----------
...นิยายของวาววา...
...
ยามค่ำคืนโอบล้อม ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า อันนากลับมาถึงบ้านอันอบอุ่น
ชั้นล่างของบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหารเมื่อยามกลางวัน แต่ตอนนี้ร้านอาหารปิดแล้ว ความเงียบสงบปกคลุมทั่วทุกมุม เหลือเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโซนเล็กๆหลังร้าน
พ่อและแม่ของเธอกำลังนั่งดูทีวี แสงไฟจากจอทีวีส่องสว่างใบหน้าของพวกเขา อันนากล่าวทักทายพวกท่านด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดมุ่งสู่ห้องนอนของเธอ
อันนา สาวสวยลูกครึ่ง ไทย-สวีเดน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน เธออายุ 25 ปี มากกว่าวาววา 1 ปี
เมื่อ 7 ปีก่อน หลังจากเธอสูญเสียพ่อแท้ๆ ไป ชีวิตของเธอก็พลิกผัน เมื่อแม่ของเธอตัดสินใจแต่งงานใหม่กับชายไทย ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา เขาเองก็มีลูกติดชื่อ ‘วาววา’
อันนาทำงานเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่เบื้องหลังรอยยิ้มสดใส เธอซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ไว้ อันนาคือคนรักของเชนทร์ เขาคือแวมไพร์ สิ่งมีชีวิตอมตะที่มีชีวิตยาวนานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
แม้สายเลือดของเธอจะแตกต่างจากวาววา แต่เธอก็รักพ่อและวาววาเสมือนคนในครอบครัวด้วยใจจริง
อันนาเดินมาถึงหน้าห้องของเธอแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นประตูห้องเปิดแง้มอยู่
เธอก้าวเท้าเข้าไปในห้อง และสังเกตเห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองสิ่งของบางอย่างในมือด้วยแววตาเปล่งประกาย
ใช่แล้ว...คนนั้นคือวาววา น้องสาวต่างพ่อของเธอ ในมือของวาววากำลังถือสร้อยคอเส้นงาม ประดับด้วยจี้รูปหัวใจ ใจกลางของจี้ยังมีไข่มุกสีขาวบริสุทธิ์ประดับอยู่ วาววาพยายามสวมใส่สร้อยคอดังกล่าว อันนาเห็นดังนั้นจึงรีบรุดเข้าไปห้ามวาววาด้วยความตกใจ
“วาววา...ไม่ได้นะ!” อันนาร้องเสียงลั่น คว้าแย่งสร้อยจากมือวาววาอย่างรวดเร็วทำให้วาววาตกใจไปด้วย
“อะ..อะไรกัน? วาแค่จะขอยืมใส่ไปงานวันเกิดเพื่อน”
วาววาเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอแอบหยิบของอันนาไปใช้โดยไม่บอกกล่าว แต่ทุกครั้งเธอก็ไม่เคยลืมนำมาคืนเสมอ แม้ว่าบางครั้งจะใช้เวลานานไปเสียหน่อยก็ตาม
“น้องจะยืมอะไรได้หมดทุกอย่างเลย แต่สร้อยเส้นนี้เป็นสิ่งเดียวที่พี่เก็บไว้ดูเวลาคิดถึงพ่อ พี่ขอโทษ...แต่พี่ให้ยืมสร้อยเส้นนี้ไม่ได้จริงๆ” อันนาอธิบายด้วยเสียงสั่นเครือราวกับกำลังจะเสียของสุดรักไป พร้อมนำสร้อยในมือวางเก็บใส่ในกล่องเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไร...วาเข้าใจ...” รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าวาววาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลังจากเหนื่อยล้าจากการทำงานและตกใจกับเหตุการณ์ที่วาววาจะใส่สร้อยสุดรักของเธอเมื่อครู่ อันนาอาบน้ำให้สดชื่นและตั้งใจจะมาพักผ่อน เธอกลับเข้ามาในห้องของเธอหลังจากอาบน้ำเสร็จ พร้อมกับหยิบกล่องสร้อยจากพ่อแท้ๆของเธอที่วางบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมา แต่ปรากฏว่า...สร้อยที่เธอเก็บไว้ดูต่างหน้าจากพ่อของเธอ ไม่อยู่ในกล่องแล้ว
น้ำตาเธอเริ่มเอ่อคลอเสมือนสูญเสียของที่เธอรักมากที่สุดไป
ทันใดนั้นเอง..เสียงฝีเท้าของผู้เป็นพ่อเลี้ยงก็ดังขึ้น เขาเดินเข้าห้องอันนามาพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นและจานของว่างที่ผู้เป็นแม่เพิ่งทำเสร็จ แต่ทว่ารอยยิ้มของเขาก็กลายเป็นความตกตะลึงเมื่อเห็นอันนากำลังนั่งร้องไห้ ดูเปราะบางและน่าสงสาร
“อันนา...พ่อเอาขนมมา..ห...อันนา! เป็นอะไรลูก!?”
อันนาหันมองชายวัยกลางคนด้วยดวงตาที่สั่นระริก น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว พยายามกลั้นเสียงสะอื้น ไม่อยากให้ชายคนนั้นเห็นน้ำตาของเธอ
คนเป็นพ่อสังเกตเห็นกล่องสร้อยที่ถูกเปิดอยู่ในมืออันนา แต่ในนั้นกลับว่างเปล่า ก็พอจะเดาได้ว่าวาววาอาจจะมาหยิบของของเธออีกตามเคย และของชิ้นนี้อาจจะสำคัญกับเธอมาก
“วาววาใช่ไหมลูก?”
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพ่อ" อันนาวางกล่องสร้อยนั้นลงบนโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ น้ำตาคลอเบ้า กลั้นไว้สุดแรง ก่อนจะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ "อันนี้ขนมของอันนาใช่ไหมคะ?"
“ใช่...แม่เขาเพิ่งทำเสร็จเลยล่ะ” คนเป็นพ่อพูดพร้อมยื่นจานขนมให้อันนา
“ขอบคุณนะคะ”
“พ่อจะคุยกับวาววาเอง” เขาถอนหายใจอย่างหนัก ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของวาววาที่ทำเกินพอดีไป
“พ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ” เธอรีบห้ามปราม “เดี๋ยวน้องใช้เสร็จก็นำมาคืนหนูเอง”
“พ่อกับแม่เห็นอยู่บ่อยๆนะ...ว่าวาววาหยิบของลูกมาใช้ แล้วหลายครั้ง...ก็ไม่ได้ขออนุญาตอันนาก่อนใช่ไหม?”
อันนาเงียบ เธอพยายามคิดว่าควรตอบอย่างไรดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบความรู้สึกคนในครอบครัว
“บางครั้งลูกไม่อยู่บ้าน พ่อเห็นวาววาใส่ชุดของลูกบ้าง ใช้กระเป๋าของลูกบ้าง เข้าไปในห้องของลูก เพียงแต่พ่อกับแม่ไม่แน่ใจว่าน้องเค้าคุยกับลูกมาก่อนจะเข้าไปหยิบของลูกมาใช้หรือเปล่า แต่เห็นที...ต้องคุยอย่างจริงจังแล้ว”
“พ่อคะ...ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ อันนาไม่อยากให้พ่อ แม่ หรือวาววาไม่สบายใจ อันนาโอเคดีค่ะ...เนอะพ่อ” เธอพูดพลางฉีกยิ้มด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำ
สายตาของผู้เป็นพ่อจ้องมองอันนาลูกสาวต่างเลือดเนื้อด้วยความห่วงใย เขาไม่อยากซ้ำเติมบาดแผลในใจของเธอ อันนาเป็นคนดี จิตใจงาม แต่บางครั้งความดีของเธอก็กลายเป็นช่องโหว่ให้คนบางประเภทฉวยโอกาสเอาเปรียบได้
แสงรุ่งอรุณสาดส่องบนท้องฟ้าวันใหม่ อันนาที่เตรียมพร้อมจะออกไปทำงาน เธอกำลังเดินลงบันไดมาชั้นล่าง มีเสียงทะเลาะเบาๆลอดผ่านเข้ามาในหู ยิ่งเดินลงไปใกล้ชั้นล่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ยินเสียงนั้นชัดเท่านั้น
“แต่วาขอพี่อันนาแล้วนะพ่อ!”
