Red-Eye PUBเสียงจังหวะดนตรีสไตล์ EDM ที่ดังขึ้นไปทั่วทั้งผับชื่อดังทำให้ร่างบางของหม่อนไหมอดไม่ได้ที่จะโยกตัวไปตามจังหวะเพลงเบาๆในขณะที่เพื่อนๆในกลุ่มต่างพากันพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว“ไอ้หม่อนมึงแน่ใจนะว่าวันนี้เฮียรามเขาอยู่เคลียร์งานจนถึงเช้าอะ”เตยหอมที่นั่งข้างๆหม่อนไหมเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วงเพราะถ้าหากว่ารามสูรเกิดกลับมาที่คอนโดก่อนเวลาที่หม่อนไหมเล่าให้เธอฟังบอกได้คำเดียวเลยว่าเพื่อนของเธอซวยแน่“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก เฮียเป็นคนโทรมาบอกกูเองว่าให้เข้านอนได้เลยไม่ต้องรอเพราะวันนี้เฮียติดงานอาจจะไม่ได้กลับ”หม่อนไหมบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนๆที่เธอกับเตยหอมกำลังพูดถึงอยู่ รามสูรยกบรั่นดีขึ้นดื่มอย่างใจเย็นแต่ดวงตาสีดำสนิทกลับลุกวาวอย่างน่ากลัวเมื่อเมียตัวน้อยที่เขาสั่งห้ามไม่ให้เธอออกมาเที่ยวผับอีกเป็นอันขาดกำลังขัดคำสั่งของเขาด้วยการนั่งหัวเราะกับเพื่อนด้วยความสนุกสนาน วันนี้ที่บริษัทของเขาเกิดปัญหาเมื่อรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีกำหนดจะเปิดตัวเร็วๆนี้เ
ปัง!!เสียงประตูที่ปิดลงทำให้หม่อนไหมเบิกตากว้างโดยพลันก่อนจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็วเธอรู้สึกตื่นเต้นจนไหล่เกร็งริมฝีปากสีพีชเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สายตาวาววับของรามสูรตรึงอยู่ที่นัยน์ตาคู่งามที่ตื่นกลัวและใสซื่อของหม่อนไหมส่วนมือทั้งสองก็โอบเอวบางของเธออย่างซุกซน“อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมาลองในห้องน้ำแคบๆแบบนี้ก็ไม่บอกเฮียจะได้พาหนูหม่อนมาที่นี่ด้วยตัวเอง หนูจะได้ไม่ต้องแอบหนีเฮียมาแบบนี้”เสียงทุ้มต่ำที่ดังติดริมหูผสมผสานกับเสียงหอบหายใจของเขาทำให้ใบหน้างดงามของหม่อนไหมแดงจัดหัวใจเต้นระรัวด้วยความเขินอายก่อนที่เธอจะแสร้งพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่“คะ ใครเขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศกันเล่าหม่อนก็แค่ออกมานั่งเล่นกับเพื่อนแค่นั้นเอง อีกอย่างหม่อนไม่ได้ดื่มเหล้าสักหน่อยเพราะหม่อนรู้ตัวดีว่าหม่อนไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว”ยามพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอกับเขาต้องมาพัวพันกันจนค่อยๆก่อเกิดเป็นความรู้สึกบางอย่างพวงแก้มเนียนที่แดงอยู่แล้วก็พลันแดงวาบขึ้นมาทันตาเห็น ซึ่งอันที่จริงแล้วหม่อนไหมไม่ใช่สาวน้อยเรียบร้อยที่ขี้อายอะไรนักแต่พออยู่ต่อหน้าเขาแล้วสติของเธอกลับเตลิดเปิดเปิงทุกค
12 ปีที่แล้วประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่“วันนี้หนูหม่อนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะคะที่พาหนูหม่อนมาเที่ยว”น้ำเสียงใสกังวาลของหม่อนไหมดังขึ้นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเสมอต้นเสมอปลายก่อนที่เด็กสาวจะกอดแขนมารดาเอาไว้อย่างมีความสุข ม่านฟ้ายกมือขึ้นมาลูบผมของลูกสาวด้วยความรักสุดหัวใจก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้สามีที่หันมายิ้มให้เธออย่างมีความสุขเช่นกัน“วันเกิดปีนี้แม่ขอให้หนูหม่อนเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซนและน่ารักกับทุกคนตลอดไปนะคะ”น้ำเสียงหวานเอ่ยอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวตัวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับคำอวยพรของมารดาก่อนที่ใบหน้าเล็กจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย“หนูหม่อนสัญญาค่ะ ว่าหนูหม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวแน่นอนค่ะ”ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยให้คำมั่นสัญญากับมารดาแต่มือเล็กกลับแอบไขว้กันเอาไว้ด้านหลังไม่ให้มารดาเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของบิดาอย่างอติรุจน์ไปได้เลย ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นพ่อพลันส่ายไปมาน้อยๆกับความแสบของลูกสาวที่คุณปู่คุณย่าถึงกับส่ายหัว“ส่วนพ่อก็ขอให้หนูหม่อนสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ และก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่อ
การเดินทางไปเข้าร่วมทีมแพทย์อาสาเพื่อออกตรวจชาวบ้านบนดอยของวายุมีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟป่าทำให้มีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งมาที่โรงพยาบาล N เป็นจำนวนมาก วายุกับแก้มใสที่ได้รับรายงานเรื่องไฟป่าตั้งแต่ช่วงเช้าจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีโดยที่มีรามสูรติดตามมาด้วยถึงแม้ว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟป่าเป็นจำนวนมากแต่ระบบการจัดการของทางโรงพยาบาลที่เตรียมพร้อมทั้งสถานที่และบุคคลากรตั้งแต่ที่ได้รับรายงานเข้ามาทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวเข้ามาได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วในขณะที่สถานการณ์ภายในห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยความวุ่นวายภายในห้องพักผู้ป่วยเด็กหญิงตัวน้อยซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นย่า ไหล่บอบบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าบิดามารดาของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ“ฮือ ฮือ ย่าขาหนูหม่อนคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน”หม่อนไหมเอ่ยขึ้นบอกผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลกลิ้งลงมาบนแก้มเนียนเป็นสายทำให้แม่เลี้ยงเอื้องคำที่ไม่รู้ว่าควรจะปลอบอย่างไรให้หลานสายตัวน้อยรู้สึกดีขึ้นทำได้เพียงร่วมหลั่งน้ำตาเคีย
เพราะต้องกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้ทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่เลี้ยงเอื้องคำต้องจ้างพยาบาลพิเศษให้คอยดูแลหม่อนไหมในระหว่างที่ทั้งคู่ไม่อยู่ ซึ่งพยาบาลพิเศษที่รับหน้าที่ดูแลหม่อนไหมก็คือช่อแก้วคุณแม่ลูกหนึ่งที่เสียสามีไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอเข้าใจหม่อนไหมดีว่าเด็กสาวรู้สึกอย่างไรที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไม่ทันตั้งตัว“มื้อเช้าวันนี้พี่ช่อซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ของโปรดหนูหม่อนมาฝากด้วยนะคะ”เมื่อเดินเข้ามาในห้องช่อแก้วก็ชูถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ร้านชื่อดังโชว์ให้หม่อนไหมดูทำให้ความปรีดาอันแสนหวานผุดหน่อเล็กๆขึ้นมาส่ายไหวอยู่ในหัวใจที่กำลังเศร้าหมองของเด็กสาว ดวงตากลมโตมองของกินตรงหน้าพร้อมกับแอบกลืนน้ำลายอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ถึงแม้เธอจะเศร้าใจมากเพียงไรแต่เธอไม่สามารถที่จะเมินเฉยต่อความหิวได้เลยแม้แต่น้อย“อาหารสำหรับผู้ป่วยรสชาติจืดชืดไปหน่อยหนูหม่อนอาจจะเบื่อ คุณย่าบอกพี่ช่อว่าหนูหม่อนชอบทานน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋พี่ช่อก็เลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อมาฝากหนูหม่อนค่ะ”การกระทำที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อเธอของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมที่เอาแต่เงียบม
เช้าวันต่อมาโรงพยาบาล Nแววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย“ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย“วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ”เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปากในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้าย
เวลาต่อมา“หนูหม่อนยังไม่หายดีแอบพาไปข้างนอกแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ”ช่อแก้วเอ่ยถามรามสูรพร้อมกับแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อเขาจะพาหม่อนไหมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ส่วนเด็กสาวเมื่อรู้ว่าพี่ชายจะพาออกไปเที่ยวเล่นก็ตื่นเต้นดีใจพร้อมกับบอกให้ช่อแก้วเปลี่ยนชุดให้เธอทันทีอย่างเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกกับพี่ชายที่แสนดีของเธอแล้ว“ผมอยากพาหนูหม่อนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างครับอยู่แต่ในโรงพยาบาลน่าเบื่อจะแย่ ถึงจะมีสนามเด็กเล่นแต่ก็คงไม่สนุกเท่ากับการได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรอกครับ”“แต่ว่า...”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมสัญญาว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด ผมรับรองได้เลยว่าคืนนี้พี่ช่อจะได้นอนหลับฝันดีอย่างไร้กังวลแน่นอนครับ”คำพูดที่หนักแน่นและแววตาที่จริงใจของรามสูรทำให้ช่อแก้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตของหม่อนไหมที่ทอแสงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ความเศร้าหมองที่เธอเคยเห็นในวันวานค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขยามที่เธอมองใบหน้าของรามสูรในเมื่อความสุขเพียงหนึ่งเ
เช้าวันต่อมารามสูรตักน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้องครัวขึ้นมาชิมก่อนที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆอย่างพึงพอใจกับรสชาติอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำไปฝากหม่อนไหมที่โรงพยาบาล รามสูรหยิบกล่องใส่อาหารมาตักเกี๊ยวน้ำใส่จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปดูซาลาเปาไส้ครีมคัสตาร์ดกับไส้ถั่วแดงที่กำลังนึ่งอยู่บนเตากลิ่นหอมของใบเตยจากแป้งของซาลาเปาที่รามสูรใส่ความตั้งใจลงไปตั้งแต่ขั้นตอนของการนวดแป้งไปจนถึงการทำไส้ของซาลาเปา ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะหยิบซาลาเปาออกมาหนึ่งชิ้นและยื่นให้เอเดนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“เอเดนชิมซาลาเปาให้พี่รามหน่อยครับว่าอร่อยไหม”สายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทอเป็นประกายอย่างรอคอยคำตอบทำให้เอเดินรีบหยิบซาลาเปาจากมือของนายน้อยมากัดชิมทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเอเดนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อความนุ่มของแป้งผสมผสานกันอย่างลงตัวกับไส้ครีมที่หวานละมุนลิ้นชวนให้คนหยิบกินหลายชิ้นไม่รู้เบื่อ“อร่อยมากๆเลยครับคุณราม”เอเดนเอ่ยชมรามสูรพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างชื่นชมจากใจจริงกับฝีมือทำอาหารของรามสูรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายตั้งแต่เด็กๆซึ่งโดยปกติแล้ว
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั