แชร์

One day, you'll kneel for me.
One day, you'll kneel for me.
ผู้แต่ง: ดองกี้

Episode - 0

“นายจะนอนไปถึงเมื่อไหร่ฟินน์? รีบลุกไปจัดการตัวเองได้แล้ว” น้ำเสียงของผู้เป็นนายนาม มาเวอริค คาร์ลอฟ ค่อนข้างหงุดหงิดและไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะเดิมทีหากทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อย ฟินน์จะต้องออกจากห้องไปก่อนแล้ว แต่เมื่อคืนฟินน์ถูกมาเวอริคทำหนักเกินไป ตรงนี้จึงพอเข้าใจแต่การตื่นทีหลังเขา มันดูไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่สิ้นดี

“อึก... ข ขออภัยครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ฟินน์กัดฟันยันตัวขึ้นลุกนั่ง ร่างกายเขาแทบไม่ไหวแต่ต้องทนฝืนเพื่อลงจากเตียง ตามตัวฟินน์มีแต่รอยกัด รวมถึงร่องรอยของนิ้วมือเต็มไปหมด มาเวอริคไม่สนใจท่าทีทรมานของฟินน์ ผู้เป็นนายหันหลังแล้วจัดการไดร์ผมให้แห้ง จัดทรงผม ทาครีมแล้วแต่งตัวด้วยเสื้อสเวทเตอร์แขนยาวสีดำ กางเกงสแลคสีน้ำตาลพับขาเล็กน้อย รองเท้าโลฟเฟอร์สีเดียวกับกางเกง มาเวอริคตรวจความเรียบร้อยแล้วคว้าเสื้อโค้ทตัวยาวที่มีขนาดพอดีกับขากางเกงมาคลุมไหล่

“ชิ...!” พอหันกลับมาเห็นว่าฟินน์เพิ่งลงจากเตียงไปอยู่หน้าประตูห้อง การเคลื่อนไหวชักช้าจนน่ารำคาญใจ แต่หากผู้เป็นนายลองสังเกตสักนิด เขาจะเห็นว่าสีหน้าของฟินน์ดูไม่ดีเลย “นายจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วกลับคาร์ลอฟไปซะ ฉันไม่ต้องการลูกน้องที่น่าหงุดหงิดแบบนาย” น้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจของมาเวอริคทำฟินน์รู้สึกแน่นหน้าอก ฟินน์เงยมองผู้เป็นนายที่เดินผ่านเขาไป ฟินน์ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิดนักหนา

‘นายจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วกลับคาร์ลอฟไปซะ ฉันไม่ต้องการลูกน้องที่น่าหงุดหงิดแบบนาย’

ในวันนี้ วันที่ผู้เป็นนายและเจ้าของหัวใจออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

บอดี้การ์ดที่ชื่อ ฟินน์ ไอแซค เลยนึกตั้งคำถามขึ้นมากับตนเองว่า ความพยายามที่เขาทำมาทั้งหมดเคยส่งไปถึงบ้างหรือเปล่า? ฟินน์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาที่ทอดมองสะท้อนภาพแผ่นหลังของ มาเวอริค คาร์ลอฟ ผู้เป็นนายที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งประตูห้องปิดลง ฟินน์ก็ยังคงคิดว่าการที่เขาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผู้เป็นนายมันผิดมากเชียวหรือ?

สองพี่น้องมาร์การ์เล็ตที่คิดเข้าหามาเวอริค สายตาของฟินน์ที่ตรวจดูฝาแฝดตระกูลมาร์การ์เล็ตแล้ว เขาคิดว่าดูยังไงทั้งสองคนก็ไม่น่าไว้ใจ ในฐานะที่เป็นทั้งคนสนิทและลูกน้องที่ยืนข้างกายมาสิบปี ฟินน์จึงกีดกันไม่ให้เข้าใกล้ผู้เป็นนาย

ฟินน์รู้ รู้ดีมากกว่าใครว่าบุคคลที่แบกชื่อ มาเวอริค คาร์ลอฟ แข็งแกร่งมากแค่ไหน

ฟินน์รู้ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหน้า หากคิดแตะต้องมาเวอริคในแง่ร้าย ล้วนไม่มีทางรอดกลับไปได้สักคน

ฟินน์รู้แต่ฟินน์ก็จำเป็นต้องทำตามหน้าที่ที่แบกรับ หน้าที่ของคนสนิท หน้าที่ของลูกน้องและหน้าที่ของคนแอบรักที่ไม่อยากเห็นคนที่รักต้องมีบาดแผล แม้ท้ายที่สุดสิ่งที่เขาทำจะไร้ค่าและกลายเป็นคนผิดก็ตาม

"ลาออกดีไหมนะ?" พึมพำขึ้นมาแล้วพักเอาแรงก่อนสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ฟินน์กลับมาที่ห้องพักซึ่งอยู่ชั้นที่ 11 การเดินที่ดูติดขัดของฟินน์ทำให้ใครต่อใครมองฟินน์แปลก ๆ ฟินน์แค่นยิ้มก่อนเข้าห้อง ปิดประตูแล้วทิ้งตัวลงนั่งลงบนพื้นห้อง

'นั่นมันตุ๊กตายางของท่านมาเวอริค’

นั่นคือความหมายของสายตาที่มองเขา เหล่าลูกน้องทุกคนในคาร์ลอฟต่างรู้เรื่องที่ฟินน์เป็นคู่นอนให้กับผู้เป็นนาย แน่นอนว่าเป็นคู่นอนแก้ขัดหากเขาหาสาวสวยมาให้ไม่ได้ ฟินน์หลับตาแล้วนึกถึงวันแห่งการเริ่มต้นของการเป็นคู่นอน

'การที่นายหาคู่นอนให้ฉันไม่ได้แล้วบอกจะรับผิดชอบน่ะ นายจะรับผิดชอบด้วยการยกตัวนายให้ฉันแทนหรือไง?'

'...ถ้าท่านไม่รังเกียจที่ผมเป็นผู้ชาย ผมก็พร้อมรับผิดชอบความผิดพลาดนี้ด้วยร่างกายผมครับ'

ฟินน์ยังจำสีหน้าของมาเวอริคได้ดีว่าคนคนนี้ตกใจมากแค่ไหน ฟินน์ที่เข้าทำงานเพียงสองปีแต่กลับไม่มีความหวาดกลัว ความเสียใจที่จะสละร่างกายตนเองให้ผู้เป็นนายได้ปลดปล่อยความต้องการ เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อไป แล้วเมื่อไหร่กันที่ฟินน์ยกหัวใจให้กับคนใจร้าย?

มันกี่ปีแล้วนะที่ฟินน์แอบรักคนคนนี้? มันกี่ปีแล้วที่ยกหัวใจให้ไปโดยที่คนคนนั้นไม่ต้องการและไม่เคยร้องขอ มีแต่ฟินน์ที่โลภมากอยากได้หัวใจของ มาเวอริค คาร์ลอฟ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางได้มา แต่ก็โลภจนเกินตัว มันถึงเวลาที่เขาควรพอแล้วหรือเปล่านะ?

"เวรเอ้ย ทำไมต้องอ่อนแอกับเรื่องแบบนี้ด้วยวะ" ฟินน์ยกฝ่ามือเช็ดน้ำตาที่อยู่ ๆ ก็ไหลลงมา แค่ข้างเดียวก็เกินทนแล้วแต่นี่ไหลมาพร้อมกันสองข้าง ให้ตายสิ คนที่ข้ามเส้นก่อนคือตัวเขาเองแท้ ๆ แต่กลับมานั่งเสียใจงั้นเหรอ? ทั้งที่รู้ตัวว่าไม่ไหวแล้วกับความรู้สึกนี้ แล้วทำไมถึงได้ดันทุรังโดยหวังว่าสักวันจะได้รับกลับมา?

โง่ชัด ๆ

กับแค่หัวใจคนคนเดียว ไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย สิบปีที่ยืนข้างกาย ฟินน์ดันทุรังไปแล้วห้าปีเพื่อรักคนคนนี้ ตลกดีที่คนคนนั้นไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการทำหน้าที่ปกติธรรมดาของฟินน์

"ลาออกคงเป็นทางเดียวที่ดีที่สุด" ฟินน์ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลแล้วพาร่างกายอันบอบช้ำเข้าห้องน้ำ แววตาของฟินน์มองร่างกายที่สะท้อนในกระจก รอยกัดจนห้อเลือดมีหลายจุด รอยนิ้วมือ รอยช้ำจากแรงบีบตามแขน ที่ลำคอมีเพียงรอยคิสมาร์กที่ถูกดูดจนแดงแล้วมันก็เริ่มดูช้ำ ๆ แล้วด้วย ฟินน์ถอนหายใจแล้วเริ่มอาบน้ำทำความสะอาดช่องทาง

ระหว่างอาบน้ำ ฟินน์ได้คิดเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา ฟินน์รู้ดีว่าการลาออกจากคาร์ลอฟไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากจัดการได้ในเร็ววันก่อนเจ้านายกลับอิงเกรเซียน เขาจะมีเวลาหนีออกจากสายตาของมาเวอริค หนีไปหาแม่ที่ต่างประเทศคงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย ฟินน์ยิ้มบางแล้วหลับตาปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกาย

ฟินน์ ไอแซค [อายุ 30 ปี]

สัญชาติ-เชื้อชาติ : อิงเกรเซียน

เพศ : ชาย / สูง : 184 เซนติเมตร / หนัก : 69 กิโลกรัม

ตำแหน่ง : คนสนิทของทายาทคาร์ลอฟ-มือขวา

ระยะเวลาการทำงาน : 10 ปี (เริ่มงานตอนอายุ 20 ปี)

สถานะ : ลาออก

ในเมื่อทวงคืนหัวใจไม่ได้ อย่างน้อยก็พาตัวเองออกจากตรงนั้นก็แล้วกัน (:

วันเดียวกันกับที่มาเวอริคเข้าเยี่ยมน้องชายที่โรนัลเดล ฟินน์ได้เดินทางออกจากรันเซียแม้สภาพร่างกายจะพร้อมในช่วงบ่าย และเขาก็กลับไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้บอกใครสักคน

10 ชั่วโมงต่อมา

เท้าของฟินน์เหยียบแผ่นดินประเทศบ้านเกิดอย่างอิงเกรเซียน เขาไม่สบายตัวแต่ไม่คิดจะหยุดพัก ฟินน์นั่งรถตรงมาที่คฤหาสน์คาร์ลอฟ เข้าพบหัวหน้าบอดี้การ์ดที่เป็นคนคัดเขาให้มาเวอริคในอดีต แจ้งจุดประสงค์และเข้าพบผู้นำสูงสุดอย่าง เอดิสัน คาร์ลอฟ

การลาออกของเขาได้รับการอนุมัติแต่แลกมากับการถูกอเล็กซานเดอร์ซ้อม ถึงจะอนุญาตให้สวนกลับแต่ฟินน์ที่มีสภาพร่างกายติดลบย่อมทำอะไรไม่ได้ เป็นเวลากว่าสิบชั่วโมงตามระยะเวลาการทำงาน

ยิ่งทำมานาน ยิ่งรู้ข้อมูลเยอะ

เพื่อเป็นเครื่องหมายเตือนใจ หากปากพล่อยเรื่องคาร์ลอฟเมื่อไหร่ อเล็กซานเดอร์จะไม่ปล่อยเอาไว้แน่แม้จะอยู่สุดขอบโลกก็ตาม

"ฉันเสียดายนายจริง ๆ" อเล็กซานเดอร์คอยดูฟินน์มาตลอด ทั้งรูปร่าง ความสุขุมที่ดูสงบนิ่งราวหุ่นไร้วิญญาณ ฝีมือการต่อสู้ก็ไม่เป็นรองใคร น่าเสียดายที่ต้องเสียคนแบบนี้ไป

"แค่ก! แฮ่ก ดีใจนะครับ อึก ที่ได้ยินท่านพูดแบบนั้น" ฟินน์แทบลืมตาไม่ขึ้นแต่แค่เขารู้ว่ายังไม่ตาย แค่นี้ก็เกินพอแล้ว อเล็กซานเดอร์แบกฟินน์ที่หมดสติขึ้นบ่าแล้วพาไปส่งที่รถ ก่อนฟินน์จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

หลังจากรถที่พาฟินน์ส่งโรงพยาบาลขับออกไป ใครคนหนึ่งก็เดินออกมาจากที่ซ่อนแล้วมองตามรถก่อนเอ่ยถามอเล็กซานเดอร์

"เขาลาออกจริง ๆ เหรอครับ?"

"ท่านอิการาชิ รู้เรื่องแล้วเหรอครับ" คนที่โผล่มาคือ อิการาชิ คาร์ลอฟ บุตรชายจากภรรยาคนที่สี่ เป็นบุตรเพียงคนเดียวที่มีเชื้อสายเอเชีย อิการาชิในชุดยูกาตะสีดำเดินเข้ามาหาอเล็กซานเดอร์พร้อมรอยยิ้ม

"ผมเพิ่งรู้จากท่านพ่อ ว่าแต่ท่านพี่มาเวอริครู้เรื่องหรือยังครับ?" อิการาชิเอ่ยถามพลางมองหน้าอเล็กซานเดอร์แล้วยิ้มจนดวงตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เป็นยิ้มที่อเล็กซานเดอร์ไม่ชอบเท่าไหร่

"ยังครับ"

"แปลก แต่ก็น่ายินดีครับ" พูดจบก็ค่อย ๆ ลืมตาแล้วก้าวเดินกลับไปยังบ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่ปลูกแยกอยู่ทางฝั่งขวาของคฤหาสน์ ระหว่างที่เดินอิการาชิก็ดึงแขนออกจากชุดยูกาตะที่ใส่ทำให้ช่วงบนของยูกาตะพับลง เผยให้เห็นรอยสักมังกรที่ถูกดาบญี่ปุ่นนับสิบเล่มทิ่มแทงอย่างเป็นศิลปะเต็มแผ่นหลัง ไม่ต่างอะไรกับรอยสักของยากูซ่าแต่ในรอยสักของทายาทคาร์ลอฟต่างมีความหมาย

มังกร คือตัวแทนของเอดิสันผู้เป็นบิดา

มาเวอริคเปรียบตนเป็นงูจึงมีรอยสักงูพันมังกรที่หวังว่าสักวัน มาเวอริคจะใช้คมเขี้ยวและพิษแว้งกัดมังกรตนนั้น เช่นเดียวกับอิการาชิที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น ได้ใช้ดาบญี่ปุ่นแทงมังกรจนสะบักสะบอมหมดราศีของสัตว์ชั้นสูง แม้จะเป็นบิดาแต่พวกเขาต่างหมายจะโค่นมังกรลง และอเล็กซานเดอร์ที่เคียงข้างกายมังกรมาตลอด เขาจึงอยากเฝ้าดูว่าบุตรที่มังกรสร้าง จะมีตัวไหนล้มมังกรได้สำเร็จบ้าง ช่างน่าดูชมจริง ๆ ...

และแน่นอนว่าเขาจะเข้าขวางเพื่อไม่ให้มังกรตนนั้นได้ล้มลง ไม่มีวัน

ทางฟินน์ได้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลร่วมสัปดาห์ เขานอนเหมือนตายด้วยร่างกายที่บอบช้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับโดนซ้อมแลกอิสระอีกสิบชั่วโมง ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้นี่ก็น่าทึ่งมากแล้วจริง ๆ

และอีกสามวันฟินน์จะออกจากโรงพยาบาล เขาจะต้องออกจากประเทศภายในหนึ่งวัน เพราะหากอยู่นานกว่านี้ มาเวอริค คาร์ลอฟ อาจจะกลับมาที่อิงเกรเซียนก่อนเขาออกจากประเทศก็เป็นได้

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status