12 ปีที่แล้ว
ประเทศไทย
จังหวัดเชียงใหม่
“วันนี้หนูหม่อนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะคะที่พาหนูหม่อนมาเที่ยว”
น้ำเสียงใสกังวาลของหม่อนไหมดังขึ้นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเสมอต้นเสมอปลายก่อนที่เด็กสาวจะกอดแขนมารดาเอาไว้อย่างมีความสุข ม่านฟ้ายกมือขึ้นมาลูบผมของลูกสาวด้วยความรักสุดหัวใจก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้สามีที่หันมายิ้มให้เธออย่างมีความสุขเช่นกัน
“วันเกิดปีนี้แม่ขอให้หนูหม่อนเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซนและน่ารักกับทุกคนตลอดไปนะคะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวตัวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับคำอวยพรของมารดาก่อนที่ใบหน้าเล็กจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“หนูหม่อนสัญญาค่ะ ว่าหนูหม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวแน่นอนค่ะ”
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยให้คำมั่นสัญญากับมารดาแต่มือเล็กกลับแอบไขว้กันเอาไว้ด้านหลังไม่ให้มารดาเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของบิดาอย่างอติรุจน์ไปได้เลย ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นพ่อพลันส่ายไปมาน้อยๆกับความแสบของลูกสาวที่คุณปู่คุณย่าถึงกับส่ายหัว
“ส่วนพ่อก็ขอให้หนูหม่อนสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ และก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขนะคะ”
“ขอบคุณนะคะพ่อ หนูหม่อนสัญญาว่าจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขและจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูหม่อนอย่างแน่นอนเชื่อใจหม่อนไหมคนนี้ได้เลย”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลูกสาวตัวน้อยทำให้ม่านฟ้ากับอติรุจน์หัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดูก่อนที่อติรุจน์จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมา แต่เพราะต้องใช้มืออีกข้างบังคับพวงมาลัยทำให้กล่องของขวัญที่ข้างในเป็นสร้อยล็อกเก็ตรูปของเขากับภรรยาหล่นลงบนพื้นรถทำให้อติรุจน์พยายามยื่นมือเพื่อที่จะหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาเพื่อมอบให้ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังชวนมารดาพูดคุยด้วยรอยยิ้มที่สดใส
เมื่อหยิบกล่องของขวัญที่หล่นลงบนพื้นรถได้ในที่สุดอติรุจน์ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวกลับรถตัดหน้ารถของเขาอย่างกะทันหัน
“คุณคะระวัง!!”
“กรี๊ด แม่ขา”
ม่านฟ้าร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจสองมือกอดหม่อนไหมที่ตกใจจนตัวสั่นเอาไว้แน่นวินาทีนั้นอติรุจน์ตัดสินใจทิ้งกล่องของขวัญในมือและบังคับพวงมาลัยหักหลบด้วยความรวดเร็วทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบท่ามกลางเสียงกรีดร้องของม่านฟ้าก่อนที่เสียงร้องจะเงียบหายไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่ค่อยๆเต้นช้าลงของม่านฟ้ากับอติรุจน์ในใจของสองสามีภรรยาได้แต่ภาวนาให้มีรถขับผ่านมาเพื่อช่วยชีวิตแก้วตาดวงใจของพวกเขาให้รอดชีวิต
“ฮึก ฮือ ใครก็ได้ผ่านมาที อึก ขอร้อง ฮือ ผ่านมาช่วยหนูหม่อนที”
ม่านฟ้าพึมพำเสียงแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อร่างกายทุกส่วนขยับเขยื้อนไม่ได้ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูก่อนหน้านี้กระอักเลือดออกมาจนเสื้อสีขาวสะอาดตากลายเป็นสีแดงฉาน ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจเมื่อต้องมองดูใบหน้าของลูกสาวที่หมดสติซุกอยู่บนอกของเธอ
“คะ ใครก็ได้ ฮือ ได้โปรด ช่วยหนูหม่อนด้วย ฮือ”
อติรุจน์น้ำตาไหลออกมาด้วยความสิ้นหวังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเศษกระจกค่อยๆหันไปมองข้างกายของตนที่มีภรรยานอนร้องไห้ด้วยความสงสารลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่รอดแต่ได้โปรดให้ลูกสาวของเขามีชีวิตรอดเขาขอเพียงแค่นี้เท่านั้น
“อ๊ะ พี่หมอคะ ข้างหน้าดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุนะคะ”
แก้มใสที่กำลังนั่งกินขนมห่อใหญ่อยู่บนรถร้องบอกสามีด้วยความตกใจเมื่อทางข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำซึ่งวายุเองก็เห็นมาแต่ไกลเช่นกัน เขารีบขับรถเข้าไปจอดข้างทางพร้อมกับหันไปด้านหลังเพื่อหยิบชุดปฐมพยาบาลที่เขามักจะมีติดรถเอาไว้เสมอ
“นี่ครับพ่อ”
รามสูรที่นั่งอยู่ด้านหลังเมื่อได้ยินว่าข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุเขาก็รีบคว้ากล่องชุดปฐมพยาบาลยื่นให้บิดาทันทีก่อนที่วายุจะรับมาและรีบเปิดประตูรถวิ่งไปดูคนเจ็บโดยที่มีแก้มใสกับรามสูรลงจากรถวิ่งตามไปติดๆ
“โอ๋ แม่เจ้า”
แก้มใสยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอรู้สึกตกใจและสะเทือนใจไปพร้อมๆกันดวงตากลมโตที่มักจะมองสามีด้วยความหวานซึ้งสบเข้ากับแววตาที่ขอร้องอ้อนวอนของม่านฟ้า ทำให้สองเท้าที่หยุดชะงักด้วยความตกใจรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวในอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที
“ชะ ช่วย หนูหม่อนด้วยค่ะ อึก”
มือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดยื่นไปจับมือของแก้มใสเอาไว้แน่นดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตามองแก้มใสอย่างขอร้องอ้อนวอนก่อนที่แก้มใสจะพยักหน้ารับและรีบดึงหม่อนไหมออกมาจากอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที ก่อนที่เธอจะส่งหม่อนไหมให้รามสูรที่รับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความรู้สึกห่วงใยเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยสลบไสลไม่ได้สติ
“พี่หมอทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะ”
แก้มใสตะโกนถามสามีที่กำลังตรวจดูอาการของอติรุจน์อยู่อีกด้านหนึ่งมือของเธอก็บีบมือของม่านฟ้าเอาไว้ราวกับต้องการบอกให้เธออดทนอีกนิดเพราะตอนนี้แก้มใสโทรไปแจ้งทางโรงพยาบาล N ให้ส่งรถฉุกเฉินมารับผู้ป่วยให้ด่วนที่สุด
“สัญญาณชีพไม่ค่อยดีเลย ไม่ได้การแล้วหัวใจหยุดเต้น”
วายุที่ตอนแรกตอบคำถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวลตะโกนขึ้นสุดเสียงเมื่อหัวใจของอติรุจน์หยุดเต้นก่อนที่เขาจะทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลืออติรุจน์ทันที ทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจของแก้มใสเหลือเกินเธอมองสามีที่กำลังพยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมีความหวัง
ในขณะที่ม่านฟ้าหันไปมองสามีด้วยดวงตาที่แดงก่ำพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มขาดห้วงมือของเธอพยายามจะยื่นไปจับมือของสามีแต่สุดท้ายแล้วลมหายใจที่แผ่วเบาก็ค่อยๆหมดลงในที่สุด พร้อมกับมือบอบบางที่เคยถูกสามีเกาะกุมด้วยความทะนุถนอมค่อยๆตกลงข้างมือของอติรุจน์เป็นจังหวะเดียวกับที่วายุยอมถอดใจหยุดมือที่กำลังปั๊มหายใจเมื่อผู้ประสบอุบัติเหตุไม่มีชีพจรแล้ว
“คะ คุณคะ คุณ”
วินาทีที่มือของม่านฟ้าร่วงลงข้างๆมือของอติรุจน์น้ำตาของแก้มใสก็ไหลอาบแก้มทันทีก่อนที่เธอจะรีบยื่นมือที่สั่นเทาไปสัมผัสตรงจุดชีพจรของม่านฟ้าแต่แล้วแก้มใสก็ต้องรีบชักมือกลับคืนด้วยความตกใจเมื่อสัญญาณชีพของม่านฟ้าหายไปแล้ว
“พะ พี่หมอ เขา เขา ฮึก ไม่มีชีพจรแล้ว”
แก้มใสเงยหน้าที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตามองหน้าวายุที่ส่ายไปมาช้าๆอย่างหมดหวังก่อนที่เธอจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงบนมือของเธอที่ยังคงถูกม่านฟ้าเกาะกุมเอาไว้แน่นราวกับต้องการฝากฝังให้เธอช่วยลูกสาวที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวให้ปลอดภัย
“กว่ารถฉุกเฉินจะมาถึงคงอีกประมาณยี่สิบนาทีเราต้องรีบพาเด็กคนนั้นส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
วายุบอกแก้มใสที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่เธอจะค่อยๆแกะมือของม่านฟ้าออกและลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่รถทันทีเพื่อพาเด็กสาวผู้รอดชีวิตไปส่งที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าร่างกายของเด็กน้อยจะไม่มีบาดแผลแต่ก็ไม่แน่ว่าแรงกระแทกอาจจะทำให้อวัยวะภายในของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โรงพยาบาล N
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลวายุก็ส่งเด็กสาวให้แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินรับหน้าที่ดูแลรักษาต่อทันทีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกจะพากันเดินทางเข้าที่พักที่อยู่ภายในบริเวณของโรงพยาบาลด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“พ่อครับน้องเขาจะเป็นอะไรมากไหมครับ”
คำถามของรามสูรทำให้วายุที่กำลังพับแขนเสื้อถึงกับชะงักไปก่อนที่เขาจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆลูกชายที่กอดเด็กสาวผู้ประสบอุบัติเหตุเอาไว้ไม่ห่างจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล ใบหน้าของเด็กชายวัยสิบสองขวบเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะปกติแล้วลูกชายคนโตของเขาเย็นชาเสียยิ่งกว่าอะไรแต่วันนี้กลับแปลกออกไป
“ไม่น่าจะเป็นอะไรมากเพราะตามตัวไม่มีบาดแผล ตอนที่เราพบน้องแม่ของเขาก็กอดเอาไว้แน่นน่าจะใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังไม่ให้ลูกสาวถูกแรงกระแทกน้องก็เลยไม่มีบาดแผล”
คำตอบของบิดาทำให้สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของรามสูรค่อยๆผ่อนคลายลงก่อนที่ภาพใบหน้าของเด็กสาวที่ซบอกเขาตลอดทางที่มาโรงพยาบาลจะผุดขึ้นมาในหัว ทั้งๆที่สลบไม่ได้สติแต่บนแก้มเนียนของเธอก็ยังคงมีคราบน้ำตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าตอนที่ประสบอุบัติเหตุเด็กสาวหวาดกลัวมากแค่ไหน
“พี่รามเป็นห่วงน้องเหรอคะ”
แก้มใสที่เดินกลับมาจากในครัวเอ่ยถามลูกชายสุดที่รักพร้อมทั้งวางแก้วน้ำส้มคั้นลงตรงหน้าของสองพ่อลูกที่ยกขึ้นมาดื่มพร้อมกันด้วยความกระหาย ก่อนที่รามสูรจะวางแก้วลงบนโต๊ะรับแขกและเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของมารดาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างรอคอยคำตอบ
“ครับแม่ พี่รามเป็นห่วงน้องๆจะเสียใจมากแค่ไหนกันนะถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จากน้องไปแล้ว”
“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าน้องฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่แม่จะให้คุณหมอที่โรงพยาบาลรีบส่งข่าวมาบอกทันทีพี่รามจะได้ไปเยี่ยมน้อง”
แก้มใสที่รู้สึกเป็นห่วงเด็กสาวไม่แพ้กันบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่รามสูรจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้คนรอบข้างมากเท่าไหร่ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอมาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวไม่น้อย
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาเธอจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหนกันนะที่วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่เคียงข้างเธออีกต่อไปแล้ว
การเดินทางไปเข้าร่วมทีมแพทย์อาสาเพื่อออกตรวจชาวบ้านบนดอยของวายุมีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟป่าทำให้มีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งมาที่โรงพยาบาล N เป็นจำนวนมาก วายุกับแก้มใสที่ได้รับรายงานเรื่องไฟป่าตั้งแต่ช่วงเช้าจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีโดยที่มีรามสูรติดตามมาด้วยถึงแม้ว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟป่าเป็นจำนวนมากแต่ระบบการจัดการของทางโรงพยาบาลที่เตรียมพร้อมทั้งสถานที่และบุคคลากรตั้งแต่ที่ได้รับรายงานเข้ามาทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวเข้ามาได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วในขณะที่สถานการณ์ภายในห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยความวุ่นวายภายในห้องพักผู้ป่วยเด็กหญิงตัวน้อยซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นย่า ไหล่บอบบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าบิดามารดาของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ“ฮือ ฮือ ย่าขาหนูหม่อนคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน”หม่อนไหมเอ่ยขึ้นบอกผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลกลิ้งลงมาบนแก้มเนียนเป็นสายทำให้แม่เลี้ยงเอื้องคำที่ไม่รู้ว่าควรจะปลอบอย่างไรให้หลานสายตัวน้อยรู้สึกดีขึ้นทำได้เพียงร่วมหลั่งน้ำตาเคีย
