ไร่แสงหล้า“กินข้าวหน่อยนะหลานย่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหนูหม่อนไม่ค่อยกินข้าวเลย”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกหลานสาวด้วยความห่วงใยเมื่อหม่อนไหมเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาโดยที่ไม่ยอมตักขึ้นกินแม้แต่คำเดียว บางวันแม่เลี้ยงเอื้องคำถึงกับต้องสร้างข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาหลอกล่อหม่อนไหมถึงจะยอมกินข้าวแต่ถึงอย่างนั้นก็แทบนับคำได้“หนูหม่อนคิดถึงพี่ชายค่ะ หนูหม่อนอยากกินอาหารฝีมือพี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชายแล้วก็ให้พี่ชายเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยค่ะ”หม่อนไหมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังการจากกันโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับเด็กสาวที่มีพี่ชายคอยปลอบใจในวันที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆด้วยความสงสารหลานสาวที่เอาแต่คิดถึงพี่ชายจนไม่ยอมกินข้าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหม่อนไหมดีเพราะเท่าที่ฟังจากช่อแก้วเล่าพี่ชายคนนี้ของหม่อนไหมนั้นใจดีมากคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นหลานสาวของเธอตลอดเวลาที่เธอกับสามีกลับมาจัดการเรื่องงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้“ถ้าหนูหม่อนคิดถึงพี่ชายหนูหม่อนก็ต้องกินข้าวเยอะๆจะได้โตไว
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำเข้าชุดกับกางเกงขายาวทรงกระบอกโดยใส่ชายเสื้อไว้ด้านในกางเกงปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้าชวนให้คนพบเห็นมองมาด้วยความสนใจหลงใหลแต่เจ้าของร่างสูงโปร่งกลับไม่ได้ให้ความสนใจแก่ใครทั้งสิ้นเขาทำเพียงเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหยุดลงที่หน้ารถคันซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดเอาไว้ข้างๆสนามบินมุมปากที่เฉยชาพลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะเปิดประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเปิดเพลงรักฟังอย่างสบายอารมณ์ รถซุปเปอร์คาร์คันหรูค่อยๆแล่นออกจากสนามบินด้วยความเร็วสูงราวกับว่าชายหนุ่มที่กำลังเหยียบคันเร่งจนมิดกำลังปลุกมัจจุราชที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถซุปเปอร์คาร์โลดแล่นอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราที่แล่นสัญจรสวนกันไปมาชวนให้วุ่นวายไม่สบายตาอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหลังหนึ่ง หน้าบ้านมีชายชุดดำที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรามสูรยืนอยู่ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปหยุดย
ลมเย็นๆที่พัดมาปะทะร่างสูงของรามสูรที่กำลังยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่บริเวณหลังร้านชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อยควันสีเทาหม่นที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปากสีไวน์ค่อยๆล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทาง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่กำลังเดินตรงมาทางนี้จะทำให้รามสูรหันกลับไปมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากนั้นรามสูรก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้คนรอบข้างอีกเลย“มึงกล้าดียังไงถึงพากันมารุมกระทืบไอ้บอสน้องกู”น้ำเสียงดุดันของดินเอ่ยถามวัตรกับแก๊งเพื่อนที่พากันยืนนิ่งด้วยท่าทีสบายๆโดยที่ไม่ได้เกรงกลัวดินที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของบอสรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยพวกเขาเลยสักนิด“หึ นี่มึงมีน้องเหี้ยๆอย่างไอ้บอสด้วยเหรอวะ สันดานเลวแบบมันพวกกูไม่กระทืบจนเข้าโรงพยาบาลก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว”เป้เอ่ยขึ้นด้วยโทสะที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างกายเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขากับเพื่อนไปลากตัวไอ้บอสออกมาจากผับที่มันกำลังมั่วอยู่กับสาวๆและรุมกระทืบอย่างไร้ความปรานี เมื่อชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงานหารายได้พิเศษเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนถูกไอ้บอสหาเรื่องจนทำให้เธอถูกไล่ออกจากผับที่ทำงานอยู่ด้วยเหตุผลที่ทำให้เป้กับเพื่อนนึกโมโหจนแทบคลั่งเ
หลังจากวันนั้นเวลาว่างในแต่ละวันของรามสูรก็มักจะหมดไปกับการวางแผนที่จะขยายสาขาธุรกิจผลิตเครื่องมือแพทย์และยาในต่างประเทศรวมไปถึงธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์ ธุรกิจที่รามสูรสร้างขึ้นมาด้วยตนเองโดยที่มีบิดาและมารดาคอยให้คำปรึกษาพร้อมทั้งคอยสนับสนุนเรื่องเงินลงทุนที่รามสูรขอให้ท่านทั้งสองทำเป็นสัญญากู้ยืมแทนการให้เปล่าที่เขารู้ดีว่าท่านทั้งสองพร้อมที่จะสนับสนุนเขามากแค่ไหน ซึ่งกำไรมหาศาลจากการลงทุนที่เริ่มจากศูนย์ทำให้รามสูรสามารถใช้หนี้บิดาและมารดาหมดภายในเวลาเพียงสองปีRM GROUP จากบริษัทเล็กๆก้าวสู่บริษัทชั้นนำของโลกภายในเวลาเพียงสองปีจากการบริหารงานของประธานบริษัทอย่างรามสูร พิสิฐกุลวัตรดิลก ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลก เขาไม่ได้ใช้เพียงสมองอันชาญฉลาดที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นอัจฉริยะบริหารงานเพียงเท่านั้นหากแต่รามสูรยังสร้างคนให้เหมาะสมกับงานขึ้นมาด้วยซึ่งทุกคนที่เขาได้แต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทแต่ละสาขาในต่างประเทศนั้นล้วนผ่านบททดสอบที่เรียกได้ว่าค่อนข้างโหดทีเดียว“ไหนว่าอยากพักผ่อนก่อนจะเริ่มงานล่ะครับ นี่ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เห็นว่านายจะทำตามที่พูดเลย
“ห๊ะ 10 ล้าน”O_O“_”>_วัตรและเป้ร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจจนแทบสร่างเมาเมื่อเด็กเสิร์ฟนำบิลเรียกเก็บเงินค่าเหล้ามายื่นให้ติณที่มองตัวเลขบนกระดาษด้วยความตกใจไม่ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสองคนที่เริ่มหน้าซีดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่รามสูรยกเหล้าแก้วสุดท้ายขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่สายตาของเขากลับเหลือบมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังปรึกษาหารือค่าเหล้าด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด“เหล้าเหี้ยอะไรวะทำไมมันแพงแบบนี้”วัตรเหลือบมองวิสกี้ราคาแพงที่วางอยู่ข้าง ๆ รามสูรก่อนที่เขาจะหันกลับมาถามเพื่อนๆที่ตอนนี้สีหน้าแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปตามความรู้สึกนึกคิดที่กำลังแล่นอยู่ในหัว เป้สร่างเมาทันทีเมื่อเห็นบิลเรียกเก็บเงินใบหน้าหล่อเหลาพลันเบะน้อย ๆ ราวกับจะร้องไห้ตั้งแต่โตมาเป็นหนุ่มน้อยนักดื่มเขายังไม่เคยดื่มเหล้าที่ราคาแพงสูงลิ่วขนาดนี้เลยเหล้านี่มันผสมทองคำหรือยังไงถึงได้แพงขนาดนี้เนี่ยเป้ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจอย่างอัดอั้นตันใจสายตาก็ลอบชำเลืองมองพี่ใหญ่ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยท่าทีสบาย ๆ ไร้ความกังวลซึ่งตรงข้ามกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ติณเองก็เอาแต่จ้องมองตัวเลขบนบิลเรียกเก็บด้วยความรู้สึก
ริมฝีปากสีไวน์ของรามสูรประกบปากหม่อนไหมอย่างรวดเร็วก่อนจะกลืนกินเธออย่างบ้าคลั่งปลายลิ้นที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นเหล้าราคาแพงหยอกเย้าความนุ่มละมุนของหม่อนไหมอย่างร้อนแรง มือใหญ่ที่กระชากเธอเข้ามาแนบชิดในคราแรกพลันโอบเอวบางของเธอเอาไว้อย่างซุกซน ความร้อนแรงที่แฝงไปด้วยความหวานล้ำทำให้สาวน้อยที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ความรักได้แต่ปล่อยให้รามสูรทำตามอำเภอใจอีกทั้งเธอในตอนนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เลยแม้แต่น้อย เสียงครางหวานหูที่เผลอหลุดออกมาด้วยความไม่ตั้งใจทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มของหม่อนไหมถูกรามสูรครอบครองอีกครั้งและอีกครั้งไม่สิ้นสุด“เสมอกันแล้วนะเธอจูบพี่ ๆ จูบเธอคืนไม่มีใครเสียเปรียบใคร แต่ถ้าเธออยากเอาเปรียบพี่อีกสักครั้งสองครั้งก็ได้นะพี่ยินดีและเต็มใจมาก”เมื่อปล่อยให้หม่อนไหมเป็นอิสระรามสูรก็ยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ ๆ แก้มเนียนที่แดงปลั่งราวกับลูกตำลึงสุกน้ำเสียงของเขาแหบห้าวทุ้มต่ำอ่อนโยนดุจธารน้ำไหลระรินผ่านห้องหัวใจดวงน้อยๆของหม่อนไหมให้เต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่“คะ คนบ้าใครเขาอยากจูบพี่กันอีกเล่า”ยามที่เอ่ยประโยคปฏิเสธออกมาใบหน้างดงามของหม่อนไหมแดงจัดหัว
จากความสนิทสนมเพียงชั่วข้ามคืนพลันแปรเปลี่ยนเป็นความสนิทสนมที่ทำให้รามสูรถึงกับต้องกุมขมับเมื่อสามหนุ่มเพื่อนใหม่วัยว้าวุ้นตามติดรามสูรยิ่งกว่ากาวยี่ห้อดังเสียอีกทุกครั้งที่รามสูรมานั่งดื่มวัตรก็มักจะพาเพื่อนๆมาร่วมวงดื่มกับรามสูรเสมอ ถึงแม้ว่าวัตรกับเป้จะพูดมากไปหน่อยจนบางครั้งก็ให้นึกรำคาญใจไม่น้อยและติณที่มักจะนั่งดื่มเงียบๆโดยที่ไม่ค่อยมีบทสนทนาแต่รามสูรก็ถือว่าเด็กหนุ่มทั้งสามคนนั้นนิสัยค่อนข้างน่าคบทีเดียวถือเสียว่าเป็นกลุ่มเพื่อนใหม่ที่คอยสร้างสีสันในชีวิตให้เขาก็แล้วกันส่วนร้านจำน่ายและซ่อมรถบิ๊กไบค์ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาสุดท้ายแล้วก็ต้องหาทำเลสร้างร้านขึ้นมาจริง ๆ เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสามคนรบเร้าอยากจะไปเยี่ยมชมอย่างที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้จากคุณหมอมาเฟียกลายมาเป็นเถ้าแก่ร้านจำหน่ายและซ่อมรถบิ๊กไบค์อย่างงงๆเมื่อเชือกที่ตัวเองเป็นคนผูกเอาไว้ดันแก้ไม่ออกเสียอย่างนั้นRM BIKE SHOP “โห มีแต่รถคันสวยๆทั้งนั้นเลยเฮียโคตรเจ๋งอะ” เป้กวาดสายตามองรถที่จอดโชว์ภายในร้านด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับอย่างตื่นเต้นเมื่อในร้านของรามสูรเต็มไปด้วยรถบิ๊กไบค์นำเข้าราคาแพงที่ตรงกับความต้องการของกลุ
ทันทีที่รามสูรเหยียบย่างเข้ามาภายในโรงหนังที่นั่งแทบไม่เหลือที่ว่างเนื่องจากวันนี้คือรอบฉายรอบแรกของหนังรักชื่อดังที่เขาเคยได้ยินกอหญ้าน้องสาวตัวแสบพูดถึงอยู่บ่อยๆว่าเป็นหนังรักที่ครองใจคนดูทั่วโลก ยกเว้นเพียงเขาคนเดียวสินะที่ไม่ถูกจริตกับหนังรักโรแมนติกเอาเสียเลยแต่บรรยากาศมันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนที่มาดูหนังกับเขาคือคนรักไม่ใช่ชายชาตรีอกสามศอกที่ทำหน้าเหมือนลูกแมวขี้อ้อนเพียงเพราะอยากให้เขามาดูหนังด้วย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้สองขาที่ก้าวไปข้างหน้าพลันหยุดชะงักก่อนที่รามสูรจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับสามหนุ่มที่ยืนขวางรามสูรเอาไว้อย่างเตรียมพร้อมอยู่แล้ว“เปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้วนะครับเฮีย นี่ครับตั๋วเลขที่นั่ง”ติณที่พูดน้อยที่สุดเอ่ยขึ้นพร้อมกับยัดตั๋วหนังใส่มือของรามสูรที่จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับมาอย่างจำใจและเดินนำหน้าสามหนุ่มที่หันมามองหน้ากันยิ้มๆพร้อมกับเดินตามรามสูรไปอย่างรวดเร็ว รามสูรเดินผ่านที่นั่งของหนุ่มๆสาวๆหลายคู่ก็ให้รู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูกจนกระทั่งเขาเดินมาถึงที่นั่งดวงตาสีดำเย็นชาพลันประสานเข้ากับดวงตาเป็นประกายอย่างประหลาดใจแกมยินดีและงุนงงไปพ