เช้าวันต่อมา
โรงพยาบาล N
แววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย
“ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี”
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ”
เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปาก
ในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ผิดสัญญาจนได้เมื่อหม่อนไหมก้มหน้าลงปล่อยให้หยดน้ำตาไหลร่วงลงมาอย่างไม่อาจหักห้าม
แกรก
แอด
เสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้หม่อนไหมที่กำลังก้มหน้าร้องไห้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนทันทีขนตายาวราวกับปีกผีเสื้อขยับเบาๆไล่หยดน้ำตาให้กลิ้งหล่นบนแก้มเนียน แววตาที่หม่นเศร้าก่อนหน้านี้สุกใสเป็นประกายด้วยความดีใจเมื่อคนที่หม่อนไหมเฝ้ารอคอยยืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
“พี่ชาย”
เพียงแค่ได้เห็นหน้ารามสูรหม่อนไหมก็ดีใจจนยิ้มกว้างออกมาทันทีร่างเล็กบอบบางกระโดดลงจากเตียงคนไข้ท่ามกลางความตกใจของช่อแก้ว ก่อนที่หม่อนไหมจะวิ่งเข้าไปหารามสูรที่ย่อตัวลงรับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยรอยยิ้มกว้างในยามนี้หม่อนไหมรู้สึกเบิกบานใจราวกับในที่สุดเธอก็ค้นพบความสุขที่เข้ามาแทนที่ความเศร้าเสียใจของเธอแล้วนั่นก็คือพี่ชายที่แสนดีคนนี้
“ร้องไห้ทำไมคะเด็กขี้แยไหนหนูหม่อนสัญญากับพี่ชายแล้วว่าจะไม่ร้องไห้”
สองมือยกขึ้นลูบแผ่นหลังบอบบางของเด็กสาวอย่างปลอบโยนปากก็เอ่ยถามเด็กสาวที่เอาแต่ซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ก่อนที่สองมือเล็กที่โอบรอบคอของรามสูรอยู่จะรีบยกขึ้นเช็ดหยดน้ำตาอุ่นๆออกจากใบหน้าของเธอจนหมดจด
“หนูหม่อนเปล่าร้องไห้สักหน่อย”
เมื่อเช็ดน้ำตาจนไม่หลงเหลือคราบแล้วหม่อนไหมก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับรามสูรอย่างสดใสราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ รามสูรซ่อนแววยิ้มในดวงตาแสร้งทำท่าจนใจเมื่อดวงตาคู่งามของหม่อนไหมเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ใสซื่อไร้เดียงสาปกปิดหยดน้ำตาที่รินไหลก่อนหน้านี้
“ไม่ร้องก็ไม่ร้องค่ะ ว่าแต่ทำไมตาหนูหม่อนถึงแดงแบบนั้นล่ะคะ”
รามสูรเอ่ยถามเด็กสาวด้วยใบหน้าที่จริงจังทว่าน้ำเสียงกลั้วหัวเราะนั้นอ่อนโยนจนเธอใจสั่นด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าแอบร้องไห้
“พี่ชาย หนูหม่อนไม่ได้ร้องไห้จริงๆนะคะ”
เด็กสาวไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยปฏิเสธเขาอย่างแข็งขันไม่สามารถปกปิดดวงตาคู่งามของเธอที่ปรากฏแววบวมช้ำเล็กน้อยเอาไว้ได้เลย
“โอเคค่ะ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง”
รามสูรไม่เซ้าซี้สาวน้อยแก้มแดงให้รู้สึกอึดอัดใจอีกต่อไปเขาอุ้มเด็กสาวขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนที่จะเดินไปที่เตียงคนไข้และปล่อยให้เธอนั่งลงบนเตียงพร้อมกับเหลือบมองข้าวต้มหมูที่เหลืออยู่เต็มถ้วยเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เจไดลูกน้องของวายุที่คอยดูแลรามสูรจะเดินถือกล่องอาหารเข้ามาส่งให้ช่อแก้วที่รีบรับไปจัดเตรียมมื้อเช้าให้หม่อนไหมทันที
“วันนี้พี่ชายทำมื้อเช้ามาฝากหนูหม่อนด้วยนะคะ”
“จริงเหรอคะ เย่ เย่ เย่ หนูหม่อนไม่ต้องกินข้าวต้มหมูแล้ว”
