หลังจากการประชุมอันวุ่นวายในช่วงเช้าสิ้นสุดลงและพนักงานได้ทยอยเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนแล้ว ในประชุมขนาดใหญ่นี้เหลือเพียงเจ้าของบริษัทนั่งผ่อนคลายพิงเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน ประกบข้างด้วยเหล่าผู้บริหารระดับสูง
หญิงสาววัยกลางคน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO เธอมักยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้เห็นลูกสาวทั้งสองของเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
‘วีวี่’ หรือ วีรยา รัตนพิพัฒน์วงศ์ อายุ 34 ปี พี่สาวของวาววา ปัจจุบันเธอรับตำแหน่ง “CFO” หรือ “Chief Financial Officer” ภายนอกเธอดูเรียบร้อย สุขุม เยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยไหวพริบและความเฉลียวฉลาด
และทายาทคนสุดท้อง ‘วาววา’ วารีริน รัตนพิพัฒน์วงศ์ ด้วยวัยเพียง 27 ปี เธอไม่ได้มีแต่ความสวยเฉิดฉาย แต่ยังมากด้วยความสามารถ เธอดำรงตำแหน่ง CMO ผู้กุมบังเหียนกลยุทธ์การตลาดของบริษัท
“พ่อกับแม่จะไปทริปกันนานแค่ไหนคะ?” วาววาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอจ้องมองคนเป็นพ่อแม่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“เดือนหรือสองเดือนนี่แหละ” คนเป็นพ่อตอบด้วยรอยยิ้ม แต่คำตอบนี้ยิ่งทำให้วาววาคิ้วขมวดมุ่นเมื่อได้ยินเพราะเธอไม่อยากรอคอยนาน
“ทำไมไปนานจังเลย พ่อกับแม่จะหนีเที่ยวแล้วให้หนูกับพี่วี่ทำงานหัวฟูกันสองคนจริงๆเหรอ?”
“ให้คนแก่สองคนลาพักร้อนบ้างเถอะลูกเอ้ย!”
เสียงบ่นจากผู้เป็นพ่อลั่นออกมาจนทำให้ทุกคนอดขำไม่ได้ มีก็แต่วาววาที่เหมือนจะหลุดขำแต่ก็บังคับสีหน้ามุ่ยนั่นไว้อย่างแง่งอน
“ไม่ต้องห่วงทางนี้เลยค่ะ พ่อกับแม่เที่ยวให้สบายใจ เดี๋ยววี่กับวาจะดูแลทางนี้เอง” วีวี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่ไม่วายไอแค่กๆออกมา
อันที่จริงวีวี่ป่วยออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว คนเป็นแม่เห็นดังนั้นจึงลูกหลังเธอเบาๆด้วยความห่วงใย
วาววาพาร่างห่อเหี่ยวและหัวใจที่หนักอึ้งกลับมาที่ห้องทำงานของเธอ
เธอเดินไปที่โต๊ะ วางเอกสารในมือลงก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้
ความเงียบสงบภายในห้องโอบล้อมเธอไว้ วาววาแทบจะลืมไปว่าเธอให้เชนทร์รอเธอในห้องนี้ แต่ทว่า...ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เพียงเงาของเขา
“อยู่ไหนนะ?” เธอพึมพำพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างละเอียด ด้วยความเชื่อว่าสัญชาตญาณดั้งเดิมของแวมไพร์มักจะนอนหลับพักผ่อนในยามกลางวันท่ามกลางความมืดมิด เผื่อว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งภายในห้องนี้แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิม
ด้วยความสงสัย เธอยกหูโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังเลขาทันที
"สวัสดีค่ะ พอทราบไหมคะว่าคุณราเชนทร์ที่นั่งรอในห้องวาไปไหนแล้ว?"
