เช้าวันต่อมารามสูรตักน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้องครัวขึ้นมาชิมก่อนที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆอย่างพึงพอใจกับรสชาติอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำไปฝากหม่อนไหมที่โรงพยาบาล รามสูรหยิบกล่องใส่อาหารมาตักเกี๊ยวน้ำใส่จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปดูซาลาเปาไส้ครีมคัสตาร์ดกับไส้ถั่วแดงที่กำลังนึ่งอยู่บนเตากลิ่นหอมของใบเตยจากแป้งของซาลาเปาที่รามสูรใส่ความตั้งใจลงไปตั้งแต่ขั้นตอนของการนวดแป้งไปจนถึงการทำไส้ของซาลาเปา ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะหยิบซาลาเปาออกมาหนึ่งชิ้นและยื่นให้เอเดนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“เอเดนชิมซาลาเปาให้พี่รามหน่อยครับว่าอร่อยไหม”สายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทอเป็นประกายอย่างรอคอยคำตอบทำให้เอเดินรีบหยิบซาลาเปาจากมือของนายน้อยมากัดชิมทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเอเดนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อความนุ่มของแป้งผสมผสานกันอย่างลงตัวกับไส้ครีมที่หวานละมุนลิ้นชวนให้คนหยิบกินหลายชิ้นไม่รู้เบื่อ“อร่อยมากๆเลยครับคุณราม”เอเดนเอ่ยชมรามสูรพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างชื่นชมจากใจจริงกับฝีมือทำอาหารของรามสูรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายตั้งแต่เด็กๆซึ่งโดยปกติแล้ว
โรงพยาบาล N“พี่รามหลานปู่” “พี่รามหลานตา” ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนสองคนกำลังวิ่งแข่งกันมาตามทางเดินของโรงพยาบาลปากก็ร้องเรียกหลานชายคนโตด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ที่รักกับกอหญ้าที่เดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมกันด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับนิสัยที่ไม่มีใครยอมใครของคุณตากับคุณปู่อดีตเพื่อนรักที่ปัจจุบันกลายเป็นไม่รักเพื่อนไปแล้ว“แล้วนายจะเบียดฉันทำไมวะไอ้หน้าหนังหมา”“อ้าว แล้วนายล่ะจะเบียดฉันทำไมไอ้หมาหน้าย่น นี่แหนะ”กฤษฎิ์ตอกกลับใส่หน้าเรียวอิจิด้วยคำพูดเผ็ดร้อนไม่แพ้กันก่อนที่เขาจะยื่นเท้าไปขัดขาเรียวอิจิทำให้เรียวอิจิที่ไม่ทันระวังสะดุดล้มจนหน้าคะมำลงไปจูบพื้นทันทีสร้างความสะใจให้แก่เพื่อนรักอย่างกฤษฎิ์เป็นอย่างมาก สะใจได้ไม่นานขาที่กำลังจะก้าววิ่งไปข้างหน้าพลันสะดุดล้มลงเมื่อคนที่จูบพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาจับขาของกฤษฎิ์เอาไว้แน่นด้วยความรวดเร็วจนทำให้กฤษฎิ์สะดุดล้มลงไปกองกับพื้นสภาพไม่ได้ต่างไปจากเรียวอิจิเลยแม้แต่น้อย“ปล่อยนะเว้ยไอ้หน้าแมว”“ปล่อยให้ไง่สิไอ้หน้าหมา นายอยากแกล้งฉันก่อนทำไม”เรียวอิจิยังคงจับขากฤษฎิ์
ไร่แสงหล้า“กินข้าวหน่อยนะหลานย่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหนูหม่อนไม่ค่อยกินข้าวเลย”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกหลานสาวด้วยความห่วงใยเมื่อหม่อนไหมเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาโดยที่ไม่ยอมตักขึ้นกินแม้แต่คำเดียว บางวันแม่เลี้ยงเอื้องคำถึงกับต้องสร้างข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาหลอกล่อหม่อนไหมถึงจะยอมกินข้าวแต่ถึงอย่างนั้นก็แทบนับคำได้“หนูหม่อนคิดถึงพี่ชายค่ะ หนูหม่อนอยากกินอาหารฝีมือพี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชายแล้วก็ให้พี่ชายเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยค่ะ”หม่อนไหมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังการจากกันโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับเด็กสาวที่มีพี่ชายคอยปลอบใจในวันที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆด้วยความสงสารหลานสาวที่เอาแต่คิดถึงพี่ชายจนไม่ยอมกินข้าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหม่อนไหมดีเพราะเท่าที่ฟังจากช่อแก้วเล่าพี่ชายคนนี้ของหม่อนไหมนั้นใจดีมากคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นหลานสาวของเธอตลอดเวลาที่เธอกับสามีกลับมาจัดการเรื่องงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้“ถ้าหนูหม่อนคิดถึงพี่ชายหนูหม่อนก็ต้องกินข้าวเยอะๆจะได้โตไว
