บรรยากาศภายในลิฟท์เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน น้องญาตัวเกร็งอยู่ในอ้อมกอดของเออเนส เธอรู้สึกร้อนๆ หนาว ๆ แบบแปลกๆ ด้วยเพราะไม่เคยอยู่ใกล้บุรุษเพศคนไหนมาก่อน ใจเธอเต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน สาวน้อยก้มหน้างุด ไม่กล้ามองใบหน้าหล่อคมตรงหน้านั้น
“อยู่กันสองคนแล้ว ไม่ต้องแอ๊บก็ได้มั้งครับ” อยู่ๆ เออเนสก็พูดทำลายความเงียบออกมา ทำให้น้องญาถึงกับงง ในสิ่งที่เขาพูดออกมา
“คะ .. อะไรนะ พี่พูดแบบนี้หมายความว่าอะไรเหรอคะ?” สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่กำลังอุ้มเธอไว้แนบอก เธอพอจะเข้าใจความหมายที่เขาพูดอยู่ แต่ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายอย่างเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
“ก็ที่เธอไปอ่อยฉันถึงสระว่ายน้ำเมื่อกลางวัน แล้วยังลงทุนชนฉันจนเธอล้มแล้วบอกว่าขาแพลงแบบนี้อีก ตอนนี้อยู่กันสองคนแล้ว จะมาเสียเวลาทำไม่ล่ะ อยากก็บอกว่าอยาก ง่ายจะตาย” เออเนสพูดออกมาหน้าตาเฉย ราวกับคำพูดแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาอย่างนั้นแหละ
เมื่อคำพูดของเขากระจ่างชัดขนาดนี้ก็ไม่ต้องเพิ่มคำอธิบายใด ๆ ปฏิญญาก็เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ... เขากำลังคิดว่าเธออ่อยเขางั้นเหรอ
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้” เธอเอ่ยบอกเออเนสเสียงแข็ง ทำให้เขาเองนึกแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของเด็กสาวตรงหน้าอยู่ไม่น้อย
“ฉันบอกให้ปล่อยฉันลงไง”
สาวน้อยย้ำด้วยเสียงกร้าวอีกครั้ง ในขณะที่ลิฟท์เปิดออกพอดี ร่างแกร่งอุ้มร่างเล็กออกจากลิฟท์แล้วค่อย ๆ ปล่อยเธอลง น้องญากัดฟันด้วยความเจ็บแปลบที่ข้อเท้าข้างซ้าย สาวน้อยกัดริมฝีปากล่างแน่นๆ เพื่อข่มความเจ็บนั้น เธอก้มลงเพื่อที่จะถอดสายรัดที่ข้อเท้าของรองเท้าออก แต่ด้วยความที่เธอเจ็บเท้ามาก จึงทำแบบเก้ ๆ กัง ๆ เออเนสจึงนั่งลง แล้วเอื้อมมือแกร่งไปหวังจะช่วยเธอถอดรองเท้า แต่เสียงของปฏิญญาดังขึ้นมาห้ามเขาเสียก่อน
“หยุด .. ไม่ต้องมาช่วย ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน จะไปไหนก็ไป ฉันกลับห้องเองได้"
ร่างเล็กพูดกับชายหนุ่ม ในขณะที่ฝืนถอดรองเท้าออกได้จนสำเร็จ เออเนสมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยแววตาฉงนสนเท่ห์ เธอดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากสาวน้อยน่ารัก ใส ๆ ทำไมอยู่ ๆ กลายเป็นสาวน้อยจอมวีนแบบนี้ไปได้
“อย่ามาทำเก่ง ขนาดถอดรองเท้ายังทำไม่ได้ แล้วจะเดินกลับห้องเองได้ยังงัย” เออเนสตอบกลับสาวน้อยตรงหน้า
“ฮึ..ทำไมฉันจะเดินไม่ได้ล่ะ ก็คุณพูดเองนี่ ว่าฉันแค่อ่อยคุณ แล้วไอ้ที่เจ็บเท้านี่คุณก็คิดว่าฉันไม่ได้เจ็บจริงๆ อยู่แล้วนิ อย่าฉลาดน้อย”
น้องญาเค้นเสียงตอบจนเสียงสั่นด้วยความโกรธ เกิดมายังไม่เคยโดนใครดูถูกได้ถึงขนาดนี้เลยจริง ๆ ให้ดิ้นตาย ร่างของคนตัวเล็กค่อย ๆ ฝืนเดินไปยังห้องของเธอที่อยู่ห่างจากลิฟท์ไปประมาณ 20 เมตร เธอกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด น้ำตาไหลด้วยความเจ็บ เจ็บตัวไม่เท่าไร แต่เจ็บใจมันสุดจะทน
เออเนสยืนดูร่างเล็กที่กำลังเดินกะโผลกะเผลกแล้วถึงกับส่ายหัวไปมา ใจหนึ่งก็อยากจะไปช่วยเธอ แต่อีกใจก็กลัวจะโดนไล่กลับมาอีก แล้วจู่ๆ ร่างเล็กก็ล้มลงไปอีก เออเนสรีบวิ่งเข้าไปช่วยน้องญาที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ทันที
“ดื้อจริง ๆ เดินจะไม่ไหวยังทำเป็นเก่งอีก” เขาดุคนตัวเล็กอย่างไม่จริงจังนัก ใบหน้าหล่ออยู่ใกล้กับใบหน้าเรียวสวยแค่คืบ เขาเห็นเธอปากคว่ำ น้ำตาไหล คงจะเจ็บมากนั่นแหละ
“เอ้า..ร้องไห้ขี้แยเป็นเด็กไปเลย มานี่ เดี๋ยวฉันช่วยเอง แล้วไม่ต้องออกฤทธิ์อีกล่ะ”
