ตอนนี้พายุมพาคนร้ายมานึงอยู่ที่เก้าอี้แล้วดึงผ้าคลุมสีดำออก
"ต้องปิดปากเขาไว้ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถามเพราะเห็นว่ามีเทปปิดปากของเขาไว้อยู่ "ตลอดทางมานี้ไอ้นี่มันร้องโวยวายตลอดเลยครับ พวกผมรำคาญก็เลยเอาเทปแปะไว้ก่อน" พายุตอบ ปูนปั้นถอนห่ยใจออกมาแล้วเดินเข้าไปแกะเทปออกให้เขา "พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ประเทศนี้มันมีกฎหมายนะเว้ย คอยดูเถอะผมจะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมดเลย" ผู้ชายคนนั้นต่อว่าทุกคนออกมาอย่างเสียงดังโดยไม่มีความสำนึกอะไรเลย "คุณทำแบบนั้นทำไม" ปูนปั้นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาโกรธมากนะยิ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรวหน้าเป็นคนมำให้ร้านของเขาเสียหายเขายิ่งรู้สึกโกรธแต่ด้วยความที่เขาอยากเจรจาสอบถามเหตุผลกับคนตรงนั้นเขาเลยต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อน "ผมทำอะไร" ชายคนนั้นตอบตาใสเหมือนกับตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ "คุณมาพ่นสีที่ร้านผมทำไม" ปูนปั้นถาม สีหน้าของเขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหลบตาปูนปั้น "ผมสีอะไร~ ผมไม่ได้" คนร้ายยังคงปฏิเสธทุกอย่างอย่างหน้าตาเฉย "ไม่ได้ทำบ้าอะไร คิดว่าพวกเราจะจับตัวแกมาทั้งที่ไม่มีหลักฐานหรอ" พายุพูด "ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ทำ" คนร้ายตอบ "ได้~งั้นเดี๋ยวฉันจะพานายได้ส่งให้ตัำรวจสอบปากคำเอง ดูสิว่าอยู่ต่อหน้าตำรวจแล้วนายยังจะยืนยันคำเดิมอีกไหม" พายุพูดแล้วเดินเข้าไปพยุงคนร้ายขึ้นมา "ไม่ๆๆ อย่านะๆ ผมบอกแล้ว" คนร้ายมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาทันทีจน พายุปล่อยเขาลงแล้วถอยกลับมทยืนที่เดิม "ผมไมได้อยากทำนักหรอกแต่ว่าผมถูกจ้างมาอ่ะ" คนร้ายพูด "ใครจ้าง" ปูนปั้นถาม คนร้ายหลบตาปูนปั้นเหมือนกลัวที่จะพูดชื่อคนว่าจ้างออกมา "ใครจ้าง!" พายุถามเสียงดัง "คือ...คือ...ผมบอกไม่ได้อ่ะ" คนร้ายยังคงไม่กล้าพูดชื่อคนนั้นก่อนมา "ถ้านายบอกไม่ได้~ ฉันจะให้คนเอาเรื่องที่นายติดยาและแอบพ่นสีใส่หน้าร้านคนอื่นจนถูกดำเนินคดีไปบอกยายนายที่บุรีรัมย์ซะ" พายุพูดจบคนร้ายก็มีอาการตกใจอย่างมากที่พายุรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขาจนถึงขนาดว่ารู้ว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ที่บุรีรัมม์แถมยังรู้ว่าเขาอยู่กับยายแค่สองคนอีกด้วย "คุณรู้เรื่องนี้ได้ไง" คนร้ายถาม "ฉันรู้เยอะยิ่งกว่านี้อีก...เอาไงให้ฉันไปบอกยายนายตอนนี้เลยไหม" พายุพูด "อย่านะ อย่าให้ยายผมรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะ เธอแก่แล้วพวกคุณอย่าไปยุงกับเธอ" คนร้ายตอบด้วยสีหน้าอ้อนวอนสุดๆ "งั้นก็บอกมาว่าคนที่จ้างนายเป็นใคร" พายุพูด คนร้ายก้มหน้าแล้วเหมือนพยายามคิดอยู่ว่าควรตอบยังไง "เมย์ใช่ไหม" ปูนปั้นถามออกไปหลังจากที่ยืนเงียบมาสักพัก ก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกันเมย์อย่างรุนแรงและก็มีแค่เมย์คนเดียวเท่านั้นที่มีปัญหากับเขาเพราะงั้นนอกจากเมย์แล้วเขาก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครอีกที่โกรธแค้นจนอยากจะทำลายเขา "ฮะ?" คนร้ายอุทานออกมา "เมย์...เมย์ไหนอ่ะ" คนร้ายถาม ปูนปั้นกับหมิงหันหน้ามองกันอย่างงงๆ เพราะตอนแรกหมิงเองก็คิดว่าเป็นเมย์เหมือนกัน "ไม่ใช่เมย์เหรอ" หมิงถาม "ไม่ใช่ ผมไม่รู้จักคนชื่อเมย์ที่คุณพูดเลยด้วยซ้ำ" คนร้ายตอบ "งั้นก็พูดมาสิว่าใครเป็นคนจ้างนาย" พายุถาม คนร้ายถอนหายใจออกมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้แล้ว "เสี่ยชัช" คนร้ายตอบ ปูนปั้นงงไปเลยเพราะตัวเขาเองไม่รู้จักเสี่ยนพคุณเลย ชาวบ้านโดยรอบบริเวณนี้เขารู้จักทุกคนแต่ชื่อเสี่ยชัชเขาเองเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรกเลย "อย่ามาโกหก ผมไม่รู้จักเสี่ยชัชอะไรของคุณเลยแล้วแบบนี้พวกเราจะมีความแค้นต่อกันได้ไง" ปูนปั้นถาม "ผมไม่รู้ ผมแค่ถูกจ้างมาให้ทำแบบนั้นก็เลยต้องทำ" คนร้ายตอบ "เขาจ้างคุณเท่าไหร่คุณถึงยอมทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ได้อ่ะ" ปูนปั้นถาม " 5,000 " คนร้ายตอบ "ค่า 5,000 คุณก็ยอมเขาแล้วหรอ คุณรู้ไหมว่าถ้าผมเอาเรื่องคุณเงิน 5,000 ที่คุณได้มามันโครตไม่คุ้มกันเลย" ปูนปั้นพูดออกไปด้วยความโมโห "คุณมีเงินคุณก็พูดได้ดิ! ผมต้องส่งเงินกลับไปให้ยายทุกเดือนต้องทำงานห่ามรุ่งห่ามค่ำเพื่อหาเงินมาต่อชีวิต อย่าว่าแต่ 5,000 เลยแค่พันเดียวผมก็ยอมแล้ว" คนร้ายตอบ "เรื่องนี้โทษใครไม่ได้ คุณต้องหาเงินผมเข้าใจและที่คุณบอกว่าเงินไม่พอใช้อันนี้ผมก็เข้าใจแต่ที่คุณต้องทำแบบนี้เพราะอยากได้เงินผมไม่เข้าใจ คุณบอกว่าไม่มีเงินแต่คุณกลับไปเล่นยาเสพติดทำเรื่องผิดกฎหมายแล้วแบบนี้คุณยังหวังให้ใครเขาไปเข้าใจคุณอีกอ่ะ" ปูนปั้นพูด "ก็ถ้าผมไม่เล่นผมก็จะไม่มีแรงทำงาน ผมทำงานทั้งเช้าทั้งเย็นร่างกายแทบไม่พักผ่อนถ้าผมไม่เล่นมันผมจะเอากำลังที่ไหนทำงาน" คนร้ายตอบ "มันเป็นข้ออ้างทั้งนั้น!!" ปูนปั้นตวาดกลับไปเสียงดัง "ถ้าคุณถูกตำรวจจับแม้แต่งานก็จะไม่มีให้คุณทำถ้าเป็นแบบนั้นยายคุณจะอยู่ยังไง คุณจะอยู่ยังไง เธอจะเสียใจแค่ไหนที่เห็นหลานตัวเองต้องไปนอนอยู่ในคุก" ปูนปั้นพูด คนร้ายหันหน้าหนีปูนเหมือนไม่อยากฟังที่เขาพูด "ให้ผมเรียกตำรวจเลยไหมครับคุณปูนปั้น" พายุถาม ปูนปั้นมองไปที่คนร้ายและเห็นว่าให้การแสดงออกที่ดูเย็นชานั่นกลับมีแววตาที่ดูสั่นไหวอยู่บ้าง "ปล่อยเขาไปเถอะครับ" ปูนปั้นตอบ "ฮะ!" พายุอุทานออกมาด้วยความสงสัย คนร้ายหันกลับมามองปูนปั้นทันทีด้วยสีหน้าแปลกใจ "ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่กลับมายุ่งกับร้านของผมอีกผมก็จะให้โอกาสคุณ" ปูนปั้นพูด คนร้ายมองหน้าปูนปั้นเหมือนไม่อยากจะเชื่อ "คุณจะปล่อยผมไปจริงเหรอ" คนร้ายถาม "คุณรับปากกับผมได้ไหมละ" ปูนปั้นถาม "ได้ ผมรับปาก! ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่ร้านนี้อีกผมจะไม่ยุ่งกับพวกคุณอีก ขอแค่พวกคุณปล่อยผมไปผมสัญญาว่าผมจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม" คนร้ายตอบอย่างกระคือรือร้น ปูนปั้นหันหน้าไปหาพายุแล้วพยักหน้าบอกเขาเป็นสัญญาณว่าให้ปล่อยผู้ชายคนนี้ไปซะ พายุถอนหายใจแล้วเดินไปแก้มัดให้คนร้ายอย่างเสียดาย เขาอยากสั่งสอนคนพวกนี้สักครั้งเพื่อเป็นบทเรียนแต่ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของปูนปั้นกับคนร้ายเท่านั้นดังนั้นเขาเลยไม่พูดคัดค้านอะไร พอพายุแก้มัดเชือกที่ข้อมูกให้คนร้ายก็รีบลุกแล้วเดินไปที่ประตูทันทีเพื่อหนีออกไปแต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจาประตูก็ได้หันกลับมามองที่ปูนปั้นอีกครั้ง "ขอบคุณนะ" พูดจบคนร้ายก็รีบวิ่งหนีออกไปเลย "น่าเสียดายจริงๆ" พายุบ่นออกมาเบาๆ "ทีนี่ก็อรื่องของคุณบ้าง" ปูนปั้นหันไปหาพายุ "อะไรครับ" พายุถาม "ทำไมคุณถึงมาช่วยจับคนร้ายให้ผมล่ะ" ปูนปั้นถาม "ก็เป็นคำสั่งของคุณเทียนไงครับ เมื่อเช้าคุณเทียนไม่ได้บอกคุณปูนปั้นเหรอ" พายุตอบ ปูนปั้นนิ่งไปทันทีเพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเผลอพูดจาไม่ดีใส่เทียนไปก่อนหน้านี้ "เป็นอขาอีกแล้วเหรอ" ปูนปั้นพูดกับตัวเองเบาๆด้วยความรู้สึกผิด "เอ่อ~ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ" พายุพูดแต่ปูนปั้นไม่ได้สนใจเขาเลย หมิงเลยต้องหันมาตอบแทน "ขอบใจมากนะพายุ" หมิงพูด "ครับคุณหมิง ผมไปก่อนนะครับ" พายุตอบ หมิงพยักหน้าตอบจากนั้นพายุก็เดินออกจากร้านไปเพื่อแล้วก็ขึ้นรถกลับบ้านไป หมิงหันมามองปูนปั้นที่เงียบไปผิดปกติแถมยังทำหน้าเศร้าอีกด้วย "ปูนปั้น...ปูนปั้น...ปูนปั้น" หมิงเรียกปูนปั้นอยู่หลายครั้งแต่เขาก็ไม่ตอบเลยยกมือขึ้นไปแตะที่ไหล่เขาเบาๆ จนเขารู้สึกตัว "คะ ครับพี่หมิง" ปูนปั้นตอบ "เป็นอะไรหรือเปล่า" หมิงถาม "อ๋อ~เปล่าครับ" ปูนปั้นตอบ "แล้วทำไมถึงเงียบไปล่ะ" หมิงถาม "ผมแค่กำลังคิดว่าเสี่ยชัชเขาเป็นใครทำไมต้องมาทำร้ายผมด้วยก็แค่นั้นน่ะครับ" ปูนปั้นตอบปัดๆ ไปแต่สีหน้าของหมิงกลับแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกแย่มาก "พี่หมิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ปูนปั้นถามด้วยความเป็นห่วง "พี่ขอโทษนะ" หมิงก้มหน้าตอบด้วยความรู้สึกผิด "ขอโทษ? ขอโทษผมเรื่องอะไรครับ" ปูนปั้นถาม "เป็นเพราะพี่เองอ่ะร้านเลยต้องเป็นแบบนี้" หมิงตอบ "พี่หมิงพูดออกมาให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามด้วยความสงสัย "พี่ไปกู้เงินจากเสี่ยชัชมาเอง" หมิงตอบ "ฮะ~" ปูนปั้นอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจ"น่าหงุดหงิดจริงๆ" เทียนขับรถกลับบ้านด้วยความน้อยใจ "ที่ฉันทำไปเพราะตัวเองหรือยังไง...ที่ทำไปก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกกันดีๆ สิทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วย" เทียนนั่งบ่นคนเดียวตลอดทางอย่างกับคนบ้า เห็นใครขับรถปาดหรือขับรถไม่ดีก็ตะโกนด่าอยู่คนเดียวในรถตลอด ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ลั้ลลา ลั้ลลา~" พายุเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะว่าภารกิจแรกของเขาผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะไม่ใช่ฝีมือของเขาทั้งหมดก็เถอะ เจสันเห็นพายุเดินเข้ามบ้านมาก็รีบเดินมาหาเขาทันที "พายุ" เจสันเรียก "ครับ" พายุหยุดนิ่งแล้วยืนตรงตอบเขาอย่างกับทหารเจอครูฝึกอย่างงั้นแหละ "คุณเทียนสั่งไว้ว่าถ้านายมาแล้วให้ขึ้นไปหาที่ห้องทันที" เจสันพูด "รับทราบครับ" พายุตอบแล้วตะเบ๊ะใส่เจสันไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปหาเทียนที่ห้องนอนตามคคำสั่ง เจสันมองตามพายุด้วยสีหน้างงๆ "นี่มันคิดว่าตัวเองอยู่ในคค่ายทหารหรือไงว่ะ" เจสันพูดแล้วส่่ายหัวให้กับความเด๋อด๋าของพายุ ก๊อกๆๆ
"พี่ขอโทษนะ" หมิงรู้สึกผิดมากๆ เพราะจริงๆ ปูนปั้นเองก็เพิ่งมาดูแลร้านอาหารนี้ได้ไม่เท่าไหร่ ปูนปั้นยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอีกเยอะเพราะทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับปูนปั้น ทุกครั้งที่พนักงานกลับบ้านกันหมดแล้วหมิงก็จะเห็นมีแต่ปูนปั้นเนี่ยแหละที่ยังอยู่ที่ร้านนั่งหน้าเครียดตรวจดูทุกอย่างเองคนเดียวทั้งหมดก่อนถึงจะกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าเขาควรทำแบบนั้นในฐานะเจ้าของกิจการแต่มันก็หนักเกินไปจริงๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างเขาเพราะนอกจากปัญหาที่ร้านจะมากมายก็ยังมีปัญหาพนักงานอีก ตอนที่หมิงมาทำงานแรกๆ เขามักจะได้ยินพนักงานแอบนินทาปูนปั้นอยู่บ่อยๆ พนักงานหลายคนไม่อต็มใจทำงานกับปูนปั้นแต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะที่ร้านของปูนปั้นให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าที่อื่นดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อปากท้องของตัวเองแต่การทำงานก็ไม่ได้คุณภาพตามที่สมควรจะเป็น หมิงรู้สึกเห็นใจปูนปั้นมาตลอดเพราะปูนปั้นดีกับเขามากดังนั้นเขาเลยตั้งใจช่วยงานที่ร้านอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนที่ปูนปั้นเห็นใจรับเขาเข้ามาอยู่ที่ร้านแต่วันนี้เขากลับนำภัยมาให้ปูนปั้นซะงั้นและอีกเรื่องที่หมิงเป็นห่วงก็คือการที่ปูนปั้นต้องอยู่ท
"ทุกคนรออยู่แถวนี้นะถ้ามีอะไรให้รีบรายงานทันที" พายุออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดทุกคนรออยู่บริเวณหน้างานและที่รถเพื่อดูความเรียบร้อยและป้องกันผู้แระสงค์แอบทำอะไรกับรถของเทียนหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามเทียนเข้าไปในงาน"โอ้โห~คุณครับ...แน่ใจนะครับว่านี้แค่งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคุณไพบูลย์เฉยๆ ทำไมจัดใหญ่โตแถมเชิญแขกมามากมายขนาดนี้" พายุแอบกระซิบถามเทียนเบาๆ ด้วยความสงสันเพราะสเกลงานมันใหญ่มากจริงๆ แถมบุคคลที่มาร่วมงานก็มีแต่ตัวท็อปของแต่ละวงการทั้งนั้น"คุณไพบูลย์เป็นคนใหญ่คนโต มีอำนาจทางด้านการเงินไม่น้อยใครๆ ก็อยากผูกมิตรทั้งนั้น" เทียนตอบ"แล้วแบบนี้พวกเราควรจะเข้าไปหาคุณไพบูลย์ก่อนเลยไหมครับ" พายุถาม"ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเป็นมารยาทไม่ได้มาเพื่อผูกสัมพันธ์การค้ากับใครและฉันก็เชื่อว่าต่อให้เราไม่เข้าหาใครมันก็จะมีคนอยากเข้าหาเราอยู่ดี" เทียนตอบแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องโถงไปหาโต๊ะนั่งแต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมีเรียกเขาไว้ซะงั้น"คุณเทียนครับ" เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เทียนหันไปกลับหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกคุ้นหู"พี่บิ๊ก" พายุเรียกคนตรงหน้าด้ว
"เอ่อ~ตาเทียน" เอกแสร้งยิ้มแล้วหันไปหาเทียน"ครับ" เทียตอบ"อามีเรื่องงานที่อยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ ออกไปคุยกันข้างนอกสักแป๊ปได้ไหม" เอกพูด"ตอนนี้เหรอครับ" เทียนถาม"ใช่" เอกตอบ"แหม่~คุณเอกค่ะนี้มันเวลาไหนแล้วเรื่องงานก็พักบ้างเถอะค่ะ" หญิงป่านนภาพูด"ใช่ครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบหรอก" เทียนตอบเพราะเขาไม่อยากออกไปกับใครตามลำพังในช่วงเวลาที่ไม่ปลอดภัยแบบนี้แถมพายุก็ยังไม่กลับมา"พอดีพรุ่งนี้อากับอาเอกต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกันหลายวันก็เลยกลัวจะไม่มีเวลาน่ะจ๊ะ" เหมยหลินพูด"ครับ" เทียนจำใจต้องตอบตกลงไปก่อนเพราะกลัวคนอื่นจะสงสัยหาว่าสิริยากรมีปัญหาภายใน เทียนลุกขึ้นเดินตามเอกออกไปหาที่หลบมุมคุยกัน ผ่านไปไม่ถึงนาทีพายุก็เดินเข้ามาพร้อมกับมองหาเทียนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ บิ๊กเพื่อสอบถามแต่ด้วยท่าทางยุกยิกๆ เหมือนเด็กน้อยของเขามันทำเอาเหมยหลินรำคาญไม่น้อยจนต้องหันไปถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ พายุรีบก้มหัวขอโทษเหมยหลินทันทีเธอจึงได้ยอมหันกลับไปแล้วไม่เอาเรื่อง"พี่บิ๊กๆ พี่เห็นคุณเทียนบ้างไหมอ่ะ"
ปัง!"โอ๊ย" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงของเทียนร้องขึ้นมาเนื่องจากเขาถูกกระสุนยิงเข้าที่แขนข้างซ้ายขณะกำลังพยายามช่วยยิงสะกัดคนร้ายที่ต้องการจะเอาชีวิตของเทียนอยู่แต่อาการเจ็บที่แขนทำให้เขาไม่สามารถประคองรถต่อไปได้จนทำให้รถล้มลงอย่างแรง บอดี้การ์ดอีกคนก็เห็นแล้วแต่ไม่สามารถหยุดรถช่วยได้เพราะอันตรายเกินไปแถมเขาเองยังต้องปกป้องเทียนอีก"โอ๊ย! เอาไงดีว่ะ เอาไงดี...ฮือ" พายุเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกจนทำให้เขาสติแตกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่"พายุ ไอ้พายุใจเย็นๆ" เทียนตะโกนใส่พายุเสียงดังเนื่องจากเจ้าตัวลนไปหมดแล้ว"ผมกลัวอ่ะคุณเทียน...ฮือ...ทำไงดีอ่ะครับ" พายุเริ่มงอแงออกมาตามประสาเด็กที่ไม่เคยผ่านเรื่องอันตรายและความเสี่ยงมาก่อน"มึงไปขับ! อย่าเบาคันเร่ง" "แม่งเอ้ย!" เทียนรู้สึกหงุดหงิดที่พายุไม่ได้ดั่งใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ข้างหลังแป๊ปนึงก่อนจะรีบก้มหัวลงมาเหมือนเดิมเพราะมีกระสุนพุ่งมาอย่างแรงจนกระจกด้านหลังแตกกระจายซึ่งมันกระเด็นโดนหน้าเขาด้วยจนเกิดแผล"เฮ้ย!" พายุตกใจสะดุ้งต้องเผลอปล่อยพวงมาลัย"ไอ้พายุ!"
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ" ดารินพยายามบอกให้สามีของเธอควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ "ไอ้เจสันมึงไปบ้านใหญ่รายงานเรื่องนี้กับคุณแม่และแม่เล็กแต่มึงต้องจำไว้นะว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดยกเว้นพวกคุณแม่เท่านั้น""ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกกับพวกคุณผู้หญิงเอง" เจสันตอบแล้วก็เดินออกไป"ส่วนมึงไอ้เวกัส มึงไปตามสืบมาว่าบอดี้การ์ดอีกสองคนที่หายไปในคืนนี้พวกมันหายไปได้ยังไง ถ้ามันยังไม่ตายก็เอาพวกมันกลับมาให้ได้" "ครับคุณหล่ง" หลังจากรับคำสั่งเวกัสก็รีบออกไปทำงานของเขาทันทีเช่นกัน"ผมจะไม่ยอมให้ตาเทียนเจ็บตัวฟรีแน่" หล่งพูดกับดารินด้วยสีหน้าโกรธแค้นสุดๆ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ตอนนนี้หน้าห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลที่ถูกจองเอาไว้สามห้องติดกันล้วนมีบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจำนวนหลายคนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เจสันได้สั่งให้คนตรวจค้นห้องพักทั้งสามห้องให้เรียบร้อยและยืนเฝ้าไว้ตลอดห้ามให้ใครมาเข้ามาวางกำดักหรือทำอะไรไม่ดีก่อนที่คนเจ็บจะถูกย้ายมาและแน่นอนว่าทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาปูเตียงหรือนำของอะไรมาวางคนข
"ตอนนี้คนไข้มีอาการยังไงบ้างครับ" หลังจากที่เทียนฟื้นขึ้นมาหมอก็รีบเข้ามาดูอาการของเขาทันที"ปวดหัวครับแล้วก็เจ็บแผลมาก ๆ" "ครับ เท่าที่หมอตรวจดูทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วแต่เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้ปวดเพิ่มก็แล้วกันนะครับ" "ขอบคุณครับ" หลังจากหมอเดินออกไปธูปก็รีบเข้ามานั่งข้างเตียงเทียนด้วยความเร็ว"พี่เทียน" "ฮะ" "เจ็บไหมพี่" "ลองไหมล่ะ" เทียนแทบอยากจะเขกหัวน้องชายของเขาสักทีที่เจ้าตัวถามอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระสิ้นดี"แล้วคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ" เทียนมีท่าทีที่ดูนิ่งขึ้นทันที"พี่เทียน..." ธูปเห็นว่าเทียนเงียบไปจึงลองเรียกอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันยังคงวนเวียนหลอกหลอนอยู่ตลอด"แล้วแกรู้มาว่าไงบ้างล่ะ" เทียนถาม"ผมรู้มาแค่ว่าพี่ไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของคุณไพบูลย์แล้วก็เกิดอุบัติรถพุ่งชนเข้าที่เสาไฟฟ้าแค่นั้นเลย" "ระหว่างทางกลับบ้านฉันโดนกลุ่มคนตามประกบและไล่ยิงมาตลอด จำได้ว่าพวกมันมากันเยอะมากไม่รู้ว่าเป็นคนของแก๊งค์ไหน ไอ้พายุมันยังอ่อนประสบการณ์ได้ยินเสียงปืนนิดหน่อย
"ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ปูนปั้นถามอีกครั้งเพราะเห็นสีหน้าของหมิงดูลำบากใจแปลก ๆ"เอ่อ~ คือพี่ก็ไม่ได้ไม่อยากให้น้องปูนปั้นไปนะแต่ว่าการจะเข้าใกล้ไอ้เทียนได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขนาดพี่เนี่ยสนิทกับครอบครัวไอ้เทียนพี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าไปแล้วจะได้เข้าเยี่ยมมันหรือเปล่า" หมิงตอบ"ผมอยากไปขอบคุณเขาเรื่องวันนั้นนะครับ เขาช่วยผมไว้เยอะเลยแต่ผมยังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเขาสักที" ปูนปั้นพูดแล้วทำหน้าเศร้าทันที หมิงเองก็อยากให้เขาไปเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องดีใจมากแน่ ๆ แต่ถ้าเขาพาปูนปั้นไปหาเทียนแล้วเจอคนอื่นในครอบครัวของเทียนล่ะเขาจะอธิบายยังไงดีเพราะถ้าทุกคนรู้ว่าเทียนชอบปูนปั้น ชีวิตนี้ของปูนปั้นคงไม่มีทางสงบสุขอีกเป็นแน่ หมิงยืนคิดไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วหันไปมองหน้าปูนปั้น"พี่พาไปก็ได้แต่ว่าน้องปูนปั้นต้องเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะไม่ว่าจะเจออะไรหรือเห็นอะไรก็ห้ามสงสัยอะไรเด็ดขาด เข้าใจไหม" หมิงพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้าปูนปั้นไปเจอคนของบ้านสิริยากรแล้วจะเกิดอาการสงสัยจนเผลอทำอะไรที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ"ครับ" ปูนปั้นตอบ จริง ๆ แล้วปูนปั้นอยากไปเจอเทียนเพราะเขาอยากโขอโทษ
"หมายความว่าไง" คุณโฉมหันไปถามวิสุทธิ์ด้วยสีหน้าตกใจ แววตาของวิสุทธิ์ยังคงมีแต่ความเศร้าอาลัยถึงเจ้านายอันเป็นที่รักอยู่ตลอดเวลาตอนนี้ในใจของเทียนรู้สึกหวิว ๆ ขึ้นมาแปลก ๆ "วันนั้นหลังจากถึงฮ่องกงคุณท่านก็รีบไปพบกับคุณเมฆทันทีเพื่อถามหาเหตุผลที่ทำให้คุณเมฆยอมทรยศหักหลังตระกูล ตอนแรกทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นไปด้วยดีเพราะคุณเมฆยอมรับสารภาพออกมาตรง ๆ ว่าที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะถูกผีพนันเข้าสิง คุณเมฆหลอมตัวเข้าไปเล่นในบ่อนของคุณเหรียญแต่ติดหนี้จำนวนมากและหลังจากที่คุณเมฆหาเงินมาใช้คืนให้พวกคุณเหรียญไม่ได้เขาก็ถูกทำร้ายอยู่หลายครั้งจากคนที่คุณเหรียญส่งมา คุณเมฆกลัวว่าจะถูกคุณเอกต่อว่าและเปรียบเทียบกับคุณสายฟ้าจึงได้ยอมตกลงรับข้อเสนอจสกคุณเหรียญโดยการขโมยข้อมูลลับของพวกเราไปให้เพื่อแลกกับการหักลบยอดหนี้ที่ติดค้างไว้โดยจำนวนยอดที่ลบออกก็มากน้อยต่างกันไปตามความสำคัญของข้อมูลที่ให้ไปในแต่ละครั้งดังนั้นหลังจากที่คุณท่านได้ฟังคำสารภาพของคุณเมฆจึงได้ตัดสินใจว่าจะช่วยใช้หนี้ให้ทั้งหมดแทนเองแต่ต้องแลกกับการที่คุณเมฆต้องกลับไทยมาอยู่ในสายตาของคุณท่านและไม่อนุญาตให้คุณเมฆเข้าร่วมหรือดูแลในธุรกิจใด ๆ ในตร
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~เมฆเดินเข้ามาในบ้านของคุณเหรียญด้วยสีหน้าสลดเพราะเขารู้ตัวดีกว่าตัวเองทำให้เหรียญไม่พอใจมาก"สวัสดีครับคุณเหรียญ" เมฆเอ่ยทักทายอย่างไม่เต็มเสียง"หายไปนานเลยนะ" เหรียญพูด"ผมขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าไอ้เทียนมันจะใช้วิธีขังผมเอาไว้ก็เลยทำให้แผนของเราล่าช้า" เมฆตอบ"นี่ถ้าคนของกูไม่ช่วยมึงออกมามึงก็คงเป็นได้แค่นักโทษของไอ้เทียนเท่านั้นสินะ อย่าลืมสิว่ามึงติดหนี้กูอยู่นะ ช่วยทำอะไรที่มันมีประโยชน์บ้างเพราะถ้ามึงไม่ทำงานใช้หนี้กูเนี่ยแหละจะเป็นคนเอาชีวิตมึงมาลบหนี้ที่มึงก่อไว้เอง" เหรียญพูด"ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำตามแผนของเราแต่ผมก็ไม่คิดว่านอกจากมันจะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องในวัยเด็กแล้วมันยังกล้าสั่งขังผมต่อหน้าทุกคนอีกแถมตอนหลังมันยังสั่งคนยึดมือถือของผมไปอีก พูดแล้วก็เจ็บใจจริง ๆ " เมฆตอบ"เจ็บใจแล้วได้อะไรล่ะ ที่บ้านนั้นมีใครเห็นหัวมึงบ้างพ่อแม่มึงยังไม่เคยไปเยี่ยมมึงสักครั้ง เขาไม่แม้แต่จะไปขอร้องให้ไอ้เทียนเห็นใจมึงเลยด้วย ไหนจะย่ามึงอีก เขาอยู่รั้วบ้านเดียวกับมึงเขายังไม่กล้าขัดคำสั่งไอ้เทียนให้ปล่อยตัวมึงเลยยิ่งปู่มึงยิ่งแล้วใหญ่" เหรียญพูด"ที่ผ่าน
เทียนมาถึงโรงพยาบาลก็รีบตรงไปที่ห้องฉุกเฉินทันทีและเมื่อมาถึงเขาก็เห็นแม่ของตัวเองกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้โดยมีเจ๋งกับพายุยืนเฝ้าดูแลอยู่ข้าง ๆ "แม่" เทียนเรียกแล้วรีบเข้าไปหาแม่ทันที ดารินเองเมื่อได้ยินเสียงลูกชายก็รีบลุกขึ้นมาสวมกอด"หมอว่าไงบ้างครับ" เทียนถาม"ฮือ...ฮื้อ...อือ" "ยังไม่ออกมาเลยครับคุณเทียน" เจ๋งตอบแทนเมื่อเห็นว่าดารินเอาแต่ร้องไห้จนตอบอะไรเทียนไม่ได้"ใจเย็น ๆ นะครับแม่" เทียนพยายามปลอบแล้วใช้มือลูบหลังของดารินเบา ๆ "ฮึก...แม่...แม่ไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้มาก่อนเลยเทียน...ฮือ...ฮื้อ" ดารินตอบ"แม่นั่งพักก่อนนะครับ" เทียนพูดแล้วพาดารินไปนั่งลงที่เดิมจากนั้นเขาก็หักไปมองหน้าพายุเพื่อส่งสัญญาณให้พายุเดินออกไปคุยกับเขา"ดูแลแม่ฉันดี ๆ " เทียนหันไปพูดกับเจ๋ง"ครับคุณเทียน" เจ๋งตอบจากนั้นเทียนกับพายุก็เดินออกจากหน้าห้องฉุกเฉินไป"นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ ๆ พ่อฉันถึงเป็นแบบนี้" เทียนถาม"พี่เวกัสกับพี่เจสันกำลังตรวจสอบอยู่ครับ" พายุตอบ"ไหนนายลองเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่พ่อฉันจะเป็นแบบนี้มาสิ" เทียนพูด"วันนี้หลังจากที่คุณหล่งกลับมาจากบ้านคุณมุกดาท่านก็ขังตัวเองทำงานอยู่
"โอ้โห~ หาวขนาดนี้มึงไปแดกกาแฟดีกว่าไหม" บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าบ้านพักของเมฆทักบอดี้การ์ดอีกคนที่ยืนหาวติด ๆ กันมาหลายครั้งแล้ว"นี่เพิ่ง 4 ทุ่มกว่าเองทำไมผมง่วงแล้วว่ะพี่" "กูจะไปรู้มึงเหรอ เอ่อ! แต่จะว่าไปวันนี้กูก็รู้สึกง่วงแปลก ๆ นะ" "นั่นดิพี่ หาคนมาเปลี่ยนดีไหมผมกลัวผมเผลอหลับว่ะ" "มึงจะบ้าเหรอพวกเราเพิ่งจะผลัดเปลี่ยนกะกันไปเอง ใครเขาจะยอมมายืนแทนมึงเวลาเนี่ยอ่ะ" "แต่วันนี้บ้านใหญ่เงียบแปลก ๆ เนอะ" "เออว่ะ ปกติเดินกันให้วุ่นอย่างกับคนดีดยาทำไมวันนี้ไม่เห็นใครเลยว่ะ" "แปลก ๆ นะพี่ พวกเราไปดูกันหน่อยไหม" "ไปแล้วใครจะเฝ้าประตูว่ะ มึงไม่ต้องไปสนใจใครหรอกเอางานตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า""โธีพี่~ ไปแค่แป๊ปเดียวเองจะได้ไปหาอะไรมาไว้นั่งกินเล่นด้วย พี่ก็ดูดิล็อคแน่นหนาขนาดนี้ใครจะออกไปได้ต่อให้ไอ้คุณเมฆมันหายตัวได้จริงมันก็ยังหนีออกไปยากเลย" บอดี้การ์ดรุ่นพี่กำลังคิดตามคำพูดของรุ่นน้องคนสนิทอย่างลังเลใจเพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกเบื่อเต็มทีที่ต้องมายืนประตูที่ปิดแน่นสนิทขนาดนี้"แต่ถ้าพี่เวกัสมาเดินลาดตระเวนแล้วไม่เจอคนเฝ้าที่นี่จะทำไงว่ะ" "พี่เวกัสเป็นคนของบ้านคุณหล่งเขาไม่ได้มาบ้านใหญ่ท
หลังจากที่เกรทเดินออกจากห้องไปเทียนก็รีบล้วงกระเป๋าหยิบเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาโทรหาปูนปั้นทันที"ครับลุง" ปูนปั้นพูด"อยู่ไหนอ่ะ" เทียนถาม"อยู่ที่ร้านครับ" ปูนปั้นตอบ"โอเคดีใช่ไหม" เทียนถาม"ครับ ลุงเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย" ปูนปั้นพูด"ไม่มีอะไรวันนี้ปิดร้านแล้วรีบกลับบ้านนะ" เทียนพูด"โอเคแค่นี้ก่อนนะ" ปูนปั้นตอบ"อืม" เทียนตอบจากนั้นทั้งคู่ก็วางสายไป"คุณเทียนกังวลเรื่องอะไรเหรอครับ" เจ๋งถาม"แค่รู้สึกไม่สบายใจเฉย ๆ น่ะ" เทียนตอบ"ผมว่าคุณเกรทเขาก็คงอยากจะปั่นหัวคุณเทียนเล่น ไม่มีอะไรหรอกครับ" เจ๋งพูด"ฉันรู้จักเกรทดี เขาเป็นที่แค้นฝังลึกมากและถ้าเขาไม่คิดว่าจะอะไรเลยก็คงไม่ลงแรงตามหาตัวปูนปั้นจนเจอแบบนี้หรอกไหนจะเรื่องที่บริษัทอีก เกรทกลับมาครั้งนี้ฉันคงต้องวางแผนรับมือดี ๆ หน่อยละ" เทียนตอบ"งั้นเดี๋ยวผมจะให้โอมคอยไปดูแลความเรียบร้อยแถวบริเวณร้านของคุณปูนปั้นให้นะครับ" เจ๋งพูด"ดี แต่อย่าให้ปูนปั้นหรือคนที่ร้านตกใจเป็นอันขาดนะ" เทียนตอบ"ครับคุณเทียน" เจ๋งตอบ..ก๊อก ๆ ๆเสียงคนเคาะผนังบ้านน็อคดาวน์ของเมฆกดังมาจากข้างนอกซึ่งทำให้เมฆเลิกสนใจหนังสือการ์ตูนในมือแล้วขยับเข้าไปชิดกำแพ
กุ๊กไก่เห็นท่าทางไม่ประสาของธูปก็รู้สึกเอ็นดูมาก ๆ เพราะมันช่างต่างจากธูปที่ชอบเถียงเขาจนคอเป็นเอ็นที่ร้านมากเลย หลังจากขึ้นมานั่งบนรถทั้งคู่ก็ยังคงเกร็งกันอยู่ไม่น้อยแต่โดยรวมแล้วบรรยากาศมันมีความสุขมากกว่าความอึดอัดมาก "วันนี้พวกเราจะไปไหนกันเหรอ" กุ๊กไก่ถาม"ผมรู้มาว่าพี่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นก็เลยว่าจะพาไปทานโอมากะเสะร้านดังร้านนึงจองคิวยากมากแต่รับรองอร่อยแน่เพราะผมเห็นคนเขารีวิวกันเต็มเลยว่าระดับ 5 ดาว" ธูปตอบ"มันจะไม่แพงไปหน่อยเหรอ" กุ๊กไก่ถาม"ฮะ? อ๋อผมก็แค่อยากพาพี่ไปเลี้ยงของอร่อย ๆ ที่พี่ชอบก็แค่นั้นเอง" ธูปตอบ กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ ภายในรถแล้วก็หพยักหน้าออกมาเบา ๆ "ดูจากรถที่ขับแล้วอาหารมื้อนี้คงไม่แพงเกินไปสำหรับนายหรอกสินะ" กุ๊กไก่พูด ธูปอึ้งไม่น้อยที่อยู่ ๆ กุ๊กไก่ก็พูดกับเขาแบบนี้ในวันที่เขาเพิ่งจะชวนกุ๊กไก่ไปเดทครั้งแรกเลย"ถ้าพี่ไม่ชอบพวกเราไปทานอย่างอื่นก็ได้นะ" ธูปตอบ"ไม่ใช่ไม่ชอบแต่แค่เสียดายเงินอ่ะ" กุ๊กไก่พูด"ถ้างั้นเดี๋ยวผมจองร้านใหม่ให้ก็ได้ครับ" ธูปตอบแล้วยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาด้วยใบหน้าหงอย ๆ กุ๊กไก่ที่มองดูอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองเผลอพลั้งปากพูดจา
หลังจากเช็คเอ้าค์ออกจากที่พักปูนปั้นก็ไม่สนใจเทียนอีกเลย เขาเอาแต่นั่งเงียบใส่หูฟังมาตลอดทั้งทางเหมือนต้องการปิดช่องทางการสนทนาของเขากับเทียนยังไงยังงั้น เทียนเแงก็รู้สึกแปลกนะแต่เขาก็พยายามคิดไปในทางที่ดีก็คือปูนปั้นอาจจะกำลังเครียดกับปัญหาที่ร้านอยู่เลยไม่อยากคุยอะไรตอนนี้มาถึงคอนโดเทียนก็ช่วยปูนปั้นเอากระเป๋าขึ้นมาเก็บบนห้องทันทีและเมื่อปูนปั้นเห็นว่าเทียนกำลังจะออกจากห้องเขาก็รีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย"แล้วนี่ลุงจะไปไหนเหรอ" ปูนปั้นถาม"ฮะ! ไป...ไปบ้านน่ะ" เทียนตอบ"ไปบ้าน ไปทำไมเหรอ" ปูนปั้นถาม"ก็พี่ซื้อขนมกลับมาด้วยไงเลยอยากจะเอาไปฝากที่บ้านกับคุณย่าสักหน่อย" เทียนตอบ"ขนมอะไรทำไมผมไม่เห็นเห็นเลย" ปูนปั้นถาม"อยู่ที่เบาะหลังรถไง ไม่เห็นจริงเหรอ" เทียนพูด ความจริงแล้วเขากำลังโกหกปูนปั้นอยู่เพราะเขาก็ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาจริง ๆ แต่ที่ต้องโกหกก็เพราะว่าเขากำลังจะออกไปเคลียร์ปัญหากับเกรทต่างหาก"งั้นผมขอติดรถลุงไปลงที่ร้านด้วยได้ป่ะ" ปูนปั้นถาม"พี่ว่าหนูเอารถตัวเองไปดีกว่านะเผื่ออยากกลับตอนไหนจะได้สะดวก พี่ไปก่อนนะ" เทียนพูดจบก็รีบชิ่งออกไปก่อนเลยเพราะกลัวจะหลุดโป๊ะต่อหน้าปูนปั้น"แ
เทียนเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเห็นปูนปั้นกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่จึงเดินเข้าไปหา"ทำอะไรอยู่เหรอ" เทียนถาม"อ่อ ผมกำลังดูรูปของเราสองคนที่ถ่ายด้วยกันวันนี้อยู่น่ะครับ" ปูนปั้นตอบ"อ๋อ" เทียนตอบแล้วนั่งลงข้างปูนปั้นทำให้ปูนปั้นต้องวางโทรศัพท์แล้วขยับลุกไปช่วยเช็คผมให้เขาแทน"ความจริงลุงไม่จำเป็นต้องปิเครื่องก็ได้นะเผื่อมีธุระจริง ๆ จะได้ใช้" ปูนปั้นพูด"ก็พี่สัญญาไว้แล้วไงว่าอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์พี่จะให้เวลาหนูแค่คนเดียวส่วนเรื่องงานกลับไปค่อยทำทีหลังก็ได้อีกอย่างมีเจ๋งกับพ่อพี่คอยดูแลอยู่มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก" เทียนตอบ"ผมก็แค่บอกเฉย ๆ ผมไม่อยากให้ลุงรู้สึกว่าผมเอาแต่ใจเกินไปจนลุงต้องยอมทำเพื่อผมขนาดนี้" ปูนปั้นพูด"พี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น" เทียนตอบแล้วหมุนตัวหันไปหาปูนปั้น"หนูเป็นไรเนี่ย" เทียนถาม"เปล่า ผมไม่ได้เป็นไร" ปูนปั้นตอบ"งั้นก็ไม่ต้องคิดมากเข้าใจไหม" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบด้วยรอยยิ้มจากนนั้นเทียนก็ยื่นหน้าเข้าไปจูบบนริมฝีปากของปูนปั้น ปูนปั้นเองเริ่มจูบตอบเทียนตามแรงชักนำของเทียนจากนั้นเทียนก็ค่อย ๆ ดันให้ปูนปั้นนอนลงบนเตียงดี ๆ แล้วซุกไซร้ไปทั่วคอทั้งสองข้างของปู
01:13 น.เทียนเปิดประตูเข้ามาด้วยสภาพอิดโรยเพราะทั้งดื่มทั้งเหนื่อยจากการทำงาน เขาคลำหาสวิตช์ไฟเพราะวันนี้ปูนปั้นดังไฟหมดทุกดวงเลยแต่เมื่อไฟสว่างขึ้นภาพตรงหน้าก็ทำเอาเทียนสตั๊นไปเลย เขาอึ้งกับภาพตรงหน้าขาก้าวขาไม่ออกเพราะรอบห้องเต็มไปด้วยลูกโป่งสีชมพูฟ้าบนนั้นมีข้อความแสดงความยินดีกับวันเกิดของเขาด้วยแถมข้างหน้ายังมีอาหารวางเต็มโต๊ะไปหมดพร้อมกับเค้กก้อนนึงซึ่งดูก็รู้ว่าไม่มีทางซื้อมาแน่ ๆ เพราะการตกแต่งของมันดูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ เทียนมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างรู้สึกผิดก่อนจะก้าวขามาดูสิ่งที่ปูนปั้นตั้งใจทำไว้ให้ช้า ๆ ตอนนี้ในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดมากและคิดว่าปูนปั้นเองคงเจ็บปวดไม่น้อย"เห้อ~" เทียนเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วนั่งลงที่เตียงเบา ๆ เื่อไม่ให้รบกวนการนอนของปูนปั้น เขายื่นมือไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงเพื่อมองดูใบหน้าของปูนปั้นชัด ๆ"พี่ขอโทษนะครับ" เทียนพูดออกมาเบา ๆ แล้วก้มลงไปจุ๊บที่หน้าผากของปูนปั้นทำให้เขารู้สึกตัวทันทีแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา"กลับมาแล้วเหรอ" ปูนปั้นถาม"ครับ" เทียนตอบ"เหนื่อยไหม" ปูนปั้นแม้จะรู้สึกง่ววจนแทบไม่อยากจะลืมตาแต่เขาก็เลือกที่จะถามไถ่เทียนก่อน"ไม่เหนื่อยคร