“สักครู่ใหญ่ๆเห็นเขาคุยโทรศัพท์พร้อมกับเดินออกไป...ไม่ได้แจ้งอะไรเอาไว้นะคะ” มีนาตอบ
“อ่อ...ขอบคุณค่ะ”
วาววาวางสายพลางครุ่นคิด คุยโทรศัพท์อย่างนั้นหรือ?...นึกถึงนิสัยของเขาในนิยายที่เธอสร้างขึ้นมา เขาคงไม่หน้ามืดด้วยความหิวแล้วออกไปล่าเหยื่อดูดเลือดคนหรอกกระมัง เขาเป็นคนเข้มแข็งพอที่จะไม่ทำร้ายหรือดื่มเลือดมนุษย์ แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้เพราะตอนที่เขาเจอเธอครั้งแรก ก็เล่นขู่เธออยู่เสมอว่าจะดูดเลือดเธออย่างบ้าคลั่ง
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงข้อความแจ้งเตือนบนมือถือของวาววา มีใครบางคนส่งข้อความหาเธอ
‘คิดถึงนะครับ’
แทนที่จะดีใจ แต่วาววากลับถอนหายใจออกมายืดยาว เมื่อเห็นข้อความจาก 'เพทาย' ลูกชายสุดที่รักของทายาทไฮโซ
เพทายและวาววาคบหากันมาเกือบปีตามคำแนะนำจากพ่อของเธอ
วาววาและวีวี่เติบโตมาบนเส้นทางชีวิตที่พ่อแม่ขีดเส้นไว้ราวกับเป็นกรอบที่เธอต้องเดินตามเพราะพ่อกับแม่ของเธอคิดว่าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตลูกสาว
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องหัวใจของวาววา
ครั้งแรกที่วาววาพบกับเพทาย ความรู้สึกประทับใจแรกพบกลับไม่ได้เกิดขึ้น แต่เธอตัดสินใจเปิดใจเรียนรู้ เผื่อว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะเป็นคนที่ดีและทำให้เธอรักเขาได้
ทว่า เบื้องหลังรอยยิ้มและท่าทีเอาอกเอาใจที่เพทายแสดงออกเมื่อพบกับวาววา กลับแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่จะครอบครอง หวังจะเข้าใกล้เธอทุกวิถีทาง แต่ด้วยความที่วาววาตั้งกำแพงกั้นระยะห่างเอาไว้ ตลอดเกือบปีที่ผ่านมา ทั้งคู่จึงแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยสนิทสนมกัน
ยิ่งไปกว่านั้น วาววายังเผชิญกับข่าวลือหนาหูจากทั้งเพื่อนสนิทและคนรอบข้าง ว่าเพทายนั้นเจ้าชู้ไม่หยุดหย่อน แม้ว่า เพทายจะเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์กับเธอต่อสาธารณะ แต่แท้จริงแล้ว เขากลับพยายามต้องการเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา วาววาพยายามถอยห่างและบอกเลิกเขาหลายครั้ง แต่เพทายก็ไม่ยอมแพ้ เขาจะกลับมาหาเธอเสมอ เพื่อย้ำเตือนและยืนยันความสัมพันธ์ จากนั้นเขาก็จะหายตัวไปเฉยๆ ปฏิบัติต่อเธอเหมือนอากาศธาตุ
วาววาจึงอดทนรอคอยโอกาส เธอเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ มุ่งมั่นว่าจะตัดรอนความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้สิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาดในครั้งเดียว
กรื่อ กรื่อ
ขณะที่วาววาจมอยู่กับอารมณ์ขุ่นมัว...เสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นมิเกล เพื่อนสนิทที่โทรมาหา
“ฮัลโหล...ว่าไงเกล?”
“แกกก! ฉันมีข่าวดีจะบอก” เสียงปลายสายดังก้องโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น
“อะไรเหรอ?”