เออเนสบอกกับสาวน้อยตรงหน้า เขารวบร่างกลมกลึงนั้นขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาว แล้วเดินตรงไปยังห้องของเธอทันที ปฏิญญาหยิบการ์ดขึ้นมาเปิดประตูห้องพัก แล้วคนตัวโตก็อุ้มร่างเล็กเข้าไปในห้องนอน เขาค่อย ๆ วางเธอลงบนที่นอน น้องญานั่งลงบนเตียงในขณะที่คนตัวโตยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขาสังเกตเห็นข้อเท้าของเธอเริ่มบวมช้ำ ส่วนน้องญาเองก็มองที่ข้อเท้าตัวเองเช่นกัน เธอเห็นว่ามันเริ่มบวมแล้ว จึงก้มหัวลงไปเพื่อที่จะดูใกล้ ๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เออเนสก็ก้มหัวลงไปเพื่อที่จะดูข้อเท้าของเธอเหมือนกัน ทั้งสองคนหัวโขกกันดังสนั่น น้องญาร้องโอ๊ย แล้วก็ปากคว่ำ ร้องไห้ออกมาดื้อ ๆ
“ฮือๆๆๆ อีตาบ้า ก้มมาโขกหัวฉันทำไมเนี่ย วันนี้ฉันเจ็บตัวเพราะนายสองครั้งแล้วนะ ฮือๆๆ” น้องญาร้องไห้พลางเอามือลูบหัวตัวเอง ทั้งเจ็บเท้า ทั้งเจ็บหัว ทั้งโมโห
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเธอจะก้มหัวลงมา ก็ฉันเห็นเท้าเธอบวมก็เลยจะดูสักหน่อย นี่ฉันเองก็เจ็บเหมือนกันนะ ไม่ใช่เธอเจ็บคนเดียว ร้องไห้งอแงเป็นเด็กไปได้” เออเนสดุคนตัวเล็ก เธอจ้องหน้าเขาแล้วกัดริมฝีปากแน่น
“ก็ฉันอายุเพิ่ง 18 เองยังเด็กอยู่ ไม่ได้แก่เหมือนนายนี่ ดุอยู่ได้ ไอ้คนใจร้าย” น้องญาปากคว่ำมองใบหน้าหล่อตาปะหลับปะเหลือก เออเนสมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ทำหน้าดุนั้นแล้วส่ายหัวเบา ๆ
“เอาเถอะๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแล้ว รออยู่นี่เดี๋ยวไปหายาแก้ปวดมาให้” เขากล่าวสั้น ๆ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป เขาหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกับยาแก้ปวดกับน้ำดื่ม เขาส่งให้คนตัวเล็ก แต่เธอส่ายหน้า ไม่ยอมรับยาจากเขา
“เอ้า !! ทำไมไม่กินยาล่ะ แล้วมันจะหายไหม” เออเนสดุ เพราะคนตัวเล็กไม่ยอมกินยา
“ก็ ... ก็..ฉันกินยาเม็ดไม่เป็นนี่ มันกลืนไม่ได้” น้องญาพูดอ้อมแอ้มด้วยความอาย
“โอ๊ย...แม่คุณ อายุ 18 แต่กินยาเม็ดไม่ได้เนี่ยนะ เธอไม่ใช่เด็กสองขวบนะ กิน ๆ ไปเลย อย่าเรื่องมาก” เขาดุเธออีกแล้ว วันนี้ถ้านับ ๆ ดูนี่คือดุเป็นสิบรอบแล้ว ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บแท้ๆ
“ก็คนมันกินไม่ได้ จะให้ทำยังงัย อยากให้ฉันกินได้ก็ต้องบดให้สิ ฉันกินเป็นเม็ด ๆ แบบนี้ไม่เป็นนี่”
น้องญายังเถียงชายหนุ่มตรงหน้าไม่ยอมหยุด ก็เธอกินยาเม็ดใหญ่ไม่เป็นจริง ๆ เวลากินทีไรก็กลืนไม่ลง กินน้ำจนแทบจะหมดขวด ยายังติดอยู่ที่ลิ้น แถมบางทีพอพยายามกินนาน ๆ ไปยาเริ่มละลายก็ขมอีก คิดแล้วขมคอชะมัด เออเนสนั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็กแล้วหยิบยากับน้ำจากมือของเธอ
“ก็แค่เนี้ย.. เอายาเม็ดไปบดให้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่องแล้ว บ่นเป็นคนแก่อยู่นั่นแหละ” น้องญาบ่นกระปอดกระแปด
“ใครบอกว่าฉันจะบดยาให้เธอ ฉันไม่ได้ขยันขนาดนั้นหรอก แต่ฉันมีวิธีให้เธอกินยาเม็ดได้นะ กินง่ายเลยด้วย” เออเนสยิ้มกุ้มกริ่มใส่คนตัวเล็กที่ตอนนี้ทำหน้างงๆ
จู่ ๆ เออเนสก็เอายาเม็ดใส่ปากของเขาเองแล้วดื่มน้ำตามลงไป คนตัวเล็กตาโต ด้วยความงงงวย ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาใกล้เธอแล้วประกบปากของเขาเข้ากับริมฝีปากกระจับสีชมพูนั้น น้องญาเบิกตาโพลงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาส่งยาเข้าปากเธอพอดี
“อื้อๆๆๆ “ เธอครางอู้อี้ในคอได้สักพัก เออเนสก็ถอนริมฝีปากออกจากปากบางนุ่มนิ่มนั้นอย่างเสียดาย น้องญาหน้าแดงก่ำ เธออายแทบอยากจะมุดใต้เตียงหนี เหมือนเออเนสจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอ เขายิ้มมุมปากอย่างพอใจ
“ก็กินได้แล้วนี่ ไม่เห็นจะยากเลยเห็นไหม ไว้ครั้งหน้าถ้ากินเองไม่ได้บอกนะ ฉันจะมาช่วยป้อนให้ กินยาแล้วก็นอนพักเถอะ ฉันไปล่ะ” เออเนสกล่าวทิ้งท้ายไว้ แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เธอนั่งหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก มือน้อย ๆ ทุบลงไปที่หมอนถี่ๆ
“นี่ๆๆๆๆ อีตาบ้าๆๆๆๆ ทำอะไรของนายเนี่ย”
แสงแดดตอนสายสาดส่องลอดมาจากกระจกห้องนอน ทำให้ร่างเล็กของปฏิญญาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ปากเล็กอ้าปากหาวหวอดๆ เมื่อคืนเธอปวดข้อเท้ามากๆ ขยับแทบไม่ได้เลย แม่ของเธอต้องพยุงพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำกินข้าว แต่มันก็ยังปวดมากจนนอนไม่หลับ นางปทุมมาศต้องเรียกให้กินยาแก้ปวดทุก 4 ชม. เธอรับยาเม็ดจากมือแม่แล้วใส่ปาก หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำตามลงไป น่าแปลกว่าตอนนี้เธอกลับกินยาเม็ดเองได้แล้ว ขนาดแม่เธอที่บดยามาให้เธอตั้งแต่เล็กจนโตยังแปลกใจเลย แต่เธอก็ยังปวดข้อเท้าตุบๆ นอนหลับๆ ตื่นๆ กว่าจะหลับลงได้ก็เกือบตีสามหลังจากทานข้าวเช้าที่แม่บ้านนำมาให้ที่ห้องพักแล้ว นางปทุมมาศก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาและเนื้อตัวให้ลูกสาว จะได้สบายตัวขึ้น แล้วจึงให้ทานยา และให้น้องญานอนพักไปก่อน เพราะเซดริกได้ติดต่อให้คุณหมอช่วยมาตรวจดูอาการให้ โดยคุณหมอแจ้งว่าจะมาตรวจให้ราวๆ 11 โมงเช้าก๊อกๆๆ ..เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น นางปทุมมาศรีบเดินไปเปิดประตู มัมมาริสา เออเนส เซดริก และมาลารินทร์ ก้าวเข้ามาในห้องเพื่อเยี่ยมดูอาการของเด็กสาว"น้องญาเป็นยังงัยบ้างคะคุณมาศ พี่กับเออเนส อยากขอดูอาการน้องสักหน่อยค่ะ" มัมมาริสาพูดด้วยน้ำเสียงห่
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางตามที่ตกลงกันไว้ ทุกคนขึ้นประจำที่บนรถตู้เพื่อเดินทางไปพักที่บ้านนางปทุมมาศ ขาดแต่มัมมาริสาซึ่งคงกำลังพูดคุยกับแด๊ดโนแอลและเออเนสอยู่ เพราะสองคนพ่อลูกจะต้องกลับฝรั่งเศสวันนี้ มาลารินทร์กับเซดริกนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ ส่วนนางปทุมมาศกับนางวิมาลานั่งเบาะแรก ดังนั้นช่วงต่อจากนั้นจึงว่างยาว น้องญาเลือกเข้าไปนั่งเบาะหลังท้ายสุดเพราะเป็นเบาะติดกันยาว ทำให้เธอสามารถนั่งยืดแข้งยืดขาได้อย่างสบายใจแกร๊ก...พรืด..เสียงประตูรถตู้เลื่อนเปิดออก ร่างของมัมมาริสายืนอยู่ตรงประตู น้องญายิ้มให้ มัมยิ้มตอบแล้วเดินขึ้นไปนั่งใกล้กับนางวิมาลาและนางปทุมมาศ น้องญาจึงไม่ได้สนใจอะไรอีก เธอนอนเหยียดยาวแบบสบายใจ เพราะทุกคนมากันครบแล้ว ตอนนี้รถกำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม เธอกะว่าจะนอนหลับให้สบาย เพราะวันก่อนที่เจ็บข้อเท้า เธอแทบจะไม่ได้นอนเลย เพียงครู่เดียวคนตัวเล็กก็หลับไปน้องญารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถโยกโยนตอนขับผ่านลูกระนาด เธอลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพราะเธอยังง่วงอยู่มากจึงสะลึมสะลือเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกได้ว่ามีฝ่ามือหนากำลังลูบ
หลังจากส่งมัมมาริสากับเออเนสขึ้นไปห้องพักเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็ลงมาที่ครัวเพื่อเตรียมอาหาร แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่บ้านเสียหลายวันจึงไม่มีของสดเหลือติดบ้านเลย น้องญาจึงอาสาขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปซื้อของในตลาดสดที่เคยไปอยู่ประจำ เพราะตลาดอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ขณะนั้นเออเนสกับมัมมาริสาก็เดินมายังครัวพอดี เธอเดินตรงมายังเด็กสาวพร้อมกับเอามือลูบหัวทุยเบาๆ อย่างเอ็นดู“ไหน .. วันนี้น้องญาจะทำอะไรให้มัมกินจ๊ะ” มัมมาริสาเอ่ยถามเด็กสาว พลางกอดเอวคอดนั้นไว้หลวม ๆ“วันนี้หนูจะทำแกงเขียวหวานปลากราย ทานกับขนมจีน ปลาทับทิมทอดสามรส หอยลายผัดฉ่า แกงส้มชะอมกุ้ง แล้วก็กุ้งทอดกระเทียมค่ะ” น้องญาเอ่ยเมนูให้มัมมาริสาฟัง นางถึงกับตาโต“โอ้โห.. เมนูน่าทานทั้งนั้นเลย แต่กุ้งทอดกระเทียมนี่ทำให้ใครแถวนี้เป็นพิเศษหรือเปล่าน๊า” มัมมาริสาเอ่ยแซว น้องญายิ้มหวานจนตาหยี“พอดีมีแต่อาหารรสจัดค่ะ แม่กลัวพี่เออเนสจะทานไม่ค่อยได้ เลยให้ทำเมนูที่ไม่เผ็ดให้ด้วย หนูเลยจะทำกุ้งทอดกระเทียมค่ะ”น้องญาตอบ มัมมาริสายิ้ม ขนาดเมนูที่จะทำให้ยังเลือกเป็นกุ้งที่ลูกชายคนเล็กเธอชอบเสียด้วย แสดงออกให้เห็นถึงความใส่ใจของเด็ก
หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว นางปทุมมาศกับน้องญาก็เข้าครัวเพื่อเตรียมตัวทำขนม โดยมีมัมมาริสาคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับโน่นนี่ไปตามเรื่อง นางวิมาลาก็พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนมาลารินทร์ไม่เข้ามาด้วยเพราะเธอยังแพ้ท้องเวลาได้กลิ่นถั่วก็ยังเหม็นอยู่ เพราะวันนี้ต้องมีกวนถั่วเพื่อทำไส้ขนมเม็ดขนุนด้วย น้องญากำลังคัดเลือกไข่เป็ดและทำความสะอาดเพื่อใช้ทำขนมเม็ดขนุนกับฝอยทองกรอบ หลังจากนั้นเธอก็ให้แม่กับมัมมาริสาทำกันไป ส่วนเธอก็แยกตัวไปทำขนมอาลัวให้เออเนสน้องญาผสมสีอ่อนๆ ลงไปในแป้งที่กวนสุกแล้ว เธอตักแป้งใส่ถุงบีบที่มีหัวบีบรูปดาว แล้วค่อยๆ บีบลงไปในถาดทีละอัน เออเนสมองคนตัวเล็กที่กำลังบีบขนมลงถาดอย่างตั้งอกตั้งใจ น่าแปลกที่ขนมที่บีบลงไปในถาดมีขนาดเท่ากันทุกชิ้นบ่งบอกถึงฝีมือและความใส่ใจของคนทำอย่างเด่นชัด เขาค่อยๆ เดินมาด้านหลังของเด็กสาวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาบีบขนมจนไม่ได้สังเกตุว่ามีใครมายืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับแก้มนุ่มของเธอแล้วจรดจมูกโด่งลงยังผิวแก้มนวลเบาๆ จนเด็กสาวสะดุ้ง"หอมจัง" เออเนสพูดเบาๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่ จนน้อง
1 ปีผ่านไป...ณ. ปารีส @ ฝรั่งเศสตอนนี้ปฏิญญาเดินทางมาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้เกือบเดือนแล้ว โดยมัมมาริสาเดินทางมารับด้วยตนเองเมื่อเธอเรียนจบ หลังจากที่คุยกันแล้วว่าเธอคงจะเข้าเรียนในปีการศึกษาหน้า มัมมาริสาอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่และลองใช้ชีวิตให้คุ้นชินก่อน เพราะเธอยังต้องปรับตัวอีกมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือเธออยากเลือกสายวิชาและมหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งข้อนี้มัมมาริสาให้สิทธิ์เธอเต็มที่"ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ" ปฏิญญาบอกทุกคนที่ตอนนี้นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ให้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา"มีแต่อาหารไทยน่าทานทั้งนั้นเลย น้องญามาอยู่นี่มัมต้องเจริญอาหารแน่ๆ " มัมมาริสาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้เธอ"วันนี้มีอะไรบ้างล่ะ หน้าตาน่าทานนะ แต่แด๊ดไม่รู้จักชื่อเลย" แด๊ดโนแอลเอ่ยถามเด็กสาว"วันนี้มีแกงเลียงกุ้งสด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แกงจืดเต้าหู้อ่อน กุ้งทอดกระเทียมค่ะ" น้องญาตอบแด๊ด"กุ้งทอดกระเทียมทำพิเศษให้พี่เออเนสใช่ไหมเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรพิเศษให้มัมบ้างเลย ชักจะน้อยใจแล้วนะ"มัมมาริสาเอ่ยหยอกเย้า ในขณะที่คนที่ถูกกล่าวถึงนั่งยิ้
น้องญานอนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเออเนส เธอสบสายตาของชายหนุ่ม สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนาอย่างปิดไม่มิด"รังเกียจฉันเหรอ" เขาเอ่ยถามหลังจากที่เธอยังนอนตัวแข็งทื่อและดันอกแกร่งของเขาให้ห่างจากตัวเธอ"ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ได้รังเกียจ แต่น้องญาว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้ คะ..คือ.. น้องญายังเด็กอยู่เลยค่ะ" หญิงสาวรีบตอบเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด ใครจะไปรังเกียจชายหนุ่มรูปหล่อ สะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเขาล่ะ"ปีนี้อายุเท่าไหร่" เขาถามพลางใช้มือลูบผมที่ปรกหน้าของเธอออกและไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบหน้าเนียนใสของหญิงสาว"19 ค่ะ อีกสามเดือนก็จะเต็ม 20" เธอตอบชายหนุ่ม หัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน"จะ 20 แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เขาบอกกับเธอพลางลูบไล้ไปทั่วผิวกายนวลเนียนของเด็กสาว เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกที่ที่เขาสัมผัส เออเนสขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนของเขาปะทะริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะประทับจูบลงที่ริมฝีปากสวยนั้น เสียงโทรศัพท์ของน้องญาก็ดังขึ้นกริ้งงงงงงงงงง.... หน้าจอแสดงชื่อมัมมาริสา ปฏิญญาฉวยโอกาสนั้นรีบลุกจากเตี
ปฏิญญาลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเพียงลำพัง เวลาเย็นแบบนี้แดดอ่อนแสงลงมากแล้ว หาดทรายเม็ดเล็กละเอียดสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีฟ้าเข้มของน้ำทะเลที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆเด็กสาวถอดรองเท้าฟองน้ำถือไว้เพราะอยากใช้เท้าสัมผัสกับความละเอียดอ่อนของเม็ดทรายที่นุ่มนิ่มนั้นโดยตรง เธอยืนมองขอบฟ้าที่ไกลสุดสายตา แล้วทำให้คิดถึงแม่ปทุมมาศ ร่างเล็กนั่งลงบนหาดทรายในท่าชันเข่า ตอนนี้เวลาที่นี่เกือบจะหกโมงเย็น ที่เมืองไทยคงเกือบจะห้าทุ่มแล้ว คงดึกเกินไปถ้าเธอจะโทรหาแม่มาศในตอนนี้พอนั่งนึกอะไรเพลินๆ ก็ปรากฏภาพของเออเนสขึ้นในมโนภาพของเธอทันที ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนมาถึงวันนี้ เขาก็ยังเป็นผู้ชายคนเดิมที่มักจะทำตัวรุ่มร่ามกับเธอตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน แต่ภายนอกถ้าคนอื่นมองจะเห็นเขาอีกลุคหนึ่งซึ่งดูเป็นคนเงียบๆ สุขุม และวางตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เธอรู้ดีว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นตลอดเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนที่เธอจะเรียนจบ เขามักจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างฝรั่งเศสกับไทย เพื่อไปเยี่ยมเซดริกและครอบครัวของเธอเป็นประจำเธอถามตัวเองว่าทำไมเธอถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวมาตลอด แล้วเธอก็ยอมรับกับใ
"อื้อ~ หนาวววว" คนตัวเล็กนั่งคอพับอยู่ในอ่างอาบน้ำในสภาพกึ่งเปลือย มีแพนตี้ตัวน้อยกับบราแบบเกาะอกปกปิดของสงวน เออเนสถอนหายใจยาวเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ของตัวเอง เขาค่อยๆ ถอดบราและแพนตี้ตัวน้อยออกจากเรียวขาสวย แล้วเปิดน้ำอุ่นเพื่อล้างหน้าตาเนื้อตัวแล้วอาบน้ำให้กับเธอ เสร็จแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อหุ้มร่างเปลือยขาวโพลนนั้น แล้วรวบร่างขึ้นอุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ร่างแกร่งค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงแล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกเพื่อจะเช็ดตัวและสวมชุดใหม่ให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนตัวเล็กก็ดิ้นไปมามือไขว่คว้าสะเปะสะปะ"อื้มๆๆ .. หนาววว"มือเล็กควานหาผ้าห่มเพราะรู้สึกหนาว เมื่อมือสัมผัสถูกผ้าเช็ดตัวที่เออเนสถืออยู่เธอก็ดึงเข้าหาตัวอย่างแรงจนเออเนสล้มลงบนที่นอนหนาหนุ่มแล้วคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดี ใบหน้าของเธอและเขาแนบชิดกัน จมูกชนจมูก ดูเหมือนคนตัวเล็กพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองเจ้าของลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังหายใจรดใบหน้าเธออยู่ในระยะประชิด"พะ..พี่เออเนส"ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มเผยอน้อยๆ เมื่อเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มที่ตัวเองแอบมีใจให้ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาแห่งความปรารถนาที่ปิดไม่มิ
หลังจากกินยาตามคำสั่งเออเนสเรียบร้อยแล้ว น้องญาก็เดินเข้าไปในบ้านที่ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์น่าจะเหมาะสมกว่า เด็กสาวเดินไปหามัมมาริสาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือสบายๆอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น"กินข้าวเรียบร้อยแล้วเหรอลูก" นางเอ่ยทัก คนตัวเล็กนั่งลงใกล้ๆ กับหญิงสูงวัยกว่าที่ท่านกำลังมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูพลางใช้มือลูบศีรษะเล็กๆ ของเธอ"กินแล้วค่ะมัม วันนี้น้องญาตื่นสายมากๆ เลยไม่ได้ทำอาหารไทยให้มัมทานเลย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเย็นนี้น้องญาจะทำให้ทานอย่างสุดฝีมือเลยค่ะ" เด็กสาวพูดแล้วยิ้มละไมให้กับมัมมาริสา"วันนี้น้องญาจะทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับของโปรดของแด๊ดด้วยค่ะ แต่ไม่รู้พี่เออเนสจะกลับบ้านหรือเปล่า กุ้งกระเทียมน้องญาจะเป็นหม้ายไหมหนอ" น้องญาเอ่ย ท้ายประโยคเธอทำเสียงอ่อยๆ มัมมาริสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาลูกชายทันที"ครับมัม" เสียงปลายทางรับสายแล้วตอบกลับมาสั้นๆ ตามนิสัยของเขา"เย็นนี้กลับมาทานข้าวบ้านไหมลูก น้องจะได้ทำกุ้งกระเทียมของโปรดไว้ให้" มัมมาริสาเอ่ยถาม"ครับ" สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ"พี่เขาบอกว่าเย็นนี้จะกลับบ้านนะลูก เดี๋ยววันนี้หนูไปซื้อของที่ห้างกับพี่เซนส์แล้วกันนะจ๊ะ พอดีช่วงบ่ายมัมมีน
เออเนสดันร่างบางให้นอนราบลงกับเตียงนุ่ม ในขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ยังคงจูบกันอย่างดูดดื่ม ฝ่ามือหนาแทรกเข้าไปยังชุดนอนกระโปรงบางเบาของหญิงสาว แล้วถอดออกอย่างง่ายดาย ตะขอบราด้านหน้าถูกปลดอย่างชำนิชำนาญด้วยมือเพียงข้างเดียวของชายหนุ่มจมูกโด่งซุกไซร้ไปยังซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มผิวเนียนและจูบไล่เรื่อยลงมาที่หัวไหล่และเนินอก ริมฝีปากอุ่นชื้นเข้าครอบครองยอดปทุมถันสีชมพูแล้วขบเม้มดูดดึงอย่างหิวโหย"จ๊วบบบบบบ" เขาสลับดูดเลียยอดทับทิมสีชมพูสวยทั้งสองข้างไปมาแล้วบีบเคล้นอย่างมันมือ"อื้มมมม" ปฏิญญาครางเสียงหวานในลำคอและเผลอแอ่นอกให้เขาดูดเลียอย่างเต็มอกเต็มใจเมื่อดูดกินสองเต้าเต่งตึงจนเป็นที่พอใจแล้ว ลิ้นร้อนก็ค่อยๆจูบไล่ลงมายังเนินนูนอวบใหญ่ที่เกลี้ยงเกลาของเด็กสาว แพนตี้ลูกไม้ตัวน้อยถูกถอดออกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของเขาอีกตามเคย ลิ้นร้อนตวัดเลียที่รอยแยกอย่างช้าๆ คล้ายๆ กับจะทรมานคนตัวเล็กให้พลุ่งพล่านด้วยแรงปรารถนา"อ๊ะ..~อ๊าาา" ร่างบางร้องคราง เธอยกสะโพกร่อนไปมาด้วยความเสียวที่ลิ้นร้อนละเลงเลีย สลับกับดูดดุนที่ร่องสวาทแบบเน้นๆเออเนสผละจากร่างเล็กและลุกขึ้นจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองทันที แท่งร
หลังจากอาหารถูกนำมาจัดเตรียมให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เออเนสก็หยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าของเขาที่เพิ่งไปขนมาจากห้องตัวเองมาไว้ห้องนี้เมื่อตอนเช้า ขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปที่ห้องนอนที่คนตัวเล็กยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ร่างแกร่งนั่งลงบนเตียงแล้วเอื้อมมือไปเขย่าร่างเล็ก"ปฏิญญา ตื่นได้แล้ว อาหารมาแล้วนะ""อื้อๆๆ"คนตัวเล็กบิดร่างไปมาแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย เออเนสเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ แล้วหยิบชุดลำลองของเด็กสาว ซึ่งเป็นเสื้อยืดตัวยาวมาสวมใส่ให้ ในขณะที่เธอยังหาวหวอดๆ อยู่ หลังจากนั้นก็รวบร่างเล็กขึ้นอุ้มแล้วพาเดินไปยังโต๊ะอาหาร"พี่เออเนสปล่อยเถอะค่ะ น้องญาเดินเองได้" เด็กสาวพูดไปพลางก้มหน้าซุกอกแกร่งด้วยความเขินอาย แต่คนตัวโตก็ยังก้าวเดินพรวดๆ ไปยังเก้าอี้แล้วจัดแจงวางคนตัวเล็กให้นั่งลง ส่วนเขาเดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งตรงกันข้ามหลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว น้องญาก็เดินไปยังโซนห้องนั่งเล่นที่ด้านข้างติดกับระเบียง เธอนั่งบนโซฟาตัวยาว แล้วเปิดทีวีดูรายการทั่วๆ ไปเออเนสเดินผ่านคนตัวเล็กออกไปยังหน้าระเบียง เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ปฏิญญาทำหน้าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นเขาสูบบุหรี่มาก่อน ร่
น้องญานอนตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเออเนสเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธอเข้าใจ“จะลุกไปไหนแต่เช้า”เออเนสเอ่ยถามคนตัวเล็กพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วใช้จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จนปฏิญญาต้องหดคอหนีด้วยความเสียวปนเขินอาย“ปล่อยน้องญาได้แล้วค่ะ น้องญาหิวแล้ว” คนตัวเล็กเอ่ย เพราะตอนนี้ท้องของเธอร้องประท้วงด้วยความหิวจริง ๆ เธอเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนผนัง บอกเวลา 11.00น.