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำเข้าชุดกับกางเกงขายาวทรงกระบอกโดยใส่ชายเสื้อไว้ด้านในกางเกงปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้าชวนให้คนพบเห็นมองมาด้วยความสนใจหลงใหลแต่เจ้าของร่างสูงโปร่งกลับไม่ได้ให้ความสนใจแก่ใครทั้งสิ้นเขาทำเพียงเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหยุดลงที่หน้ารถคันซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดเอาไว้ข้างๆสนามบินมุมปากที่เฉยชาพลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะเปิดประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเปิดเพลงรักฟังอย่างสบายอารมณ์ รถซุปเปอร์คาร์คันหรูค่อยๆแล่นออกจากสนามบินด้วยความเร็วสูงราวกับว่าชายหนุ่มที่กำลังเหยียบคันเร่งจนมิดกำลังปลุกมัจจุราชที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถซุปเปอร์คาร์โลดแล่นอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราที่แล่นสัญจรสวนกันไปมาชวนให้วุ่นวายไม่สบายตาอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหลังหนึ่ง หน้าบ้านมีชายชุดดำที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรามสูรยืนอยู่ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปหยุดย
ลมเย็นๆที่พัดมาปะทะร่างสูงของรามสูรที่กำลังยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่บริเวณหลังร้านชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อยควันสีเทาหม่นที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปากสีไวน์ค่อยๆล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทาง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่กำลังเดินตรงมาทางนี้จะทำให้รามสูรหันกลับไปมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากนั้นรามสูรก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้คนรอบข้างอีกเลย“มึงกล้าดียังไงถึงพากันมารุมกระทืบไอ้บอสน้องกู”น้ำเสียงดุดันของดินเอ่ยถามวัตรกับแก๊งเพื่อนที่พากันยืนนิ่งด้วยท่าทีสบายๆโดยที่ไม่ได้เกรงกลัวดินที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของบอสรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยพวกเขาเลยสักนิด“หึ นี่มึงมีน้องเหี้ยๆอย่างไอ้บอสด้วยเหรอวะ สันดานเลวแบบมันพวกกูไม่กระทืบจนเข้าโรงพยาบาลก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว”เป้เอ่ยขึ้นด้วยโทสะที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกายเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขากับเพื่อนไปลากตัวไอ้บอสออกมาจากผับที่มันกำลังมั่วอยู่กับสาวๆและรุมกระทืบอย่างไร้ความปรานี เมื่อชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงานหารายได้พิเศษเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนถูกไอ้บอสหาเรื่องจนทำให้เธอถูกไล่ออกจากผับที่ทำงานอยู่ด้วยเหตุผลที่ทำให้เป้กับเพื่อนนึกโมโหจนแทบคลั่งเ