หม่อนไหมร้องขึ้นด้วยความดีใจเมื่อช่อแก้วเข็นโต๊ะกินข้าวสำหรับผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทานมาตรงหน้าของเด็กสาวที่แววตาสดใสเป็นประกายชวนให้หัวใจของรามสูรพลันอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
“มื้อเช้าของหนูหม่อนวันนี้มีไข่ต้มยัดไส้ กับข้าวผัดกุ้งค่ะ ถึงพี่ชายจะทำกับข้าวไม่เก่งแต่พี่ชายตั้งใจทำมื้อเช้าให้หนูหม่อนสุดฝีมือเลยนะคะ”
รามสูรบอกเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแววตาที่กำลังมองสบกับหม่อนไหมเต็มไปด้วยความจริงใจทำให้หม่อนไหมค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนที่มือเล็กดูบอบบางจะหยิบช้อนขึ้นมาและตักข้าวผัดคำโตส่งเข้าปากทำเอารามสูรได้แต่ยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดู
“กับข้าวฝีมือพี่ชายอร่อยที่สุดเลยคะ”
หม่อนไหมเอ่ยชมฝีมือของรามสูรทั้ง ๆ ที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆด้วยความเอร็ดอร่อยก่อนที่รามสูรจะวางแก้วน้ำส้มคั้นที่เขาลงมื้อคั้นเองกับมือข้างๆจานข้าวของหม่อนไหม
“ค่อยๆทานนะคะเดี๋ยวจะสำลัก”
เด็กสาวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงสร้างรอยยิ้มให้แก่ช่อแก้วที่ดีใจเป็นอย่างมากที่หม่อนไหมทานมื้อเช้าได้มากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ถึงแม้เธอจะเพิ่งมารับหน้าที่ดูแลเด็กสาวในช่วงที่พ่อเลี้ยงแสงหล้ากับแม่เลี้ยงเอื้องคำกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้
แต่ท่านทั้งสองได้บอกกับเธอแล้วว่าหม่อนไหมไม่ค่อยทานอาหารฝากให้เธอดูแลและซื้อมื้อเช้าที่เป็นของโปรดของหม่อนไหมมาให้ด้วยซึ่งช่อแก้วก็รับปากท่านทั้งสองว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด แต่ดูเหมือนว่าดีที่สุดของเธอคงจะดีไม่เท่าคุณหนูรามสูรที่ทั้งเอาใจและใส่ใจเด็กสาวทุกอย่างทำให้ช่อแก้วรู้สึกดีใจมากที่ใบหน้าหมองเศร้าของเด็กสาวในวันแรกที่ได้พบกันค่อยๆแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มที่สดใส
“ทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพาหนูหม่อนออกไปเดินเล่นย่อยอาหารกันแล้วค่ะ”
หม่อนไหมยิ้มรับด้วยความดีใจเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก
“วันนี้พี่ชายจะอยู่เล่นเป็นเพื่อนหนูหม่อนทั้งวันใช่ไหมคะ”
เด็กสาวมองหน้าพี่ชายอย่างรอคอยคำตอบหัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นรามสูรเงียบไปนานก่อนที่มือเล็กของหม่อนไหมจะยื่นมาจับมือของรามสูรเอาไว้พร้อมกับสบสายตาคมของพี่ชายอย่างออดอ้อน
การกระทำของหม่อนไหมทำให้กระแสคลื่นบางอย่างไหลวนกระทบกลางใจของรามสูรอย่างไร้สุ้มเสียงบรรยากาศรอบข้างพลันเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจของรามสูรอุ่นอวลตามไปด้วย
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้พี่ชายจะอยู่เล่นกับหนูหม่อนทั้งวันจนกว่าหนูหม่อนจะเข้านอนเลยดีไหมคะ”
“เย่ เย่ ขอบคุณค่ะพี่ชาย หนูหม่อนดีใจที่สุดเลย”
หม่อนไหมขอบคุณรามสูรด้วยความตื้นตันใจหัวใจดวงน้อยๆของเด็กสาวอัดแน่นไปด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้นอกจากคำว่าเธอดีใจมากเหลือเกินที่มีเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นเคียงข้างกันในวันที่เธอกำลังเศร้าโศกเสียใจ