แล้ว“เดี๋ยวสั่งอาหารมาให้ นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินจริง ๆ ด้วย เด็กอะไร”เออเนสบ่นแบบไม่จริงจังนัก แต่ก็ยอมคลายอ้อมแขนจากร่างเด็กสาว แต่ยังไม่ปล่อยให้เธอลุกออกไป ในขณะที่เขาเองก็กดโทรศัพท์สั่งอาหารให้เธอทันทีหลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยคนตัวเล็กจึงออกมาจากอ้อมกอดนั้นได้ เธอลุกขึ้นยืนหวังจะเดินไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องหยุดทันที เพราะเวลาที่เธอขยับแต่ละครั้งจะรู้สึกเจ็บที่จุดกลางกายสาวเป็นอย่างมาก เธอทำหน้าเบ้จนเออเนสลุกขึ้นแล้วเดินมาจ้องหน้าเธอใกล้ ๆ ใบหน้าเรียวเล็กนั้นแดงก่ำด้วยความเขินอาย“เป็นยังไง เดินไม่ไหว เจ็บล่ะสิ?”เออเนสพูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นทั้งที่ร่างกายเปลือ
เด็กสาวทำท่าจะขยับสะโพกถอยหนีเมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่น และเจ็บแปลบบริเวณกึ่งกลางกายสาว จนเออเนสต้องค่อยๆ ปลอบประโลมเธออีกครั้ง"ไม่ต้องกลัว อย่าเกร็งนะ เจ็บนิดเดียว"เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ใบหูของเธอ แล้วประกบริมฝีปากหนาได้รูปนั้นที่ปากสวยของเธออีกครั้ง เพื่อให้เด็กสาวผ่อนคลายลงอีกสักหน่อย ริมฝีปากอุ่นชื้นเลื่อนลงมาโลมเลียดูดดึงยอดปทุมถันอวบใหญ่นั้นอีกครั้ง ฝ่ามือแกร่งโลมไล้ไปทั่วผิวกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่น ในขณะที่ร่างเล็กกำลังตกอยู่ในวังวนของความเสียวซ่านอยู่นั้น เออเนสก็ดันแท่งรักขนาดใหญ่เข้าไปในช่องทางรักคับแคบของเด็กสาวจนสุดลำ "สวบบ .. ปึ่ก" "กรี๊ดดดดดดด " เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมลุกล้ำเข้าไปภายในใจกลางสาวที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำมาก่อน เด็กสาวน้ำตาไหล หายเมาเป็นปลิดทิ้ง"อึ่ก..ฮือ..พี่เออเนสทำอะไร น้องญาเจ็บ" เด็กสาวเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลจากหางตา"ซี๊ดดดด...อืมมมม" เสียงครางทุ้มต่ำของเออเนสดังขึ้นในลำคอ เขารู้สึกคับแน่นที่แท่งรักและอยากจะขยับมันใจจะขาด"ฉันจะค่อยๆ ขยับนะ ไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องเกร็งนะ"เสียงทุ้มนุ่มนวลค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาเพื่อไม่ให้เด็กสาวต้องเป็นกังวลใจ
"อื้อ~ หนาวววว" คนตัวเล็กนั่งคอพับอยู่ในอ่างอาบน้ำในสภาพกึ่งเปลือย มีแพนตี้ตัวน้อยกับบราแบบเกาะอกปกปิดของสงวน เออเนสถอนหายใจยาวเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ของตัวเอง เขาค่อยๆ ถอดบราและแพนตี้ตัวน้อยออกจากเรียวขาสวย แล้วเปิดน้ำอุ่นเพื่อล้างหน้าตาเนื้อตัวแล้วอาบน้ำให้กับเธอ เสร็จแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาห่อหุ้มร่างเปลือยขาวโพลนนั้น แล้วรวบร่างขึ้นอุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ร่างแกร่งค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงแล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกเพื่อจะเช็ดตัวและสวมชุดใหม่ให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คนตัวเล็กก็ดิ้นไปมามือไขว่คว้าสะเปะสะปะ"อื้มๆๆ .. หนาววว"มือเล็กควานหาผ้าห่มเพราะรู้สึกหนาว เมื่อมือสัมผัสถูกผ้าเช็ดตัวที่เออเนสถืออยู่เธอก็ดึงเข้าหาตัวอย่างแรงจนเออเนสล้มลงบนที่นอนหนาหนุ่มแล้วคร่อมร่างเล็กนั้นไว้พอดี ใบหน้าของเธอและเขาแนบชิดกัน จมูกชนจมูก ดูเหมือนคนตัวเล็กพอจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองเจ้าของลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังหายใจรดใบหน้าเธออยู่ในระยะประชิด"พะ..พี่เออเนส"ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มเผยอน้อยๆ เมื่อเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มที่ตัวเองแอบมีใจให้ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาแห่งความปรารถนาที่ปิดไม่มิ
ปฏิญญาลงมาเดินเล่นที่ชายหาดเพียงลำพัง เวลาเย็นแบบนี้แดดอ่อนแสงลงมากแล้ว หาดทรายเม็ดเล็กละเอียดสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีฟ้าเข้มของน้ำทะเลที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆเด็กสาวถอดรองเท้าฟองน้ำถือไว้เพราะอยากใช้เท้าสัมผัสกับความละเอียดอ่อนของเม็ดทรายที่นุ่มนิ่มนั้นโดยตรง เธอยืนมองขอบฟ้าที่ไกลสุดสายตา แล้วทำให้คิดถึงแม่ปทุมมาศ ร่างเล็กนั่งลงบนหาดทรายในท่าชันเข่า ตอนนี้เวลาที่นี่เกือบจะหกโมงเย็น ที่เมืองไทยคงเกือบจะห้าทุ่มแล้ว คงดึกเกินไปถ้าเธอจะโทรหาแม่มาศในตอนนี้พอนั่งนึกอะไรเพลินๆ ก็ปรากฏภาพของเออเนสขึ้นในมโนภาพของเธอทันที ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนมาถึงวันนี้ เขาก็ยังเป็นผู้ชายคนเดิมที่มักจะทำตัวรุ่มร่ามกับเธอตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน แต่ภายนอกถ้าคนอื่นมองจะเห็นเขาอีกลุคหนึ่งซึ่งดูเป็นคนเงียบๆ สุขุม และวางตัวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เธอรู้ดีว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นตลอดเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนที่เธอจะเรียนจบ เขามักจะบินไปๆ มาๆ ระหว่างฝรั่งเศสกับไทย เพื่อไปเยี่ยมเซดริกและครอบครัวของเธอเป็นประจำเธอถามตัวเองว่าทำไมเธอถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวมาตลอด แล้วเธอก็ยอมรับกับใ
น้องญานอนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของเออเนส เธอสบสายตาของชายหนุ่ม สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแรงปรารถนาอย่างปิดไม่มิด"รังเกียจฉันเหรอ" เขาเอ่ยถามหลังจากที่เธอยังนอนตัวแข็งทื่อและดันอกแกร่งของเขาให้ห่างจากตัวเธอ"ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ได้รังเกียจ แต่น้องญาว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้ คะ..คือ.. น้องญายังเด็กอยู่เลยค่ะ" หญิงสาวรีบตอบเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด ใครจะไปรังเกียจชายหนุ่มรูปหล่อ สะอาดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเขาล่ะ"ปีนี้อายุเท่าไหร่" เขาถามพลางใช้มือลูบผมที่ปรกหน้าของเธอออกและไล้ข้อนิ้วไปตามกรอบหน้าเนียนใสของหญิงสาว"19 ค่ะ อีกสามเดือนก็จะเต็ม 20" เธอตอบชายหนุ่ม หัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน"จะ 20 แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เขาบอกกับเธอพลางลูบไล้ไปทั่วผิวกายนวลเนียนของเด็กสาว เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกที่ที่เขาสัมผัส เออเนสขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนของเขาปะทะริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะประทับจูบลงที่ริมฝีปากสวยนั้น เสียงโทรศัพท์ของน้องญาก็ดังขึ้นกริ้งงงงงงงงงง.... หน้าจอแสดงชื่อมัมมาริสา ปฏิญญาฉวยโอกาสนั้นรีบลุกจากเตี
1 ปีผ่านไป...ณ. ปารีส @ ฝรั่งเศสตอนนี้ปฏิญญาเดินทางมาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้เกือบเดือนแล้ว โดยมัมมาริสาเดินทางมารับด้วยตนเองเมื่อเธอเรียนจบ หลังจากที่คุยกันแล้วว่าเธอคงจะเข้าเรียนในปีการศึกษาหน้า มัมมาริสาอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่และลองใช้ชีวิตให้คุ้นชินก่อน เพราะเธอยังต้องปรับตัวอีกมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือเธออยากเลือกสายวิชาและมหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งข้อนี้มัมมาริสาให้สิทธิ์เธอเต็มที่"ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ" ปฏิญญาบอกทุกคนที่ตอนนี้นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ให้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา"มีแต่อาหารไทยน่าทานทั้งนั้นเลย น้องญามาอยู่นี่มัมต้องเจริญอาหารแน่ๆ " มัมมาริสาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้เธอ"วันนี้มีอะไรบ้างล่ะ หน้าตาน่าทานนะ แต่แด๊ดไม่รู้จักชื่อเลย" แด๊ดโนแอลเอ่ยถามเด็กสาว"วันนี้มีแกงเลียงกุ้งสด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แกงจืดเต้าหู้อ่อน กุ้งทอดกระเทียมค่ะ" น้องญาตอบแด๊ด"กุ้งทอดกระเทียมทำพิเศษให้พี่เออเนสใช่ไหมเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรพิเศษให้มัมบ้างเลย ชักจะน้อยใจแล้วนะ"มัมมาริสาเอ่ยหยอกเย้า ในขณะที่คนที่ถูกกล่าวถึงนั่งยิ้