“พ่อแค่จะบอกว่า...การเข้าห้องคนอื่นแล้วไปหยิบของตามใจมันไม่ใช่การกระทำที่ดี”
“พี่อันนาอนุญาตวาแล้ว อะไรเนี่ย...ทำไมวาทำอะไรก็ผิดไปหมด แต่พี่อันนาทำอะไรก็ดีไปทุกอย่างในสายตาของทุกคน!”
วาววาโวยวาย ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นร่างบางของพี่สาวเพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน แต่งตัวสวยเรียบร้อยเตรียมพร้อมไปทำงาน วาววารีบกล่าวเรียกเสียงดัง ประหนึ่งว่าอันนาทำอะไรผิดกับเธอ
“พี่อันนา!!! เรื่องแค่นี้พี่ต้องฟ้องพ่อด้วยเหรอ!?” วาววามุ่งตรงมาอันนา
“วาววา...”
“ใช่สิ! วามันลูกนอกคอก! ใครๆก็ชื่นชมพี่อันนา สวยกว่า เก่งกว่า ไม่ว่าพี่จะพูดอะไรก็ถูกและมีเหตุผลทุกอย่าง ต่อหน้าเป็นพี่สาวใจดี แต่ลับหลังพี่ก็ไปฟ้องพ่อ!”
“วาววา...มันไม่ใช่....”
“เอาคืนไปเลย!”
พลึบ!
สายตาวาววาแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือที่กำสร้อยของอันนาไว้แน่น กระแทกมันลงบนโต๊ะอย่างแรง ไข่มุกเม็ดงามที่ประดับบนจี้รูปหัวใจหลุดออกจากวง กลิ้งกลอกไปบนพื้น อันนาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อคลอในดวงตา เธอรีบคว้าไข่มุกที่กระเด้งพื้นอย่างทันควัน
“วาววา! ลูกทำเกินไปแล้วนะ!” การกระทำของวาววาดังกล่าวทำให้คนเป็นพ่อแท้ๆของเธอโมโหและเสียใจ “ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้!!!”
“ขอโทษเหรอ...ได้...” วาววาพยายามกลั้นน้ำตา เธอแค่รู้สึกว่าทำไมไม่มีคนบนโลกชื่นชมและเข้าข้างเธอบ้าง “ขอโทษ ขอโทษ!!! ขอโทษ!!! พอใจหรือยัง!?”
“ไอ่ลูกคนนี้!!!” คนเป็นพ่อถึงกับตะคอกใส่วาววาให้หยุดพฤติกรรมเช่นนั้น
“ทั้งสองคนหยุดเถอะ...” อันนากล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “พ่อคะ...อันนาไม่เป็นไรจริงๆ”
อันนาถอนหายใจแผ่วเบา หญิงสาวเหลือบมองวาววาชั่วอึดใจด้วยความเงียบ
“อันนาขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
ใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย อยากจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจแต่ตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดออกมา สร้อยคอจากพ่อแท้ๆของเธอเป็นสิ่งของไว้ดูต่างหน้าเพียงอย่างเดียวได้พังทลายลง ความเสียใจและความโกรธปะปนกัน
เธอถอนหายใจอย่างหนัก ก่อนก้าวออกมาจากบรรยากาศอึมครึมภายในบ้าน มุ่งหน้าไปยังรถหรูที่จอดรออยู่หน้าประตู
เชนทร์...ชายหนุ่มผู้ขับรถมารับเธอไปทำงาน อันนาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ตอนนี้...เชนทร์รู้ดีว่าอันนาหญิงสาวที่เขารักกำลังเผชิญกับปัญหาหนักใจ ความเศร้าโศกปรากฏชัดบนใบหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เขาพยายามกลั้นความเจ็บปวด แต่ก็ไม่อาจทนดูเธอทุกข์ทรมานต่อไปได้
“ยัยนั่นกล้าดียังไงมาพังของของคุณ”
“เชนทร์...” อันนาเอ่ยห้ามปรามเพราะรู้ว่าเขากำลังโกรธแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อครู่
“คุณรู้...?”
