เมื่อมาถึงร้านเทียนก็รีบเดินไปที่รถของเขาทันที
"ซี๊ด!..." เขาร้องออกมาทันทีที่ใช้มือแตะหลังคารถพร้อมกับรีบชักมือกลับเพราะตอนนี้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอนตากแดดมาหลายชั่วโมงแล้ว "โธ่~ตัวร้อนจี๋เลยลูกไว้กลับบ้ทนพ่อเปิดแอร์ให้นอนฉ่ำๆ เลยนะ" เทียนพูดกับรถเบาๆ ปูนปั้นเดินตามมาทีหลังก็ถึงกับส่ายหัวให้ความโอเว่อร์ของเทียนทันที เขาเดินล้วงหากุญแจเปิดร้านในกระเป๋าจนมาหยุดอยู่หน้าประตูร้านทันที "เจอแล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองร้านของตัวเองแต่เขาก็ต้องตกใจ "เฮ้ย!" ทันทีที่เทียนได้ยินเสียงของปูนปั้นเขาก็รีบหันไปหาปูนปั้นด้วยความเป็นห่วงแต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าคือร้านของปูนปั้นถูกพ่นสีสเปรย์เขียนคำหยาบคายไว้เต็มไปหมด ตอนนี้ปูนปั้นเองก็ช็อคไม่ต่างกันเงยหน้ามองแล้วอ่านคำด้าท่อพวกนี้ทั้งหมดด้วยความโมโหและสับสน เทียนเดินเข้าไปหาปูนปั้นใกล้ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาว่าโอเคหรือเปล่า "รู้ไหมว่าใครทำ" เทียนถาม ปูนปั้นส่ายหน้าตอบว่าไม่รู้ "เข้าไปตรวจดูข้างในก่อนเถอะว่ามีอะไรหายไปไหม" เทียนพูด ปูนปั้นหันมามองหน้าเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจที่เขายังอยู่เป็นเพื่อน จากนั้นเขาก็ไขกุญแจเปิดร้านทันทีซึ่งสภาพภายในร้านยังปกติดีทุกอย่างไม่มีอะไรเสียหายเลย "ดูท่าคงไม่ได้เข้ามา" เทียนพูดแล้วเดินดูรอบๆ สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับปูนปั้นเขาเลยรู้สึกกลัวนิดหน่อยและทำตัวไม่ถูก เทียนรู้สึกว่าปูนปั้นเงียบไปเลยหันไปดูเขาซึ่งตอนนี้ปูนปั้นยืนกำกุญแจร้านไว้แน่นแล้วมีสีหน้าที่ตกใจไม่น้อยเขาจึงรีบเดินเข้าไปหา "กลัวเหรอ" เทียนถาม "นิดน่อยครับ" ปูนปั้นตอบ เทียนยกมือขึ้นมาแล้วลูบหลังปูนปั้นเบาๆ "ไม่เป็นไร~" เทียนพูดแล้วมองหน้าเขาด้วยสายที่อ่อนโยน ปูนปั้นเหมือนถูกมนต์สะกดจากเทียนเลยเพราะแม้จะไม่รู้จักกันดีแต่เขากลับรู้สึกไว้ใจและเชื่อใจเทียนอย่างมาก ทั้งคู่สบตากันอยู่พักนึงก่อนปูนปั้นจะก้มหน้าลงไปหาโทรศัพท์ในกระเป๋าด้วยความร้อนรน "เป็นอะไร" เทียนถามด้วยความเป็นห่วง "จะให้พนักงานมาเห็นร้านในสภาพนี้ไม่ได้ พวกเขายิ่งใจคอไม่ดีกับสถานการณ์ของร้านอยู่ดังนั้นผมต้องแจ้งเข้าไปในแชทกลุ่มว่าวันนี้ร้านปิดพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทำงาน" ปูนปั้นตอบ ท่าทางตื่นตกใจของปูนปั้นทำเอาเทียนรู้สึกไม่ว่างใจเลย หลังจากที่ปูนปั้นแจ้งพนักงานทุกคนแล้วเทียนก็พาเขาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจทันทีจากนั้นก็พากลับมาส่งที่ร้าน "จะเอายังไงต่อ" เทียนถาม "ไม่รู้สิแต่สภาพร้านแบบนี้ผมเปิดขายไม่ได้แน่นอน" ปูนปั้นตอบ "หน้าร้านมีกล้องวงจรปิดไม่ใช่เหรอทำไมถึงไม่เอาหลักฐานไปให้ตำรวจล่ะ" เทียนถาม "กล้องหน้าร้านมันเสียมาหลายเดือนแล้วอ่ะ ผมเห็นว่ามันไม่จำเป็นก็เลยยังไมาได้เรียกช่างมาดู" ปูนปั้นตอบ เทียนแทบอยากจะเขกกระโหลกปูนปั้นสักทีที่เจ้าตัวทำอะไรไม่รอบคอบแบบนี้ "แล้วเป็นไง...ตอนนี้จำเป็นพอยัง" เทียนถามเชิงประชดประชัน "รู้แล้วหน่า~" ปูนปั้นตอบ เทียนเดินไปนั่งลงข้างหน้าเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ปูนปั้นเองก็หันมามองเทียน "ลุงมารอเจอพี่หมิงใช่ไหม วันนี้พี่หมิงเขาไมามาหรอก" ปูนปั้นพูด "ไหนว่าหมิงไม่มีโทรศัพท์ไงแล้วเขารู้ได้ไงว่าร้านหยุด" เทียนถาม "พี่หมิงไม่รู้หรอกแต่ก่อนเมื่อวันก่อนพี่หมิงเขาขอลาหยุด 3 วันเพื่อพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามใบนัดน่ะ" ปูนปั้นตอบ "อ๋อ~" เทียนตอบ ปูนปั้นถอนหายใจออกมาแล้วทิ้งหัวลงไปนอนกับโต๊ะอย่างคนหมดอะไรตายอยาก "จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย...พรุ่งนี้จ้างช่างมาจัดการก็ไม่รู้จะเสร็จไหม" ปูนปั้นพูดตัดพ้อกับตัวเอง "เดี๋ยวฉันจะหาตัวคนทำมาให้นายเอง" เทียนพูดขึ้นมาหลังจากนั่งดูปูนปั้นงอแงมาสักพัก ปูนปั้นเงยหน้าขึ้นมามองเทียนแล้วส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอกลุง ผมไม่อยากรบกวนลุงอ่ะ" ปูนปั้นตอบ "เรื่องของนายก็คือเรื่องของฉัน" เทียนพูด ปูนปั้นกน้าแดงขึ้นมาทันทีด้วยความเขิน "อย่าลืมสิ...ฉันจีบนายอยู่นะ" เทียนพูดแล้วมองจ้องไปที่ปูนปั้นเพื่อให้เขาเชื่อว่าตนเองกำลังจริงจังอยู่ "ไอ้เด็กโงเอ้ย~" เทียนพูดจบก็หันออกไปมองรอบร้านเพื่อดูว่าจะเริ่มจากอะไรได้บ้างแต่ปูนปั้นยังคงช็อคอยู่ที่ได้ยินเทียนพูดออกมาตรงๆ แบบนี้แม้จะรู้ว่าเทียนสนใจเขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะรุกเร็วขนาดนี้เพราะมันทำให้เด็กอย่างเขารับมือไม่ทันจริงๆ หลังจากแยกย้ายกันกลับเทียนก็ตรงไปที่บ้านใหญ่ทันทีเพื่อไปขอพบคุณโฉม "สวัสดีครับคุณเทียน" พายุรีบเดินข้ามารับทันทีที่มีแขกมาที่บ้าน "ย่ารองล่ะ" เทียนถาม "คุณโฉมอยู่กับคุณหญิงที่ห้องหนังสือครับ" พายุตอบ "ดี นายตามฉันไปพบย่ารองด้วย" เทียนพูด "ฮะ? ผมเหรอครับ" พายุถามด้วยความสงสัยเพราะอยู่ดีๆ เทียนก็โผล่มาที่บ้านใหญ่แบบงงๆ "เออ" เทียนตอบแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทันที พายุแม้จะงงๆ แต่ก็รีบตามเทียนไปเหมือนกันเพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิ "ขออนุญาตครับ" เทียนพูดขึ้นเมื่อมาถึง คุณหญิงทั้งสองหันไปมองตามเสียงก็เห็นว่าเป็นหลานชายของตัวเองมาหาจึงได้วางของในมือลงแล้วหันมาสนใจเทียนแทน "มาหาคุณย่าเหรอเทียน" คุณโฉมถาม "เอ่อ~ผมมาหาทั้งคุณย่าแล้วก็ย่ารองเลยครับ" เทียนตอบแล้วเข้าไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าคุณหญิงหยาดทิพย์ "มีธุระอะไรเหรอลูกถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" คุณหญิงหยาดทิพย์ถามแล้วเพราะใบหน้าของหลานชายเต็มไปด้วยเหงื่อพร้อมก้บยื่นมือไปหยิบผ้าเช็คหน้าปักลายของตัวเองขึ้นมาซับเหงื่อให้เขา "ขอบคุณครับคุณย่า" เทียนตอบ "มีอะไรก็ว่ามาเถอะ" คุณโฉมถาม "คือผมอยากได้คนมาดูแลและช่วยงานผมน่ะครับ" เทียนตอบ "อ๋อ~ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ย่าจะให้วิสุทธิ์เขาเก็บของย้ายไปอยู่บ้านนู้นแล้วกัน" คุณโฉมตอบ "วิสุทธิ์ดูแลคุณปู่มาตลอดหลังจากที่คุณปู่จากไปก็แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมว่าผมขอเป็นคนอื่นดีกว่าครับ" เทียนพูด "แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ วิสุทธิ์เขารู้งานทุกอย่างน่าจะพอช่วยหลานได้นะ" คุณหญิงหยาดทิพย์ถาม "ผมอยากได้พายุครับ" เทียนตอบ คุณผู้หญิงทั้งสองหันหน้ามองกันด้วยความไม่เข้าใจ พายุเองก็ตกใจไม่น้อยเพราะที่ผ่านมานอกจากดูแลบ้านคุณซ่งก็ไม่เคยให้เขาออกไปทำงานอะไรเลย "แต่พายุมันทำอะไรไม่เป็นเลยนะเทียน" คุณโฉมพูด "ผมเชื่อว่าพายุเป็นคนเก่งครับเพียงแต่ที่ผ่านมาคุณปู่เป็นห่วงเขามากเลยไม่ยอมให้เขาออกไปทำงานข้างนอกเลยและผมก็เชื่อว่าพายุมันก็คงไม่ได้อยากทำงานดูแลบ้านแบบนี้ไปตลอดหรอก...ยกให้ผมเถอะนะครับคุณย่า นะครับย่ารอง" เทียนตอบ คุณผู้หญิงทั้งสองเองอยากให้เทียนเลือกคนที่เป็นงานหน่อยไปอยู่ข้างกายเพราะตอนนี้เขาเป็นผู้นำตระกูลแล้วแต่ในทางกลับกันพวกเธอก็รู้ว่าไม่ว่ายังไงพายุจะเป็นคนที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ที่สุดอย่างแน่นอนเลยไม่แน่ใจว่าควรตัดสินใจยังไงดี "ยังไงซะพายุมันก็เป็นคนที่ปู่แกรับมาเลี้ยง มันจะไปไม่ไปย่าก็แล้วแต่มันล่ะกัน" คุณโฉมตอบ "ไปครับ ผมไปครับ" พายุรีบตอบขึ้นมาทันทีด้วยความดีใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่ที่นี่แต่เขาอยากออกไปทำงานจริงตามที่เคยได้ฝึกมาสักครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ตระกูลนี้เคยให้ข้าวให้น้ำจนเขาเป็นเขาอย่างทักวันนี้ "ดูแลตาเทียนให้ดีอย่าให้ฉันและคุณซ่งต้องผิดหวังที่รับแกมาดูแล เข้าใจไหม" คุณโฉมพูด "ครับคุณโฉม" พายุตอบเสียงดังฟังชัดใบหน้าของเขาเต็ทไปด้วยรอยยิ้มจนผู้ใหญ่ทั้งสองอดเอ็นดูไม่ได้ "ขอบคุณนะครับคุณย่า ขอบคุณนะครับย่ารอง" เทียนพูด "คุณปู่ฝากความหวังไว้เทียนต้องทำให้ดีที่สุดนะลูก" คุณหญิงหยาดทิพย์พูดแล้วลูบหัวหลานชายด้วยความเอ็นดู "ครับคุณย่า" เทียนตอบแล้วหันไปหาพายุ "พายุ" เทียนเรียก "ครับคุณเทียน" พายุตอบ "ไปเก็บของเดี๋ยวกลับไปพร้อมกับฉันเลย" เทียนพูด "ครับ!" พายุตอบแล้วรีบวิ่งออกไปทันที "ไอ้เด็กคนนี่หนิ! กระโตกกระตากจริง" คุณโฉมว่าตามหลังที่เห็นพายุดีใจออกหน้าออกตาจนลืมมารยาทไปเลย "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" เทียนกล่าวลาย่าทั้งสองพร้อมยกมือไหว้อย่างสุภาพก่อนจะออกจากห้องนั้นมายืนรอพายุที่รถ "อู้หู~คุณเทียน ผมจะได้นั่งรถคันนี้ของคุณเทียนเลยเหรอครับ" พายุถามด้วยความดีใจจนตาแทบจะถลนออหจาเบ้าอยู่แล้ว "อย่าพูดมากแล้วรีบไปขึ้นรถเลย" เทียนตอบ "ครับๆ" พายุพูดแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูรถทันที "ระวังอย่าให้เป็นรอยนะ" เทียนเอ่ยเตือนเพราะท่าทางของพายุดูตื่นเต้นจนลนไปหมด "ครับคุณเทียน" พายุตอบแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถ "คิดผิดป่ะว่ะเนี่ย" เทียนบ่นแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถด้วยสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะขับรถออกจากที่นี่แล้วกลับบ้านของเขาทันที "คุณหล่ง คุณดาริน...คุณเทียนกลับมาแล้วครับ" เจสันเดินเข้ามาบอกกับทุกคนหลังจากที่เห็นรถของเทีียนเลี้ยวเข้ามาในบ้านและไม่นานเทียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับพายุ สร้างความแปลกใจให้กับบอดี้การ์ดทุกคนไม่น้อย "คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ" เทียนกล่าวทักทายพ่อแม่ที่นั่งรออยู่ "กินข้าวกินปลามาหรือยังจ๊ะ" ดารินถาม "แกพาพายุมาที่บ้านเราทำไม" หล่งถามลูกชายด้วยความสงสัยเพราะจริงๆ คนที่บ้านของเขาก็เยอะอยู่แล้วถ้าเทียนต้องใช้คนก็สามารถเอาไปใช้ได้เลยไม่เห็นจำเป็นต้องดึงคนของบ้านใหญ่เข้ามาที่นี่เลย "ต่อไปนี้พายุเขาจะมาทำหน้าที่ดูแลผมครับ" เทียนตอบ "ลูกเลือกพายุเหรอ" ดารินถามด้วยความตกใจ "ครับ" เทียนตอบ "แต่พ่อไปขอกับคุณย่าให้แช้วหนิว่าจะให้วิสุทธิ์มาดูแลลูกต่อทำไมเขายังส่งไอ้พายุมาอีกล่ะ มันไม่เป็นงานลูกจะเอามาเป็นภาระทำไม" หล่งพูด "ผมเลือกพายุครับ" เทียนตอบ "ถ้ามันดูแลงานในบ้านพ่อก็เยอะว่าไม่มีใครเก่งไปกว่ามันแล้วแต่ถ้าจะเอามาช่วยงานจริงๆ พ่อว่ามันไม่ไหวหรอก" หล่งพูด พายุรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองจริงๆ เขารู้ว่าพวกคุณๆ ไม่มีใครรังเกียจเขาหรอกแต่ว่าทุกคนก็ไม่มีใครเชื่อในตัวเขาเลยว่าเขาจะสามารถช่วยงานทุกคนได้ ที่ผ่านมานอกจากดูแลเรื่องกินอยู่ของคุณซ่งแล้วเขาก็มีหน้้าที่ต้อนรับและยกกระเป๋าให้กับทุกคนเท่านั้นทั้งที่มันไม่ใช่งานที่เขาอยากทำเลยแต่เขาก็ยอมทำด้วยความเต็มใจเพราะเป็นคำสั่งของคุณซ่ง "ผมเชื่อว่าพายุจะช่วยงานผมได้ครับ" เทียนตอบ "งั้นก็เอาเวกัสไปด้วยอีกคน เวกัสมันทำงานดีให้มันดูแลงานนอกบ้านของแกแล้วกันส่วนพายุก็ให้อยู่ในบ้านดูแลงานเล็กๆ น้อยๆ ไป" หล่งพูด นี่มันก็ไม่ต่างอะไรจากเดิมที่พายุเคยทำเลยเพียงแค่เปลี่ยนจากทำที่บ้านใหญ่มาทำที่นี่เฉยๆ "ขอบคุณที่พ่อให้ยืมคนนะครับแต่ผมอยากให้พายุมาทำงานด้วยหวังว่าพ่อจะไม่ติดอะไรนะครับ" เทียนตอบ "ตาเทียน!" หล่งเริ่มหงุดหงิดที่ลูกชายดื้อไม่ฟังที่เขาแนะนำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบพายุแต่เขาไม่เชื่อว่าพายุจะมีความสามารถมากพอจะดูแลเทียนได้ "คุณค่ะ" ดารินรีบห้ามสามีเพราะเห็นว่าเขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว "เทียนไปพักผ่อนก่อนเถอะลูก" ดารินหันมาบอกลูกชายเพื่อตัดปัญหา "ครับแม่" เทียนตอบแล้วหันหลังกลับไปหาพายุและเจสัน "เดี๋ยวนายตามเจสันไปนะ เขาจะพานายไปที่ห้องพักเองเก็บของเสร็จแล้วก็ขึ้นมาหาฉันที่ห้อง ฉันมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย" เทียนพูด "ครับคุณเทียน" พายุตอบแล้วก็เดินตามเจสันออกไป เทียนหันไปดูพ่อกับแม่แป๊ปนึงก่อนจะเดินขึ้นไปรอพายุบนห้องนอน"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา"ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด"นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม"ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ"ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด"ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ"นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด"ครับ" พายุตอบ"นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด"ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ"กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด"ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้ว
"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก "ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว
"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท
"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก "ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว
"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
"คุณเทียนมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ" พายุถาม"ฉันมีคนรู้จักอยู่คนนึงเขาเป็นเจ้าร้านที่นี่" เทียนตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พายุดูซึ่งมันเป็นรูปหน้าร้านของปูนปั้นที่มีทั้งตอนปกติและตอนที่เกิดปัญหา"ร้าน Happy Time หรอครับ" พายุพูด"นายรู้จักเหรอ" เทียนถาม"ครับ ผมเคยไปหาเพื่อนแถวนั้นอยู่ 2-3 ครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปทานหรอกนะครับ" พายุตอบ"ตอนนี้ที่นี่กำลังถูกคุกคาม มีคนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่หน้าร้านนี้จนดูไม่ได้ ฉันอยากให้นายไปสืบมาหน่อยว่าใครเป็นคนทำแต่นายห้ามบอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม" เทียนพูด"ได้ครับคุณเทียน" พายุตอบ"นายสามารถเอาคนไปใช้ได้ 2-3 คนแต่ต้องกำชับพวกนั้นให้ดีว่าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ไม่งั้นคนที่จะเดือดร้อนก็คือนายเอง" เทียนพูด"ครับ" พายุตอบ"นี่เป็นงานแรกที่ฉันมอบให้นายทำ...อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ" เทียนพูด"ผมจะทำให้เต็มที่ครับ...เอ่อ~ว่าแต่คุณเทียนมีเวลากำหนดให้ผมไหมครับ" พายุถาม "เร็วที่สุด" เทียนตอบ "ครับ" พายุตอบ"กลับไปพักผ่อนได้แล้วไปพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงานให้ฉัน" เทียนพูด"ได้เลยครับคุณเทียน รับรองพรุ่งนี้งานเดินผ่านฉลุยแน่นอน" พายุตอบแล้วยกนิ้ว