หลังจากวันนั้นเวลาว่างในแต่ละวันของรามสูรก็มักจะหมดไปกับการวางแผนที่จะขยายสาขาธุรกิจผลิตเครื่องมือแพทย์และยาในต่างประเทศรวมไปถึงธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์ ธุรกิจที่รามสูรสร้างขึ้นมาด้วยตนเองโดยที่มีบิดาและมารดาคอยให้คำปรึกษาพร้อมทั้งคอยสนับสนุนเรื่องเงินลงทุนที่รามสูรขอให้ท่านทั้งสองทำเป็นสัญญากู้ยืมแทนการให้เปล่าที่เขารู้ดีว่าท่านทั้งสองพร้อมที่จะสนับสนุนเขามากแค่ไหน ซึ่งกำไรมหาศาลจากการลงทุนที่เริ่มจากศูนย์ทำให้รามสูรสามารถใช้หนี้บิดาและมารดาหมดภายในเวลาเพียงสองปีRM GROUP จากบริษัทเล็กๆก้าวสู่บริษัทชั้นนำของโลกภายในเวลาเพียงสองปีจากการบริหารงานของประธานบริษัทอย่างรามสูร พิสิฐกุลวัตรดิลก ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลก เขาไม่ได้ใช้เพียงสมองอันชาญฉลาดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นอัจฉริยะบริหารงานเพียงเท่านั้นหากแต่รามสูรยังสร้างคนให้เหมาะสมกับงานขึ้นมาด้วยซึ่งทุกคนที่เขาได้แต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทแต่ละสาขาในต่างประเทศนั้นล้วนผ่านบททดสอบที่เรียกได้ว่าค่อนข้างโหดทีเดียว“ไหนว่าอยากพักผ่อนก่อนจะเริ่มงานล่ะครับ นี่ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เห็นว่านายจะทำตามที่พูดเลย
“ห๊ะ 10 ล้าน”O_O“_”>_วัตรและเป้ร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจจนแทบสร่างเมาเมื่อเด็กเสิร์ฟนำบิลเรียกเก็บเงินค่าเหล้ามายื่นให้ติณที่มองตัวเลขบนกระดาษด้วยความตกใจไม่ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสองคนที่เริ่มหน้าซีดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่รามสูรยกเหล้าแก้วสุดท้ายขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่สายตาของเขากลับเหลือบมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังปรึกษาหารือค่าเหล้าด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด“เหล้าเหี้ยอะไรวะทำไมมันแพงแบบนี้”วัตรเหลือบมองวิสกี้ราคาแพงที่วางอยู่ข้าง ๆ รามสูรก่อนที่เขาจะหันกลับมาถามเพื่อนๆที่ตอนนี้สีหน้าแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปตามความรู้สึกนึกคิดที่กำลังแล่นอยู่ในหัว เป้สร่างเมาทันทีเมื่อเห็นบิลเรียกเก็บเงินใบหน้าหล่อเหลาพลันเบะน้อย ๆ ราวกับจะร้องไห้ตั้งแต่โตมาเป็นหนุ่มน้อยนักดื่มเขายังไม่เคยดื่มเหล้าที่ราคาแพงสูงลิ่วขนาดนี้เลยเหล้านี่มันผสมทองคำหรือยังไงถึงได้แพงขนาดนี้เนี่ยเป้ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจอย่างอัดอั้นตันใจสายตาก็ลอบชำเลืองมองพี่ใหญ่ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยท่าทีสบาย ๆ ไร้ความกังวลซึ่งตรงข้ามกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ติณเองก็เอาแต่จ้องมองตัวเลขบนบิลเรียกเก็บด้วยความรู้สึก
ริมฝีปากสีไวน์ของรามสูรประกบปากหม่อนไหมอย่างรวดเร็วก่อนจะกลืนกินเธออย่างบ้าคลั่งปลายลิ้นที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นเหล้าราคาแพงหยอกเย้าความนุ่มละมุนของหม่อนไหมอย่างร้อนแรง มือใหญ่ที่กระชากเธอเข้ามาแนบชิดในคราแรกพลันโอบเอวบางของเธอเอาไว้อย่างซุกซน ความร้อนแรงที่แฝงไปด้วยความหวานล้ำทำให้สาวน้อยที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ความรักได้แต่ปล่อยให้รามสูรทำตามอำเภอใจอีกทั้งเธอในตอนนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลยแม้แต่น้อย เสียงครางหวานหูที่เผลอหลุดออกมาด้วยความไม่ตั้งใจทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มของหม่อนไหมถูกรามสูรครอบครองอีกครั้งและอีกครั้งไม่สิ้นสุด“เสมอกันแล้วนะเธอจูบพี่ ๆ จูบเธอคืนไม่มีใครเสียเปรียบใคร แต่ถ้าเธออยากเอาเปรียบพี่อีกสักครั้งสองครั้งก็ได้นะพี่ยินดีและเต็มใจมาก”เมื่อปล่อยให้หม่อนไหมเป็นอิสระรามสูรก็ยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ ๆ แก้มเนียนที่แดงปลั่งราวกับลูกตำลึงสุกน้ำเสียงของเขาแหบห้าวทุ้มต่ำอ่อนโยนดุจธารน้ำไหลระรินผ่านห้องหัวใจดวงน้อยๆของหม่อนไหมให้เต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่“คะ คนบ้าใครเขาอยากจูบพี่กันอีกเล่า”ยามที่เอ่ยประโยคปฏิเสธออกมาใบหน้างดงามของหม่อนไหมแดงจัดหัว