“ผมได้ยิน ต่อให้คุณอยู่ไกลไปสิบเมตรผมก็ได้ยิน”
“ช่างมันเถอะค่ะ ยังไงซะ...สร้อยก็พังไปแล้ว...” อันนาส่งสายตาเศร้าจ้องมองสร้อยที่เม็ดไข่มุกงามหลุดออกจากตัวจี้ที่เธอถือไว้ในมือ
“แต่น้องของคุณจะเข้าใจผิดว่าคุณเป็นต้นเรื่องไปฟ้องพ่อจนเกิดปัญหาไม่ได้! เดี๋ยวผมเข้าไปคุยให้รู้เรื่องเอง!” เชนทร์พูดด้วยแววตาจริงจัง
“เชนทร์อย่า!” อันนารีบคว้าแขนเชนทร์หยุดเขาเอาไว้ “เราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้หรอก ต่อให้ฉันจะพูดว่าไม่ใช่ หรือต่อให้ฉันแค่จะเอ่ยปากพูด ถ้าคนๆนั้นไม่ต้องการที่จะเข้าใจ ยังไงก็ไปเปลี่ยนใจใครไม่ได้หรอก คนที่เขาแคร์เราจริงๆจะฟังเราอย่างเข้าใจ...”
----------
----------...นิยายของวาววา......ณ ร้านอาหารหรูร้านหนึ่งเชนทร์จองไว้เป็นพิเศษเพื่อฉลองวันเกิดให้อันนา เขาส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับช่อลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ ทันทีที่อันนารับช่อดอกไม้ เธอก็จามออกมาเบาๆ ด้วยความน่ารัก'ฮัด...จิ!' เสียงจามใสๆ ทำให้แวมไพร์ผู้เย็นชาอดยิ้มไม่ได้ “อ้ะ...ขอโทษค่ะ” อันนากล่าวพร้อมยกนิ้วถูจมูกของตนเองเบาๆ “ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ ฮ...ฮัด จิ!!!”เชนทร์มองอันนาด้วยสายตาอ่อนโยน ใจนึกสงสัยว่าหรือคนรักของเขาจะแพ้กลิ่นดอกลิลลี่กันนะ“คุณแพ้เกสรดอกไม้หรือเปล่าครับ?”“ไม่นะคะ...แต่อาจจะยกเว้นลิลลี่กับดอกแก้..ว ฮัด! จิ!!!”“ถ้างั้นทิ้งไป
หลังจากการพูดคุยกับแวมไพร์หนุ่มก่อนหน้านี้จบลง ดวงตาสีแดงเลือดของเขาจ้องมองวาววาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกระโดดลงจากระเบียงคอนโดชั้น 26 ตามแบบฉบับของเขาความกังวลใจของวาววาเกี่ยวกับเพทายที่อาจตามมากวนใจอีก ทำให้วาววาตัดสินใจเก็บข้าวของส่วนตัวเพื่อย้ายกลับไปพักที่บ้านของครอบครัวชั่วคราว เป็นการหลบซ่อนตัวจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้เกือบสองสัปดาห์ผ่านไป ชีวิตของวาววาก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่ความเงียบจากเชนทร์และเพทายกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเธอคิดว่าการที่เชนทร์ขาดการติดต่ออาจเป็นเรื่องดี เพราะชีวิตของเขาและเธอกำลังเดินไปคนละทาง และสำหรับเพทาย เธอรู้สึกอิสระ ได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่หลังจากตัดขาดความสัมพันธ์ไปวาววาในห้องทำงาน จ้องมองกองเอกสารสูงเสียดฟ้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายสายตามองผ่านหน้าจอมือถือไปยังรูปภาพและวีดีโอที่พ่อและแม่ของเธอส่งเข้าไลน์กลุ่มครอบครัว รอยยิ้มในวีดีโอจากพ่อและแม่ของเธอที่กำลังมีความสุขกับทริปพักผ่อน กำลังเติมพละกำลังให้วาววาได้มีแรงทำงานต่อ
"ข้าขอสัญญาว่าจะรักเจ้าไปตลอดกาล แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใจของข้าได้"คำพูดของนักแสดงชายสะกดทุกสายตาและสัมผัสหัวใจของผู้ชมทุกคน ทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง“ฉันพร้อมแล้วที่จะเป็นของคุณตลอดกาล...”นักแสดงฝ่ายหญิงเปล่งวาจา ก่อนที่นักแสดงชายซึ่งเป็นแวมไพร์จะโอบกอดเธอไว้ และค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้คอของนักแสดงสาวอย่างช้าๆและฝังเขี้ยวแหลมคมลงไปที่คอของหญิงสาว แสงไฟแฟลชสว่างขึ้นเป็นช่วงๆ เพื่อเน้นย้ำความตื่นเต้นผู้คนต่างปรบมือโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นการแสดงอันน่าทึ้งนี้“ขอบคุณการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจมากๆครับ และ ณ เวลานี้ที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง คือการเปิดตัวไวน์รสชาติใหม่จากบริษัท Rewat Legacy!”หลังจากสิ้นเสียงประกาศของพิธีกร เอฟเฟคควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาคล้ายหมอกจางๆ เผยให้เห็นแท่นเลื่อนวางไวน์อัตโนมัติที่ค่อยๆ เลื่อนออกมาจากความมืดช้าๆ“ขอเชิญท่านประธานกรรมการบริษัท
----------...นิยายของวาววา......เสียงเครื่องยนต์เรียบนิ่งเมื่อรถหรูจอดที่หน้าบ้าน อันนายังคงหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน เชนทร์อมยิ้มจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะจมูกโด่งเบาๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้น“อันนา...ถึงบ้านแล้วครับ”.....----------แสงดาวพร่างพราวราวกับเพชรนับพันเม็ด ประดับประดาบนท้องฟ้ายามราตรี เชนทร์พาวาววามาถึงระเบียงส่วนตัวของโรงแรมหรูห้าดาวแห่งนี้ เขาเงยหน้ามองทัศนียภาพตึกสูงระฟ้าอันงดงามเบื้องหน้า ในขณะที่วาววาโยนช่อดอกไม้ลงบนเก้าอี้นั่งใกล้ๆ ด้วยความหงุดหงิดที่กลิ่นหอมของดอกแก้วทำให้เธอจามไม่หยุด“ฮัดชิ่ววว!!!”“แพ้กลิ่นดอกแก้วจริงๆสินะ”เชนทร์เอ่ยขึ้นเบาๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังวิวเบื้องหน้า ก่อนจะหันกลับมาสบตาเธอเต็มๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาแสดงออกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอ่านออก&ldqu
รถหรูคันงามที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน แล่นฝ่าความมืดมิดไปอย่างรวดเร็ววาววาเกาะที่นั่งแน่น จ้องมองเข็มไมล์ที่ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัว ความเร็วที่เกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอกบรืนนน!! บรืนนนน!!!“ขับช้าลงหน่อยได้ไหมมมม!!?” วาววาร้องลั่นรถ“กลัวอะไร ไม่ตายหรอก”“คุณสิไม่ตาย แต่ฉันเป็นมนุษย์!”เชนทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ ยิ่งเห็นแววตาตื่นตกใจของวาววา ยิ่งกระตุ้นความสนุกให้เขา ฝ่าเท้าเหยียบเร่งความเร็วรถขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับต้องการยั่วเย้าให้เธอหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น“ฉันอยากรู้ ตอนอันนานั่งในรถนี่ขับเร็วแบบนี้ไหม!!!?” เธอบ่นและยังคงจับจ้องไปข้างหน้าไม่คลาดสายตา“ไม่นะ...เพราะอันนาคือคนพิเศษของผม” เชนทร์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันลึกลับ“แล้วนายเห็นฉันเ
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังกังวานไปทั่วบริเวณ วาววาเดินมาอย่างสง่างามในชุดสูทสีเบจที่เข้ารูป ชุดผมเกล้าเก็บเรียบร้อยเผยให้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ จุดมุ่งหมายของเธอคือลงไปตรวจสอบความคืบหน้าของสถานที่จัดอีเวนท์ชั้นหนึ่ง ในขณะที่ตอนนี้เธอกำลังสนทนากับใครบางคนผ่านโทรศัพท์มือถือ“ขอโทษจริงๆเกล เมื่อคืนฉันแพ้กลิ่นดอกไม้หนักมากเลยต้องรีบกลับก่อนโดยไม่ได้บอกแก” วาววาพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด“ไม่เป็นไรหรอกแก เมื่อคืนฉันคุยจนได้ Contact ท่านรอง ผบ.ตร.เรียบร้อย ฮ่าๆๆ ว่าแต่แกเถอะ...อาการดีขึ้นไหม?”“โอเคขึ้นแล้ว...แกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มาทำตำแหน่งขายให้ฉันที่บริษัทเถอะ”วาววาหยอกพร้อมกล่าวชื่นชมและยอมรับทักษะการเข้าหาคนของเพื่อนรักคนนี้“เมื่อคืนคุณราเชนทร์ก็หายไปหลังจากที่แกลุกไปแค่ไม่กี่นาที แก...แอบหนีไปกับคุณราเชนทร์หรือเปล่า?”มิเกลถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทำเอาวาววาต้องหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะคำพูดของมิเกลก็ไม่ผิ
----------...นิยายของวาววา......“แม่! ถ่ายรูปให้หนูหน่อย” วาววาร้องเรียกเสียงใส พร้อมยื่นมือถือให้แม่ของเธอถ่ายรูปเธอกับวิวสวยที่บ้านพักตากอากาศของเชนทร์ที่เขาใหญ่นี้ด้วยความตั้งใจอยากให้อันนาและครอบครัวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เชนทร์จึงเชิญทุกคนมาที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีทั้งไร่องุ่นเขียวขจีและขุนเขาสูงตระหง่าน“เข้ามาชมด้านในก่อนสิครับ” เชนทร์เอ่ยเรียกอันนาที่ยืนยิ้มมองดูพ่อแม่และวาววาผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างมีความสุขอยู่ที่สวนทางเข้าหน้าบ้าน“ได้ค่ะ”อันนาส่งยิ้มให้เชนทร์ก่อนที่จะเดินตามเขาเข้าไปด้านในบ้านบ้านพักตากอากาศสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความหรูหราและธรรมชาติ ตั้งอยู่บนทำเลที่เงียบสงบในเขาใหญ่ มีไร่องุ่นส่วนตัวรายล้อม สวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างสวยงาม และภายในบ้านตกแต่ง
แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องลงที่ไร่องุ่นกว้างใหญ่นี้ สายลมอ่อนๆพัดผ่านทำให้ใบองุ่นเขียวชอุ่มโบกสะบัดอย่างนุ่มนวล ถึงแม้อากาศในตอนนี้จะร้อนไปสักนิด แต่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยวาววา วีวี่ เดินลงจากรถกอล์ฟมาสมทบกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่ยืนรออยู่ทางเข้าไร่องุ่นอยู่ก่อนแล้วปวิธกำลังสนทนากับใครบางอยู่ เมื่อเห็นวาววาและวีวี่เดินมา เขาก็รีบกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“คุณวาววา คุณวีวี่ครับ นี่คือคุณพีท จากทีมสถาปนิกที่จะเข้ามาดูแลโปรเจคของพวกเราครับ”เขาแนะนำชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับวาววา ชายหนุ่มผิวขาว ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน-ญี่ปุ่น ใบหน้าคมสันที่ยืนอยู่ข้างกาย พีทมีรูปร่างสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงสมส่วน ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อสบตาวาววาราวกับถูกสะกดด้วยเสน่ห์ของเธอตั้งแต่แรกเห็นกลิ่นหอมหวานขององุ่นสุกฟุ้งไปทั่วแปลงที่พวกเขากำลังเดินชม ภาพของเหล่าคนงานที่กำลังเก็บเกี่ยวพวงองุ่นสีม่วงอมแดงสดใส สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก ทุกคนยิ่งรู้สึกปร
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก
วันงานคอนเสิร์ตของ Evan Crimson พีทในชุดลำลองเดินตรงมายังรถหรูที่วาววารออยู่ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น การไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเหมือนเป็นการออกเดทแบบไม่เป็นทางการที่เขาตั้งตารอครืดดคนขับรถของวาววาเปิดผลักประตูรถด้านข้างออกกว้างให้พีท ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นคนในรถไม่ได้มีแต่เพียงวาววาและเพื่อนสนิทของเธอที่คอยอยู่ แต่ยังมีเชนทร์อีกด้วย“สวัสดีค่ะคุณพีท เชิญค่ะ” วาววากล่าวต้อนรับเสียงใส"สวัสดีครับคุณวา คุณเชนทร์" เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวขึ้นรถด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ตรงไปนั่งข้างมิเกลที่ว่างอยู่&nbs
แสงไฟนีออนสีสันสดใสจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนดิน แต่บนคอนโดชั้น 26 กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เชนทร์จูบหน้าผากวาววาเบาๆ ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนจากวันที่เหนื่อยล้า“เดี๋ยว! คุณแน่ใจเหรอว่าจะกระโดดลงไป?” เสียงใสเอ่ยถามด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“ทำไมละ? ผมก็แค่โดดขึ้นโดดลงปกติ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ผมอยู่นอนกอดคุณที่นี่ดี?”“ฉันหมายถึง...คุณแน่ใจนะว่าปลอดภัย คุณบอกฉันเองว่าวันนี้คุณกระโดดตั้งสองสามรอบกว่าจะขึ้นมาที่นี่ได้ มิหนำซ้ำยังทุกลักทุเลกว่าจะปืนขึ้นมาที่ระเบียงนี้ได้อีก” เธอเตือนเขาให้จดจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากวันที่แวมไพร์ตัวป่วนถามจี้จนใจของเธอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอแทบจะทุกวินาทีวาววาเดินไปที่ประตูระเบียงกระจกใสที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่เอี่ยม สายตาของเธอไล่เรียงไปตามรอยต่อของกระจก ก่อนจะหยุดลงที่สลักประตูครั้งนี้แทนที่จะล็อคประตู เธอเลือกที่จะปลดล็อคมันออก เผื่อว่า... เจ้าแวมไพร์จะแวะมาเยี่ยมเยียนจะได้ไม่ต้องพังประตูของเธออีกแต่บางความคิดก็วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเธอไม่ใช่อันนา เธอคือวาววา คนละคนกัน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกแบบนี้กับเธออันที่จริง...นิยายแวมไพร์ที่เธอเขียน แม้จะตั้งชื่อและกำหนดนิสัยตัวละครหลักไปแล้ว แต่โครงเรื่องนิยายแวมไพร์ของเธอยังคงค้างคาอยู่แค่ครึ่งทาง ทั้งพล็อตเรื่องและตอนจบก็ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดกรื่อ กรื่อเสียงริงโทนมือถือของวาววาดังขึ้น เธอที่กำลังใช้เวลาว่างนั่งดูซีรีส์ต้องก้มมองหน้าจอที่แสดงชื่อผู้ติด