“ทำไมเสียงแกซังกะตายแบบนี้! แต่รับรองว่าถ้ารู้ข่าวนี้แล้วแกจะดีใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกแน่นอน”
“อะไร?...ไหนว่ามา” เสียงตื่นเต้นของมิเกลเหมือนจะปลุกวาววาให้ตื่นตัวได้เล็กน้อย
“ประมาณหนึ่งทุ่มวันนี้ พี่เพทายมีนัดคุยงานที่ร้านอาหารโรงแรม The Moonlight Sonat ฉันคิดว่าโอกาสของแกมาถึงแล้วล่ะ ดีใจด้วยยยย!”
“เดี๋ยวๆ” วาววาสับสนเล็กน้อยแต่ก็ปนไปด้วยความดีใจลึกๆจากการได้ฟังข่าวที่เพื่อนรักเธอนำมาบอก “เขานัดคุยงานกับผู้หญิงเหรอ?”
“ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เอาเป็นว่า วงในบอกฉันมา...ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่พี่เพทายกำลังรุกหนัก” มิเกลกล่าว “แล้วยังไม่พอ จองห้องที่โรงแรมด้วยนะ เรียกได้ว่าดินเนอร์เสร็จปุ้บคงเหนื่อยเลยขึ้นห้องที่โรงแรมปั้บ”
รอยยิ้มอันแฝงไว้ด้วยความหวัง ปรากฏบนใบหน้าของวาววา เมื่อเธอเริ่มสัมผัสได้ถึง อิสรภาพ ที่อยู่ไม่ไกล วันที่เธอจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของ ชายหนุ่มเจ้าชู้ ผู้ที่ใช้เธอเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์เสียที
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เฉดสีม่วงเข้มค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมฟากฟ้า แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทิ้งไว้เพียงแสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องลงมายามค่ำคืนภายในร้านอาหารสุดหรู ตกแต่งอย่างมีรสนิยม สร้างบรรยากาศโรแมนติก บทเพลงบรรเลงคลอเคลียไปกับสายลมเย็นๆ พัดผ่าน วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ทอประกายระยิบระยับยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าสะท้อนลงบนผิวน้ำแสงเทียนสลัวส่องสว่างบนใบหน้าของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดินเนอร์บนโต๊ะริมระเบียง ทั้งสองดูมีความสุขกับดินเนอร์มื้อนี้ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือหญิงสาวที่วางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวลห่างไปไม่ไกลนัก วาววาและมิเกลยืนซุ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระซิบกระซาบคุยกัน เบาๆ"เตรียมตัวให้พร้อม!" มิเกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับยื่นคีย์การ์ดห้องโรงแรมให้เพื่อนรัก&nb
ณ ห้องทำงานของวาววาเธอเริ่มต้นวันใหม่เปี่ยมไปด้วยความสดใส เมื่อคืนเธอนอนหลับเต็มอิ่มเพราะไร้การรบกวนจากแวมไพร์ และเธอก็เชื่อว่ากระเทียมที่เธอได้แขวนรอบหน้าต่างและประตูระเบียงพวกนั้นช่วยป้องกันไม่ให้แวมไพร์เชนทร์เข้ามาในห้องของเธอได้ปลายปากกาของเธอขยับไปมาอย่างรวดเร็วบนกระดาษ ลายเซ็นของผู้บริหารระดับสูงตวัดบนเอกสารแต่ละฉบับอย่างสวยงาม“จะว่าไป...”ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของวาววาอย่างฉับพลัน“ถ้าเขาคือแวมไพร์ที่หลุดออกมาจากนิยายที่ฉันเขียน...มันจะเชื่อมโยงกับตอนที่ฉันไปร้านคาเฟ่นั่นแล้วไฟดับหรือเปล่านะ...?”ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นหลั่งไหลกลับมาอีกครั้ง“ภาพหน้าปกนิยายที่เป็นภาพแวมไพร์ก็หายไป...เนื้อหาในส่วนที่มีเชนทร์ ตอนนี้กลายเป็นตัวอักษรภาษาต่างด้าวที่อ่านไม่ออก...”เธอนิ่งคิดชั่วครู่...แสงสว่างแห่งไอเดียก็ปรากฏขึ้น เธอ
----------...นิยายของวาววา......ยามค่ำคืนโอบล้อม ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า อันนากลับมาถึงบ้านอันอบอุ่น ชั้นล่างของบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหารเมื่อยามกลางวัน แต่ตอนนี้ร้านอาหารปิดแล้ว ความเงียบสงบปกคลุมทั่วทุกมุม เหลือเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโซนเล็กๆหลังร้านพ่อและแม่ของเธอกำลังนั่งดูทีวี แสงไฟจากจอทีวีส่องสว่างใบหน้าของพวกเขา อันนากล่าวทักทายพวกท่านด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดมุ่งสู่ห้องนอนของเธอ อันนา สาวสวยลูกครึ่ง ไทย-สวีเดน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน เธออายุ 25 ปี มากกว่าวาววา 1 ปี เมื่อ 7 ปีก่อน หลังจากเธอสูญเสียพ่อแท้ๆ ไป ชีวิตของเธอก็พลิกผัน เมื่อแม่ของเธอตัด
----------...นิยายของวาววา......ณ ร้านอาหารหรูร้านหนึ่งเชนทร์จองไว้เป็นพิเศษเพื่อฉลองวันเกิดให้อันนา เขาส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับช่อลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ ทันทีที่อันนารับช่อดอกไม้ เธอก็จามออกมาเบาๆ ด้วยความน่ารัก'ฮัด...จิ!' เสียงจามใสๆ ทำให้แวมไพร์ผู้เย็นชาอดยิ้มไม่ได้ “อ้ะ...ขอโทษค่ะ” อันนากล่าวพร้อมยกนิ้วถูจมูกของตนเองเบาๆ “ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ ฮ...ฮัด จิ!!!”เชนทร์มองอันนาด้วยสายตาอ่อนโยน ใจนึกสงสัยว่าหรือคนรักของเขาจะแพ้กลิ่นดอกลิลลี่กันนะ“คุณแพ้เกสรดอกไม้หรือเปล่าครับ?”“ไม่นะคะ...แต่อาจจะยกเว้นลิลลี่กับดอกแก้..ว ฮัด! จิ!!!”“ถ้างั้นทิ้งไป
หลังจากการพูดคุยกับแวมไพร์หนุ่มก่อนหน้านี้จบลง ดวงตาสีแดงเลือดของเขาจ้องมองวาววาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกระโดดลงจากระเบียงคอนโดชั้น 26 ตามแบบฉบับของเขาความกังวลใจของวาววาเกี่ยวกับเพทายที่อาจตามมากวนใจอีก ทำให้วาววาตัดสินใจเก็บข้าวของส่วนตัวเพื่อย้ายกลับไปพักที่บ้านของครอบครัวชั่วคราว เป็นการหลบซ่อนตัวจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้เกือบสองสัปดาห์ผ่านไป ชีวิตของวาววาก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่ความเงียบจากเชนทร์และเพทายกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเธอคิดว่าการที่เชนทร์ขาดการติดต่ออาจเป็นเรื่องดี เพราะชีวิตของเขาและเธอกำลังเดินไปคนละทาง และสำหรับเพทาย เธอรู้สึกอิสระ ได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่หลังจากตัดขาดความสัมพันธ์ไปวาววาในห้องทำงาน จ้องมองกองเอกสารสูงเสียดฟ้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายสายตามองผ่านหน้าจอมือถือไปยังรูปภาพและวีดีโอที่พ่อและแม่ของเธอส่งเข้าไลน์กลุ่มครอบครัว รอยยิ้มในวีดีโอจากพ่อและแม่ของเธอที่กำลังมีความสุขกับทริปพักผ่อน กำลังเติมพละกำลังให้วาววาได้มีแรงทำงานต่อ
"ข้าขอสัญญาว่าจะรักเจ้าไปตลอดกาล แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใจของข้าได้"คำพูดของนักแสดงชายสะกดทุกสายตาและสัมผัสหัวใจของผู้ชมทุกคน ทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง“ฉันพร้อมแล้วที่จะเป็นของคุณตลอดกาล...”นักแสดงฝ่ายหญิงเปล่งวาจา ก่อนที่นักแสดงชายซึ่งเป็นแวมไพร์จะโอบกอดเธอไว้ และค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้คอของนักแสดงสาวอย่างช้าๆและฝังเขี้ยวแหลมคมลงไปที่คอของหญิงสาว แสงไฟแฟลชสว่างขึ้นเป็นช่วงๆ เพื่อเน้นย้ำความตื่นเต้นผู้คนต่างปรบมือโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นการแสดงอันน่าทึ้งนี้“ขอบคุณการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจมากๆครับ และ ณ เวลานี้ที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง คือการเปิดตัวไวน์รสชาติใหม่จากบริษัท Rewat Legacy!”หลังจากสิ้นเสียงประกาศของพิธีกร เอฟเฟคควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาคล้ายหมอกจางๆ เผยให้เห็นแท่นเลื่อนวางไวน์อัตโนมัติที่ค่อยๆ เลื่อนออกมาจากความมืดช้าๆ“ขอเชิญท่านประธานกรรมการบริษัท
----------...นิยายของวาววา......เสียงเครื่องยนต์เรียบนิ่งเมื่อรถหรูจอดที่หน้าบ้าน อันนายังคงหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน เชนทร์อมยิ้มจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะจมูกโด่งเบาๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้น“อันนา...ถึงบ้านแล้วครับ”.....----------แสงดาวพร่างพราวราวกับเพชรนับพันเม็ด ประดับประดาบนท้องฟ้ายามราตรี เชนทร์พาวาววามาถึงระเบียงส่วนตัวของโรงแรมหรูห้าดาวแห่งนี้ เขาเงยหน้ามองทัศนียภาพตึกสูงระฟ้าอันงดงามเบื้องหน้า ในขณะที่วาววาโยนช่อดอกไม้ลงบนเก้าอี้นั่งใกล้ๆ ด้วยความหงุดหงิดที่กลิ่นหอมของดอกแก้วทำให้เธอจามไม่หยุด“ฮัดชิ่ววว!!!”“แพ้กลิ่นดอกแก้วจริงๆสินะ”เชนทร์เอ่ยขึ้นเบาๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังวิวเบื้องหน้า ก่อนจะหันกลับมาสบตาเธอเต็มๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอ่านออก&ldqu
รถหรูคันงามที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน แล่นฝ่าความมืดมิดไปอย่างรวดเร็ววาววาเกาะที่นั่งแน่น จ้องมองเข็มไมล์ที่ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัว ความเร็วที่เกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอกบรืนนน!! บรืนนนน!!!“ขับช้าลงหน่อยได้ไหมมมม!!?” วาววาร้องลั่นรถ“กลัวอะไร ไม่ตายหรอก”“คุณสิไม่ตาย แต่ฉันเป็นมนุษย์!”เชนทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ ยิ่งเห็นแววตาตื่นตกใจของวาววา ยิ่งกระตุ้นความสนุกให้เขา ฝ่าเท้าเหยียบเร่งความเร็วรถขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับต้องการยั่วเย้าให้เธอหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น“ฉันอยากรู้ ตอนอันนานั่งในรถนี่ขับเร็วแบบนี้ไหม!!!?” เธอบ่นและยังคงจับจ้องไปข้างหน้าไม่คลาดสายตา“ไม่นะ...เพราะอันนาคือคนพิเศษของผม” เชนทร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันลึกลับ“แล้วนายเห็นฉันเ
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด