12 ปีที่แล้ว
ประเทศไทย
จังหวัดเชียงใหม่
“วันนี้หนูหม่อนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะคะที่พาหนูหม่อนมาเที่ยว”
น้ำเสียงใสกังวาลของหม่อนไหมดังขึ้นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเสมอต้นเสมอปลายก่อนที่เด็กสาวจะกอดแขนมารดาเอาไว้อย่างมีความสุข ม่านฟ้ายกมือขึ้นมาลูบผมของลูกสาวด้วยความรักสุดหัวใจก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้สามีที่หันมายิ้มให้เธออย่างมีความสุขเช่นกัน
“วันเกิดปีนี้แม่ขอให้หนูหม่อนเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซนและน่ารักกับทุกคนตลอดไปนะคะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยอวยพรวันเกิดให้ลูกสาวตัวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับคำอวยพรของมารดาก่อนที่ใบหน้าเล็กจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“หนูหม่อนสัญญาค่ะ ว่าหนูหม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวแน่นอนค่ะ”
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเอ่ยให้คำมั่นสัญญากับมารดาแต่มือเล็กกลับแอบไขว้กันเอาไว้ด้านหลังไม่ให้มารดาเห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของบิดาอย่างอติรุจน์ไปได้เลย ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นพ่อพลันส่ายไปมาน้อยๆกับความแสบของลูกสาวที่คุณปู่คุณย่าถึงกับส่ายหัว
“ส่วนพ่อก็ขอให้หนูหม่อนสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ และก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขนะคะ”
“ขอบคุณนะคะพ่อ หนูหม่อนสัญญาว่าจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อย่างมีความสุขและจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูหม่อนอย่างแน่นอนเชื่อใจหม่อนไหมคนนี้ได้เลย”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลูกสาวตัวน้อยทำให้ม่านฟ้ากับอติรุจน์หัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดูก่อนที่อติรุจน์จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกล่องของขวัญเล็กๆออกมา แต่เพราะต้องใช้มืออีกข้างบังคับพวงมาลัยทำให้กล่องของขวัญที่ข้างในเป็นสร้อยล็อกเก็ตรูปของเขากับภรรยาหล่นลงบนพื้นรถทำให้อติรุจน์พยายามยื่นมือเพื่อที่จะหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาเพื่อมอบให้ลูกสาวตัวน้อยที่กำลังชวนมารดาพูดคุยด้วยรอยยิ้มที่สดใส
เมื่อหยิบกล่องของขวัญที่หล่นลงบนพื้นรถได้ในที่สุดอติรุจน์ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวกลับรถตัดหน้ารถของเขาอย่างกะทันหัน
“คุณคะระวัง!!”
“กรี๊ด แม่ขา”
ม่านฟ้าร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจสองมือกอดหม่อนไหมที่ตกใจจนตัวสั่นเอาไว้แน่นวินาทีนั้นอติรุจน์ตัดสินใจทิ้งกล่องของขวัญในมือและบังคับพวงมาลัยหักหลบด้วยความรวดเร็วทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบท่ามกลางเสียงกรีดร้องของม่านฟ้าก่อนที่เสียงร้องจะเงียบหายไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่ค่อยๆเต้นช้าลงของม่านฟ้ากับอติรุจน์ในใจของสองสามีภรรยาได้แต่ภาวนาให้มีรถขับผ่านมาเพื่อช่วยชีวิตแก้วตาดวงใจของพวกเขาให้รอดชีวิต
“ฮึก ฮือ ใครก็ได้ผ่านมาที อึก ขอร้อง ฮือ ผ่านมาช่วยหนูหม่อนที”
ม่านฟ้าพึมพำเสียงแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อร่างกายทุกส่วนขยับเขยื้อนไม่ได้ริมฝีปากที่เคยเป็นสีชมพูก่อนหน้านี้กระอักเลือดออกมาจนเสื้อสีขาวสะอาดตากลายเป็นสีแดงฉาน ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดในใจเมื่อต้องมองดูใบหน้าของลูกสาวที่หมดสติซุกอยู่บนอกของเธอ
“คะ ใครก็ได้ ฮือ ได้โปรด ช่วยหนูหม่อนด้วย ฮือ”
อติรุจน์น้ำตาไหลออกมาด้วยความสิ้นหวังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเศษกระจกค่อยๆหันไปมองข้างกายของตนที่มีภรรยานอนร้องไห้ด้วยความสงสารลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่รอดแต่ได้โปรดให้ลูกสาวของเขามีชีวิตรอดเขาขอเพียงแค่นี้เท่านั้น
“อ๊ะ พี่หมอคะ ข้างหน้าดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุนะคะ”
แก้มใสที่กำลังนั่งกินขนมห่อใหญ่อยู่บนรถร้องบอกสามีด้วยความตกใจเมื่อทางข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำซึ่งวายุเองก็เห็นมาแต่ไกลเช่นกัน เขารีบขับรถเข้าไปจอดข้างทางพร้อมกับหันไปด้านหลังเพื่อหยิบชุดปฐมพยาบาลที่เขามักจะมีติดรถเอาไว้เสมอ
“นี่ครับพ่อ”
รามสูรที่นั่งอยู่ด้านหลังเมื่อได้ยินว่าข้างหน้ามีรถประสบอุบัติเหตุเขาก็รีบคว้ากล่องชุดปฐมพยาบาลยื่นให้บิดาทันทีก่อนที่วายุจะรับมาและรีบเปิดประตูรถวิ่งไปดูคนเจ็บโดยที่มีแก้มใสกับรามสูรลงจากรถวิ่งตามไปติดๆ
“โอ๋ แม่เจ้า”
แก้มใสยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอรู้สึกตกใจและสะเทือนใจไปพร้อมๆกันดวงตากลมโตที่มักจะมองสามีด้วยความหวานซึ้งสบเข้ากับแววตาที่ขอร้องอ้อนวอนของม่านฟ้า ทำให้สองเท้าที่หยุดชะงักด้วยความตกใจรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวในอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที
“ชะ ช่วย หนูหม่อนด้วยค่ะ อึก”
มือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดยื่นไปจับมือของแก้มใสเอาไว้แน่นดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตามองแก้มใสอย่างขอร้องอ้อนวอนก่อนที่แก้มใสจะพยักหน้ารับและรีบดึงหม่อนไหมออกมาจากอ้อมกอดของม่านฟ้าทันที ก่อนที่เธอจะส่งหม่อนไหมให้รามสูรที่รับเด็กสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความรู้สึกห่วงใยเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยสลบไสลไม่ได้สติ
“พี่หมอทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะ”
แก้มใสตะโกนถามสามีที่กำลังตรวจดูอาการของอติรุจน์อยู่อีกด้านหนึ่งมือของเธอก็บีบมือของม่านฟ้าเอาไว้ราวกับต้องการบอกให้เธออดทนอีกนิดเพราะตอนนี้แก้มใสโทรไปแจ้งทางโรงพยาบาล N ให้ส่งรถฉุกเฉินมารับผู้ป่วยให้ด่วนที่สุด
“สัญญาณชีพไม่ค่อยดีเลย ไม่ได้การแล้วหัวใจหยุดเต้น”
วายุที่ตอนแรกตอบคำถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวลตะโกนขึ้นสุดเสียงเมื่อหัวใจของอติรุจน์หยุดเต้นก่อนที่เขาจะทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลืออติรุจน์ทันที ทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจของแก้มใสเหลือเกินเธอมองสามีที่กำลังพยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมีความหวัง
ในขณะที่ม่านฟ้าหันไปมองสามีด้วยดวงตาที่แดงก่ำพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มขาดห้วงมือของเธอพยายามจะยื่นไปจับมือของสามีแต่สุดท้ายแล้วลมหายใจที่แผ่วเบาก็ค่อยๆหมดลงในที่สุด พร้อมกับมือบอบบางที่เคยถูกสามีเกาะกุมด้วยความทะนุถนอมค่อยๆตกลงข้างมือของอติรุจน์เป็นจังหวะเดียวกับที่วายุยอมถอดใจหยุดมือที่กำลังปั๊มหายใจเมื่อผู้ประสบอุบัติเหตุไม่มีชีพจรแล้ว
“คะ คุณคะ คุณ”
วินาทีที่มือของม่านฟ้าร่วงลงข้างๆมือของอติรุจน์น้ำตาของแก้มใสก็ไหลอาบแก้มทันทีก่อนที่เธอจะรีบยื่นมือที่สั่นเทาไปสัมผัสตรงจุดชีพจรของม่านฟ้าแต่แล้วแก้มใสก็ต้องรีบชักมือกลับคืนด้วยความตกใจเมื่อสัญญาณชีพของม่านฟ้าหายไปแล้ว
“พะ พี่หมอ เขา เขา ฮึก ไม่มีชีพจรแล้ว”
แก้มใสเงยหน้าที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตามองหน้าวายุที่ส่ายไปมาช้าๆอย่างหมดหวังก่อนที่เธอจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงบนมือของเธอที่ยังคงถูกม่านฟ้าเกาะกุมเอาไว้แน่นราวกับต้องการฝากฝังให้เธอช่วยลูกสาวที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวให้ปลอดภัย
“กว่ารถฉุกเฉินจะมาถึงคงอีกประมาณยี่สิบนาทีเราต้องรีบพาเด็กคนนั้นส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”
วายุบอกแก้มใสที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่เธอจะค่อยๆแกะมือของม่านฟ้าออกและลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่รถทันทีเพื่อพาเด็กสาวผู้รอดชีวิตไปส่งที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าร่างกายของเด็กน้อยจะไม่มีบาดแผลแต่ก็ไม่แน่ว่าแรงกระแทกอาจจะทำให้อวัยวะภายในของเธอได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โรงพยาบาล N
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลวายุก็ส่งเด็กสาวให้แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินรับหน้าที่ดูแลรักษาต่อทันทีก่อนที่สามคนพ่อแม่ลูกจะพากันเดินทางเข้าที่พักที่อยู่ภายในบริเวณของโรงพยาบาลด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“พ่อครับน้องเขาจะเป็นอะไรมากไหมครับ”
คำถามของรามสูรทำให้วายุที่กำลังพับแขนเสื้อถึงกับชะงักไปก่อนที่เขาจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆลูกชายที่กอดเด็กสาวผู้ประสบอุบัติเหตุเอาไว้ไม่ห่างจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล ใบหน้าของเด็กชายวัยสิบสองขวบเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะปกติแล้วลูกชายคนโตของเขาเย็นชาเสียยิ่งกว่าอะไรแต่วันนี้กลับแปลกออกไป
“ไม่น่าจะเป็นอะไรมากเพราะตามตัวไม่มีบาดแผล ตอนที่เราพบน้องแม่ของเขาก็กอดเอาไว้แน่นน่าจะใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังไม่ให้ลูกสาวถูกแรงกระแทกน้องก็เลยไม่มีบาดแผล”
คำตอบของบิดาทำให้สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของรามสูรค่อยๆผ่อนคลายลงก่อนที่ภาพใบหน้าของเด็กสาวที่ซบอกเขาตลอดทางที่มาโรงพยาบาลจะผุดขึ้นมาในหัว ทั้งๆที่สลบไม่ได้สติแต่บนแก้มเนียนของเธอก็ยังคงมีคราบน้ำตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าตอนที่ประสบอุบัติเหตุเด็กสาวหวาดกลัวมากแค่ไหน
“พี่รามเป็นห่วงน้องเหรอคะ”
แก้มใสที่เดินกลับมาจากในครัวเอ่ยถามลูกชายสุดที่รักพร้อมทั้งวางแก้วน้ำส้มคั้นลงตรงหน้าของสองพ่อลูกที่ยกขึ้นมาดื่มพร้อมกันด้วยความกระหาย ก่อนที่รามสูรจะวางแก้วลงบนโต๊ะรับแขกและเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของมารดาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างรอคอยคำตอบ
“ครับแม่ พี่รามเป็นห่วงน้องๆจะเสียใจมากแค่ไหนกันนะถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จากน้องไปแล้ว”
“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าน้องฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่แม่จะให้คุณหมอที่โรงพยาบาลรีบส่งข่าวมาบอกทันทีพี่รามจะได้ไปเยี่ยมน้อง”
แก้มใสที่รู้สึกเป็นห่วงเด็กสาวไม่แพ้กันบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่รามสูรจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจผู้คนรอบข้างมากเท่าไหร่ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอมาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกสงสารและเห็นใจเด็กสาวไม่น้อย
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาเธอจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหนกันนะที่วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่เคียงข้างเธออีกต่อไปแล้ว
การเดินทางไปเข้าร่วมทีมแพทย์อาสาเพื่อออกตรวจชาวบ้านบนดอยของวายุมีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟป่าทำให้มีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งมาที่โรงพยาบาล N เป็นจำนวนมาก วายุกับแก้มใสที่ได้รับรายงานเรื่องไฟป่าตั้งแต่ช่วงเช้าจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันทีโดยที่มีรามสูรติดตามมาด้วยถึงแม้ว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟป่าเป็นจำนวนมากแต่ระบบการจัดการของทางโรงพยาบาลที่เตรียมพร้อมทั้งสถานที่และบุคคลากรตั้งแต่ที่ได้รับรายงานเข้ามาทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวเข้ามาได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วในขณะที่สถานการณ์ภายในห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยความวุ่นวายภายในห้องพักผู้ป่วยเด็กหญิงตัวน้อยซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นย่า ไหล่บอบบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าบิดามารดาของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ“ฮือ ฮือ ย่าขาหนูหม่อนคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน”หม่อนไหมเอ่ยขึ้นบอกผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลกลิ้งลงมาบนแก้มเนียนเป็นสายทำให้แม่เลี้ยงเอื้องคำที่ไม่รู้ว่าควรจะปลอบอย่างไรให้หลานสายตัวน้อยรู้สึกดีขึ้นทำได้เพียงร่วมหลั่งน้ำตาเคีย
เพราะต้องกลับไปจัดการงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้ทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่เลี้ยงเอื้องคำต้องจ้างพยาบาลพิเศษให้คอยดูแลหม่อนไหมในระหว่างที่ทั้งคู่ไม่อยู่ ซึ่งพยาบาลพิเศษที่รับหน้าที่ดูแลหม่อนไหมก็คือช่อแก้วคุณแม่ลูกหนึ่งที่เสียสามีไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เธอเข้าใจหม่อนไหมดีว่าเด็กสาวรู้สึกอย่างไรที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไม่ทันตั้งตัว“มื้อเช้าวันนี้พี่ช่อซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ของโปรดหนูหม่อนมาฝากด้วยนะคะ”เมื่อเดินเข้ามาในห้องช่อแก้วก็ชูถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ร้านชื่อดังโชว์ให้หม่อนไหมดูทำให้ความปรีดาอันแสนหวานผุดหน่อเล็กๆขึ้นมาส่ายไหวอยู่ในหัวใจที่กำลังเศร้าหมองของเด็กสาว ดวงตากลมโตมองของกินตรงหน้าพร้อมกับแอบกลืนน้ำลายอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ถึงแม้เธอจะเศร้าใจมากเพียงไรแต่เธอไม่สามารถที่จะเมินเฉยต่อความหิวได้เลยแม้แต่น้อย“อาหารสำหรับผู้ป่วยรสชาติจืดชืดไปหน่อยหนูหม่อนอาจจะเบื่อ คุณย่าบอกพี่ช่อว่าหนูหม่อนชอบทานน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋พี่ช่อก็เลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวซื้อมาฝากหนูหม่อนค่ะ”การกระทำที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อเธอของช่อแก้วทำให้หม่อนไหมที่เอาแต่เงียบม
เช้าวันต่อมาโรงพยาบาล Nแววตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาวในเช้านี้ทำให้ช่อแก้วรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเมื่อวานหลังจากที่คุณรามสูรหลานชายของท่านประธานโรงพยาบาล ที่ช่วยหม่อนไหมจากอุบัติเหตุแวะมาเล่นเป็นเพื่อนเด็กสาวทั้งวันรอยยิ้มที่ช่อแก้วคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นกลับเผยขึ้นอย่างง่ายดาย“ข้าวต้มหมูอร่อยมากๆเลยน้าหนูหม่อนทานหน่อยนะคะคนดี”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกเด็กสาวที่ยังคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องราวกับว่ากำลังรอคอยการมาของใครบางคนที่ช่อแก้วเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้คุณรามสูรจะมาเล่นกับเด็กสาวอีกไหม เพราะหลังจากที่หม่อนไหมหลับไปแล้วเขาก็จากไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้บอกหรือฝากข้อความถึงหม่อนไหมเลยแม้แต่น้อย“วันนี้พี่ชายไม่มาเหรอคะ”เมื่อถามออกไปแล้วปลายจมูกก็พลันตีบตันในลำคอราวกับมีอะไรบางอย่างกลั้นอยู่ให้ยิ่งทรมานก่อนที่หม่อนไหมจะอดทนต่อความเสียใจแล้วออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มหมูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเข้าปากในใจของเด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเธอจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเธอให้สัญญากับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าเธอจะเข็มแข็งและจะยิ้มทุกวันเพื่อให้พ่อกับแม่มีความสุข แต่สุดท้าย
เวลาต่อมา“หนูหม่อนยังไม่หายดีแอบพาไปข้างนอกแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ”ช่อแก้วเอ่ยถามรามสูรพร้อมกับแอบมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อเขาจะพาหม่อนไหมออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ส่วนเด็กสาวเมื่อรู้ว่าพี่ชายจะพาออกไปเที่ยวเล่นก็ตื่นเต้นดีใจพร้อมกับบอกให้ช่อแก้วเปลี่ยนชุดให้เธอทันทีอย่างเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกกับพี่ชายที่แสนดีของเธอแล้ว“ผมอยากพาหนูหม่อนออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างครับอยู่แต่ในโรงพยาบาลน่าเบื่อจะแย่ ถึงจะมีสนามเด็กเล่นแต่ก็คงไม่สนุกเท่ากับการได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรอกครับ”“แต่ว่า...”“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมสัญญาว่าจะดูแลหม่อนไหมให้ดีที่สุด ผมรับรองได้เลยว่าคืนนี้พี่ช่อจะได้นอนหลับฝันดีอย่างไร้กังวลแน่นอนครับ”คำพูดที่หนักแน่นและแววตาที่จริงใจของรามสูรทำให้ช่อแก้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเธอเผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตของหม่อนไหมที่ทอแสงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ความเศร้าหมองที่เธอเคยเห็นในวันวานค่อยๆจางหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขยามที่เธอมองใบหน้าของรามสูรในเมื่อความสุขเพียงหนึ่งเ
เช้าวันต่อมารามสูรตักน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้องครัวขึ้นมาชิมก่อนที่เด็กหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆอย่างพึงพอใจกับรสชาติอาหารที่ตัวเองตั้งใจทำไปฝากหม่อนไหมที่โรงพยาบาล รามสูรหยิบกล่องใส่อาหารมาตักเกี๊ยวน้ำใส่จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปดูซาลาเปาไส้ครีมคัสตาร์ดกับไส้ถั่วแดงที่กำลังนึ่งอยู่บนเตากลิ่นหอมของใบเตยจากแป้งของซาลาเปาที่รามสูรใส่ความตั้งใจลงไปตั้งแต่ขั้นตอนของการนวดแป้งไปจนถึงการทำไส้ของซาลาเปา ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะหยิบซาลาเปาออกมาหนึ่งชิ้นและยื่นให้เอเดนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ“เอเดนชิมซาลาเปาให้พี่รามหน่อยครับว่าอร่อยไหม”สายตาของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทอเป็นประกายอย่างรอคอยคำตอบทำให้เอเดินรีบหยิบซาลาเปาจากมือของนายน้อยมากัดชิมทันที ดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเอเดนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อความนุ่มของแป้งผสมผสานกันอย่างลงตัวกับไส้ครีมที่หวานละมุนลิ้นชวนให้คนหยิบกินหลายชิ้นไม่รู้เบื่อ“อร่อยมากๆเลยครับคุณราม”เอเดนเอ่ยชมรามสูรพร้อมกับยกนิ้วให้อย่างชื่นชมจากใจจริงกับฝีมือทำอาหารของรามสูรที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายตั้งแต่เด็กๆซึ่งโดยปกติแล้ว
โรงพยาบาล N“พี่รามหลานปู่” “พี่รามหลานตา” ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของคนสองคนกำลังวิ่งแข่งกันมาตามทางเดินของโรงพยาบาลปากก็ร้องเรียกหลานชายคนโตด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ที่รักกับกอหญ้าที่เดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมกันด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับนิสัยที่ไม่มีใครยอมใครของคุณตากับคุณปู่อดีตเพื่อนรักที่ปัจจุบันกลายเป็นไม่รักเพื่อนไปแล้ว“แล้วนายจะเบียดฉันทำไมวะไอ้หน้าหนังหมา”“อ้าว แล้วนายล่ะจะเบียดฉันทำไมไอ้หมาหน้าย่น นี่แหนะ”กฤษฎิ์ตอกกลับใส่หน้าเรียวอิจิด้วยคำพูดเผ็ดร้อนไม่แพ้กันก่อนที่เขาจะยื่นเท้าไปขัดขาเรียวอิจิทำให้เรียวอิจิที่ไม่ทันระวังสะดุดล้มจนหน้าคะมำลงไปจูบพื้นทันทีสร้างความสะใจให้แก่เพื่อนรักอย่างกฤษฎิ์เป็นอย่างมาก สะใจได้ไม่นานขาที่กำลังจะก้าววิ่งไปข้างหน้าพลันสะดุดล้มลงเมื่อคนที่จูบพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาจับขาของกฤษฎิ์เอาไว้แน่นด้วยความรวดเร็วจนทำให้กฤษฎิ์สะดุดล้มลงไปกองกับพื้นสภาพไม่ได้ต่างไปจากเรียวอิจิเลยแม้แต่น้อย“ปล่อยนะเว้ยไอ้หน้าแมว”“ปล่อยให้ไง่สิไอ้หน้าหมา นายอยากแกล้งฉันก่อนทำไม”เรียวอิจิยังคงจับขากฤษฎิ์
ไร่แสงหล้า“กินข้าวหน่อยนะหลานย่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหนูหม่อนไม่ค่อยกินข้าวเลย”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกหลานสาวด้วยความห่วงใยเมื่อหม่อนไหมเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาโดยที่ไม่ยอมตักขึ้นกินแม้แต่คำเดียว บางวันแม่เลี้ยงเอื้องคำถึงกับต้องสร้างข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาหลอกล่อหม่อนไหมถึงจะยอมกินข้าวแต่ถึงอย่างนั้นก็แทบนับคำได้“หนูหม่อนคิดถึงพี่ชายค่ะ หนูหม่อนอยากกินอาหารฝีมือพี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชายแล้วก็ให้พี่ชายเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนด้วยค่ะ”หม่อนไหมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังการจากกันโดยที่ไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับเด็กสาวที่มีพี่ชายคอยปลอบใจในวันที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ ในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่ถอนหายใจออกมาน้อยๆด้วยความสงสารหลานสาวที่เอาแต่คิดถึงพี่ชายจนไม่ยอมกินข้าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกของหม่อนไหมดีเพราะเท่าที่ฟังจากช่อแก้วเล่าพี่ชายคนนี้ของหม่อนไหมนั้นใจดีมากคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นหลานสาวของเธอตลอดเวลาที่เธอกับสามีกลับมาจัดการเรื่องงานศพของลูกชายและลูกสะใภ้“ถ้าหนูหม่อนคิดถึงพี่ชายหนูหม่อนก็ต้องกินข้าวเยอะๆจะได้โตไว
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำเข้าชุดกับกางเกงขายาวทรงกระบอกโดยใส่ชายเสื้อไว้ด้านในกางเกงปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาจากสนามบินด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับลูกรักพระเจ้าชวนให้คนพบเห็นมองมาด้วยความสนใจหลงใหลแต่เจ้าของร่างสูงโปร่งกลับไม่ได้ให้ความสนใจแก่ใครทั้งสิ้นเขาทำเพียงเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหยุดลงที่หน้ารถคันซุปเปอร์คาร์คันหรูที่จอดเอาไว้ข้างๆสนามบินมุมปากที่เฉยชาพลันยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะเปิดประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับเปิดเพลงรักฟังอย่างสบายอารมณ์ รถซุปเปอร์คาร์คันหรูค่อยๆแล่นออกจากสนามบินด้วยความเร็วสูงราวกับว่าชายหนุ่มที่กำลังเหยียบคันเร่งจนมิดกำลังปลุกมัจจุราชที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเลยเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่รถซุปเปอร์คาร์โลดแล่นอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราที่แล่นสัญจรสวนกันไปมาชวนให้วุ่นวายไม่สบายตาอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหลังหนึ่ง หน้าบ้านมีชายชุดดำที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรามสูรยืนอยู่ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูลงจากรถไปหยุดย