรพิเศษให้มัมบ้างเลย ชักจะน้อยใจแล้วนะ"มัมมาริสาเอ่ยหยอกเย้า ในขณะที่คนที่ถูกกล่าวถึงนั่งยิ้
น้องญานอนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเออเนส เธอสบสายตาของชายหนุ่ม สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนาอย่างปิดไม่มิด"รังเกียจฉันเหรอ" เขาเอ่ยถามหลังจากที่เธอยังนอนตัวแข็งทื่อและดันอกแกร่งของเขาให้ห่างจากตัวเธอ"ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ได้รังเกียจ แต่น้องญาว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้ คะ..คือ.. น้องญายังเด็กอยู่เลยค่ะ" หญิงสาวรีบตอบเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด ใครจะไปรังเกียจชายหนุ่มรูปหล่อ สะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเขาล่ะ"ปีนี้อายุเท่าไหร่" เขาถามพลางใช้มือลูบผมที่ปรกหน้าของเธอออกและไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบหน้าเนียนใสของหญิงสาว"19 ค่ะ อีกสามเดือนก็จะเต็ม 20" เธอตอบชายหนุ่ม หัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน"จะ 20 แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เขาบอกกับเธอพลางลูบไล้ไปทั่วผิวกายนวลเนียนของเด็กสาว เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกที่ที่เขาสัมผัส เออเนสขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนของเขาปะทะริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะประทับจูบลงที่ริมฝีปากสวยนั้น เสียงโทรศัพท์ของน้องญาก็ดังขึ้นกริ้งงงงงงงงงง.... หน้าจอแสดงชื่อมัมมาริสา ปฏิญญาฉวยโอกาสนั้นรีบลุกจากเตี
ปฏิญญาลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเพียงลำพัง เวลาเย็นแบบนี้แดดอ่อนแสงลงมากแล้ว หาดทรายเม็ดเล็กละเอียดสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีฟ้าเข้มของน้ำทะเลที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆเด็กสาวถอดรองเท้าฟองน้ำถือไว้เพราะอยากใช้เท้าสัมผัสกับความละเอียดอ่อนของเม็ดทรายที่นุ่มนิ่มนั้นโดยตรง เธอยืนมองขอบฟ้าที่ไกลสุดสายตา แล้วทำให้คิดถึงแม่ปทุมมาศ ร่างเล็กนั่งลงบนหาดทรายในท่าชันเข่า ตอนนี้เวลาที่นี่เกือบจะหกโมงเย็น ที่เมืองไทยคงเกือบจะห้าทุ่มแล้ว คงดึกเกินไปถ้าเธอจะโทรหาแม่มาศในตอนนี้พอนั่งนึกอะไรเพลินๆ ก็ปรากฏภาพของเออเนสขึ้นในมโนภาพของเธอทันที ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนมาถึงวันนี้ เขาก็ยังเป็นผู้ชายคนเดิมที่มักจะทำตัวรุ่มร่ามกับเธอตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน แต่ภายนอกถ้าคนอื่นมองจะเห็นเขาอีกลุคหนึ่งซึ่งดูเป็นคนเงียบๆ สุขุม และวางตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เธอรู้ดีว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นตลอดเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนที่เธอจะเรียนจบ เขามักจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างฝรั่งเศสกับไทย เพื่อไปเยี่ยมเซดริกและครอบครัวของเธอเป็นประจำเธอถามตัวเองว่าทำไมเธอถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวมาตลอด แล้วเธอก็ยอมรับกับใ
"อื้อ~ หนาวววว" คนตัวเล็กนั่งคอพับอยู่ในอ่างอาบน้ำในสภาพกึ่งเปลือย มีแพนตี้ตัวน้อยกับบราแบบเกาะอกปกปิดของสงวน เออเนสถอนหายใจยาวเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ของตัวเอง เขาค่อยๆ ถอดบราและแพนตี้ตัวน้อยออกจากเรียวขาสวย แล้วเปิดน้ำอุ่นเพื่อล้างหน้าตาเนื้อตัวแล้วอาบน้ำให้กับเธอ เสร็จแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อหุ้มร่างเปลือยขาวโพลนนั้น แล้วรวบร่างขึ้นอุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ร่างแกร่งค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงแล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกเพื่อจะเช็ดตัวและสวมชุดใหม่ให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนตัวเล็กก็ดิ้นไปมามือไขว่คว้าสะเปะสะปะ"อื้มๆๆ .. หนาววว"มือเล็กควานหาผ้าห่มเพราะรู้สึกหนาว เมื่อมือสัมผัสถูกผ้าเช็ดตัวที่เออเนสถืออยู่เธอก็ดึงเข้าหาตัวอย่างแรงจนเออเนสล้มลงบนที่นอนหนาหนุ่มแล้วคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดี ใบหน้าของเธอและเขาแนบชิดกัน จมูกชนจมูก ดูเหมือนคนตัวเล็กพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองเจ้าของลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังหายใจรดใบหน้าเธออยู่ในระยะประชิด"พะ..พี่เออเนส"ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มเผยอน้อยๆ เมื่อเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มที่ตัวเองแอบมีใจให้ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาแห่งความปรารถนาที่ปิดไม่มิ
เด็กสาวทำท่าจะขยับสะโพกถอยหนีเมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่น และเจ็บแปลบบริเวณกึ่งกลางกายสาว จนเออเนสต้องค่อยๆ ปลอบประโลมเธออีกครั้ง"ไม่ต้องกลัว อย่าเกร็งนะ เจ็บนิดเดียว"เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ใบหูของเธอ แล้วประกบริมฝีปากหนาได้รูปนั้นที่ปากสวยของเธออีกครั้ง เพื่อให้เด็กสาวผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย ริมฝีปากอุ่นชื้นเลื่อนลงมาโลมเลียดูดดึงยอดปทุมถันอวบใหญ่นั้นอีกครั้ง ฝ่ามือแกร่งโลมไล้ไปทั่วผิวกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่น ในขณะที่ร่างเล็กกำลังตกอยู่ในวังวนของความเสียวซ่านอยู่นั้น เออเนสก็ดันแท่งรักขนาดใหญ่เข้าไปในช่องทางรักคับแคบของเด็กสาวจนสุดลำ "สวบบ .. ปึ่ก" "กรี๊ดดดดดดด " เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมลุกล้ำเข้าไปภายในใจกลางสาวที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำมาก่อน เด็กสาวน้ำตาไหล หายเมาเป็นปลิดทิ้ง"อึ่ก..ฮือ..พี่เออเนสทำอะไร น้องญาเจ็บ" เด็กสาวเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลจากหางตา"ซี๊ดดดด...อืมมมม" เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นในลำคอ เขารู้สึกคับแน่นที่แท่งรักและอยากจะขยับมันใจจะขาด"ฉันจะค่อยๆ ขยับนะ ไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องเกร็งนะ"เสียงทุ้มนุ่มนวลค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาเพื่อไม่ให้เด็กสาวต้องเป็นกังวลใจ
น้องญานอนตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเออเนสเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธอเข้าใจ“จะลุกไปไหนแต่เช้า”เออเนสเอ่ยถามคนตัวเล็กพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วใช้จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จนปฏิญญาต้องหดคอหนีด้วยความเสียวปนเขินอาย“ปล่อยน้องญาได้แล้วค่ะ น้องญาหิวแล้ว” คนตัวเล็กเอ่ย เพราะตอนนี้ท้องของเธอร้องประท้วงด้วยความหิวจริง ๆ เธอเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนผนัง บอกเวลา 11.00น.แล้ว“เดี๋ยวสั่งอาหารมาให้ นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินจริง ๆ ด้วย เด็กอะไร”เออเนสบ่นแบบไม่จริงจังนัก แต่ก็ยอมคลายอ้อมแขนจากร่างเด็กสาว แต่ยังไม่ปล่อยให้เธอลุกออกไป ในขณะที่เขาเองก็กดโทรศัพท์สั่งอาหารให้เธอทันทีหลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยคนตัวเล็กจึงออกมาจากอ้อมกอดนั้นได้ เธอลุกขึ้นยืนหวังจะเดินไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องหยุดทันที เพราะเวลาที่เธอขยับแต่ละครั้งจะรู้สึกเจ็บที่จุดกลางกายสาวเป็นอย่างมาก เธอทำหน้าเบ้จนเออเนสลุกขึ้นแล้วเดินมาจ้องหน้าเธอใกล้ ๆ ใบหน้าเรียวเล็กนั้นแดงก่ำด้วยความเขินอาย“เป็นยังไง เดินไม่ไหว เจ็บล่ะสิ?”เออเนสพูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นทั้งที่ร่างกายเปลือ
หลังจากอาหารถูกนำมาจัดเตรียมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เออเนสก็หยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าของเขาที่เพิ่งไปขนมาจากห้องตัวเองมาไว้ห้องนี้เมื่อตอนเช้า ขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปที่ห้องนอนที่คนตัวเล็กยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ร่างแกร่งนั่งลงบนเตียงแล้วเอื้อมมือไปเขย่าร่างเล็ก"ปฏิญญา ตื่นได้แล้ว อาหารมาแล้วนะ""อื้อๆๆ"คนตัวเล็กบิดร่างไปมาแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย เออเนสเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ แล้วหยิบชุดลำลองของเด็กสาว ซึ่งเป็นเสื้อยืดตัวยาวมาสวมใส่ให้ ในขณะที่เธอยังหาวหวอดๆ อยู่ หลังจากนั้นก็รวบร่างเล็กขึ้นอุ้มแล้วพาเดินไปยังโต๊ะอาหาร"พี่เออเนสปล่อยเถอะค่ะ น้องญาเดินเองได้" เด็กสาวพูดไปพลางก้มหน้าซุกอกแกร่งด้วยความเขินอาย แต่คนตัวโตก็ยังก้าวเดินพรวดๆ ไปยังเก้าอี้แล้วจัดแจงวางคนตัวเล็กให้นั่งลง ส่วนเขาเดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งตรงกันข้ามหลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว น้องญาก็เดินไปยังโซนห้องนั่งเล่นที่ด้านข้างติดกับระเบียง เธอนั่งบนโซฟาตัวยาว แล้วเปิดทีวีดูรายการทั่วๆ ไปเออเนสเดินผ่านคนตัวเล็กออกไปยังหน้าระเบียง เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ปฏิญญาทำหน้าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นเขาสูบบุหรี่มาก่อน ร่
เซนส์อาสาช่วยปฏิญญาพาเออเนสขึ้นมายังห้องนอนชั้นบนของคฤหาสน์ ซึ่งกว่าจะพาขึ้นมาได้ก็ต้องหิ้วปีกกันขึ้นมาอย่างทุลักทุเลเต็มทน ร่างแกร่งของเออเนสทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที"ขอบคุณพี่เซนส์มากเลยนะคะ ดูท่าทางพี่เออเนสจะเป็นเยอะมากเลยนะเนี่ย" ปฏิญญากล่าวขอบคุณเซนส์ก่อนที่เขาจะขอตัวลงไปข้างล่าง ปฏิญญาพลิกตัวเออเนสให้นอนหงายและหนุนหมอนให้สูงขึ้น แต่เออเนสขอขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เขาบอกว่านั่งแบบนี้แล้วไม่เวียนหัว ปฏิญญาก็เลยตามใจเขา เธอเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อและคลายเข็มขัดให้เขา จะได้ไม่อึดอัด เออเนสมองแฟนสาวตรงหน้าพร้อมกับเอามือลูบศรีษะเล็กๆ ของเธอเบาๆ"พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก หนูไม่ต้องเป็นห่วง ดูสิ หน้าจ๋อยเลย" เออเนสเอามือเกาคางปฏิญญาเพื่อหยอกล้อเธอให้คลายกังวล"อาการเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นบ้างไหม""ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ไม่เวียนหัวแล้ว แต่ยังมีคลื่นไส้อยู่บ้างครับ นึกถึงกุ้งเผาแล้วพี่นี่ขนหัวลุกเลย"ปฏิญญาขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วโอบกอดคนรักไว้ เออเนสซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของเธอ เขารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของแฟนสาว"อดทนหน่อยนะคะ..มัมบอกว่าแพ้แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ" ปฏิญญ
สองปีต่อมา วันนี้เป็นวันรับปริญญาของปฏิญญา ทุกคนต่างมาร่วมแสดงความยินดี ทั้งมัมมาริสา แด๊ดโนแอล เซนส์ที่มาร่วมยินดีทั้งกับน้องสาวสุดที่รักและน้ำฟ้าแฟนสาวของเขาที่รับปริญญาพร้อมกัน แม่ปทุมมาศและป้าวิมาลาแม่ของมาลารินทร์ ที่เดินทางมาจากเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัวของมาร์ตินกรุ๊ปพร้อมกับเซดริกและมาลารินทร์ที่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สาม อายุครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว ฟาเบียนลูกชายคนโตอายุหกขวบ ส่วนฟาบริซน้องชาย อายุได้ ห้าขวบหลังจากงานพิธีรับปริญญาเสร็จสิ้น ทุกคนก็มีนัดเลี้ยงฉลองกันที่คฤหาสน์มาร์ตินในช่วงเย็นโดยมีน้ำฟ้ามาร่วมเลี้ยงฉลองด้วย เพราะคุณพอลพี่ชายของเธอกับคุณแม่ติดงานเซ็นสัญญากับลูกค้าที่แอลเอ จึงจะกลับมาเลี้ยงฉลองย้อนหลังให้ในอาทิตย์หน้าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ฟาเบียนกับฟาบริซวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่ต่างก็พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันตามประสา"พี่รินทร์ท้องใหญ่มากเลยค่ะ ห้าเดือนจริงเหรอคะเนี่ย" ปฏิญญาค่อยๆ เอามือลูบท้องของพี่สาว มันแข็งมากๆ จังหวะหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรดุ๊กดิ๊กตุงๆ ออกมาจากท้องของพี่สาวจนเธอรู้สึกได้"อุ๊ย!! น้องเซลีนดิ้นทักทายน้าเหรอคะเนี่ย
เออเนสวางปฏิญญาลงบนเตียงอ่อนนุ่มแล้วคลานขึ้นไปครอมร่างเล็กนั้นไว้ ทั้งสองจ้องมองตากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยม เออเนสไล้ปลายนิ้วไปยังกลีบปากเต็มอิ่มของเธอเบาๆ เขาก้มลงประทับริมฝีปากหนาลงไปยังริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วขบเม้มกลีบปากสวยอย่างแผ่วเบา ลิ้นร้อนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กแล้วจูบอย่างดูดดื่ม ปฏิญญายกมือขึ้นคล้องรอบลำคอของเขาพร้อมกับสอดแทรกนิ้วมือเข้าไปในกลุ่มผมดกหนาเบาๆ"อืมมม"เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นเมื่อความรู้สึกของเขากำลังดำดิ่งสู่ห้วงปรารถนาอย่างลึกซึ้ง ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปยังเสื้อชุดนอนแบบกระโปรงของคนใต้ร่างแล้วถอดออกอย่างง่ายดาย เออเนสลากไล้จมูกโด่งดอมดมยังซอกคอหอมกรุ่นแล้วขบเม้มจนเกิดสีดอกกุหลาบ ทุกที่ที่ริมฝีปากหนาลากผ่านทำให้ปฏิญญาร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก ไรขนอ่อนตามตัวของเธอลุกชัน"อ๊ะ~อ๊าาา"ปฏิญญาร้องครางอย่างเสียดเสียวเมื่อยอดอกสีชมพูระเรื่อนั้นถูกครอบครองและดูดดุนอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆ ตลอดเวลา ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วและหยุดตรงเนินเนื้ออวบอูมเกลี้ยงเกลา นิ้วแกร่งหมุนวนบริเวณยอดเกสรที่ตอนนี้มีน้ำหวานสีใสหล่อเลี้ยงจนเปี
สองเดือนผ่านไป "วันนี้เลิกเรียนเร็ว ไปเดินห้างกันมั้ย?" ปฏิญญาเอ่ยชวนน้ำฟ้า เพราะวันนีอาจารย์ยกคลาสช่วงบ่ายเลยทำให้มีเวลาว่างเพิ่มขึ้น"ก็ดีเหมือนกันนะ วันนี้วันศุกร์ เดี๋ยวขากลับฉันจะได้แวะซื้อของสดไปทำอาหารให้พี่เออเนสเลย""โอเค งั้นเราไปกัน" สองสาวเดินจับมือกันลงมาจากอาคารเรียนเพื่อจะไปยังลานจอดรถ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็ได้ยินเสียงคนเรียกเสียก่อน"ปฏิญญา น้ำฟ้า" สองสาวหันหน้าไปยังเสียงเรียกพร้อมๆ กัน เธอสองคนคุ้นเคยกับเสียงนั้นเป็นอย่างดี"อมารี" ปฏิญญาเอ่ยเสียงเรียกชื่ออย่างแผ่วเบา ตั้งแต่วันนั้นที่เธอไปคุยกับคุณน้าเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดและรักษาพยาบาลให้กับอมารีแล้ว เธอก็ไม่เคยติดต่อกลับไปอีกเลย"ฉันอยากขอเวลาคุยด้วยสักหน่อย ขอเวลาให้ฉันสักสิบนาทีได้ไหม?""อืม.. ได้สิ ถ้าอย่างนั้นไปคุยที่คาเฟ่ในมหาลัยก็แล้วกัน"ทั้งสามคนก้าวเข้ามาในคาเฟ่ เลือกที่นั่งตรงมุมสงบเพื่อสะดวกในการพูดคุยกัน หลังจากพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสริฟแล้วอมารีก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาทันที"ฉันอยากจะมาขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่ได้เธอช่วยเรื่องค่าผ่าตัดป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว" อมารีพูดด้วยเสียงสั่นเครื
ปฏิญญาซุกใบหน้าเล็กเข้ากับแผงอกแน่นๆ ของเออเนส กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาและสัมผัสอบอุ่นที่คุ้นเคยนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นานหลายนาทีกว่าใบหน้าสวยจะขยับออกจากอกแกร่งนั้น แต่เออเนสยังคงกอดร่างเล็กไม่ยอมปล่อย"น้องญาไม่โกรธที่อมารีทำกับเราเหรอครับ" เขาถามเธอพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้"ตอนแรกก็โกรธนะคะ เพราะคิดว่าทำไมเธอต้องหักหลังน้องญาด้วยทั้งๆ ที่เราเป็นเพื่อนกัน แต่สิ่งที่เธอเจอมามันคงจะทำให้เธอเจ็บปวดและแค้นมากเลยตัดสินใจทำแบบนั้น ยิ่งตอนนี้เธออยู่ในอันตรายเป็นตายเท่ากัน น้องญาเลยอยากให้พี่เออเนสช่วย อย่างน้อยก็ถือเป็นการไถ่โทษที่พี่เคยทำให้เธอเสียใจ อีกอย่างหนึ่งน้องญาสงสารพ่อแม่ของเธอค่ะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปท่านคงเสียใจมาก น้องญาเคยสูญเสียพ่อมาก่อน น้องญาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีค่ะ"เออเนสจ้องมองไปที่ดวงหน้าสวยจิ้มลิ้มตรงหน้า ปฏิญญาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่ง จะมีสักกี่คนที่จะคิดเห็นใจคนที่ตั้งใจทำร้ายเพื่อนแบบเปิดเผยอย่างอมารี"ได้ครับ ถ้าหนูอยากให้พี่ช่วย พี่ก็จะตามใจหนู แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่" เออเนสเอ่ยถามพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยผมนุ่มของเธอทัดที่ใบหู ปฏิญญาส่งใบแจ้งค่าใช้จ่ายให
"ขอโทษนะครับ คุณใช่ญาติของคุณอมารีหรือเปล่าครับ" เสียงคุณหมอเอ่ยถามขึ้นทำให้ทุกคนหันกลับไปมองยังคุณหมอทันที"ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของอมารีค่ะ""เมื่อตอนเช้ามืดคนไข้มีอาการชัก อาเจียน แล้วก็หมดสติ มีอาการหัวใจหยุดเต้นซึ่งทางทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจคนไข้ จนหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ แพทย์จึงให้ตรวจเอ็กซเรย์สมองพบว่ามีเส้นเลือดฝอยในสมองผิดปกติครับ ซึ่งเส้นเลือดฝอยนั้นเกิดแตกขึ้นทำให้มีเลือดออกมากดทับเนื้อสมอง" คุณหมออธิบายในขณะที่แม่ของอมารีเริ่มจะร้องไห้"แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีคะคุณหมอ" แม่ของอมารีเอ่ยถามทั้งน้ำตา"เราต้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเลือดที่กดทับตรงเนื้อสมองออก วิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายได้ แต่ถ้าไม่ผ่าตัดก็อาจทำให้อาการทรุดลงหรืออาจเสียชีวิตได้ครับ" คุณหมออธิบายจบแม่ของอมารีก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วร้องไห้ออกมาทันที"เสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไรคะหมอ" แม่ของอมารีเอ่ยถามทั้งที่น้ำตายังนองหน้า ในขณะที่คุณหมอส่งใบรายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ในการผ่าตัดมาให้ นางก็เอื้อมมือไปรับด้วยฝ่ามือที่สั่นเทา"ถ้าญาติคนไข้พร้อมเมื่อไรแจ้งหมอได้ทันทีนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ" หลังจากคุณหมอเดินจากไป แม่ของอมาร
ปฏิญญาก้าวเดินออกมาโดยมีเออเนสวิ่งตามมาติดๆ ปากก็ยังคงร้องเรียกชื่อเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เจ็บหรือไม่รู้สึกอะไร แต่เธอกลัว กลัวความเสียใจที่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เธอเคยให้โอกาสเขามาตลอด แต่มันก็ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดทั้งมวลไม่เคยพ้นเรื่องผู้หญิงสักที เธอเหนื่อย อยากพัก อยากให้เวลาทั้งหมดกับการเรียนที่เหลือ อีกแค่สองปีเธอก็จะเรียนจบแล้ว และถ้าตามสัญญาของการหมั้นนั้นคือ เมื่อเธอเรียนจบเธอจะต้องแต่งงานกับเออเนส"น้องญา" เสียงมัมมาริสาร้องเรียกทำให้ร่างเล็กชะงักเท้าทันที"มาหามัมกับแด๊ดหน่อยค่ะลูก" ปฏิญญาจำต้องเดินไปยังชุดรับแขกกลางห้องโถงที่มัมมาริสาและแด๊ดโนแอลนั่งอยู่โดยมีเออเนสเดินซึมตามหลังมา"หนูเห็นสิ่งที่พี่เขาให้ดูแล้วใช่ไหมลูก" มัมมาริสาเอ่ยถาม"ค่ะ" ปฏิญญาพยักหน้าตอบ"หนูจะตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้ลูก ตอนนี้เราอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว มาเปิดอกคุยกันดีกว่านะ หนูคิดเห็นยังไงก็บอกได้เลยค่ะ มัมเคารพการตัดสินใจของหนู" มัมมาริสาถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือเล็กอย่างให้กำลังใจ"......"ปฏิญญาก้มหน้านิ่ง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง"บอกแด๊ดมาเถอะน้องญา แด๊ดเ
หลังจากจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ววันรุ่งขึ้นมัมมาริสาก็รีบบินกลับทันทีเพราะแด๊ดโนแอลโทรตามไม่หยุด งอแงเป็นเด็กจนมัมมาริสาหัวจะปวดเออเนสกับเซนส์อาบน้ำแต่งตัวลงมานั่งดื่มกาแฟที่ห้องอาหารแต่เช้า วันนี้เขาสองคนต้องรีบจัดการธุระให้เรียบร้อย เผื่อมัมมาริสาส่งข่าวมาให้ไปเคลียร์กับสองสาวจะได้เดินทางได้ทันที"เช้านี้มึงไปประชุมแทนกูด้วยนะไอ้เซนส์" เออเนสออกคำสั่ง"แล้วมึงจะไปไหน?" เซนส์จิบกาแฟแล้วมองหน้าเพื่อนรัก"กูจะไปโรงพยาบาล นี่เพิ่งผ่านมาสามวัน น่าจะยังตรวจสารในร่างกายได้ กูจะใช้เป็นหลักฐานยืนยันกับเมียกูว่ากูโดนวางยา มึงสั่งคนของเราดึงคลิปวงจรปิดช่วงเวลานั้นให้กูด้วย ช่วงเวลาที่กูอยู่ในห้องมันไม่น่าเกินห้านาที เป็นไปไม่ได้ที่เวลาแค่นั้นกูจะมีเซ็กส์กับยัยมารี" " เออเนสยิ้มอย่างมีความหวัง"ถ้างั้นตอนบ่ายมึงอยู่คุยกับคู่ค้าของแด๊ดที่นัดไว้แทนกูด้วย กูจะไปคุยกับอามิยาให้รู้เรื่องสักที"สามวันที่ผ่านมานี้เซนส์กับเออเนสโทรหามัมมาริสาทุกวัน เพื่อเร่งเร้าให้มัมคุยกับสองสาวให้ยอมเคลียร์ใจกับพวกเขาเสียที เพราะพวกเขาคิดถึงสองสาวจนแทบไม่เป็นอันหลับอันนอน"เป็นงัยบ้างคะเด็กๆ อยู่เที่ยวที่นี่มาสี่ห
"แล้วน้ำฟ้าล่ะลูก มีปัญหาอะไรหรือเปล่า มัมเห็นร้องไห้ไม่หยุดเลย" มัมมาริสาหันมาถามน้ำฟ้าที่ผ่านการร้องไห้มาจนตาบวมช้ำ"ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณน้า" น้ำฟ้ากล่าวปฏิเสธ"น้ำฟ้าเป็นแฟนของพี่เซนส์ค่ะมัม เขาสองคนคบกันมานานเป็นปีแล้วค่ะ" ปฏิญญาเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง เธออยากให้มัมมาริสาได้รับรู้สถานะของเพื่อนรักของเธอ และตัวเธอเองก็อยากรู้เรื่องของเซนส์จากปากของมัมมาริสาด้วย"จริงเหรอลูก มัมดีใจจังเลยที่พี่เซนส์ผู้เย็นชาของมัมมีแฟนกับเขาสักที ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะ เพราะพี่เซนส์ก็ถือว่าเป็นลูกคนนึงของมัมเหมือนกัน แบบนี้มัมก็จะได้สะใภ้ทีเดียวสองคนเลยสิ โชคดีจัง" มัมมาริสายิ้มพร้อมกับลูบศรีษะเล็กของน้ำฟ้าด้วยความเอ็นดู"เอ่อ.. คือ.. หนูจะเลิกกับพี่เซนส์แล้วค่ะ" น้ำฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ"อ้าว.. ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะลูก พี่เซนส์ไปทำอะไรไม่ดีกับหนูน้ำฟ้าคะ" น้ำฟ้าเงียบไม่กล้าตอบออกไป ได้แต่ก้มหน้านิ่งๆ"น้ำฟ้าไปเห็นพี่เซนส์อยู่กับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักของพี่เซนส์ที่ Max Martin ค่ะ เธอชื่อ อามิยา" ปฏิญญาเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้แทนน้ำฟ้า"อามิยาเหรอ? ... อ้อ.. ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นแฟนกับเซนส์ตอนเรีย