เพราะต้องกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้ทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่เลี้ยงเอื้องคำต้องจ้างพยาบาลพิเศษให้คอยดูแลหม่อนไหมในระหว่างที่ทั้งคู่ไม่อยู่ ซึ่งพยาบาลพิเศษที่รับหน้าที่ดูแลหม่อนไหมก็คือช่อแก้วคุณแม่ลูกหนึ่งที่เสียสามีไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอเข้าใจหม่อนไหมดีว่าเด็กสาวรู้สึกอย่างไรที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไม่ทันตั้งตัว
“มื้อเช้าวันนี้พี่ช่อซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ของโปรดหนูหม่อนมาฝากด้วยนะคะ”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องช่อแก้วก็ชูถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ร้านชื่อดังโชว์ให้หม่อนไหมดูทำให้ความปรีดาอันแสนหวานผุดหน่อเล็กๆขึ้นมาส่ายไหวอยู่ในหัวใจที่กำลังเศร้าหมองของเด็กสาว ดวงตากลมโตมองของกินตรงหน้าพร้อมกับแอบกลืนน้ำลายอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ถึงแม้เธอจะเศร้าใจมากเพียงไรแต่เธอไม่สามารถที่จะเมินเฉยต่อความหิวได้เลยแม้แต่น้อย
“อาหารสำหรับผู้ป่วยรสชาติจืดชืดไปหน่อยหนูหม่อนอาจจะเบื่อ คุณย่าบอกพี่ช่อว่าหนูหม่อนชอบทานน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋พี่ช่อก็เลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อมาฝากหนูหม่อนค่ะ”
การกระทำที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อเธอของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมที่เอาแต่เงียบมาตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่คุณปู่กับคุณย่าต้องกลับไปจัดการธุระด่วนทำให้เด็กสาวยอมที่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับช่อแก้ว ดวงตากลมโตเผยแววดีใจออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นช่อแก้วก็รู้สึกดีใจมากที่เด็กสาวเริ่มตอบสนองต่อการกระทำของเธอ
“นี่ค่ะ มื้อเช้าของโปรดหนูหม่อน”
ช่อแก้ววางถาดที่มีปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ลงตรงหน้าของหม่อนไหมที่มองมื้อเช้าด้วยความรู้สึกหิวก่อนที่มือเล็กจะยื่นไปหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมากินด้วยความเอร็ดอร่อยทำให้ช่อแก้วเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูเด็กสาว เมื่อวานหม่อนไหมไม่ยอมทานมื้อเย็นเลยไม่ว่าเธอจะพยายามหว่านล้อมเท่าไหร่เด็กสาวก็เอาแต่นอนมองเพดานเงียบๆก่อนที่จะหลับไปทั้งน้ำตาสร้างความกังวลใจให้แก่ช่อแก้วไม่น้อย
“อร่อยไหมคะ”
ช่อแก้วเอ่ยถามเด็กสาวที่พยักหน้ารับน้อยๆก่อนที่หม่อนไหมจะจัดการกับปาท่องโก๋สี่ชิ้นจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็วมือเล็กที่เลอะน้ำมันยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มด้วยความกระหาย รสชาติที่หวานละมุนลิ้นพร้อมกลิ่นใบเตยที่หอมกรุ่นทำให้หม่อนไหมรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“เก่งมากๆเลยค่ะเด็กดีของพี่ช่อ มาค่ะเดี๋ยวพี่ช่อเช็ดตัวให้จะได้เปลี่ยนชุดใหม่กัน”
ช่อแก้วบอกหม่อนไหมด้วยน้ำเสียงร่าเริงก่อนที่เธอจะจัดการเก็บจานไปไว้ตรงมุมห้องเพื่อรอให้แม่บ้านมาเก็บหลังจากนั้นเธอก็จัดการเช็ดตัวให้เด็กสาวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเปลี่ยนชุดคนไข้ชุดใหม่ให้หม่อนไหมที่มีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
“เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันไหมคะอากาศกำลังดีเลยไม่ร้อนมากจนเกินไปลมก็เย็นสบาย หนูหม่อนจะได้รู้สึกสดชื่นอยู่แต่ในห้องอุดอู้เกินไปค่ะ”
คำชวนของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมรู้สึกลังเลไม่น้อยเพราะความรู้สึกของเด็กสาวในยามนี้เธออยากอยู่เงียบๆเพียงลำพังแต่อีกใจหนึ่งเธอก็อยากจะออกไปนั่งเล่นในสวนเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกเศร้าเสียใจไปกับสายลม หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ๆหม่อนไหมก็ค่อยๆพยักหน้าตอบตกลงทำเอาช่อแก้วเผยรอยยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจถึงแม้ตอนนี้หม่อนไหมจะยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดคุยกับเธอแต่อย่างน้อยๆเด็กสาวก็เปิดใจกับเธอมากขึ้นเพียงเท่านี้เธอก็ดีใจแล้ว
บรรยากาศด้านนอกอากาศดีท้องฟ้าปลอดโปร่งเมฆขาวลอยละล่องผีเสื้อสีขาวคู่หนึ่งโบยบินมาเกาะอยู่บนดอกไม้ดอกเล็กข้างๆทางเดินพลันสายลมพัดมาวูบหนึ่งพากลิ่นหอมของดอกแก้วลอยมาแตะจมูกของหม่อนไหมให้รู้สึกหอมสดชื่น ก่อนที่เด็กสาวจะหันไปมองยังสวนดอกไม้ที่วันนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษทั้งศาลาพักใจยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ป่วยและครอบครัวทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“บรรยากาศข้างนอกดีเหมือนที่พี่ช่อบอกใช่ไหมล่ะคะ ไปค่ะเราไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้กันดีกว่าที่นั่นร่มรื่นมากพี่ช่อชอบพาคนไข้มานั่งเล่นบ่อยๆ สวนดอกไม้สวนนี้ท่านประธานโรงพยาบาลท่านลงทุนจัดสวนเองเลยนะคะเพราะภรรยาท่านชอบดอกไม้ท่านก็เลยจัดสวนไว้ให้ภรรยาของท่านเวลาที่มาเยี่ยมชมที่นี่”
ช่อแก้วเล่าถึงความเป็นมาของสวนดอกไม้ให้เด็กสาวฟังอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เธอจะเข็นรถเข็นพาเด็กสาวไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณส่งกลิ่นหอมล่อผีเสื้อให้บินร่อนไปมา หม่อนไหมปล่อยใจที่กำลังรู้สึกโศกเศร้าไปกับสายลมเย็นๆดวงตากลมโตจ้องมองไปยังสระน้ำเบื้องหน้าอย่างรู้สึกผ่อนคลายก่อนที่ภาพของบิดาและมารดาจะแวบเข้ามาในหัวทำให้เด็กสาวอดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความคิดถึงไม่ได้
“ร้องไห้มากๆระวังจะไม่สวยนะ”
ในขณะที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจอยู่ ๆ เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างกายทำให้หม่อนไหมที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งด้วยท่าทีสบายๆทันที ดวงอาทิตย์ยามเช้าที่เพิ่งส่องแสงลงบนใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาทำให้หม่อนไหมถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พี่ชาย”
เสียงเล็กร้องเรียกคนข้างกายด้วยความตกใจปนยินดีความรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจสุดแสนจะบรรยายผุดขึ้นมาในหัวใจดวงน้อยๆเมื่อในที่สุดเธอก็ได้พบกับเขาพี่ชายที่ช่วยชีวิตเธอในวันนั้น หม่อนไหมยังจำได้ดีถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่ชายที่ช่วยปลอบประโลมความหวาดกลัวของเธอให้คลายลงก่อนที่เธอจะหมดสติไป
“หึ พี่ชายนึกว่าน้องจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่ยื่นมาเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนของเด็กสาวออกให้อย่างเบามือรอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนักถูกส่งไปให้เด็กสาวข้างกายด้วยความจริงใจ
“ถ้าพี่ให้อมยิ้มแล้วหนูจะหยุดร้องไห้ไหมคะ”
รามสูรเอ่ยถามเด็กสาวที่ม่านน้ำปรากฏขึ้นปกคลุมดวงตาคู่งามอีกครั้งราวกับพร้อมจะหลั่งรินออกมาได้ทุกเมื่อก่อนที่หม่อนไหมจะหันหน้าไปอีกทางและยกมือน้อยๆขึ้นมาเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มป้อยๆพร้อมกับพยายามเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าอย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ออกมาเด็ดขาด
“หนูหม่อนคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีกแล้ว ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูหม่อนถ้าไม่มีพี่ชายหนูหม่อนคง...อ๊ะ”
หม่อนไหมยังพูดไม่ทันจบประโยคอมยิ้มรสนมหอมหวานก็ถูกยัดเข้าไปในปากเล็กจิ้มลิ้มของเธอด้วยฝีมือของรามสูรทำเอาเด็กสาวได้แต่กระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง ในขณะที่พี่ชายขี้แกล้งได้แต่อมยิ้มน้อยๆด้วยความพึงพอใจเมื่อหม่อนไหมยอมกินอมยิ้มรสนมของเขา
“ถ้าไม่มีพี่ชายหนูหม่อนก็คงจะไม่ได้กินอมยิ้มรสนมของโปรดพี่ชายแล้วรู้ไหม”
“หนูหม่อนไม่ได้อยากกินสักหน่อย”
“แล้วที่อยู่ในปากใช่อมยิ้มของพี่ชายไหมคะ”
“หนูหม่อนคืนให้ก็ได้ค่ะ”
เมื่อถูกทักท้วงหม่อนไหมก็ยื่นอมยิ้มคืนให้รามสูรที่มองเธอด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะกล้าคืนอมยิ้มที่ตัวเองกินแล้วคืนให้เขาอย่างง่ายดาย รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรามสูรก่อนที่เขาจะยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ๆหม่อนไหม
พลันหัวใจดวงน้อยของเด็กสาวสั่นไหวใบหน้าเรียวเล็กแดงซ่านอย่างไร้สาเหตุความโศกเศร้าเสียใจก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเขินอาย ก่อนที่หม่อนไหมจะเป็นฝ่ายหลบสายตาอ่อนโยนของรามสูรที่กำลังมองมาที่เธอด้วยการหลุบตาลงมองพื้นหญ้า
“พี่ชายให้แล้วไม่เอาคืนค่ะ เพราะอมยิ้มแท่งนี้พี่ชายตั้งใจซื้อมาฝากหนูหม่อนต่างหาก”
น้ำเสียงอบอุ่นของรามสูรทำให้หม่อนไหมค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชายใจดีที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีกครั้ง
“ซื้อมาฝากแค่แท่งเดียวเองเหรอคะ”
“แท่งเดียวที่ไหนกัน หลายแท่งตั้งหากนี่ค่ะดอกไม้ช่อใหญ่สำหรับหนูหม่อนเด็กดี”
อมยิ้มช่อใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้าหม่อนไหมที่เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นหัวใจของเด็กสาวหวานละมุนไปด้วยความปีติรอยยิ้มตรงมุมปากกว้างขึ้นก่อนที่เธอจะยื่นมือไปรับอมยิ้มช่อใหญ่มาด้วยความดีใจ รามสูรจ้องมองใบหน้าดีใจของเด็กสาวในส่วนลึกของหัวใจเขาเองก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเด็กสาวตรงหน้าของเขาเหมาะสำหรับรอยยิ้มกว้างๆมากกว่าดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“เวลาที่หนูหม่อนรู้สึกเสียใจพี่ชายอยากให้หนูหยิบอมยิ้มขึ้นมากินความหวานของอมยิ้มจะช่วยให้ความเจ็บปวดของหนูหม่อนค่อยๆจางหายไป อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะเด็กดีพี่ชายเชื่อว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูที่กำลังมองลงมาจากท้องฟ้าท่านอยากให้หนูหม่อนยิ้มมากกว่า สัญญากับพี่ชายได้ไหมคะว่าต่อจากนี้ไปหนูหม่อนจะไม่ร้องไห้และจะยิ้มกว้างๆ”
“ถ้าหนูหม่อนสัญญาว่าจะเลิกร้องไห้และยิ้มกว้างๆตามที่พี่ชายบอกพี่ชายจะซื้ออมยิ้มมาให้หนูหม่อนอีกไหมคะ”
“แน่นอนค่ะ พี่ชายคนนี้จะซื้ออมยิ้มมาฝากหนูหม่อนทุกวันเลยจนกว่าหนูหม่อนจะออกจากโรงพยาบาล”
“สัญญานะคะ”
นิ้วก้อยเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมยื่นมาตรงหน้ารามสูรอย่างขอคำมั่นสัญญาก่อนที่รามสูรจะยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวก้อยกับหม่อนไหมพร้อมกับยิ้มให้เด็กสาวด้วยความจริงใจ ก่อนที่หม่อนไหมจะส่งยิ้มสดใสเป็นประกายดูอ่อนหวานน่ารักราวกับดอกไม้แย้มกลีบผลิบานตอบกลับรามสูรด้วยความจริงใจเช่นกัน
“หนูหม่อนสัญญาค่ะพี่ชายว่าต่อจากนี้ไปหนูหม่อนจะยิ้มกว้างๆพ่อกับแม่ที่อยู่บนฟ้าจะได้สบายใจ”
หม่อนไหมให้คำมั่นสัญญาแก่พี่ชายที่ช่วยชีวิตเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นถึงแม้เธอจะยังเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาแต่หม่อนไหมก็รู้ว่าเธอไม่อาจจะที่จมอยู่กับคราบน้ำตาและความเศร้าเสียใจได้อีกต่อไป สิ่งที่จะทำให้พ่อกับแม่ที่กำลังเฝ้ามองดูเธอจากบนฟ้ามีความสุขได้ก็คือรอยยิ้มที่สดใสของเธอ
วันนั้นทั้งวันรามสูรคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเด็กสาวตัวน้อยจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนรามสูรก็ยอมที่จะเล่านิทานให้หม่อนไหมฟังตามคำขอของเธออย่างไม่อิดออด น้ำเสียงอ่อนโยนที่กำลังเล่านิทานราวกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ดวงตากลมโตของหม่อนไหมค่อยๆหลับลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด มือเล็กของเธอยังคงเกาะกุมมือใหญ่ของรามสูรเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะประทับลงบนหน้าผากมนของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา
เช้าวันต่อมาโรงพยาบาล Nแววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย“ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย“วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ”เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปากในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้าย
เวลาต่อมา“หนูหม่อนยังไม่หายดีแอบพาไปข้างนอกแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ”ช่อแก้วเอ่ยถามรามสูรพร้อมกับแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อเขาจะพาหม่อนไหมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ส่วนเด็กสาวเมื่อรู้ว่าพี่ชายจะพาออกไปเที่ยวเล่นก็ตื่นเต้นดีใจพร้อมกับบอกให้ช่อแก้วเปลี่ยนชุดให้เธอทันทีอย่างเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกกับพี่ชายที่แสนดีของเธอแล้ว“ผมอยากพาหนูหม่อนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างครับอยู่แต่ในโรงพยาบาลน่าเบื่อจะแย่ ถึงจะมีสนามเด็กเล่นแต่ก็คงไม่สนุกเท่ากับการได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรอกครับ”“แต่ว่า...”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมสัญญาว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด ผมรับรองได้เลยว่าคืนนี้พี่ช่อจะได้นอนหลับฝันดีอย่างไร้กังวลแน่นอนครับ”คำพูดที่หนักแน่นและแววตาที่จริงใจของรามสูรทำให้ช่อแก้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตของหม่อนไหมที่ทอแสงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ความเศร้าหมองที่เธอเคยเห็นในวันวานค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขยามที่เธอมองใบหน้าของรามสูรในเมื่อความสุขเพียงหนึ่งเ
เช้าวันต่อมารามสูรตักน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้องครัวขึ้นมาชิมก่อนที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆอย่างพึงพอใจกับรสชาติอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำไปฝากหม่อนไหมที่โรงพยาบาล รามสูรหยิบกล่องใส่อาหารมาตักเกี๊ยวน้ำใส่จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปดูซาลาเปาไส้ครีมคัสตาร์ดกับไส้ถั่วแดงที่กำลังนึ่งอยู่บนเตากลิ่นหอมของใบเตยจากแป้งของซาลาเปาที่รามสูรใส่ความตั้งใจลงไปตั้งแต่ขั้นตอนของการนวดแป้งไปจนถึงการทำไส้ของซาลาเปา ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะหยิบซาลาเปาออกมาหนึ่งชิ้นและยื่นให้เอเดนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“เอเดนชิมซาลาเปาให้พี่รามหน่อยครับว่าอร่อยไหม”สายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทอเป็นประกายอย่างรอคอยคำตอบทำให้เอเดินรีบหยิบซาลาเปาจากมือของนายน้อยมากัดชิมทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเอเดนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อความนุ่มของแป้งผสมผสานกันอย่างลงตัวกับไส้ครีมที่หวานละมุนลิ้นชวนให้คนหยิบกินหลายชิ้นไม่รู้เบื่อ“อร่อยมากๆเลยครับคุณราม”เอเดนเอ่ยชมรามสูรพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างชื่นชมจากใจจริงกับฝีมือทำอาหารของรามสูรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายตั้งแต่เด็กๆซึ่งโดยปกติแล้ว
โรงพยาบาล N“พี่รามหลานปู่” “พี่รามหลานตา” ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนสองคนกำลังวิ่งแข่งกันมาตามทางเดินของโรงพยาบาลปากก็ร้องเรียกหลานชายคนโตด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ที่รักกับกอหญ้าที่เดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมกันด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับนิสัยที่ไม่มีใครยอมใครของคุณตากับคุณปู่อดีตเพื่อนรักที่ปัจจุบันกลายเป็นไม่รักเพื่อนไปแล้ว“แล้วนายจะเบียดฉันทำไมวะไอ้หน้าหนังหมา”“อ้าว แล้วนายล่ะจะเบียดฉันทำไมไอ้หมาหน้าย่น นี่แหนะ”กฤษฎิ์ตอกกลับใส่หน้าเรียวอิจิด้วยคำพูดเผ็ดร้อนไม่แพ้กันก่อนที่เขาจะยื่นเท้าไปขัดขาเรียวอิจิทำให้เรียวอิจิที่ไม่ทันระวังสะดุดล้มจนหน้าคะมำลงไปจูบพื้นทันทีสร้างความสะใจให้แก่เพื่อนรักอย่างกฤษฎิ์เป็นอย่างมาก สะใจได้ไม่นานขาที่กำลังจะก้าววิ่งไปข้างหน้าพลันสะดุดล้มลงเมื่อคนที่จูบพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาจับขาของกฤษฎิ์เอาไว้แน่นด้วยความรวดเร็วจนทำให้กฤษฎิ์สะดุดล้มลงไปกองกับพื้นสภาพไม่ได้ต่างไปจากเรียวอิจิเลยแม้แต่น้อย“ปล่อยนะเว้ยไอ้หน้าแมว”“ปล่อยให้ไง่สิไอ้หน้าหมา นายอยากแกล้งฉันก่อนทำไม”เรียวอิจิยังคงจับขากฤษฎิ์
ไร่แสงหล้า“กินข้าวหน่อยนะหลานย่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหนูหม่อนไม่ค่อยกินข้าวเลย”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกหลานสาวด้วยความห่วงใยเมื่อหม่อนไหมเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาโดยที่ไม่ยอมตักขึ้นกินแม้แต่คำเดียว บางวันแม่เลี้ยงเอื้องคำถึงกับต้องสร้างข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาหลอกล่อหม่อนไหมถึงจะยอมกินข้าวแต่ถึงอย่างนั้นก็แทบนับคำได้“หนูหม่อนคิดถึงพี่ชายค่ะ หนูหม่อนอยากกินอาหารฝีมือพี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชายแล้วก็ให้พี่ชายเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยค่ะ”หม่อนไหมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังการจากกันโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับเด็กสาวที่มีพี่ชายคอยปลอบใจในวันที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆด้วยความสงสารหลานสาวที่เอาแต่คิดถึงพี่ชายจนไม่ยอมกินข้าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหม่อนไหมดีเพราะเท่าที่ฟังจากช่อแก้วเล่าพี่ชายคนนี้ของหม่อนไหมนั้นใจดีมากคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นหลานสาวของเธอตลอดเวลาที่เธอกับสามีกลับมาจัดการเรื่องงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้“ถ้าหนูหม่อนคิดถึงพี่ชายหนูหม่อนก็ต้องกินข้าวเยอะๆจะได้โตไว
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำเข้าชุดกับกางเกงขายาวทรงกระบอกโดยใส่ชายเสื้อไว้ด้านในกางเกงปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้าชวนให้คนพบเห็นมองมาด้วยความสนใจหลงใหลแต่เจ้าของร่างสูงโปร่งกลับไม่ได้ให้ความสนใจแก่ใครทั้งสิ้นเขาทำเพียงเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหยุดลงที่หน้ารถคันซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดเอาไว้ข้างๆสนามบินมุมปากที่เฉยชาพลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะเปิดประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเปิดเพลงรักฟังอย่างสบายอารมณ์ รถซุปเปอร์คาร์คันหรูค่อยๆแล่นออกจากสนามบินด้วยความเร็วสูงราวกับว่าชายหนุ่มที่กำลังเหยียบคันเร่งจนมิดกำลังปลุกมัจจุราชที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถซุปเปอร์คาร์โลดแล่นอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราที่แล่นสัญจรสวนกันไปมาชวนให้วุ่นวายไม่สบายตาอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหลังหนึ่ง หน้าบ้านมีชายชุดดำที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรามสูรยืนอยู่ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปหยุดย
ลมเย็นๆที่พัดมาปะทะร่างสูงของรามสูรที่กำลังยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่บริเวณหลังร้านชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อยควันสีเทาหม่นที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปากสีไวน์ค่อยๆล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทาง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่กำลังเดินตรงมาทางนี้จะทำให้รามสูรหันกลับไปมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากนั้นรามสูรก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้คนรอบข้างอีกเลย“มึงกล้าดียังไงถึงพากันมารุมกระทืบไอ้บอสน้องกู”น้ำเสียงดุดันของดินเอ่ยถามวัตรกับแก๊งเพื่อนที่พากันยืนนิ่งด้วยท่าทีสบายๆโดยที่ไม่ได้เกรงกลัวดินที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของบอสรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยพวกเขาเลยสักนิด“หึ นี่มึงมีน้องเหี้ยๆอย่างไอ้บอสด้วยเหรอวะ สันดานเลวแบบมันพวกกูไม่กระทืบจนเข้าโรงพยาบาลก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว”เป้เอ่ยขึ้นด้วยโทสะที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกายเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขากับเพื่อนไปลากตัวไอ้บอสออกมาจากผับที่มันกำลังมั่วอยู่กับสาวๆและรุมกระทืบอย่างไร้ความปรานี เมื่อชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงานหารายได้พิเศษเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนถูกไอ้บอสหาเรื่องจนทำให้เธอถูกไล่ออกจากผับที่ทำงานอยู่ด้วยเหตุผลที่ทำให้เป้กับเพื่อนนึกโมโหจนแทบคลั่งเ
หลังจากวันนั้นเวลาว่างในแต่ละวันของรามสูรก็มักจะหมดไปกับการวางแผนที่จะขยายสาขาธุรกิจผลิตเครื่องมือแพทย์และยาในต่างประเทศรวมไปถึงธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์ ธุรกิจที่รามสูรสร้างขึ้นมาด้วยตนเองโดยที่มีบิดาและมารดาคอยให้คำปรึกษาพร้อมทั้งคอยสนับสนุนเรื่องเงินลงทุนที่รามสูรขอให้ท่านทั้งสองทำเป็นสัญญากู้ยืมแทนการให้เปล่าที่เขารู้ดีว่าท่านทั้งสองพร้อมที่จะสนับสนุนเขามากแค่ไหน ซึ่งกำไรมหาศาลจากการลงทุนที่เริ่มจากศูนย์ทำให้รามสูรสามารถใช้หนี้บิดาและมารดาหมดภายในเวลาเพียงสองปีRM GROUP จากบริษัทเล็กๆก้าวสู่บริษัทชั้นนำของโลกภายในเวลาเพียงสองปีจากการบริหารงานของประธานบริษัทอย่างรามสูร พิสิฐกุลวัตรดิลก ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลก เขาไม่ได้ใช้เพียงสมองอันชาญฉลาดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นอัจฉริยะบริหารงานเพียงเท่านั้นหากแต่รามสูรยังสร้างคนให้เหมาะสมกับงานขึ้นมาด้วยซึ่งทุกคนที่เขาได้แต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทแต่ละสาขาในต่างประเทศนั้นล้วนผ่านบททดสอบที่เรียกได้ว่าค่อนข้างโหดทีเดียว“ไหนว่าอยากพักผ่อนก่อนจะเริ่มงานล่ะครับ นี่ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เห็นว่านายจะทำตามที่พูดเลย
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั