ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เฉดสีม่วงเข้มค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมฟากฟ้า แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทิ้งไว้เพียงแสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องลงมายามค่ำคืน
ภายในร้านอาหารสุดหรู ตกแต่งอย่างมีรสนิยม สร้างบรรยากาศโรแมนติก บทเพลงบรรเลงคลอเคลียไปกับสายลมเย็นๆ พัดผ่าน วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทอประกายระยิบระยับยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าสะท้อนลงบนผิวน้ำ
แสงเทียนสลัวส่องสว่างบนใบหน้าของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดินเนอร์บนโต๊ะริมระเบียง ทั้งสองดูมีความสุขกับดินเนอร์มื้อนี้ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือหญิงสาวที่วางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล
ห่างไปไม่ไกลนัก วาววาและมิเกลยืนซุ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระซิบกระซาบคุยกัน เบาๆ
"เตรียมตัวให้พร้อม!" มิเกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับยื่นคีย์การ์ดห้องโรงแรมให้เพื่อนรัก
“เล่นใหญ่ไปไหมวะแก? ทำแบบนี้มันจะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเหรอ?” สีหน้าของวาววาแสดงออกถึงท่าทีกังวลเล็กน้อย
“ไม่หรอก...มันคือความผิดพลาดที่พนักงานไม่ได้ตรวจสอบคีย์การ์ดก่อนส่งมอบให้แขก ไม่ต้องห่วงทางนี้ฉันจัดการได้ แบ็คใหญ่พอตัว ฮ่าๆ”
“ทำฉันอยากรู้ล่ะนะว่าใครเหรอคะที่เป็นแบ็คให้แก”
“เอาน่า! ใหญ่พอที่จะจัดการได้ทุกเรื่อง ฉันมิเกลเพื่อนแกนะโว้ย...เชื่อฉัน!” มิเกลพูดย้ำด้วยแววตามุ่งมั่น “ฉันว่าแกรีบไปเถอะ ดูนู่น! อาหารบนโต๊ะแทบไม่เหลือแล้ว เดี๋ยวคงย้ายไปสถานีต่อไป”
มิเกลพูดพลางตบไหล่เพื่อนเธอเบาๆให้มองไปยังเพทายที่นั่งดินเนอร์กับสาวอื่น ก่อนจะดันเพื่อนรักเล็กน้อยให้รู้ตัวเพื่อเริ่มแผนต่อไป
"ส่งข้อความมานะแก" วาววากระซิบกระซาบบอกมิเกล ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน
มิเกลพนักหน้ารับอย่างหนักแน่น
ท้องฟ้ายามค่ำคืน มืดสนิท ปราศจากแสงจันทร์ ดาวระยิบระยับนับล้าน สายลมพัดเอื่อยเย็นสบายสัมผัสกับวาววาที่ตอนนี้ยืนซุกกายอยู่หลังประตูกระจกมืดมิดชิดของระเบียง สายตาจ้องมองผ่านช่องว่างของม่านในห้องของโรงแรม มองไปยังประตูทางเข้าที่กำลังเปิดออก ใจของเธอเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
แกร่ก!
แล้วเวลาที่เธอรอคอยก็มาถึง
บุคคลสองคนที่ดูสนิทสนมราวกับเป็นเป็นคู่รักเดินเข้ามาในห้อง หากผู้ชายที่วาววาเห็นนี้ไม่ใช่เพทาย ผู้ชายที่ยังมีสถานะคบกับวาววาอย่างเปิดเผยในหมู่ไฮโซ ใครๆก็คงจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คู่รักจะมาพักโรงแรมในห้องเดียวกัน
เพทายยื่นมือผลักปิดประตูบานใหญ่นั้น ระบบล็อคทำงานโดยอัตโนมัติ ริมฝีปากของเขาขยับพึมพำอะไรบางอย่างราวกับกำลังกระซิบคำหวานให้กับหญิงสาวตรงหน้าเขา
เพทายมองหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน มือของเขาค่อยๆ สอดเข้าใต้กระโปรงเดรสสั้นรัดรูปนั้น สร้างความตื่นเต้นและปลุกเร้าไฟปรารถนาในตัว
วาววายืนตัวนิ่งอยู่ที่ระเบียง มองผ่านช่องว่างระหว่างม่าน ภาพที่เห็นช่างลามกอนาจารเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการ
“ฉันจะรอให้ถอดเสื้อผ้าบางส่วนก่อน ดูสิจะหนีกันยังไง!”
ด้านในห้อง...แทบจะร้อนผ่าวลุกเป็นไฟ เพทายประทับจูบหญิงสาวคนสวยอย่างเร่าร้อน เขาถอดเดรสของเธอออกอย่างรวดเร็ว มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ ก่อนจะผลักเธอลงบนเตียงนุ่ม แล้วถอดเสื้อเชิ้ตสีเข้มของเขาออกตาม ความหอมหวานจากผิวของเธอ มอมเมา ประสาทสัมผัสของเขา ราวกับน้ำผึ้งชั้นดีที่หลั่งรินลงบนลิ้น
และแล้วเวลาของวาววาก็มาถึง...
แกร้ก!
“กรี๊ดดด!!”
แกร๊ง!
วาววาสวมบทบาทนักแสดงเต็มขั้น แก้วกาแฟที่เธอถืออยู่ในมือร่วงลงสู้พื้นแตกกระจาย ความคิดแว้บเข้ามาในหัวของวาววา...ทำไมเธอถึงต้องเล่นบทบาทขนาดนี้เพียงเพื่อต้องการไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิต
เสียงกรีดร้องตกใจของวาววาชะงักบรรยากาศอันร้อนแรงของชายหญิงทั้งสองบนเตียงโดยพลัน แววตาของหญิงสาวคนนั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมปกปิดร่างกาย เพทายเองก็ตกใจมากไม่แพ้กัน เขารีบหันขวับไปมองต้นตอของเสียงด้วยสีหน้าตึงเครียด
“พวกคุณมาทำอะไรในห้องนี้!?” วาววาตีหน้าซื่อสวมบทบาท เธอหันไปมองชายหนุ่มที่คุ้นเคยดีและแกล้งตกใจ “พี่เพทาย!!”
“วาววา...!?”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” วาววาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจและโมโห
“วาววา ฟังพี่ก่อน” เพทายร้อนรน ยังมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สมองของเขาประมวลให้คิดแต่คำแก้ตัวมากกว่าตั้งคำถามว่าทำไมวาววาถึงมาอยู่ในห้องเดียวกับเขา
“พี่นอกใจวา”
คำพูดของวาววาและสถานการณ์ที่บีบคั้นทุกอย่าง ล้วนตอกย้ำความจริงอันเจ็บปวด ว่าเขาคือผู้ก่อความผิดที่ไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้
"วา...ฟังพี่ก่อน!" เพทายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน พยายามจะคว้ามือวาววา แต่วาววาเบี่ยงตัวหนีอย่างรวดเร็ว “คือพี่...”
“พี่เพทาย...เราจบกันแค่นี้!” วาววาประกาศด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ไร้เยื่อใย เธอเดินมุ่งหน้าไปหยิบกระเป๋าที่เธอแอบเก็บซ่อนไว้ในตู้ข้างประตูทางเข้า แต่เพทายในสภาพเปลือยท่อนบนพยายามหยุดเธอไว้ไม่ให้จากเขาไป
“วาววา...พี่เมา...”
เซนส์ของวาววาบอกให้เธอต้องรีบปลีกตัวออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เพทายจะเริ่มมีสติและหาข้ออ้างคำแก้ตัวสำหรับการกระทำของเขา
“การนอกใจก็คือการนอกใจค่ะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ต้องติดต่อมาหาวา ไม่มีคำพูด ไม่มีคำยกโทษ ไม่มีรีเทิร์น สิ้นสุดกันแค่วันนี้!”
เธอสะบัดตัวเดินออกจากห้องอย่างไม่ใยดี ทิ้งเพทายและหญิงสาวคนนั้นไว้ในความงุนงงและตกตะลึง
เรียวขาสวยบนรองเท้าส้นสูงก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มด้วยความหวังว่าวิธีนี้จะทำให้เพทายออกไปจากชีวิตของเธออย่างถาวร วาววาตรงดิ่งมาที่ลานจอดรถที่มีมิเกลเพื่อนรักนั่งรออยู่ในรถ
“เป็นไงบ้างไอวา?”
“ฉันควรได้รางวัลออสการ์”
วาววาและมิเกลหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ
“เล่นใหญ่ขนาดนี้ หวังว่าเขาจะเลิกตามตอแยฉันสักที” วาววากล่าวอย่างมีความหวัง “แต่ฉันว่า...เขาคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงไปอยู่ที่นั่นได้”
“ไม่ต้องห่วง จากการณ์ประเมินสถานการณ์ เขาคงลงไปโวยวายกับพนักงานว่าทำไมเขาถึงได้ห้องซ้ำกับคนอื่น” มิเกลอธิบาย “แต่ฉันเตรียมคนไว้แก้สถานการณ์ให้แกแล้ว รับรองเรื่องนี้เงียบแน่นอน”
“ฉันสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ใครกัน...ที่แกบอกว่าจะมาจัดการเรื่องนี้ให้ มีอิทธิพลขนาดนั้นเลยเหรอ?” วาววาอดตั้งคำถามไม่ได้
“ในสังคมชั้นสูง...แกไม่รู้จักหรอกมั้ง เคยไปงานปาร์ตี้ไฮโซกับพวกคนรวยบ้างไหมล่ะ?” มิเกลกล่าวเพราะรู้ว่าสิ่งที่วาววาเบื่อหน่ายที่สุดคือ เสแสร้ง ใส่หน้ากากเข้าสังคมกับคนรวย “เขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้ และที่สำคัญแม่ของพี่เพทายกับพ่อแม่ของแกค่อนข้างเอ็นดูเขา ถ้าเกิดพี่เพทายไปโวยวายแล้วสืบเรื่องไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะถึงหูของแม่พี่เพทายและพ่อแม่ของแก ถึงตอนนั้นยังไงพ่อแม่แกก็คงไม่ยอมให้แกทุกข์ระทมกับผู้ชายเจ้าชู้อย่างพี่เพทายแน่ๆ”
รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความหวังเบ่งบานบนใบหน้าของวาววาหลังจากฟังคำอธิบายของเพื่อนรักจนจบ ราวกับว่า อิสรภาพที่โหยหามานานกำลังอยู่แค่เอื้อมนี้เอง
ในคืนนั้นเอง...วาววากลับเข้าคอนโดของเธอด้วยความหวาดระแวง เธอค่อยๆเปิดประตูห้องออกอย่างช้าๆ และเอื้อมไปกดสวิตซ์ไฟบนกำแพง แสงสว่างจากไฟขับไล่ความมืดมิดที่ปกคลุม
เธอก้าวขาเข้าห้องอย่างระมัดระวัง สายตาของเธอกวาดมองไปทั่วห้อง มองหาพ่อหนุ่มแวมไพร์ผู้คลั่งรักอันนา เผื่อว่าเขาแอบอยู่มุมมืดใดมุมหนึ่งในห้อง
แต่สุดท้ายแล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า
วาววาวางสัมภาระในมือลงบนโต๊ะ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นถุงใส่กระเทียมขนาดใหญ่พูนจนแทบเอ่อล้นวางอยู่บนเคาท์เตอร์ในห้องครัว
ถุงกระเทียมที่เธอวานให้แม่บ้านคนสนิทไปเหมาซื้อมาในยามที่เธอออกไปทำงานและพร้อมกันนั้นก็ให้ช่างมาเปลี่ยนกลอนประตูห้องน้ำที่พังให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของวาววา
“หึ! แวมไพร์ไม่ถูกกับกระเทียม และ...ฉันไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้ว่าแวมไพร์ราเชนทร์มีความสามารถทนต่อกระเทียมได้”
เธอหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง เพียงแค่นึกถึงแผนการที่จะห้อยกระเทียมไว้รอบๆประตูระเบียง เท่านี้เจ้าแวมไพร์ก็ไม่สามารถเข้ามาในห้องของเธอได้อีกต่อไป!
กรื่อออ กรื่ออออ
แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขัดความสุขในห้วงความคิดเสียจนได้
วาววาหยิบมือถือในกระเป๋าของเธอออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าของวาววาหดหายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นชื่อของเพทายปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ
ติ๊ด!
เธอกดปฎิเสธการรับสายและบล็อกเบอร์ของเพทายทิ้งโดยไม่ใยดี นอกจากนี้ยังจัดการบล็อกเขาบนทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย ราวกับถึงเวลาแล้วที่จะลบเขาออกไปจากชีวิตอย่างสิ้นเชิง
มือถือในมือของวาววาถูกโยนลงบนโซฟานุ่ม และเปลี่ยนความสนใจไปตรวจสอบระบบล็อคประตูกระจกที่ระเบียงเพื่อป้องกันไม่ให้เชนทร์เข้ามาได้อีก
“คราวนี้ชีวิตก็กลับมาเป็นของฉันจริงๆสักที ฮู้ววว”
ณ ห้องทำงานของวาววาเธอเริ่มต้นวันใหม่เปี่ยมไปด้วยความสดใส เมื่อคืนเธอนอนหลับเต็มอิ่มเพราะไร้การรบกวนจากแวมไพร์ และเธอก็เชื่อว่ากระเทียมที่เธอได้แขวนรอบหน้าต่างและประตูระเบียงพวกนั้นช่วยป้องกันไม่ให้แวมไพร์เชนทร์เข้ามาในห้องของเธอได้ปลายปากกาของเธอขยับไปมาอย่างรวดเร็วบนกระดาษ ลายเซ็นของผู้บริหารระดับสูงตวัดบนเอกสารแต่ละฉบับอย่างสวยงาม“จะว่าไป...”ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของวาววาอย่างฉับพลัน“ถ้าเขาคือแวมไพร์ที่หลุดออกมาจากนิยายที่ฉันเขียน...มันจะเชื่อมโยงกับตอนที่ฉันไปร้านคาเฟ่นั่นแล้วไฟดับหรือเปล่านะ...?”ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นหลั่งไหลกลับมาอีกครั้ง“ภาพหน้าปกนิยายที่เป็นภาพแวมไพร์ก็หายไป...เนื้อหาในส่วนที่มีเชนทร์ ตอนนี้กลายเป็นตัวอักษรภาษาต่างด้าวที่อ่านไม่ออก...”เธอนิ่งคิดชั่วครู่...แสงสว่างแห่งไอเดียก็ปรากฏขึ้น เธอ
----------...นิยายของวาววา......ยามค่ำคืนโอบล้อม ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า อันนากลับมาถึงบ้านอันอบอุ่น ชั้นล่างของบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหารเมื่อยามกลางวัน แต่ตอนนี้ร้านอาหารปิดแล้ว ความเงียบสงบปกคลุมทั่วทุกมุม เหลือเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโซนเล็กๆหลังร้านพ่อและแม่ของเธอกำลังนั่งดูทีวี แสงไฟจากจอทีวีส่องสว่างใบหน้าของพวกเขา อันนากล่าวทักทายพวกท่านด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดมุ่งสู่ห้องนอนของเธอ อันนา สาวสวยลูกครึ่ง ไทย-สวีเดน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน เธออายุ 25 ปี มากกว่าวาววา 1 ปี เมื่อ 7 ปีก่อน หลังจากเธอสูญเสียพ่อแท้ๆ ไป ชีวิตของเธอก็พลิกผัน เมื่อแม่ของเธอตัด
วันเสาร์ แสงแดดยามเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ของห้องนอนบนคอนโดหรูกลางเมือง ลอดผ่านผ้าม่านบางๆ ลงมาแตะใบหน้าของ "วาววา" หญิงสาววัย 27 ปี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟคั่วบดจากเครื่องชงอัตโนมัติลอยแตะจมูกปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ วาววาขยับตัวบนที่นอนนุ่มนิ่ม ลืมตาขึ้นมาอย่างง่วงเหงา ยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าจากการนอนหลับ เธอพลิกตัวไปอีกด้านโดยที่ยังหลับตาอยู่ มือของเธอสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่แข็งและเย็น "อ๊ะ!" วาววาตกใจ ลืมตาสลึมสลือขึ้นมาและมองไปที่วัตถุที่เธอสัมผัสเมื่อครู่ พบว่ามันคือหน้าอกกว้างๆ ของชายหนุ่ม! “กรี๊ดดด!!!” นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก เขาคือใครกัน ทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอได้ พลึบ! เพราะเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของวาววา ทำให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียงในชุดออลแบล็คลืมตาตื่นขึ้นด้วยความว่องไว ร่างกายของเขาพลิกตัวจากท่านอนลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ประหนึ่งสัญชาตญาณนักล่าถูกปลุกให้ตื่น นัยน์ตาแดงก่ำของเขาจ้องมองมายังต้นตอของเสียงร้อง และแยกเขี้ยวทั้งสองในปาก
เมื่อวาน (วันศุกร์) เวลา 19.00 น ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆ ย่านราม 2 (วันก่อนที่วาววาจะตื่นมาแล้วพบชายนิรนามนอนอยู่ข้างกายเธอ) แกร้ก! ประตูคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ถูกเปิดออก วาววาย่างก้าวเข้าไปด้านใน บรรยากาศภายในเงียบสงัดไร้ผู้คน แสงไฟวอร์มไลท์ค่อนข้างมืดสลัวสาดส่องลงมาที่โต๊ะและเก้าอี้รอต้อนรับลูกค้าไม่เกิน 5 ที่นั่ง ในขณะที่วาววากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน ทันใดนั้น เสียงฟ้าผ่าจากด้านนอกก็ดังสนั่น ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า แสงสว่างจ้า วาบผ่านหน้างต่างใสเพียงบานเดียวที่ร้านมี วาววาสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ “อ๊ายยย!!!” ซู่... ไม่ทันไร เม็ดฝนก็เทกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุเข้า “อ้าวแม่หนู...” เจ้าของร้านร่างท้วม ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดีเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของวาววา “ท่าทางฝนจะตกหนัก นั่งหลบในร้านป้าก่อนได้นะ” “ข..ขอบคุณค่ะ” วาววายิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้เธอที่สุด “เมนูอยู่บนโต๊ะ ต้องการอะไรก็บอกป้าได้เลยจ้ะ” กระเป๋าใบหรูที่วาววาถืออยู่ถูกวางลงบนเก้าอี้ข้างที่นั่งของเธอ ก่อนที่เธ
หนึ่งวันหลังจากวาววาเจอชายนิรนามบนเตียงเดียวกับเธอ คอนโดมีเนียมใจกลางกรุงสูงเด่นสง่าภายใต้แสงดาวระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดสนิท เรียวขาเล็กก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำหินอ่อนเย็นฉ่ำ ราวกับปลุกความสดชื่นจากความรู้สึกอ่อนล้าที่นั่งรวบรวมข้อมูลนิยายสุดรักของเธอมาทั้งวัน ร่างกายที่เคยอ่อนเพลียกลับเปล่งประกายสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง วาววาใช้ผ้าขนหนูสีขาวโอบล้อมร่างกายอันเพรียวบางไว้ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำ “นึกว่าตายในห้องน้ำแล้ว นานมาก!” “กรี๊ดดดดด!!!” ปั่ก!! ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงทุ้มต่ำกังวานดังก้องขึ้นอย่างกะทันหัน วาววาแทบตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงโปร่งปรากฏกายอยู่ตรงหน้าประตู แววตาสีเลือดฉานจ้องมองเธอ พาความทรงจำอันเลือนรางถึงชายแปลกหน้าที่เคยบุกเข้ามาในห้องวันก่อนหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง วาววาตกใจสุดขีด ตะโกนกรีดร้องพร้อมถอยหลังจนล้มก้นจ้ำบ๊ะบนพื้นในห้องน้ำ “แกเป็นใคร!? ออกไปปป!!” ชายหนุ่มยืนนิ่ง ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ เขาแค่เพียงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าเท่านั้น "ไอบ้านี่!" วาววาตะโกนซ้
---------- ...นิยายของวาววา... ... ณ ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง มีโต๊ะไม้สีอ่อนเรียงรายรองรับลูกค้าประมาณ 10-12 โต๊ะ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารไทยโบราณ รสชาติไทยๆที่รังสรรค์โดยครอบครัวที่อบอุ่น คุณพ่อยืนอยู่หน้าร้านคอยต้อนรับแขกและรับออเดอร์ด้วยรอยยิ้ม คุณแม่วุ่นวายอยู่ในครัวปรุงอาหารด้วยความพิถีพิถัน ส่วนลูกสาวคนเล็กกำลังช่วยยกจานอาหารเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ “สวัสดีครับ อ้าว...อันนาลูก” รอยยิ้มของพ่อฉายแววอบอุ่นยามต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้าน แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นใบหน้าคุ้นเคยของลูกสาวคนโตที่ยืนเคียงข้างชายหนุ่มรูปงาม ความประหลาดใจก็พลันปรากฏบนใบหน้า “พาใครมาด้วยล่ะลูก?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “นี่คุณเชนทร์ค่ะ เขาอยากมาชิมฝีมือคุณแม่” อันนาตอบชายผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปหาเชนทร์เพื่อแนะนำให้เขาได้รู้จักผู้ชายคนสำคัญอีกหนึ่งคนในชีวิตของเธอ “นี่พ่อของอันนาเองค่ะ” “สวัสดีครับ” เชนทร์ยกมือไหว้ทักทายคนเป็นผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ใบหน้าคมคายสไตล์ลูกครึ่งยามประสานมือไหว้แบบไทยๆ ยิ่งเผยเสน่ห์น่าเอ็นดูเป็นทวีคูณ “ใครเหรอพี่อันนา?” เสียงแหลมใสดังแท
สองเท้าก้าวฉับๆ วาววารีบเร่งมุ่งหน้าสู่ห้องทำงาน ในวันนี้เธอปรากฏตัวในชุดที่เรียบหรู สะท้อนรสนิยมสไตล์ Old Money อย่างมีระดับบรรยากาศวันนี้ช่างแตกต่างจากทุกๆ วัน ความอึดอัดปกคลุมไปด้วยความสงสัย พนักงานในบริษัทต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มรูปงามผู้ปรากฏตัวขึ้นราวกับเป็นเงาเดินตามติดวาววาไปทุกที่พลึบ!วาววาวางของที่เธอถือติดตัวมาไว้ข้างโต๊ะทำงานของเธอ ในห้องกว้างใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา สะท้อนถึงสถานะผู้บริหารระดับสูง เธอหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาตรวจดูโดยไม่สนใจเชนทร์ที่เดินตามเธอเข้ามาในห้องนี้ด้วยแม้แต่น้อยก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น มีนาเลขาสาวสวยของเธอเดินเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณวา" มีนากล่าวทักทายเสียงหวาน ปลายตามองชายร่างสูงโปร่ง หน้าคมเข้มสไตล์ลูกครึ่งยืนนิ่งสง่างามในชุดสีดำสนิท สร้างความสับสนให้เธอไม่น้อย“นี่คุณราเชนทร์ ให้เขารอในห้องระหว่างที่วาประชุมก็ได้ค่ะ” วาววาอธิบาย “ไม่ต้องเตรียมกาแฟหรือเครื่องดื่มใดๆ นะคะ คุณราเชนทร์แจ้งว่าไม่ชอบดื่มกาแฟช่วงเช้า”เธอรีบพูดดักเลขาของเธอ พยายามหาข้ออ้างเพื่อรักษาระยะห่างของเลขาคนสวยจากชายหนุ่มแวมไพร์ตรงหน้าอย่างไรเสีย ก็เพื่อความปลอดภั
หลังจากการประชุมอันวุ่นวายในช่วงเช้าสิ้นสุดลงและพนักงานได้ทยอยเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนแล้ว ในประชุมขนาดใหญ่นี้เหลือเพียงเจ้าของบริษัทนั่งผ่อนคลายพิงเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน ประกบข้างด้วยเหล่าผู้บริหารระดับสูงหญิงสาววัยกลางคน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO เธอมักยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นลูกสาวทั้งสองของเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ‘วีวี่’ หรือ วีรยา รัตนพิพัฒน์วงศ์ อายุ 34 ปี พี่สาวของวาววา ปัจจุบันเธอรับตำแหน่ง “CFO” หรือ “Chief Financial Officer” ภายนอกเธอดูเรียบร้อย สุขุม เยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยไหวพริบและความเฉลียวฉลาดและทายาทคนสุดท้อง ‘วาววา’ วารีริน รัตนพิพัฒน์วงศ์ ด้วยวัยเพียง 27 ปี เธอไม่ได้มีแต่ความสวยเฉิดฉาย แต่ยังมากด้วยความสามารถ เธอดำรงตำแหน่ง CMO ผู้กุมบังเหียนกลยุทธ์การตลาดของบริษัท“พ่อกับแม่จะไปทริปกันนานแค่ไหนคะ?” วาววาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอจ้องม
----------...นิยายของวาววา......ยามค่ำคืนโอบล้อม ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า อันนากลับมาถึงบ้านอันอบอุ่น ชั้นล่างของบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหารเมื่อยามกลางวัน แต่ตอนนี้ร้านอาหารปิดแล้ว ความเงียบสงบปกคลุมทั่วทุกมุม เหลือเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโซนเล็กๆหลังร้านพ่อและแม่ของเธอกำลังนั่งดูทีวี แสงไฟจากจอทีวีส่องสว่างใบหน้าของพวกเขา อันนากล่าวทักทายพวกท่านด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดมุ่งสู่ห้องนอนของเธอ อันนา สาวสวยลูกครึ่ง ไทย-สวีเดน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน เธออายุ 25 ปี มากกว่าวาววา 1 ปี เมื่อ 7 ปีก่อน หลังจากเธอสูญเสียพ่อแท้ๆ ไป ชีวิตของเธอก็พลิกผัน เมื่อแม่ของเธอตัด
ณ ห้องทำงานของวาววาเธอเริ่มต้นวันใหม่เปี่ยมไปด้วยความสดใส เมื่อคืนเธอนอนหลับเต็มอิ่มเพราะไร้การรบกวนจากแวมไพร์ และเธอก็เชื่อว่ากระเทียมที่เธอได้แขวนรอบหน้าต่างและประตูระเบียงพวกนั้นช่วยป้องกันไม่ให้แวมไพร์เชนทร์เข้ามาในห้องของเธอได้ปลายปากกาของเธอขยับไปมาอย่างรวดเร็วบนกระดาษ ลายเซ็นของผู้บริหารระดับสูงตวัดบนเอกสารแต่ละฉบับอย่างสวยงาม“จะว่าไป...”ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของวาววาอย่างฉับพลัน“ถ้าเขาคือแวมไพร์ที่หลุดออกมาจากนิยายที่ฉันเขียน...มันจะเชื่อมโยงกับตอนที่ฉันไปร้านคาเฟ่นั่นแล้วไฟดับหรือเปล่านะ...?”ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นหลั่งไหลกลับมาอีกครั้ง“ภาพหน้าปกนิยายที่เป็นภาพแวมไพร์ก็หายไป...เนื้อหาในส่วนที่มีเชนทร์ ตอนนี้กลายเป็นตัวอักษรภาษาต่างด้าวที่อ่านไม่ออก...”เธอนิ่งคิดชั่วครู่...แสงสว่างแห่งไอเดียก็ปรากฏขึ้น เธอ
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เฉดสีม่วงเข้มค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมฟากฟ้า แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทิ้งไว้เพียงแสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องลงมายามค่ำคืนภายในร้านอาหารสุดหรู ตกแต่งอย่างมีรสนิยม สร้างบรรยากาศโรแมนติก บทเพลงบรรเลงคลอเคลียไปกับสายลมเย็นๆ พัดผ่าน วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทอประกายระยิบระยับยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าสะท้อนลงบนผิวน้ำแสงเทียนสลัวส่องสว่างบนใบหน้าของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดินเนอร์บนโต๊ะริมระเบียง ทั้งสองดูมีความสุขกับดินเนอร์มื้อนี้ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือหญิงสาวที่วางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวลห่างไปไม่ไกลนัก วาววาและมิเกลยืนซุ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระซิบกระซาบคุยกัน เบาๆ"เตรียมตัวให้พร้อม!" มิเกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับยื่นคีย์การ์ดห้องโรงแรมให้เพื่อนรัก&nb
หลังจากการประชุมอันวุ่นวายในช่วงเช้าสิ้นสุดลงและพนักงานได้ทยอยเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนแล้ว ในประชุมขนาดใหญ่นี้เหลือเพียงเจ้าของบริษัทนั่งผ่อนคลายพิงเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน ประกบข้างด้วยเหล่าผู้บริหารระดับสูงหญิงสาววัยกลางคน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO เธอมักยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นลูกสาวทั้งสองของเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ‘วีวี่’ หรือ วีรยา รัตนพิพัฒน์วงศ์ อายุ 34 ปี พี่สาวของวาววา ปัจจุบันเธอรับตำแหน่ง “CFO” หรือ “Chief Financial Officer” ภายนอกเธอดูเรียบร้อย สุขุม เยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยไหวพริบและความเฉลียวฉลาดและทายาทคนสุดท้อง ‘วาววา’ วารีริน รัตนพิพัฒน์วงศ์ ด้วยวัยเพียง 27 ปี เธอไม่ได้มีแต่ความสวยเฉิดฉาย แต่ยังมากด้วยความสามารถ เธอดำรงตำแหน่ง CMO ผู้กุมบังเหียนกลยุทธ์การตลาดของบริษัท“พ่อกับแม่จะไปทริปกันนานแค่ไหนคะ?” วาววาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอจ้องม
สองเท้าก้าวฉับๆ วาววารีบเร่งมุ่งหน้าสู่ห้องทำงาน ในวันนี้เธอปรากฏตัวในชุดที่เรียบหรู สะท้อนรสนิยมสไตล์ Old Money อย่างมีระดับบรรยากาศวันนี้ช่างแตกต่างจากทุกๆ วัน ความอึดอัดปกคลุมไปด้วยความสงสัย พนักงานในบริษัทต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มรูปงามผู้ปรากฏตัวขึ้นราวกับเป็นเงาเดินตามติดวาววาไปทุกที่พลึบ!วาววาวางของที่เธอถือติดตัวมาไว้ข้างโต๊ะทำงานของเธอ ในห้องกว้างใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา สะท้อนถึงสถานะผู้บริหารระดับสูง เธอหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาตรวจดูโดยไม่สนใจเชนทร์ที่เดินตามเธอเข้ามาในห้องนี้ด้วยแม้แต่น้อยก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น มีนาเลขาสาวสวยของเธอเดินเข้ามา"สวัสดีค่ะคุณวา" มีนากล่าวทักทายเสียงหวาน ปลายตามองชายร่างสูงโปร่ง หน้าคมเข้มสไตล์ลูกครึ่งยืนนิ่งสง่างามในชุดสีดำสนิท สร้างความสับสนให้เธอไม่น้อย“นี่คุณราเชนทร์ ให้เขารอในห้องระหว่างที่วาประชุมก็ได้ค่ะ” วาววาอธิบาย “ไม่ต้องเตรียมกาแฟหรือเครื่องดื่มใดๆ นะคะ คุณราเชนทร์แจ้งว่าไม่ชอบดื่มกาแฟช่วงเช้า”เธอรีบพูดดักเลขาของเธอ พยายามหาข้ออ้างเพื่อรักษาระยะห่างของเลขาคนสวยจากชายหนุ่มแวมไพร์ตรงหน้าอย่างไรเสีย ก็เพื่อความปลอดภั
---------- ...นิยายของวาววา... ... ณ ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง มีโต๊ะไม้สีอ่อนเรียงรายรองรับลูกค้าประมาณ 10-12 โต๊ะ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารไทยโบราณ รสชาติไทยๆที่รังสรรค์โดยครอบครัวที่อบอุ่น คุณพ่อยืนอยู่หน้าร้านคอยต้อนรับแขกและรับออเดอร์ด้วยรอยยิ้ม คุณแม่วุ่นวายอยู่ในครัวปรุงอาหารด้วยความพิถีพิถัน ส่วนลูกสาวคนเล็กกำลังช่วยยกจานอาหารเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ “สวัสดีครับ อ้าว...อันนาลูก” รอยยิ้มของพ่อฉายแววอบอุ่นยามต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้าน แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นใบหน้าคุ้นเคยของลูกสาวคนโตที่ยืนเคียงข้างชายหนุ่มรูปงาม ความประหลาดใจก็พลันปรากฏบนใบหน้า “พาใครมาด้วยล่ะลูก?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “นี่คุณเชนทร์ค่ะ เขาอยากมาชิมฝีมือคุณแม่” อันนาตอบชายผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปหาเชนทร์เพื่อแนะนำให้เขาได้รู้จักผู้ชายคนสำคัญอีกหนึ่งคนในชีวิตของเธอ “นี่พ่อของอันนาเองค่ะ” “สวัสดีครับ” เชนทร์ยกมือไหว้ทักทายคนเป็นผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ใบหน้าคมคายสไตล์ลูกครึ่งยามประสานมือไหว้แบบไทยๆ ยิ่งเผยเสน่ห์น่าเอ็นดูเป็นทวีคูณ “ใครเหรอพี่อันนา?” เสียงแหลมใสดังแท
หนึ่งวันหลังจากวาววาเจอชายนิรนามบนเตียงเดียวกับเธอ คอนโดมีเนียมใจกลางกรุงสูงเด่นสง่าภายใต้แสงดาวระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดสนิท เรียวขาเล็กก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำหินอ่อนเย็นฉ่ำ ราวกับปลุกความสดชื่นจากความรู้สึกอ่อนล้าที่นั่งรวบรวมข้อมูลนิยายสุดรักของเธอมาทั้งวัน ร่างกายที่เคยอ่อนเพลียกลับเปล่งประกายสดใส มีชีวิตชีวาอีกครั้ง วาววาใช้ผ้าขนหนูสีขาวโอบล้อมร่างกายอันเพรียวบางไว้ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำ “นึกว่าตายในห้องน้ำแล้ว นานมาก!” “กรี๊ดดดดด!!!” ปั่ก!! ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงทุ้มต่ำกังวานดังก้องขึ้นอย่างกะทันหัน วาววาแทบตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงโปร่งปรากฏกายอยู่ตรงหน้าประตู แววตาสีเลือดฉานจ้องมองเธอ พาความทรงจำอันเลือนรางถึงชายแปลกหน้าที่เคยบุกเข้ามาในห้องวันก่อนหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง วาววาตกใจสุดขีด ตะโกนกรีดร้องพร้อมถอยหลังจนล้มก้นจ้ำบ๊ะบนพื้นในห้องน้ำ “แกเป็นใคร!? ออกไปปป!!” ชายหนุ่มยืนนิ่ง ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ เขาแค่เพียงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าเท่านั้น "ไอบ้านี่!" วาววาตะโกนซ้
เมื่อวาน (วันศุกร์) เวลา 19.00 น ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆ ย่านราม 2 (วันก่อนที่วาววาจะตื่นมาแล้วพบชายนิรนามนอนอยู่ข้างกายเธอ) แกร้ก! ประตูคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ถูกเปิดออก วาววาย่างก้าวเข้าไปด้านใน บรรยากาศภายในเงียบสงัดไร้ผู้คน แสงไฟวอร์มไลท์ค่อนข้างมืดสลัวสาดส่องลงมาที่โต๊ะและเก้าอี้รอต้อนรับลูกค้าไม่เกิน 5 ที่นั่ง ในขณะที่วาววากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน ทันใดนั้น เสียงฟ้าผ่าจากด้านนอกก็ดังสนั่น ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า แสงสว่างจ้า วาบผ่านหน้างต่างใสเพียงบานเดียวที่ร้านมี วาววาสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ “อ๊ายยย!!!” ซู่... ไม่ทันไร เม็ดฝนก็เทกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุเข้า “อ้าวแม่หนู...” เจ้าของร้านร่างท้วม ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดีเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของวาววา “ท่าทางฝนจะตกหนัก นั่งหลบในร้านป้าก่อนได้นะ” “ข..ขอบคุณค่ะ” วาววายิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้เธอที่สุด “เมนูอยู่บนโต๊ะ ต้องการอะไรก็บอกป้าได้เลยจ้ะ” กระเป๋าใบหรูที่วาววาถืออยู่ถูกวางลงบนเก้าอี้ข้างที่นั่งของเธอ ก่อนที่เธ
วันเสาร์ แสงแดดยามเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ของห้องนอนบนคอนโดหรูกลางเมือง ลอดผ่านผ้าม่านบางๆ ลงมาแตะใบหน้าของ "วาววา" หญิงสาววัย 27 ปี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟคั่วบดจากเครื่องชงอัตโนมัติลอยแตะจมูกปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ วาววาขยับตัวบนที่นอนนุ่มนิ่ม ลืมตาขึ้นมาอย่างง่วงเหงา ยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้าจากการนอนหลับ เธอพลิกตัวไปอีกด้านโดยที่ยังหลับตาอยู่ มือของเธอสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่แข็งและเย็น "อ๊ะ!" วาววาตกใจ ลืมตาสลึมสลือขึ้นมาและมองไปที่วัตถุที่เธอสัมผัสเมื่อครู่ พบว่ามันคือหน้าอกกว้างๆ ของชายหนุ่ม! “กรี๊ดดด!!!” นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก เขาคือใครกัน ทำไมเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอได้ พลึบ! เพราะเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของวาววา ทำให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียงในชุดออลแบล็คลืมตาตื่นขึ้นด้วยความว่องไว ร่างกายของเขาพลิกตัวจากท่านอนลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ประหนึ่งสัญชาตญาณนักล่าถูกปลุกให้ตื่น นัยน์ตาแดงก่ำของเขาจ้องมองมายังต้นตอของเสียงร้อง และแยกเขี้ยวทั้งสองในปาก