“ไปค่ะ เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กสาวก็รีบชูแขนขึ้นทันทีก่อนที่รามสูรจะอุ้มเธอลงนั่งบนรถเข็นและเข็นรถพาเธอเดินออกไปยังด้านนอกโรงพยาบาลที่อากาศยังคงสดใสเหมือนเดิม เมื่อรามสูรเข็นรถพาหม่อนไหมเข้ามาที่สนามเด็กเล่นอยู่ ๆ ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งกลับค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นก่อนที่หยาดฝนจะโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้รามสูรรีบมองหาที่หลบฝนทันที
ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นบ้านสายรุ้งที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามเด็กเล่นรามสูรก็รีบอุ้มหม่อนไหมไว้ในอ้อมแขนและวิ่งพาเธอขึ้นไปหลบฝนข้างบนบ้านของเล่นหลังน้อยทันที
“พี่ชายหนูหม่อนกลัว กรี๊ดดด”
เสียงฟ้าที่ผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่นานสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักหม่อนไหมได้แต่ยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวาดกลัว วงแขนแกร่งของรามสูรวาดออกไปโอบรั้งร่างเล็กบอบบางให้เข้ามาแนบชิดพร้อมกับลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของเด็กน้อยไปมาเบาๆอย่างปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะคะเด็กดีพี่ชายอยู่ตรงนี้แล้ว”
คำพูดปลอบประโลมที่แสนอ่อนโยนค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงน้อยของหม่อนไหมให้รู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งดวงก่อนที่เด็กสาวจะค่อยๆคลายความหวาดกลัวและเอียงศีรษะเล็กซบไหล่รามสูรในที่สุด
“ระหว่างที่รอฝนพี่ชายเล่านิทานให้หนูหม่อนฟังดีไหมคะ”
คำพูดของรามสูรทำให้หม่อนไหมที่กำลังหลับตาเพราะความกลัวค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนที่เด็กสาวจะเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมคายของรามสูรที่หันมาสบตากับเธอเข้าพอดี
“ไม่เอานิทานเรื่องเมื่อวานนะคะ พี่ชายเล่าสามรอบจนหนูหม่อนจำได้หมดแล้วค่ะ”
รอยยิ้มของรามสูรค่อยๆหุบลงทันทีเมื่อถูกเด็กสาวว่าเข้าให้เรื่องที่เขาเล่านิทานเรื่องเดิมให้เธอฟังก่อนนอนถึงสามรอบซึ่งตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆ นิทานที่เคยเล่าให้กอหญ้าฟังก่อนนอนตอนเด็กเขาก็ลืมไปหมดแล้วเพราะเขาไม่ได้สนใจที่จะจำมากนัก
เขาจำได้เพียงเรื่องเดียวที่แม่แก้มใสชอบเล่าให้ฟังก่อนนอนเท่านั้นเหตุผลที่เขาจำได้ขึ้นใจก็คงเป็นเพราะว่าแม่แก้มใสเล่าเรื่องเดิมให้พวกเขาฟังแทบทุกวัน แต่เขาก็มารู้ทีหลังว่าเหตุผลที่แม่แก้มใสเล่าเรื่องเดิม ๆ ให้เขากับน้องสาวฝาแฝดฟังทุกวันเป็นเพราะว่าช่วงนั้นเขาสองพี่น้องกำลังทะเลาะกันอยู่แถมยังหยุมหัวกันจนแทบหลุดเลยล่ะ
“ไม่ใช่เรื่องเดิมแน่นอนค่ะ เรื่องนี้เรื่องใหม่ล่าสุดเลยหนูหม่อนยังไม่เคยได้ฟังแน่นอนค่ะ”
แววตาของเด็กสาวฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อรามสูรบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ล่าสุดซึ่งใหม่ที่ว่านี้ก็เพราะรามสูรคิดขึ้นมาเองและกำลังเรียบเรียงเนื้อเรื่องอยู่ในหัวตอนนี้อย่างไรล่ะ
“เรื่องนี้ชื่อว่า คำอธิษฐานของเจ้าหญิงตัวน้อย”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.....
รามสูรเริ่มต้นเล่านิทานที่ตัวเขาเองเป็นคนแต่งขึ้นมาอย่างไหลลื่นเพราะในหัวของเขาเรียบเรียงเนื้อหาเสร็จสรรพตั้งแต่ตอนที่เขาบอกหม่อนไหมแล้วว่าจะเล่านิทานให้เธอฟัง เสียงที่ไพเราะรื่นหูของรามสูรราวกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ดวงตากลมโตของสาวน้อยค่อย ๆ ปิดลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
ซึ่งก่อนที่เธอจะหลับหม่อนไหมจำได้เพียงแค่รามสูรหันมาถามเธอว่าถ้าเธอเป็นเจ้าหญิงเธอจะอธิษฐานขอพรสิ่งใดจากดวงดาว ถึงแม้เธอจะไม่ได้เปล่งเสียงตอบออกไปแต่ในใจของเธอตอนนั้นอธิษฐานต่อดวงดาวว่า
“ขอให้พี่ชายอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป”
“อ้าว หลับซะแล้วหรือนิทานที่เราแต่งมันไม่สนุกวะ”
รามสูรพึมพำเสียงเบาเมื่อเขาเล่านิทานจบก็พบว่าหม่อนไหมหลับไปแล้วมือใหญ่พลันยกขึ้นลูบผมนุ่มของเด็กสาวเบาๆด้วยความเอ็นดูพร้อมกับนึกถึงนิทานที่เขาเพิ่งเล่าจบไป ถ้าหากเขาเป็นเจ้าชายในนิทานเขาคงอธิษฐานขอพรต่อดวงดาวให้เจ้าหญิงน้อยของเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีรอยยิ้มในทุกวัน
รอยยิ้มละมุนละไมพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มน้อยก่อนที่รามสูรจะเหม่อมองสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วยหัวใจที่อบอุ่นกรุ่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าความรู้สึกนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร
เวลาต่อมา“หนูหม่อนยังไม่หายดีแอบพาไปข้างนอกแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ”ช่อแก้วเอ่ยถามรามสูรพร้อมกับแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อเขาจะพาหม่อนไหมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ส่วนเด็กสาวเมื่อรู้ว่าพี่ชายจะพาออกไปเที่ยวเล่นก็ตื่นเต้นดีใจพร้อมกับบอกให้ช่อแก้วเปลี่ยนชุดให้เธอทันทีอย่างเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกกับพี่ชายที่แสนดีของเธอแล้ว“ผมอยากพาหนูหม่อนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างครับอยู่แต่ในโรงพยาบาลน่าเบื่อจะแย่ ถึงจะมีสนามเด็กเล่นแต่ก็คงไม่สนุกเท่ากับการได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรอกครับ”“แต่ว่า...”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมสัญญาว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด ผมรับรองได้เลยว่าคืนนี้พี่ช่อจะได้นอนหลับฝันดีอย่างไร้กังวลแน่นอนครับ”คำพูดที่หนักแน่นและแววตาที่จริงใจของรามสูรทำให้ช่อแก้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตของหม่อนไหมที่ทอแสงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ความเศร้าหมองที่เธอเคยเห็นในวันวานค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขยามที่เธอมองใบหน้าของรามสูรในเมื่อความสุขเพียงหนึ่งเ
เช้าวันต่อมารามสูรตักน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้องครัวขึ้นมาชิมก่อนที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆอย่างพึงพอใจกับรสชาติอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำไปฝากหม่อนไหมที่โรงพยาบาล รามสูรหยิบกล่องใส่อาหารมาตักเกี๊ยวน้ำใส่จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปดูซาลาเปาไส้ครีมคัสตาร์ดกับไส้ถั่วแดงที่กำลังนึ่งอยู่บนเตากลิ่นหอมของใบเตยจากแป้งของซาลาเปาที่รามสูรใส่ความตั้งใจลงไปตั้งแต่ขั้นตอนของการนวดแป้งไปจนถึงการทำไส้ของซาลาเปา ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะหยิบซาลาเปาออกมาหนึ่งชิ้นและยื่นให้เอเดนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“เอเดนชิมซาลาเปาให้พี่รามหน่อยครับว่าอร่อยไหม”สายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทอเป็นประกายอย่างรอคอยคำตอบทำให้เอเดินรีบหยิบซาลาเปาจากมือของนายน้อยมากัดชิมทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเอเดนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อความนุ่มของแป้งผสมผสานกันอย่างลงตัวกับไส้ครีมที่หวานละมุนลิ้นชวนให้คนหยิบกินหลายชิ้นไม่รู้เบื่อ“อร่อยมากๆเลยครับคุณราม”เอเดนเอ่ยชมรามสูรพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างชื่นชมจากใจจริงกับฝีมือทำอาหารของรามสูรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายตั้งแต่เด็กๆซึ่งโดยปกติแล้ว
โรงพยาบาล N“พี่รามหลานปู่” “พี่รามหลานตา” ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนสองคนกำลังวิ่งแข่งกันมาตามทางเดินของโรงพยาบาลปากก็ร้องเรียกหลานชายคนโตด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ที่รักกับกอหญ้าที่เดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมกันด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับนิสัยที่ไม่มีใครยอมใครของคุณตากับคุณปู่อดีตเพื่อนรักที่ปัจจุบันกลายเป็นไม่รักเพื่อนไปแล้ว“แล้วนายจะเบียดฉันทำไมวะไอ้หน้าหนังหมา”“อ้าว แล้วนายล่ะจะเบียดฉันทำไมไอ้หมาหน้าย่น นี่แหนะ”กฤษฎิ์ตอกกลับใส่หน้าเรียวอิจิด้วยคำพูดเผ็ดร้อนไม่แพ้กันก่อนที่เขาจะยื่นเท้าไปขัดขาเรียวอิจิทำให้เรียวอิจิที่ไม่ทันระวังสะดุดล้มจนหน้าคะมำลงไปจูบพื้นทันทีสร้างความสะใจให้แก่เพื่อนรักอย่างกฤษฎิ์เป็นอย่างมาก สะใจได้ไม่นานขาที่กำลังจะก้าววิ่งไปข้างหน้าพลันสะดุดล้มลงเมื่อคนที่จูบพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาจับขาของกฤษฎิ์เอาไว้แน่นด้วยความรวดเร็วจนทำให้กฤษฎิ์สะดุดล้มลงไปกองกับพื้นสภาพไม่ได้ต่างไปจากเรียวอิจิเลยแม้แต่น้อย“ปล่อยนะเว้ยไอ้หน้าแมว”“ปล่อยให้ไง่สิไอ้หน้าหมา นายอยากแกล้งฉันก่อนทำไม”เรียวอิจิยังคงจับขากฤษฎิ์
ไร่แสงหล้า“กินข้าวหน่อยนะหลานย่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหนูหม่อนไม่ค่อยกินข้าวเลย”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกหลานสาวด้วยความห่วงใยเมื่อหม่อนไหมเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาโดยที่ไม่ยอมตักขึ้นกินแม้แต่คำเดียว บางวันแม่เลี้ยงเอื้องคำถึงกับต้องสร้างข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาหลอกล่อหม่อนไหมถึงจะยอมกินข้าวแต่ถึงอย่างนั้นก็แทบนับคำได้“หนูหม่อนคิดถึงพี่ชายค่ะ หนูหม่อนอยากกินอาหารฝีมือพี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชายแล้วก็ให้พี่ชายเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยค่ะ”หม่อนไหมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังการจากกันโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับเด็กสาวที่มีพี่ชายคอยปลอบใจในวันที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆด้วยความสงสารหลานสาวที่เอาแต่คิดถึงพี่ชายจนไม่ยอมกินข้าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหม่อนไหมดีเพราะเท่าที่ฟังจากช่อแก้วเล่าพี่ชายคนนี้ของหม่อนไหมนั้นใจดีมากคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นหลานสาวของเธอตลอดเวลาที่เธอกับสามีกลับมาจัดการเรื่องงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้“ถ้าหนูหม่อนคิดถึงพี่ชายหนูหม่อนก็ต้องกินข้าวเยอะๆจะได้โตไว
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำเข้าชุดกับกางเกงขายาวทรงกระบอกโดยใส่ชายเสื้อไว้ด้านในกางเกงปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้าชวนให้คนพบเห็นมองมาด้วยความสนใจหลงใหลแต่เจ้าของร่างสูงโปร่งกลับไม่ได้ให้ความสนใจแก่ใครทั้งสิ้นเขาทำเพียงเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหยุดลงที่หน้ารถคันซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดเอาไว้ข้างๆสนามบินมุมปากที่เฉยชาพลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะเปิดประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเปิดเพลงรักฟังอย่างสบายอารมณ์ รถซุปเปอร์คาร์คันหรูค่อยๆแล่นออกจากสนามบินด้วยความเร็วสูงราวกับว่าชายหนุ่มที่กำลังเหยียบคันเร่งจนมิดกำลังปลุกมัจจุราชที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถซุปเปอร์คาร์โลดแล่นอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราที่แล่นสัญจรสวนกันไปมาชวนให้วุ่นวายไม่สบายตาอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหลังหนึ่ง หน้าบ้านมีชายชุดดำที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรามสูรยืนอยู่ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปหยุดย
ลมเย็นๆที่พัดมาปะทะร่างสูงของรามสูรที่กำลังยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่บริเวณหลังร้านชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อยควันสีเทาหม่นที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปากสีไวน์ค่อยๆล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทาง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่กำลังเดินตรงมาทางนี้จะทำให้รามสูรหันกลับไปมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากนั้นรามสูรก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้คนรอบข้างอีกเลย“มึงกล้าดียังไงถึงพากันมารุมกระทืบไอ้บอสน้องกู”น้ำเสียงดุดันของดินเอ่ยถามวัตรกับแก๊งเพื่อนที่พากันยืนนิ่งด้วยท่าทีสบายๆโดยที่ไม่ได้เกรงกลัวดินที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของบอสรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยพวกเขาเลยสักนิด“หึ นี่มึงมีน้องเหี้ยๆอย่างไอ้บอสด้วยเหรอวะ สันดานเลวแบบมันพวกกูไม่กระทืบจนเข้าโรงพยาบาลก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว”เป้เอ่ยขึ้นด้วยโทสะที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกายเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขากับเพื่อนไปลากตัวไอ้บอสออกมาจากผับที่มันกำลังมั่วอยู่กับสาวๆและรุมกระทืบอย่างไร้ความปรานี เมื่อชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงานหารายได้พิเศษเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนถูกไอ้บอสหาเรื่องจนทำให้เธอถูกไล่ออกจากผับที่ทำงานอยู่ด้วยเหตุผลที่ทำให้เป้กับเพื่อนนึกโมโหจนแทบคลั่งเ
หลังจากวันนั้นเวลาว่างในแต่ละวันของรามสูรก็มักจะหมดไปกับการวางแผนที่จะขยายสาขาธุรกิจผลิตเครื่องมือแพทย์และยาในต่างประเทศรวมไปถึงธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์ ธุรกิจที่รามสูรสร้างขึ้นมาด้วยตนเองโดยที่มีบิดาและมารดาคอยให้คำปรึกษาพร้อมทั้งคอยสนับสนุนเรื่องเงินลงทุนที่รามสูรขอให้ท่านทั้งสองทำเป็นสัญญากู้ยืมแทนการให้เปล่าที่เขารู้ดีว่าท่านทั้งสองพร้อมที่จะสนับสนุนเขามากแค่ไหน ซึ่งกำไรมหาศาลจากการลงทุนที่เริ่มจากศูนย์ทำให้รามสูรสามารถใช้หนี้บิดาและมารดาหมดภายในเวลาเพียงสองปีRM GROUP จากบริษัทเล็กๆก้าวสู่บริษัทชั้นนำของโลกภายในเวลาเพียงสองปีจากการบริหารงานของประธานบริษัทอย่างรามสูร พิสิฐกุลวัตรดิลก ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลก เขาไม่ได้ใช้เพียงสมองอันชาญฉลาดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นอัจฉริยะบริหารงานเพียงเท่านั้นหากแต่รามสูรยังสร้างคนให้เหมาะสมกับงานขึ้นมาด้วยซึ่งทุกคนที่เขาได้แต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทแต่ละสาขาในต่างประเทศนั้นล้วนผ่านบททดสอบที่เรียกได้ว่าค่อนข้างโหดทีเดียว“ไหนว่าอยากพักผ่อนก่อนจะเริ่มงานล่ะครับ นี่ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เห็นว่านายจะทำตามที่พูดเลย
“ห๊ะ 10 ล้าน”O_O“_”>_วัตรและเป้ร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจจนแทบสร่างเมาเมื่อเด็กเสิร์ฟนำบิลเรียกเก็บเงินค่าเหล้ามายื่นให้ติณที่มองตัวเลขบนกระดาษด้วยความตกใจไม่ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสองคนที่เริ่มหน้าซีดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่รามสูรยกเหล้าแก้วสุดท้ายขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่สายตาของเขากลับเหลือบมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังปรึกษาหารือค่าเหล้าด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด“เหล้าเหี้ยอะไรวะทำไมมันแพงแบบนี้”วัตรเหลือบมองวิสกี้ราคาแพงที่วางอยู่ข้าง ๆ รามสูรก่อนที่เขาจะหันกลับมาถามเพื่อนๆที่ตอนนี้สีหน้าแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปตามความรู้สึกนึกคิดที่กำลังแล่นอยู่ในหัว เป้สร่างเมาทันทีเมื่อเห็นบิลเรียกเก็บเงินใบหน้าหล่อเหลาพลันเบะน้อย ๆ ราวกับจะร้องไห้ตั้งแต่โตมาเป็นหนุ่มน้อยนักดื่มเขายังไม่เคยดื่มเหล้าที่ราคาแพงสูงลิ่วขนาดนี้เลยเหล้านี่มันผสมทองคำหรือยังไงถึงได้แพงขนาดนี้เนี่ยเป้ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจอย่างอัดอั้นตันใจสายตาก็ลอบชำเลืองมองพี่ใหญ่ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยท่าทีสบาย ๆ ไร้ความกังวลซึ่งตรงข้ามกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ติณเองก็เอาแต่จ้องมองตัวเลขบนบิลเรียกเก็บด้วยความรู้สึก