เพราะต้องกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้ทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่เลี้ยงเอื้องคำต้องจ้างพยาบาลพิเศษให้คอยดูแลหม่อนไหมในระหว่างที่ทั้งคู่ไม่อยู่ ซึ่งพยาบาลพิเศษที่รับหน้าที่ดูแลหม่อนไหมก็คือช่อแก้วคุณแม่ลูกหนึ่งที่เสียสามีไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอเข้าใจหม่อนไหมดีว่าเด็กสาวรู้สึกอย่างไรที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไม่ทันตั้งตัว“มื้อเช้าวันนี้พี่ช่อซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ของโปรดหนูหม่อนมาฝากด้วยนะคะ”เมื่อเดินเข้ามาในห้องช่อแก้วก็ชูถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ร้านชื่อดังโชว์ให้หม่อนไหมดูทำให้ความปรีดาอันแสนหวานผุดหน่อเล็กๆขึ้นมาส่ายไหวอยู่ในหัวใจที่กำลังเศร้าหมองของเด็กสาว ดวงตากลมโตมองของกินตรงหน้าพร้อมกับแอบกลืนน้ำลายอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ถึงแม้เธอจะเศร้าใจมากเพียงไรแต่เธอไม่สามารถที่จะเมินเฉยต่อความหิวได้เลยแม้แต่น้อย“อาหารสำหรับผู้ป่วยรสชาติจืดชืดไปหน่อยหนูหม่อนอาจจะเบื่อ คุณย่าบอกพี่ช่อว่าหนูหม่อนชอบทานน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋พี่ช่อก็เลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อมาฝากหนูหม่อนค่ะ”การกระทำที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อเธอของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมที่เอาแต่เงียบม
เช้าวันต่อมาโรงพยาบาล Nแววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย“ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย“วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ”เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปากในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้าย
เวลาต่อมา“หนูหม่อนยังไม่หายดีแอบพาไปข้างนอกแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ”ช่อแก้วเอ่ยถามรามสูรพร้อมกับแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อเขาจะพาหม่อนไหมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ส่วนเด็กสาวเมื่อรู้ว่าพี่ชายจะพาออกไปเที่ยวเล่นก็ตื่นเต้นดีใจพร้อมกับบอกให้ช่อแก้วเปลี่ยนชุดให้เธอทันทีอย่างเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกกับพี่ชายที่แสนดีของเธอแล้ว“ผมอยากพาหนูหม่อนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างครับอยู่แต่ในโรงพยาบาลน่าเบื่อจะแย่ ถึงจะมีสนามเด็กเล่นแต่ก็คงไม่สนุกเท่ากับการได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรอกครับ”“แต่ว่า...”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมสัญญาว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด ผมรับรองได้เลยว่าคืนนี้พี่ช่อจะได้นอนหลับฝันดีอย่างไร้กังวลแน่นอนครับ”คำพูดที่หนักแน่นและแววตาที่จริงใจของรามสูรทำให้ช่อแก้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตของหม่อนไหมที่ทอแสงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ความเศร้าหมองที่เธอเคยเห็นในวันวานค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขยามที่เธอมองใบหน้าของรามสูรในเมื่อความสุขเพียงหนึ่งเ
เช้าวันต่อมารามสูรตักน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้องครัวขึ้นมาชิมก่อนที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆอย่างพึงพอใจกับรสชาติอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำไปฝากหม่อนไหมที่โรงพยาบาล รามสูรหยิบกล่องใส่อาหารมาตักเกี๊ยวน้ำใส่จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปดูซาลาเปาไส้ครีมคัสตาร์ดกับไส้ถั่วแดงที่กำลังนึ่งอยู่บนเตากลิ่นหอมของใบเตยจากแป้งของซาลาเปาที่รามสูรใส่ความตั้งใจลงไปตั้งแต่ขั้นตอนของการนวดแป้งไปจนถึงการทำไส้ของซาลาเปา ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะหยิบซาลาเปาออกมาหนึ่งชิ้นและยื่นให้เอเดนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“เอเดนชิมซาลาเปาให้พี่รามหน่อยครับว่าอร่อยไหม”สายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทอเป็นประกายอย่างรอคอยคำตอบทำให้เอเดินรีบหยิบซาลาเปาจากมือของนายน้อยมากัดชิมทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเอเดนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อความนุ่มของแป้งผสมผสานกันอย่างลงตัวกับไส้ครีมที่หวานละมุนลิ้นชวนให้คนหยิบกินหลายชิ้นไม่รู้เบื่อ“อร่อยมากๆเลยครับคุณราม”เอเดนเอ่ยชมรามสูรพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างชื่นชมจากใจจริงกับฝีมือทำอาหารของรามสูรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายตั้งแต่เด็กๆซึ่งโดยปกติแล้ว
โรงพยาบาล N“พี่รามหลานปู่” “พี่รามหลานตา” ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนสองคนกำลังวิ่งแข่งกันมาตามทางเดินของโรงพยาบาลปากก็ร้องเรียกหลานชายคนโตด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ที่รักกับกอหญ้าที่เดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมกันด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับนิสัยที่ไม่มีใครยอมใครของคุณตากับคุณปู่อดีตเพื่อนรักที่ปัจจุบันกลายเป็นไม่รักเพื่อนไปแล้ว“แล้วนายจะเบียดฉันทำไมวะไอ้หน้าหนังหมา”“อ้าว แล้วนายล่ะจะเบียดฉันทำไมไอ้หมาหน้าย่น นี่แหนะ”กฤษฎิ์ตอกกลับใส่หน้าเรียวอิจิด้วยคำพูดเผ็ดร้อนไม่แพ้กันก่อนที่เขาจะยื่นเท้าไปขัดขาเรียวอิจิทำให้เรียวอิจิที่ไม่ทันระวังสะดุดล้มจนหน้าคะมำลงไปจูบพื้นทันทีสร้างความสะใจให้แก่เพื่อนรักอย่างกฤษฎิ์เป็นอย่างมาก สะใจได้ไม่นานขาที่กำลังจะก้าววิ่งไปข้างหน้าพลันสะดุดล้มลงเมื่อคนที่จูบพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาจับขาของกฤษฎิ์เอาไว้แน่นด้วยความรวดเร็วจนทำให้กฤษฎิ์สะดุดล้มลงไปกองกับพื้นสภาพไม่ได้ต่างไปจากเรียวอิจิเลยแม้แต่น้อย“ปล่อยนะเว้ยไอ้หน้าแมว”“ปล่อยให้ไง่สิไอ้หน้าหมา นายอยากแกล้งฉันก่อนทำไม”เรียวอิจิยังคงจับขากฤษฎิ์
ไร่แสงหล้า“กินข้าวหน่อยนะหลานย่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหนูหม่อนไม่ค่อยกินข้าวเลย”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกหลานสาวด้วยความห่วงใยเมื่อหม่อนไหมเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาโดยที่ไม่ยอมตักขึ้นกินแม้แต่คำเดียว บางวันแม่เลี้ยงเอื้องคำถึงกับต้องสร้างข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาหลอกล่อหม่อนไหมถึงจะยอมกินข้าวแต่ถึงอย่างนั้นก็แทบนับคำได้“หนูหม่อนคิดถึงพี่ชายค่ะ หนูหม่อนอยากกินอาหารฝีมือพี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชายแล้วก็ให้พี่ชายเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยค่ะ”หม่อนไหมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังการจากกันโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับเด็กสาวที่มีพี่ชายคอยปลอบใจในวันที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆด้วยความสงสารหลานสาวที่เอาแต่คิดถึงพี่ชายจนไม่ยอมกินข้าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหม่อนไหมดีเพราะเท่าที่ฟังจากช่อแก้วเล่าพี่ชายคนนี้ของหม่อนไหมนั้นใจดีมากคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นหลานสาวของเธอตลอดเวลาที่เธอกับสามีกลับมาจัดการเรื่องงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้“ถ้าหนูหม่อนคิดถึงพี่ชายหนูหม่อนก็ต้องกินข้าวเยอะๆจะได้โตไว
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำเข้าชุดกับกางเกงขายาวทรงกระบอกโดยใส่ชายเสื้อไว้ด้านในกางเกงปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้าชวนให้คนพบเห็นมองมาด้วยความสนใจหลงใหลแต่เจ้าของร่างสูงโปร่งกลับไม่ได้ให้ความสนใจแก่ใครทั้งสิ้นเขาทำเพียงเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหยุดลงที่หน้ารถคันซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดเอาไว้ข้างๆสนามบินมุมปากที่เฉยชาพลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะเปิดประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเปิดเพลงรักฟังอย่างสบายอารมณ์ รถซุปเปอร์คาร์คันหรูค่อยๆแล่นออกจากสนามบินด้วยความเร็วสูงราวกับว่าชายหนุ่มที่กำลังเหยียบคันเร่งจนมิดกำลังปลุกมัจจุราชที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถซุปเปอร์คาร์โลดแล่นอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราที่แล่นสัญจรสวนกันไปมาชวนให้วุ่นวายไม่สบายตาอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหลังหนึ่ง หน้าบ้านมีชายชุดดำที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรามสูรยืนอยู่ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปหยุดย
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั